BED CARE JOB
ตอนที่ 8 ผู้ซื้อ-ผู้ขาย
ผมมองข้อความในโทรศัพท์มือถือด้วยความไม่เข้าใจ มีเหตุผลอะไรกันที่มิสเตอร์เคต้องโอนเงินจำนวนมากขนาดนี้มาให้ เขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่หรือตั้งใจเอาตัวเงินมาหลอกล่อผม แล้วเขาทำไปเพื่ออะไรล่ะ?
เพื่อให้ผมกลับไปเป็นพนักงานดูแลเตียงงั้นหรือ
ไม่น่าใช่
ผมคิดว่ามิสเตอร์เคคงไม่ขาดแคลนพนักงานขนาดนั้น เขาจ่ายหนัก จ่ายจริง ไม่เคยโอ้เอ้หรือเล่นตัว โอนเงินให้ก่อนจะเริ่มทำงานให้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่โอนเงินก็เขียนเช็กรอไว้แล้ว เหมือนคราวแรกที่ผมได้เช็กนั่นมาจากบ้านใหญ่ๆ ในหมู่บ้านนั้น
ผมกำลังครุ่นคิดอยู่เมื่อโทรศัพท์ในมือสั่นขึ้น ความตกใจเกือบจะโยนมันทิ้งไปเสียแล้ว โชคดีแค่ไหนที่ไม่เผลอทำไปจริงๆ เพิ่งจะหมดหนี้ก็เกือบหาเรื่องเสียเงินซ่อมโทรศัพท์แล้วหรือนี่ ผมรีบกดดู มันเป็นข้อความที่ถูกส่งผ่านแอปพลิเคชันสีเขียวมาจากโจ
ผมโล่งใจเมื่อเห็นว่าไม่ใช่จากมิสเตอร์เค
โจบอกว่า
‘โอเค รีบเข้านอนล่ะ ฝันดี’ ผมเลยตอบกลับไปว่า
‘อืม ฝันดี’ เสร็จแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนเตียงเตรียมตัวไปอาบน้ำ
ระหว่างที่อาบน้ำ ผมก็นึกถึงโจ ภพและเอก เราสี่คนรู้จักกันในคาบเรียนวิชาภาษาอังกฤษตอนปีหนึ่ง ตอนนั้นอาจารย์ให้รวมกลุ่มสี่คน ผมที่ยังไม่มีเพื่อนสักคน เคว้งคว้างไม่รู้จะต้องทำตัวอย่างไร กระทั่งเห็นกลุ่มข้างๆ มีสมาชิกนั่งอยู่สามคน ผมจึงเสนอหน้าเข้าไปขอร่วมกลุ่มด้วย ทุกอย่างลงตัว กลุ่มนั้นขาดสมาชิกหนึ่งคนพอดี ผมจึงได้รับการเข้ากลุ่มทำงานนั้นง่ายๆ
ผมคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วทั้งสามคนแต่อันที่จริง โจกับภพ สองคนเท่านั้นที่เป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่มัธยม ส่วนเอกมาขอเข้ากลุ่มก่อนหน้าผมเพียงห้านาที งานกลุ่มงานแรกของพวกเราไม่มีอะไรซับซ้อน เราแบ่งงานกันและนำมารวบรวมก่อนจะส่งให้อาจารย์ หลังจากนั้นพอมีงานกลุ่มเมื่อไหร่ ผมก็มักจะอยู่กับกลุ่มนี้ สุดท้ายไม่รู้เป็นไงมาไงไม่ว่าจะมีงานกลุ่มหรือไม่มี พวกเราสี่คนจะมานั่งเรียนด้วยกันอย่างนี้ไปโดยปริยาย
รู้ตัวอีกทีโจก็มักจะอยู่ในทุกๆ เหตุการณ์และสายตาของผมไปแล้ว
แม้โจจะบ่นเก่งแต่โจก็ใจดี ดูแลผม เป็นห่วงผมมากกว่าใคร ผมรู้และเข้าใจที่สุด
ความใจดีของโจ เลยเป็นบ่อเกิดให้ครั้งหนึ่งที่ผมเคยคิดกับโจมากกว่าเพื่อน
ใช่ครับ ผมเคยชอบโจ ได้แต่แอบชอบและไม่กล้าสารภาพออกไป กลัวว่าถ้าโจไม่ได้คิดตรงกันกับผม มันจะทำให้มิตรภาพเราแปรเปลี่ยนไม่เป็นเหมือนอย่างเดิม หลายๆ ครั้งที่ผมสบตากับโจและเกือบจะพูดความในใจออกไปแต่ก็ยั้งไว้ได้ทัน ความกลัวมันช่วยฉุดคำพูดผมไว้ และสมองคอยสั่งผมว่าที่เป็นอยู่แบบนี้มันดีแล้ว
ผมแอบชอบโจอยู่ปีเดียวก็พยายามตัดใจ คงแปลกใจใช่ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นกัน มันไม่มีอะไรเลยแต่ผมรู้ว่าในเมื่อไม่พูดความในใจกับโจ ความสัมพันธ์ของเราสองคนจะเป็นเพื่อนตลอดไป ทำไมผมไม่ทำตัวเองให้เพื่อนกับโจได้อย่างสนิทใจกันล่ะ
ผมเริ่มปลีกตัวออกมาจากกลุ่มมากขึ้นตอนปีสอง ทำงานพิเศษเพิ่ม หาเงินให้มากเข้าไว้ ไม่อยากจะยืมเงินโจบ่อยๆ ผมทำงานหลายที่เสียจนเอกแซวว่าผมทำงานเหมือนบ้านเป็นหนี้ ผมได้แต่หัวเราะแกนๆ ไม่ได้บอกมันว่า ผมมีหนี้อยู่บนหัวตลอดเวลา แค่รอเวลาว่ามันจะลงหัวเมื่อไหร่เท่านั้นเอง
จนถึงตอนนี้ปีสี่ปีสุดท้าย ผมไม่ได้รู้สึกกับโจเกินไปมากกว่าเพื่อนแล้ว และไม่ได้ชอบใครอีก กระทั่งผมเริ่มมีความรู้สึกนี้อีกครั้งกับคนที่ไม่เคยเห็นแม้หน้าตาของเขาเลยก็ตาม
ผมคงเป็นโรคแพ้คนใจดี ยิ่งเขาทำดีกับผม พูดดีกับผม มันยิ่งทำให้โรคขาดความรักของผมกำเริบ ทำให้ชอบเขาได้ง่าย แต่ความรักของผมกับมิสเตอร์เค คงคล้ายกับที่เคยขึ้นกับโจ ไม่มีทางมาบรรจบกันได้ อีกไม่นานผมคงจะเลิกชอบมิสเตอร์เคได้เหมือนที่เลิกชอบโจ
ผมคิดเพลินจนอาบน้ำเสร็จ คว้าเสื้อยืดที่เริ่มย้วยกับกางเกงขาสั้นมาใส่ตอนที่ออกจากห้องน้ำ เดินมากดเปิดโทรทัศน์เพื่อไม่ให้ห้องเงียบจนเกินไป ตั้งใจว่าจะเริ่มทำโปรเจ็กต่อจากจุดที่ค้างไว้ให้เสร็จ แต่สายตาผมก็อดเหล่ไปมองโทรศัพท์บนเตียงนั้นไม่ได้ ผมนั่งประสานมืออยู่บนพื้นห้อง จะเอายังไงต่อ จะหยิบโทรศัพท์นั้นขึ้นมาหรือจะทำโปรเจ็กก่อนดี
สุดท้ายผมบังคับหักห้ามจิตใจ เลือกทำโปรเจ็กก่อนและหลอกล่อตัวเองว่าพอทำได้ถึงจุดหนึ่งที่ตั้งใจแล้วค่อยมาจับโทรศัพท์
ผมนั่งทำงานไปอย่างเงียบเชียบ ได้ยินเสียงโทรทัศน์แว่วผ่านหูมาเบาๆ แต่จับใจความไม่ได้เพราะไม่ได้สนใจจะฟัง ขะมักเขม้นกับสิ่งตรงหน้าคือโต๊ะญี่ปุ่นที่มีหนังสือและโน้ตบุ๊กวางอยู่บนนั้นอีกที โน้ตบุ๊กเครื่องนี้ไม่ใช่ของผมหรอก มันเป็นเครื่องเก่าของโจ เขาบอกว่ามันเริ่มช้าและอืดแล้วแต่ถ้าแค่พิมพ์งาน มันยังใช้ได้ดีอยู่
จนเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ท้องเริ่มร้องประท้วง พอเหลือบดูนาฬิกาตรงมุมขวาล่างของโน้ตบุ๊กจึงเห็นว่าเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว มื้อล่าสุดของผมคือเมื่อตอนบ่าย เป็นเจ้าก้อนขนมปังครัวซองต์ ฝีมือพี่ปุยฝ้าย นี่มันผ่านมาแปดเกือบเก้าชั่วโมงแล้ว ไม่แปลกใจทำไมผมถึงหิว
ผมบิดขี้เกียจคลายความขบเมื่อยเล็กน้อย พับหน้าจอโน้ตบุ๊กอย่างเรียบร้อยก่อนจะลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปหาอะไรกินที่ร้านประจำ ร้านคู่ใจเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงและมีหมาน้อยสองสามตัวคอยต้อนรับอยู่หน้าประตูทางเข้า ผมหยิบข้าวกล่องแช่เย็นในตู้และน้ำเปล่าอีกหนึ่งขวด เสร็จแล้วจึงส่งให้พนักงานนำไปอุ่นร้อนและคิดเงินเป็นอันจบสิ้นกระบวนการเตรียมมื้ออาหาร
ผมกลับเข้ามานั่งในห้อง หน้าโต๊ะญี่ปุ่นอีกครั้ง เปิดฝากล่องข้าวอย่างระวังเพราะกลัวว่าอาหารจะกระเด็นไปจนเลอะโน้ตบุ๊กกับหนังสือที่ยืมมา ระหว่างเคี้ยวข้าวไปด้วย ผมก็ดูโทรทัศน์ไปด้วย มันเป็นรายการข่าวเช้าวันใหม่ช่องหนึ่ง นักเล่าข่าวพูดถึงประเด็นที่ใครต่อใครกำลังให้ความสนใจ ณ เวลานี้ ประเด็นเรื่องการเลือกตั้ง
“มีข่าวลือว่าคุณคิรินชาจะลาออกจากพรรคหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วจริงหรือเปล่าคะ” เสียงนักข่าวผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้น ผมจะไม่สนใจข่าวนี้เลยถ้าไม่ได้ยินชื่อคนที่ถูกพูดนั้น
“เรื่องนี้ผมยังให้คำตอบไม่ได้ครับ คงต้องให้คีน ลูกชายผมเป็นคนออกมาพูดเองจะเหมาะสมกว่า” เสียงทุ้มชวนฝันนี้ คุ้นหูผมเหลือเกิน ผมมองคนในโทรทัศน์ เขาคือคนเดียวกับผมเห็นในโทรทัศน์เมื่อวันก่อนนี่นา
“กังวลไหมคะว่าเรื่องนี้จะทำให้คะแนนความนิยมของพรรคลดลง”
“ไม่กังวลครับ”
“คำถามสุดท้ายค่ะ แล้วท่านรู้สึกอย่างไรที่มีคนบอกว่าท่านใช้หน้าตาลูกชายมาเป็นส่วนหนึ่งในการหาเสียงทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง”
“พรรคเราพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงาน ที่ผ่านมาเราทุ่มเทเพื่อประชาชนมาโดยตลอดจึงไม่มีอะไรต้องห่วงครับ” ผู้ชายในโทรทัศน์ตอบอย่างสุภาพ ไม่มีอาการโมโหหรือแสดงความไม่พอใจใดๆ ออกมาให้เห็น
ผมอยากฟังต่อแต่ภาพกลับตัดเข้ามาในสตูดิโอเสียแล้ว นักเล่าข่าวพูดสั้นๆ ว่าคงต้องรอหลังเลือกตั้งตามที่ผู้ชายคนนั้นได้พูดไป
ผมกำลังคิดอยู่ว่าเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหน แต่ฉับพลันผมก็ยกมืออุดปากแทบไม่ทัน เกือบตะโกนเสียงดังออกไปให้ห้องข้างๆ ลุกขึ้นมาด่าแล้ว
เสียงนั่น...เสียงนั่น...มือผมสั่นไปหมดในตอนที่ผมนึกได้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร
เสียงผู้ชายคนนั้นคือเสียงของมิสเตอร์เค!!
ตาผมแทบจะถลนออกมาจากเบ้าด้วยความตกใจ ผมพยายามกอบกู้สติคืนมาให้ที่สุด แล้วค่อยๆ คิดทบทวน พอสติกลับคืนมาผมก็เริ่มเข้าใจได้รางๆ ทุกอย่างดูเข้าเค้าลงตัวไปเสียหมด ตั้งแต่ที่เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตน แท้จริงเพราะเขาเป็นนักการเมือง กลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงนี่เอง เขาต้องไปทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุด เพราะต้องเดินสายหาเสียงปราศรัย ไหนจะคำพูดที่อธิบายอย่างใจเย็น รูปร่างสูงใหญ่ในความทรงจำ อีกทั้งอายุที่เขาเคยบอกว่ามากกว่าผมสองคนรวมกันอีกล่ะ
สุดท้าย เสียงในโทรทัศน์นั่น คือสิ่งยืนยันได้ดีว่าสิ่งที่ผมคาดคิดนั้นมันถูกต้องทุกข้อ
ผมยังมือไม้สั่นไม่หยุดตอนที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา อยากอีเมลไปถามเขาเดี๋ยวนั้นว่าเขาคือหัวหน้าพรรคการเมืองใช่หรือเปล่า แต่พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาจะใช่หรือไม่ใช่ แล้วมันเกี่ยวข้องหรือเป็นปัญหาอะไรกับผมตรงไหนในเมื่อตอนนี้ผมกับเขาก็ไม่ได้ทำงานด้วยกันแล้ว ผมจึงเปลี่ยนใจแล้วหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาแทนที่กล่องข้าวที่ยังกินไม่หมด
ผมเข้าเว็บไซต์ที่ช่วยตอบคำถามทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้อีกครั้งเพื่อค้นหาประวัติหัวหน้าพรรคการเมืองคนนั้น
คุณกวินทร์ หัวหน้าพรรคการเมือง ปัจจุบันอายุ 65 ปี สมรสกับภรรยาคนแรกชาวอังกฤษ มีลูกชายหนึ่งคนชื่อคิรินชา อายุ 44 ปี ก่อนจะเลิกราหย่าร้างกันไป และสมรสใหม่อีกครั้งกับภรรยาชาวไทยและมีลูกชายหนึ่งคนชื่อนคินทร์ อายุ30 ปียังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายแต่ผมไม่ได้อ่านต่อ เช่นธุรกิจครอบครัว ประวัติการศึกษา รวมถึงเส้นทางการเป็นนักการเมืองของคุณกวินทร์
ผมกำลังตกใจกับตัวเองอยู่ ผมไม่ได้ตกใจว่าผมเคยนอนกับนักการเมือง มีดีกรีเป็นถึงหัวหน้าพรรค แต่ผมตกใจที่ผมนอนกับคนอายุมากถึงขนาดนั้น เคยคิดว่าเขาแก่แต่ไม่คิดว่าจะแก่ขนาดนี้ ไม่ได้เรียกว่านอนกับคนรุ่นพ่อแล้ว พ่อผมเพราะอายุแค่สี่สิบเอง แต่นี่ผมนอนกับรุ่นปู่รุ่นตาเลยนะ
ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด แม้แต่โจก็ไม่ได้
ผมสั่งตัวเองไว้ตั้งแต่วินาทีนี้เลย นอกเหนือความตกใจ ผมก็เริ่มรู้สึกโกรธเขา เขาบอกว่าโสด แล้วเมียคนไทยนั่นล่ะ เมียในมโนภาพเหรอ นี่ผมทำอะไรลงไป ผมไปชอบคนที่มีลูกมีเมียแล้วได้อย่างไร
ผม..ผม..
ผมต้องคืนเงินเขา! ผมจะรับเงินนั่นมาไม่ได้ ถ้าเมียเขารู้เรื่องล่ะ เขาอาจจะให้คนมาทำร้ายผมแบบเปิ้ล ผมแดงก็ได้ ผมไม่เอาด้วยนะ บอกตรงๆ ผมกลัว
ผมเข้าอีเมล รีบพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ จนต้องกดลบแก้หลายครั้ง เสียเวลาพอสมควรกว่าจะพิมพ์เสร็จ
สวัสดีครับ Mr.K
ผมได้รับเงิน 20,000 บาท จากที่คุณโอนมาให้แล้ว ผมไม่รู้ว่าคุณโอนเงินให้ผมมาทำไมหรือโอนผิดครับ? ยังไงก็ตามผมรู้สึกขอบคุณคุณมากครับ แต่ผมคงรับมันไว้ไม่ได้ ผมไม่สะดวกใจ ผมขอเลขที่บัญชีคุณได้ไหมหรือถ้าไม่ได้ พอจะมีวิธีไหนให้ผมคืนเงินให้คุณได้ไหมครับขอบคุณครับ
ธาวิน
ผมกดส่งอีเมลออกไป จ้องหน้าจอว่างๆ นั้นอยู่อีกครู่ บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร เหมือนคนอกหักตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มและเหมือนเป็นชู้โดยไม่รู้ตัว ถ้าโจไม่บอกให้ผมเลิกทำงานกับเขา ผมมั่นใจว่าผมคงจะเขียนอีเมลไปขอยกเลิกสัญญาเสียเดี๋ยวนี้เช่นกัน
ผมรู้ว่าลูกค้าเขาจะมีชีวิต ใช้สิทธิ์แบบไหนก็ได้ อย่างที่เกดได้บอกเปิ้ลและข้าวไป ลูกค้าจะมีเมียหรือลูกแล้วก็ไม่ผิดเพราะเขาคือลูกค้าเป็นคนมาซื้อของและผมเป็นคนขายของ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รับไม่ไหวอยู่ดี ใช่ครับ เพราะผมชอบเขาไง ผมชอบมิสเตอร์เค ผมเลยรู้สึกผิดต่อลูกและเมียของเขา และที่สำคัญผมรู้สึกผิดหวังในตัวมิสเตอร์เค ทั้งที่ผมพูดกับเขาด้วยความจริง เขาไม่น่าเลือกโกหกผมเลย
ผมเตรียมจะพับปิดหน้าจอโน้ตบุ๊กแล้วถ้าไม่ทันเห็นว่ามีข้อความใหม่เข้ามาก่อน ผมปล่อยเมาส์ด้วยความตะลึงก่อนจะตั้งสติจับเมาส์อีกครั้งและคลิกไปที่ข้อความที่เตะตาผม
สวัสดีครับ เปล
เป็นไงบ้าง สบายดีไหม ได้งานใหม่หรือยังครับ
เรื่องเงิน 20,000บาท ผมตั้งใจมอบให้คุณและผมได้บอกในข้อความว่าให้ทำไม ผมไม่ได้ให้คุณเป็นคนแรก พนักงานคนอื่นก็ได้รับแบบนี้เช่นกันหลังเลิกทำงานกับผม ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลครับMr.K
ผมอ่านข้อความมิสเตอร์เคแล้วอยากจะพิมพ์ ฟหกก่าสว กลับไป ไม่ได้ต้องการต่อว่าเขา แต่คำพูดของมิสเตอร์เคกำลังบอกผมว่าผมคืออดีตพนักงานคนหนึ่งของเขาเท่านั้น ผมควรจะเมลกลับไปบอกเขาอย่างไรดี รับเงินไปให้จบๆ หรือโอนกลับไปเพื่อความสบายใจตัวเอง อย่างไหนถึงจะดีกว่ากัน
สวัสดีครับ Mr.K
ผมสบายดีครับ ตอนนี้ผมได้งานแล้วเป็นร้านกาแฟแห่งหนึ่ง คุณคงสบายดีเหมือนกันใช่ไหมครับ
ขอบคุณสำหรับเรื่องเงิน 20,000บาท อีกครั้งครับ แต่อย่างที่ผมได้แจ้งไปแล้ว ผมไม่สะดวกจะรับไว้จริงๆ ผมยังไม่ได้เป็นพนักงานเต็มตัวเลยด้วยซ้ำ ผมไม่สบายใจถ้าได้เงินนี้มาฟรีๆ จึงอยากโอนเงินคืนคุณจริงๆ ครับ อย่าให้ผมลำบากใจเลยขอบคุณครับ
ธาวิน
ผมกดส่งอีเมลไปแล้ว รออยู่ครู่ใหญ่ทว่าไม่มีข้อความใหม่กลับมา ผมจึงตัดสินใจพับหน้าจอโน้ตบุ๊กลง ปิดไฟจนห้องมืดสนิทแล้วเลื้อยตัวขึ้นเตียง
จวนจะตีหนึ่งแล้วแต่ผมยังไม่นอนหลับ ผมคิดวกวนเรื่องมิสเตอร์เคไปมาในหัว มันสลัดออกไปจากความคิดไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าหลังจากที่มิสเตอร์เคได้อ่านอีเมลฉบับล่าสุด เขาจะมีสีหน้าอย่างไร อาจจะโกรธที่ผมทำตัวงี่เง่า เรื่องมาก เล่นตัวไม่เข้าท่าหรือเปล่า
ก่อนจะหลับไปในคืนนั้นผมหวังว่ามิสเตอร์เคจะเข้าใจผม
ผมตื่นขึ้นมาเพราะโทรศัพท์ข้างหมอนที่มันสั่นไม่หยุด ผมงัวเงียกดรับโดยไม่ได้ดูชื่อว่าใครโทรมา จะเป็นใครไม่ได้นอกจากโจแน่นอน
“ว่าไงโจ มีอะไรโทรมาแต่เช้า” ผมกรอกเสียงยานคางกลับไป
“สวัสดีครับเปล ผมเคครับไม่ใช่โจ นี่คุณยังไม่ตื่นหรือ”
เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันนั่นทำให้ผมดีดตัวขึ้นมาจากที่นอนมานั่งทันที โทรศัพท์ร่วงตกไปที่พื้นเต็มแรง ใจเต้นโครมคราม ผมรีบตะเกียกตะกายพาตัวเองไปหยิบมันขึ้นมา ไม่ได้สนใจว่าหน้าจอแตกหรือเปล่า ใจมันกลัวว่าคนปลายทางจะวางสายไปเสียก่อน
“คะ..ครับ คุณเค สวัสดีครับ” ผมละล่ำละลักเรียกชื่อคนที่โทรมา
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เสียงดังเชียว”
“เอ่อ ผมทำโทรศัพท์ตก แต่ไม่เป็นไรครับ ยังใช้ได้อยู่”
“เหรอครับ ผมขอโทษที่โทรมาตั้งแต่เช้า แต่จะโทรหาคุณเมื่อคืนก็ดึกไป คิดว่าคุณน่าจะหลับแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ คุณเคมีอะไรหรือเปล่า”
“ผมอ่านอีเมลของคุณแล้วนะครับ”
“ครับ ทำไมเหรอ” ผมอยากจะย้อนเขากลับไปมากกว่านั้น‘อ่านแล้วยังไง ทำไม?’ แต่ก็รู้ว่าไม่ควรทำ ยังไงเขาก็คนรุ่นพ่อ ไม่ใช่สิ รุ่นปู่ผมแล้ว
“ผมมีคำถามอยากถามคุณ คำถามแรก คุณโกรธผมหรือครับ” ผมจับความรู้สึกในน้ำเสียงของมิสเตอร์เคไม่ถูก ฟังดูแล้วเขาไม่ได้ถามเพื่อง้อผม ผมคิดว่าเขาน่าจะถามเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงโกรธมากกว่า
“ครับ? เปล่านี่ครับ ผมจะโกรธคุณทำไม”
“ข้อความในอีเมลนั้นดูคุณไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่” ผมมั่นใจว่าเขียนอีเมลบอกเขาอย่างสุภาพและไร้อารมณ์โกรธแล้วนะ ทำไมมิสเตอร์เคยังรู้อีก
“คุณคิดมากไปแล้วครับ” ผมหายใจเข้าเต็มแรงก่อนจะปฏิเสธหลบเลี่ยง
“ผมเคยบอกคุณแล้วว่าคุณโกหกไม่เก่งเลยครับเปล แต่ถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร งั้นคำถามที่สอง”
“ครับ”
“ทำไมถึงไม่อยากรับเงินไว้”
“ผมบอกคุณในเมลไปแล้วครับ”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“เปล่าครับ” ผมยังยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมรับ
“เปล” เขาเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มชวนฝันอย่างเคยไร้ซึ่งความโมโหโกรธา ทำแบบนี้ผมจะกลายเป็นคนมีปัญหาคนเดียวน่ะสิ
“ครับ”
“คุณไม่เคยดื้อเลยนะครับ มีอะไรเกิดขึ้น บอกผมได้หรือเปล่า” พอมิสเตอร์เคพูดด้วยคำที่อ่อนโยน ผมเริ่มรู้สึกไม่ดีที่ไปโกรธเขา
“ผะ..ผม แค่คิดว่าผมไม่ควรรับไว้ก็เท่านั้นเอง” ผมยังยืนยันคำเดิม
“ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงโกรธผม แต่รับเงินไว้ได้ไหม เด็กดีอย่างคุณรู้วิธีใช้ประโยชน์จากเงินที่ได้รับอยู่แล้วใช่ไหมครับ”
“ครับ จริงๆ ผมตั้งใจจะเอาเงินไปใช้หนี้เพื่อน..แต่ว่าผมไม่” แต่ผมก็ไม่อยากรับเงินไว้อยู่ดี
“ทำตามที่ตั้งใจดีกว่า รับเงินไว้เถอะ อะไรที่ให้ผมให้แล้ว ผมไม่มีนโยบายรับคืน”
“ก็..ก็ได้ครับ” ผมรับคำอย่างจนใจ แต่อดหมั่นไส้คำพูดเขาไม่ได้ วันๆ คงคิดแต่เรื่องการเมือง คำพูดคำจาเลยเป็นนโยบายไปเสียหมด
“ดีครับ” ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนปลายสาย มันเสียงหัวเราะที่ผมเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาคงพอใจกับคำตอบของผมเลยหัวเราะได้สักที
“ขอบคุณครับ” ผมเลิกต่อต้าน ยอมรับเงินไว้ ดูท่าทางแล้วเขาคงไม่รับเงินคืนง่ายๆ เหมือนกัน
“งั้นถือว่าเราเข้าใจกันแล้ว ผมวางสายนะครับ”
“เดี๋ยวครับ!” พอคิดว่าจะไม่ได้ยินเสียงเขาอีก มันอดใจหายไม่ได้ ผมเลยเรียกเขาไว้โดยไม่รู้ตัว
“ครับ?”
“คะ..คุณสบายดีนะครับ” เพราะไม่เรียกโดยไม่ตั้งใจ ผมจึงหาคำพูดไม่ทันก็เลยถามเขาด้วยคำถามที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย
“สบายดีครับ”
“ผมก็สบายดี แล้วเอ่อ..คุณ” ผมตอบเขากลับอัตโนมัติ แต่พอจะชวนเขาคุย ผมกลับไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร
“ไม่เป็นไรครับเปล ค่อยๆ คิด ไม่ต้องรีบ ผมยังมีเวลาคุยกับคุณสิบห้านาทีก่อนไปทำงาน”
“ครับ” ผมยู่หน้าเล็กน้อยที่ถูกมิสเตอร์เคจับได้ แค่ฟังจากน้ำเสียงผม เขากลับรู้ทันผม
“แต่ถ้ายังคิดไม่ออกให้ผมถามคุณบ้างดีไหม เล่างานใหม่ให้ผมฟังหน่อยสิครับ งานใหม่เป็นร้านกาแฟใช่ไหม”
“ใช่ครับ ผมไปทำที่ร้านนั้นได้สองวันแล้ว เจ้าของร้านใจดีมากๆ ครับ” ผมตอบได้ทันทีเพราะเป็นคำถามง่ายๆ
“แล้วคุณต้องไปทำทุกวันไหม”
“ครับ ไปทุกวัน ถ้าวันธรรมดาแค่ตอนบ่ายถึงเย็น แต่ถ้าเสาร์อาทิตย์ก็เต็มวันครับ”
“อย่าลืมกินข้าว พักผ่อนด้วยนะ พอคุณเรียนจบก็จะไม่เหนื่อยเท่านี้อีกแล้ว”
“ครับ คุณก็เหมือนกันนะ อย่าปรา..เอ๊ย อย่าทำงานจนไม่ได้พักนะครับ” ผมรีบแก้อย่างรวดเร็ว เกือบไปแล้ว ผมเกือบจะหลุดคำว่าปราศรัยไปให้เขารู้ตัว
“ขอบคุณครับ เอาละ ผมต้องไปแล้ว”
“ครับ”
“มีอะไรอยากถามผมอีกไหม”
“ไม่มีแล้ว คุณไปทำงานเถอะครับ แล้วก็เรื่องเงิน ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
“ผมเต็มใจ ถ้ามีอะไรอีเมลหาผมได้ทุกเมื่อนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณครับ”
มิสเตอร์เควางสายไปแล้ว ผมยังถือโทรศัพท์เอาไว้ เพิ่งสังเกตเห็นว่าหน้าจอมีรอยแตกเล็กๆ น่าจะแตกตอนตอนที่ผมทำร่วงจากเตียง ช่างมันเถอะ ตราบใดที่มันยังใช้ได้อยู่ ผมก็จะไม่ไปเสียเงินซ่อมหรอก
รอยยิ้มยังค้างอยู่ที่หน้าผมไม่จางหาย ดีใจที่ได้คุยกับเขาอีกครั้ง พอนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ผมควรจะคุยด้วยอีก ผมถอนหายใจให้ตัวเอง รู้ว่าไม่ควรดีใจที่เขาโทรมา แต่ก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดี สถานการณ์ชักบานปลาย ผมคงต้องรีบตัดใจจากคุณปู่คนนี้ให้ได้เสียแล้ว
=====================
ไม่ได้ตอบคอมเมนต์เลย แต่อ่านทุกคำเลยน้า
ถ้ามีข้อสงสัยถามได้เลย ไปตอบแน่นอนค่ะ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ รักกก
ปล ตอนนี้แต่งยากจริงๆ ถ้าแปลกๆ ไป ขออภัยล่วงหน้าค่ะ
ใครเล่นทวิตไปทวง บ่น หรือชมก็ได้น้า ที่แทกนี้เลย #พนักงานดูแลเตียง