อืมนะจะตอบไงดีอะว่าซีผิดยังไง ก็นะคนเขามีแฟนแล้วแถมแฟนเขาเข้ามาเห็นยังจะดึงไปจูบไปจูบได้อีกน้อ
ตอนที่28
เอาอีกแล้วไงครับผมอะเห็นต้อมร้องไห้ไม่ได้เหมือนกันครับ ใจอ่อนทุกทีก็มันร้องไห้ที่ไรน่าสงสารนี่ครับที่แรกจะทำใจแข็งไม่สนใจแต่ก็ทำไม่ได้นะครับ ยิ่งมันพูดขอโทษผมไม่หยุดแบบนี้อีกด้วยใครจะไม่ใจอ่อนไหว ผมเลยเอามือไปลูบหัวปลอบใจมันบ้างแล้วทีนี้
“พี่นัทไม่โกรธผมแล้วใช่ไหมครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้พี่เสียใจนะครับ ผมขอโทษ” ต้อมเสียงสั่นๆอยู่เลย
“พี่ก็ไม่ได้โกรธเราตั้งแต่แรกแล้ว พี่แค่น้อยใจเท่านั้นเองที่เราเห็นว่าพี่ทำแต่ปัญหาให้กับเรา พี่มันคงไม่ดีพอใช่ไหมละหรือว่าต้อมยังไม่เชื่อในความรักที่พี่มีให้กับต้อมใช่ไหม” ผมเอามือจับตัวต้อมให้หันหน้ามามองหน้าผม
“ไม่ใช่พี่ไม่ดีพอพี่นะดีมากเลยสำหรับผมดีจนผมคิดว่าจะไม่มีใครดีกับผมได้แบบนี้อีกแล้ว แต่ผมต่างหากที่กลัวว่าถ้าพี่เจอคนที่ดีกว่าผม พี่จะทิ้งผมไปแล้วผมจะทำยังไงต่อไปได้ละ ผมบอกแล้วผมคงขาดพี่ไม่ได้แล้วชีวิตนี้” ตามันแดงไปหมดเลยตอนนี้น่าสงสารมาก
“มันไม่มีอะไรหรอกหรือที่ผ่านมาพี่ยังทำให้เราเชื่อไม่ได้อีกหรอ ว่าพี่จะรักเราแค่คนเดียวเราลืมปัญหาที่เราผ่านด้วยกันมาหมดแล้วหรือไง หรือว่าเราคิดว่าพี่ยังรักเราไม่มากพออีก” ผมเอามือเช็ดคราบน้ำตาให้ต้อม
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ความรักที่พี่มีให้ผมผมรู้ว่ามันมากแค่ไหน มากเสียจนผมคิดว่าผมขาดมันไม่ได้เสียแล้ว นั่นกลับยิ่งทำให้ผมกลัวมากยิ่งขึ้น กลัวว่าถ้าวันไหนพี่นัทเปลี่ยนไปผมคงทำอะไรต่อไปไม่ได้อีกแล้วแน่ๆ” ต้อมเอามือมาจับมือผมไว้ที่ตรงแก้มมันแบบนั้น
“ไม่ใช่ผมไม่ไว้ใจพี่แต่ผมไม่ไว้ใจคนอื่นต่างหาก เพราะพี่มองคนในแง่ดีมากเกินไปจนพี่ไม่ได้สนใจเลยถึงแม้คนอื่นจะเข้ามาทำร้ายพี่ก็ตาม พี่ยังเป็นห่วงคนๆนั้นได้เลยนี่แหละคือสิ่งที่ผมกลัวว่ามันจะมันจะทำให้พี่ต้องแยกกับผม” มันจับมือผมแน่นมาก
“ถ้างั้นพี่ขอให้เราเชื่อใจพี่ได้ไหม ไม่ว่ายังไงจะไม่เปลี่ยนไปพี่จะรักเราคนเดียว ถึงแม้ว่าเราจะไม่รักพี่แล้วก็ตาม ส่วนเรื่องคนอื่นต่อไปพี่จะระวังตัวให้มากขึ้น เราจะได้ไม่ต้องคอยห่วงพี่มากแบบนี้” ผมเลยจูบต้อมหลังจากที่ผมพูดจบ ต้อมก็จูบกลับเพื่อตอบรับกับคำสัญญาที่ผมให้กับมัน จากนั้นมันก็ค่อยๆดันผมจะให้นอนลงบนโซฟา
“โอ๊ย..” ผมเจ็บขาเพราะตอนนี้มันหล่นจากที่พาดไปที่พื้นแล้วครับ ต้อมรับหันไปดูขาผมทันทีแล้วค่อยยกขึ้นมาบนโซฟาแทน
“พี่นัทเจ็บมากไหมพี่ ผมลืมไปว่าพี่เขาเจ็บอยู่” ต้อมทำหน้าจ๋อยๆ ผมเลยเรียกให้ต้อมเข้ามาใกล้เหมือนว่าจะกระซิบบอกอะไร พอต้อมยืนหน้าเขามาผมก็จับหน้าต้อมไว้แล้วดึงมาจูบใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ไม่มีปัญหาอีกแล้วเพราะผมนอนอยู่บนโซฟาแล้วนี่ครับ
หุหุ ขนาดขาเป็นแบบนั้นผมกับต้อมยังเติมความรักกันด้วยปากกันบนโซฟาจนได้แหละครับ พวกผมนะทะเลาะกันที่ไรง้อกันเสร็จเหนื่อยทุกทีสิครับ ไม่รู้คู่อื่นจะเป็นแบบผมหรือเปล่า แล้วเราก็ขึ้นไปอาบน้ำกันต้อมเอาเก้าอี้เข้าไปสองตัวให้ผมนั่งตัวอีกตัวไว้วางขาช้างที่ใส่เฝือก จะได้ไม่โดนน้ำแล้วก็อาบน้ำให้ผมสบายจริงๆช่วงนี้ มีคนทำให้ทุกอย่างเลย
ช่วงนี้ผมไม่ต้องไปทำงานครับพี่น้ำบอกให้หยุดจนกว่าจะถอดเฝือก ผมเลยคิดว่าจะกลับบ้านเพราะที่บ้านก็เป็นห่วงผมเหมือนกัน หลังจากที่ต้อมโทรไปบอกแม่ผมผมเลยจะกลับไปอยู่บ้านจนใกล้กำหนดถอดเฝือกแล้วค่อยกลับมาใหม่ ต้อมก็ไม่ได้ไปทำงานกับพี่น้ำแล้วครับพี่น้ำก็ไม่ได้ว่าอะไร ต้อมเลยไปบ้านต่างจังหวัดกับผมครับ
พอมาถึงบ้านแม่มายืนรอรับตั้งแต่หน้าบ้านเลย ยังบ่นผมอีกว่าไม่ยอมโทรมาบอกตั้งแต่แรก ต้องให้ต้อมเป็นคนโทรมาบอกแกผมก็ได้แต่ยิ้มให้แล้วก็กอดเอวแม่ไว้แหละครับ อ้อนไว้ก่อนแกจะได้ไม่บ่นเยอะมากก็ลูกเจ็บทั้งคนนี่นะ แม่จัดห้องไว้ให้ผมจนเรียบร้อย
ผมกลับมาอยู่บ้านได้สามอาทิตย์แล้วครับตอนนี้ ระหว่างสองอาทิตย์นี้ซีก็พยายามโทรหาผมตลอด แต่ผมก็ไม่ได้รับสายหรือถ้าจะรับก็จะเป็นต้อมที่รับแทน ซียังคุยกับต้อมนะแถมยังฝากความคิดถึงผมผ่านต้อมมาอีก ถ้าจะพูดจริงทำจริงคราวนี้ผมกับต้อมเจอศึกใหญ่แน่ๆ เราก็คุยเรื่องซีกันตลอดนะครับผมเลยบอกว่าผมจะพยายามเลี่ยงให้เจอกันน้อยที่สุด เพราะยังไงก็ต้องทำงานร่วมกันอยู่นี่ครับ แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นผมจะต้องบอกต้อมทุกเรื่องเราจะไม่ปิดบังกัน
พรุ่งนี้ผมว่าจะกลับกรุงเทพแล้วครับเพราะอีกไม่กี่วันก็ถึงวันหมอนัดแล้ว ก่อนวันกลับผมกับต้อมก็ไปซื้อของฝากพี่น้ำกับหนุ่ยกัน แถมยังนึกถึงความหลังตอนสงกานต์คราวนั้นด้วย ต้อมบอกว่ายังจำได้ผมนึกว่ามันจะลืมไปพร้อมกับตอนที่รถชนข้างทางไปแล้ว มันบอกว่าตอนนั้นเป็นตอนที่มันตัดสินใจได้ทันทีว่ามันคงจะไปรักใครไม่ได้อีกแล้ว เพราะคงไม่มีใครที่จะยอมเจ็บตัวเพราะมันแบบผมอีกแล้ว ผมยังแซวต่อว่าถ้างั้นวันไหนมีคนมาช่วยมันไว้แบบผมอีกมันจะไปชอบคนนั้นแน่ๆ มันกลับงอนผมอีกหาว่าว่ามันเป็นคนโลเลเออเป็นงั้นไป
กลับมาถึงกรุงเทพต้อมก็เอาของฝากไปให้พี่น้ำคนเดียว ไม่ยอมให้ผมไปด้วยเพราะไม่อยากให้ผมเจอหน้าซี แต่ผมก็กลัวมันจะใจร้อนทำไรไม่คิดจริงๆครับ แต่ต้องให้มันไปแหละครับเพราะถึงไปก็เดินลำบากแล้วเดี๋ยวมันจะหาว่าผมไม่เชื่อใจมันอีก ส่วนของหนุ่ยโทรไปหาแล้วหนุ่ยบอกว่าเดี๋ยวจะแวะมาเอาเอง ช่วงนี้หนุ่ยก็เริ่มยุ่งๆเพราะส่าหนุ่ยกำลังจะเปิดกิจการของตัวเอง ใบ้ให้นิดนะครับเป็นร้านอาหารไทยเรานี่และปกติอยู่ข้างถนน แต่หนุ่ยมันเอาขึ้นห้างซะงั้นเดี๋ยวนี้มีเกือบทุกห้างเลยร้านมันอะครับ ผมไปกินประจำแต่ไม่ค่อยบอกมันหรอกครับถ้ามันรู้มันให้กินฟรีตลอดเลย
แล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึงสักทีวันที่หมอนัดถอดเฝือก ต้อมพาผมมาแต่เช้าดูเหมือนพยาบาลยังจำพวกผมได้ เห็นมองหน้าผมสองคนแล้วยิ้มให้ตลอด จนพาผมไปเอ็กซ์เรย์ช่วงรอฟังผลจากหมออยู่นั้น มีบุรุษพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผมกับต้อมที่นั่งคุยกันรอพบหมออยู่
“ขอโทษนะครับ” ผมกับต้อมหันไปมองหน้าเขาทั้งคู่
“คือว่า...คุณสองคนเป็นแฟนกันหรือเปล่าครับ” เขาถามผมกับต้อม เราหันมองหน้ากันอืมเขาจะอยากรู้ไปทำไมนะ
“ครับ เราเป็นแฟนกันมีอะไรหรือเปล่าครับ” ต้อมหันไปตอบแล้วหันมายิ้มให้ผม
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็พยาบาลพวกนั้นแหละครับอยากรู้ ผมเลยมาถามให้แต่น่าอิจฉานะครับ คบกันมานานหรือยังครับ” เขายิ้มแล้วชวนคุยต่อ
ต้อมก็ตอบแล้วคุยกันสักพักก็ถึงคิวผมที่ต้องพบหมอแล้ว เขายังบอกว่าอิจฉาคู่ผมอยู่นั่นแหละผมก็ได้แต่ยิ้มตอบ พอพบหมอหมอก็บอกว่ากระดูกสมานกันดีแล้ว ถอดเฝือกออกได้แต่ต้องใช้ไม้เท้าช่วยไปก่อนแรกๆ เพราะถ้าลงน้ำหนักเต็มที่เลยมันอาจเจ็บแปลบๆได้ ตอนถอดเฝือกสอครับน่ากลัวมากผมปิดตาจับมือต้อมแน่นเลย ก็หมอเขาเอาของที่เหมือนเลื่อยไปฟ้าเล็กๆมาผ่าออกนี่ครับ ผมกลัวมันจะเลยไปโดนขาผมมากแล้วเสียงเครื่องนะ ทรมานจิตใจมากเลยลุ้นสุดๆผมยิ่งชอบดูหนังฆาตกรรมอยู่ด้วย พอเห็นแบบนี้แล้วมันนึกถึงภาพในหนังไงครับ
หลังถอดเฝือกก็กลับมาบ้านผมลองเดินไม่ใช้ไม้มันก็เสียวแปลบๆที่กระดูกอย่างที่หมอบอกจริงๆครับ แต่ก็ยังดีกว่าตอนที่ใส่เฝือกแหละครับ
“ครืน ๆ ๆ” เสียงโทรศัพท์สั่นบนโต๊ะ ผมหยิบขึ้นมาดูเป็นเบอร์พี่น้ำก็กดรับ
“สวัสดีครับ มีอะไรหรอครับ” ผมถามทันทีเพราะถ้าไม่มีอะไรพี่น้ำไม่ค่อยโทรหาผมหรอก
“อืมนัทถอดเฝือกวันนี้แล้วใช่ไหม” แกถาม
“ใช่ครับเพิ่งกลับถึงบ้านเลยเนี่ย ทำไมหรอครับ” ผมเริ่มสงสัย
“งั้นอีกสองสามวันคงเดินไหวแล้วใช่เปล่า พอดีมีงานใหญ่เข้ามาพอดี”
“เดินไหวแล้วพี่นี่ก็ไม่ใช้ไม่เท้าแล้วครับ แต่ว่างานอะไรหรอครับ” ผมถามรายละเอียด
“งาน....... เขาจัดที่ศูนย์ประชุมสิริกิตนะ งานพี่กันนะแหละเขาอยากให้นัทไปช่วยต้อนรับลูกค้าหน่อย อ้อต้อมด้วยนะพี่อยากให้ต้อมมาช่วยด้วย อีกอย่างมันจะได้สบายใจเพราะงานนี้ไปทำกันทั้งออฟฟิศเลย”พี่น้ำอธิบายรายละเอียดทันที
“ผมนะไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่พี่คุยกับต้อมเองแล้วกันนะครับ” ผมบอกแกแล้วเรียกต้อมมารับสาย
สิ่งแรกที่ต้อมถามหลังจากฟังที่พี่น้ำพูดมานาน คือใครไปบ้างงานนี้มันทำหน้าคิดนิดหน่อยแต่ก็ตอบตกลงว่าจะไปช่วยเหมือนกัน ผมก็คิดว่ามันต้องไปอยู่แล้วแหละมีหรอมันจะให้ผมไปทำงานกับซีโดยที่ไม่มีมันอยู่ด้วย แต่งานก็คืองานแหละครับผมก็จะพยายามเลียงไม่ให้อยู่ใกล้ซีเอง
วันนี้วันงานวันแรกผมกับต้อมมาที่บูธจัดงานภายในศูนย์ประชุมฯเลยครับ เพราะพี่น้ำไม่ได้ให้มาช่วยวันเซ็ตอัพเพราะเห็นว่าขาผมเพิ่งหาย ผมกับต้อมถูกว่างให้คอยต้อนรับลูกค้าที่จะเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับเทคโนโลยีตัวใหม่ที่เอามาออกงาน คงไม่ต้องบอกนะครับว่างานที่ศูนย์ประชุมคนเยอะแค่ไหน
“พี่นัทไหวไหมพี่ เจ็บขาเปล่ายืนนานๆนะ” ต้อมเข้ามาถามเป็นห่วงผม
“ก็นิดหน่อยนะ ยืนนานๆมันก็เริ่มเจ็บนิดๆแล้ว แต่สักพักเดี๋ยวพี่เข้าไปพักในห้องสโตร์เอง” ผมยิ้มให้ต้อมที่เป็นห่วงผม
ตอนคุยกับลูกค้าต้อมก็คอยมองมาที่ผมตลอด เพราะตอนนี้ผมก็เริ่มจะเจ็บขาจริงๆแล้ว จนต้องยกขาขึ้นมาจับบ่อยๆแต่คนก็เข้ามาสอบถามเยอะมากเลยครับ ผมคุยกับลูกค้าอยู่มองไปที่ต้อมไม่เห็นแล้ว หายไปไหนนะไม่เห็นมาบอกกันบ้างเลย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจมากเพราะตอนนี้กำลังคุยกับลูกค้าอยู่
“พี่นัทไปพักก่อนเถอะพี่ เจ็บข้าแล้วใช่ปะ เดี๋ยวผมอยู่แทนให้” วุฒิเดินเข้ามาบอกผม ตอนนี้ต้อมกลับมาคุยกัยลูกค้าอยู่แล้ว
“อืม แต่เรารู้ได้ไง” ผมสงสัยที่วุฒิรู้ได้ยังไง เพราะวุฒิต้องคอยดูลูกค้าอีกฝั่งหนึ่ง
“ก็ต้อมไงพี่ มันบอกพี่น้ำพี่แกเลยให้ผมมาเปลี่ยนพี่นี่แหละ” วุฒิบอกอ้อถึงว่ามันหายไปไหนมา ผมเลยหันไปยิ้มให้มันมันก็ยิ้มตอบแล้วทำมือไล่ให้ผมไปพัก
ผมเข้ามานั่งในสโตร์อยู่คนเดียวเพราะยังไม่ถึงช่วงพักของคนอื่นเลยตอนนี้ สักพักก็มีคนเปิดประตูเข้ามาเป็นซีครับที่เข้ามา ซีถือถุงข้าวกล่องถุงใหญ่มาด้วยทั้งสองมือคงเป็นข้าวที่พี่กันสั่งมาส่งแล้วแน่ๆ ผมเลยหลบแล้วคิดว่าจะออกไปดีกว่าเพราะขาผมก็หายเจ็บแล้ว ผมเลยลุกเดินสวนออกไปซีกลับทำถุงกับข้างหล่นขวางทางผมไว้ ซีก้มลงไปเก็บผมก็ก้มลงไปช่วยเก็บด้วยจะข้ามของกินก็ไม่ใช่เรื่อง(ที่บ้านผมสอนว่ามันไม่ดีนะครับ ทุกบ้านก็น่าจะสอนนะ)
“เฮ้ย...” ถุงที่ผมเก็บมันเป็นผัดวุ้นเส้นแต่มันใส่ข้าวโพดอ่อนมาด้วยสิ
ผมตกกระใจมากโยนถุงทิ้งแล้วด้วยความลืมตัว ผมเลยโผเข้าไปกอดซีที่นั่งเก็บอยู่ข้างๆเอาหน้าซุกที่ไหล่มันไว้ ก็ผมกลัวและตกใจนี่น่าตอนนี้เลยไม่ทันคิด แต่ซีมันก็กอดผมตอบด้วยนะเอากะมันสิ
ผมได้ยินเสียงเปิดประตู “เฮ้ยทำไรพี่นัท” เสียงต้อมดังเข้ามาทางหน้าประตู
..............................
ปล. ยังไงก็ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะครับ มนต์รักบ้านทุ่ง