สวัสดีคร้าบบบ วันอาสาฬบูชาไปทำบุญกันหรือยังค้าบ วันนี้ผมกับเป๊บเดินสายทำบุญเลยอะครับ สองครอบครัวไปพร้อมกันเลยอะ ถือว่าพิเศษกว่าทุกปีเลยค้าบ อิอิ หยุดติดต่อกันสี่วัน เลยรีบปั่นต้นฉบับมา สำหรับตอนนี้ไม่มีฉากหื่นๆ นะค้าบ รายละเอียดเยอะไปนิดเพราะอยากให้ผู้อ่านเห็นภาพคล้อยตามอะครับ จะมีเรื่องราวร้ายแรงเกิดขึ้นก่อนไปเสม็ดด้วยน้า ยังไงก็ติดตามอ่านนะค้าบบบ
Chapter 17 เจ้าจิมแซว การสำรวจบ้านเป๊บ กิจกรรมดึ๋งดั๋งรีดพิษยามเช้าก็จบสิ้นไป ผมรู้สึกเพลียๆ เลยอะครับ แอบขาอ่อน ฮ่าๆๆ ระหว่างที่รอเป๊บอาบน้ำ ผมก็ยืนเลือกเสื้อกับกางเกง ลังเลว่าจะใส่ตัวไหนดีหว่า ตัดสินใจตัวนี้แหละ สักพักเป๊บก็อาบน้ำเสร็จ เดินออกจากห้องน้ำ ผมตกใจมาก เพราะเป๊บไม่ได้นุ่งผ้าเช็ดตัวอะ บ้าแล้ววว เดินออกมาโทงๆ เห็นหมด ผมหันหน้าหลบเลยอะ เขินคร้าบบบ
“บ้าแล้วววว เป๊บ ทำไมไม่นุ่งผ้าเช็ดตัวอะ” ผมถามเชิงดุๆ เป๊บ
“อ้าว ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ที่รัก อยู่กันในห้องสองคน ต่างคนก็เห็นกันหมดแล้วนี่ครับ จะอายอะไร” เป๊บตอบแบบยิ้มๆ
“อะไรอะ แล้วถ้าเกิดเจ้าจิมมันเข้ามานั่ง แล้วเป๊บไม่รู้เดินแก้ผ้าออกมา จะทำยังไง” ผมแหวกลับ ชิ
“ฮ่าๆๆ ก็ให้เจ้าจิมมันดูเลยไง รู้กันไปเลยระหว่างมังกรพี่เขยกับมังกรเจ้าจิมใครหย่ายกว่า” เป๊บขำพร้อมกับพูดเสียงยานๆ ตรงคำว่าใหญ่
“ทะลึ่งงงงงงงงง เจ้าจิมมันคงอยากมองละ ชิ” ผมแลบลิ้นใส่
“ฮ่าๆๆ ว่าแต่ที่รักแต่งตัวน่ารักดีนะครับ แต่เป๊บว่าเปลี่ยนเสื้อดีมั้ย” เป๊บชมแต่บอกให้เปลี่ยนเสื้อ หมายความว่าไงงะ
“หือ ทำไมต้องเปลี่ยนอะเป๊บ น่ารักก็ต้องใส่ซิ” ผมถามกลับด้วยสีหน้างงๆ
“ก็..เป๊บหวงนี่ ก็โจ้เล่นใส่เสื้อคอวี โชว์แผงหน้าอกขาวๆ เดี๋ยวมีคนอื่นมามอง เป๊บไม่ชอบนี่น่า”
“อ๋ออออ...ฮ่าๆๆ”
ว่าไปเป๊บคงจะหวงจริงๆ นะแหละครับ ก็เพราะผมใส่เสื้อยืดคอวีสีชมพู กับกางเกงสแล๊คสีขาว ใส่สร้อยคอรูปจี้หัวใจ แล้วก็นาฬิกาแฟชั่น แต่งนิดๆ หน่อยๆ ทำมาหวง ชิ
“โหยยเป๊บอะ โจ้อยากแต่งแบบนี้นี่น่า นะๆๆ ให้โจ้แต่งแบบนี้น้า” ผมพูดเสร็จก็เข้าไปกอดๆ อ้อนๆ คลอเคลียร์เหมือนแมวเหมียว ฮิฮิ
เป๊บทำสีหน้าลังเลสักสิบวินาที
“ก็ได้ครับ แต่ที่รักห้ามอยู่นอกสายตาเป๊บนะ เข้าใจมั้ย” เป๊บทำตาดุๆ มองผม
“คร้าบๆๆ อยู่กะเป๊บตลอดดดด สัญญาๆๆ” ผมยิ้มตอบ พร้อมกับชูสามนิ้วทำท่าลูกเสือเลย ฮ่าๆๆ
“อะมัวแต่ว่าโจ้อะ ตัวเองไปแต่งตัวได้แล้ว ยืนโชว์มังกรอยู่นั่นอะ จะให้คนอ่านรู้ทั้งเล้าเรอะไงว่าใหญ่อะ” ผมแซว
“ช่ายยยย แล้วโจ้ว่าใหญ่ปะละ เห็นชอบเอาเข้าปากนิ” เป๊บแซวกลับ
ผมอ้าปากค้าง เพราะ เถียงไม่ออก ฮ่าๆๆ หน้าแดงแปร๊ดดดดด
หลังจากที่เป๊บอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เราสองคนก็เดินลงมาห้องทานข้าวด้านล่างครับ พ่อกับแม่ออกไปทำงานเรียบร้อยแล้ว เห็นเจ้าจิมกำลังทานข้าวเช้าอยู่
“เอ้าเฮีย , พี่เป๊บ มาทานข้าวด้วยกันครับ” เจ้าจิมหันหน้ามองพร้อมชวนทานข้าว
“จิม แล้วนี่ไม่มีเรียนหรือ ทำไมออกช้าจัง เก้าโมงแล้วนะเนี่ย” ผมถามเจ้าจิมครับ
“อ๋อ วันนี้มีสอบปลายภาคบ่ายโมงนะเฮีย เลยออกช้าได้ เดี๋ยวจะแวะไปรับเพื่อนแล้วเข้ามหา’ลัยนะ”
“สอบวิชาอะไรหรือจิม” เป๊บถาม
“การตลาดระหว่างประเทศครับพี่เป๊บ กำลังมึนๆ เลยนะ แต่จิมอ่านเต็มที่แล้ว ว่าแต่พี่เป๊บยังไม่เข้าช่วงเทศกาลสอบปลายภาคอีกหรือครับ”
“สัปดาห์หน้าก็สอบแล้วละจิม พี่ยังไม่ได้ทบทวนเลย” เป๊บตอบจิม ผมก็นั่งทานข้าวต้มไปฟังสองหนุ่มคุยกันไป
“อ๋อครับ ก็ติวๆ อ่านหนังสือกันบ้างนะพี่เป๊บ อย่าครางอื้ออ๊ากันบ่อยนัก”
“แค๊กๆๆๆ...แค๊กๆๆ” ผมสำลักข้าวต้มครับ เป๊บดูตกใจที่ผมสำลัก รีบยกแก้วน้ำกับการดาษทิชชู่
“ฮ่าๆๆๆๆ ตรงจุดเจงๆ” เจ้าจิมหัวเราะร่า แซวผมอะ
“ไอ้บ้าจิม พูดอะไรออกมานะ ใครครางอื้ออ๊า แค๊กๆๆ” ผมตะคอกถามจิมในขณะที่ยังไอสำลัก แต่หน้าแดงแปร๊ดดด อายอะ ส่วนไอ้คิงคองนะหรือครับ พอมันจับใจความได้ มันก็นั่งยิ้มๆ กึ่งหัวเราะ
“เปล๊าว่าเฮียนี่น่า ก็แค่เปรย เห็นเมื่อคืนกับตอนเช้ามีเสียงอื้ออ๊ากัน จิมก็เลยเป็นห่วงไง ฮ่าๆๆๆ”
“ทะลึ่งงงงง ไปแอบฟังทำไมเนี่ยยยย บ้าแล้วววว” ผมเขินสุดๆ แบบหน้าร้อนผ่าวเลยอะครับ อ๊ากกกก เจ้าจิมมันได้ยินด้วยง่า
“ฮ่าๆๆ ไม่ได้แอบฟังนะเฮีย แต่เสียงมันเล็ดรอดไปถึงห้องจิมเลยนี่”
ผมตาโตตกใจเลยอะ นึกไม่ถึงว่าเสียงจะได้ยินถึงห้องเจ้าจิมมม อ๊ากกกกกก
“เอาน่าจิม ไม่ต้องไปแซวโจ้มาก ดูซิหน้าแดงเลือดแทบพุ่งแล้ว ฮ่าๆๆ” เป๊บปกป้องผมแต่เหมือนจะเข้าข้างเจ้าจิมอะ แว๊กกก ไอ้คิงคองบ้า
“ฮ่าๆๆ คร้าบบบ ไม่แซวแล้ว รักเฮียน้า โอ๋ๆๆ อย่าแดงๆๆ ฮ่าๆๆๆ” เจ้าจิมทำหน้าทะเล้นใส่
“ทะลึ่งงงงง ทั้งคู่เล้ยยยยย” ผมแหกปากใส่ทั้งสองคน
หลังจากที่เราสามคนทานอาหารเช้าเสร็จ เจ้าจิมก็ขอตัวไปมหา’ลัย ผมกับเป๊บก็จะไปอ่านหนังสือที่มหาวิทยาลัยเช่นกันครับ ระหว่างทางนั่งเจ้าสีหมอกมาเรื่อยๆ ก็คุยกันตามประสาครับ
“เป๊บ โจ้ห่วงการสอบปลายภาคจังเลยอะ กลัวสอบตกอะครับ”
“อย่ากังวลครับที่รัก เดี๋ยวนัดเพื่อนๆ มาติวกัน เป๊บว่าสอบผ่านชัวร์ครับ” เป๊บหันมาตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่น่ารัก อ๊ากกก นี่ถ้าไม่ติดว่าเป๊บขับรถอะนะ จะจับโน้มคอมาจูบให้สะจายยยย คิคิ
“คร้าบๆ”
“เป๊บ เรื่องที่เจ้าจิมแซวอะ ไม่รู้ได้ยินจริงหรือเปล่า เขินอะ คราวหลังเราอย่าทำแบบนั้นดีกว่านะ โจ้อายอะแล้วพ่อแม่อาจจะได้ยินด้วย”
“เป๊บว่าพ่อกับแม่คงไม่ได้ยินนะครับ อีกอย่างจิมอาจจะแซวไปตามสถานการณ์ก็ได้นะ อย่าคิดมากเลยที่รัก ถึงจะได้ยินก็เป็นเรื่องปกติของคนรักกันนี่น่า” เป๊บตอบยาวยืดพร้อมชายตามามองยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผมอีก
“ไม่รู้แหละ โจ้อายนี่ งั้นต่อไปเวลามีอะไรกันก็ห้ามส่งเสียง ทำแบบเงียบๆ”
“ที่รักทำได้หรือครับ ตอนเช้าครางซะเต็มที่” เป๊บแซว
“พลั๊กกกก..”ผมทุบไหล่เป๊บไปทีนึง
“โอ้ยยย...เจ็บนะที่รัก” เป๊บทำท่าลูบไหล่ ผสมอมยิ้ม
ขับรถกันมาสักพัก ก็เลี้ยวเข้ามหาวิทยาลัยไปจอดที่เดิมครับ วันนี้คนน้อยจัง อาจจะเป็นเพราะใกล้เทศกาลสอบปลายภาคด้วย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลองโทรหาเพื่อนๆ เผื่ออาจจะมีใครมาอ่านหนังสือกันบ้าง โทรเสร็จก็รู้ว่าเบิดกับฉัตรอยู่ห้องสมุด ผมเลยเอ่ยปากชวนเป๊บไปห้องสมุดครับ
เราทั้งสี่คนอ่านหนังสือพร้อมกับติวในส่วนที่ไม่เข้าใจ เริ่มติวตั้งแต่สิบโมงครึ่ง จนเกือบๆ บ่ายสาม ทำให้ผมมั่นใจขึ้นมากเลยว่าการสอบงวดนี้ไม่น่าจะพลาด
“อีราก ไปหาไรแดกกันมะ” ฉัตรเอ่ยปากชวนขึ้นมา
“หรือ เออแดกไรดีอะ เป๊บค้าบๆ ไปหาอะไรกินกับฉัตรมั้ย”
“อืม..ที่รักว่าจะทันมื้อค่ำที่บ้านเป๊บมั้ย”
“อุ้ยยย....จริงด้วย นัดมื้อค่ำที่บ้านเป๊บนี่” ผมตอบเป๊บไป สีหน้าแอบกังวลผสมตื่นเต้นเล็กน้อยครับ จริงๆ ลืมไปแล้วว่าต้องไปทานข้าวบ้านเป๊บอะ
“จริงอะหอย....เมิงไปเปิดตัวที่บ้านเป๊บเรอะ” ฉัตรถามแบบยิ้มๆ
“ใช่ๆ พ่อกับแม่เป๊บเค้านัดทานข้าวนะ เมิงไม่ว่ากรูนะฉัตร งวดหลังค่อยไปแดกกันเนอะ”
“ตามสบายเลยอีราก เอาไว้หลังสอบไปแรดแดกอาหารทะเลที่เกาะเสม็ด” ฉัตรตอบแบบยิ้มๆ ทำท่าชูสามนิ้ว อะไรของมันอีนี่ แปลกๆ
“ตกลงพวกเราไปไหนกันต่อวะ” เบิดเพิ่งกลับจากเข้าห้องน้ำ มาถึงก็ถามทันที
“อีเบิดเมิงไปแดกกะกรูสองคน อีรากกับเป๊บมันมีกิจธุระพิเศษ” ฉัตรตอบเบิดแถมมีขยิบตายิกๆ ชิ พวกบ้า จะนินทากรูลับหลังละเซ่
“งั้นพวกเมิงสองคนไปแดกกันก่อนเนอะ ขอโทษทีวะ พอดีพ่อแม่กรูนัดทานข้าว” เป๊บบอกฉัตรกับเบิด
“เออไม่เป็นไรเป๊บ งวดหลังค่อยว่ากัน” ฉัตรตอบเป๊บ
“โอเควะ ที่รักไปกันเถอะ เดี๋ยวรถติดมากจะถึงบ้านเป๊บค่ำเกินครับ” เป๊บชวนผม
“ครับๆ” ผมโบกมือลาฉัตรกับเบิด
ผมกับเป๊บขับรถออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อเดินทางมุ่งสู่บ้านเป๊บ ในช่วงระหว่างการเดินทางผมก็นั่งเงียบคิดมากพอสมควรครับ จนเป๊บสังเกตเห็นเลยเอ่ยปากถามว่า
“ที่รัก เป็นอะไรครับ ดูสีหน้าเครียดๆ จัง ไม่สบายหรือเปล่า” เป๊บพูดเสร็จก็เอามือมาแตะที่หน้าผาก
“ไม่เป็นไรอะเป๊บ สบายดีครับ แต่โจ้รู้สึกประหม่าที่เจอพ่อกับแม่เป๊บอะครับ”
“ประหม่าทำไมอะที่รัก พ่อกับแม่เป๊บท่านใจดีนะ ไม่ต้องกลัวหรอกครับ”
“ไม่ได้กลัวในเชิงแบบนั้นอะเป๊บ แต่...คือ...โจ้กลัวว่าพ่อกับแม่เป๊บจะด่าเรื่องที่เราสองคนคบกัน เป๊บก็รู้นี่น่าว่าสังคมไทยเรายอมรับเรื่องชายรักชายมากขึ้นนะครับ แต่การคบกันก็มักจะถูกสังคมรอบข้างดูถูกดูแคลนว่าเป็นพวกวิปริต ผิดเพศ พ่อกับแม่ของเป๊บท่านเป็นผู้ที่มีเกียรติยศชื่อเสียง โจ้กลัวว่า การคบของเราสองคนจะทำให้ชื่อเสียงของท่านมัวหมองนะครับเป๊บ” ผมตอบเป๊บยาวมาก ราวกับว่าได้ระบายความอัดอั้นออกมาทั้งหมด
เป๊บมีสีหน้าที่กังวล คงกำลังคิดในสิ่งที่ผมอธิบายไป
“โจ้ครับ เป๊บรักโจ้มากนะ ถึงแม้ว่าคืนนี้พ่อกับแม่ของเป๊บยื่นเงื่อนไม่ยอมให้เราคบกัน เป๊บคงรับเงื่อนไขนั้นไม่ได้ โจ้ไม่ต้องห่วงนะ อย่าเพิ่งคิดมากไปก่อน อาจจะไม่เลวร้ายแบบนั้นก็ได้ครับ” เป๊บตอบผมเปลี่ยนจากสีหน้าเครียดๆ เป๊นยิ้มแทน
“ครับ ว่าแต่นี่ใกล้ถึงบ้านเป๊บยังอะ โจ้ว่าเรามาไกลพอสมควรเลยนะ” ผมถามเป๊บพร้อมมองข้างๆทาง นี่มันจะเข้าพุทธมณฑล 4 แล้วนะเนี่ย ไกลจัง
“ใกล้ถึงแล้วครับที่รัก พ่อกับแม่เป๊บท่านชอบออกมานอกเมืองนะ ท่านว่าอากาศดีกว่าอยู่ใจกลางเมือง เลยมาสร้างบ้านแถวๆ นี้ประมาณ 15 ปีก่อนครับ
“โหววว 15 ปีก่อนแถวนี้บางส่วนยังเป็นทุ่งนาเลยนะเป๊บ”
“ใช่ครับ บ้านคนยังน้อยมากนะ อากาศดี แต่ตอนนี้ความเจริญเข้ามาเยอะขึ้น เลยดูแออัดนะครับ”
ประมาณสิบนาที เป๊บก็ขับรถเลี้ยวเข้าซอย (ขออนุญาตไม่บอกนะคร้าบว่าซอยอะไรอะ อิอิ) ผมสังเกตข้างทางไปเรื่อยๆ ถนนในซอยก็กว้างนะ ปากซอยของกินก็เยอะนะเนี่ย ขับรถเข้ามาในซอยประมาณสองกิโลเมตร เป๊บก็เปิดไฟเลี้ยวขวาเข้าไปในซอยย่อย บ้านแต่หลังในซอยหรูหราใหญ่โตทั้งนั้นเลยครับ บ่งบอกเลยว่าเป็นบ้านคนมีฐานะร่ำรวยมากๆ เลยอะ
“ถึงแล้วครับที่รัก นี่ไงบ้านเป๊บ” เป๊บบอกผมพร้อมหักพวงมาลัยเลี้ยวขวาเข้าประตูบ้าน เป๊บกดรีโมทเปิดประตู พร้อมบีบแตร
“โอ้โหหหหห เป๊บบบบ บ้านใหญ่มากกกกกกกก” ผมตกใจมากครับ ทำไมนะหรือ คือ บ้านหรือพระราชวัง ใหญ่โตหรูหรา
“ฮ่าๆๆ ทำเสียงเว่อร์ไปแล้วที่รัก เป๊บว่ามันใหญ่แต่เหงานะ ทั้งบ้านอยู่กันแค่ พ่อ แม่ พี่ปริม พี่ปัน เป๊บ แล้วแม่นมกับแม่บ้าน รวมๆแล้ว สิบห้าคนเอง”
“หา จริงอะเป๊บ โจ้ว่าบ้านใหญ่ขนาดนี้คนอยู่ได้สักห้าสิบคนอะ”
“จริงซิที่รัก”
ประตูค่อยๆ เลื่อนเปิดช้าๆ เมื่อประตูเปิดเต็มที่ เป๊บก็ขับรถเข้าไปจอดเทียบตรงทางเข้าตัวบ้านครับ
“ที่รัก ปะ เข้าบ้านก่อนครับ”
“ครับ เป๊บ” ผมทำสีหน้าตกใจ ตื่นเต้น เครียด หลายอารมณ์เลยละครับ คือ บ้านหรูมาก จนผมไม่กล้าที่จะทำอะไรเลยอะ ผมเดินเข้าไปในตัวบ้าน
“ที่รักเดินดูบ้านไปก่อนนะ เป๊บขึ้นไปบนห้อง เดี๋ยวลงมานะครับ”
“ครับ เป๊บ เดี๋ยวโจ้จะรอแถวๆ นี้นะ” ผมยิ้มตอบเป๊บไป ไม่กล้าเดินสำรวจ แต่สวยดีนะ เดินดูก็ได้ ฮิฮิ
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ขอเล่าลักษณะของบ้านเป๊บนะครับ เนื้อที่ของบ้านประมาณ 6 ไร่ บ้านสร้างแบบสไตล์ยุโรปผสมผสานบ้านทรงไทยครับ ผมว่าคนออกแบบบ้านคงจะมีฝีมือมากๆ ทางเข้าตัวบ้านมีเสาสลักแบบกรีก – โรมัน ขนาดใหญ่ พื้นปูด้วยหินอ่อนสีขาว (เป๊บว่าหินอ่อนนำเข้าจากประเทศอิตาลี) ทาสีขาวทั้งบ้านผสมผสานกับสีทองคำบางส่วน (เป๊บว่าสีทองคำนั่นของจริง เอามาเคลือบตัวบ้านครับ โหเว่อร์) ข้างในตัวบ้านโอ่โถงมากครับ มีเครื่องลายคราม แจกันจีนขนาดใหญ่ ตู้โชว์ไม้สัก ชุดโซฟาสีทองคำ (เหมือนในละครไฮโซอะครับ) ผมเงยหน้ามองขึ้นไปที่เพดานบ้าน มีการเพ้นสีลวดลายท้องฟ้าสีคราม ดูเข้ากับชุดโคมไฟคริสตัลขนาดใหญ่ สวยงามมากๆ ครับ เดินเข้าไปในตัวบ้านก็จะเป็นห้องโถงนำไปสู่ทางขึ้นไปชั้นสอง มีบันไดไม้สักโค้งขนาบสองข้าง ขึ้นลงได้ทั้งสองทาง หัวบันไดไม้สักมีรูปดอกบัวทองคำ (ของแท้อีก) แค่บันไดก็สวยแล้วอะครับ
ผมกำลังเพลิดเพลินในการสำรวจเดินดูในบ้านเป๊บ ตรงนั้นก็สวย ตรงนี้ก็สวย หรูหรามากมาย เดินเพลินๆ ก็ชนกับ......
ต่อตอนหน้าคร้าบบบบ