กอร์ดอนรีบหันควับไปมองทันที ผู้หญิงผมแดงอายุราวๆ ยี่สิบกว่าๆ คนหนึ่ง แต่งหน้าไม่จัดมาก ในชุดกระโปรงสีแดงเหมือนผมของเธอเดินคุยกับเพื่อนเข้ามาในร้าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบดึงตัวเขาให้หันกลับไป
“นี่คุณมองผู้หญิงแบบนั้นไม่ได้นะ มันเสียมารยาท”
กอร์ดอนที่น่าสงสารหน้าแดงจัดกว่าเดิม “งะ... งั้นหรือ... ผะ... ผมควรทำไงดี?”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วถอนหายใจอย่างเอ็นดู ก่อนจะยกมือตบไหล่ฝ่ายนั้น “คุณตั้งสติดีๆ นะ หายใจลึกๆ เราต้องทำตัวให้มีมาด วันนี้คุณดูดีมาก เดี๋ยวพอเธอนั่งคุยกับเพื่อนสักพัก เราจะเข้าไปขอเลี้ยงเหล้าเธอ คุณไม่ต้องทำอะไร แค่ยิ้มก็พอ แต่ต้องแน่ใจว่าคุณไม่ได้มองเธออย่างจงใจเกินไป คุณต้องทำแค่ว่าสนใจเธอบ้าง แต่ไม่ใช่หันไปจ้องแบบตะกี้นี้”
“อื้อ” กอร์ดอนพยักหน้า แจ็คสันมองแล้วอมยิ้ม “พยายามเข้านะกอร์ดอน วันนี้คุณอาจจะมีโชคก็ได้”
สองสาวที่เพิ่งเข้ามาใหม่เดินมานั่งที่บาร์ ถัดจากพวกเขาสองคนไปไม่ไกลนัก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชำเลืองมองพวกเธอเล็กน้อย ขณะที่กอร์ดอนเอาแต่ก้มหน้างุด เดือดร้อนเอิร์ลหนุ่มก็ขยับเข้าไปกระซิบใกล้ๆ “นี่ คุณไม่ต้องก้มหน้าก็ได้ คุณเงยหน้าขึ้นมา มองหน้าแจ็คสัน ยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ จากนั้นก็ใช้หางตาชำเลืองมองไปทางแม่สาวสองคนนั้น ลองทำดูสิ”
กอร์ดอนสูดหายใจลึก เงยหน้าขึ้นมาตามคำแนะนำของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาพยายามตั้งสติขณะจ้องหน้าแจ็คสัน แล้วยกแก้วยินขึ้นมาจิบ แต่เขาคงเกร็งไปหน่อย เลยสำลักเหล้าจริงจังเสียยิ่งกว่าตอนได้ยินลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเรื่องตัวเองเหมือนตัวเองเสียอีก
แจ็คสันสั่นศีรษะเป็นเชิงว่าไม่ไหวเลย ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบใช้มือลูบหลังอีกฝ่าย เขาได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังแว่วมา จึงเหลือบไปมอง เห็นแม่สาวสองคนนั่นกำลังมองมาทางพวกเขาสองคนและแอบหัวเราะกันอยู่
“เอาล่ะ ใจเย็นๆ กอร์ดอน ไม่เป็นไร คุณแค่ตื่นเต้นไปหน่อย ใครๆ ก็ตื่นเต้นเวลาอยู่ต่อหน้าคนที่ตัวเองสนใจทั้งนั้นแหละ” เขาพยายามกระซิบปลอบ กอร์ดอนพยักหน้า เขารู้สึกทั้งอาย ทั้งตื่นเต้น ทั้งสับสน ปนๆ กัน ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะสำลักเหล้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยส่งผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้ เขานั่งรอฝ่ายนั้นตั้งสติเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรอีก ไม่นานนักกอร์ดอนก็เงยหน้าขึ้นมาได้
“ขอเวลาผมหน่อยนะ”
เอิร์ลหนุ่มพยักหน้า “เอางี้ เรามาคุยเรื่องทั่วๆ ไปกันก่อนดีกว่า อย่างเช่นคุณชอบอาหารอะไร เสื้อผ้าแบบไหน คิดว่าแฟชั่นยุคนี้เป็นยังไง แล้วพระราชินีจะอายุกี่ปี”
“นี่คุณหยุดวกเข้าไปที่พระราชินีจะได้มั้ย” กอร์ดอนสวนขึ้นมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ก็ได้ๆ งั้นคุณชอบกินอะไร”
“แซนด์วิช”
“หา?”
“ทำไม ผมชอบกินแซนด์วิชแปลกนักหรือ?”
“ก็คุณพูดเหมือนนักเดินทาง คุณเป็นช่างตัดเสื้อนะ”
“ช่างตัดเสื้อก็ชอบแซนด์วิชได้” กอร์ดอนว่า “ตอนเด็กๆ แม่ผมชอบทำ พวกเราเคยนั่งรถไปปิ๊กนิกกันที่ริมแม่น้ำเทมส์ด้วย”
“อ๋อ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ “แล้วแม่กับพ่อคุณล่ะ?”
“ก็ไปด้วยกันนั่นแหละ”
“เปล่า ผมหมายถึง ตอนนี้พ่อกับแม่คุณเป็นไงบ้าง”
“เสียไปหมดแล้ว” กอร์ดอนว่า “พ่อกับแม่ผมป่วยเป็นอหิวา เสียไปตั้งแต่ผมอายุสิบสอง”
“คุณเลยมาอยู่กับปู่”
“ใช่”
“อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง “แล้วคุณชอบสีอะไร หมายถึงเสื้อผ้า”
“สีน้ำตาล” กอร์ดอนว่า “สีน้ำตาไหม้ๆ ใกล้เคียงสีดำ ไม่ก็น้ำตาลแดง แต่ผมใส่แล้วไม่ค่อยเข้า มันดูเหมาะกับคุณมากกว่า”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมา “งั้นหรือ ผมว่าคุณน่ะเหมาะกับสีน้ำตาลทองนะ สีนั้นน่ะผมชอบมากเลย แต่คุณบอกว่าไม่เข้า”
“ใช่ มันไม่เข้ากับคุณเลย มันจะทำให้คุณดูเป็นก้อนบรอนซ์ทันที ถ้าขืนคุณอยากจะลองสวมนะ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะชอบใจ “แล้วเหล้าล่ะ? คุณชอบดื่มอะไร ยิน?”
“ครับ แต่วิสกี้ก็ไม่เลว”
ลอร์ดหนุ่มมองเขาแล้วคลี่ยิ้มอย่างมีนัยยะ “ต้องเป็นสก็อตวิสกี้ด้วยใช่มั้ย?”
คราวนี้กอร์ดอนหน้าแดงวาบขึ้นมาอีก “ไม่รู้สิ” เขานึกได้ว่าคราวก่อนเพราะวิสกี้แก้วเดียว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถึงขั้นต้องแบกเขามาส่งที่ร้าน กอร์ดอนเกรงว่าฝ่ายนั้นจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เขาเลยรีบถามกลับ
“แล้วคุณล่ะ คุณชอบกินอะไร?”
“พาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “พายเนื้อ ของโปรดผมเลย ใส่ผักโขมปนเข้าไปนิดหน่อย อบในเตาไฟอ่อนๆ ให้พอเกรียม เวลายกออกมานี่หอมมาก”
“คุณพูดซะผมหิว” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “พรุ่งนี้ดีไหม ถ้าคุณอยากลอง ผมจะให้แอนนาทำให้ แทนเค้กน้ำชา”
“ไม่ๆ” กอร์ดอนรีบปฏิเสธ ก่อนจะพูดต่อ “งั้นเครื่องดื่มล่ะ?”
“เหล้ารัม”
“หา?”
ฝ่ายนั้นยิ้มจนเห็นฟันครบซี่ “ทำไม ผู้จัดการเหมืองแบบผมดื่มเหล้ารัมแปลกหรือ? ผมว่าผมไม่ดื่มสิแปลก”
กอร์ดอนรู้สึกขัดใจ “ตอบแบบจริงจังสิครับ คุณหาดื่มได้ดีกว่านั้นแน่”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลอกตา ก่อนจะก้มตัวลงมากระซิบ “แชมเปญ สาเหตุเดียวเลยที่ผมชอบไปงานเลี้ยง”
กอร์ดอนขำพรวดออกมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบอีก “อีกเรื่องนะ คุณหยุดครับๆ กับผมด้วย ใครเขาพูดครับกับผู้จัดการเหมืองกัน”
“เออ ผมลืม ผมคิดว่าคุณเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ทุกที”
คราวนี้แจ็คสันขำพรวดออกมา “โทษทีนะ ผมไม่ได้ตั้งใจฟังพวกคุณสองคนคุยกัน แต่มุกนี้คุณขำใช้ได้เลย กอร์ดอน”
กอร์ดอนมีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะยิ้ม “แสดงว่าผมเริ่มพูดจาเข้าท่าแล้วสิ”
แจ็คสันพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงรีบเสริม “อื้อ เข้าท่าเลยล่ะ เดี๋ยวพวกเราย้ายไปนั่งคุยกันฝั่งโน้น คุณโม้ไปเลยก็ได้ว่าคุณนั่นแหละเป็นคนตัดเสื้อให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ ที่เขาสวมแล้วดูดีกว่าผม”
“ฮะๆ” กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ก็ผมตัดให้เขาจริงๆ นี่นา”
“คุณนี่เล่นมุกได้เจ็บมาก จอห์น” แจ็คสันเหน็บ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขายิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้น เดินไปยังเก้าอี้ที่สองสาวนั่งอยู่
“ขอโทษนะครับ ผมกับเพื่อนอยากจะขอเลี้ยงเหล้าคุณทั้งสองคนหน่อย ถ้าคุณไม่รังเกียจ”
“เชิญค่ะ” ผู้หญิงผมสีแดงพูด ก่อนจะเชื้อเชิญให้เขานั่งลง ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยเลือกนั่งถัดจากเพื่อนของเธอซึ่งมีผมสีน้ำตาลอ่อน แล้วบุ้ยหน้าให้กอร์ดอนไปนั่งใกล้เธอ
“อะ...” พอเห็นหน้าสาวเจ้าแล้ว กอร์ดอนก็เป็นอันพูดต่อไม่ออก เขาได้แต่นั่งอึ้ง จนลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องพูดขึ้นต่อ “กอร์ดอน คุณต้องรู้แน่ว่าสุภาพสตรีคนนี้ชอบดื่มอะไร”
“เอ๋?” คนถูกถามทำเสียงสงสัย ก่อนจะตั้งสติได้ “อ้อ... ใช่ คุณชอบดื่มยินผสมมะนาว”
ผู้หญิงคนนั้นมองเขาแล้วยิ้ม “ฉันเห็นหรอกว่าคุณมองอยู่ทุกที... ฉันแอนนาเบล เฮเก้นต์ค่ะ”
กอร์ดอนรู้สึกหูอื้อ ในที่สุดเขาก็รู้ชื่อเจ้าหล่อนแล้ว “ผมกอร์ดอน โอเดนเบิร์ก ยินดีที่ได้รู้จักครับ มิสเฮเก้นต์”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปสั่งเหล้ายินยินผสมมะนาว แล้วเริ่มแนะนำตัวเองกับผู้หญิงอีกคน “ผมจอห์น เคฟ คุณล่ะครับ?”
“แหม... ฉันคิดว่าคุณจะให้เรียกว่าท่านเอิร์ลเสียอีก” เธอหัวเราะ “ฉันมอลลีน วู้ดค่ะ”
“แสดงว่าคุณแอบฟังที่พวกเราคุยกันสิ มิสวู้ด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แกล้งพูดเสียงเข้ม หญิงสาวรีบปฏิเสธ “เปล่านะคะ พวกคุณกระซิบเสียงดังกันเอง พวกฉันเปล่าสักหน่อย”
เอิร์ลหนุ่มหันไปขยิบตาให้กอร์ดอน ช่างตัดเสื้อมองเขาอย่างงงๆ อยู่พัก ถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองควรพูดอะไรบางอย่าง “พวกคุณรู้สึกมั้ยว่าเขาคล้ายลอร์ดโทรว์บริดจ์มาก”
“ฉันเห็นด้วยเลยล่ะ” มิสเฮเก้นต์ว่า “แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำท่าผิดหวังมาก “นี่สินะ ข้อเดียวที่ผมสู้เขาไม่ได้ ผมไม่ใช่ท่านเอิร์ลเลยถูกเมินนี่เอง” พูดจบเขาก็หัวเราะ ทั้งหมดเลยพลอยหัวเราะตามไปด้วย
“ว่าแต่พวกคุณสองคนรู้จักกันได้ยังไงคะ ฉันมองไม่ออกเลยว่าผู้จัดการเหมืองกับช่างตัดเสื้อจะมาเจอกันได้”
เอิร์ลหนุ่มยิ้มให้กอร์ดอน ก่อนจะพูดตอบ “พวกเราเจอกันโดยบังเอิญครับ ผมกำลังเดินเหม่ออยู่บนถนนดีๆ รถม้าก็เกือบจะวิ่งมาชนซะได้ ดีนะที่ได้เขาดึงตัวไว้”
ทั้งสองสาวหันไปมองกอร์ดอนอย่างสนใจ “ว้าว... ฉันนึกภาพคุณดึงผู้ชายตัวใหญ่ๆ อย่างเขาหลบรถม้าไม่ออกเลยนะเนี่ย”
กอร์ดอนยิ้มแห้งๆ “ผมก็ดึงเขาไม่ไหวหรอก ที่จริงแล้วเขาเดินเซเองเลยรอดมาได้น่ะ”
เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก แจ็คสันแอบหันมายกนิ้วให้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยขยิบตาตอบไป การสนทนาเป็นไปได้อย่างราบรื่น ไม่นานนักกอร์ดอนก็รู้ว่าแอนนาเบล เฮเกนต์กำลังจะได้งานเป็นครูสอนดนตรีประจำตัวลูกสาวคนเล็กของลอร์ดวู้ดฟอร์ด ที่คฤหาสน์เรดวู้ดซึ่งตั้งอยู่ในแฮโรว์
“ดีจังเลยนะ ผมหวังว่าคุณจะได้งาน” กอร์ดอนว่า “แฮโรว์เองก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ด้วย”
“ค่ะ” มิสเฮเก้นต์พยักหน้า “ลอร์ดวูดฟอร์ดจะส่งรถม้ามารับส่งฉัน และคุณหนูเจนนิเฟอร์ลูกสาวคนเล็กของเขาก็น่ารักมาก”
กอร์ดอนยิ้มอีก “คุณเป็นคนน่ารักมาก ลอร์ดวูดฟอร์ดต้องเลือกคุณเป็นครูสอนดนตรีของลูกสาวเขาแน่ๆ”
หญิงสาวยิ้มตอบ “ขอบคุณนะคะ คุณเองก็เป็นช่างตัดเสื้อที่น่ารักมาก คุณทำให้ฉันนึกถึงน้องสาวที่เสียไป”
“เอ๋?”
“แอนเคยมีน้องสาวคนนึงค่ะ” มิสวู้ดพูดขึ้นต่อ “เธอมีผมสีทอง และตาสีฟ้าเหมือนคุณเลย ผมตรงๆ แบบนี้แหละ”
“ค่ะ เธอเป็นน้องสาวต่างแม่ของฉัน แต่พวกเรารักกันมาก” แอนนาเบลพูด “ตอนเธอจากไปฉันเสียใจมากจริงๆ ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณที่นี่ ฉันคิดว่าเป็นเธอด้วยซ้ำ”
“ผมเหมือนน้องสาวคุณขนาดนั้นเลยหรือ?” กอร์ดอนพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ แอนนาพยักหน้า “ค่ะ คล้ายมาก เสียดายที่คุณไม่ใช่”
“ไม่เป็นไรหรอก” กอร์ดอนพูดออกมาได้แค่นั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยรีบพูดเสริมทันที “แต่คุณก็รู้ใช่มั้ยล่ะครับว่าเขาแอบมองคุณอยู่”
“อุ๊ย” แอนนาเบลอุทานออกมา ก่อนจะหันมามองเพื่อนสาว “จะว่าไงดีล่ะคะ... คือฉันแน่ใจว่าเขาไม่ได้แอบมอง เขามองตรงๆ เลยต่างหาก เพราะงั้นล่ะค่ะฉันเลยคิดว่าเขาอาจจะเป็นน้องสาวของฉันก็ได้”
กอร์ดอนรู้สึกอายขึ้นมา “คือผม...”
“กอร์ดอนเขาคิดว่าคุณเป็นนางฟ้า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรกอีก ก่อนจะหันไปมองคนมาด้วยกัน “เขาเอาเรื่องคุณมาคุยให้ผมฟังเป็นวันๆ แต่กลับไม่กล้าเข้ามาทักคุณเลยสักครั้ง เขาคงกลัวว่านางฟ้าจะบินหายไป”
“อุ๊ย” มิสเฮเก้นต์อุทาน หน้าแดงขึ้นมา “งั้นหรือคะ... ฉันเขินนะเนี่ย คุณเอาเรื่องฉันไปคุยให้เพื่อนฟังเป็นวันๆ แต่ไม่เคยมาทักฉันเลย”
กอร์ดอนคิดว่าตัวเองต้องหน้าแดงพอๆ กับไวน์แดงในขวดด้านหลังเคาน์เตอร์แล้วแน่ๆ เขาเอาแต่ก้มหน้างุด จนแม้แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังรู้สึกอ่อนใจ
“พวกฉันคงต้องกลับแล้วล่ะค่ะ” มิสเฮเก้นต์พูดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน “ขอบคุณสำหรับเหล้านะคะ”
“ไม่เป็นไร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาเห็นกอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมา “จะกลับแล้วหรือ?”
“ค่ะ”
“งั้น... ให้ผมไปส่งนะ” กอร์ดอนพูดขึ้นต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพยักหน้าให้เขาทันที ได้ยินเสียงมิสเฮเก้นต์ตอบ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ บ้านดิฉันอยู่ไม่ไกลจากนี่ ดิฉันกลับเองดีกว่า”
“แต่...”
“ลาก่อนนะคะคุณโอเดนเบิร์ก คุณเคฟด้วยค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” ทั้งสองสาวเอ่ยลาพวกเขา ก่อนจะเดินออกจากบาร์ไป ได้ยินเสียงกอร์ดอนครางฮือ “เธอไปแล้ว”
“แต่คุณก็ทำได้ดีมากเลยนะ” แจ็คสันหันมาพูด “ตั้งแต่คุณเริ่มมองเธอ ครั้งนี้แหละที่คุณทำได้เยี่ยมที่สุด”
กอร์ดอนมองแจ็คสัน ก่อนจะหันมามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ ฝ่ายนั้นพยักหน้า “ใช่ คุณทำได้ดีมากเลย”
“งั้นหรือ...” กอร์ดอนพูดเสียงค่อย ก่อนจะพยักหน้ากับตัวเอง “งั้น... พวกเราก็กลับกันเถอะ”
----------------------------------------
พวกเขากลับมานั่งโขยกเขยกกันบนรถม้าอีกครั้ง กอร์ดอนมองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วยิ้ม “วันนี้ขอบคุณคุณมากนะครับ เพราะคุณแท้ๆ ผมเลยได้คุยกับเธอ”
“ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าชดเชยที่ผมลากคุณไปสโมสรคราวก่อน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ กอร์ดอนพยักหน้า “คุณทำให้ผมรู้สึกดีมาก ผมไม่เคยมีเพื่อนไปดื่มมาก่อนเลย”
“งั้นหรือ?”
“ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “เพราะผมไม่เคยเข้าโรงเรียน ผมเลยไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันเลย ที่ผมรู้จักถ้าไม่ใช่เพื่อนของปู่ ก็เป็นพวกช่างตัดเสื้อ ไม่ก็เจ้าของร้านผ้าหรือร้านตัดเย็บ”
“แสดงว่าผมเป็นเพื่อนคนแรกของคุณ”
ช่างตัดเสื้อหนุ่มเงยหน้ามองฝ่ายนั้น “ดูเหมือนจะใช่ครับ”
“คุณเริ่มรู้สึกว่าการมีผมเป็นเพื่อนเป็นเรื่องดีแล้วใช่มั้ยล่ะ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามยิ้มๆ กอร์ดอนมองเขาอีกอึดใจ ก่อนจะยอมพยักหน้า “ที่จริงแล้วคุณก็ช่วยให้ผมชนะพนันได้เงินมาตั้งพันห้าร้อยปอนด์ด้วยนะ”
คนถูกชมหัวเราะ “เพราะผมไม่อยากยกคุณให้เอ็ดดี้หรอก”
“เอ๋?” กอร์ดอนมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย และเห็นเขาคลี่ยิ้มบางๆ “ผมไม่อยากให้เขาได้ทั้งพระราชินีและช่างตัดเสื้อ บอกตรงๆ เลย”
ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะได้พูดอะไรตอบ รถม้าก็หยุดลง พวกเขาทั้งสองจึงต้องลงจากรถ
“ขอบคุณมากๆ นะครับสำหรับวันนี้” กอร์ดอนพูดตอนที่เดินเข้าไปในร้าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ไม่เป็นไร”
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
“ราตรีสวัสดิ์”
---------------------------------------------
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มมองหมวกฮอมเบิร์กในมือตัวเอง ขณะนั่งรถม้ากลับคฤหาสน์ เขานึกถึงสีหน้าของกอร์ดอนตอนพูดถึงหมวกใบนี้ จึงหยิบมันขึ้นมาสวม แล้วคิดกับตัวเองว่าเขานี่บ้าจริงๆ
---------------------------------------------
(จบตอน)
** งดลงหนึ่งสัปดาห์นะคะ ไปต่างจังหวัดค่ะ
ปล. หมวกฮอมเบิร์กนั้นหล่อมาก ฮ่าๆๆ