Into the moonlight
Moon says
ลัลกับคุณพากันไปยังร้านประจำยามค่ำคืน คนแก่กว่าเป็นสารถีขับรถให้ตามเคย ยางล้อหมุนตามเส้นทางเดิมๆ ที่จดจำได้ขึ้นใจ ไม่นานก็พากันมาถึงปลายทาง
วันนี้เจ้าจิ้งจอกอยู่ เจ้าวัวคงไม่มา
พวกเขาพากันไปยังที่นั่งประจำ โต๊ะเล็กที่บรรจุคนได้มากสุดสองคนถูกตั้งอยู่ทางขวาของร้าน ห่างจากเวทีแต่ก็ไม่ได้ไกลเกินไป เจ้าของร้านเมื่อเห็นขาประจำมาถึงก็รีบมาต้อนรับทันที เบียร์สองแก้วใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะเพื่อต้อนรับ ก่อนที่จ๊ากจะขอตัวไปทำงานต่อ
คุณเห็นลูกค้าคนเดิมกับที่เคยตื๊อลัลเมื่อคราวก่อนเดินวนเวียนอยู่ข้างจ๊าก เขายกยิ้ม หมอนั่นคงเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว ในใจลึกๆ เขาสงสารจ๊ากอยู่ไม่น้อยที่ต้องรับมือกับคนแบบนี้ แต่อีกใจก็คิดว่าดีแล้วที่หมอนั่นจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับลัลอีก
ส่วนลัล...เขาจำหน้าคนๆ นั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ
ร้านของจ๊ากยังคงเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปคงมีแต่มาสคอตร้านที่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ถึงอย่างนั้นผู้คนก็ยังคงเข้าร้านหมุนเวียนไหลเปลี่ยนกันเหมือนเคย
ลัลซัดเบียร์จนหมดแก้วแล้ว และทำท่าจะแย่งอีกแก้วในมือคุณ คนแก่กว่าตีมือคนซนดังเพี๊ยะ
“ไม่ต้องกินแล้ว”
คนถูกดุเบ้หน้า ยอมหดมือกลับมานั่งนิ่งๆ เช่นเคย
วงดนตรีสดของร้านขึ้นเล่น ทำให้ค่ำคืนมีเพลงบรรเลงเป็นเพื่อนคลายเหงา หนุ่มสาวในร้านต่างพากันจับกลุ่มพากันมาทิ้งความวุ่นวายไว้เบื้องหลัง ผ่อนคลายดื่มด่ำไปกับค่ำคืนใต้แสงจันทร์ หวังให้ฤทธิ์สุราและเพลงบรรเลงช่วยขับกล่อมให้ลืมความเจ็บปวด
น่าแปลกที่วันนี้ดันเห็นเจ้าวัว
ลัลมองแมวสีขาวแต้มสีดำที่เดินนวยนาดมาหาเขา เขาแปลกใจ วันนี้มีจิ้งจอกเฝ้าอยู่ ไม่คิดว่าวัวจะมาได้ ลัลอุ้มแมวลายวัวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน จนคุณเอ่ยเตือน
“เล่นเสร็จแล้วไปล้างมือด้วย”
คนรักแมวพยักหน้า จับอุ้มแมวอ้วนไปมา เกาคางเจ้าวัวจนพอใจก็ปล่อยมันไป เจ้าวัวออกเดินเล่นเพ่นพ่านส่วนลัลเดินออกไปล้างมือตามคำสั่งคนแพ้ขนสัตว์ ระหว่างทางไปห้องน้ำ ลัลเห็นจ๊ากยืนเถียงกับชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง เขาคือคนเดียวกับที่เข้าหาลัลเมื่อวันก่อน เสียแต่เจ้าตัวไม่ได้คิดว่าคนๆ นั้นสำคัญมากพอจะจดจำใบหน้าได้
เขาเพียงหันหน้าไปมองเพื่อนของตนที่มีท่าทีหงุดหงิดอย่างผิดปกติ จ๊ากเป็นคนอารมณ์ดี โมโหยาก แต่คนแปลกหน้าคนนี้กลับทำให้เพื่อนของเขาหลุดอารมณ์ออกมาได้เสียอย่างนั้น
เขาเพียงแปลกใจ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้สนใจ สองขาเรียวเดินเข้าห้องน้ำไปล้างมือ และกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเดิม
เบียร์ในแก้วของคุณหมดลงแล้ว และเจ้าตัวไม่คิดจะสั่งเพิ่ม พวกเขาไม่ได้มาเพื่อร่ำสุรา แค่จิบเพื่อบรรยากาศเท่านั้น
ลัลเหม่อมองออกไปท่ามกลางผู้คน น่าแปลกที่ท่ามกลางฝูงคนมากมาย เขากลับสะดุดตากับสองร่างที่นั่งไม่ไกลโต๊ะเขามากนัก ลัลจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือใคร
ร่างคุ้นตาร่างหนึ่งปรากฏเป็นเพื่อนสนิท และอีกร่างเป็นหัวใจของคนข้างๆ
คุณเองก็สังเกตเห็นฮิมและโยเหมือนกัน เขาแม้ในใจอยากจะไปคุยกับโยให้หายกังวลใจ แต่เขาก็ไม่ได้ทำ คุณเพียงจับจ้องไปยังคนข้างกาย เพื่อเฝ้ามองอารมณ์ของอีกฝ่าย ห่วงความรู้สึกของลัลมากกว่าเรื่องของตนเอง ลัลไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าจ้องมอง ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
กระทั่งทั้งสองคนรับรู้ว่ามีคนจ้องมอง พวกเขาหันไปหาที่มา และก็พบกับสายตาสองคู่ที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้ว
หัวใจของโยเต้นระรัวเมื่อเห็นสองคนตรงหน้า ในใจมีคำพูดมากมายที่อยากจะบอกออกไป ทั้งกับคุณและกับลัล สมองพยายามเรียบเรียงคำพูด จนกระทั่งมีมือหนึ่งจับมือเขาไปกุม ความอุ่นจากผิวเนื้ออีกฝ่ายส่งมา ทำให้โยได้สติอีกครั้ง บางที ตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่โอกาสที่ดี
พวกเขาได้แต่จ้องกันไปมา ภายใต้แสงจันทร์
ดวงตากลมใต้เปลือกตาชั้นเดียวหันไปมองคนข้างตัว ฮิมยกยิ้มบาง จับมือเขาไว้ใต้โต๊ะ หันหน้ามองออกไปยังทิศทางที่คุณกับลัลจ้องมา เขารู้จากจ๊ากว่าวันนี้ลัลจะมา แม้จ๊ากจะบอกเป็นนัยว่าวันนี้อาจจะไม่เหมาะนัก แต่ก็ไม่ได้หลบเลี่ยงเหมือนทุกทีและตัดสินใจมานั่งตรงนี้อยู่ดี เขาสัญญากับจ๊ากว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวให้ลัลสับสนอีก
แต่ว่าดูท่าจะไม่ต้องเป็นห่วงอย่างที่คิด ลัลไม่ได้มีสีหน้าสับสนหรือเจ็บปวดเหมือนครั้งนั้นอีกแล้ว ดวงตาสีฟ้าที่จ้องมาไม่ได้หม่นแสงอีกต่อไป ทว่าฮิมกลับไม่อาจรู้ความคิดของเพื่อนตนได้อยู่ดี
ลัลยกยิ้มมุมปาก แทบดูไม่แตกต่างจากตอนที่ไม่ยิ้ม แต่มีหรือที่ฮิมจะไม่สังเกตเห็น
ฮิมยกยิ้มตอบ และตอนนั้นเองที่ลัลโยกหัวฉีกยิ้มกว้างคล้ายจะหัวเราะ
“มีอะไรรึเปล่า” จนคุณที่นั่งข้างๆ เอ่ยถาม
คนยิ้มร่าถอนหายใจก่อนเอ่ย “ดีใจน่ะ...” เขาหันมาทางคุณ ยกยิ้มให้ “ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิมกับฮิมแล้ว”
ลัลเอ่ยตามความในใจ เขาไม่ได้อึดอัดหรือเจ็บปวดยามที่เห็นฮิมอยู่ข้างกายโยอีกแล้ว ในเมื่อเขามีคนข้างๆ นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยกัน เป็นหัวใจอีกดวงที่เต้นคู่กัน เป็นโลกใบข้างๆ ที่ลอยอยู่ข้างกัน
จบประโยค คุณเองก็ยกยิ้มให้เช่นกัน
เขาหันไปจับจ้องโต๊ะที่มีฮิมอยู่ ขยับหัวผงกให้ทีนึงเป็นการทักทาย
ฮิมพยักหน้ากลับ ส่วนโยได้แต่แย้มยิ้มบางเบา
ทุกคนล้วนมีเรื่องราวของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น
หลายเรื่องราวถูกส่งผ่านมายังดวงจันทร์จากหลายมุมหลายด้าน
เรื่องราวทั้งดีและร้าย สุขและทุกข์ วุ่นวายสับสน เรียบง่ายและเรื่อยเปื่อย ความรักและความลับ มีเพียงพระจันทร์เท่านั้นที่รับรู้
และหากว่าเมื่อใดที่ท้อแท้หมดหวัง เวลาในช่วงกลางคืนเปลี่ยวเหงาและเดียวดาย จงอย่าลืมแหงนหน้ามองหาแสงสว่างเดียวในท้องฟ้าที่มืดมิด
ความสุขไม่ได้หายากเสมอไป ที่ตรงนี้...
...ณ พระจันทร์
จบ
❍
ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางมาจนถึงตอนสุดท้ายนะคะ
เป็นอีกเรื่องที่เขียนตอนอารมณ์ไม่คงที่เท่าไหร่ ถ้าออกมาไม่ถูกใจยังไงก็ขออภัยด้วยจริงๆ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่ทำให้เราได้เห็นหลายๆ มุมมองนะคะ ดีใจที่ได้อ่านทุกเม้นท์เลยย
เรื่องนี้เริ่มจากช่วงที่เราทำงานกลางคืนแล้วตื่นตอนเย็น เวลาทำงานเลยมีพระจันทร์เป็นเพื่อน
ระหว่างทางขับรถกลับบ้านเหนื่อยๆ พอมองพระจันทร์แล้วมันสบายใจแปลกๆ 5555
เลยกำเนิดมาเป็นน้องลัลแบบงงๆ
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่อยากลองลำดับเหตุการณ์การเล่าเรื่องให้แปลกใหม่แตกต่างจากที่เคยเขียนดูบ้าง
อยากนำเสนอเรื่องราวผ่านคนละมุมมอง ที่ท้ายสุดแล้วก็ไม่มีใครดีใครเลวไปกว่ากัน
อยากนำเสนอเรื่องราวที่เป็นอีกด้านของคนๆ หนึ่ง ที่พยายามไม่แสดงให้ใครเห็น
สุดท้ายลัลก็หลุดพ้นจากบ่วงอดีตที่ตัวเองผูกมัดไว้ คุณที่ยอมรับเรื่องราวที่แล้วมาพร้อมกับเดินหน้าก้าวต่อไป
โยที่กลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง และฮิมที่ได้รู้จักความรัก
(พี่ฮิมอาจจะดูไม่ผ่านอะไรมามากมายเท่าไหร่ แต่เราคิดว่าชีวิตคนมันก็ไม่เท่าเทียวกันอย่างนี้ล่ะ5555
และถึงพี่จะดูลอยตัว แต่ก็โดนลงโทษอยู่เหมือนกันเพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้กินหนูน้อยสักทีนะ >.<)
ทีแรกอยากเขียนเรื่องราวเรื่อยๆ สบายๆ ไหงออกมาเป็นปมโยงกันไปทั่วแบบนี้ก็ไม่รู้555
ถึงอย่างนั้นก็อยากขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องราวเรื่องนี้มากจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณที่ให้เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ
#ณพระจันทร์