สูตรที่ 13
Caramel Custard
: น้ำตาล/น้ำ/นม/ไข่ไก่/ไข่แดง/ฝักวานิลลา : ผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนแล้วผมก็ยังไม่รู้ว่าวันนั้นก่อนพี่ทาร์ตลงจากรถเขาพูดอะไรทิ้งท้ายเอาไว้ ไม่ใช่ว่าละเลยปล่อยผ่าน แต่เพียรถามครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ได้คำตอบ หาเรื่องเบี่ยงไปเรื่อย แม่ง ทำตัวเป็นคนมีความลับไปได้ แอบซุกกิ๊กไว้บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้...
ในตอนนี้ผมนั่งหน้ามึนอยู่ในครัวแต่ไม่ใช่บ้านตัวเองนะ เพราะไอ้พี่ทาร์ตโผล่หน้ามาชวนกันทำขนมตั้งแต่เช้า ด้วยความที่เห็นแก่กินเลยตามเขามา ส่วนไอ้ฟ่อนไปเรียนพิเศษตามเคย จะขยันอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ดวงตารีจับจ้องแผ่นหลังกว้างที่ขยับไปด้านซ้ายทีขวาทีเพราะกำลังเตรียมส่วนผสมของคาราเมลคัสตาร์ด อยากเข้าไปช่วยแต่คิดขึ้นได้ว่ารออยู่เฉยๆ อาจจะดีกว่า
"ปูนครับ"
หลังจากที่ไม่มีใครเปิดปากส่งเสียงอยู่นาน พี่ทาร์ก็ตทำลายความเงียบด้วยการเรียกกัน ผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเผลอมองแผ่นหลังกว้างนั่นซะเพลิน นึกว่าเขารู้ตัว แต่เปล่าเลย ยังคงเตรียมส่วนผสมขนมอยู่เหมือนเดิม ขอถอนหายใจด้วยความโล่งอกหน่อยแล้วกัน เฮ้อ ถ้าโดนจับได้คงแซวไม่เลิกแน่ๆ เกลียดจริงๆ
"มีอะไรครับ"
ผมถามกลับไปแล้วขยับตัวไปพิงพนักเก้าอี้เพื่อคลายความเมื่อยล้าช่วงเอว เพราะก่อนหน้านี้นั่งตัวงอแล้วเอามือเท้าคางไว้บนโต๊ะ เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าตั้งใจมองพี่ทาร์ตมากแค่ไหน ก็คนมันชอบมันรัก ใครไม่เข้าใจก็ปล่อยไปเถอะ
"ตอกไข่ให้หน่อย แยกไข่แดงกับไข่ขาวด้วย"
พี่ทาร์ตพูดเหมือนกับเป็นเรื่องปกติโดยไม่หันมามองกันเหมือนเดิม ทำไมพี่มันดูวุ่นวายจังวะ ไหนบอกว่าคัสตาร์ดไม่ยากไง ผมถึงกับอ้าปากค้างแล้วมองซ้ายมองขวาหาไข่ไก่ที่เขาบอก ใช้ให้ตอกใส่ถ้วยไม่มีปัญหาหรอกแต่แยกแดงขาวนี่ต้องทำยังไง เห็นในทีวีชอบเอาขวดพลาสติกมาดูด... หนีกลับบ้านได้ปะวะ ไม่อยากกินขนมแล้ว
"ไหนไข่อะ"
ผมถามสั้นๆ ไม่แสดงพิรุธที่ว่าตัวเองทำอะไรไม่ค่อยจะเป็นออกไปให้พี่ทาร์ตล้อ แต่ดูเหมือนว่าคนขี้แกล้งแบบเขาจงใจใช้กันมากกว่า สนุกมากปะเนี่ย เห็นไหล่สั่นๆ กำลังกลั่นหัวเราะอยู่ใช่ไหมวะ เดี๋ยวเอาถาดวางพิมพ์ตีหัวแม่ง
"อยูที่พี่ เดินมาเอาดิ"
พี่ทาร์ตพูดก่อนจะเอี้ยวหน้ามามองกันเล็กน้อย ผมก็ว่าง่ายลุกจากเก้าอี้เดินไปหาเขาหวังจะได้ไข่ไก่ตามที่ต้องการ จมูกได้กลิ่นหอมๆ เหมือนน้ำตาลไหม้ สงสัยจะทำคาราเมล เคยดูในรายการทำขนม เขาเอาน้ำตาลทรายตั้งไฟใช่ปะ พอมันละลายก็เอาน้ำใส่ลงไป... ทฤษฎีอาจจะได้ แต่ปฏิบัติติดลบ ใครๆ ก็รู้
"ไหนอะไข่ ไม่เห็นจะมี ลืมซื้อหรือเปล่า"
ผมมองซ้ายมองขวาไปทั่วเค้าน์เตอร์วางเตา โดยสภาพแล้วไม่น่าจะเอาไข่ไก่มาตั้งตรงนี้ได้เลย พี่ทาร์ตแกล้งอำกันหรือเปล่าวะ ชาตินี้จะได้กินไหม แล้วเขาก็หันมายิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะมองต่ำ ต่ำลงเรื่อยๆ จนผมเขาใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ใครใช้ให้ลามกตอนนี้วะ เตะผ่าหมากซะดีไหม
"นี่ไงไข่ มีสองฟองกับกล้วยหนึ่งลูก"
พูดออกมาหน้าระรื่นในขณะที่ผมกัดฟันกรอด ไม่รู้ว่าควรโมโหหรือเขินก่อนดู หน้าด้านเล่นมุกห้าบาทสิบบาทมาได้ไงวะ อายบ้างไหมอยากด่าจริงๆ
"ไอ้พี่ทาร์ต ลามก!"
ผมตะโกนใส่หน้าแล้วยกเท้าเตะหน้าแข้งอีกคน แต่พี่ทาร์ตหลบได้ก่อนจะหัวเราะเอิ๊กอ๊ากยกใหญ่ แล้วดูสิ คาราเมลหยดเลอะเทอะไปหมดแล้ว จะยกที่คนๆ นั่นออกไปจากหม้อทำซากอะไร
"ก็เห็นถามหาไข่"
ยังพูดเสียงกลั้วหัวเราะแล้วยักคิ้วกวนๆ ให้ พี่ทาร์ตวางไม้พายในมือลงแล้วเริ่มหาผ้าไปเช็ดคราบคาราเมลที่เปราะไปทั่ว ตอนแรกก็อยากช่วยอยู่หรอก แต่ไม่แล้ว หมั่นไส้คนลามกว่ะ
"หมายถึงไข่ไก่เว้ย ไข่ไก่อะ ไข่พี่เอามาทำขนมได้ที่ไหนวะ"
ผมพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแล้วเดินหนีไปทางตู้เย็นเพราะคิดว่าไข่ไก่อยู่ในนั้นชัวร์ๆ จะไม่หลงกลให้พี่ทาร์ตแกล้งได้อีกแล้ว เสียเซลฟ์ชะมัด
"ไข่พี่ทำขนมไม่ได้ แต่ทำปูนได้นะ"
พูดด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่มซึ่งทำให้ผมได้แต่ยืนหน้าร้อนอยู่ที่ตู้เย็น ไข่ที่เพิ่งหยิบมาแทบร่วงลงกับพื้น ไอ้บ้า! พูดอะไรของพี่ทาร์ตวะ ถ้าจะหยอดกันแบบนี้ผมลาตายดีกว่า โอยแม่ง ไม่กงไม่กินมันแล้ว จะกลับบ้าน ไม่ไหวแล้ว
"พี่ทาร์ตแม่ง ผมไม่คุยด้วยแล้วนะ ลามกฉิบหาย"
ผมวางไข่ไก่ลงในช่องเหมือนเดิมแล้วปิดประตูตู้เย็นอย่างแรง ไม่แคร์ว่ามันจะหลุดหรือพังแต่อย่างใด มันไม่ใช่ของผมไงล่ะ ขายาวๆ กำลังจะก้าวหนีออกจากห้องครัว แต่มือหนาๆ อุ่นๆ ของพี่ทาร์ตกลับรั้งหัวไหล่กันเอาไว้ แม่ง ตกใจจนสะดุ้งเลยไง ช่วงนี้ทำไมขวัญอ่อนจังวะ
"อย่าเพิ่งไปสิ พี่แค่ล้อเล่นน่า"
พี่ทาร์ตพูดเสียงอ่อยก่อนจะรีบปล่อยมือออกจากไหล่ ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ จริงๆ ก็ไม่ได้อะไรนักหรอกกับความลามกของเขา ผิดเองล่ะที่หวั่นไหวไปกับอะไรก็ตามที่เป็นพี่ทาร์ต นิดๆ หน่อยๆ ก็เขิน ก็ใจสั่น ถ้าสุดท้ายผิดหวังขึ้นมาจะเจ็บแค่ไหนกันนะ ไม่เคยอกหักด้วยสิชีวิต
"ครับๆ รีบทำเถอะ อยากกินขนมแล้ว"
ผมตอบออกมาด้วยน้ำเสียงอึนๆ แต่ก็ยอมกลับไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ปล่อยให้พี่ทาร์ตทำนั่นทำนี่ด้วยตัวเอง เขาเดินไปหยิบไข่ไก่มาตอก แยกไข่แดงไข่ขาวออกจากกันด้วยความชำนาญ มองๆ ไปก็เพลินดี อยากทำขนมเป็นบ้างจัง
"มองกันขนาดนั้น อยากกินขนมแน่เหรอปูน"
พี่ทาร์ตเงยหน้าช้อนตามองกันแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ ผมสะดุ้งแล้วขยับตัวจนชิดพนักพิงก่อนทำหน้าตาเหลอหลา โดนจับได้ว่าแอบมองไม่สนุกเลย อายจนอยากเอาหน้ามุดใต้โต๊ะ วันนี้เผลอมองเขาไปกี่รอบแล้ววะ
"อยากกินขนมดิ จะให้อยากกินอะไรล่ะ"
ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมากดเล่น ที่จริงแล้วไม่อยากมองหน้าพี่ทาร์ตน่ะ อยู่กับผู้ชายเจ้าเล่ห์ต้องเอาตัวรอดเป็น ถึงจะแถจนสีข้างเลือดซิบก็เถอะ
"นึกว่าอยากกินพี่"
พูดออกมาด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่มชวนให้อยากเข้าไปคลุกวงใน... ซะที่ไหนกัน มันน่าหมั่นไส้จนอยากถลาเข้าไปบีบคอต่างหาก พูดแบบให้ความหวังกันแบบไม่ปิดบัง ถ้าผมอยากกินเขาขึ้นมาจริงๆ จะยอมเหรอไง ชอบกันหรือเปล่ายังไม่รู้เลย หยอดเอา เต๊าะเอา คิดว่าใครมันจะทนได้นานล่ะ ไม่สนุกแล้ว อึดอัด
"ไม่คิดอะไรก็หยุดให้ความหวังสักที ไม่สนุกว่ะ"
ผมว่าเสียงเครียดแล้ววางโทรศัพท์ในมือลงอย่างหมดแรง โดนไอ้กายจีบยังเหนื่อยน้อยกว่าโดนพี่ทาร์ตหยอดเล็กหยอดน้อยแบบไม่รู้อนาคตอีก เปลี่ยนใจไปชอบคนที่ชอบเราตอนนี้ทันปะ แต่ไม่หรอก มันสายเกินถอนตัวแล้วว่ะ
พี่ทาร์ตชะงักมือที่กำลังจะเอาถาดขนมเขาเตาอบไปครู่หนึ่งก่อนจะทำต่อให้เสร็จๆ แล้วหันมามองผมด้วยใบหน้าจริงจัง ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีแววตาขี้เล่นหลงเหลืออีกแล้ว ถ้าหายใจผิดจังหวะโทษพี่ทาร์ตไปเลยนะ
"รู้ได้ไงว่าพี่ไม่คิด"
พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะเท้ามือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะแล้วโน้มตัวมาใกล้กัน ผมที่นั่งอยู่ได้แต่เอนหลังจนติดพนักเกาอี้แล้วเบนสายตามองไปทางอื่น เกลียดคำถามแบบนี้ เพราะผมไม่รู้คำตอบจริงๆ ใครจะไปกล้าเดาใจเสือผู้หญิงแบบพี่ทาร์จล่ะ
"ก็พี่ไม่เคยบอกปะวะ ว่ารู้สึกยังไงกับผมกันแน่ ไม่อยากเข้าข้างตัวเองอีกแล้วว่ามีความหวัง บางทีผมก็กลัวจะเสียใจ"
ผมพูดประโยคยาวยืดที่เต็มไปด้วยหลากหลายความรู้สึก ทั้งกลัว ตื่นเต้น คาดหวัง อึดอัด น้อยใจ เสียใจ แทบจะบ้าได้เลยล่ะมั้ง อยากเอาน้ำเย็นๆ มาราดหัวจะได้สงบจิตสงบใจลงบ้าง แล้วมันเรื่องบ้าอะไรที่ชวนพี่ทาร์ตเข้าโหมดดราม่าทั้งๆ ที่กำลังจะได้กินขนมหวาน...
"พี่เคยบอกไปแล้วว่ารู้สึกยังไง"
พี่ทาร์ตใช้น้ำเสียงราบเรียบอย่างกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ไม่สามารถจับได้เลยว่าแกล้งหรือจริงจัง ผมเหลือบสายตามองเขาอย่างจับผิด ตอนไหน เมื่อไหร่ ยังไง ทำไมผมไม่รู้เรื่องล่ะ
"ตอนไหน ไม่เห็นจะรู้เรื่อง"
ถามออกไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว กลัวมันจะเป็นคำตอบเมื่อเนิ่นนานมาแล้วอย่างเช่น 'พี่หวงก้าง' มันไม่ใช่ปะวะแบบนั้น หรือผมฟุ้งซ่านคิดไปเอง คราวนี้พี่ทาร์ตออกจะจริงจัง คงไม่แกล้งหรอกมั้ง ถ้าแกล้งผมเสยปลายคางยับแน่ คนยิ่งอารมณ์แปรปรวนอยู่
"วันที่ไปรับมาจากมหา'ลัย"
"วันไหนว่ะ ก็ไปรับไปส่งทุกวันจนจะปิดเทอมแล้วมั้ง"
ผมตอบกลับอย่างรวดเร็ว เพราะตั้งแต่เปิดเทอมยันปัจจุบันนี่พี่ทาร์ตไปส่งกันทุกวันจนไอ้กู๊ดกับไอ้ไนน์หมดมุกจะแซว ส่วนไอ้กายก็เร่งทำคะแนนจนน่าโมโห ตวาดมันไปจนทุกคนตกใจ ก็น่ารำคาญ บอกไปร้อยรอบแล้วว่าไม่ต้องพยายาม ไม่ฟังกันเอง ช่วยไม่ได้
"วันแรก"
ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ก่อนจะเบนสายตาหนีกันเหมือนกำลังทำความผิด ไอ้พี่ทาร์ตแม่ง... ก็ว่าทำไมไม่ยอมเปิดปากบอกกันสักทีว่าพูดอะไรออกมาวันนั้น แต่เดี๋ยวก่อน ใช่สถานการณ์เดียวกันไหม ขอถามให้แน่ใจ
"ไอ้ที่ผมพยายามถามว่าพี่พูดอะไรวันที่ฟ่อนมาขัดจังหวะนะเหรอ"
ผมถามแล้วจ้องพี่ทาร์ตเขม็ง เจ้าตัวยังคงมองไปทางอื่นแล้วเบี่ยงตัวออกไปดึงถาดขนมออกมาจากเตาอบ นี่ถือเป็นการถ่วงเวลาอะไรหรือเปล่า ยังคุยกันไม่จบ กลับมาตอบก่อนดิ ค้างคาฉิบหาย เหมือนเขามีญาณหยั่งรู้เลยหันกลับมาสบตากัน
"ใช่"
ตอบรับพร้อมพยักหน้าเบาๆ เป็นการยืนยัน เออ ให้มันได้แบบนี้สิ ช่วงหลังๆ คือผมถอดใจเพราะขี้เกียจถาม แล้วดูตอนนี้สิ มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ
"ผมไม่ได้ยิน... บอกอีกครั้งเถอะนะ"
ผมตั้งใจจะอ้อนอย่างสุดกำลังทั้งๆ ที่อยากว้ากเต็มทน เรื่องสำคัญขนาดนั้นปล่อยผ่านมาได้ยังไงเป็นเดือนๆ แม่ง ไม่ได้โง่แต่ก็เหมือนควายเลยว่ะ ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง
"ตั้งใจฟังดีๆ จะบอกครั้งเดียว ห้ามถามซ้ำ โอเคไหม"
พี่ทาร์ตยื่นคำขาดด้วยสีหน้าจริงจังก่อนจะกลับมายืนเท้าโต๊ะและโน้มตัวมาใกล้ๆ ผมไม่ได้ผละตัวไปไหน จะเรียกว่าท้าทายคงไม่ผิด อยู่ใกล้กันนี่ล่ะจะได้ฟังชัดๆ ไม่อยากพลาดอีกแล้ว แต่ก็ถามๆ ไว้ก่อน ถ้าไม่ได้ยินอีกต้องทำยังไง
"ถ้าไม่ได้ยินอีกล่ะ"
"เชื่อสิว่าได้ยินแล้วจะจำไปจนตาย"
พี่ทาร์ตกระตุกมุมปากเป็นรอยยิ้มที่เดาไม่ออกว่าดีหรือร้ายกันแน่ เพราะระยะที่เราอยู่กันตอนนี้มันใกล้จนหน้าใจหาย ปลายจมูกแทบแตะกัน อะไรๆ ก็พล่ามัวไปหมด ทั้งใบหน้าทั้งสมอง เบลอฉิบหาย
"โม้ว่ะ"
พูดได้แค่นั้นล่ะ กลัวว่าคนตรงหน้าจะจับน้ำเสียงสั่นๆ ของตัวเองได้ ก็มันตื่นเต้น พี่ทาร์ตกำลังจะบอกความรู้สึกที่มีต่อผมเชียวนะ ถ้าเกิดคำตอบคือไม่ชอบกันนี่ร้องไห้ใส่แม่งจริงๆ ด้วย จะหนีไปซบอกไอ้ฟ่อนประชดแม่ง...
"ขยับเขามาใกล้ๆ"
เขาบอกก่อนกระดิกนิ้วเป็นการเรียก แต่ผมบุ้ยปากขมวดคิ้วแน่น จะให้ขยับไปใกล้กว่านี้อีกก็จูบกันแล้วครับพี่น้อง บ้าหรือเปล่า! แต่พี่ทาร์ตคงรู้ว่าผมคิดอะไรเลยเอียงหน้าเข้ามาใกล้และทำการกระซิบข้างหูแทน... ใกล้แบบนี้นี่เอง เผลอคิดสัปดนไปเยอะ โทษที
"พี่... ชอบปูนนะ"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเปล่งคำที่ทำให้ผมใจเต้นแรงออกมาจากริมฝีปากหยัก มันดังก้องไปทั้งโสตประสาทการรับฟังวนไปวนมาไม่รู้จบ เหมือนกำลังซึมซับทุกอย่างให้ฝังรากหยั่งลึกลงในสมอง แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าวขึ้นมาทันตาเห็นและยากเกินควบคุม สติกำลังหลุดลอยเหมือนเคว้งคว้างอยู่ในความฝัน จริงๆ เหรอวะ ที่ได้ยินมาหูไม่ได้ฝาดใช่ไหม ทำยังไงดี
"....."
เงียบไร้เสียงตอบรับเพราะผมกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ทันได้เตรียมใจ ความรู้สึกตอนนี้คล้ายๆ กับว่าสอบติดทุนเรียนต่อเมืองนอกที่ฝันไว้เลยว่ะ แต่อาจจะดีกว่านั้นสิบเท่าหรือเปล่า ก็แค่การคาดเดา อยากแหกปากตะโกนมากกว่าว่าดีใจ ไม่อกหักแล้ว เขิน อาย โอย หลากหลายอารมณ์จนใกล้เหมือนคนบ้า มุมปากพาลจะยิ้มอยู่เรื่อยแต่กลับเม้มปากไว้ ไบโพล่าถามหาแล้วไง
"จะจีบอย่างจริงจังแล้วนะ"
พี่ทาร์ตพูดต่อไปอีก บ่นอะไรวะ
"....."
"ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ หรือช็อกไปแล้วเนี่ย เฮ้ ฟังกันอยู่หรือเปล่า"
พี่ทาร์ตเพิ่มเสียงขึ้นเล็กน้อยพร้อมกลับโบกมือไปมาตรงหน้า ผมรับรู้แต่ไม่สามารถขยับได้ มีเพียงหลุบตาลงต่ำเท่านั้น ไม่กล้าทำอะไรเลยตอนนี้ กลัวฝันสลาย
"....."
"เฮ้ย ถ้าไม่พูดอะไรพี่จูบจริงๆ นะ"
น้ำเสียงโคตรจริงจังแถมขยับตัวออกพร้อมจะพุ่งจู่โจมเข้ามาที่ตำแหน่งใหม่อย่างเต็มที่ ผมก็ต้องได้สติสิครับจะรออะไรล่ะ ยังไม่อยากเสียจูบให้นะเว้ย เดี๋ยวหัวใจวายตายซะก่อน
"เดี๋ยวๆ หยุดก่อน โอย ผมฝันอยู่หรือเปล่าวะ"
ผมห้ามด้วยน้ำเสียงแตกตื่นก่อนจะเอ่ยถามลอยๆ ในประโยคหลังแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตา ยังไม่อยากเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยินมาเลยสักนิด บทจะยากก็ยากจนท้อใจ แต่พอง่ายก็ง่ายจนน่าใจหาย มีอะไรพอดีบ้างเนี่ย
"ฝันบ้าอะไร เพ้อเจ้อแล้ว"
พี่ทาร์ตว่าเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะเอื้อมมือหนามาขยี้หัวกันจนยุ่งเหยิง ไม่รู้ติดคราบขนมมาบ้างหรือเปล่าแต่ผมไม่มีเวลาจะมานั่งคิดวิเคราะห์ขนาดนั้น ยังอึ้งอยู่...
"ชอบผม... จริงๆ เหรอ"
ผมพูดน้ำเสียงลอยๆ มองหน้าพี่ทาร์ตนิ่ง รู้สึกว่าเขาจะแก้มแดงด้วยล่ะ ความรู้สึกคงไม่ต่างกันเท่าไหร่ เขิน...
"ครับ คิดหัวแทบแตกวันละหลายล้านรอบ แต่ต้องขอบคุณไอ้กายนะ ที่ทำให้พี่รู้ใจตัวเองสักที"
พี่ทาร์ตหัวเราะเบาๆ ปิดประโยคแล้วเลื่อนมือมาดึงแก้มกันจนเจ็บ ผมปัดออกก่อนจะตั้งสติแกล้งแหย่เขากลับไป ก็ยังไม่แน่ใจว่าชอบกันจริงๆ เหรอ ขอพิสูจน์เน้นๆ อีกรอบนะ
"โห... ผมควรจะไปหอมแก้มขอบคุณไอ้กายปะเนี่ย"
พูดด้วยน้ำเสียงทะเล้นแล้วเหล่สายตามองพี่ทาร์ตที่ยังไม่ขยับตัวไปไหน เขาแยกเขี้ยวใส่กันก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างยึดไหล่เอาไว้ อย่ามาจริงจังได้ปะวะ ใจคอไม่ดีเลย อย่าหายใจรดหน้ากันแบบนี้สิ ทำอะไรไม่ถูกแล้ว
"อยากตายเหรอครับน้อง พี่ไม่ใจดีให้ปูนทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ"
พี่ทาร์ตเสียงแข็งใส่กันและเพิ่มแรงบีบที่ไหล่ขึ้นอีกเพราะผมไม่ยอมสบตา ก็ใครมันจะกล้า ไม่คิดว่าเขาจะโหดแบบนี้นี่หว่า
"หวงเหรอไง ไม่ได้เป็นอะไรกันนะ"
ผมยังทำใจดีสู้เสือไปเรื่อย ก็คนมันอยากรู้ ความกลัวน่ะแพ้อยู่แล้ว
"เออครับ หวงไง เป็นแฟนกันไหมล่ะ"
เสียงสะบัดกว่าเดิมสิบเท่า แถมยังเปลี่ยนจากยึดไหล่มาคว้าท้ายทอยกันและยังบังคับให้จ้องตาอีก ใครก็ได้เรียกรถฉุกเฉินมารับผมเถอะครับ หัวใจจะวายอยู่แล้ว ทำไมหึงหวงได้น่ารักขนาดนี้วะคนเรา ขอแกล้งต่ออีกหน่อยเนอะ
"เดี๋ยวๆ ไหนเมื่อกี้บอกว่าจะจีบกัน"
ผมใช้มือดันอกพี่ทาร์ตให้ขยับออกไปไกลๆ เพราะกลัวว่าเขาจะบุ่มบ่ามดันท้ายทอยผมเข้าไปจูบน่ะสิ ท่าทางขาดสติได้ง่ายอีกด้วย
"กลัวปูนเปลี่ยนใจไปชอบไอ้กาย"
พี่ทาร์ตบอกเสียงอ่อนก่อนจะยอมปล่อยกันให้เป็นอิสระแล้วหันหลังกลับไปจัดการขนมคัสตาร์ดที่เพิ่งทำเสร็จนั่น นึกว่าลืมไปแล้วซะอีก...
"คิดมากว่ะ ไม่ชอบไอ้กายหรอก มั่นใจได้"
ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะลุกไปยืนข้างๆ พี่ทาร์ต ไม่ใช่ว่าอยากอยู่ใกล้หรอกนะ จะมาเอาขนมไปกินต่างหากเว้ย คิดมากนะเราน่ะ
"ถ้างั้นก็เตรียมตัวโดนพี่จีบกลับได้เลย รักเมื่อไหร่จะขอเป็นแฟน"
พี่ทาร์ตส่งจานคัสตาร์ดมาให้กันแล้วส่งยิ้มหวาน ผมแทบทำขนมตกพื้น จะบ้าตาย หัวใจเต้นแรงจนปวดหน้าอกไปหมด
"บะ... บอกตัวเองเหรอ"
ผมงึมงำให้ลำคอแล้วถือจานขนมไปนั่งกินเงียบๆ โดยไม่สนใจว่าพี่ทาร์ตจะทำอะไรต่อ ก็ไอ้เรื่องรักน่ะ ผมรักอยู่แล้ว ก็มีแต่เขานั่นล่ะที่ยัง... สรุปว่าความรักครั้งนี้เพิ่งสำเร็จไปขั้นตอนเดียวสินะ รอยาวๆ ไป
"อืม... คงใช่ ไม่อยากคบใครเพราะแค่ชอบ มันดูฉาบฉวย อยากคบกันตอนที่รักแล้วมากกว่า"
พูดซะซึ้ง... เอาโล่ชายหนุ่มดีเด่นไปเลย หวังว่าระหว่างที่จะรักผมคงไม่มีใครมาแทรกกลางซะก่อนนะ ถ้ามีผมจะฆ่าทิ้งทั้งพี่ทาร์ตทั้งเขาคนนั้นเลยแม่ง!
"อื้อ"
จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลาสามเดือนแล้ว ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติสุข ไม่มีอะไรที่ดูคล้ายการจีบเลยสักนิดเดียว ไปรับไปส่งเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีขนมมาให้กินทุกเช้า จนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีพุง... แผนการให้ผมอ้วนจนไม่มีใครมาเกาะแกะของไอ้พี่ทาร์ตปะวะ เลวสุดๆ จากที่เคยหยอดๆ กันกลับเงียบไป ไม่เข้าใจตรรกะคนหล่อเท่าไหร่ว่ะ งง
จีบคือการนิ่งๆ ใส่กันเหรอ ไม่จีบคือการหยอดเหรอ โอย ปวดหัวเว้ย!
"พี่ทาร์ต"
ผมเรียกชื่อสารถีจำเป็นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขาเหลือบสายตามองกันเล็กน้อยก่อจะกลับไปสนใจถนนเหมือนเดิม วันนี้จะไปเที่ยวหาดไนยางแถวๆ สนามบิน เหมือนจะมาเดทกันสองคน แต่ก็ไม่ใช่ เพราะเบาะหลังมีไอ้ฟ่อนนั่งอยู่
"ครับ"
ตอบกลับมาสั้นๆ แค่นั้น ผมหาทางไปไม่ถูกเลยไง ไอ้ฟ่อนก็ดีหลับกรนเสียงดังจนรถสะเทือนแทรกเสียงดนตรีได้โคตรน่าเกลียด ไปเหนื่อยคอพับคออ่อนมาจากไหนวะนั่น
"เดือนหน้าจะไปเรียนซัมเมอร์ที่เกาหลีแล้วนะ"
ผมบอกเขาไปเพื่อให้รับรู้ แต่มากกว่านั้นคืออยากให้พี่ทาร์ตแสดงอาการอะไรบ้างก็ได้ที่ทำให้รู้ว่าความรู้สึกชอบกันยังเหมือนเดิม ไม่ใช่นิ่งกว่าปกติแบบนี้ แอบใจเสียอยู่นะเว้ย หรือเผลอไปเจอใครที่ตรงสเปคเข้าให้
"เหรอ ไวจัง ไปนานเท่าไหร่วะ"
พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแถมยังไม่หันมาสนใจกันอีกทั้งๆ ที่รถติดไฟแดง หลังจากวันนั้นมาแทบไม่สบตากันเลยด้วยซ้ำ มีอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่าวะ
"ก็เดือนกว่าๆ มั้ง ตามกำหนดการที่อาจารย์ให้มา"
"อ้อ... ตามไปด้วยได้ปะ"
พูดทีเล่นทีจริงให้พอใจชื้นขึ้นมาบ้าง ผมหลุดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะสายหัวพรืด จะตามไปได้ยังไงกัน ไปเรียนนะไม่ใช่ไปเที่ยว
"ไม่ได้ดิ จะตามไปทำไม"
ผมตอบกลับไปก่อนจะแอบมองใบหน้าด้านข้างของพี่ทาร์ต ถ้าสังเกตอย่างละเอียดดูเหมือนเขาจะออกอาการกล้าๆ กลัวๆ หรือว่าจีบใครไม่เป็นเลยไม่รู้จะเริ่มยังไงหรือเปล่านะ... ถ้าถามตรงๆ จะได้คำตอบไหม
"....."
เงียบแบบไม่มีสัญญาณตอบรับ เฮ้ย อะไรวะ
"พี่ทาร์ต ถามอะไรหน่อยดิ"
ผมเอ่ยปากต่อเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พี่ทาร์ตครางอือในลำคอเป็นการตอบรับเพราะกำลังออกตัวรถอยู่
"ไหนจีบอะ..."
ถามออกไปด้วยน้ำเสียงกวนตีนสุดๆ ไม่ได้เรียกร้องอะไรหรอกนะ แต่มันดูราบเรียบจนน่าใจหาย
"นี่ไงจีบ"
พี่ทาร์ตยกมือขึ้นมาจีบพร้อมกับหัวเราะไปด้วย ผมคว้าขวดน้ำมาฟาดหัวเขาได้ปะวะ กวนตีนแล้ว!
"กวนตีน ถามจริงๆ นะ เลิกชอบผมแล้วเหรอ"
ผมถามด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ มือเรียวบีบเข้าหากันเพราะกลัวคำตอบ ดวงตารีหลุบลงมองต่ำเพราะกำลังคิดทบทวนอย่างหนัก
"ไม่ใช่แบบนั้น แค่จีบไม่เป็น... พอจะเริ่มจริงๆ มันเขินว่ะ หยอดไม่ออก เต๊าะไม่ได้ แล้ว สมองรวนไปหมด"
พี่ทาร์ตพูดเสียงอ้อมแอ้มแล้วยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแรงๆ กลัวเหลือเกินมามันจะเป็นรอยแดง ผมแทบจะยิ้มแก้มแตกเมื่อฟังจบ ที่แท้ก็เป็นคนจีบใครไม่เป็นนี่เอง แต่อย่าว่าเลย ผมก็ไม่เคยโดนใครเข้ามาจีบจังๆ เหมือนกัน เขาอาจจะใช้วิธีเนียนๆ อยู่ก็ได้
"อ่า..."
"แต่พี่ก็มีวิธีของพี่น่า ปูนอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าโดนจีบก็ได้"
หันมายักคิ้วใส่กันอีก เจ้าเล่ห์นักนะคนเรา
"คงงั้นมั้ง เนียนเกิน"
ผมย่นจมูกใส่ก่อนจะมองออกไปด้านนอก วิวทะเลโผล่เข้ามาในสายตาแล้ว อยากลงไปเล่นน้ำจัง แต่อย่าเลย จมขึ้นมามันไม่สนุกเท่าไหร่
"หึหึ"
เสียงหัวเราะชวนขนลุกของพี่ทาร์ตดังขึ้น แต่ผมไม่สนใจแล้วล่ะ ทะเล ทะเล ~ จริงๆ ก็ไม่ได้ชอบหรอก แต่มากับคนที่ชอบ อะไรๆ ก็ดูสนุกไปหมด ยกเว้นไอ้ฟ่อนนะ รายนั้นคือก้าง แต่พี่ทาร์ตบอกว่าเดี๋ยวจะมีคนมาสมทบ... ใครวะ อยากรู้จริงๆ
"โอ้ย มดกัดอะ ใครทำน้ำตาลหกในรถเนี่ย"
เสียงทุ้มหวานดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ใบหน้าน่ารักที่ยิ้มทะเล้นขยับมาตรงกลางทำให้ผมกับพี่ทาร์ตเบิกตาโพลง ไอ้เด็กนี่แกล้งหลับ
"ไอ้ฟ่อน/ไอ้ฟ่อน!!!!"
ประสานเสียงแบบไม่ได้นัดหมายแล้วแจกมะเหงกให้น้องมันไปคนละทีสองที สมน้ำหน้า เผือกดีนักนะมึง
ผมและพี่ทาร์ตช่วยกันคนข้าวของที่จะนำมาปิคนิกลงจากรถโดยมีไอ้ฟ่อนทำหน้าที่ปูเสื่อให้ สบายไปปะมึง... หน้าเขกกะโหลกให้ร้าว แต่ช่างมันเถอะ พูดไปก็เปลืองน้ำลาย เดี๋ยวสักพักก็จะมีชายหนุ่มดีกรีนายแบบมาสมทบ เพิ่งเค้นเอาจากปากคนมีความลับได้เมื่อครู่นี่เอง คำตอบคือ 'พี่อิน'
"ไอ้ฟ่อน มึงคิดจะช่วยพี่บ้างปะวะ นั่งรออย่างกับคนเป็นง่อย!"
พี่ทาร์ตคงสุดจะทนเลยหันไปตวาดน้องสุดที่รักด้วยน้ำเสียงโมโหเต็มทน คนบ้าอะไรแบกแตงโมทั้งลูกมาทะเล บอกให้ผ่าเรียบร้อยมาจากบ้านมันก็งอแง จะเอามาเล่นปิดตาตีหรือไง
"ก็ไม่อยากเข้าไปเป็นก้างขวางคอใครอะ มันบาป!"
พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันไม่พอยังเบะปากใส่กันอีก ไอ้ผมที่ถือกล่องจานนี่แทบจะโยนใส่มัน แต่พี่ทาร์ตที่แบกลูกแตงโมอยู่จะขว้างทิ้งแล้ว... รายนี้เขาไม่ชอบกินแตงโมน่ะ บอกว่าน้ำมันเยอะไปทำให้ปวดฉี่บ่อย
"ก้างเหี้ยไร มาช่วยถือของเร็วๆ เลย แตงโมมึงเนี่ย ถ้าไม่เอากูจะโยนทิ้งแล้วนะ"
พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดแต่ผมเห็นนะว่าพี่ทาร์ตแอบยิ้มน่ะ นี่แกล้งน้องมันใช่ไหม ไม่ได้จะว่าแค่สะใจ...
"อย่านะ!!"
เสียงตะโกนดังลั่นพร้อมกลับร่างเล็กๆ รีบลุกขึ้นมาทางนี้ สงสัยจะหวงแตงโมมากนะนั่น เดินก้าวยาวแทบจะวิ่งมาเชียว พี่ทาร์ตก็เอาแต่กลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง ตลกว่ะ
"พี่ทาร์ตแกล้งมันหรือไง"
ผมถามออกไปตรงๆ ก่อนจะหยิบถุงขนมขบเคี้ยวติดมือมาด้วย ขี้เกียจเดินหลายรอบมันเสียเวลา
"เออ หมั่นไส้ เดี๋ยวจะให้อินจัดการให้เข็ด"
พี่ทาร์ตบอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะแล้ววางแตงโมลงก่อนจะหยิบตะกร้าพลาสติกใส่กล่องอาหารเดินตามผมมา
"เอ้อ..."
ผมพูดได้แค่นั้นล่ะ เพราะไม่เข้าใจว่าพี่อินอะไรนั่นจะจัดการฟ่อนยังไง...
ห้าโมงเย็นแล้ว ไอ้คนที่จะมาร่วมแจมยังไม่ถึงสักที ไม่เข้าใจว่าไปตกหลุมตกบ่ออยู่ที่ไหนหรือเปล่า แต่ตอนที่กำลังจะอ้าปากถามเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จะไปไหนล่ะนั่น
"เดี๋ยวมานะ ไปรับอินที่สนามบิน"
เขากระซิบเบาๆ เพื่อที่จะให้ผมได้ยินคนเดียวเพราะไม่อยากให้ไอ้ฟ่อนโวยวาย ดูจากท่าทางแล้วมันน่าจะไม่ชอบพี่อินเอามากๆ สงสัยสมัยเด็กโดนแกล้งไว้เยอะมั้ง เคยได้ยินน้องบ่นๆ ว่า อ้วนดำแบบนั้นใครเขาจะมอง... นี่มันปัจจุบัน ยืนยันด้วยดีกรีนายแบบนะเว้ย อยากจะบอกว่าผมเคยเห็นรูปผ่านๆ ด้วยเถอะ ขาว หล่อ ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงกรี๊ดคอแตกไปแล้ว
"โอเคๆ"
ผมตอบกลับพร้อมกับทำมือเป็นสัญลักษณ์ว่าตกลง ไอ้ฟ่อนที่กำลังเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปอยู่ไม่ไกลนั่นไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยว่าจะมีคนมาเยือน
พี่ทาร์ตขับรถออกไปจากบริเวณนี้แล้ว ผมยังคงนั่งแกะขนมขบเคี้ยวกินไปเรื่อยๆ อาหารที่เอามายังถูกเก็บไว้อย่างดี ไม่ต้องห่วงว่ามันจะเย็นเพราะเป็นกล่องเก็บความร้อนอย่างดี
"พี่ทาร์ตหายไปไหนอะ หรือพี่ปูนกินเข้าไปแล้ว"
ถามด้วยหน้าตากวนตีนก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเสื่อ ผมหยิบขนมขบเคี้ยวในถุงปาใส่ไอ้ฟ่อนด้วยอารมณ์หงุดหงิดปนเขิน คิดได้ยังไงว่าจะกินพี่ทาร์ตเข้าไปวะ นั่นคนนะเว้ย ตัวอย่างกับควาย
"โอ้ย ไรอะ"
ไอ้ฟ่อนใช้มือปัดป่ายขนมก่อนจะหันมายู่ปากใส่กัน อยากงอนก็งอนไป ผมไม่ง้อและไม่สนใจหรอกนะ หน้าที่เป็นคู่กัดให้กับมันกำลังจะหมดลงแล้ว ดูท่าทางพี่อินอะไรนั่นจะชอบเด็กนี่ด้วยเถอะ... แอบเห็นไลน์พี่ทาร์ตที่คุยกับเพื่อนพอดีไง ไม่ได้เสือกเลย ก็วันนั้นเขาฝากโทรศัพท์ไว้กับผมเองนี่ ไม่ผิดนะ
"พูดอะไรไม่รู้จักคิด"
"แหม ก็แค่ล้อเล่นอะ แล้วพี่ทาร์ตไปไหน"
ยังจะมาทำเสียงล้อเลียน น่าฟาดสักทีไหมล่ะ
"ไปแถวๆ นี้ล่ะ เดี๋ยวก็กลับมา"
ผมตอบกลับไปแล้วหยิบขนมใส่ปากเหมือนเดิม ทำตัวไม่มีพิรุธสุดๆ
ต่อด้านล่าง