***เพื่ออรรถรสในการอ่าน ลองเปิดเพลง 11.11 - Taeyeon ฟังคลอไปด้วยดูนะคะ***Chapter 21
พีทตื่นในเวลาสายๆ ของอีกวัน แสงแดดจ้าที่ส่องผ่านประตูกระจกไม่ได้ทำให้ร่างสูงของกรขยับตัวตื่นแต่อย่างใด
คนตื่นก่อนย่อมได้เปรียบ พีทเอามือเท้าหัว พิจารณาใบหน้าคมยามหลับที่ไม่ว่าจะมองสักกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ ก่อนจะใช้ปลายผมหยักศกยาวๆ ของตัวเองปัดไปปัดมาบนใบหน้า
“...” กรขมวดคิ้วทันทีเพราะความรำคาญ แต่ก็นั่นแหละ จุดประสงค์ของพีท คนตัวบางกว่ากลั้นเสียงหัวเราะ ก่อนจะขยับปอยผมไปปัดบนเปลือกตากรอย่างแผ่วเบา
กรยังไม่ยอมตื่น พีทขยับหน้าเข้าไปใกล้ จ้องแพขนตาหนาสีดำเข้ม สีเดียวกับคิ้วและผมยุ่งนั้น พีทค่อยๆ ยื่นมือไปลูบหน้าผากกร และใช้สันมือเสยผมม้าคนที่หลับอยู่ไปข้างหลัง กรพลิกใบหน้าหนี
แปลกดี จะหนีแต่กลับหันหน้ามาทางพีทซะงั้น คนผมยาวกลอกตาหัวเราะออกมา ก่อนจะยกมืออีกข้างที่ไม่ได้ใช้เท้าคางไล้สันจมูกกรด้วยสัมผัสแผ่วเบา สัมผัสจากปลายนิ้วไล่มาถึงปลายจมูก และหยุดลงที่ริมฝีปากบาง...
สัมผัสของริมฝีปากนี้ยามที่มันลากผ่านทุกส่วนของร่างกายชัดเจนจนใบหน้าพีทเห่อร้อนไปหมด
“...!”
“...” กรจับข้อมือพีทออก พลางลืมตาขึ้น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันคล้ายไม่พอใจ แต่พอกรมองเห็นรอยช้ำแดงบนลำคอและหน้าอกบางนั่น ร่างสูงก็ยิ้มร้ายออกมา “ซนแบบนี้ เมื่อคืนน่าจะทำให้เสร็จๆ ไปซะ”
“ผมก็ไม่ได้ห้ามนะ ถ้าคุณไม่กลัวติดโรค” พีทยิ้มตาปิด กรหมั่นไส้จนต้องส่งมือไปบีบปลายจมูกแรงๆ พีทดิ้นหลบ ก่อนจะฟุบลงนอนคว่ำหน้ากับหมอน แล้วเอียงคอมองกร
“...”
“...”
กรสบตาพีท มองแล้วก็ถอนหายใจแรงๆ ออกมา แล้วยิ้มกว้าง ก่อนจะยีผมพีทแรงๆ “อย่าน่ารักนักได้ไหม”
Rrrr… Rrr…
โทรศัพท์ก็ช่างโทร.เข้ามาได้ถูกจังหวะ กรคว้ามันมาจากโต๊ะข้างเตียง มองเบอร์ที่แสดงบนหน้าจอ ก่อนจะเลิกผ้าห่มออก และลุกเดินออกไปคุยข้างนอก
พีทมองตามร่างสูงที่เปลือยท่อนบนอวดกล้ามเนื้อแน่นเดินเปิดประตูห้องนอนออกมา ก่อนสมองจะทวนประโยคที่กรพูดก่อนหน้า
‘อย่าน่ารักนักได้ไหม’“//////” เหมือนมีคนกดรีเพลย์ให้ได้ยินเสียงทุ้มพูดวนอยู่ในหัว มือเรียวค่อยยกขึ้นปิดหน้า ก่อนที่ร่างใต้ผ้าห่มจะม้วนไปมาบนเตียงจนผ้าห่มพันตัวเป็นก้อนหนอนยักษ์
เมื่อกี้กรบอกว่าเขาน่ารักน่ารักล่ะ โอยจะบ้า เรื่องเมื่อคืนยังไม่น่าเขินเท่านี้เลยด้วยซ้ำ
02.11 PM
“...♪”
กรยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้องนอนนิ่งๆ มองหนุ่มนักดนตรีที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงและกำลังดีดกีตาร์ ฮัมเพลง สลับกับก้มลงไปจดอะไรยุกยิกใส่สมุดโน้ตเล่มเล็กที่เจ้าตัวคงพกมาด้วย เสี้ยวหน้าที่โผล่พ้นผมยาวดูตั้งใจ
ผมยาวหยักศกนั่นร่วงตามแรงโน้มถ่วงทันทีที่พีทก้มหน้า กรผละแขนที่กอดอกอยู่ ก่อนจะเดินตรงไปหาร่างบนเตียง มือหนาเอื้อมไปตรงหน้าพีท จับปอยผมที่ร่วงน่ารำคาญทัดใบหูเจ้าของผมนั้น พีทเงยหน้าขึ้นสบตากร นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนกับริมฝีปากที่หยักยิ้มชวนให้กรใจสั่นเบาๆ
“ทำอะไร?”
“แต่งเพลง” พีทยิ้ม พลางใช้ศอกยันตัวกีตาร์แล้วเท้าคาง กรเหลือบมองสมุดที่จดตัวโน้ตและคอร์ดปนกันมั่วไปหมด ก่อนจะทรุดลงนั่งข้างๆ
“ทำไมไม่แต่งเพลงขายล่ะ?”
“ฮ่าๆ ไม่มีค่ายเพลงไหนเขาซื้อเพลงแนวที่ผมแต่งหรอกเสี่ย.. ยกเว้นผมจะเปิดค่ายเพลงเอง”
“...” กรมองพีทนิ่งๆ แบบที่ชอบทำ “ไว้ฉันแต่งนายเป็นคุณนายเมื่อไรนายจะได้ทุกอย่างที่ต้องการเลย”
“หืม... ผมจะได้เป็นคุณนายจริงเร้อ ไม่ใช่ว่าแต่งเข้าไปเจอเมียหลวงแล้วผมกลายเป็นเมียสอง อาจจะสาม สี่ หรือห้านะเสี่ย?”
Rrrr… Rrr… Rr…
โทรศัพท์กรดังอีกแล้ว พักนี้ดังถี่จนน่ารำคาญ กรหยิบมันขึ้นมาดูเบอร์ที่โทร.เข้า พีทมองตามมือกรอย่างอดไม่ได้ และสบตากับกรทันทีที่ร่างสูงจ้องหน้าเขา
“อะไรเหรอคุณกร?”
“เปล่า” กรไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นยืนพลางยีหัวพีทแรงๆ แล้วยิ้มพอใจ ก่อนจะกดรับโทรศัพท์ แล้วเดินออกไปคุยข้างนอก
เลี่ยงไปคุยอีกแล้ว ไม่รู้ว่ากลัวข้อมูลรั่วไหลหรือไง ระวังไว้เถอะ สักวันพีทจะแอบล้วงข้อมูลลับของกรไปขายให้บริษัทคู่แข่ง!
07.13 AM
ทั้งๆ ที่พีทตื่นเช้ามากเป็นพิเศษ แต่ก็สายกว่ากรซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้นอนทั้งคืนอยู่ดี พีทพาตัวเองไปอาบน้ำด้วยความเร็วแสง เพราะหิวจนแสบไส้ จะบอกว่าเป็นอีกครั้งที่เขาตื่นเพราะความหิวก็ว่าได้
แสงไฟในห้องทำงานลอดผ่านประตูที่ปิดไม่สนิท กรคงยังอยู่ในนั้น เพราะเจ้าตัวขลุกอยู่ในนั้นตั้งแต่บอกว่าจะบินไปทำงานที่ต่างประเทศ พีทเปิดประตูด้วยความเงียบ ภาพกรฟุบหลับหนุนแขนอยู่บนโต๊ะทำเอาเขาไม่กล้ารบกวน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปปิดไฟให้กร แล้วยืนจ้องร่างที่ฟุบหลับอยู่
กรดูจะยุ่งกว่าเดิมนิดหน่อย อาจเพราะวุ่นอยู่กับการเตรียมเอกสาร พีทหิวและเบื่อที่จะกินอาหารของรีสอร์ทแล้ว แต่ก็เกรงใจเกินกว่าจะปลุกกรให้พาไปหาอะไรอย่างอื่นกิน
พีทเดินจากห้องทำงานกรออกมาอย่างเงียบเชียบ พลางพ่นลมหายใจออกมา
“...” ภาพพีทที่ยืนทำอะไรก๊องแก๊งอยู่ในครัวเป็นภาพแปลกๆ ที่เห็นจนเคยชินไปแล้ว แต่วันนี้มันแปลกไปกว่าเดิมนิดหน่อย เจ้าตัวลงมือทำครัวเป็นเรื่องเป็นราว กลิ่นกับข้าวลอยหอมฟุ้งยั่วน้ำลายพากรมายืนมองพีททำครัวอยู่นานสองนาน
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอคุณกร?” พีทหันมาเห็นร่างสูงยืนจ้องตัวเองจึงร้องทัก
“...” กรไม่ตอบแต่เดินตรงไปหาพีท อ้อมแขนแกร่งสวมกอดพีทจากด้านหลังพลางซบหน้าลงบนไหล่บาง
“...” ใจวูบไหวไปหมด พีทใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือตะหลิวยีผมดำสนิทของกร “ง่วงก็ไปนอนต่อที่เตียงดีๆ สิคุณ”
“...”
“...”
มันมีบางสิ่งที่พีทไม่ได้พูด และกรไม่ได้พูด บางอย่างที่ทั้งคู่เลี่ยงจะไม่พูด
“....หิว”
“...” พีทปล่อยมือจากผมกรพลางมองบน “แต่คุณจะมาเกาะผมอย่างนี้ไม่ได้ ไปอาบน้ำแปรงฟันแล้วมานั่งกินดีๆ สิ”
“...” กรผละออกจากพีท เดินลากเท้าเข้าไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย ทิ้งพีทให้ยืนกุมหน้าอกตัวเอง ปลอบขวัญให้หัวใจกลับมาเต้นด้วยอัตราเร็วที่ปกติสักที
ทำแบบนี้ทั้งที่รู้ว่าพรุ่งนี้ก็จะจากกันนี่ไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ...
กรดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง พีทจัดแจงตักข้าวใส่จานให้กร ร่างสูงทอดสายตามองกับข้าวน่ากินหลายอย่างตรงหน้า พีทเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้ทุกอย่างจริงๆ เติบโตมาด้วยตัวคนเดียว และต้องดูแลน้องสาวที่อายุห่างกับตัวเองเป็นรอบ คงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากไม่น้อย กรเบนสายตามองคนที่แอบพูดถึงในใจ คนผมยาวนั่งลงตรงข้ามเขา แล้วส่งยิ้มให้ มือเรียวหยิบช้อนส้อมขึ้นมา
“มันอร่อยมากเสี่ย เชื่อผม กินเยอะๆ ไปเลย”
“...อือ” กรตักผัดอะไรสักอย่างเข้าปากคำนึง มันรสชาติดีอย่างที่พีทบอกจริงๆ แม้ว่ารสชาตินั้นจะไม่คุ้นปากเลยก็ตาม
“กินเสร็จแล้วก็ไปนอนนะครับเสี่ย”
“นอนไม่ได้ งานยังไม่เสร็จ” กรส่งข้าวเข้าในปากอีกคำ พีทวางช้อนส้อมลงในจาน สองมือประสานกันแล้วเท้าคางจ้องหน้ากร
“เสี่ยกร...”
“หือ” กรเงยหน้าตามเสียงเรียก น้ำเสียงนั้นจริงจังจนน่าแปลกใจ ดวงตาเรียวจ้องเขม็งมาที่เขา
“...” พีทเงียบ เหมือนรอให้กรเป็นฝ่ายเปิดปาก
มันมีบางอย่างที่กรไม่พูด และพีทก็ไม่ยอมพูด ต่างคนต่างเลี่ยงที่จะพูด
จนแล้วจนรอดเขาก็ยังเงียบ ริมฝีปากของพีทจึงขยับพูดอีกครั้ง “คุณ... ไม่ได้ทำธุรกิจมืดใช่ไหม?”
“...” กรเงียบ พีททำสีหน้าตระหนก ตลกจนกรต้องเอื้อมกำปั้นไปเขกหัวเจ้าตัวแรงๆ “ติ๊งต๊อง”
“ก็คุณรวยเกิ๊น แถมยังยุ่งผิดปกติด้วยช่วงนี้”
“ฉันต้องเตรียมวีซ่า แล้วก็ใบสั่งซื้อสินค้า ไหนจะเอกสารนำเสนอลูกค้า...” จริงอยู่ว่าธุรกิจเขามันก็ต้องใช้เส้นสายกันบ้างนิดหน่อย แต่กรก็ไม่ได้ถึงขนาดกับจับงานตลาดมืด ค้ายา ค้าอาวุธ หรือรับฟอกเงินอะไรทำนองนั้น
“เหรอ...” พีทเอียงคอไล่สบตากร แต่ก็พยักหน้าตามภาษาคนไม่ค่อยใส่ใจเรื่องยุ่งยาก
บทจะไม่สนใจก็ไม่ถามต่อเลยจริงๆ กรมองพีทที่เคี้ยวข้าวในปากช้าๆ เหมือนสัตว์เคี้ยวเอื้อง ทุกท่วงท่าและการแสดงออกช่างเป็นตัวของตัวเองและเป็นธรรมชาติ
กรหลุบตามองถ้วยแกงจืดตรงหน้า กับข้าวธรรมดาที่ใครทำก็รสชาติออกมาแนวเดียวกัน และเป็นรสชาติเรียบง่ายที่ไม่ว่าใครก็กินได้ จริงอย่างที่กรเคยตั้งข้อสังเกตว่าพีทไม่ใช่คนซับซ้อน ไม่ได้มีหลายมิติที่ท้าทายให้เขาค้นหา แต่กรกลับตกหลุมความเรียบง่ายนี้
รู้ตัวอีกทีหลายสิ่งก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป พอมีความทรงจำใหม่ๆ เข้ามา เรื่องเก่าๆ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกมากมายขนาดนั้นแล้ว
“พอได้ทำกับข้าวกินเองแบบนี้ก็รู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านเลย”
อยู่ๆ พีทก็โพล่งขึ้นมา กรฟังเงียบๆ ไม่มีความเห็น
“ดีใจเหมือนกันนะที่จะได้กลับบ้านสักที”
พีทดูเหมือนอยากกลับเต็มทีแล้ว
เขามันเห็นแก่ตัวเองที่จับหนุ่มนักดนตรีคนนี้มาขังไว้กับตัวเองแค่เพราะว่าหน้าเหมือนแฟนเก่า
ความจริงมันก็แค่กรน่าจะเปิดใจให้ตัวเองรับใครเข้ามาตั้งนานแล้ว จะได้ไม่ต้องไปเดือดร้อนคนตรงหน้า แต่ทำยังไงได้เมื่อในเวลานี้มันคือคนนี้
แต่พูดว่าอยากกลับแล้วทั้งๆ ที่รู้ว่าพรุ่งนี้ก็จะจากกันแล้ว พีทไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ...
10.26 PM
“พีท”
“...Zz”
“พีทตื่นเร็ว” กรเพิ่มแรงบีบบนต้นแขน
“หืม... อืม...” พีทย่นหัวคิ้ว ก่อนจะลืมตาขึ้น คนเพิ่งตื่นหยีตามองคนที่ปลุกตัวเอง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“ทำไมถึงได้ชอบนอนตอนหัวค่ำนักนะ”
“...ก็ไม่ได้ทำงานที่บาร์คุณแล้วมันว่าง พอไม่มีอะไรทำมันเลยง่วง” พีทขยี้ตา แล้วยิ้มมึนๆ
“ไม่บอกตั้งนาน จะได้ชวนหาอะไรทำ”
“แล้วที่ปลุกนี่จะชวนหาอะไรทำเหรอ?” ยิ้มมีเลศนัยแถมยังปรือตาใส่ กรบีบแก้มพีทจนปากจู๋ แล้วกดริมฝีปากตัวเองลงไปแรงๆ
“ยอกย้อน” ฝ่ามือใหญ่คว้าเอาแขนเรียวของพีทมาจับ แล้วออกแรงดึงให้คนบนเตียงลุกขึ้น “ไปกันเถอะ”
“ไปไหน!?”
“...ตามมาก็พอ” กรหันมายิ้ม มือที่จับอยู่ที่แขนเลื่อนมาจูงมือพีทให้เดินตามตัวเองไป
เสียงคลื่นกระทบฝั่ง ผสานกับเสียงใบมะพร้าวเสียดสีกันยามที่ลมพัดผ่าน ริมหาดทรายใกล้กับชิงช้าตัวใหญ่ที่พีทเคยไปนั่งเล่นกับหญิงสาวคนนั้น มีแสงไฟสว่างจากดวงไฟเล็กๆ ห้อยระย้าพันรอบบริเวณนั้น แสงไฟสีส้มนวลส่องในความมืดเป็นสีเดียวกับแสงเทียนที่ถูกจุดและวางอยู่บนเชิงเทียนบนโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแบบสองที่นั่ง
โต๊ะดินเนอร์สุดหรูใต้แสงเทียนริมชายหาด ถ้าเป็นคนอื่นคงหลอมละลายกับความคลาสสิกโรแมนติกนี้ไปแล้วแน่ๆ
“ชอบไหม?”
“หือ” เสียงทุ้มทำให้พีทรู้ตัวว่ากรยังจับมือเขาไม่ปล่อย คนผมยาวเหลือบมองร่างสูงข้าง แล้วยิ้มแห้งออกมา “เอาตรงๆ ไหม?”
“ว่า”
“มันเฉยๆ อะ” คงเป็นเพราะเขาเป็นผู้ชายด้วยมั้ง เลยไม่อินว่าการกินข้าวแล้วจุดเทียนไปด้วยนี่มันพิเศษยังไง
“...เฮ้อ” กรกลอกตาแล้วถอนหายใจ พลางปล่อยมือพีท แล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้
พีทหัวเราะกับท่าทางผิดหวังนั้น ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงบ้าง “...แต่มันก็ดีใจนะที่มีคนทำให้ รู้สึกพิเศษดี”
กรส่งสัญญาณเรียกพนักงานรีสอร์ท ไม่นานก็มีคนเดินมารินไวน์ให้ พีทมองของเหลวที่ไหลออกจากปากขวดสีทึบ ในขณะที่กรจ้องใบหน้าพีทอีกทอดหนึ่ง
“ผมนี่เป็นโสรยาที่โชคดีที่สุดในโลกเลย” พูดติดตลกมาตั้งแต่ต้นจนจบ พีทคิดเอาว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวเป็นแค่การแสดงละครแนวจำเลยรัก
เผื่อว่าตอนจากจะได้ไม่เจ็บเท่าไร
“...” แสงจากเทียนกระทบลงบนหน้าพีท กรกอดอกแน่นมองใบหน้านั้น
จะว่าหลงเพราะเหมือนคนเก่าๆ ก็ไม่ใช่ หรือจะว่ามองจนชินตาเลยชอบมองก็พูดได้ไม่เต็มปาก
“เพ้อเจ้อจริงๆ” กรพึมพำให้กับความคิดตัวเอง แต่พีทกลับคิดว่าตัวเองโดนด่าไปเรียบร้อยแล้วเลยเตรียมจะอ้าปากเถียง พอดีกันกับที่อาหารมาเสิร์ฟ พีทหุบปากลงทันควันเพราะเกรงใจพนักงานที่อุตส่าห์สละเวลามาทำตามใจเจ้านายจอมบงการ
“...อยู่ๆ ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ล่ะคุณกร?”
“ก็แค่คิดว่าไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ไง” กรพูดจับก็จิ้มชิ้นเนื้อที่หั่นเสร็จเข้าปาก พีทหลบสายตากร ก้มมองชิ้นเนื้อที่อยู่บนจานของตัวเอง อึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก
ยิ่งพอคิดว่าทุกอย่างจะจบลงแค่คืนนี้แล้ว...
และละครเรื่องนี้อาจจะไม่มีภาคต่อ
Rrr… Rrr…
โทรศัพท์กรที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นครืด โชว์หราว่ามีคนโทร.เข้ามา แม้ว่าจะปิดเสียงไว้ กรสไลด์หน้าจอปฎิเสธสายไป
11.11 PM
หน้าจอแสดงเวลาวูบเดียวแล้วก็ดับไป
ดึกป่านนี้แล้วเหรอ...
“พรุ่งนี้ฉันต้องเดินทางแต่เช้ามืด คงไม่ได้ไปส่งขึ้นเครื่องบินกลับบ้านนะ”
“ได้ สบาย”
“เดี๋ยวให้คนมารับ ตื่นเช้าๆ เข้าไว้ เข้าใจไหม”
“สบายอยู่แล้ว”
“ดี เสร็จธุระแล้วฉันจะติดต่อไปหา”
“ได้ อย่าลืมโอนเงินมานะ” พูดติดตลกพลางขยิบตา กรยิ้มจืด พอๆ กับพีทที่รู้สึกว่ามุกมันฝืดสิ้นดี
“...อืม”
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ คอมเมนท์ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ ♥