[7]
“คราวหลังจะทำอะไรมึงปรึกษาพวกกูก่อนนะ” เสียงไอ้หมงมันบ่นหลังจากช่วยผมยกตู้เย็นขึ้นมาบนห้องแล้ว จะพูดให้ถูกก็ต้อง....หลังจากที่ไอ้หมงมันดูผมกับไอ้เรย์ขนตู้เย็นมาไว้บนห้องแล้ว
“พูดทำเพื่อ” ผมนั่งหอบอยู่ข้างๆตู้เย็น แหงนมองหน้าไอ้หมงที่ยืนบ่นผมอยู่
“อ้าวไอ้นี่นิ พวกกูมาช่วยยังจะมาประชดอีก” ไอ้หมงตบหัวผมเบาๆ ก่อนจะทำหน้าเคืองๆ
“กู.....กับไอ้เรย์ ยกกันสองคน” ผมมองหน้ามัน พร้อมกับชี้นิ้วที่ตัวผมกับไอ้เรย์สลับกัน
“แต่กูเป็นคนตามไอ้เรย์มาช่วยมึง” เหตุผลของมัน น่าเอาตีนไปลูบหน้าเบาๆสักที
“กูโทรไปหามึง แล้วมึงแค่หันไปบอกไอ้เรย์เนี่ยนะ” ก็จริงไหมครับ ผมโทรไปหาไอ้หมง พอดีมันสองตัวอยู่ด้วยกัน ไอ้หมงมันเลยหันไปบอกไอ้เรย์ให้ แค่นั้น..
“แล้วกูเป็นคนบอกไอ้เรย์หรือเปล่าหละ” มันทำหน้าว่ามันเป็นต่อ.... เฮ้อ ไม่ไหวๆๆ เหนื่อยๆแบบนี้ไม่อยากจะเถียงกับมัน
“มึงคิดยังไงไปซื้อตู้เย็นมาวะ แล้วมึงไปซื้อร้านไหนวะเนี่ย บริการแย่มาก เอามาทิ้งไว้หน้าหอแล้วก็ไปเลย กูจะได้ไม่ไปซื้อ” ไอ้หมงมันบ่นแต่ไม่ได้สนใจจะมองดูผมเลย เพราะมันมัวแต่สนใจขนมของผมมากกว่า มันกินคำนึงป้อนไอ้เรย์ทีนึง.....นี่ไอ้ตัวล้างผลาญ สองตัวนี้กะให้ขนมผมหมดห้องเลยหรือไง
“ร้านพี่เค” ผมตอบนิ่งๆ แต่ก็ทำให้ทั้งสองตัวหยุดแล้วหันมามองผม
“พี่เคไหนวะ” ไอ้หมงเหมือนจะกลั้นใจถามผม และผมคิดไว้ในใจว่ามันคงภาวนาว่าไม่ใช่พี่เคคนที่มันคิด
“พี่เค....เดือนบริหาร ปี 3 ชัดเจนไหม” ผมหละขำจริงๆกับหน้าตาเหรอหราของไอ้หมง มันหันไปมองหน้ากับไอ้เรย์ ซึ่งไอ้เรย์ไม่ได้พูดอะไร แค่ตบไหล่ปลอบมันเท่านั้น
“มึงอย่ามาอำกู พี่เคเปิดร้านขายตู้เย็นที่ไหน สัดนี่หลอกให้กูตกใจ” ไอ้หมกยังพยายามเข้าข้างตัวเองต่อไป แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันจะกลัวทำไมนักหนา
“ไม่ได้เปิดร้านแต่พี่เคยกมาจากที่บ้าน เอามาให้กูใช้” ผมเดินเลี่ยงจากพวกมันสองคน เพราะอยากจะอาบน้ำเต็มที ไม่ไหวร้อนมากๆ
“ป๊าบบ”
“โอ๊ย ไอ้หมง มึงมาตบหัวกูทำไมวะเนี่ย” ผมไม่น่าหันหลังให้มันเลยจริงๆ พอผมจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว ไอ้หมงก็ตบหัวผมอย่างจัง
“เล่นไม่เลิกนะมึง ทำไมพี่เคต้องยกตู้เย็นมาให้มึงด้วย กูไม่สนุกกับมึงนะ” ไอ้หมงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“กูไม่ได้แกล้งมึง พี่เคยกมาให้จริงๆ ถ้าอยากรู้ว่าจริงไหม ตอนเย็นมึงก็อยู่รอเจอสิ” ผมจ้องหน้ามันนิ่ง เพราะอยากให้มันรู้ว่าผมไม่ได้พูดเล่น
“แล้วกูจะเป็นอะไรไหมวะ” ไอ้หมงทำหน้าเศร้าขึ้นมาทันที
“ทำเหี้ยไรหละ......” ผมไม่เข้าใจมันว่ามันจะต้องทำอะไร หรือเพราะกลัวพี่เค ....แล้วมันจะกลัวไปทำไม
“กูถามจริง มึงจะกลัวอะไรพี่เคนักหนาวะ” ผมถามเพราะมันไม่สนใจผม มัวแต่ทำหน้าเครียด
“มึงไม่รู้อะไร ตอนม.ปลายกูเป็นรุ่นน้องพี่เคที่โรงเรียนเก่า มีเด็กต่างโรงเรียนมาหาเรื่องพี่เค พี่แกเลยจัดการสงเคราะห์ให้ ส่งไปนอนโรงพยาบาลเลยทีเดียว” ไอ้หมงบอกอย่างหวาดๆ
“แล้วไงวะ” ก็แค่มีเรื่อง แล้วชนะ มันจะอะไรนักหนาวะ
“5 คน”
“ว่าไงนะ” ผมตกใจกับคำพูดของไอ้หมง
“เดกที่มาหาเรื่องมี 5 คน ทุกคนไปนอนที่โรงพยาบาล ส่วนพี่เคหน้าช้ำ คิ้วแตกเล้กน้อย มึงคิดว่าควรจะไปมีเรื่องด้วยหรือเปล่าหละ”
“แล้วมึงจะกลัวทำไม มึงไม่ได้ไปทำอะไรพี่เค้าสักหน่อย” ไอ้คนที่กลัวน่าจะเป็นผมมากกว่า เจอกันอยู่ทุกวัน แต่เอ.....เมื่อวานกูเพิ่งกัดเค้าไปนี่หว่า ตายๆๆๆๆ พี่เคจะฆ่ากูยัดตู้เย็นเหมือนหนังผีป่าววะ
ผมแอบเหล่ตู้เย็นพี่เคอย่างระแวง ไม่น่าหรอกน่า จะลำบากยกมาทำไมด้วยเรื่องแค่นี้......แค่นี้หรือเปล่าหว่า
ระหว่างที่ผมใช้ความคิดและเหล่มองตู้เย็นเป็นระยะ ไอ้หมงก็ทำลายความเงียบด้วยคำที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนทิ้ง
“ไอ้เรย์ถอยทัพ ยกพลกลับเว้ย” ไอ้หมงเรียกไอ้เรย์ให้กลับหอ โดยไม่สงสารที่ผมต้องอยู่รอพี่เคคนเดียว
“เฮ้ย เดี๋ยวสิวะ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน” ผมถลาไปคว้าแขนของไอ้หมงไว้ แต่มันสลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี
“โชคดีนะเพื่อน” แล้วมันสองตัวก็ชิ่งออกจากห้องผมไป ไอ้เพื่อนเลว ไอ้เพื่อนเวร
เมื่อโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว ผมเลยได้แต่นั่งหวาดระแวงกับตู้เย็น นี่ผมคิดมากไปไหมนี่
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ไอ้ตะ...........” พี่เคโทรมาหาผมตอนเย็น ยังพูดไม่ทันจบผมก็สวนขึ้นทันที
“อย่าเรียกผมว่าไอ้ตะเกียบนะ ผมมีชื่อ ผมชื่อนินจา เรียกให้ถูกด้วย” สงสัยจะเพราะเพิ่งตื่น ทำให้ผมบ้าพอที่จะโวยวายใส่พี่เค และก้ได้ผล พี่เคเงียบไปพักหนึ่ง
“ไอ้เตี้ยยยยย ให้เวลา 3 นาที ลงมาใต้หอด่วน ไม่งั้นตาย!” พี่เคตะโกนกลับมาอย่างดัง พร้อมทั้งขู่กำชับผมอีกต่างหาก พอเจอเสียงแบบนั้นมันทำให้ผมเด้งตัวลุกออกจากเตียงทันที คว้าแว่น กุญแจ กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์ได้ ก้วิ่งลงไปใต้หอทันที
ผมเห็นรถพี่เคจอดอยู่เลยเดินไปเปิดประตูพร้อมกับนั่งข้างคนขับ ทำให้พี่เคหันมามองสภาพผม
หัวฟู --------- > ผมเพิ่งตื่น
เสื้อยืดยานๆ ----------- > ใส่สบายเวลานอน
กางเกงขาสั้น --------- > เวลานอนจะใส่ขายาวทำไมหละ
พี่เคเห็นสภาพผมแล้วก็ต้องส่ายหน้า
“นี่นายจะแต่งตัวแบบนี้ไปเดินห้างเนี่ยนะ ซกม๊กจริง แต่ก็ช่างเหอะ” พี่ครับ คุณพี่ได้บอกผมไหมว่าจะพาผมไปไหน พี่บอกให้เวลาผม 3 นาที ผมจะไปมีเวลาแต่งตัวตรงไหนครับ
ผมกำลังนั่งคิดอยู่เพลินๆ พี่เคก็เอี้ยวตัวไปหยิบทิชชูที่เบาะหลัง แล้วหันมาหยิบแว่นผมออก พร้อมกับเช็ดลงบนขอบตาของผมเบาๆ
“เด็กไม่รู้จักโต” พี่เคบ่นทิ้งท้ายก่อนจะออกรถไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“พี่เคจะมาซื้ออะไรครับ” ตอนนี้พี่เคพาผมมาที่ Big C ..... คงไม่กล้าพาผมไปที่ห้างหละสิ ไอ้ผมก็ไม่คิดว่าพี่ท่านจะพาออกมาไกล ก้บอกให้รีบเราก็รีบ เฮ้ออออ
“ที่นอนปิกนิค” พี่เคตอบนิ่งๆ มือก็ยังเข็นรถเข็นต่อ
“ซื้อไปทำไมหละพี่ ที่บ้านไม่มีเตียงหรอ” ผมถามแบบไม่ทันคิด มาคิดได้ก็ตอนที่มีสายตาดุๆส่งมาให้ ก็คนไม่รู้นี่หว่า ถามก็ผิดด้วยหรือไง
“เดี๋ยวๆๆ พี่เคว่าผมซื้อไมโครเวฟดีไหม มีตู้เย็นแล้ว เผื่อผมซื้ออะไรมาใส่ตู้ หิวๆจะได้เวฟกินเลย” ผมดึงแขนพี่เคไว้ ก่อนที่พี่แกจะเดินเลยไป พร้อมกับให้ความสนใจไมโครเวฟ โดนไม่ได้มองหน้าพี่เค
“เดี๋ยวไปเอาที่บ้าน” พี่เคลากแขนผมให้เดินต่อ.......ไปเอาที่บ้าน แล้วมันบ้านไหนหละวะ บ้านพี่หรือบ้านผมกันหละ
“พี่เคขอซื้อมาม่าก่อน” ผมบอกพี่เคตอนที่เดินผ่านล็อคมาม่า โดยไม่รอคำตอบผมวิ่งไปหยิบทันที
“ทำไมไม่ซื้อยกลัง แบบนั้นถูกกว่าอีก” พี่เคมองดูแพ็คมาม่าหลายรสของผม แล้วก็ถามออกมาเรียบๆ
“แบบนั้นมันได้รสเดียวนี่นา อันนี้ก็น่ากิน อันนี้ก็อร่อย อันนี้ผัดขี้เมาแห้ง อันนี้ก็กินมาตั้งแต่เด็ก” ผมหยิบแต่ละแพ็คขึ้นมาบรรยายให้พี่เคฟัง ก็กินแบบเดิมทุกวันมันก็น่าเบื่อนะสิ สู้ซื้อไปตุนไว้แบบนี้หละดีแล้ว
“พี่เคใช้แชมพูนี้ด้วยหรอ” ผมส่งยิ้มให้พี่เค เพราะแชมพูที่พี่เคเอามาใส่รถเข็น มันเป็นยี่ห้อเดียวกับที่ผมใช้เลยนะสิ ชอบเหมือนกันเลยนะนี่
“เปล่า....อันนี้ของนาย ที่ห้องจะหมดแล้วไม่ใช่หรือไง” พี่เคตอบก่อนจะเข็นรถไปต่อ อ่าๆๆๆ ช่างสังเกตนะนี่
เดินๆไปพี่เคก็หยิบโน่นหยิบนี่เต็มไปหมด นี่สงสัยที่พาผมมาด้วยคงจะให้มาช่วยยกของแน่ๆ มีทั้งนมลิตร น้ำผลไม้ ผลไม้สองสามอย่าง ของกินพวกไส้กรอกแบบต่างๆ ขนมปัง แยม ฯลฯ นี่พี่เคจะเปิดร้านขายของหรือไงวะเนี่ย
“ชอบสีอะไร” พี่เคเดินมาถึงที่นอนปิกนิคแล้วยืนมองอยู่สองอัน.....สีน้ำเงิน กับสีฟ้า แต่ลายเหมือนกันทั้งสองอัน
“สีน้ำเงินครับ” ผมตอบไป เพราะสีฟ้ามันดูอ่อนไป แถมยังสกปรกง่ายอีกต่างหาก
“งั้นเอาสีน้ำเงิน” พูดเสร็จพี่เคก็หยิบมาใส่รถเข็น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากซื้อของเสร็จพี่เคก็แวะไปที่บ้านของตัวเอง โดยให้ผมนั่งรออยู่บนรถ เมื่อออกมาก็ยกไมโครเวฟมาวางไว้ที่เบาะหลังด้วย.....อิอิ ใจดีเหมือนกันนะนี่ นอกจากตู้เย็นแล้วยังให้ไมโครเวฟอีก
พอขับรถมาถึงหอ พี่เคก็เปิดกระโปรงหลังที่ใส่ของที่ซื้อมาวันนี้
“ยกไปสิ” พี่เคยืนมองของท้ายรถ พร้อมกับพยักให้ผมยกของลง
“อะไรนะครับ”
“ของเนี่ย ขนขึ้นห้องด้วย”
“อันไหนครับ” ผมสงสัยว่าจะให้ผมเอาอะไรลง อ๋อๆๆ มาม่ากับแชมพู อืมๆๆ ผมลืมไปได้ยังไงนะ
“เอาขึ้นไปทั้งหมดนั่นหละ” ผมกำลังรื้อหาแชมพู พี่เคก็บอกขึ้นมาก่อน
“ชักช้าวะ” พี่เคคว้าถุงทั้งหมดมาถือไว้ เพราะผมมัวแต่จ้องหน้าพี่เค โดยไม่สนใจที่จะยกของออกมา
“เอาที่นอนปิกนิคกับเป้ท้ายรถมาด้วยนะ” พี่เคบอกแต่ตัวพี่เคเดินออกไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ผมหันไปดูที่ท้ายรถอีกครั้งก้พบกับกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง ในนั้นมีของอยู่แน่นอนเพราะมันพองน่าดู ที่สำคัญมันเป็นของใคร.........อย่าบอกนะว่าที่ไอ้พี่เคมันซื้อของมาขนาดนั้น เพราะจะมากบดานอยู่ห้องผม ไม่จริงใช่ไหม ชีวิตอันแสนสุขของผมจะจบลงแค่นี้จริงๆหรอ.......ไม่จริงงงงงง ไอ้หมงมึงมาช่วยกูด้วยยยยยยย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ
ตอนนี้ไข้ลดแล้ว แต่ต้องดุพรุ่งนี้อีกทีว่าจะเป็นยังไง
เพราะวันนี้ตากฝามาเล็กน้อย
รักทุกคนครับ
กอดหวานเย็นโดยเฉพาะอีก 1 คน