บทที่ ๓๖. คิดถึงให้ต้องยื้อ
2566
2023
“ลูกวิน” เสียงเรียกนั้นทำให้เด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ต้องหยุดชะงัก ขณะกำลังก้าวเท้าเดินไปที่ประตูบ้าน “ครับคุณแม่” วินหันกลับไปขานรับต้นเสียง ที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา “มานั่งคุยกับแม่สักเดี๋ยวสิครับ” วินได้ยินแม่ของเขาเอ่ยเรียก สายตาของวินมองไปที่ประตูบ้าน ลังเลอยู่ไม่น้อย เพราะความตั้งใจเดิมคือเด็กหนุ่มกำลังจะออกไปข้างนอก
“คุณแม่มีอะไรกับวินหรือครับ” วินนั่งลงที่โซฟาตัวตรงข้ามกับแม่ของเขา เด็กหนุ่มเหลือบสายตตามองไปด้านขวามือ พ่อของเขานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงนั้น แต่วินรู้ดีว่า พ่อทำท่าอ่านหนังสือไปอย่างนั้นเอง แต่จริง ๆ แล้ว ได้พูดนัดแนะกับแม่ของเขาก่อนหน้านี้ ให้เรียกเขามานั่งคุยด้วย พ่อของเขานั้น ตามใจเขามาตั้งแต่เด็ก เรื่องจะเรียกคุยแบบนี้ พ่อไม่เคยทำ
“พักนี้แม่ไม่เห็นวินอยู่ติดบ้านเลยลูก” แม่ของเขาเปิดบทสนทนาขึ้น วินสบตากับผู้เป็นแม่ก่อนพูตอบกลับไปว่า “ช่วงนี้วินมีเรื่องให้ทำหลายอย่างน่ะครับ นี่วินก็ว่าจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน อาจจะกลับดึกหน่อยนะครับ พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ป้านวลก็เข้านอนได้เลยนะครับ วินกลับเข้าบ้านมาเองได้” วินหันไปแจ้งกับแม่นมที่ช่วยพ่อกับแม่ ดูแลเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก ที่หลบมุมแอบนั่งฟังอยู่ห่าง ๆ
“แม่ว่า วินไม่ลองทบทวนสิ่งที่วินทำดูอีกทีหรือลูก” ผู้เป็นแม่นั้น รักลูกชายคนเดียวของเธอดุจแก้วตาดวงใจ ต่อให้จะตามใจมากแค่ไหน อย่างไรเสีย จะไม่ให้เกิดความเป็นห่วงในพฤติกรรมของลูกเลย มันก็เป็นไปไม่ได้ “เช่นเรื่องอะไรครับคุณแม่” วินถามแม่ของเขา ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่นั่นเป็นที่รู้กัน ว่าวินกำลังเริ่มที่จะขึ้งข้องขัดเคืองใจ
“พ่อว่า การที่เราไปเสียมารยาท กว้านซื้อหุ้นของบริษัทคนอื่นด้วยท่าทีเป็นนักเลงหัวไม้ มันไม่ใช่สิ่งที่ดีนะลูก วิน” พ่อของเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ พูดกับลูกชายคนเดียวของเขา ลูกชายที่เขายอมทุกอย่างเพื่อให้ได้มา “พ่อครับ วินก็ทำทุกอย่างด้วยความถูกต้อง หุ้นเหล่านั้นวินก็ซื้อมาตามราคาตลาด เดี๋ยวนะครับ คุณพ่อทราบได้ยังไง นี่เรากำลังพูดกันถึงหุ้นตัวไหนกันครับ คุณพ่อ” วินย้อนถามพ่อของตัวเอง เมื่อรเรื่องซื้อหุ้นล่าสุดนี้ เขายังไม่ได้บอกพ่อของเขาให้รับรู้
“แม่งโคตรจะขี้ขลาดเลย” วินสบถพร้อมแค่นลมหายใจออกมา “วินระวังคำพูดหน่อยสิลูก” แม่ของเด็กหนุ่มเตือนเขา เมื่อเห็นว่าวินใช้คำพูดที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย “ก็มันจริงนี่ครับแม่ วินไปสู้กับเขาซึ่ง ๆ หน้า แต่นี่เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าวินเยอะ อายุก็มากกว่าหลายสิบปี แต่กลับวิ่งโร่มาฟ้องคุณพ่อกับคุณแม่ลับหลังกันแบบนี้ ไม่ไหวนะครับ” พ่อกับแม่ของวินมองหน้าสบตากัน วินที่พออายุจะบรรลุนิติภาวะแล้ว ลูกชายของพวกเขาก็เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ความมุทะลุดุดันถูกแสดงให้เห็นอย่างบ่อยครั้ง และเปิดเผย โดยที่วินนั้นไม่สนใจว่า ใครจะคิดกับเขายังไง
“วิน แม่ว่า ลูกลองใจเย็นลงก่อน แล้วคิดดูอีกทีมั้ยลูก มันมีคน หรือใครอีกตั้งเยอะ ที่จะให้ลูกของแม่” แม่ของวินพูดได้เพียงเท่านั้น วินก็พูดสวนขึ้นทันที “คุณแม่ครับ เราพูดเรื่องนี้กันเข้าใจแล้วนะครับ” วินไม่เคยคิดที่จะก้าวร้าวกับแม่ของเขา “วินพิสูจน์สิ่งที่วินบอกคุณพ่อกับคุณแม่ไปหมดแล้ว” เด็กหนุ่มนั้น ไม่เพียงแต่มีแค่เรื่องเล่าเท่านั้น เขายังไปกว้านหาหลักฐานมาแสดงให้กับพ่อและแม่ของเขาดูไปแล้ว
“วินไม่ได้เป็นเด็กรุ่นใหม่สมัยนี้ ที่ชื่นชอบเรื่องราวเก่า ๆ ในยุคนั้น หรือแค่โหยหาความเป็นไปในยุคนั้น” วินยืนยันกับพ่อและแม่ของเขาอีกครั้ง “จากยุคเก้าศูนย์ วินกลับมาทั้งจิตวิญญาณ” วินมองหน้าพ่อกับแม่ของตัวเอง “รวมทั้งความทรงจำทั้งหมดที่เคยมี” ได้ฟังดังนั้น พ่อของวินหวนนึกถึงคำทำนายที่ได้รับมา ว่าการที่เขาขอใครก็ได้ ให้มาเกิดเป็นลูกของกับภรรยา มันจะเป็นสิ่งที่สมหวังก็จริง แต่สุดท้ายแล้ว ลูกของเขาจะไม่ได้เป็นของเขาอย่างที่ขาหวังใจให้เป็น
“แล้ววินก็บอกกับคุณพ่อคุณแม่แล้วด้วยว่า วินชอบผู้ชายด้วยกัน” พ่อและแม่ของเด็กหนุ่มจำได้ดี ในวันที่เด็กชายวิน ในวัยสิบขวบ เดินมาหาเขาทั้งสองคน แล้วพูดขึ้นว่า 'วินชอบผู้ชายนะฮะ คู่ชีวิตที่วินจะอยู่กับเขาไปจนตาย เป็นผู้ชาย แล้ววันหนึ่งวินจะแสดงให้ทุกคนได้ดู' จากวันนั้น อะไรต่าง ๆ ที่เกิด อยู่ และเป็นในช่วงปีเก้าศูนย์ ค่อย ๆ เด่นชัดขึ้นในการกรำทำต่าง ๆ ของวิน แต่เรื่องการชอบผู้ชายนั้น มันมาแน่นอนเอาตอนที่วินหอบเอกสาร หลักฐานอะไรมากมายกลับมาที่บ้าน ตอนวินอายุได้สิบเจ็ดปี
“วิน ลูกก็รู้ดี ว่าพ่อกับแม่” พ่อของวินเอื้อมมือไปจับกับมือของภรรยา “พ่อกับแม่รักลูกสุดหัวใจ” พ่อของวินบอกกับเด็กหนุ่ม “ลูกวิน ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ลูกจะชอบใคร มันไม่ใช่เป็นปัญหาที่พ่อกับแม่เป็นกังวลเลยสักนิดนะลูก” แม่ของเด็กหนุ่มช่วยพูดเสริมในสิ่งที่สามีของเธอพูดเอาไว้ เพราะไม่ว่าวินจะเลือกคู่ครองเพศไหน พ่อและแม่ของวินนั้น เปิดรับเรื่องพวกนี้ได้โดยสมบูรณ์
“แต่ ลูกวินไม่ลองดู ลองคบหากับคนรุ่นราวคราวเดียวกันกับลูก” แม่ของวิน ไม่รู้ว่าจะพูดแบบไหนดี ที่จะฟังดูไม่น่าเกลียดมากจนเกินไป “คุณแม่ครับ” วินหน้าขึงขังขึ้นมาในทันที “ผมไม่ได้กลับมาเพราะว่าเขาอายุน้อยกว่าหรือมากกว่าผมในตอนนี้นะครับ” เมื่อวินตัดสินใจในเรื่องใดไปแล้ว พ่อกับแม่ของเขาก็รู้ดี ว่ายากที่จะเปลี่ยนใจลูกชาย
“วินกลับมาเพื่อตามหาคนของวิน หัวใจของวินอยู่กับเขา” วินใบหน้าเศร้าก่อนจะพูดออกมาว่า “วินตามหาเขาจนเจอ เพื่อที่วินจะไถ่โทษกับเขา ในสิ่งที่เคยวินทำเอาไว้” วินถอนหายใจออกมาเบา ๆ กับความเสียใจที่ตัวเองเคยก่อเรื่องราวร้าย ๆ เอาไว้ “วินทำผิดกับเขาเอาไว้ครับ ผิดมาก วินทำให้เขาเสียใจ” เด็กหนุ่มโตกว่าอายุตัวเองมาเสมอ นั่นคือสิ่งที่พ่อและแม่ของเขาเห็นมาโดยตลอด
“วินจะไม่ยอมให้ตัวเองทำผิดพลาดอีกครั้ง” วินนั้นเป็นเด็กดีของพ่อแม่มาเสมอ อาจจะมีดื้อบ้าง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลย ที่จะทำให้พ่อและแม่ต้องหนักใจหรือเสียน้ำตา “วินจะไม่เสียโอกาสที่จะเป็นตัวของตัวเอง หรือเลือกที่จะปกปิดความรู้สึกของวิน เพราะวินไม่รู้เลย ว่าวินอาจจะไม่มีโอกาสจะได้กลับมาแบบนี้อีก” วินรักพ่อกับแม่ของเขามาก แต่สิ่งที่เขาค่อย ๆ จำมันได้ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา มันทำให้วินรู้ว่า นี่คือสิ่งที่เขาต้องทำ
ตฤณนั่งอยู่ที่โซฟาด้านล่างคอนโดสุดหรูแห่งนี้ สายตามองไปที่ลิฟต์ตัวที่จะพาขึ้นไปที่ห้องเพ้นท์เฮ้าส์ ที่ก่อนหน้านี้ เคยมาอยู่เป็นประจำนับครั้งไม่ถ้วน แต่มาในวันนี้ เขายังคงนั่งอยู่ตรงส่วนรับรองบุคคลภายนอก ที่จัดไว้สำหรับผู้ที่มารอพบเจ้าของห้องชุด ทั้ง ๆ ที่ตฤณสามารถสแกนลายนิ้วมือ ขึ้นไปนั่งรออยู่ที่ด้านบนห้องพักได้เลย
“เดี๋ยวนี้ถึงกับไม่กล้าขึ้นไปรอที่ห้องแล้วหรือ” ตฤณที่ตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะเปลี่ยนใจ ต้องการจะเดินออกจากที่แห่งนี้ สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงทักนั้น ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง “ทำไมไม่ขึ้นไปรอที่ห้อง” ตฤณที่หันมาทางเจ้าของเสียง ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน กับคำถามที่สร้างความกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย
“จริง ๆ ฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ด้านล่างก็ได้” ตฤณเลือกที่จะไม่ตอบ แต่เสพูดอย่างอื่นออกไป “ผมก็แค่มารับจากพนักงานที่ด้านล่างนี้ ไม่เสียเวลาดีด้วย” ตฤณยิ้มออกไปกลบเกลื่อน ทั้งเรื่องที่เขาไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย และเรื่องที่สะดุ้งให้ได้เห็น ราวกับว่า ตัวเองกำลังทำความผิดอะไรอยู่ แล้วโดนจับได้ในที่สุด
“ไม่อยากเจอหน้าผมขนาดนั้นเลยหรือ” นฤเบศถามคำถามนั้นออกไปด้วยอาการหัวใจที่มันสั่น จากที่ทั้งสองได้เจอกันคราวที่แล้ว นฤเบศยอมรับกับตัวเองอย่างไม่อายเลยว่า เขานั้นเสียศูนย์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก กับการที่ต้องเห็นตฤณยืนเคียงคู่กับผู้ชายคนอื่น มันเหมือนกับโดนเหยียบจมูกจนถึงถิ่น
“ผมแค่มารับของที่ลืมทิ้งไว้ ถ้าคุณจะกรุณาไม่พูดถึงเรื่องอื่น หรือคนอื่น” ตฤณที่ชั่งใจอยู่นาน ว่าเขาควรจะมาที่นี่ดีหรือไม่ รู้แล้วว่า เขาน่าจะเชื่อความคิดที่ผ่านเข้าหัวมาแต่แรก “ไอ้เด็กนั่นมันมีดีมากขนาดนั้นเชียวหรือ ดีกว่าผมอีกงั้นหรือ ตฤณ” เสียงของนฤเบศฟังดูแล้ว เป็นการพูดหาเรื่องกันอย่างเปิดเผย
“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องใครดีกว่าใครทั้งนั้นแหละ คุณยังไม่เข้าใจเรื่องระหว่างผมกับเขา” ตฤณเองก็รู้ว่าจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดนี้กับนฤเบศอย่างไรดี ให้เข้าใจได้ง่ายที่สุด “อย่าบอกนะ ว่าคุณเอากับไอ้เด็กนั่นแล้ว” นฤเบศหลุดปากออกไปด้วยความโมโห ก่อนจะรู้สึกตัว ว่าไม่สามารถเรียกคำพูดนั้นกลับคืนมาได้แล้ว เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของตฤณ ที่ไม่ชอบและไม่พอใจคำพูดนั้นอย่างที่สุด
“เขายังอายุไม่ถึงยี่สิบเลย ตกลงนี่คุณนฤเบศเห็นผมเป็นคนยังไง นอกจากผมจะตกลงยอมรับข้อเสนอ ยอมขึ้นเตียงเอากับผู้ชายที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ยังเลวไม่พอ นี่ผมยังจะเอากับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะได้อย่างง่าย ๆ โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรอย่างนั้นน่ะหรือ แหม คนอย่างผมนี่ ต้องเลวมันไปทุกเรื่องสินะ มันถึงจะครบสูตร” นฤเบศสะอึกไปกับคำพูดของตฤณเช่นกัน
“คุณก็ถอยออกมาสิ คุณก็อย่าไปยุ่งกับไอ้เด็กนั่น ทำไมถึงยอมให้มันมาวุ่นวายเรื่องของเราอยู่ได้” นฤเบศขยับเท้าเดินเข้าหาตฤณ “ผมอยู่ตรงนี้แล้ว คุณมองแต่ผม สนใจแต่ผมก็พอ” ความรู้สึกของหนุ่มใหญ่ปั่นป่วนไม่น้อย กับความคิดที่ว่า เขาและตฤณกำลังจะห่างกันออกไปทุก ๆ ขณะ ตราบใดที่ตฤณยังไม่ยอมตอบตกลงกับเขาอย่างเป็นทางการ
“เรื่องของเราคือการที่เราสองคนตกลงว่าจะเป็นคู่นอนแก้อยากให้กันและกัน” ตฤณพูดถึงสิ่งที่นฤเบศและเขา สร้างพันธะแบบไหนกันตั้งแต่แรก “ผมไม่เคยรู้สึกผิดเลยด้วยซ้ำ ตอนที่นอนกับคุณทุกครั้งที่คุณโทรหา ทั้ง ๆ ที่คุณยังไม่ถอดแหวนแต่งงานนั่น” รอยแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายของนฤเบศยังคงเด่นชัดอยู่ให้เห็น
“จนมาถึงตอนนี้ หลังจากที่คุณหย่า หลังจากที่มีเขากลับเข้ามา” ตฤณที่ก่อนหน้านี้ หัวเราะออกมาด้วยซ้ำที่ได้เห็นภรรยาของนฤเบศโทรตามสามีจนจ้าละหวั่น กรีดร้องอย่างคนบ้า เรียกร้องให้สามีของเธอกลับไปหา มาถึงตอนนี้ อะไรบางอย่างกำลังสั่งสอนเขาเช่นกัน ว่าตัวเองได้ทำผิดอย่างใหญ่หลวง ที่ยังคงสานสัมพันธ์กับหนุ่มใหญ่ เพียงเพราะฝ่ายภรรยาของนฤเบศ ไม่กล้าเอาเรื่อง เพราะกลัวว่าสังคมจะรู้ ว่านฤเบศนั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชายด้วยกัน
“ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น ตฤณ คุณต้องอยู่กับผม” นฤเบศเข้าสวมกอดตฤณจากทางด้านหลัง เมื่อเห็นว่า อีกฝ่ายกำลังจะหันหลังเดินไป “คุณเบศ อย่าทำอย่างนี้” ตฤณเองตกใจอยู่ไม่น้อย ที่หนุ่มใหญ่อย่างเขาตั้งแต่เป็นที่รู้จักและมีหน้ามีตาในวงสังคม จะแสดงอาการใกล้ชิดอะไรแบบนี้กับเขา อย่าว่าแต่กอดเลย ทั้งสองคนเดินจับมือกันยังไม่เคย
“มีคนอื่นอยู่ตรงนี้ คุณเบศ” ตฤณเตือนหนุ่มใหญ่ พยายามดึงตัวเองให้หลุดออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย “ช่างมันสิ ผมจะกอดคนรักของผม ทำไมจะต้องแคร์ใครด้วย” นฤเบศพูดเสียงดัง หลายคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็หันมามองกันเป็นตาเดียวกัน “ถ้าไอ้เด็กไก่อ่อนนั่นทำได้ ทำไมผมจะทำไม่ได้” ตฤณดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนของนฤเบศ ที่ตอนนี้พยายามจะใช้กำลัง เพื่อจูบตฤณต่อหน้าทุกคนให้ได้
ตฤณลงจากรถแท็กซี่ด้วยท่าทางห่อเหี่ยว ก่อนจะมองเห็นวินที่ยืนรอที่ด้านหน้าตึกคอนโดอยู่ก่อนแล้ว วินยิ้มให้ตฤณทันทีที่อีกฝ่ายลงจากรถมา ตฤณยิ้มตอบกลับเด็กหนุ่มไป ยอมรับว่าต้องปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ เพราะวินเป็นคนที่จับสังเกตเก่งไม่เบาคนหนึ่ง ตฤณเดินเข้าไปหาวิน ที่ตอนนี้เอาสิ่งที่ถือซ่อนไว้ด้านหลัง ออกมาให้ตฤณเห็น
“หนังสือรุ่น” ตฤณพึมพำออกมาเบา ๆ ตกใจไม่น้อยที่อยู่ ๆ ไม่คิดว่าจะได้เห็นมันอีกครั้ง “ไม่ใช่หนังสือรุ่นทั่วไปนะครับตฤณ” พอตฤณพิจารณามันอีกครั้งดี ๆ ก็ต้องรู้สึกใจหาย เมื่อจำรอยขาดที่ขอบของมันได้ วินยิ้มอย่างพอใจ ที่สังเกตได้ว่า ตฤณจำหนังสือรุ่นเล่มนี้ได้ ก่อนจะพลิกหน้าที่เขาคั่นเอาไว้ เปิดให้ตฤณดู
“รูปมันน่าเกลียดจะตาย” ตฤณเอามือปิดรูปของนักเรียนมัธยมปลายคนนั้นเอาไว้ “น่ารักไม่เปลี่ยนต่างหาก” วินสบตากับตฤณ สายตาที่ใช้มองมายังตฤณนั้น มันช่างอ่อนโยนและทำให้ตฤณหวั่นไหว “มาดูอีกคนด้วยดีกว่า” ตฤณรีบคว้ามือของวินเอาไว้ ส่ายหน้าห้ามปรามเด็กหนุ่ม ก่อนจะเห็นรอยยิ้มที่มุมปากอย่างที่เคยเห็นใครบางคนทำมันเสมอ ทุกครั้งที่สามารถแกล้งให้เขารู้สึกประหลาดใจได้
****************************************
คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA
https://www.youtube.com/watch? v=dLEgOalq7sU
ก็มันยังไม่พร้อม ที่จะเสียเธอไปอีกคน
‘Cause I’m never ready to not see you here anymore
เพราะว่าใจฉันคงจะทน ต่อไปไม่ไหว
‘Cause my heart can’t keep going on like that
ก็เธอคือชีวิต ไม่มีเธอจะทำอย่างไร
“Cause you’re my life that makes me know I’m still alive
ฉันจะเดินก้าวไปยังไง หากไม่มีเธอจริงจริง
‘Cause I don’t know what to do without you by my side
อย่าไปจากฉัน สัญญาได้หรือเปล่า
Please don’t leave me, promise me you won’t
ให้โอกาสฉัน รักเธออีกต่อไป
Give me this chance to stay in love with you
เธอก็รู้ว่าฉันนั้นไม่มีใคร
You know I have no one, really
ขาดเธอไปสักคน ฉันคงจะตาย
I lose you, I’d surely die
จะหายใจอย่างไร โดยที่ไม่มีเธอ
You’re the air I breathe, please don’t you ever go
แค่เพียงได้ซื้อเวลา
Let me buy us some time
ได้ยื้อเวลาเพื่อให้เธอไม่จากไปไหน
Stalling time to make you change your mind
จะให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะยอมทั้งนั้น
Whatever I can do, I’ll do it for you here
แค่เพียงให้เธอคืนมา ได้ยื้อเวลา
All I need is to get you back to get myself more time
สักนาทีก็มีค่ากับฉัน ขอร้องเธอได้ไหม
One minute that means the world to me, could you please?
อย่าให้ฉันต้องทนต้องอยู่คนเดียว
Don’t leave me just here all alone
อยากเป็นอยู่อย่างนี้ ที่มีเธอให้รักต่อไป
Keep all the things we have here and have and to hold
เพราะว่ามันรวดเร็วเกินไป ที่จะทำใจ
It’s too fast for me to see, it’s harsh to take it all in
อย่าไปจากฉัน สัญญาได้หรือเปล่า
Please don’t leave me, promise me you won’t
ให้โอกาสฉัน รักเธออีกต่อไป
Give me this chance to stay in love with you
เธอก็รู้ว่าฉันนั้นไม่มีใคร
You know I have no one, really
ขาดเธอไปสักคน ฉันคงจะตาย
I lose you, I’d surely die
จะหายใจอย่างไร โดยที่ไม่มีเธอ
You’re the air I breathe, please don’t go
แค่เพียงได้ซื้อเวลา
Let me buy us some time
ได้ยื้อเวลาเพื่อให้เธอไม่จากไปไหน
Stalling time to make you change your mind
จะให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะยอมทั้งนั้น
Whatever I can do, I’ll do it for you here
แค่เพียงให้เธอคืนมา ได้ยื้อเวลา
All I need is to get you back to get myself more time
สักนาทีก็มีค่ากับฉัน ขอร้องเธอได้ไหม
One minute that means the world to me, could you please?
อย่าให้ฉันต้องทนต้องอยู่คนเดียว
Don’ t leave me just here all alone
จะทำอย่างไร ให้ฉันยังมีเธอต่อไป
What can I still do to still have you in my life?
ฉันไม่รู้จริงจริง ฉันไม่รู้จะทำไง
I don’t really know, I’m all now cornered
จะมีทางสักทางบ้างไหม ที่จะรั้งใจเธอ
Is there just any way to make you still love me?
แค่เพียงได้ซื้อเวลา
Let me buy us some time
ได้ยื้อเวลาเพื่อให้เธอไม่จากไปไหน
Stalling time to make you change your mind
จะให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะยอมทั้งนั้น
Whatever I can do, I’ll do it for you here
แค่เพียงให้เธอคืนมา ได้ยื้อเวลา
All I need is to get you back to get myself more time
สักนาทีก็มีค่ากับฉัน ขอร้องเธอได้ไหม
One minute that means the world to me, could you please?
อย่าให้ฉันต้องทนต้องอยู่คนเดียว
Don’t leave me just here all alone