Chapter 4
“มานั่งอยู่ข้างนอกตั้งแต่เมื่อไหร่ หือ? ทำไมไม่เรียกพี่ล่ะ” ผมว่าหลังจากพาเจย์เข้ามาในร้านและหาผ้าขนหนูผืนหนาให้เขาเช็ดตัว ริมฝีปากบางที่สีจางกว่าปกติเม้มแน่นเป็นเส้นตรง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันกับดวงตาขวางๆนั่นยังเหมือนเดิม ถึงหน้าจะซีดไปหน่อยก็ตาม
“จะเรียกทำไม ไม่ได้อยากเจอซักหน่อย” เขาว่าพลางทำหน้าบึ้งและดึงชายผ้าขนหนูขึ้นขยี้ผมที่มีหยดน้ำหยดลงมา
“อ่อออ ไม่อยากเจอ แต่มานั่งหงอยหน้าร้านเนี่ยนะ” ผมว่าเสียงสูงพร้อมกับยิ้มล้อ เจย์เป็นคนที่โกหกแล้วน่าแกล้งมาก
“นั่งหงอย!?....กลับล่ะ!” เขาเบิกตากว้างร้องทวนคำก่อนจะทำเสียงไม่สบอารมณ์
“เดี๋ยวๆ พี่ล้อเล่นๆ” ผมใช้แรงทั้งหมดรีบรั้งตัวเขาเอาไว้ …เด็กอะไรตัวโตชะมัด เล่นเอาผมเกือบปลิวแหนะ
“…”
“นี่ ดึกขนาดนี้แล้วทำไมมาอยู่นี่ล่ะ แถมมานั่งตากฝนแบบนี้อีก ไม่สบายขึ้นมาจะว่ายังไง” ถึงผมจะดีใจที่เขากลับมาที่ร้าน แต่การกลับมาในรูปแบบนี้ผมรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย
“…”
“เฮ้อ แล้วฝนตกหนักขนาดนี้จะกลับบ้านยังไงล่ะ” ผมบ่นเบาๆพลางนึกไปถึงรถเวสป้าแก่ๆของตัวเองที่พอฝนตกขึ้นมาก็หมดสถานะการเป็นพาหนะทันที
“ไม่กลับบ้าน!”
“…เจเจ ….อืม งั้นเธอตามมานี่สิ” ผมตัดสินใจกลืนประโยคคำถามกลับลงไปในคอก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปหลังร้าน ถึงผมจะสงสัยเรื่องปัญหาของเขาขนาดไหน ผมก็อยากจะให้เขาเริ่มพูดก่อนอยู่ดี…เฮ้อ ผมชักจะทำตัวเหมือนคุณพ่อเลี้ยงลูกวัยรุ่นเข้าไปทุกทีซะแล้ว
“ไปไหน” เราหยุดยืนตรงบันไดไม้ที่กว้างพอประมาณให้คนสองคนเดินสวนกันได้ โคมไฟสีส้มด้านบนส่องแสงสว่างให้เห็นห้องโถงด้านบน
“ก็เธอไม่อยากกลับบ้านไม่ใช่เหรอ คืนนี้ก็นอนที่นี่ก่อนสิ พี่ปล่อยเธอออกไปข้างนอกคนเดียวไม่ได้หรอก” ผมว่าพลางก้าวเท้าขึ้นบันได แผ่นไม้ส่งเสียงลั่นเบาๆตามจังหวะการเดิน
ห้องโถงโล่งของชั้นสองมีชุดโซฟาเก่าๆที่ไม่ค่อยได้มานั่งตั้งอยู่พร้อมกับชุดโฮมเธียร์เตอร์(ที่ก็ไม่ค่อยจะได้ใช้เหมือนกัน) รอบๆเต็มไปด้วยกล่องรังกระดาษซึ่งตอนนี้ผมลืมไปแล้วว่าด้านในใส่อะไรอยู่ ชั้นหนังสือไม้สูงท่วมหัวที่บนนั้นมีแต่ตำราทำขนมวางชิดริมผนังฝั่งขวา ผมเดินเลี้ยวขึ้นบันไดอีกชั้นสู่ส่วนห้องนอน ก่อนจะเปิดไฟทั้งชั้นให้สว่าง
ตึกของร้านมีทั้งหมดสี่ชั้นแต่ผมปล่อยชั้นสี่ว่างไว้เพราะไม่รู้ว่าจะใช้ทำอะไร ข้าวของส่วนใหญ่ก็เก็บไว้ที่ร้านหรือไม่ก็ชั้นสอง ส่วนชั้นสามเป็นห้องนอนที่ตอนนี้มีเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งยืนขมวดคิ้วอยู่กลางห้อง
“เจเจไปอาบน้ำสิ พี่จะหาชุดให้” ผมย้ำอีกครั้งหลังจากบอกไปครั้งหนึ่งแล้วเขาก็ยังคงยืนนิ่ง
เจ้าตัวยืนเก้ๆกังๆอยู่สักพักก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเปิดประตูตู้เสื้อผ้าพร้อมกับลงมือค้นชุดเนื้อผ้าสบายๆที่ไซท์ใหญ่พอจะให้เจย์ใส่ได้ เสียงสายน้ำกระทบกับพื้นกระเบื้องดังแว่วผ่านเข้ามาในหู
ใช้เวลาสักพักผมก็เลือกชุดได้ชุดหนึ่ง มันเป็นชุดนอนลายการ์ตูนหมีที่เสื้อมีฮู้ดลักษณะคล้ายหูติดอยู่ ผมซื้อมาจากเพื่อนที่เป็นนักออกแบบเสื้อผ้า เพราะไม่คิดว่าจะใส่อยู่แล้วก็เลยเลือกไซท์เสื้อส่งๆไปจนใหญ่เกินขนาดตัว ไม่นึกเลยว่าจะได้มีวันใช้ด้วย
ในขณะที่กำลังชื่นชมกับชุดนอนที่เพิ่งจะได้มีวันใช้อยู่นั้นต้นคอสัมผัสก็ได้ถึงความเย็นของอะไรบางอย่างจนผมสะดุ้ง
เจย์ออกจากห้องน้ำมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ยืนอยู่แทบจะติดกับผม ยกปลายนิ้วเย็นๆที่สัมผัสกับต้นคอผมเมื่อกี้ไปขยี้ผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนศีรษะส่วนผ้าขนหนูผืนใหญ่อีกผืนก็พันรอบเอวเอาไว้หลวมๆ
“ระวังตัวซะบ้าง …อยู่กับคนแปลกหน้าน่ะ” เจ้าตัวว่าเสียงเรียบ
“…หือ? อะไรกัน เจเจไม่ใช่คนแปลกหน้าซะหน่อย… รีบใส่เสื้อผ้าเร็ว เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
“…..!!!!??? นั่นมันชุดบ้าอะไร” เขาเบนสายตาไปมองชุดนอนที่แขวนไว้ที่ประตูตู้เสื้อผ้าก่อนจะหันมามองผมตาเขียว
“ชุดนอนไง น่ารักใช่มั้ยล่ะ เหมาะกับเธอเลยนะ”
“ใครมันจะไปใส่ไอ้ชุดบ้านี่!?” เจย์ร้องพร้อมกับชี้ปลายนิ้วไปยังชุดนอนลายหมีตรงหน้า
“เอ้า! แต่พี่มีชุดเดียวนะที่เธอพอจะใส่ได้ พี่อุตส่าหาให้เลยนะ” ผมพูเสียงเบา
“ก็…” เจย์ทำเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ผมก็ขัดขึ้นซะก่อน
“พี่อุตส่าหาให้แท้ๆเลย …เจเจใจร้ายมาก!” ผมว่าก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้อง (ไม่ลืมปิดประตูเสียงดังเพิ่มความสมจริง) และแอบเห็นสีหน้าตื่นตกใจของเขาผ่านหางตา หึหึ เด็กน้อย… เดี๋ยวถ้าผมกลับเข้ามา เขาจะต้องนั่งรออยู่พร้อมกับใส่ชุดนอนลายหมีแน่ๆเลย
หลังจากกลั้นขำอยู่หลังประตูห้องสักพักผมก็ลงไปจักการความเรียบร้อยด้านล่างร้านอย่างไม่รีบร้อน ลงกลอนประตูที่เพิ่งเปิดไปเมื่อกี้รวมถึงเก็บข้าวของเล็กน้อย เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็กลับเข้ามาในห้อง ตอนแรกผมกะว่าจะแกล้งทำเป็นโกรธต่อสักหน่อย แต่พอเห็นสภาพเด็กหนุ่มตัวใหญ่ในชุดนอนลายหมีแล้ว ผมก็หลุดขำพรืดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“อุ๊บ! ฮะฮะ ฮ่าๆๆๆ เจเจ ฮ่าๆ น่ารักมากเลย” ผมหัวเราะร่าก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจใกล้ๆเจย์ที่นั่งทำหน้าบูดอยู่บนเตียง เหมือนเขาจะคิดหนักไม่น้อยก่อนจะใส่ชุดนี้
“นี่!...หลอกกันเหรอ!?”
“อะไรกัน พี่หลอกอะไรเธอตอนไหน ฮ่าๆ” ผมพูดไปหัวเราะไปจนจังหวะพูดฟังดูแปลกๆ
“ฮึ่ย!” เจย์ส่งเสียงในรำคออย่างเจ็บใจแต่ก็เหมือนจะทำอะไรได้ไม่มาก
“คิกๆ”
“หยุดหัวเราะได้แล้ว!” เขาร้อง ขมวดคิ้วมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าที่ใส่เสื้อยืดคอกว้างหลวมๆกับกางเกงสั้นประมาณเข่าด้วยสายตาแปลกๆ คงไม่ชินตากับชุดสบายๆแบบนี้ ถึงปกติผมจะไม่ใช่คนแต่งตัวเรียบร้อยอะไรก็เถอะ
“…”
“เดี๋ยวสิ เธอจะไปไหน”
“ไปนอน” เจย์ที่ผุดลุกขึ้นจากเตียงเดินห่างออกไปหันมาตอบ
“ไปนอนที่ไหน? พี่มีห้องนอนห้องเดียวนะ” ผมว่าก่อนจะเดินไปดักหน้าเขาไว้ จริงๆแล้วชั้นนี้ก็พอจะมีห้องว่างไว้ใช้ทำห้องนอนหลายห้องอยู่เหมือนกัน แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะทำให้เยอะทำไมในเมื่อผมอยู่คนเดียว
“โซฟาข้างล่าง”
“ฝุ่นเยอะจะตาย พี่ไม่ได้ใช้นานแล้ว นอนที่นี่แหละ ไม่เบียดหรอก” ผมเหลือบมองเตียงคู่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ดูยังไงก็สามารถนอนได้มากกว่าสองคนด้วยซ้ำไป
“…”
“เอาน่า เจเจอย่างอแงสิ พี่ง่วงแล้ว” ผมว่าพร้อมกับรุนหลังเขาให้เดินกลับเข้าไปในห้อง ได้ยินเสียงบ่นงึมงำเบาๆแต่ผมทำเป็นไม่ได้ยิน
“เธอต้องกินยากันไว้ก่อน เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา อืม…อยู่ไหนเนี่ย” ท้ายประโยคผมพูดกับตัวเองเพราะยังหายาแก้หวัดที่จำได้ว่าเคยมีไม่เจอสักที เสียงค้นตู้เก็บของเป็นเสียงเดียวที่กำลังดังอยู่ในห้องตอนนี้ถ้าไม่นับเสียงสายฝนจากด้านนอก แต่ทั้งห้องก็ไร้คำพูดอยู่ได้ไม่นานเมื่อเจย์เริ่มเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“ที่โรงเรียนมีเพื่อนคนหนึ่งชอบถูกพวกเกเรรีดไถประจำ…”
“หืม…?” เขาไม่สนใจผมที่ขมวดคิ้วเป็นเครื่องหมายคำถามอย่างไม่เข้าใจ เด็กหนุ่มเอนตัวลงพิงกับหัวเตียงด้วยท่าทางสบายๆสายตาทอดมองสายฝนนอกหน้าต่างที่ดูเหมือนจะตกยาวไปตลอดทั้งคืนจนถึงเช้า
“วันนั้นเพราะไม่มีเงินให้ เลยถูกพวกนั้นเอาแหวนที่เป็นของต่างหน้าแม่ไปแล้วหนีไปเที่ยวที่ห้าง…ก็…แค่ตามไปเอาคืนให้เท่านั้นแหละ”
“เจเจ…”
“บุหรี่ที่โรงเรียนวันนั้นก็เป็นของคนอื่น แค่ผ่านไปเห็น…” เขาว่าต่อก่อนจะเหลือบมองผมนิดหน่อย
“หึ บอกไว้เฉยๆ ทนเห็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวน่ะ มันตลก” เจย์ส่งเสียงขึ้นจมูกก่อนจะมุดตัวลงไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา
“..เจเจ..! พี่ทำสีหน้าอยากรู้อยากเห็นตรงไหน พี่เป็นห่วงต่างหาก!” ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งที่ขอบเตียงพยายามเลิกผ้าห่มที่เขาคลุมโปงไว้ออกมา ในใจพลางนึกถึงสีหน้าตัวเองว่าจะเป็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นจนปิดไม่มิดแบบที่เจย์ว่ารึเปล่า
เรายื้อฉุดผ้านวมผืนใหญ่กันไปมาจนผมรู้สึกเหนื่อยและความรู้สึกเปียกชื้นจากเหงื่อที่ไหลซึมบริเวณขมับจึงเปลี่ยนมายีกลุ่มผมยุ่งๆสีดำใต้ผ้าห่มนั่นแทน …และได้ผล เจโผล่หน้าขึ้นมาจากกองผ้ามองผมตาขวางอย่างไม่ลบอารมณ์
“อย่าสิ ไม่ใช่หมานะ”
“หึหึ เจเจเด็กดี ทำไมไม่บอกพี่แต่แรกล่ะ”ผมพูดพลางลูบกลุ่มผมนุ่มนั่นเบาๆ ตอนแรกดูเหมือนเจ้าของจะไม่ชอบใจนักแต่สุดท้ายก็ยอมนอนนิ่งๆแต่โดยดี อืม…ผมว่าเขาเหมือนลูกสุนัขจริงๆนั่นแหละ
“ทำไมต้องบอก ..จะเชื่อรึไง”
“แล้วทำไมพี่จะไม่เชื่อเธอละ” ผมขมวดคิ้ว พยายามมองหน้าเขาที่ซุกลงกับหมอน
“…”
“นี่..ถ้ามีอะไรก็บอกพี่ได้นะ อืม…ถ้าไม่อยากบอก ก็มาเล่นกับพี่ก็ได้ ถ้าทำให้เจเจสบายใจขึ้น” ผมยิ้ม
บางทีอาจเพราะผมโตกว่าเขามาก เคยผ่านช่วงเวลาเดียวกับเขามาล่ะมั้ง ช่วงนั้นเป็นวัยที่กำลังสับสนและไม่มั่นคง เด็กๆจะถูกชักจูงได้ง่าย ผมไม่อยากให้เด็กดีๆแบบนี้ต้องเดินทางผิด อย่างน้อยการชักจูงให้เขามาร้านกาแฟบ่อยๆมันคงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรมั้ง…เออ…ผมคิดว่างั้นนะ…
“…ยุ่ง” เสียงตอบอู้อี้ดังมาจากในกองผ้าห่ม ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะบังคับให้เขาลุกขึ้นมากินยานอกจากตัวใหญ่แล้วเจย์ยังแรงเยอะมาก เล่นเอาผมเหนื่อยกว่าจะทำให้เขากินยาลงไปได้
ผมทิ้งตัวลงนอนที่ว่างบนเตียงที่เหลือก่อนจะผล็อยหลับไปทันที ถึงจะเหนื่อยแต่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ผมเดินลงไปดูร้านข้างล่าง ถ้าไม่อย่างนั้นเจย์คงต้องตากฝนอยู่ด้านนอกทั้งคืน คิดได้แบบนั้นผมก็รู้สึกอยากตีเด็กข้างๆนี่ให้เข็ด มาถึงหน้าร้านแล้วแท้ๆแต่กลับไม่ยอมเรียกผม บ้าจริงๆเลย
คืนนั้นผมฝันแปลกๆโดยไม่รู้สาเหตุ จะว่าเพราะมีคนอื่นมานอนด้วยก็ไม่น่าจะใช่ ผมฝันถึงสัตว์หลายชนิด ตอนแรกผมคิดว่าน่าจะเป็นลูกสุนัขมันดมตามศีรษะและใบหน้าของผมจนจักกะจี้ไปหมดพอบ่ายหน้าหนีมันก็เริ่มซุกไซร้บริเวณซอกคอ ผมคิดว่าน่ารักดีถึงจะจักกะจี้ไปหน่อย แต่แล้วผมก็รู้สึกเหมือนโดนมดตัวใหญ่กัด ความรู้สึกเจ็บจี๊ดบริเวณต้นคอหลายครั้งทำให้ผมพยายามขืนตัวหนี แต่ก็รู้สึกถึงแรงรัดแน่นจนไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ แย่ล่ะสิ หรือผมจะโดนงูรัดเข้าแล้ว ผมรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แถมรู้สึกถูกขบกัดตั้งแต่ซอกคอลงไปจนถึงอกแต่ขยับตัวหนีไม่ได้
“อื้ออ…” ผมครางอย่างอึดอัดพยายามพลิกตัวไปอีกทางแต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล ทันใดนั้นเองแรงรัดก็ค่อยๆคลายลง ผมขยับร่างกายให้ผ่อนคลายมากขึ้นก่อนจะรู้สึกถึงความหนักบริเวณบ่า กลุ่มขนนุ่มนิ่มคลอเคลียบริเวณข้างแก้ม …อ่า…เจ้าลูกสุนัขตัวแรกที่เข้ามาแน่ๆ ผมยกมือขึ้นไปสัมผัสกับกลุ่มเส้นขนนั้นก่อนจะขยี้เบาๆ มันขยับเล็กน้อยและเบียดตัวเข้าใกล้ผมมากขึ้น
อะไรกันล่ะเนี่ย นี่ผมจะต้องเลี้ยงลูกสุนัขตัวใหญ่ทั้งในชีวิตจริงและในฝันเลยเหรอ…!?.........................................
สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ!!!
หลังจากหายไปจัดการมรสุมชีวิตซักพัก
คนเขียนกลับมาแล้วนะคะ
ขอไถ่โทษที่หายไปนานด้วยการแปะรูปผู้ใหญ่ขี้แกล้งนะคะ