ต่อนะคะ
ลักษณ์พิศดูรูปในอัลบั้มที่มีรูปเขากับไอ้ไวน์ในชุดนักเรียนม.ปลายวันสุดท้ายเนิ่นนาน เสื้อสีขาวสะอาดถูกปากกาเมจิกสารพัดสีเขียนฝากข้อความเอาไว้จนลายพร้อยเต็มตัวไปหมด ในมือของไอ้ไวน์มีกุหลาบอยู่หลายดอกจากบรรดาแฟนคลับทั้งในโรงเรียนและต่างโรงเรียนของมัน ส่วนในมือของลักษณ์มีกล่องของขวัญเล็กๆที่น้องห้องให้มา
รอยยิ้มกว้างนั้นดูสดใสจนเหมือนไม่ใช่เขาตัวจริงเลย ตอนนั้นเขากำลังเครียดหนักเพราะต้องตัดสินใจว่าจะเรียนเภสัชหรือว่าจะรอซิ่วหมอใหม่ดี ไอ้ไวน์เชียร์ให้เขาซิ่วหมอใหม่อีกรอบ มาเป็นรุ่นน้องของมัน เขาก็เลยตัดสินใจได้ว่าจะเรียนเภสัชซะเลย
ให้ไปเป็นรุ่นน้องมัน...ไม่เอาดีกว่า
เขาหันไปมองนาฬิกาบนฝาผนังห้อง....เกือบตีสี่แล้ว นี่เขานอนไม่หลับจนต้องลุกขึ้นมานั่งไล่ดูของเก่าๆฆ่าเวลา กะว่าพอเริ่มง่วงเมื่อไหร่จะได้รีบนอนอีกรอบ แต่ผ่านมาเกือบสองชั่วโมงเขาก็ยังตาสว่างโพลงอยู่เหมือนเดิม
เก็บของเก่าๆสมัยวันวานกลับลงกล่องเหมือนเดิม แล้วก็ยัดเอาไว้ใต้เตียง พักนี้เขาคิดถึงชีวิตม.ปลายบ่อยขึ้น ทั้งๆที่หลายคนบอกว่าชีวิตนักศึกษาสนุกกว่าชีวิตนักเรียนหลายเท่า แต่เขากลับเห็นต่าง ... ลักษณ์รู้สึกว่าช่วงเวลาเกือบหกปีในโรงเรียนแห่งนั้นเป็นความทรงจำที่มีความสุขมาก มันมากจนเขารู้สึกโหยหาแปลกๆ หลายครั้งที่เขาคิดถึงเสียงหัวเราะของเพื่อนๆในห้อง คิดถึงวิธีทำโทษสารพัดแบบของครูฝ่ายปกครอง คิดถึงสาวๆข้างห้องที่เขาชอบไปแอบนั่งมอง คิดถึงเพื่อนเก่าๆที่แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง
คิดถึง...เพื่อนตัวสูงใหญ่ที่คอยตามเขาเป็นเงาตามตัว คิดถึงเสียงห้าวๆที่ชอบพูดแหย่ให้เขาโกรธแล้วก็ค่อยมาง้อทีหลังด้วยวิธีบ๊องๆแต่ก็ทำให้เขาหายโกรธทุกที คิดถึงคำแนะนำในการจีบสาวต่างๆนานาที่มันสรรหามาเล่าให้เขาฟัง คิดถึงรอยยิ้มกวนๆกับดวงตาคมๆคู่นั้นเวลาที่มองมา......ก็ได้ เขายอมรับก็ได้ว่าเขาคิดถึง...ไวน์ ในฐานะเพื่อนเก่าคนหนึ่ง
ตั้งแต่วันที่เขาไปหาไวน์ที่คณะฯเรื่องบัดดี้ พวกเขาก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยมาเกือบสองอาทิตย์ ทั้งๆที่เข้าเรียนคาบเดียวกันอยู่บ่อยครั้ง ทว่าไวน์กลับทำมากที่สุดแค่ยกมือขึ้นทักเขาหรือพยักหน้าให้ เผลอๆอีกฝ่ายยังพูดคุยกับเพื่อนของเขามากกว่าคุยกับเขาด้วยซ้ำ
และเขา...คนอย่างลักษณ์ก็ไม่คิดจะเข้าไปคุยกับอีกฝ่ายก่อนหรอก เขาจะปล่อยให้ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของเราค่อยๆตายไปอย่างช้าๆ และเขาจะยืนกอดอกมองมันสูญสลายหายไปอย่างสงบ ไม่เหนี่ยวรั้งหรือยื้อใดๆทั้งนั้น ในเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดจะเก็บมันเอาไว้เช่นกัน
ถ้าเปรียบความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไวน์เป็นแม่น้ำก็คงจะเป็นแม่น้ำหรือคลองเล็กๆที่อยู่ในช่วงหน้าแล้ง น้ำแห้งขอดจนเห็นตอผุดขึ้นเต็ม ตรงข้ามกับความสัมพันธ์ของไวน์กับนิว ซึ่งดูจะเย็นฉ่ำชื่นหวานราวกับแหวกว่ายอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา
เขาไม่ได้อิจฉา ลักษณ์สาบานกับตัวเองเป็นรอบที่ร้อยเมื่อความคิดแบบนั้นผุดขึ้นมาทุกครั้งยามที่เขาเห็นคนทั้งคู่เดินอยู่ด้วยกัน เขาจะอิจฉาไวน์เรื่องที่ได้แฟนหล่อน่ารักเหรอ ฝันไปแล้วมั้ง...หรือจะอิจฉาที่นิวได้ความรักความเอาใจใส่จากไวน์ไปทั้งหมด....นั่นยิ่งบ้าเข้าไปใหญ่ เป็นความคิดที่ไร้สาระที่สุด
หรือว่าจะเป็นความน้อยใจ ลักษณ์คิดว่าคงใกล้เคียงกับความรู้สึกของตัวเองอยู่หน่อยๆ เขาคิดว่ามันคงเป็นกันได้ ลองถ้าใครมีเพื่อนสนิทที่ซี้กันมากๆแล้วจู่ๆเพื่อนคนนั้นก็หันไปซี้กับคนอื่นแทน ใครๆก็ต้องรู้สึกน้อยใจกันทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวหรอก และไม่ใช่เพราะเขารู้สึก ‘พิเศษ’ กับไอ้ไวน์ด้วย
เขาไม่มีทางรู้สึก ‘แบบนั้น’ กับไอ้ไวน์ เหมือนที่ไอ้ไวน์เคยบอกว่ารู้สึกกับเขาหรอก
นาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนตีห้า ลักษณ์เอื้อมมือไปกดปิด...สรุปเขาไม่ได้นอนเลยทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดอะไรก็ไม่รู้จนนอนไม่หลับ เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวลุกขึ้นเก็บที่นอนแล้วเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัว เขาฝืนไปมหาวิทยาลัยทั้งที่ไม่พร้อมเรียนเลยสักนิด
“ไงลักษณ์ หน้าตาเหมือนซอมบี้ อ่านหนักล่ะสิ อย่าลืมช่วยกูด้วยนะ ควิซท้ายคาบอ่ะ” ไอ้แซมทักเสียงดังก่อนจะลดเสียงลงเปลี่ยนเป็นกระซิบ
“เย็นนี้กูไม่ไปแล้วนะ พี่ชมรมกูจะพาไปเลี้ยง” เบียร์ที่ตามเข้ามาสมทบทีหลังพูดขึ้นบ้าง ความจริงวันนี้พวกเขามีนัดไปเล่นเกมกันที่บ้านของเต้
“กูก็ขอบาย เย็นนี้วิปชวนไปวิ่ง” ลักษณ์พูดขึ้นบ้าง หญิงสาวไลน์มาชวนเขาเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน เขาลืมไปเสียสนิท ไม่ได้เข้าไปตอบไลน์ของเธอจนกระทั่งเธอโทรมาหาเมื่อเช้า
ถึงเขาจะไม่อยากไปเพราะง่วงเพลีย แต่ด้วยความเกรงใจ ‘ว่าที่’ แฟน ก็เลยตอบตกลงไป
“ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันวิ่ง พอสาวชวนเท่านั้นแหละ...”
“อะไรๆ กูเป็นนักวิ่งมาก่อนโว้ย....” เสียงของลักษณ์ขาดหายไปเมื่อร่างสูงของเดือนมหาลัยเดินผ่านแถวที่พวกเขานั่ง ไวน์เหลือบมองมานิดนึง เสี้ยววินาทีที่พวกเขาสบตากันกลับทำให้ลักษณ์ลืมเรื่องที่จะพูดไปเสียสนิท
“แล้วไง...เอ้า ไอ้ลักษณ์ มึงหลับในเหรอวะ” แซมยกมือขึ้นโบกตรงหน้าเขา ลักษณ์กระพริบตาปัดมือของเพื่อนออก เขาแทบไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยหลังจากนั้น
ตอนเย็นลักษณ์ขอแยกกลับไปเปลี่ยนชุดก่อน ส่วนวิปเตรียมชุดมาแล้วก็เลยตามเขามารอที่หน้าร้านป้าดา ป้าดาชวนวิปกินข้าวเย็นด้วยกันอีก ทว่าคราวนี้เธอปฏิเสธ บอกว่าต้องไปกินกับมารดา
ลักษณ์พาเธอย้อนกลับมาที่สวนสาธารณะข้างๆมหาวิทยาลัย เวลาเย็นๆแดดร่มลมตกแบบนี้มีหนุ่มสาวมาวิ่งออกกำลังกันอยู่เยอะทีเดียว บ้างก็มาเดินเล่นชมวิวกับเพื่อนๆ บ้างก็มาปูเสื่อนั่งกินข้าวกินขนมกัน
“คนเยอะเหมือนกันนะวันนี้ ลักษณ์เคยมาหรือเปล่า”
“ไม่เคยเลย ครั้งแรก” ลักษณ์ตอบ ก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้แน่นกระชับขึ้น “วิปมาบ่อยเหรอ”
“นี่ครั้งที่สาม ปกติมากับเพื่อนในกลุ่ม” เธอตอบกลับมา วันนี้เธออยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นอวดเรียวขาสวย ลักษณ์ลอบมองผิวขาวเนียนนั้นอย่างพอใจทีเดียว ....ต้องแบบนี้สิ ถึงจะถูกใจ
เขากับวิปวอร์มร่างกายแล้วก็ออกวิ่งเหยาะๆไปตามทางที่ทอดยาวคดเคี้ยวไปมา ลัดเลาะไปตามสุมทุมพุ่มไม้และไม้ยืนต้นสูงใหญ่ ลมเย็นๆพัดมาไม่ขาดระยะ อากาศดีเสียจนไม่น่าเชื่อว่าถัดไปไม่กี่ร้อยเมตรมีรถติดอยู่เต็มท้องถนน
“ดีจังเลยนะ ผมชอบ” ลักษณ์พูด ส่งยิ้มให้หญิงสาวที่วิ่งอยู่เคียงข้าง เธอยิ้มตอบกลับมา เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้านั้น วันนี้วิปถอดแว่นตาออก เลยมองเห็นดวงตากลมโตของเธอได้ชัดเจนกว่าทุกวัน
ลักษณ์คิดว่าตัวเองคงไม่ได้คิดไปเองหรอกว่าวันนี้วิปสวยน่ารักมาก
“ไว้มาวิ่งอีกนะ แก้เครียดด้วยไง พักนี้ลักษณ์ดูเครียดๆ คิดเรื่องอะไรอยู่ เล่าให้เราฟังได้นะ” หญิงสาวพูดยิ้มๆ
“ก็เรื่องทั่วๆไปนั่นแหละ เรื่องเรียน เรื่องสอบ เรื่องที่บ้าน...แล้วก็เรื่องวิป”
“หืม? วิปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ” เธอถาม
“เกี่ยวดิ ก็เราคิดถึงวิปไง”
“พูดแบบนี้เดี๋ยวจะฟ้องแม่”
“พอดีเลย ลักษณ์จะได้ฝากเนื้อฝากตัว”
“กะจะเอาทุกดอกเลยหรอ” วิปพูดแล้วหัวเราะเบาๆ
“ก็จนกว่าวิปจะใจอ่อน” เขาสวนกลับไป แล้วยิ้มกว้าง กำลังจะหยอดต่ออีกหน่อย สายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นร่างสูงๆคุ้นตากำลังวิ่งมาทางนี้เข้าพอดี
หัวใจของลักษณ์กระตุกไปวูบโดยไม่ทันตั้งตัวก่อนที่จะกลับมาเต้นแรงขึ้น เขาเกือบหลุดปากเรียกชื่ออีกฝ่ายไปแล้วแต่กลั้นเอาไว้ทันเมื่อเห็นร่างเล็กบางที่วิ่งตามหลังเข้ามาในระยะสายตา ...เพื่อนสนิทของเขาไม่ได้มาวิ่งคนเดียว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรในเมื่อสองคนนั้นก็ทำตัวติดกันเป็นบี1บี2อยู่แล้ว
ลักษณ์หันกลับมา เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอหยุดยืนอยู่กับที่จนทำให้หญิงสาวมองมาที่เขาอย่างฉงน
“เพื่อนลักษณ์ใช่มั้ย จะเข้าไปทักก็ได้นะ” เธอพูดขึ้น
“ไม่ล่ะ มันมากับแฟน เราไม่อยากรบกวน” ลักษณ์ตอบ เริ่มออกวิ่งอีกครั้ง “แล้วเราก็ไม่อยากให้มันมารบกวนเหมือนกัน” เหลือบมองคนวิ่งข้างๆก็เห็นพวงแก้มสีชมพูด้วยเลือดฝาดนั้นแดงเรื่อขึ้นกว่าเดิม
“ทำไมล่ะ”
เขารู้ว่าวิปรู้ว่าเขาจงใจสื่อว่าอะไร และเธอก็แกล้งถามกลับมาอย่างนั้นเอง หลังจากที่คุยกันมาเกือบเดือน ลักษณ์เริ่มจับทางได้ว่าผู้หญิงอย่างวิปไม่ได้ฉลาดแต่เรื่องเรียนเท่านั้น
“ก็...วิปอยากให้เราพูดตรงๆหรือเปล่าล่ะ” คนฟังหัวเราะเสียงใส ส่ายหน้าไปมาอย่างน่าเอ็นดู ลักษณ์เลยยิ้มตาม ความรู้สึกหม่นๆเมื่อครู่จางหายไปเล็กน้อย
“งั้นเราจะเก็บเอาไว้ก่อน เรารอได้จนกว่าวิปจะพร้อม”
“บางทีอาจจะเป็นเราที่ต้องพูดประโยคนั้นนะลักษณ์” วิปตอบกลับมาน้ำเสียงทีเล่นทีจริงจนเขาเอะใจเงยหน้าขึ้นมองหน้าเธอ ทว่าเธอกลับชวนเปลี่ยนเรื่อง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปเสีย
ท้องฟ้ามืดแล้วตอนที่เขาโบกมือให้วิปที่เดินไปขึ้นรถของมารดาที่มาจอดรอรับ มารดาของเธอไม่รับไหว้เขาอีกตามเคย ลักษณ์คิดว่าฟิล์มติดกระจกรถยนต์ของเธอคงจะมืดเกินไปเลยมองไม่เห็น
ชายหนุ่มเดินช้าๆย้อนกลับมาตามทางเดิม ผู้คนที่เดินสวนทางผ่านมาบางตาลงจากเดิมมาก คงกลับบ้านไปหาคนที่รักกันหมดแล้ว ลักษณ์ยิ้มนิดๆเมื่อนึกถึงบทสนทนาระหว่างเขากับวิปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
...ถ้าเขาไม่คิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป เขาก็คิดว่าคงใกล้ถึงเวลาเผาไร่แห้วร้อยไร่ของตัวเองแล้วล่ะ...
เท้าเดินมาจนเกือบถึงใจกลางของสวนสาธารณะที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และเต็มไปด้วยมุมลับตา ลักษณ์เดินเลี้ยวหลบชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งพลอดรักกันอยู่ข้างพุ่มไม้ไปอีกด้านที่สว่างกว่า เขาก้มหน้าก้มตาเดินจนเห็นเงาของคนสองคนทอดยาวจากเสาไฟต้นเล็กๆข้างหน้า....ร่างหนึ่งสูงใหญ่คุ้นตาขณะที่อีกร่างเล็กบางกว่ามาก
ลักษณ์ชะงักฝีเท้าลงจนกลายเป็นหยุดนิ่งเมื่อเห็นคนร่างสูงยกมือขึ้นประคองใบหน้าของคนที่แนบชิดเอาไว้ เขารู้ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำจริงๆเสียอีกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้
และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ
ลักษณ์รู้สึกเหมือนตัวเองยืนดูภาพสโลวโมชั่นอยู่ตอนที่เสี้ยวหน้าคมก้มลงประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากบางของคนในอ้อมแขน มันเชื่องช้าและเนิ่นนานจนเหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้ ลักษณ์อยากเดินหนีทว่ากลับขยับตัวไม่ได้ เขาได้แต่ยืนเบิกตามองสองคนนั้นเหมือนไม่เคยเห็นคนจูบกันมาก่อน
หัวใจเต้นแรงอยู่ในอกราวกับบ้าคลั่ง ภาพผู้ชายสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกดูดวิญญาณออกไปด้วย แข้งขาอ่อนเหมือนจะทรงตัวไม่ไหว ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเค้าเลยสักนิดเดียว
นานจนลักษณ์เกือบลืมวิธีหายใจไปแล้ว ตอนที่สองคนนั้นผละออกจากกันก่อนที่ร่างสูงๆนั้นจะโอบไหล่คนตัวเล็กกว่าเอาไว้แล้วพาเดินหายออกไปอีกทาง ไม่มีทีท่าว่าจะสังเกตเห็นใครอีกคนที่ดันมาเห็นช็อตเด็ดเข้า
....ไวน์ กับคนๆนั้น ....จูบกัน
พวกเค้าจูบกัน....อย่างดูดดื่ม
ลักษณ์ครุ่นคิดอย่างมึนงง เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทุกส่วนในร่างกายรวมถึงสมองมึนชาเหมือนเพิ่งโดนสายฟ้าฟาดลงมากลางศีรษะ ภาพเมื่อครู่ฉายย้อนกลับมาชัดเจน เขาเห็นแม้แต่ขนตายาวตรงของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ฉากนั้นมันฉายกลับไปกลับมาในหัวเหมือนเป็นฉากเด็ดติดตาของภาพยนตร์คลาสสิกสักเรื่องที่เขาชอบ
ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนพื้นหญ้าใกล้ๆนั้นเอง เขาไม่มีแรงเดินกลับบ้านตอนนี้ มือสั่นยกขึ้นแตะที่แผ่นอกข้างซ้าย สัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อข้างในที่เต้นเป็นจังหวะรัวเร็วเหมือนกลองจนเจ็บร้าวไปหมดทั้งอก
อะไรกัน...ความรู้สึกนี้
น้ำตาร้อนๆไหลลงมาจากขอบตา เขายกมือขึ้นแตะอย่างมึนงง มันไหลลงมาเป็นทางจนเขาตกใจ ลักษณ์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอารมณ์มากมายที่พุ่งขึ้นมาพร้อมกันอย่างฉับพลันนี้มันมาจากไหน ราวกับว่ามันถูกเก็บกักเอาไว้นานแล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัว...ไม่เคยสนใจ
เหมือนคลื่นใต้น้ำที่ไหลวนอยู่ใต้ผืนน้ำที่ราบเรียบ จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดมีมือดีมาเขย่าแผ่นดินข้างใต้จนเกิดรอยแยกแตกออก รอยแยกลึกดำมืดนั้นดูดกลืนเอาน้ำทะเลลงไปข้างใต้ก่อนจะส่งกลับขึ้นมาเป็นคลื่นยักษ์ที่ใหญ่กว่าตึกสิบชั้น
ลักษณ์ได้ยินเสียงคลื่นยักษ์นั้นพัดถล่มอย่างรุนแรงและรวดเร็ว มันทำลายเมืองทั้งเมืองจนราบเป็นหน้ากลองในพริบตา รวมถึงกำแพงใหญ่ๆล้อมรอบหัวใจที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาปีนขึ้นไปบนซากปรักหักพังของกำแพงเหล่านั้น ทอดสายตามองซากเมืองที่พังทลายไม่เหลือชิ้นดี แว่วเสียงคล้ายสะอื้นดังออกมาจากซอกมุมหนึ่งใต้กองอิฐแดงๆที่ครั้งหนึ่งเคยมีกำแพงล้อมทึบเอาไว้ทุกด้านจนเขาไม่เคยมองเห็นด้านใน ลักษณ์ก้าวเดินตามเสียงเข้าไปช้าๆ
....เด็กคนหนึ่งในชุดมัธยมต้นนั่งกอดเข่าก้มหน้าร้องไห้อยู่ใจกลางซากกำแพงนั้น
.........................................................................................
มาอัพต่อจบตอนนะคะ อ่านกันเข้าใจหรือเปล่าอ่ะ5555
ถ้าใครงงก็สรุปว่าลักษณ์เพิ่งค้นพบความรู้สึกของตัวเองที่แอบซ่อนอยู่มานานมากแล้วหลังจากเจอไวน์จูบกับคนอื่นนั่นเอง และดูเหมือนว่าความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นตั้งเเต่สมัยม.ต้นเเล้วด้วยนะเออ เฮ้ออออวงวารรร ความรู้สึกช้าจริมๆ
งานนี้คน #แอบลักษณ์ ตัวจริงจะทำไงต่อ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ด้วยน้าา ในเล้าเป็ดด้วย ในทวิตเตอร์ด้วย ขอบคุณมากๆค่ะ