#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ
มีแต่ความคิดถึง...
[6] ในรอยร้าว I
หากหลับตาลงแล้วสามารถย้อนกลับไปในอดีตได้ ผมก็ไม่อยากลืมตาตื่นขึ้นมาอีกเหมือนกัน แต่ความบัดซบของชีวิตคือ แม้ว่าเราจะอยากตายแค่ไหนแต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่เหมือนเดิม
ครามยังอยู่ที่เดิม รักเรายังคงอยู่เหมือนเดิมในดินแดนแห่งความฝัน โลกที่ผมสร้างเอาไว้ไม่เคยมีใครเข้ามา ดินแดนเหนือที่มีแต่ท้องฟ้าสีคราม
ย้อนกลับไปในสมัยที่ยังเรียนมหาลัย
ช่วงเวลาปีหนึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นใหม่ในรั้วมหาลัย
“น้องชื่ออะไร น้องชื่ออะไร”
“ชื่อครามครับ”
“ชอบทำท่ายังงี้ยังงี้”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรี๊ดของพวกผู้หญิงดังขึ้นโดยล้อมรอบเด็กหนุ่มหน้าตาดีเอาไว้ ผมมองกลุ่มคนพวกนั้นอย่างปลงๆ ก็เป็นปกติของมหาลัยเวลาเจอเด็กหน้าตาดีก็มักจะรุมล้อมเอาไว้ ส่วนเด็กหน้าตาธรรมดาแบบผมก็ต้องถอนหายใจเหี่ยวๆ เพราะรุ่นพี่ไม่สนใจ
“ไอ้เหนือมึงดูผู้ชายคนนั้นสิอย่างหล่อเลย หล่อจนกูอาย” โซ่เพื่อนสมัยเด็กของผม เราสนิทกันเพราะบ้านใกล้กัน เรียนที่เดียวกัน พ่อแม่สนิทกัน จนขึ้นมหาลัยก็ยังมาอยู่คณะเดียวกันอีก ตอนนี้มันเลยเป็นเพื่อนในมหาลัยคนแรกของผม
จริงๆ แล้วผมโคตรเอียนหน้ามันเลย แต่ก็ต้องทนเพราะผมมีเพื่อนไม่เยอะแถมมนุษยสัมพันธ์ยังเรียกได้ว่าติดลบอีก ที่บ้านผมค่อนข้างเคร่งเรื่องคบเพื่อน พ่อมักบอกกับผมว่าให้สนใจแต่เรื่องเรียนไม่ต้องไปสนใจเรื่องอย่างอื่น สุดท้ายผมเลยไม่มีเพื่อน ขนาดมาเรียนมหาลัยยังต้องเรียนมหาลัยในจังหวัด ให้ตายเถอะ การเป็นลูกชายคนเดียวทำไมมันเหนื่อยแบบนี้
“คนไหนวะ”
“ที่ชื่อครามอะไรนั่นน่ะ” ผมมองตามที่ไอ้โซ่ชี้ แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายก็รู้ว่าผมมองแถมยังเอานิ้วชี้เข้าที่ตัวเองประมาณว่า พวกผมชี้มันเหรอ
“ชิบหาย มันเห็นด้วยว่ะ”
“นายชี้เราเหรอ” ผู้ชายที่ชื่อครามเดินเข้ามาหาพวกผมที่อยู่ด้วยกันสองคน พอมาอยู่ใกล้ๆ ผมรู้สึกกลายเป็นคนแคระไปเลยอีกฝ่ายสูงชะลูดเหลือเกิน คงเพราะพ่อชอบให้ผมอ่านหนังสือและเล่นอยู่ในบ้านเลยไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ทำให้ผมตัวเล็กกว่าผู้ชายคนอื่น ทั้งผอมแห้งและไม่มีกล้ามเนื้อ
“นายหล่อดีๆ ”
“ขอบคุณ เราชื่อครามนะ แล้วนาย? ” แปลกคน แถมไม่โกรธด้วยที่ชี้หน้า ปกติผมมักจะเจอแบบ มึงมองหน้ากูหา***มึงเหรอ ประมาณนี้มากกว่าเพราะสังคมไทยมันโหด
“ชื่อโซ่ ส่วนไอ้เอ๋อข้างๆ ชื่อเหนือ แต่เกิดภาคกลางนะ” ผมยิ้มทักทายอีกฝ่าย มันก็ยิ้มตอบกลับมาสักพักพอเด็กปีหนึ่งมารายงานตัวกันครบรุ่นพี่ก็เริ่มประกาศออกโทรโข่ง
"ให้น้องๆจับคู่แล้วเขียนป้ายชื่อให้กันนะคะ” เสียงรุ่นพี่ประกาศผ่านโทรโข่ง พวกเรายืนอยู่ด้วยกันสามคนมองหน้ากันไปมา โดยปกติผมต้องคู่กับไอ้โซ่แหละแต่คนด้านหน้ากลับทำหน้าเศร้าและพูดออกมาเสียงหงอยๆ “ฉันยังไม่มีคู่....”
“เห้ย งั้นเดี๋ยวนายคู่กับไอ้เหนือไป ฉันจะไปหาสาวๆมาคู่แทนก็ได้” พอได้ทีไอ้โซ่ก็รีบสลัดผมทิ้งทันทีแบบไร้เยื่อใยให้ผมอยู่กับเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักกันไม่กี่วิ
“น้องคนไหนที่ได้รับป้ายชื่อแล้ว ตั้งชื่อให้เพื่อนโดยมีชื่อเดิมอยู่ด้วยแล้วเพิ่มคำเข้าไป เช่น เพื่อนพี่ชื่อตัง ก็ตั้งว่า ตังหมด ไรงี้ เข้าใจมั้ยคะ” รุ่นพี่ประกาศออกโทรโข่งอีกครั้ง ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้า แล้วผมจะตั้งชื่อมันว่าอะไร คราม
สีคราม ทะเลสีคราม อะไรประมาณนี้เหรอ
“นายเขียนก่อนเลย” เหมือนว่าอีกฝ่ายก็คิดไม่ออกเหมือนกันเลยโยนให้ผมก่อน ผมรับปากกาเมจิกมาและนึกอยู่สักพัก
‘ฟ้าคราม’
“ฟ้าคราม?”
“ไม่มีความหมาย นายรีบเขียนป้ายชื่อฉันได้ละ” มันรับปากกาเมจิกในมือผมไปก่อนจะลงมือเขียน คนนี้มันมีอะไรที่ไม่เพอร์เฟคบ้างวะ ขนาดยืนเขียนตัวหนังสือยังไม่เอียง
‘แดนเหนือ’ โอโห้ ผมจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้ามันไม่ใช่ชื่อที่รุ่นพี่ พวกเพื่อน เรียกผมไปตลอดหนึ่งปี แดนเหนือกับได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว ชื่อโคตรลิเก
เอาเถอะสักวันหนึ่งคนอื่นลงลืมเลื่อนไปแหละ
แต่มีเรื่องตลกอย่างพอผมกลับจากทานข้าวป้ายชื่อของผมและครามได้หายไปตลอดกาล ผมไม่รู้ว่ามันหายไปได้ไง รุ่นพี่เลยเขียนให้ผมกับครามใหม่ แต่ก็ชื่อเหนือกับครามนั่นแหละ เหมือนว่าฟ้าครามกับแดนเหนือจะเป็นชื่อที่ผมกับครามเท่านั้นที่รู้และเห็นมัน
หลังจบรับน้องนั้น พอรู้ตัวอีกทีผมก็มีเพื่อนเยอะแล้ว คงเพราะมีคราม มีโซ่อยู่เลยดึงดูดผู้คนเข้ามา ในกลุ่มผมเป็นกลุ่ม ชายล้วน มีอยู่ด้วยกัน 8 คน เริ่มจาก ผมผู้ชายธรรมดา หน้าตาระดับกลาง ส่วนสูงระดับชายไทย ปากพูดจาระดับคนใบ้ ผมเป็นคนผู้ไม่เก่ง พอพูดต่อหน้าใครมักจะกระตุกกุกกัก มันเลยกลายเป็นปมจนผมไม่อยากจะพูดกับใครเท่าไหร่ถ้าไม่สนิทจริง
โซ่ เพื่อนสมัยเด็กที่ต่างกับผมสุดขั้ว มันพูดเก่งอัธยาศัยดีมีคนอยากเป็นเพื่อนกับมันเยอะแยะ แต่แปลกที่มันคบผมคนเดียวตั้งแต่เด็กยันมหาลัย มิตรภาพของผมกับมันพังลงบ่อยๆ เพราะมันสามารถทิ้งผมไปอย่างง่ายดายถ้ามีสาวอยู่ข้างหน้า โคตรเพื่อนตาย
คราม ผู้ชายหน้าหล่อที่จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่อย่าง งงๆ เขาเป็นคนที่ตรงข้ามกับผมโดยสิ้นเชิงดูซื่อๆ แต่ก็เจ้าเลห์ เป็นคนที่โดดเด่นทุกอย่างทั้งหน้าตาและส่วนสูง เป็นคนประเภทที่ไม่น่าจะมาคบกับพวกผมได้เลยเพราะเรามันคนละไทป์ เปรียบกับครามเป็นไทป์เจ้าชายสูงศักดิ์ ส่วนผมเป็นไทป์ตัวประกอบประชาชนเดินผ่านชัดๆ
ส่วนคนอื่นที่เข้ามาทีหลังก็จะมี วิกเตอร์ ชื่อฝรั่งหน้าโคตรไทย แต่ไอ้โซ่บอกว่าที่จริงผมชื่อวิกผมเพราะบ้านทำร้านเสริมสวยแต่พอขึ้นมหาลัยเลยเปลี่ยนเป็นวิกเตอร์ให้ดูคูล แปลกคน มันเป็นคนเงียบๆ คล้ายกับครามแต่วิกเป็นคนพูดตรงและแรง จนรุ่นพี่หลายคนไม่ชอบขี้หน้าเพราะนิสัยของมัน
ต่อมาเอ็ม เขาเป็นคนที่มีรูปร่างพอๆ กับผมแต่สูงกว่าผมนิดหน่อยเขามีผิวสีแทนและเข้ม แต่นิสัยมันไม่สมกับชื่อและลักษณะภายนอกเท่าไหร่ ทั้งตุ้งติ้งทั้งระริกระรี้จริตจะก้านคล้ายกับสาวสอง แต่มันก็บอกว่ามันแมนเต็มร้อยที่เห็นแค่แสดง เป็นตัวชงมุกตบมุกในกลุ่ม แม้จะเป็นมุกโง่ๆ แต่ก็ฮาดี ฮาที่ได้ด่ามันเวลาเล่นมุก เอ็มเป็นคนที่ไม่คิดมาก ง่ายๆ ใครด่าอะไรก็ไม่โกรธ หรือว่าตามไม่ทันไม่รู้
นายด์ที่เดินหลงๆ เข้ามา มันหลงเข้ามาจริงๆ มานั่งข้างผมและเรียกผมว่าเพื่อนรัก จากนั้นก็ตามมาอยู่ในกลุ่มพวกผม ทำท่าทีซี้กับพวกผมเหมือนรู้จักกันมาแล้วประมาณ 10 ปีได้ ทั้งที่พึ่งเจอกัน 10 นาที
จากนั้น ไอ้กั้งที่ถูกเพื่อนกลุ่มอื่นเทจนต้องมาเล่นกับพวกผม จริงๆ ก็ไม่แปลกเพราะนิสัยกวนตีน เล่นไม่รู้จักเวลามันเลยถูกเพื่อนกลุ่มอื่นเท แต่นิสัยมันก็ไม่เลวร้ายอะไร แค่กวนตีนเกินไปแค่นั้น
ส่วนคนสุดท้ายไอ้เมือง ที่ชื่อคล้องจองกับผมเหลือเกิน และบังเอิญมันดันมาเป็นบัดดี้ผม เวลาคนอื่นจะเรียกก็เรียกว่าเมืองเหนือๆ เมืองเป็นคนที่เข้ากับคนยากพอๆ กับผมได้ เลยทำให้มันมาอยู่กลุ่มกับพวกผมตั้งแต่วันที่จับบัดดี้
พวกเราสนิทกันและอยู่ในความสัมพันธ์แบบ งงๆ แต่แปลกพวกเราดันคบกันมาเรื่อยๆ ไม่เคยมีปัญหาอะไร และผมก็รู้สึกไว้ใจพวกมันมาก
แต่คนหนึ่งที่ผมรู้สึกต่างจากคนอื่นคือ ไอ้คราม ครามเป็นคนที่ชอบใส่ใจคนรอบข้าง เอาใจใส่ทุกรายละเอียด ขนาดเสื้อของผมมีรอยยับนิดเดียวมันยังทัก ผมรู้สึกว่ามันเป็นคนดี ไม่รู้ว่ามันดีแบบนี้กับคนอื่นภายนอกด้วยรึเปล่า
“เหนือตอนเช้าได้ทานข้าวปะเนี่ย เดินดูเพลียๆ”
“ไม่อะ ไว้ทานตอนเที่ยงรอบเดียว”
“อดข้าวอีกแล้วนะ ผอมแล้วผอมอีก” วันนี้มีผมกับครามมาเรียนด้วยกันสองคนเพราะเพื่อนคนอื่นเมาค้างทำให้ขาดเรียนเกือบหมดกลุ่ม ที่ผมมาเรียนได้เพราะพ่อไม่อนุญาตให้ผมไปดื่มกับเพื่อน
“ก็เดี๋ยวจะสาย ว่าแต่นายนี่ยังมาเรียนไหวอยู่นะ”
“แค่นี้จิ้บๆ ” มันยกมือขึ้นทำท่าจีบ และขยิบตามาให้ผม ถ้าเป็นคนอื่นทำท่านี้ผมว่าพังแต่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่ชื่อครามไง ทำอะไรออกมาก็ดูดี ครามถือว่าเป็นคนที่ฮอตที่สุดในกลุ่มเลยก็ว่าได้ แต่ผมไม่เคยเห็นมันคบใครเลยสักคน เคยมีเพื่อนในกลุ่มถามมัน มันก็ตอบว่าจะไม่คบใครมั่ว ถ้าจะคบกับใครสักคนต้องเป็นคนที่รักจริงๆ เพอร์เฟคไปอีกพ่อคุณ
“นินทาเราอยู่ปะเนี่ย”
“เปล่า”
“แต่แววตานายมันฟ้อง” และเรื่องแปลกอีกอย่างคือ ผมกับมันจะพูดแทนกันฉันนาย ฉันนาย แต่เพื่อนคนอื่นก็พูดมึงกูปกติ เพราะมันไม่พูดหยาบกับผม ผมเลยไม่พูดหยาบกับมัน แค่นั้น
“จริง? ”
“ล้อเล่น ฮ่าๆ นายนี่หลอกง่ายดีจัง”
“ไม่ตลกเลย ไปซื้อข้าวให้ด้วยเดี๋ยวจองโต๊ะให้”
“ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำตก ลูกชิ้นหมู ไม่เครื่องใน ไม่ผัก ไม่เผ็ด พริกปลายซ้อน น้ำตาลครึ่งซ้อน น้ำปลาสามหยด โรยหน้าด้วยถั่วงอกนิดหน่อย ถ้ามีถั่วป่นให้ใส่ถั่วป่นด้วย ใช่ปะ”
“แสนรู้มากเจ้าคราม” ครามเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมรู้ว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ผมจะทานข้าวในวันที่เรียนหนักๆ เพราะต้องการพลังงาน และทานก๋วยเตี๋ยวในวันที่เรียนน้อย ขนาดผมยังไม่ได้บอกว่าจะทานอะไรแต่อีกฝ่ายก็รู้หมดแล้ว นิสัยที่ใส่ใจรอบข้างของมันนี่มีประโยชน์จริงๆ ถ้าใครได้ไปเป็นแฟนคงโชคดีมากแน่
“โฮ่งๆ ”
“กวนตีน รีบไปเดี๋ยวคนเยอะ”
“ค้าบ คุณชาย” มันยีหัวผมจนฟูก่อนจะวิ่งออกไป ผมชูนิ้วกลางให้มันอีกรอบแต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะคิกคัก คิดว่าตัวสูงกว่าผมแล้วจะทำไรก็ได้รึไง
‘แกคู่จิ้นครามเหนือแหละ’
‘แกว่าเขาเป็นคู่จริงมะ’
‘มองจากดาวพลูโตก็รู้ปะชัดเจนขนาดนี้’
เสียงซุบซิบดังอยู่ใกล้ๆ ปัญหาในมหาลัยของผมตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเรียนไม่ใช่เรื่องเพื่อน แต่เป็นเรื่องคู่จิ้นเนี่ยแหละ ไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตนไหนดลบันดานให้ผมกับไอ้ครามจิ้นกันได้ ผมหยิบสมอลทอร์คเสียบเข้ากับโทรศัพท์และเปิดเพลงฟังเพื่อกลบเสียงรอบข้าง เพื่อนก็มีตั้งหลายคนทำไมต้องมาจิ้บผมกับไอ้หมาครามด้วย
พอจะเข้าโซเซียลหน้าฟีดก็เต็มไปด้วย #ครามขึ้นเหนือ ทั้งนิยาย ทั้งรูปแอบถ่ายจนผมคิดว่าชีวิตผมไม่ปลอดภัยแล้ว เหมือนดาราดังในทีวีที่ไปไหนก็มีแต่คนถ่ายรูป แต่เหมือนว่าจะมีแค่ผมที่เดือดร้อน เพราะครามยังดูชิลๆ กับการใช้ชีวิต ตลกปะ จากชีวิตเด็กไทป์ธรรมดากลายเป็นที่สนใจเพราะมีเพื่อนดัง ชีวิตพลิกผันเหมือนกันนางซินในนิทานไม่มีผิด
“อ้ะ ได้แล้วครับคุณชาย”
“ไปนาน นึกว่าโดนลากไปแล้ว”
“คิดถึงเหรอ”
“ขนลุก” ผมเก็บสายสมอลทอร์คและโทรศัพท์ใส่กระเป๋าไว้เหมือนเดิม ครามแค่ยักคิ้วกวนประสาทผมเท่านั้น ผมคิดว่าประโยคเมื่อกี้สาวข้างๆ คงเก็บไปจิ้นไหนถึงไหนกันแล้ว
“เฮ้ รีบทานไปไหนเดี๋ยวก็ติดคอหรอก”
“แค่กๆ ”
“พูดยังไม่ทันขาดคำ” คงเพราะผมรีบทานมากเกินไปเลยทำให้สำลัก ใครจะอยากอยู่กับบรรยากาศกดดันแบบนี้ ในตอนแรกจะรีบทานแล้วรีบแยกกับคราม กลายเป็นว่าช้ากว่าเดิม ครามหยิบทิชชู่ออกมาจากกระเป๋าตัวเองและซับที่มุมปากผมให้ เสียงซูดปากของเหล่าสาววายข้างๆ ทำให้ผมรู้สึกขนลุก ถ้าครามทำมากกว่านี้พวกสาวๆ ไม่เลือดกำเดาไหลพุ่งจนหมดตัวเลยรึไง
“พอ นายไม่ต้องยุ่งกับฉันมากหรอก ทานของตัวเองไป” ผมกะจะปัดมือมันออกแต่อีกฝ่ายกลับกุมมือผมเอาไว้
‘กรี๊ดดดด แก๊เห็นแบบที่ฉันเห็นปะ’
‘ชัดเต็มสองตาเลยจ้า แบบนี้ต้องลงทวิต’
‘ครามจะขึ้นเหนือแล้ววว’
บ้าบอ ผมสะบัดมือมันออกและลุกเอาถ้วยก๋วยเตี๋ยวไปทิ้ง ไม่ทงไม่ทานมันแล้ว จะอ้วก ตอนแรกผมคิดว่าครามคงทานข้าวต่อแต่ที่ไหนได้มันกลับเดินตามผมมาด้วย
“รอก่อนเหนือ”
“ว่ามา”
“ซื้อขนมก่อน”
“เป็นเด็กรึไงถึงให้รอ”
“แปปเดียวๆ ” ผมยืนรอมันหน้าเซเว่นในม. ครามรีบวิ่งเข้าใช้เวลาสักกลับมาพร้อมกับขนมถุงใหญ่ๆ มันยื่นมาให้ผมพร้อมบอกว่า “อ้ะ เห็นทานข้าวนิดเดียวกลัวไม่โต ทานขนมกับนมเยอะๆ นะ” โชคดีตรงนี้คนไม่เยอะเท่าที่โรงอาหาร ไม่งั้นฉากนี้คงกลายเป็นฉากในตำนานในฟิคนิยายแน่ๆ ถามว่าผมรู้ได้ยังไงว่ามีเรื่องพวกนี้ เพราะผมก็เล่นโซเซียลไงล่ะ แถมผมเป็นพวกชอบล่มเรือซะด้วย แต่ยิ่งล่มเรือยิ่งผุดมาเยอะกว่าเดิม
ผมก็อยากจะสร้างแฮชแท็กของตัวเองเหมือนกัน #เหนือปวดหัวไม่อยากมีผัวนะครับ
ครามเดินมาส่งผมจนถึงป้ายรถเมล์และรอจนผมขึ้นรถเมล์มันถึงจะยอมเดินกลับ เป็นคนที่ชอบดูแลคนอื่นจริงๆ เลย ผมอยากจะประกาศให้คนอื่นรู้ถึงคุณงามความดีของมันจริงๆ แต่ติดที่ว่าถ้าผมทำแบบนั้น #ครามขึ้นเหนือ ได้ขึ้นเทรนโลกแน่ๆ
ผมกลับมาถึงบ้านก็เปิดทวิตขึ้นมาเล่นเหมือนทุกที ทวิตของผมก็ไม่มีอะไรมากนอกจากไอ้กั้งกับไอ้เอ็มทวิตด่ากัน แล้วก็ทวิตดราม่าตัดพ้อชีวิตรักของไอ้เมือง ผู้ชายที่เข้ามหาลัยมาอกหักไปแล้วแปดแสนล้านครั้งได้ และที่เยอะไม่ต่างจากเพื่อนเลยคือทวิตที่ไอ้นาย์ด รีมา #ครามขึ้นเหนือ กลัวผมไม่เห็นรึไงถึงรีมาเป็นร้อย เหมือนว่ามันรีทุกอันเวลามีคนทวิตเกี่ยวกับแฮชแท็กนี้
สิ่งที่ผมไม่พอใจอย่างหนึ่งคือ ทำไมผมต้องเป็นรับ และไอ้ครามต้องเป็นรุกด้วย
คุณดุ๊กอินวันเด้อแล้นดึ @HGIJBs
ฉันว่าคู่นี้ต้องแอบคบกันแน่ๆ ดูมือที่กุมกัน ดูสายตานั่นสิ แฟนกันเว่ออออ #ครามขึ้นเหนือ
ผมว่าไม่นะ และไม่มีวันเกิดขึ้นด้วย
ครามเหนือเรือผีในสายหมอก @111115lih
#ครามขึ้นเหนือ แฟนกันต้องดูแลกันปะมีซื้อคงซื้อข้าวให้กันด้วย สามีที่ดี สามีแห่งชาติ สามีของเหนือสุด
อันนี้ผมว่าหนักกว่าอันแรก
สาววายหนึ่งอีเอ @YYYYY0i
จะมีผู้ชายสักกี่คนที่พกทิชชู่เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายชอบทานเลอะ จะมีผู้ชายทสักกี่คนที่ยอมต่อคิวซื้อของที่ชอบ จะมีผู้ชายสักกี่คนที่#$%^&* () _#$%^&* () #$%^&* () #ครามขึ้นเหนือ
พร่ำเพ้อมาก ผมทนอ่านไม่ได้จริงๆ อ่านจบไมเกรนขึ้นแหงๆ
ผู้ใช้ทวิต @kjijbbbb
สายข่าวบอกมาว่าทั้งกลุ่มไม่มีใครมาเรียนนอกจากเหนือเพราะเมาค้าง แต่ครามไม่อยากให้เหนือเรียนคนเดียวเลยฝืนลุกมาเรียนด้วย จากข่าววงใน #ครามขึ้นเหนือ
วงไหนวะ ผมจะได้ไปถามว่ารู้ได้ไง ผมกดออกจากทวิตก่อนจะเปลี่ยนมาเล่นเฟซแทน แจ้งเตือนของผมขึ้นเต็มไปหมด ผมขมวดคิ้วและกดเข้าไปดู เอาอีกแล้ว ในเฟซก็ไม่เว้นเหรอวะ ขอพื้นที่ส่วนตัวให้ผมที
KANG KUNG ได้แท็กคุณในโพส
วิภพ พเนจร ได้แท็กคุณในโพส
แคนดี้ มาเฟ้ย ได้แท็กคุณในโพส
ก.ไก่ ไม่มีไข่นะจ๊ะ ได้แท็กคุณในโพส
เหล่าเพื่อนและใครต่อใครไม่รู้ต่างแท็กผมไปที่โพสของเพจคู่จิ้นของมหาลัย เป็นรูปที่ผมกับครามนั่งทานข้าวด้วยกันพร้อมกับแคปชั่นแสนเลียนน้ำตาไหล ปิดเฟสดีมั้ยวะ ผมกดปิดเน็ตเมื่อเล่นไปก็ไม่มีไรดีขึ้นนอกจากปวดหัวเหมือนเดิม ทนๆ ไปเดี๋ยวเขาก็เลิกจิ้น
การที่เด็กหน้าตาธรรมดาแบบผมได้รับความสนใจแบบนี้คงต้องขอบคุณกระแสคู่จิ้น ทำให้ผมรู้สึกโด่งดังและมีตัวตน ผมเคยถามครามถึงเรื่องนี้แต่มันกลับบอกทนๆ ไปเถอะ เดี๋ยวเขาก็เลิกจิ้น ปีหน้าก็มีเด็กใหม่เข้ามาเรื่องของพวกเราก็จะกลายเป็นอดีต
“มาเรียนสายจังเลยนะน้องเหนือ”
“ใครน้องมึง” ผมโยนกระเป๋าใส่ไอ้กั้ง พอผมเข้ามาในห้องเรียนก็มีแต่เสียงมันเนี่ยแหละ ผมเลิกสนใจและทิ้งตัวลงบนที่ประจำ วันนี้รถติดมากกว่าจะมาถึงม. ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ปกติแค่ 30 นาทีก็ถึงแล้วแท้ๆ
“ไม่ได้ทานข้าวมาอีกแล้วเหรอ หน้าซีดๆ ” ครามที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมทักขึ้นมา เพราะผมรีบมาเลยไม่ได้ทานข้าวแถมคนบนรถเมล์ก็เยอะเบียดกันไปเบียดกันมาหน้าผมเกือบมืด
“ใช่ พอดีรีบๆ ”
“เอาขนมปังไปทานรองท้องก่อนปะ”
“ขอบใจ” ผมรับขนมปังจากไอ้ครามและแกะกินเหมือนทุกทีแต่สายตาที่พวกเพื่อนมองมามันแปลกๆ “มองหน้ากูมีไร”
“เปล๊า”
“พูดมาไอ้เอ็ม”
“ตอนแรกกูไม่คิดนะ แต่พอคิดแล้วมันก็หยุดคิดไม่ได้”
“เรื่อง? ”
“คราม มึงจีบไอ้เหนือเหรอวะ”
“ตลก” ผมส่ายหัวกับความคิดอกุศลของไอ้เอ็มก่อนจะปาถุงขนมปังใส่หน้ามัน สงสัยถูกอุปทานหมู่ของพวกสาววายลวงไปแน่ๆ
“เปล่า เพื่อนกัน” เป็นครามที่ตอบบ้าง ผมก็โล่งใจที่มันไม่คิดอะไร แต่ครามยังไม่พูดจบแค่นั้น “ไว้คิดอะไรเกินเพื่อนกูค่อยบอกพวกมึง”