สวัสดีฮับ เอาครึ่งหลังมาส่งแล้วนะฮับ(มีครึ่งหลังอย่างกับฟุตบอลเลย)
ตอนนี้ก็ครบ 100% แล้วนะฮับสำหรับตอนที่ 29
ขอให้อ่านให้สนุกนะฮับ เพราะอุตส่าห์เพียรพยายามปั่นเพื่อนนักอ่านที่รัก อิอิ ^^ “ทำอะไรของมึงอยู่วะ! ช้าไปห้านาทีเลยนะเว้ย!”ไอ้วัชตะโกนเรียกผมทันทีที่ผมโผล่หัวออกมาจากดัง
“โทษที! แต่รีบไปเหอะกรูช้ามามากพอแล้ว”
“รถกรูขับเองมึงดูท่าไม่ค่อยไหว”ไอ้วัชมองหน้าผมที่เหงื่อพรากเต็มหน้า ก่อนที่ผมจะโอเคและรีบไปนั่งประจำที่ให้ไอ้วัชเป็นคนขับ
บรืนนนนน!!!!
แค่เริมสตาร์ทไอ้วัชก็กระทืบคันเร่งซะจนแทบมิด นั่นมันก็ไม่ต่างจากที่ที่ผมขับสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมไม่สนหรอกว่ามันจะพาผมไปตายห่าโค้งไหนก็ตาม แต่ตอนนี้ของแค่ให้ผมถึงที่หมายเป็นพอ ไอ้วัชบอกผมว่าก่อนหน้านี้ไอ้ดินกับไอ้กรณ์โทรมาแล้วว่ามันถึงที่ๆ ผมให้ไอ้วัชบอกแล้ว แต่ปัญหามันอยู่ที่ตึกแมนชั่นเก่าชองไอ้โจมันมีอยู่เป็นสิบยี่สิบห้องและไม่รู้ด้วยว่าไอ้โจเอาเดย์ไปซ่อนไว้ห้องไหน เพราะแต่ละห้องก็ล้วนแต่ล๊อคไว้ทั้งสิ้น ตอนนี้ผมจึงร้อนใจมากยิ่งกว่าเก่าซะอีก
“ฮึก.....”
“เป็นอะไรวะไอ้ทิวา!”
“ปะเปล่า....รีบๆ เข้าเถอะกรูจะเป็นเพราะขาดใจตายนั่นแหละ”
ไม่รู้เพราะอะไรที่อยู่ดีๆ ผมถึงได้ปวดโครงกระดูกขึ้นมาเฉยๆ ทั้งที่อาการเจ็บตอนแรกไม่ได้เริ่มหนักขนาดนี้ แต่แค่นี้ผมทนได้น่ะ!
“กรูอยากรู้มึงจัดการทำอะไรกับไอ้โจยังไงวะ ไหนบอกสองสามนาที”
“เดี๋ยวกรูเล่ามึงหมดเปลือกแน่ แต่ตอนนี้เอาไว้ก่อน”
รับรองว่าสิ่งที่ผมทำกับไอ้โจมันคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปแน่นอน หึ! แต่แค่นั้นมันยังน้อยไปด้วยซ้ำที่กล้าทำกับไอ้เดย์และผมแบบนี้ ถึงมันตายๆ ไปซะก็ยังไม่อาจทำให้ผมอโหสิให้มันได้หรอก!
เอี๊ยดดดดด!
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงหน้าแมนชั่นเก่าของไอ้โจเรียบร้อยแล้ว ไอ้ดินโทรมารายงานก่อนที่ผมจะถึงว่ามันไล่พังประตูห้องไปได้เกือบสิงห้องแล้วแต่ยังไม่มีวี่แวว ตอนนี้มันบอกว่ามันอยู่ชั้นที่สามของตึกทางปีกซ้าย ผมกับไอ้วัชเลยรีบเร่งฝีเท้าตามไปสมทบไอ้สองคนนั่นอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางผมก็ได้เห็นฝีมือบ้าระห่ำของไอ้สองตัวนั่นที่พังประตูเข้าไปซะจนพังยับไม่เป็นท่า บ้างบานประตูก็หลุดบ้างก็พังจนเป็นรูพรุน
ไอ้พวกโง่เอ้ย! แบบนี้ก็เสียงดังพวกมันก็ไหวตัวได้สิวะ! กรูไม่น่ามีเพื่อนที่ไม่มีหัวคิดอย่างไอ้พวกนี้เลย!
“เฮ่ๆ! ไอ้ทิวา!!!!!”เสียงโห่เรียกขอไอ้ดินทำเอาผมสะดุ้ง และเมื่อผมกับไอ้วัชวิ่งไปใกล้ๆ ก็กำลังเห็นไอ้กรณ์กำลังถีบพังประตูอยู่!
“พวกมึงจะเสียงดังให้มันกราดกระสุนยิงหัวมึงรึไงวะ!”ไอ้วัชปรามเจ้าพวกนี้ก่อนผม
“เออ....กรูลืมไป”ไอ้กรณ์ชะงักเท้ากึกหันมาทำหน้าตกใจ“เฮ้ย! พวกมึงไปประมือกับไอ้โจมาเหรอวะ!”ไอ้กรณ์ชี้มาที่ผมกับไอ้วัชที่ดูมอมไปทั้งตัวแถมยังมีรอยฟกช้ำตามใบหน้าได้มาเป็นที่ระลึกคนละนิดละหน่อยอีกด้วย
“อย่าถามมาก! กรูจะไปหาไอ้เดย์ก่อนพวกมึงก็หาชั้นนี้ไปก่อนแล้วกัน!”ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบวิ่งสุดฝีเท้ามองหาห้องที่น่าจะมีการใช้งานก่อนหน้านี้หรือห้องที่มีร้องรอยการเปิดไปทีละชั้นอย่างร้อนใจ ดูเหมือนว่ายิ่งผมออกแรงความรู้สึกเจ็บแปลบก็ยิ่งวูบเข้ามาในสมองให้รู้สึกปวด จนต้องหยุดวิ่งอย่างกะทันหันก่อนจะฝืนร่างกายเดินหน้าต่อไปอีก
ยังไงก็ตามแต่ ผมต้องหาไอ้เดย์ให้พบจนได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น!
ไอ้เดย์มึงอย่าเพิ่งเป็นอะไรให้กรูเห็นเด็ดขาด....ไม่อย่างนั้นกรูจะ.....กรูจะตามติดมึงไปตลอดชีวิตเหมือนเป็นเงามึงเลยคอยดู!!!
เคยมีคนบอกผมว่าหัวใจที่เข้มแข็งจะนำพาช่วงชีวิตเราให้ผ่านมรสุมและเรื่องเลวร้ายไปได้ แต่คงเป็นเพราะผมได้แต่จดจำประโยคเหล่านี้ไว้แต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้ไปจนตลอดรอดฝั่ง.....ผมพยายามทำเช่นนั้นกับทุกครั้งที่ผมรู้สึกอ่อนแรงเมื่อถูกปัญหาและความไม่สบายใจเข้ามากระหน่ำ....มันเคยได้ผลครับเมื่อผมทำใจตัวเองให้เข้มแข็งพอที่จะเผชิญกับปัญหาเหล่านั้นได้ ผมสามารถกลับมายิ้ม กลับมาหัวเราะได้อีกหน เสมือนสิ่งมัวหมองใจเหล่านั้นที่เปรียบดั่งเมฆพายุฝนได้ผ่านพ้นไป
และในตอนนี้เวลานี้ ผมบอกตัวเองว่าให้ทำอย่างที่เคยทำผ่านๆ มา ผมหวังลึกๆ ว่าตัวผมจะสามารถผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปได้ แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจของผมมันถึงไม่ยอมร่วมมือกับผมเอาซะเลย มันคอยแต่บีบรัดตัวเองให้รู้สึกเจ็บ ให้รู้สึกทรมานและสิ้นหวังจนผมต้องหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผมอยู่ที่นี่จะมีใครรู้บ้างมั้ย ป่านนี้พี่ไนท์คงกำลังตามหาผมซะให้ทั่ว และต้องโกรธผมเข้าให้แน่ๆ ที่จู่ๆ ผมก็หายไปแบบนี้.....แล้วพี่ทิวาคงจะไปทำงานตามที่ผมบอกรึเปล่า แต่พี่ทิวาน่ะ...ไม่มีทางผิดคำพูดกับผม ฮึก....แน่นอน
แปะ แปะ!
ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้น้ำตาพวกนี้มันหยุดไหลซะที ผมพยายามแล้วแต่ทุกครั้งที่ผมหลับตาผมก็คิดไปต่างๆ นาๆ ในเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ ครับ ฮือๆ และที่ผมกลัวที่สุดคือ....ผมจะไม่ได้กลับไปหาทุกคนอีก ผมไม่อยากมีความคิดแบบนั้นเลยแต่มันก็ห้ามความคิดตัวเองไม่ได้ซะทีครับ ก็เพราะผมมันขี้ขลาด ผมมันกลัว กลัวทุกอย่างไปหมด.....ฮือๆ แม้กระทั่งกลัวตัวเองที่อยู่ในสภาพแบบนี้ด้วย.....
“ร้องไห้ ร้องไห้แล้วก็ร้องไห้.....อยากรู้จริงๆ น้ำในร่างกายมึงไม่มีหมดบ้างรึไงนะ”
“อย่ามายุ่ง! ซืด...มันเรื่องของผม!”ผมปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มท่วมดวงตากับบ่อนแขนเป็นรอบที่สิบ ก่อนเงยหน้ามองเจ้าคนที่ชื่อเคซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่เก่าๆ เท้าคางนั่งมองผมอยู่นานสองนาน ผมไม่รู้ว่ามันไม่รู้จักเบื่อบ้างรึไงที่ต้องมานั่งมองผมอยู่อย่างเดียวแบบนี้ นั่งมองคนร้องไห้เสียใจมันสนุกมากนักรึไงกัน
“ฮาๆ ปากดีชะมัดแบบนี้มันน่าจูบว่ะ เห้อ....อดใจๆ ไม่อยากจะท่องคำนี้เลยว่ะ”
“ไอ้เค! กรูมีข่าวดีแล้วว่ะมึงต้องขอบใจกรูแน่ๆ”จู่ๆ คนที่ชื่อไผ่ก็วิ่งพรวดเข้ามาแล้วโชว์โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมาให้เพื่อนตัวเองดู ผมหลือบตาขึ้นไปมองครู่นึงอย่างไม่สนใจก่อนจะซุกหน้าลงในหอบผ้าของผมที่กอดไว้แน่นแต่ผมไม่สามารถใส่มันกลับได้ เพราะทั้งมือและข้อเท้าของผมมันถูกมัดไว้ ผมไม่ชอบกุญแจมือนี่เอาซะเลย มันเหมือนผมถูกจับทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
“บอกให้ไปเฝ้าข้างหน้าแล้วมึงเสือกแจ้นเข้ามาทำไมวะ! ข่าวดีห่าอะไรของมึงหรือแม่มึงจับพ่อมึงที่มีชู้ได้วะ!”
“ไอ้ถ่อย! กรูแค่จะมาบอกว่าพวกเราได้สิทธิ์ครอบครองไอ้เด็กนี่แล้วว่ะ....คำสั่ง ไม่เชื่อมาดูข้อความซะ!”
“เชี่ยเอ้ย! ให้กรูทนอยู่ตั้งนาน”
ผมถึงกับต้องสะดุ้งเมื่อเรื่องที่พวกมันคุยกันมีผมเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ที่ว่าสิทธิ์ครอบครองนั่น...มะมันอะไรกัน!
ผมชายตาแอบมองแต่ก็ไม่กล้าสบตาตรงๆ กับสองคนนั้น ตอนนี้หัวใจดวงน้อยของผมกำลังเต้นโครมครามด้วยความตกตื่น มือทั้งสองข้างของผมกอบกำหอบผ้าที่ซุกอกไว้จนมันยับยู่คามือ ผมพยายามเก็บท่าทีและอาการที่ตื่นตระหนกตกใจไว้ แต่ถึงยังไงสีหน้าของผมมันก็ไม่สามารถเก็บกลั้นความกลัวนั้นไว้ได้ ยิ่งผมพยายามกลืนเสียงสะอื้นตัวเองไว้มากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งใจไม่ดีเท่านั้น ผมรู้สึกได้เลยว่าสติของผมกำลังแตกกระเจิงจนแทบอยากจะบ้าเสียให้ได้
“งั้นกรูขอก่อนแล้วกัน มึงไปดูต้นทางเหมือนเดิมเลยไป”
“คิดว่ากรูยอมรึไงวะ ไม่ยุติธรรม!”
“ถ้ามึงไม่ไปกรูเอาเงินที่มึงยืมกรูคืนตอนนี้ มึงจ่ายไหวมั้ยห๊ะ!”
“ขี้โกงชิบหายนะมึงไอ้เค! เออก็ได้! ให้ถึงตากรูบ้างก็แล้วกัน!”
“รู้แล้วก็ออกไปสิวะ ยืนขวางหูขวางตากรูทำไม”
ปัง! เสียงประตูไม่โทรมๆ ปิดกระแทกกรอบไม้เก่าที่แทบพังส่งฝุ่นตลบเล็กน้อยออกมา เสียงย้ำเท้าหนักเดินห่างไปทำให้ผมรู้ว่าคนชื่อไผ่เดินออกไปไกลจากห้องนี้แล้ว ภายในห้องโทรมๆ นี่จึงเหลือเพียงผมและคนที่ชื่อเคที่กำลังยืนบิดตัวไปมาจนเสียงกระดูกข้อลั่นดังกรอบแกรบให้ผมใจเสีย ก่อนที่สายตาที่ผมไม่ชอบคู่นั่นจะมองมาที่ผม เพียงเสี่ยววินาทีคนตรงหน้าก็ก้าวเท้าช้าๆ เข้ามายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว
“ท่าทางจะไม่เคย....ครั้งแรกกรูจะเบาๆ ให้ก็แล้วกัน^^”
“ไม่ ไม่ ไม่!!!!!!!!!!!!!”ผมเขยิบตัวหนีตามสัญชาตญาณและส่ายหัวอย่างบ้าคลั่งปฏิเสธเจ้าของสีหน้าและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงหน้าก่อนที่มือใหญ่จะก้มลงคว้าตัวผมขึ้น ตัวของผมลอยตามแรงกระชากและล้มลงบนเตียงเก่าที่คลุมด้วยผ้าดิบสีขาวเพื่อกันฝุ่น เสียงกุญแจมือกระทบกันและเสียดสีข้อมือของผมจนเป็นแผล
ร่างใหญ่ตรงหน้าผมล้มตามมาก่อนจะยันตัวผมให้ติดกับเตียงด้วยมือเพียงข้างเดียวอย่างไร้ปราณี ดวงตาที่สั่นเคลือและหวาดผวาของผมกำลังจ้องมองคนตรงหน้าทั้งน้ำตาแต่ไร้เสียงสะอื้นไห้
“จะทำอะไรผมน่ะ....ปะปล่อย ปล่อยผมนะ”
“อย่ากลัวไปเลย....ใครๆ ก็ต้องมีครั้งแรกทั้งนั้นล่ะนา ^^ ”
“มะไม่ ผมไม่!”ร่างกายของผมมันเหมือนช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมพยายามควบคุมสติที่กำลังหลุดลอยให้กลับคืนมา ผมพยายามดิ้นพรากเพื่อให้หลุดพ้นจากคนตรงหน้า แต่ยิ่งผมดิ้นมากเท่าไหร่แรงกดก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น
ฮึก.......ไม่เอาแบบนี้เด็ดขาด ผมไม่เอา ผมไม่เอา.....ฮือๆ คะใครก็ได้สักคน....ใครก็ได้ช่วยผมที!!!!!
“อย่าดิ้นให้ผิวขาวๆ ต้องแดงจนเขียวช้ำสิวะ อยู่นิ่งๆ แล้วจะดีเองเชื่อกรูเถอะนา.....”มือหนาที่คว้าค้างผมไว้ บัดนี้กำลังเปลี่ยนเป็นลูบไล้ไปตามร่างกายที่สั่นสะท้านของผม น้ำตาที่เอ่อคลอในดวงตากำลังไหลเอื่อยพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง คำพูดที่ผมอยากจะพูดมันจุกอยู่ในอกไปเสียแล้ว ภาพพี่ทิวาค่อยๆ วาบมาในสมองของผมทั้งตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ตอนที่ผมไปทะเลกับพี่ทิวา และตอนที่พี่ทิวาซื้อโคมไฟกระต่ายสีขาวให้ผม ภาพทุกอย่างกำลังประเดประดังเข้ามาจนผมแทบทนไม่ไหว
“ฮือๆ.....ยะอย่า ฮึก”มือของผมพยายามสุดกำลังที่จะผลักไสคนที่กดผมอยู่ให้ออกไป แต่สิ่งที่ผมได้ตอบแทนคือความกระหายที่ยิ่งเพิ่มขึ้นของมัน มันพยายามจะจูบผมแต่ผมก็ปฏิเสธด้วยการเบี่ยงหน้าหลบแล้วใช้มือทุบตีแต่มันก็ไม่ยอมหยุด แล้วยังพรมจูบผมไปทั่วตัวจนผมขยะแขยงตัวเอง จนอยากจะตายไปซะเลยตอนนี้....
“ฮือๆ......ไม่....ม่ายยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!”เสียงกรีดร้องของผมดังขึ้นเท่าที่ทำได้ ผมหวังให้เสียงนี้นำพาคนมาช่วยผมไปจากนรกนี่ซะที
ผั๊วะ!
“อัก! แฮกๆ”
“พวกมึงมันไอ้สวะชั้นต่ำดีๆ นี่เอง เสนียดมือกรูจริงๆว่ะที่ต้องเอามือไปต่อยมึงเนี่ย!”
ในที่สุดผมก็เจอสักทีประตูที่เสือกแง้มเอาไว้ และมีไอ้หน้าโง่ที่นั่งเล่นเกมส์มือถืออยู่ข้างในห้อง ตอนนี้ผมกำลังอัดมันอยู่ให้กองกับพื้น แต่แม่งแรงมันเยอะชิบหายที่กว่าจะล้มมันได้เล่นเอาผมเสียแรงไปเยอะ เลยถูกมันสวนกลับเข้าให้ไปสามที โดนตรงแก้มขวาไปหนึ่งกับตรงชายโครงตรงที่เจ็บอีกสอง มันจะมาซ่ำทำห่าเหวตรงนี้อะไรนักหนาวะ
ไอ้พวกนั้นทำอะไรอยู่ตรงไหนวะทำไมไม่รีบมา โทรไปบอกแล้วแท้ๆ ถ้าเกิดข้างในมีอีกสองสามคนผมไม่ไหวแน่ๆ!
ผาง!
ผมเปิดประตูเข้าไปถึงกับแทบใจสลายเมื่อมีไอ้ชั่วที่มันกำลังแตะต้องคนที่ผมรัก!
“มึงงงงงง!!!!!!!”ผมปราดเข้าไปกระชากไอ้เลวนั่นก่อนจะซัดหมัดเข้าให้จนมันลงไปกองที่พื้น ก่อนจะเห็นเดย์อยู่ในสภาพที่ทำให้ผมเห็นแล้วแทบทรุด.....ใบหน้าขาวซีดที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาที่กำลังไหลอีกทั้งยังมีรอยแดงเป็นจ้ำตามตัวไปทั่วจนผมไม่อยากจะคิด มันสร้างความเจ็บแค้นในใจอย่างทรมานให้ผมยิ่งนัก ผมอยากจะให้ความเจ็บปวดที่ไอ้เดย์มาลงที่ผมซะมากกว่า
“พะพี่ทิวาครับ....ฮือๆ ผม..ผม....”เสียงเรียกที่สั่นระริกจากริมฝีปากบางที่ซีกเผือกทำให้ผมพุ่งเข้าไปกอดคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่ง ร่างกายที่เย็นเฉียบโอบกอดผมพร้อมทั้งน้ำตาอุ่นๆ ที่ไหลอาบแก้ม
“มันไม่ได้ทำอะไรมึงให้เจ็บมากกว่านี้แล้วใช่มั้ย”
ผมกลัวเหลือเกินว่าผมจะได้คำตอนที่อาจทำให้ผมเจ็บไปทั้งชีวิต
“ฮือๆ มะไม่ครับ.....”
“กรูขอโทษที่มาช้า ขอโทษที่ทำให้มึงโดนเรื่องแบบนี้”แค่ผมเห็นเดย์อยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว.....เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ผมเกิดมาแล้วร้องไห้ ผมเจ็บที่คนรักของผมต้องเจ็บ! “ออกไปจากที่นี่กันกรูจะพามึงออกไปเอง”
“ครับพี่.....”
“ฮึ๊ย!.......แม่ง! มึงเป็นใครวะกล้าต่อยกรูงั้นเหรอ อยากลองดีก็ไม่บอกแต่แรก!”
ผมหันไปมองไอ้ชั่วที่ลุกขึ้นมาตะคอกใส่เสียงขู่อย่างไม่พอใจดานหลังผม พอเหมาะพอเจาะกับเสียงตะโกนของไอ้กรณ์ดังลั่นอย่างตกใจมาจากประตูทางด้านหลังผมพอดี
“เฮ้ย! ไอ้ทิวาระวัง!!!!!!”
ซวบ!
“พะพี่ทิวา!!!!!!!!”
สิ้นเสียงที่กู่ก้องเข้ามาในโซนประสาทผมความรู้สึกเจ็บวาบเพราะของแข็งแหลมคมที่สวนปักเข้าทางด้านหลังถึงกับทำให้ผมชะงักกึกทุกอิริยาบถ ความรู้สึกชาวาบเริ่มกัดกินตรงบาดแผลก่อนที่มันจะหายไปแล้วแทนทีด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างหาที่สุดไม่ได้ ผมหันกลับไปมองใบหน้าของเดย์ที่กำลังตกใจก่อนที่ภาพตรงหน้าจะวูบดับลง อ้อมกอดของผมที่โอบกอดเดย์ค่อยๆ คลายออกทั้งๆ ที่อยากจะกอดไว้ให้นานเท่านาน แต่ผมกลับรู้สึกว่าถึงผมจะไม่สามารถกอดคนตรงหน้าได้ตามใจต้องการแต่ผมก็ยังได้รับกอดที่ผมต้องการที่สุดเพียงคนเดียวโอบกอดกลับมา.....แค่นี้ผมก็ดีใจที่สุดแล้ว......
เสร็จสิ้นการผ่อนตอน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนียังไงชอบกล ฮาๆๆ
รู้สึกกำลังเป็นช่วงมันส์เลยทีเดียว แต่ก็ต้องหยุดไว้ก่อน (แต่งต่อไม่ไหวแย้วววว แอร็ย~~เหนื่อยเหมือนกันแฮะ)
ยังไง....ข้าพเจ้าขอพักยกจิบน้ำเอาแรงก่อนแล้วกันนะฮับ แล้วจะมาต่อตอนต่อไปให้
แล้วอย่าลืมมาติดตามกันอีกนะฮับ
ปล.1 ขอบคุณล่วงหน้านะฮับสำหรับทุกรีที่เข้ามาแบ่งปันความเห็นและอารมณ์ที่หลากหลาย
ปล.2 ด้วยรักและห่วงใย[อย่างยิ่งยวด]