หลานคุณย่า แอบรัก5
(มินนี่)
วันนี้ผมออกมาเดินหาซื้ออาหารเม็ดให้เจ้าจอมตะกละที่บ้านครับ ห้างไม่ไกลจากบ้านมากนัก แต่จะให้เดินมาก็คงไม่ไหว จึงนั่งรถเมล์สายที่เคยนั่งประจำตั้งแต่เด็กจนโต เพราะวันเสาร์อาทิตย์ชอบแอบหนีแม่มาเที่ยวบ่อยๆ มองผู้คนไปเรื่อยเปื่อย วิถีชีวิตแตกต่างกันไปตามฐานะและหน้าที่การงาน บางคนเร่งรีบ บางคนเดินเอื่อยๆ ข้างถนน ยิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง หน้าบึ้งตึงบ้าง ตามอารมณ์ของแต่ละคน
สถานที่แรกที่ผมต้องไปคือร้านอาหรสัตว์ ที่อยู่ชั้นใต้ดินของห้างชื่อดัง ซื้อของแต่ละครั้งนี่แทบจะหิ้วกลับไม่ไหว ทั้งอาหารทั้งครีมอาบน้ำ เจ้าปลาทองมันเป็นหมาตลก หวงบ้าน หวงเจ้าของ แค่มีเสียงรถยนต์แล่นผ่านหน้าบ้านมันก็เห่าแล้ว เห่าเอาเป็นเอาตาย พอแม่ดุทีหนึ่ง ก็เริ่มจะครางหงิงๆ ไม่กล้าเห่าดังแล้ว กลัวโดนดุ แถมยังมีเหล่ตามองแม่ผมอีก ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าฉลาดดีรึเปล่า เห็นอะไรก็อยากจะซื้อให้เจ้าปลาทองไปหมด ผมเคยบอกไปรึยังนะว่าเจ้าปลาทองมันเป็นตัวเมีย ซื้อของให้เจ้าหมาจอมป่วนเสร็จ พึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าต้องซื้อของใช้ด้วยครับ เลยเดินกลับเอาของที่ซื้อทั้งหมดไปฝากไว้ที่จุดรับฝากของ ก่อนที่จะเดินกลับมาซื้อของใช้ที่คุณนายแม่ฝากมาให้ซื้อ
เดินไปถึงหน้าซุปเปอร์ ผมก็เหลือบไปเห็นไอศครีมแบรนด์ดัง ทำให้นึกถึงสมัยเด็กๆ ได้ดี ขาสั้นๆ ของผมเดินตรงเข้าไปยังร้านไอศครีมโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่จะตัดสินใจสั่งนั่งทานคนเดียว ผมชอบออกมาเดินคนเดียวบ่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ไม่สนใจใคร นึกอยากทานอะไรก็แค่เดินไปสั่ง ไม่จำเป็นต้องถามความคิดเห็นของใคร อาจจะเพราะผมเป็นลูกคนเดียวเลยคุ้นชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้
แต่มีบางครั้งที่จะมากับบราวนี่ รายนั้นผมต้องคอยตามใจเสมอ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นทั้งเพื่อนทั้งน้อง แม้ว่าเขาจะเอาแต่ใจบ้าง แต่ก็เป็นคนน่ารักเสมอ คอยเป็นห่วงว่าผมได้ทานอาหารอร่อยๆ บ้างรึเปล่า หอบหิ้วขนมจากที่บ้านมาให้ซะเต็มไม้เต็มมือแทบจะทุกครั้ง
ไม่นานไอศครีมรสโปรดถูกนำมาเสริฟ ราดด้วยช็อกโกแลตเยิ้มๆ ปิดท้ายด้วยวิปครีมสีขาวน่าทาน ยังไม่หมดแค่นั้น ผมยังแอบสั่งวิปครีมเปล่ามาทานต่างหากอีก ก็มันอร่อยนี่นา นั่งทานไปคิดอะไรไปเพลินๆ ไม่นานเจ้าไอศครีมแสนอร่อยก็หมด จนผมอยากจะยกถ้วยขึ้นมาเลียให้รู้แล้วรู้รอด ตลกกับความตะกละของตัวเองจริงๆ เหมือนเจ้าปลาทองไม่มีผิด นั่งย่อยสักพักก่อนจะเดินตรงไปยังซุปเปอร์ เพื่อซื้อของใช้ตามคำบัญชาของคุณหญิงแม่
หางตาผมเหลือบไปเห็นใครอีกคน ที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเจอ เขามากับผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ผมเจอวันนั้น เพียงแค่แว๊บเดียวที่ผมหันไปมองเขาทั้งคู่ สายตาเจ้ากรรมก็ดันปะทะกับสายตาคมของเขาพอดี
ผมไม่ได้คิดจะสนใจเขาทั้งคู่ ก่อนที่จะเดินไปยังจุดหมายที่ผมตั้งใจไว้แต่แรก จำเป็นต้องเดินไปทางที่สองคนยืนอยู่ เพราะมันเป็นทางไปยังซุปเปอร์ แต่อีกคนกลับรีบเดินตรงดิ่งมาทางผม แต่ยังไม่ลืมที่จะลากผู้หญิงคนนั้นมาด้วย
"ไม่คิดจะทักกันเลยเหรอ" นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ เพื่ออะไร ผมเงยหน้าสบตากับเขาด้วยแววตาที่ผมคิดว่าว่างเปล่าที่สุด
"จำเป็นด้วยเหรอครับ" ไม่ได้ตั้งใจจะประชดเขา แค่คิดว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะต้องทำแบบนั้น
"ปากดีเกินไปรึเปล่า" จะมาเล่นตลกอะไรกับผม รังเกียจผมออกขนาดนั้นแล้วยังจะมายุ่งกับผมทำไม ต้องการแค่คำทักทายจากคนที่ตนเองไม่เคยคิดที่จะรู้จักเนี่ยนะ บ้าไปรึเปล่า
"เปล่านี่ครับ แค่คิดว่ามันไม่จำเป็นก็เท่านั้น" ผมตอบออกไปนิ่งๆ มองสบตาเขา ไม่คิดว่าจะต้องหลบสายตาคู่นี้อีกต่อไปแล้ว แต่แววตาที่ผมมองเขาในวันนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว มันว่างเปล่าไร้ความรู้สึก
"คิดจะเรียกร้องความสนใจจากกูเหรอ" เขาเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า แม้ผมจะเคยบอกว่ารักเขา แต่ก็ไม่จำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น
"ฮ่าๆ ตลกเกินไปรึเปล่าครับ ทำไมผมต้องทำแบบนั้น"
"เพราะมึงรักกูไง"
“ซองจะไปสนใจเด็กนี่ทำไมคะ ไปเถอะค่ะเฟียหิวแล้ว” มือบางยังคงเกาะเกี่ยวแขนคนข้างกายไม่ยอมปล่อย มองผมด้วยสายตาเหยียดหยามตามเคย เธอคงไม่พอใจผมมากแทนที่จะรู้สึกไม่พอใจคนข้างกายของเธอมากว่า
“แป๊บนึงนะครับเฟีย” เขาหันไปยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่น่ารังเกียจ เสแสร้งสิ้นดี
“ไม่ตอบกูล่ะ”
"มันก็แค่เรื่องอดีต ลืมๆ มันไปเถอะครับ " ผมไม่คิดจะสนใจผู้หญิงคนนี้ ก่อนจะหันไปตอบคำถามอีกคน ตอนที่ผมต้องการเขาๆกลับดูถูกความรู้สึกของคนอย่างผม ไม่มีวันที่ผมจะเรียกร้องอะไรบ้าๆ แบบนั้นอีกแล้ว
"...." ถึงกับอึ้งเลยเหรอครับ มินคนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถทำร้ายผมได้อีกหรอก
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ" ผมหันหลังเดินออกไปจากจุดนั้นทันที แปลกแหะ ผมกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บเหมือนที่ผ่านมาแล้ว แม้ยังไม่สามารถที่จะบอกตนเองว่าลืมเขาไปจากใจจนหมดสิ้นแล้วก็ตาม มินคนนี้สตรองนะเออ
ผมเดินออกมาอย่างอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็น วิ่งตามใครมากๆ แล้วมันเหนื่อย พอเลิกตามแล้วมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง
ผมเดินเลือกของใช้ตามคำสั่งของคุณนายแม่ หยิบขึ้นมาพิจจารณาอ่านอย่างละเอียดก่อนที่จะหยิบลงตะกร้า เดินไปเรื่อยๆ อะไรที่น่าสนใจก็ซื้อกลับไปบ้างคุณนายคงไม่รู้หรอก เหอๆ แต่ถ้านางรู้เหรอโดนบ่นหูชาไปสามวันแปดวัน ว่าซื้ออะไรไม่มีประโยชน์บ้างล่ะ แพงบ้างล่ะ ไม่จำเป็นบ้างล่ะ บทสุดท้ายมักจะจบด้วยคำว่าเปลืองเงิน สรุปคือนางงกนั่นเอง แอบนินทาแม่ตัวเองนี่บาปไหมนะ
"น้องมิน" เสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง จนผมต้องหันกลับไปมอง
"อ้าว!สวัสดีฮะพี่ทิม" พี่ทิมคือเจ้าของโรงเรียนทำอาหารนานาๆ ชาติ ที่เคยตามจีบพี่พายอยู่พักหนึ่งก่อนที่คุณคิณจะเป็นแฟนกับพี่พาย
"มาทำอะไรครับ" พี่ทิมเป็นคนคุยเก่งอารมร์ดี ถ้าให้มีพี่ชายสักคนก็คงอยากได้แบบนี้แหละ
"มาซื้อของใช้เข้าบ้านฮะ คุณนาย เอ้ย! แม่ให้มาซื้อ แล้วพี่ทิมล่ะฮะ" ผมพูดยิ้มๆ ส่งให้กับพี่ทิม
"มาซื้อของใช้เหมือนกันครับ แล้วนี่มาคนเดียว?"
"ฮะ ไม่ได้มากับพี่พายหรอก" ผมแกล้งพี่ทิม รู้หรอกครับว่าที่เขาทำเหมือนจีบพี่พายน่ะ จริงๆ แล้วแค่แกล้งเล่นไปอย่างนั้น
"เลิกแซวได้แล้วครับ พี่อกหักไปตามระเบียบแล้ว” ใบหน้าหล่อยิ้มเขินให้กับคำพูดของตนเอง คนอกหักอะไรไม่รู้ยิ้มหน้าบานตลอดเวลา
"มินไม่ได้แซวซะหน่อย"
"ครับๆ ซื้อเสร็จยัง แล้วนี่มายังไง"
"นั่งรถเมล์มาฮะ แต่ขากลับคงต้องนั่งแท็กซี่ของเยอะถือขึ้นรถเมล์ไม่ไหว แหะๆ" ของเยอะขนาดนี้ถ้าต้องหิ้วพะรุงพะรังขึ้นรถเมล์คงลำบากน่าดู แค่เดินออกจากห้างก็คงเมื่อยแขนแทบแย่
"ให้พี่ไปส่งไหมครับ" บอกแล้วใช่ไหมครับว่าพี่ทิมเป็นคนดี ติดแต่ขี้เล่นมากไปหน่อย เลยทำให้คนที่ควรดูสมาร์ตกลายเป็นตลกไปเลย
"ไมเป็นไรฮะ เกรงใจ" จะให้พี่เขาไปส่งผมได้ยังไง เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
"พี่ไปส่งได้ ไม่เป็นหรอกครับ"
"ไม่เป็นไรจริงๆ ฮะ"
"โอเคครับ พี่ต้องไปซื้อของต่อแล้ว ถ้าไม่ติดว่ารีบจะชวนทานข้าวสักมื้อ เอาไว้เจอกันที่ร้านนะครับ" พี่ทิมไม่คะยั้นคะยอผมแล้วครับ คงรู้ว่าถ้ามากว่านี้ผมคงอึดอัด เขาเลยไม่บังคับใจผม
“เจอกันที่ร้านครับ” ผมยกมือบ๊ายบายให้คนที่หันหลังเดินไปแล้ว พี่ทิมหันมายิ้มให้ผมอีกทีก่อนที่จะเดินลับตาไป
หลังจากที่ผมแยกกับพี่ทิมแล้ว ก็กลับมาเลือกซื้อของต่อ พี่ทิมเป็นคนน่ารักดีนะครับ ตลก ตอนผมแซวเขาๆ ยังมีท่าทีเขินๆ แปลกดี ผู้ชายตัวโตๆ กับท่าทางแบบนั้น ผมยืนยิ้มอยูกับความคิดตนเอง แต่ใครอีกคนกลับเดินมาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
"อ่อยไปทั่วเลยนะ" ร่างของผมสะดุ้งแทบจะทันที เพราะเสียงพูดที่ใกล้ผมจนเกินไป น้ำเสียงแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร ก่อนจะหันไปตามต้นเสียงที่ส่งมาให้กับผม
"หมายความว่ายังไง" ผมถามเขาทั้งๆ ที่สายตาก็ยังสอดส่ายหาผู้หญิงคนนั้น ทำไมเขามาคนเดียว แล้วแฟนเขาไปไหนล่ะ
"ก็มึงไง กับผู้ชายหน้าโง่คนเมื่อกี้" ผู้ชายคนนี้ปากร้ายครับ ไม่รู้ผมหน้ามืดตามัวหลงรักคนแบบนี้ได้ยังไงตั้งหลายปี พอเราเลิกตาบอดแล้วก็จะเห็นความจริงที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้
"คุณไม่มีสิทธิ์ไปว่าพี่ทิมแบบนั้น"
"เหรอ? อาทิตย์ที่แล้วบอกรักกู แต่คราวนี้กลับอ่อยอีกคน" ผมจะอ่อยจะยั่วอีกสิบคนร้อยคนก็ไม่แปลก ในเมื่อคนที่ผมเคยบอกรักไม่ได้รับมันตอบกลับมาสักหน่อย
"เรื่องของคุณกับผมมันจบไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว ผมจะอ่อยจะยั่วใครมันก็ไม่เห็นเกี่ยวกับคุณ" เขาจะมาวุ่นวายอะไรกับผมอีก ในเมื่อผมก็ไม่คิดจะไปยุ่งวุ่นวายกับเขาแล้วเหมือนกัน ต่างคนต่างอยู่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
"คำว่ารักของมึงนี่มันไม่มีความหมายเลยรึไงว่ะ พูดอยู่ปาวๆ ว่ารัก แต่มึงกลับทำตัวร่านกับอีกคน” ผมสะอึกกับคำพูดหยาบๆ ของคนตรงหน้า แต่มันกลับทำให้ผมรู้จักเขาดีขึ้นมาอีกยี่สิบเปอร์เซนต์
"รักของผมมันมีความหมายมากกว่าที่คนอย่างคุณจะเข้าใจมัน แต่ที่ผมลืมมันไปง่ายๆ แบบนี้เพราะผมทนเจ็บกับมันมานานเกินไปแล้วต่างหาก"
เขาเงียบไปสักพัก ผมไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้าต้องการอะไรจากผมกันแน่ แต่ผมไม่คิดจะสนหรอก เพราะตอนนี้สำหรับผม เขาเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมโลกเดียวกันก็เท่านั้น
“หึหึ...รักแบบวิปริตน่ะเหรอ”
“ครับ วิปริต ถ้าอย่างนั้นคุณก็กรุณาอย่ามายุ่งกับคนวิปริตอย่างผมเลย” ผมหันหลังเดินออกจากตรงนั้นโดยเร็ว ทำไมเขาทำให้ผมรู้สึกรังเกียจความรู้สึกตนเองที่เคยมีให้เขามากมายขนาดนี้นะ
“จะไปไหนห๊ะ” ตะคอกผมเสียงดังไม่คิดว่าจะอายสายตาคนอื่นเลย มืออีกข้างก็ดึงผมไว้บีบด้วยแรงทั้งหมดของเขา จนผมรู้สึกเจ็บ
“ทำไมครับ ผมว่าคุณต่างหากที่กำลังเรียกร้องความสนใจจากผม เกลียดผมไม่ใช่เหรอแล้วมาเดินตามทำไม” คำพูดแทงใจของผม ทำให้เขารีบปล่อยมือที่จับแขนผมอยู่ออก รอยช้ำที่เกิดจากการบีบเห็นได้ชัด เพราะผมเป็นคนขาว ก่อนที่เขาจะส่งสายตาเคียดแค้นหรืออะไรสักอย่างมาให้ผม มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวเลยสักนิด ผมเข้มแข็งมากพอที่จะไม่กลัวกลับการเผชิญกับคนแปลกหน้าอย่างเขาอีกต่อไป
ผมเดินจากจุดนั้นมาแล้ว ไม่รู้หรอกว่าคนนั้นยังยืนอยู่ที่เดิมรึเปล่า ก่อนที่ผมจะรีบเลือกของใช้ที่จำเป็นอีกสองสามอย่าง นำไปคิดเงินแล้วตรงกลับบ้านเลย
คำพูดของคนเลวเราก็ไม่ควรที่จะมาใส่ใจจริงไหมครับ รังแต่จะทำให้เราเจ็บปวดก็เท่านั้น มองดูแขนเรียวเล็กที่ตอนนี้มีรอยนิ้วมือของไอ้หมาบ้ามันทำไว้ มันเจ็บนะครับ เพราะช้ำค่อนข้างเยอะ ตอนนี้เริ่มจะออกเขียวๆ แล้วด้วยซ้ำ ผมหายามาทาก่อนที่มันจะช้ำไปมากกวานี้ ดีนะที่แม่ไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นคงโดนซักแน่เลย
ผมกลับมาถึงบ้านเจ้าปลาทองก็วิ่งหูตั้งหางกระดิกมารับถึงหน้าบ้าน พร้อมกับเห่าสองสามที ผมจึงยกมือลูบหัวมันเบาๆ
“เข้าบ้านป่ะ” เจ้าหมาตัวสีน้ำตาลขนสั้นวิ่งนำหน้าไปก่อน แล้วยังมีหยุดรอแล้วหันมอมองอีกต่างหาก ผมซื้อขนมแบบแท่งๆ คล้ายๆ ป๊อกกี้มาให้เจ้าตัวป่วนด้วย
“ทำไมหิวเหรอ” เอาหารให้เจ้าปลาทอง และยังไม่ลืมที่จะเทน้ำเย็นๆ ให้มันด้วย ก่อนที่จะเก็บของใช้ทุกอย่างให้เรียบร้อย
ล้มตัวลงนอนมองเพดานสีฟ้าสะอาดตา เครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กที่นอนสงบอยู่บนเตียงกลับแผดเสียงดังขึ้นมา ทำให้ผมต้องหยิบขึ้นมาดู เป็นเบอร์ที่ผมไม่ได้บันทึกไว้ ก่อนที่จะกดรับแล้วแนบมันใส่หู กรอกเสียงลงไปตามสายโทรศัพท์
“สวัสดีครับ” ไม่มีเสียงใดๆ เกิดขึ้นจากอีกฝัง ผมจึงเอ่ยออกไปอีกสองสามที แต่เขาก็ยังไม่โต้ตอบกลับมา คนบ้าโทรมาป่วนรึเปล่านะ
“ถ้าไม่พูดอีกจะวางแล้วนะครับ” ก่อนที่นิ้วเรียวเล้กของผมจะยกขึ้นไปกดปุ่มสีแดงเพื่อตัดสาย
“เอ่อ.......” ไม่ทันแล้วครับ ผมได้ยินเสียงปลายสายเหมือนเขาต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง แต่มือผมกลับไวกว่ากดวางสายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ ถ้าเขาต้องการจะคุยจริงๆ คงจะติดต่อกลับมาใหม่
ผมเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น ตั้งแต่บ่ายๆ จนเย็นมากแล้ว ได้ยินเหมือนมีเสียงใครเปิดประตูเข้าบ้าน แม่คงกลับมาแล้ว ผมรีบลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา รีบวิ่งลงบันไดไปชั้ล่าง
“แม่.... คุณนาย” เรียกครั้งแรกไม่มีเสียงตอบรับ ครั้งที่สองก็ยังเงียบ หรือว่าเราจะหูฝาดไปนะ
ผมเดินดูรอบๆ บ้านกลับไม่เจอแม่ แล้วเสียงที่ผมได้ยินล่ะ หรือว่าหูจะแว่วไป เจ้าปลาทองตัวดีก็ดันไม่เห่าซะนี่ ปกติจะเห่าเสียงดังยิ่งกว่าอะไร หรือว่าผมสลึมสลือกึ่งหลับกึ่งตื่น แล้วหูอาจจะแว่ว เพราะเจ้าปลาทองมันไม่มีทางที่จะไม่ห่าคนแปลกหน้าหรอก แต่ถ้าเป็นโจรล่ะ แล้วมันไปแอบซ่อนอยู่ในบ้านจะทำยังไง คิดได้ดังนั้นก็รีบหาอุปกรณืที่พอจะใช้ป้องกันตัวได้
‘สากดีไหมเอาไว้ทุบหัวมันให้แบะ ไม่เอาๆสงสาร ’
‘มีด เออมีด ดีๆ แทงทีเดียวใส้ทะลัก ไม่เอาๆ น่ากลัว’
‘ตะหลิว ไม้กวาด เออๆ ไม้กวาดยาวดี มันเดินมาก็ตีๆๆๆ เอาแค่สลบก็พอ’
ตกลงกับตัวเองได้แล้ว ผมจึงหยิบไม้กวาด แปลงร่างเป็นนักสืบหัวเห็ดทันที พร้อมกับเดินหาไอ้โจรชั่วทุกซอกทุกมุม เจ้าปลาทองตัวอ้วนเดินต้วมเตี้ยมตาม แต่ก็ไม่เจออะไร สงสัยผมจะหูฝาดจริงๆ แหละคราวนี้ เลิกระแวง แล้วรีบกลับไปทำอาหารเย็นรอคุณนายก่อนที่จะกลับมา เดี๋ยวจะโมโหหิวกันพอดี จะเอาอะไรกับผู้หญิงวัยทอง อย่าบอกแม่นะครับว่าผมนินนา อิอิอิ
****************************
TBC.