Prologue (3)
หลังจากไอออกมาเป็นชุดใหญ่ เขาแอบเอาเสื้อผ้ากับผ้าห่มเปื้อนเลือดไปเผาโดยไม่บอกให้ใครรู้ ความจริงเขาไม่ควรป่วยหนักขนาดนี้ แต่อีกฝ่ายลงมือหนักเหลือเกิน หากเขาไม่พอมีความรู้ด้านสมุนไพรอยู่บ้าง คงตายไปตั้งแต่ต้นฤดูหนาวแล้ว
เขาทอดถอนใจแล้วมองกลุ่มควันลอยไปสู่ปุยเมฆ ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ตรงพรมแดนทางเหนือแล้ว ตงเฉินกวางก็เตรียมขนาบทัพดักฝ่าบาทที่หุบเขาเซียงเช่า เหนือหุบเขาเซียงเช่าเป็นที่ราบลุ่ม ฝ่าบาทคงหนีไปไหนไม่รอด เฟิ่งเหรินอ๋องก็นำกำลังคนกว่าสามพันคนเข้าโอบล้อม
น่าเสียดาย... เขาอุตส่าห์ปล่อยให้ชายแดนตะวันออกให้ว่างเปล่าไร้แม่ทัพ โดนการรั้งเซี่ยจื่อหวน...ลูกชายคนโตของแม่ทัพเซี่ยให้กลับมายังเมืองหลวง ชายแดนตะวันออกที่ไม่มีแม่ทัพคอยดูแล ง่ายดายที่จะพิชิตนัก แต่เฟิ่งเหริ่นอ๋องกลับเลือกที่จะต่อกรกับฝ่าบาทเพื่อช่วงชิงฮองเฮา เฟิ่งเหรินอ๋องคงคิดว่าแค่รองแม่ทัพของตนก็เพียงพอที่จะชนะศึกแล้ว....
แต่ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดคือคนที่อยู่ในเงามืด กองทัพของเฟิ่งเหรินอ๋อง ไม่แน่ว่าจะชนะเสมอไป
ศึกที่ชายแดนตะวันออกจะเป็นอย่างไร ไม่เกี่ยวกับเขาอีกแล้ว จะชนะหรือแพ้กองกำลังของเฟิ่งเหรินอ๋องและของฝ่าบาทเองที่เป็นทัพใหญ่คงไม่เหลืออยู่ไม่มาก หากคิดจะก่อสงครามเพิ่มก็คงต้องรอบูรณะกองทัพใหม่ไปอีกหลายปี ส่วนเรื่องในวังหลวง ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างเขาแทบไม่รับรู้ เห็นว่ามีการปะทะกันระหว่างขุนนางอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นหักล้าง ทุกคนรอดูสถานการณ์อยู่ว่าใครจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ยังดีที่ทหารคุ้มกันตำหนักยังทำงานได้อย่างดีเยี่ยม เขาถึงยังไม่ตายจากการถูกลอบสังหาร
เวลาผ่านไปจนถึงยามย่ำค่ำที่เขาต้องดื่มยาอีกครั้ง ครั้งนี้จื่อรุ่ยเป็นคนนำยามาให้ พร้อมกับข่าวคราวของฝ่าบาทที่ได้มาจากสายลับ
" ท่านอ๋อง ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังจนมุมอยู่ที่หุบเขาเซียงเช่า เฟิ่งเหรินอ๋องกับแม่ทัพตงกำลังตีโอบทั้งสองด้าน คาดว่าอีกไม่นานคงได้ตัวฝ่าบาทกับฮองเฮาแล้ว" เขารับยามาแล้วยกขึ้นดื่ม รสชาติของยาช่างขมเฝื่อนเหมือนใจคน
" เฟิ่งเหรินอ๋องข้าไม่กังวลนัก เพียงแต่แม่ทัพตงคงไม่รอด หุบเขาเซียงเช่า แท้จริงแล้วเป็นกับดับ ด้านตะวันตกเฉียงเหนือเลยไปจากหุบเขา ดูเหมือนจะเป็นที่โล่งแจ้ง แต่แท้จริงแล้วกลับมีทางลับหลายเส้นทางนัก ฝ่าบาทไปถึงที่นั่นได้ย่อมคาดหวังชัยชนะ เพียงแต่จะกำจัดเฟิ่งเหรินอ๋องได้หรือไม่คงต้องรอดู" เขากล่าวออกไปก่อนไอออกมาอีกซักพัก พยายามสูดลมหายใจเข้าปอด แต่ดูเหมือนอากาศจะน้อยลงทุกที
" ท่านอ๋อง!"
" ......ไม่เป็นไร แค่หน้ามืดเท่านั้น ยาหม้อนี้ใครเป็นคนต้ม"
" เป็นฝูหรงตามปกติพะยะค่ะ" จื่อรุ่ยตอบ แล้วช่วยพยุงเขาขึ้นให้เอนตัวลงนอนพัก เขาเสียใจเหลือเกิน...
" ต่อไป... เจ้าเป็นคนต้มยาแล้วกัน ฝูหรงหยิบจับอะไรไม่ค่อยได้เรื่อง ไม่รู้ว่ายานี่ต้มตามที่บอกหรือไม่ ข้าถึงไม่หายเสียที"
" พะยะค่ะ"
รอจนจื่อรุ่ยรับคำแล้วเดินออกจากห้อง เขาถึงค่อยพยุงสังขารที่ซีดเซียวทั้งยังผอมแห้งเต็มทน เปิดกล่องลับใต้โต๊ะ ก่อนกินยาที่ปรุงขึ้นเองสองเม็ดอาการก็ดีขึ้น เขาเดินกลับเตียง ล้มตัวลงแล้วนอนหลับตา
ตอนที่ช่วยทั้งสองคนมา เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนใดคนหนึ่งจะเป็นสายลับ แต่จากประสบการณ์ทำให้เขาต้องตรวจภูมิหลังของทุกคนก่อนเอาเข้ามาใกล้ และไม่น่าเชื่อเลย คนที่เขาช่วยมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ สุดท้ายกลับทำกับเขาได้ขนาดนี้
เขาอาการทรงๆทรุดๆ อยู่หลายวัน รอจนอากาศอบอุ่นถึงค่อยดีขึ้น เขาเริ่มออกไปเดินในสวนได้ ได้นั่งวาดภาพเขียนรูปเล่น ได้รับแดดที่ส่องลงมาจากดวงอาทิตย์ยามเช้า เขาวาดรูปต้นสนและต้นหลานฮวาให้ฝูหรงดู ฝูหรงชื่นชมภาพวาดของเขายกใหญ่ พอถามว่าทราบความหมายหรือไม่ ก็บอกมาว่าไม่ทราบ
" ต้นสนเป็นไม้เมืองหนาว มีความอดทนต่อสภาพแห้งแล้ง ลำต้นที่สูงเด่นเป็นสง่า แสดงถึงความสง่างามและความกล้าหาญ ทั้งยังหมายถึงความแข็งแกร่งของจิตใจ บางครั้งถือเป็นการอวยพรให้อายุมั่นขวัญยืน
ส่วนต้นหลานฮวา มีที่มาจากกวีเอกนาม เผาหยวนหมิง เขาได้เขียวกวีกล่าวไว้ว่า ต้นหลานฮวาเปรียบเสมือนวิญญูชนที่มีความอ้อมน้อมถ่อมตน มีความบริสุทธิ์ ไม่คิดคดทำร้าย ส่วนใหญ่จะมอบให้กับคนที่มีความสามารถและความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ แน่นอนว่าต้องมีความซื่อสัตย์ต่อเจ้านายด้วย... เจ้าเข้าใจหรือไม่ฝูหรง"
" บ่าวไม่เข้าใจหรอกขอรับคุณชาย เรื่องยากๆแบบนี้ บ่าวเพียงแค่มองเห็นแล้วชอบก็ชมว่ามันสวยเท่านั้น บ่าวไม่คิดอะไรมาก"
พอฟังจบเขาก็ได้แต่ถอดถอนใจก่อนส่งเสียงหัวเราะ เด็กน้อยของเขา โตมาจนถึงป่านนี้ก็ไม่ยอมเข้าใจอะไรเสียที ยังดีที่พอจะฝากฝังอะไรได้บ้าง ไม่อย่างนั้นชีวิตเขาคงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
รอจนภาพวาดแห้งเขาก็ส่งภาพให้จื่อรุ่ยที่เดินมาพอดี เขาไม่สบตามองท่าทีของจื่อรุ่ยที่มีต่อภาพวาด เพียงแต่จุ่มมือลงในอ่างน้ำอุ่นจัดจนควันขึ้นเพื่อล้างมือ พอเช็ดมือเสร็จเขาก็รับสารลับที่จื่อรุ่ยส่งมาให้ ก่อนอ่านข้อความ และเปล่งเสียงแสดงความคิดเห็น
" ทัพของตงเฉินกวางถูกตีแตกไปแล้ว ฝ่าบาทช่างปรีชาสามารถนัก มีกองทัพอยู่ในมือไม่กี่พันคน ก็สามารถตีทัพนับหมื่นของตงเฉินกวางให้แตกพ่ายได้" พอพูดจบเขาก็แค่นหัวเราะ กองทัพไม่กี่พันคน...
คิดหรือว่าเขาจะไม่รู้ถึงความในที่แอบซ่อน เขาอยู่กับฝ่าบาทมานาน ฝ่าบาทมาแผนการไหนเขาก็พร้อมรับมือทั้งนั้น ขอเพียงแต่เขายอมทำตัวตัวโหดเหี้ยมซักนิด
แต่น่าเสียดาย... สุดท้ายคนที่เขาเหี้ยมโหดด้วยที่สุดก็คือตัวตนเขาเองเท่านั้น ช่างน่าสมเพชที่ถึงตอนนี้เขายังหลงรักฝ่าบาทไม่เลิก ต่อให้อีกฝ่ายอำมหิตกับเขาแค่ไหน สุดท้ายเขาก็ยังตัดใจจากอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี
เขาถอดทอนใจออกมาจนเห็นควันขาว ตอนนี้อากาศอุ่นแต่ก็ยังหนาวเย็นนัก เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเขาก็ได้แต่ทำตามแผนการที่วางไว้ การเดิมพันครั้งสุดท้ายที่เขาคาดหวัง ไม่ว่าจุดจบจะเป็นแบบไหน เขาก็ตัดสินใจและเตรียมจุดจบสำหรับทุกอย่างเอาไว้แล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจุดจบจะเป็นฝันดีหรือฝันร้ายในชีวิตเขา
" ทัพตงเฉินกวางถูกตีแตกพ่ายไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนัก น่าเสียดายที่เฟิ่งเหรินอ๋องทำตัวเป็นพยัคฆ์ดูเสือกัดกันอยู่บนยอดภูเขา ไม่เอาทัพของคนเองมาร่วมรบด้วย ในเมื่อเฟิ่งเหรินอ๋องไม่กล้าลงมือ ข้าก็จะวางกับดักล่อเขาเอง จื่อรุ่ย เจ้าส่งสารไปให้เฟิ่งเหรินอ๋อง บอกว่าข้าต้องการพบที่ฐานทัพร้างบริเวณหุบเขาเซียงเช่า บริเวณนั้นหากเฟิ่งเหรินอ๋องยอมยกทัพของตนมา รวมกับทัพของข้าย่อมตีขนาบทัพของฝ่าบาทได้อยู่แล้ว ถึงฝ่าบาทจะมีทัพของเซี่ยจื่อหวนคอยช่วย แต่เพราะต้องประมือกับทัพของตงเฉนกวาง ไม่ว่าอย่างไรก็คงเหลือกำลังทัพไม่มาก ฝ่าบาทรู้ทางลับ มีหรือข้าจะไม่รู้ เจ้านำแผนที่ลับที่ข้าวาดให้ติดไปด้วย หากเฟิ่งเหรินอ๋องเห็น ย่อมรู้ว่าควรวางกำลังที่จุดใด"
เขาบอกกับจื่อรุ่ยที่ดูตกตะลึงเมื่อเขาพูดถึงเซี่ยจื่อหวง ลูกชายคนโตของแม่ทัพเซี่ยที่สำควรถูกเขาสั่งกักบริเวณไว้ แต่จื่อรุ่ยก็ยังเป็นจื่อรุ่ย ถึงจะตกใจแต่ก็ปกปิดไว้ได้แนบเนียน หากไม่สังเกตจริงๆ ก็คงไม่รู้
เขาวาดแผนที่ทางลับที่อยู่ในหัวแล้วมอบให้จื่อรุ่ย ด้วยรู้ว่าจื่ยรุ่ยต้องนำไปให้เฟิ่งเหรินอ๋องและนำข่าวไปบอกฝ่าบาทด้วยเช่นกัน
รอจนจื่อรุ่ยออกไป เขาที่ยืนตากลมมานานก็ทรุดตัวลงบนตั่งนั่ง ลำบากฝูหรงต้องเข้ามาดูแล
" คุณชาย..."
" ไม่เป็นไรหรอกฝูหรง อีกเดี๋ยวทุกอย่างก็จบลงแล้ว"
เขาบอกกับเด็กน้อยที่ทำท่าเป็นห่วงเขา จื่อรุ่ยเป็นสายลับมีหรือเขาจะไม่ทราบ ฝ่าบาทส่งจื่อรุ่ยมาอยู่ข้างกายเขา พอเขาคิดทรยศก็สั่งให้จื่อรุ่ยวางยาเขาอย่างไม่ใยดี
เขาเหนื่อยเหลือเกิน ความภักดีของเขาสุดท้ายก็เป็นสิ่งที่สามารถหักทิ้งได้ง่ายๆ ทั้งที่หากฝ่าบาทเชื่อมือเขา เชื่อใจเขา ต่อให้ฝ่าบาทอยากครอบครองทุกแผ่นดิน เขาก็สามารถช่วยเหลือไขว่คว้าเอามาให้ได้ ความสามารถของเขา ตัวเขาไม่เคยแสดงออกให้ใครรู้ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มี
ความจริงตอนนี้ฝ่าบาทก็เหมือนเป็นหมากในมือเขา หากเขาต้องการทำลาย ก็ช่างง่ายดายยิ่งกว่าการเด็ดดอกไม้
น่าเสียดายที่ความรักทำให้คนฉลาดกลายเป็นคนโง่ ยอมที่จะถูกหลอกได้ง่ายๆ ให้ต้องเจ็บซ้ำซาก ทั้งที่ควรหลาบจำแต่เขาก็ดันไม่อยากจดจำ ยังคงอยู่ต่อเป็นคนโง่ด้วยความหวังเพียงน้อยนิดว่า
ขอเพียงแค่ฝ่าบาทเห็นค่าเขา ขอเพียงแค่ฝ่าบาทเชื่อมั่นในตัวเขา ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต เขาก็ยินดีที่จะมอบให้
ในที่สุดเวลาที่เขารอมานานก็มาถึงเสียที เฟิ่งเหรินอ๋องเดินทางตามมาตามที่วางแผนไว้ เขาเรียกกำลังคนสามพันนายจากหมู่บ้านชายทะเลเข้ามาร่วมสมทบ นัดแนะเจอกันที่ระหว่างเพื่อไปพบกันและเดินทางต่อไปที่หุบเขาเซียงเช่า ตอนนี้ในราชสำนักโกลาหลวุ่นวายกันหมดแล้ว เซี่ยจิ่งสิงนำขุนนางผู้ภักดี เตรียมยึดราชสำนักและผลักดันองค์ชายน้อยขึ้นเป็นรัชทายาท ข่าวที่ฝ่าบาทยังมีชีวิตอยู่คงเข้าถึงหูเซี่ยจิ่งสิงแล้ว
แต่แล้วยังไงล่ะ เขาไม่สนใจราชบัลลังก์ที่กลวงเปล่าอยู่แล้ว องค์ชายน้อยก็ถือเป็นหลานชายเขา หากได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ในอนาคต มีอะไรที่ต้องเสียหายกัน
คืนนั้นในก่อนที่เซี่ยจิ่งสิงจะบุกเข้ามาที่ตำหนัก เขาพาฝูหรงหนีออกมาทางห้องลับ เด็กน้อยของเขาดูกระหืดกระหอบเพราะขาที่ไม่แข็งแรงนัก ทั้งเนื้อทั้งตัวมีข้าวของที่ผูกติดหลังอยุ่ไม่กี่ชิ้นกับเสื้อกันลม เขาเองก็พกมาแต่ยาถอนพิษกับกระบี่และเสื้อตัวนอกเท่านั้น
เขาฝ่าลมหนาวออกมาจนถึงจุดนับพบ เมื่อเจอกองทัพของตนเองก็ขึ้นขี่ม้าพาฝูหรงขึ้นมานั่งด้วย
เด็กน้อยของเขา...
เด็กน้อยที่น่าสงสาร....
ความจริงเขาไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่เขาไม่เหลือใครคนอื่นอีกแล้ว
ตอนนี้จื่อรุ่ยเองก็คงอยู่กับฝ่าบาทแล้ว ไม่แน่ใจว่าสมัครใจอยู่เองหรือฝ่าบาทอ้างว่าจับจื่อรุ่ยได้ฐานะสายลับ แต่เขาไม่สนใจจื่อรุ่ยอีกต่อไปแล้ว ฝ่าบาทส่งจื่อรุ่ยมา เขาก็แค่คืนให้ฝ่าบาทก็เท่านั้น ส่วนกองทั้งทัพสามพันคนของเขา...
ช่างเถอะ
ไม่ว่าอย่างไรทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว ฝ่าบาทจะใช้งานทั้งสามพันคนต่อก็ดี หรือจะสังหารคนทั้งสามพันหมดก็ช่าง ยังไงกองทัพนี้ เขาก็จัดสร้างขึ้นเพื่อถวายให้ฝ่าบาทอยู่แล้ว
เขากับกองทัพเดินทางกันมาจนถึงหุบเขาที่เป็นทางเข้าออกเดียวของจุดนับพบ เขาที่ขี่ม้ามาตลอดทางก็เพิ่งเห็นว่าดอกเหมยเริ่มบานแล้ว อากาศกำลังเย็นสบาย ติดที่ยังหนาวนิดๆ เขาเดินทางไปในหุบเขาจนถึงฐานทัพร้างที่เฟิงเหรินอ๋องวางกำลังรักษาการเอาไว้
เมื่อเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นเฟิ่งเหรินอ๋องทำสีหน้าเย็นเยียบ แทบจะฉีกอกเขาออกเป็นชิ้นๆ จากแผนการที่เขาวางไว้
" ข้าเฟิ่งเหรินอ๋องช่างด้อยความสามารถนัก ทั้งที่คิดว่าตนเองกำลังต่อกรกับฉู่รื่อยาว แต่ความจริงกับถูกศัตรูในมุมมืดหักหลังเข้าให้" ฉู่รื่อยาวคือพระนามขององค์ฮ่องเต้ก่อนขึ้นเถลิงราชฯ เขามองตาเฟิ่งเหรินอ๋องด้วยสีหน้าผลิยิ้ม ทำเป็นไม่เห็นความเคียดแค้นก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ ภายในบ้านมีกำลังคนอยู่ประมาณสิบคน เขาสั่งให้คนติดตามมาในบ้านด้วยแค่ห้าคนเท่านั้น ส่วนฝูหรง เขาฝากไว้ที่ฝ่าบาทแล้ว
มาถึงตอนนี้ฝ่าบาทคงรู้จากปากฝูหรงแล้วว่า สิ่งที่เขาทำไม่ใช่เป็นการก่อกบฏคิดทรยศ แต่เป็นการสร้างฐานอำนาจให้บัลลังก์ของฝ่าบาทให้แข็งแกร่งมั่นคงมากขึ้น ตงเฉินกวางที่ก่อนหน้านี้เป็นหอกข้างแคร่มานาน ก็ถูกเขาส่งมาให้ฝ่าบาทสำเร็จโทษแล้ว ส่วนพวกขุนนางที่เอาใจออกห่าง เซี่ยจิ่นสิงคงถือโอกาสกำจัดเสี้ยนหนามให้หมดจากราชสำนักเรียบร้อยแล้วด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า คิดคบกับเขาเพื่อชิงบัลลังก์จากองค์ฮ่องเต้
สำหรับเซี่ยจื่อหวนลูกชายคนโตของแม่ทัพเซี่ยที่ถูกเขาสั่งกักบริเวณ แท้จริงแล้วคือแผนการที่วางไว้เพื่อให้เซี่ยจื่อหวนหนีทัพมาช่วยฝ่าบาทต่อกรกับกองทัพของตงเฉินกวางทางด้านนี้
ส่วนเซื่ยเจียฉวน ลูกชายคนรองที่เกิดกับอนุภรรยาที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเทียบเคียงลูกชายคนโตที่เกิดจากภรรยาหลวงได้ ดังนั้นเขาจึงวางแผนช่วยอย่างลับๆ ให้ลูกชายคนโตมาช่วยฝ่าบาททางนี้ ในขณะที่เซี่ยเจียฉวนเองรับหน้าที่คุมทัพ กวาดล้างทัพของเฟิ่งเหริ่นอ๋องที่ประชิดมาทางชายแดนตะวันออก ออกเล่ห์ให้เซี่ยเจียฉวนแสร้งทำเป็นทรยศ สมคบคิดกับเฟิ่งเหรินอ๋องเพื่อขอเป็นแม่ทัพหลักในภายภาคหน้า บอกถึงจุดอ่อนในฐานทัพ ก่อนตลบหลังปิดล้อมและลอบสังหารทหารของเฟิ่งเหรินอ๋องเงียบเชียบ ทหารนับแสนของเฟิ่งเหรินอ๋องคงตกตายโดยที่ทหารของฝ่าบาทไม่ต้องเหนื่อยยาก ทัพเรือนแสนของฝ่าบาทยังคงมีกองกำลังอยู่ครบ
และแน่นอนว่าแผนการที่เขาวางขึ้นนี้เขามอบเป็นรางวัลให้กับเซี่ยเจียฉวนที่ช่วยงานเขา บอกกล่าวกับบุตรชายคนรองของแม่ทัพเซี่ยที่พยายามกระเสือกกระสนเพื่อแม่ของตนว่า ให้บอกแม่ทัพเฒ่าว่าตัวของเซี่ยเจียฉวนเองเป็นคนคิดแผนการนี้ แผนการที่มีแต่ได้กับได้ เซี่ยจิ่นสิงคงเห็นด้วย และถ้าหากชนะศึกไม่ว่าอย่างไรเซี่ยเจียฉวนที่เป็นลูกคนรอง ก็ต้องได้รับยศฐาบรรดาศักดิ์เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว ดีไม่ได้อาจได้เลื่อนขั้นมีตำหนักเป็นของตนเอง พาแม่ที่เป็นอนุภรรยาเข้ามาอยู่ในบ้าน เป็นที่เชิดหน้าชูตาไม่ต้องถูกภรรยาหลวงกลั่นแกล้งหรือถูกข่มแหงรังแก
เขาที่นั่งลงบนเก้าอี้ในบ้านร้างก็ได้แต่ยิ้มรับคำเสียดแทงของเฟิ่งเหริ่นอ๋องเล่น แต่เมื่อเขาแย้มยิ้ม สิ่งที่เป็นหนามยอกอกกลับทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของเขาเอง
".....หวงชินอ๋องช่างมีหน้าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงกับฮ่องเฮาหวงนัก น่าเสียดายที่ท่านเกิดเป็นชายมิเช่นนั้นคงได้ครองรักกับฉู่รื่อยาวแล้ว"
ได้ยินแล้วรอยยิ้มเขาก็หยุดชะนัก ความจริงเขาไม่ได้ยิ้มมานานแล้ว แต่เพราะครั้งนี้คิดว่าเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตที่จะยอมจำทน เขาถึงยิ้มออกมาได้ง่ายๆ
รอยยิ้มของเขาเดิมทีก็เหมือนหยามแทงยอดอก เขากับเหมยผิงเป็นฝาแฝด เขาเป็นคนพี่ ส่วนเหมยผิงเป็นคนน้อง เราสองคนเป็นฝาแฝดที่หน้าตาคล้ายคลึงกัน อุปนิสัยก็คล้ายคลึง เหมยผิงเป็นคนยิ้มง่าย เขาเองก็เป็นคนเช่นนั้น จนเมื่อรู้ว่ารอยยิ้มของตนไม่มีค่า เขาจึงปกปิดรอยยิ้มตนเองมาตั้งแต่นั้น ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนรอยยิ้มของเขาก็ไม่มีทางเท่ากับรอยยิ้มของเหมยผิง ดังนั้นเขาจึงหยุดยิ้มซะ จะได้ไม่ต้องมีข้อเปรียบเทียบ ท่านพ่อเองก็ไม่เคยเห็นค่าในความพยายามของเขา ซ้ำเขายังเจ็บออดๆ แอดๆ จนเสด็จพ่อรำคาญ ทิ้งเขาไว้กับนางกำนัลและเหล่าพี่เลี้ยง จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ เมื่อครั้งที่ป่วยหนักเสด็จพ่อก็ไม่เคยมาเยี่ยมเขาเลยซักครั้ง จนเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาได้อย่างปาฏิหาริย์ เขาก็รู้ตนเองแล้วว่า หากไม่ยืนด้วยลำแข้ง ก็คงไม่พ้นต้องลงหลุมไปอย่างเดียวดาย
เรื่องที่เสด็จพ่อไม่รัก มันสืบเนื่องมาจากเสด็จพ่อถูกบังคับแต่งงานกับเสร็จแม่ เสด็จแม่ของเขาเป็นองค์หญิงในฮ่องเต้พระองค์ก่อนหรือก็คือพระปิตุจฉา น้าสาวขององค์ฮ่องเต้ในรัชสมัยนี้ เสด็จพ่อของเขากับฮ่องเต้องค์ก่อนมีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจบอกให้ใครรู้ องค์หวงไท่หยางสมัยนั้นจึงได้จับเสด็จพ่อเขาแต่งงานกับเสด็จแม่แทน จนเมื่อคลอดเขากับเหมยผิงออกมา เสด็จแม่จึงได้ลาออกไปบวช ทิ้งเขาไว้กับเสด็จพ่อที่ไม่ได้รัก บอกกล่าวว่าได้ทำหน้าที่ของตนเองแล้ว นางมีลูกสาวให้เสด็จพ่อ และเหมยผิงคือตัวแทนสืบสานความรักที่ตนกับองค์ฮ่องเต้ที่ไม่สมหวังในสมัยก่อน
เหมยผิงงดงาม เฉิดฉาย สง่างาม ทั้งยังน่ารัก ตัวฝ่าบาทที่ครั้งยังเป็นพระราชโอรสก็ตกหลุมรักเหมยผิงเข้าอย่างจัง เขาที่เป็นเพื่อนเรียนของฝ่าบาทก็ได้แต่เก็บความรักของตนไว้เงียบๆ มองดูฝ่าบาทกับเหมยผิงซ้อมกระบี่ บรรเลงเพลงคู่ เขาที่ยืนดูอยู่ห่างๆ ก็ได้แต่มองตามอย่างชอกช้ำ เขาเหมือนเหมยผิงทุกอย่าง เพียงแค่เป็นผู้ชายเท่านั้น หากเขาเป็นผู้หญิงเสร็จพ่อคงเอ็นดูเขาบ้าง แต่เพราะเป็นลูกชาย ท่านพ่อที่รักแต่ฝ่าบาทคนก่อนก็ไม่เห็นคุณค่าเขา ซ้ำยังเป็นหนามแทงใจที่เกิดจากผู้หญิงที่ทำให้ต้องพรากจากคนรักของตน
ตอนที่เสด็จพ่อสิ้นไปเขาไม่ได้เสียใจมากนัก ท่านเลือกทำให้สิ่งที่อยากทำแล้วคือการตายเพื่อคนรัก ยอมเอาตัวรับดาบแทนฮ่องเต้พระองค์ก่อนจนสิ้นชีวิต
ตรงจุดนี้คงเป็นจุดที่เหมือนกันของเขากับเสด็จพ่อ เขาก็ยอมตายเพื่อคนที่เขารัก ผิดก็แต่กับเขา... แม้แต่ความรักของฝ่าบาทก็ยังไม่สามารถเอามาถือครองได้แม้แต่น้อย ฝ่าบาทรักแต่เหมยผิงเพียงคนเดียวเท่านั้น และตอนนี้ถึงกับยอมสละทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังลำบากแทน
เขาที่ได้รับคำเสียดสีเรื่องหน้าตามีหรือจะไม่ชอกช้ำ แต่ทำอย่างไรได้ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เหมยผิงแย่งฝ่าบาทไปมีหรือที่เขาไม่จะไม่แค้น แต่ทำอย่างไรได้ เหมยผิงเป็นน้องสาวที่เขารัก นางเป็นคนเดียวที่ดีกับเขาทั้งที่เสด็จพ่อไม่เคยเห็นค่า เวลาเขาป่วยก็มีแต่นางที่เข้ามาเยี่ยม เว้นแต่ครั้งที่เขาป่วยหนักจนเสด็ตพ่อกลัวเหมยผิงจะป่วยตามเท่านั้นเหมยผิงถึงได้ไม่มาเยี่ยม เขาที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาจากความตายก็ได้แต่ตระหนักว่า ชีวิตเขาคือสิ่งไม่มีค่า ดังนั้นความสุขของเหมยผิง เขาจะถือว่าเป็นความสุขของเขาก็แล้วกัน เพราะอย่างไร ฝ่าบาทก็คงไม่มาหลงรักเขาอยู่แล้ว
และเพราะอย่างนี้เขาถึงไม่ชอบให้ผู้หญิงถูกตัวมากนัก นางกำนันที่เห็นว่าเขาเป็นลูกชายที่เสด็จพ่อไม่รักก็ไม่ค่อยทำดีด้วย บางคนก็แค่ทำไปตามหน้าที่ ยังดีที่ทุกคนยังเห็นแก่เหมยผิงอยู่บ้าง พอนางสั่งมาเขาถึงได้มีชิวิตที่ดีขึ้น ไม่เช่นนั้นลูกชายคนโตอย่างเขา คงถูกรังแกยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานไปนานแล้ว
และเพราะอย่างนั้นเขาถึงทำใจเกลียดเหมยผิงไม่ได้ ตอนที่นางแต่งงานเป็นชายาเอกในองค์รัชทายาท เขาถึงไปตัดสินใจที่จะไปอยู่ถิ่นทุรกันดารอย่างชายแดนนั่น แต่สุดท้ายก็ยังตัดใจไม่ลง ยังยอมทำงานเพื่อฝ่าบาท แอบก่อตั้งกองกำลังเล็กๆ ที่แม้จื่อรุ่ยก็ยังไม่รู้ คัดเอาคนมาจากคนกลุ่มน้อย ค่อยๆ ฝึกสอนและสร้างฐานทัพ เพื่อว่าซักวันหนึ่งที่ฝ่าบาทหมดหนทาง เขาจะได้นำกำลังคนที่ฝึกสอนด้วยตนเองนี้มาช่วยเหลือแทน
ตอนนี้คนทั้งสามพันคนของเขากำลังสังหารทหารของเฟิ่งเหรินอ๋องให้หมดสิ้น เขาที่หลอกล่อเฟิ่งเหรินอ๋องมาถึงนี่ก็เพียงแค่เตรียมมาขอสัญญาสวามิภักดิ์เท่านั้น ช่วงก่อนหน้านี้เพิ่งมีข่าวว่าเฟิ่งเหรินอ๋องคือผู้มีสิทธิ์ได้ขึ้นเป็นรัชทายาท เตรียมขึ้นครองบัลลังก์ต่อจากฮ่องเต้องค์ก่อนที่แก่ชราแล้ว
สัญญาสวามิภักดิ์กับชีวิตของตนเองที่จะได้ขึ้นครองราชย์ ช่างเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า เขาที่กะวางมือจากทุกอย่างแล้ว ก็ขอเพียงแค่สิ่งนี้เท่านั้น สัญญาสงบศึกที่ว่าจะไม่รุกราน... สัญญายอมสวามิภักดิ์ อย่างน้อยก็ในช่วงชีวิตของเขา เขาอยากให้ประชาชนเทียนจินอยู่อย่างมีความสุข ไม่ต้องมาพะวักพะวงกับสงครามที่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทหารจะได้กลับบ้าน ชาวนาได้ทำไร่ไถนา สามีภรรยาอยู่กันอย่างพร้อมหน้า สิ่งที่เขาหวังก็มีเพียงเท่านี้ แล้วเขาจะกลับไปอยู่ที่เมืองชายแดน มองดูพระอาทิตย์ตกดินที่ริมชายฝั่งทะเลด้วยใจสงบ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนักอีกแล้ว
แต่สุดท้ายแผนการของเขาก็มีช่องว่าง เมื่อเฟิ่งเหรินอ๋องสั่งให้คนนำพระธิดาน้อยออกมาให้เขา เว่ยซูเหยียนแม่นมของพระธิดาน้อยอุ้มพระธิดาอยู่ในอ้อมอก หน้าตาของนางแทบไม่มีสีเลือด กล่าวทั้งน้ำตาว่าลูกชายนางกับครอบครัวอยู่ในคุกของเฟิ่งเหรินอ๋องแล้ว หากนางไม่นำตัวพระธิดาน้อยมา สามีและลูกน้อยของนางคงถึงจุดจบอย่างทรมาน
มาถึงตรงนี้แผนการทุกอย่างที่วางไว้กลับล้มครืน เขาต้องสั่งการนายทหารทั้งหมดที่อยู่ในมือระงับการสังหารไว้ อุ้มพระธิดาน้อยที่อยู่ในมือซูเหยียนมาไว้ในอ้อมกอด พระธิดาน้อยช่างน่ารักเหลือเกิน ช่างเหมือนกับเขา.. เหมือนกับเหมยผิงไม่มีผิดเพี้ยน
เขาที่รับพระธิดามาได้ก็ทำการจับชีพจร จากที่หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งหน้าซีดลงไปอีก พระธิดาถูกวางยาพิษ หากไม่ได้รับยาแก้ คาดว่าคงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่นานแล้ว
" ท่านต้องการอะไร"
เขากัดฟันถามด้วยสีหน้าเย็นเยียบ เฟิ่งเหรินอ๋องช่างอำมหิตนัก แม้แต่เด็กน้อยที่เพิ่งเกิดยังไม่ละเว้น
" ชีวิตพระธิดาแลกกับ.....ฮ่องเฮา ยาถอนพิษแลกกับการที่เหมยผิงยินยอมมาเป็นของข้า"
เขาฟังคำขอแล้วอยากฆ่าเฟิ่งเหริ่นอ๋องให้ตายนัก พระธิดาแลกยาถอนพิษอะไร ตัวเองเป็นวางแผน... วางยาก่อนแท้ๆ แล้วจะให้เหมยผิงมาอยู่ในกำมือเฟิ่งเหรินอ๋องหรือ ฝันไปเถอะ เมื่อครั้งเก่าก่อนเฟิ่งเหรินอ๋องอาจจะยังรัก อาจจะยังถนอมฮองเฮาบ้าง แต่ตอนนี้ ตอนที่ถูกเขาจัดการมาถึงขั้นนี้ มีหรือที่เฟิ่งเหรินอ๋องจะยอมปล่อยนางให้อยู่อย่างสบาย นางที่หน้าตาคล้ายเขา เป็นพี่น้องร่วมท้องเดียวกับเขา ถ้าเหมยผิงต้องตกไปอยู่ในมือของเฟิ่งเหริน ต่อให้ไม่ตายก็ต้องทรมานยิ่งกว่าตายอยู่แล้ว
ดังนั้นข้อเสนอนี่เขาไม่มีทางรับได้ เขาจึงตัดสินใจ วางชีวิตของพระธิดาน้อยลง เลือกที่จะ... ปล่อยพระธิดาน้อยให้จากไปแบบนี้ ฮองเฮายังสาว ยังสามารถมีพระธิดาอีกได้ ส่วนเด็กคนนี้... หลานสาวที่เขาต้องหักใจทำลาย
เขาเกือบจะหลั่นน้ำตาตอนที่เห็นพระธิดาเริ่มร้องไห้ นางคงรู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่นานแล้ว จึงเรียกร้องขอความเป็นธรรมทั้งน้ำตา และถึงพระธิดายังพูดไม่ได้ แต่เขาก็รับรู้ เพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยผ่านความตายมาแล้วเช่นกัน
>>> ตอนหน้าจบ