มาต่อช้า.....ไม่มีคำแก้ตัว
คนนี้แหละใช่เลย6เสียงไก่ขันที่ดังแว่วมาเป็นระยะ ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่นอนบนพื้นพลิกตัวเล็กน้อย เปลือกตากระพริบนิดๆ แล้วเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเทาจ้องมองไปในความมืดสลัว
เสียงกุกกักจากข้างนอกดังลอดเข้ามาในห้อง คงใกล้สว่างแล้วกระมัง เจมินี่ขยับตัวอีกครั้ง ใช้สองมือหนุนหัว นอนคิดอะไรเงียบๆ เมื่อคืนกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เที่ยงคืนแล้ว กว่าจะได้นอนก็เกือบตีหนึ่ง จำได้ว่าพอเข้ามาในห้องปุ๊บ ก๋วยจั๊บก็เดินตรงไปยังเตียงสี่เสาแบบโบราณที่ตั้งอยู่กลางห้อง เสาทุกต้นมีผ้าโปร่งสีขาวๆ ผูกติดกับเสา มีผ้าสีเดียวกันรวบชายไว้แล้วเอาเกี่ยวไว้กับตะขอ ชายหนุ่มลากอะไรบางอย่างออกมาจากใต้เตียงมาไว้ข้างๆ โดยมีเจมินี่ยืนเก้ๆกังๆอยู่กลางห้อง
“เกะกะจริง นู่น ไปนั่งตรงนู้นก่อน” มือเรียวชี้ไปมุมห้องที่เป็นโต๊ะเครื่องแป้งทำด้วยไม้สีโทนเดียวกับเตียง มีเก้าอี้เล็กๆตั้งอยู่
เจมินี่เดินไปนั่ง มองของบนโต๊ะเครื่องแป้งอย่างสนใจ มีแป้งกระป๋อง ครีมบำรุงผิว น้ำหอมจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ เมื่อหันมามองอีกที คนตัวเล็กกำลังหยิบผ้าปูที่นอนสีขาวออกมาจากตะกร้าหวายใบใหญ่ที่มีฝาปิดกันฝุ่นออกมาปูที่นอน แล้วเอื้อมมือไปหยิบหมอนกับผ้าแพร จากบนเตียงมาวางให้ หันไปบอกคนที่นั่งรอ
“เอ้า เสร็จแล้ว นอนได้”
“ทำไม ไม่ให้ชั้นนอนบนเตียง”
คำถามนั้นทำให้คนฟังหน้าเริ่ม ‘บึ้ง’ เสียงที่ตอบสะบัดนิดๆ
“อะไรเล่า ได้คืบจะเอาศอก ก็เห็นไหมเล่ามันมีอยู่เตียงเดียว จะไปนอนกันยังไงไหว”
“เตียงก็ตั้งกว้างนอนสองคนก็ได้ ชั้นเป็นแขกนะจะให้นอนพื้นได้ไง”
“ไม่เอา!! นายตัวใหญ่ขนาดนั้นมานอนก็เต็มเตียงชั้นแล้ว อีกอย่างชั้นเป็นคนนอนละเมอ ถ้าเผลอไปถีบนายตกเตียงจะทำไง นอนบนพื้นนั่นแหละดีที่สุดแล้ว ถ้าไม่พอใจก็นู่น ข้างนอกไปนอนเลย แต่จะบอกให้นะ ยุงที่นี่กัดหมาตายเลยนะ”
คนพูดทำเสียงขู่เต็มที่ แล้วสะบัดหน้าก้าวขึ้นเตียง ล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้
“จะนอนที่ไหนก็เลือกเอา ชั้นง่วงแล้วนอนก่อนล่ะ”
เจมินี่มองคนเอาผ้าห่มคลุมโปงตาปริบๆ ถอนหายใจ นอนพื้นก็ได้ยังดีกว่าไปนอนข้างนอก เจ้าของห้องยังแปลกเลย ยุงที่นี่อาจจะกัดหมาตายจริงๆก็ได้ ชายหนุ่มจึงปิดไฟแล้วเข้านอนตาม
นึกถึงตอนนี้ เสียงหัวเราะเบาๆจึงหลุดออกจากปากสวยได้รูป แล้วหยุดเมื่อได้ยินเสียงพลิกตัวของคนบนเตียง พร้อมกับเสียง พลั่ก ตุ้บ ป๊าบ ตามมาอีกหลายทีก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วย่องออกจากห้องไปเงียบๆ เมื่อออกไปที่ชานบ้านก็เจอคุณเทียนยืนให้อาหารนกเขาอยู่ คุณเทียนหันมาเห็นจึงทักอย่างอารมณ์ดี
“อ้าว ตื่นเร็วจริงคุณ เมื่อคืนกลับกันมาดึกไม่ใช่เหรอ”
“เรียกเจ็มก็ได้ครับ ผมติดนิสัยตื่นตอนเช้าครับ ก็เลยลุกออกมาดูอะไรเล่น”
“ ไปงานวัดหนแรกล่ะสิ เป็นอย่างไรบ้าง ชอบไหมล่ะ”
เจมินี่ยิ้มนิดๆ คุณลุงคนนี้ให้ความรู้สึกเรียบง่าย คนบ้านนี้ทำไมถึงทำให้เกิดความรู้สึกแบบนี้ทุกคนเลยนะ
“สนุกดีครับ คุณลุง”
“จริงสิ เมื่อคืนนอนกับใครล่ะ”
“กับก๋วยจั๊บครับ”
“อ้าว แล้วนอนสบายอยู่เรอะ จอมนอนดิ้นเลยนะขานั้น”
“ผมนอนข้างล่างครับ เลยรอดตัวไป”
“ลุงว่าเราเปลี่ยนที่ไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีกว่า”
พูดจบคุณเทียนเดินนำไปนั่งที่ตั่งใกล้ๆกัน เมื่อเจมินี่นั่งเรียบร้อยแล้ว คุณเทียนจึงเริ่มถาม
“ว่าแต่เราทำอะไรอยู่ล่ะ เห็นหนูวุ้นเขาว่าเป็นนายแบบหรือ”
“ครับ เป็นมาตั้งแต่อายุ 15 แล้วครับ”
ดวงตาผู้มากวัยฉายแววประหลาดใจ “แล้วเอาเวลาที่ไหนไปเรียนกันล่ะ พ่อแม่ไม่ว่าเอารึ”
ใบหน้าของเจมินี่ขรึมลงเล็กน้อย “ผมแบ่งเวลาเอาครับ ส่วนแม่ผมท่านสนับสนุนเต็มที่”
เมื่อเห็นชายหนุ่มหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงพ่อ คุณเทียนจึงเปลี่ยนเรื่อง
“จะกลับเมืองนอกเมื่อไหร่ล่ะ”
“พรุ่งนี้ครับ”
“อยู่เที่ยวสักอีกสองสามวันสิ แล้วค่อยกลับ”
เสียงอ่อนโยนทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมา
“ต้องกลับไปทำงานครับ.....ขืนมัวแต่เที่ยว คงโดนดุ”
เจมินี่นั่งคุยกับคุณเทียนจนดวงอาทิตย์ฉายแสงอ่อนๆไปทั่วบริเวณบ้าน คนอื่นๆทยอยตื่นมานั่งล้อมวงคุยกันหมดเหลือแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น
“เกี๊ยวไปปลุกพี่เค้าหน่อยไป”
คุณเทียนใช้ลูกชายให้ไปปลุกแต่เจมินี่รับอาสาจะไปปลุกให้ เพราะตั้งใจจะเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันด้วย เกี๊ยวมองหน้าเจมินี่แล้วหัวเราะหึหึ พูดเสียงเจ้าเล่ห์
“โชคดีนะครับพี่เจ็ม หึ หึ หึ”
เจมินี่ส่ายหน้า งงกับอาการหัวเราะแปลกๆของเกี๊ยว เมื่อเจมินี่ไปแล้ว วุ้นสะกิดให้เกี๊ยวหันมา
“ทำเรียกซะสนิทสนมเชียวนะ เจ้าเกี๊ยว หนอย”
“ก็พี่เจ็มเค้าบอกให้เรียกแบบนี้นี่นา เจ๊ว่าผมไม่ได้หรอกนะ”
“เออ เกี๊ยว ทำไมเมื่อกี้แกหัวเราะแปลกๆ เจ๊ฟังแล้วมันเจ้าเล่ห์ชอบกล”
เกี๊ยวฉีกยิ้มกว้าง หลิ่วตาให้เล็กน้อย
“โธ่ เจ๊ อย่าระแวงน่าไม่มีอะไรหรอก มันเป็นเซอร์ไพรส์ น่ะ เซอร์ไพรส์’
วุ้นมองอย่างจับผิด ไม่มีซะล่ะที่จะไม่มีอะไร แค่นึกไม่ออกเท่านั้นแหละ ว่าแต่มันมีอะไรกันล่ะ
เจมินี่เปิดประตูห้องเงียบกริบ มองคนนอนหลับอุตุอยู่บนเตียง แล้วเดินเลี่ยงไปล้างหน้า แปรงฟันที่ห้องน้ำ เมื่อออกมาแล้ว ก๋วยจั๊บยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ชายหนุ่มจึงเดินไปข้างเตียง เรียกเบาๆ
“เฮ้ นี่ นายตื่นได้แล้ว”
“เฮ้”
คนบนเตียงพลิกตัวนอนตะแคง แล้วมุดหัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม เจมินี่เกาหัว ก้มตัวลงไปเขย่าตัวเบาๆ
“นี่ ตื่นได้แล้ว”
แรงเขย่าเล็กๆนั่นส่งผลให้เปลือกตาบางกระพริบน้อยๆ ก๋วยจั๊บงัวเงียลืมตาตื่นขึ้น ได้ยินเสียงเรียกแว่วดังลอดเข้ามา คนตัวเล็กยิ้มน้อยๆ
“ฮั่นแน่ เจ้าเกี๊ยว วันนี้มีปลุกแบบใหม่ซะด้วย”
เจ้าตัวเอามือโผล่ออกมานอกผ้าห่ม พอจับเจ้าของมือที่กำลังเขย่าได้ก็กระชากเต็มแรง ทำให้คนปลุกเสียหลักล้มลงมา ชายหนุ่มตวัดผ้าห่มคลุมคนข้างล่างแล้วขึ้นมานั่งทับ ใช้สองมือขยี้ผมคนข้างล่างอย่างหมั่นเขี้ยว
“นี่แน่ะ นี่แน่ะ วันนี้ชั้นชนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ก๋วยจั๊บหัวเราะชอบใจ แต่แปลกที่วันนี้เจ้าน้องชายไม่โวยวายเหมือนเคย ชายหนุ่มมองผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยุ่งเหยิงอย่างอารมณ์ดีแล้วต้องชะงัก
ผมสีน้ำตาลทอง...อ่อนๆ
ผมใครหว่า?
บ้านเราก็ไม่มีคนผมสีนี้นี่นา
หรือว่า?.........
ก๋วยจั๊บค่อยๆเอื้อมมือไปเปิดผ้าห่มดู เมื่อเห็นหน้าคนข้างล่างชัดๆ เจ้าตัวจึงเอาผ้าห่มปิดหน้าเหมือนเดิม ลุกออกมานั่งข้างๆเตียง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พูดขึ้นลอยๆ
“ บางทีนะคนเราก็ทำผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ นายว่าไหมเจมินี่”
ไม่มีเสียงตอบรับจากคนใต้ผ้าห่ม เจ้าตัวจึงพูดต่อไป
“คนไม่รู้ก็ย่อมไม่ผิดเนอะ ชั้นรู้ว่านายคงไม่โกรธหรอก”
ผ้าห่มถูกเลิกออก เผยใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังบูดบึ้ง ชายหนุ่มแผดเสียงดังลั่น
“ก๋วยจั๊บ!!!!!!! ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย”
“ก็ ....ก็ ....ชั้นนึกว่านายเป็นเจ้าเกี๊ยวนี่ ปกติเราก็เล่นแบบนี้กันทุกเช้า” ชายหนุ่มตอบตะกุกตะกัก
เจมินี่เสยผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่เข้าทาง ขยับมานั่งใกล้ๆคนตัวเล็ก
“รู้ไหม? ว่าชั้นจะทำยังไง”
ชายหนุ่มส่ายหน้า แล้วก็ต้องตกใจเมื่ออ้อมแขนแข็งแรงตวัดล็อคไม่ให้ขยับพร้อมมืออีกข้างก็จี้เข้าที่เอวอย่างไม่ยอมหยุด
“ก็ทำอย่างนี้ไงเล่า เป็นไงล่ะ นี่แน่ะ นี่แน่ะ.”
คราวนี้ถึงทีที่คนตัวใหญ่จะงงบ้างเมื่อ เห็นก๋วยจั๊บหลับตาพริ้มในอ้อมแขน ปากก็พูดว่า
“อ้าวหยุดเกาแล้วเหรอ เกาต่อสิ กำลังคันเลยเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใสเจีย เสียใจ ชั้นมันคนเส้นลึก จี้ให้ตายก็ไม่เป็นไร”
เจมินี่ปล่อยคนตัวเล็กทันควัน นึกเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้ ก๋วยจั๊บยักคิ้วให้ก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเดินลอยชายเข้าห้องน้ำไปอย่างสบายอารมณ์ เจมินี่เดินกลับมาข้างนอกอีกครั้ง เกี๊ยวถามเสียงดัง
“ไง พี่เจ็ม ปลุกตื่นไหมล่ะ”
“ไอ้ตื่นก็ตื่นอยู่หรอก แต่ไม่มีเตือนเลยนะ”
“อ้าว เตือนก่อนก็ไม่สนุกน่ะสิ” ชายหนุ่มหลิ่วตาให้
ก๋วยจั๊บเดินออกมาจากห้อง ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งใกล้ๆกับวุ้น เอ่ยถามหาคุณลำดวน
“แม่ไปไหนฮะ พ่อ”
“อยู่ข้างล่างแน่ะ ลงไปช่วยแม่เขาหน่อยไป ตั้งสำรับได้แล้วมั๊ง”
ก๋วยจั๊บลุกขึ้น พอดีกับที่คุณลำดวนเดินขึ้นมาบนเรือนโดยมีป้าอิ่มและพวกสาวๆถือสำรับตามมาด้านหลัง
“ดีจริง ตื่นกันหมดแล้ว มาทานข้าวกันก่อนนะ”
ทั้งหมดจึงล้อมวงนั่งรับประมานอาหารด้วยกัน เมื่อทานเสร็จแล้วป้าอิ่มจึงยกสำรับลง แล้วนำผลไม้กับขนมหวานที่จัดสวยงามขึ้นตั้งแทน
“นอนอีกสักคืนไหมจ๊ะ พรุ่งนี้ค่อยกลับ” คุณลำดวนถามอลิซ
หญิงสาวยิ้ม พูดเสียงอ่อนๆ “คงไม่ได้หรอกค่ะ กลับพรุ่งนี้ไฟลท์เช้าค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทัน”
“กลับพรุ่งนี้แล้วเหรอจ๊ะ ไว้มาเที่ยวอีกนะ ให้หนูวุ้นเขาพามาก็ได้”
“ขอบคุณมากค่ะ”
คุณเทียนมองเจมินี่แล้วเอ่ยว่า “พ่อเจ็มก็เหมือนกัน ถ้าไม่รู้จะไปที่ไหน ที่นี่ยินดีต้อนรับตลอดเวลานะ นึกเสียว่าเป็น ‘บ้าน’ ก็แล้วกัน”
เจมินี่อึ้งไปเล็กน้อย จับความนัยในกระแสเสียงนั้นได้ ชายหนุ่มยกมือไหว้อย่างเก้ๆกังๆ “ขอบคุณครับ”
เกี๊ยวดูนาฬิกาแล้วรีบลุกขึ้น “ผมต้องไปแล้วล่ะ มีเรียนตอนสิบเอ็ดโมง ไปก่อนนะครับพ่อ แม่ ไปล่ะนะพี่เจ็ม คุณอลิซ แล้วมาเที่ยวใหม่นะครับ”
ก่อนจะกลับก๋วยจั๊บเดินมาส่งทั้งสามคนที่รถ เจมินี่มองหน้าก๋วยจั๊บนิ่ง นาน แล้วเอ่ยถามสั้นๆ
“ถ้ามาอีกจะว่าไหม”
“จะว่าทำไมล่ะ อยากมาก็มาไม่ได้บังคับ”
คนตัวเล็กยิ้มให้ เจมินี่ยิ้มนิดๆกระซิบเสียงเบา “สัญญา แล้วจะมาอีก ถ้าเจ้าของบ้านยังเต็มใจต้อนรับ ไปล่ะ แล้วเจอกัน”
“ไว้พบกันใหม่ ลาก่อนครับ”
ชายหนุ่มมองตามรถจนรถเลี้ยวพ้นไปจากสายตา จึงก้าวขึ้นเรือน อดคิดถึงดวงตาสีเทานั้นไม่ได้ ความรู้สึกดีๆกำลังก่อตัวขึ้นในหัวใจอย่างช้าๆโดยที่เจ้าตัวไม่ทันรู้
ก๋วยจั๊บพึมพำ “ทำมาเป็นสัญญา เชอะ กลับไปจะลืมเราแล้วก็ไม่รู้”
.
.
.
.
ที่มหาวิทยาลัย.............. เกี๊ยวเดินเข้ามาใต้ตึกคณะ กวาดสายตามองหาเพื่อน เจ้าตัวยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนโบกมือไหวๆ
“วู้ ทางนี้เกี๊ยว”
“อ้าว ทศ ชินยังไม่มาเหรอ”
“มาแล้ว ไปไหนก็ไม่รู้ ว่าแต่ทำการบ้านมาหรือเปล่า เอามาลอกหน่อย”
“เฮ้ย เอ็งจะมาลอกฟรีๆได้ไงวะ เอาของมาเซ่นก่อน ถึงจะลอกได้”
“หนอย ไอ้งก เอ้า เอาไปเลย” ทศโยนถุงขนมซองละห้าบาทให้ แล้วคว้าสมุดของเกี๊ยวมาลอกอย่างเอาเป็นเอาตาย
เกี๊ยวกินขนม กวาดสายตาไปรอบๆ แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นคู่กรณีเก่ายักคิ้วแล้วยิ้มให้ ชายหนุ่มเบะปาก หันหน้าไปทางอื่น
“อ้าว เกี๊ยวมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาวทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับเกี๊ยว ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“มาเมื่อกี้ นายไปไหนมาเหรอชิน”
“เอ่อ.. ไปธุระมานิดหน่อย” ชินตอบเลี่ยงๆไป
เกี๊ยวพยักหน้ารับ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของชิน “พี่ชิน..”
คนเรียกเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี ถือหนังสือเดินเข้ามาหา เกี๊ยวมัวแต่มองหน้าเด็กคนนั้น จึงไม่ทันเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของชินที่ผุดขึ้นมาขณะหนึ่ง ก่อนจะกลับเป็นปกติ
“เมื่อกี้พี่ลืมหนังสือไว้ ผมเลยเอามาให้”
“ขอบใจนะปาย” ชินกล่าวอย่างเสียไม่ได้
ปายมองหน้าเกี๊ยวแล้วยิ้มเหยียดๆ เอ่ยขึ้นว่า “สวัสดีครับ พี่คงเป็นพี่เกี๊ยวใช่ไหมครับ เห็นพี่ชินเค้าพูดถึงอยู่บ่อยๆ”
“สวัสดี นาย...เอ่อ”
“ผมชื่อปายเป็น ‘รุ่นน้อง’ พี่ชินครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
เกี๊ยวมองหน้าปายแล้วรู้สึกทะแม่งทะแม่ง ก็ลุกกะตามันไม่ได้บอกว่าอยากรู้จักเขาเลยนี่หว่า ไอ้เด็กคนนี้มันยังไงกันแน่ เด็กหนุ่มใช้หนังสือพัดน้อยๆ บ่นให้ได้ยิน
“วันนี้ร้อนจังนะครับ”
ปกเสื้อที่กระพือนิดๆเผยให้เห็นรอยจ้ำสีแดงแถวซอกคอของอีกฝ่าย ปากไวเท่าความคิด เกี๊ยวจึงเผลอบอกออกไป
“อ้าวน้องไปโดนอะไรกัดมาน่ะ เป็นจ้ำเชียว”
“พรวด….คอกๆแค่กๆ” ชินสำลักน้ำที่กำลังดื่ม
ปายยิ้มนิดๆ “คงเป็นมดตัวโตน่ะครับ เห็นชัดเลยหรือครับ”
“อือ นี่ถ้าน้องไม่บอกว่ามดกัด พี่นึกว่าไปโดนใครจูบมาแล้วนะเนี่ย”
“พรวด...แค่กๆ” ชินสำลักน้ำรอบสอง
ปายยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่แล้วปายก็เบิกตากว้าง สายตาจ้องไปด้านหลังของเกี๊ยว หลุดปากออกมา “พี่ชีวาส”
ชีวาสจงใจหยุดอยู่ข้างๆตัวเกี๊ยว ยิ้มนิดๆ
“ไง ปาย สบายดีไหม”
“ครับ”
เด็กหนุ่มมองไปทางอื่น เม้มปากนิดๆ ชินมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ถามเสียงมะนาวไม่มีน้ำ
“มาทำอะไร”
“มาหาเกี๊ยว เป็นไงเมื่อคืนกลับถึงบ้านกี่โมง” ชายหนุ่มตอบอย่างอารมณ์ดีแล้วก้มลงถามเกี๊ยวใกล้ๆ จนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง
“ถามทำไม?”
“แค่อยากรู้ อ้อว่าแต่ขนมดูน่ากินดีนะ”
เกี๊ยวมองแผ่นมันฝรั่งกรอบที่อยู่ในมือแล้วเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างงงๆ จึงไม่ทันระวัง เมี่ออีกฝ่ายใช้มือแข็งแรงฉุดมือของเขาขึ้นมาป้อนมันฝรั่งเข้าปาก
“ไอ้ชีวาส!!!” ชินผุดลุกขึ้น สีหน้าไม่พอใจเต็มที่ ส่วนปายยืนนิ่งอึ้ง มองอย่างไม่เชื่อสายตา
ชีวาสหลิ่วตาให้เล็กน้อยเป็นเชิงล้อเลียน ก้มลงมาบอกคนที่ยังนั่งแข็งเป็นหินอยู่ “ขอบใจนะ แล้วเจอกัน”
ชีวาสหันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะ ชินมองหน้าเกี๊ยวอย่างไม่พอใจ
“เกี๊ยว!! มันหมายความว่าไง”
ชายหนุ่มมองหน้าชิน นึกแปลกใจว่าแล้วทำไมต้องมาโกรธเค้าด้วยเนี่ย
“เมื่อคืนไปงานวัดแถวบ้าน บังเอิญไปเจอ ก็แค่เนี้ย”
“แล้วไปเจอกันได้ยังไง นายไปกับมันสองคนเหรอ บอกมาเดี๋ยวนี้นะเกี๊ยว!!”
เกี๊ยวเริ่มไม่พอใจนิดๆ ทำไมชินต้องมาคาดคั้น เขาด้วย
“ทำไมชั้นต้องบอกนาย ทำไมชั้นต้องรายงานด้วยวะชิน นายเป็นเพื่อนไม่ใช่พ่อนะโว๊ย ถ้าคุยกันดีๆไม่ได้ก็ไม่ต้องมาคุย ชั้นไปก่อนล่ะ”
เกี๊ยวลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ชินกำมือแน่น ก่อนจะฉุดแขนปายเดินออกไปคนละทางกับเกี๊ยว เมื่อถึงที่ลับตาคน ชายหนุ่มจึงปล่อยแขนอีกฝ่าย พูดเสียงห้วน
“มาหาพี่ทำไม? บอกแล้วใช่ไหมว่าเวลาพี่อยู่กับเพื่อนห้ามมาหา”
“ทำไมผมจะไปหาพี่ไม่ได้ ผมเป็นแฟนพี่นะ เหตุผลแค่นี้น่ะพอไหม ” ปายขึ้นเสียง
“อย่ามาขึ้นเสียงกับพี่ ปาย”
“ผมรู้นะว่าพี่คิดยังไงกับคนชื่อเกี๊ยวนั่นน่ะ ทำไมล่ะ พี่ชิน พี่มีผมอยู่แล้ว ทำไมยังต้องมองคนอื่นด้วย ผมไม่ชอบ”
ชินจ้องหน้าปายนิ่ง ใช้สองมือจับหัวไหล่มน พูดเสียงเข้ม “ปายจะพอใจหรือไม่พอใจ มันใม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก มันสำคัญตรงที่พี่พอใจหรือเปล่า พี่จะบอกให้ก็ได้ว่าพี่ชอบเกี๊ยวแล้วก็ชอบมาก ที่พี่แย่งนายมาจากชีวาสก็เพราะแค่หมั่นไส้มันเท่านั้นแหละ แล้วมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย จำเอาไว้นะห้ามทำอย่างนี้อีกแล้วก็ห้ามไปยุ่งกับเกี๊ยวเด็ดขาด พี่ขอเตือนไว้”พูดจบชายหนุ่มก็ผละจากไป ปล่อยให้ปายยืนตัวสั่น มองตามด้วยความโกรธ
“คิดจะทิ้งผม มันไม่ง่ายหรอกพี่ชิน”
อยากกินชีวาสและกินเกี๊ยวเป็นกับแกล้ม