มาส่งตอนต่อไปแล้วนะคะ
มาช้า ไร้ข้อแก้ตัวใดๆ หงิงๆ
เอาล่ะค่ะ ใครช้ำมาจากมาม่าที่ไหน เชิญมาอ่านตอนนี้ได้
รับรองว่าคุณจะยิ้มออกแน่นอน
.......................................................................
บทที่หนึ่งในความทรงจำ
: Você e Eu eo Nosso Futuro
(คุณกับผม และอนาคตของเรา)
“Estou com sono….se você me abraça assim, eu vou ter um sonho bom.”
…………………………
ฤดูกาลสอบใกล้เข้ามาอีกแล้วครับ ตอนเทอมแรกผมก็สอบไปแบบมั่วๆ วิชาภาษาโปรตุกีสผมก็ตอบเป็นภาษาอังกฤษไปเนียนๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ
แต่คราวนี้มันไม่ได้แล้วครับ ยังไงซะอย่างน้อยๆก็ต้องสอบผ่านเกณฑ์ทุกวิชาให้ได้ ไม่ใช่ว่าถ้าสอบไม่ผ่านจะถูกกักตัวไว้เรียนซ้ำชั้นนะครับ แต่ผมต้องเอาเอกสารยืนยันผลการเรียนกลับไปยื่นที่โรงเรียนที่บ้านด้วย
เป็นข้อตกลงที่ทำไว้กับอาจารย์ก่อนจะมาอยู่ซาน โฮเซ่ น่ะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะไม่มีสิทธิ์กลับไปสอบปลายภาคชั้น ม.๖ กับเพื่อนๆ
ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น ผมก็ต้องกลับไปเรียนม.ปลายอีกปีรวมกับรุ่นน้องที่จะขึ้นมาจาก ม.๕
วิชาอื่นๆน่ะสบายครับ ยิ่งคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ นี่ผมมั่นใจมากจนเป็นคนติวให้เพื่อนๆในกลุ่มได้เลยด้วยซ้ำ....หมายถึงอธิบายไปก็มีผู้ช่วยประจำตัวอย่างเอดูมันอยู่ข้างๆคอยช่วยแปลภาษาโปรตุกีสมั่วๆต่างด้าวๆของผม ให้กลายเป็นภาษาโปรตุกีสแบบบ้านนอกบราซิลของแท้เพื่อเพื่อนๆคนอื่นไปด้วยน่ะนะครับ
แต่ที่แย่แน่ๆก็คือวิชาภาษาโปรตุกีสนี่แหละ เพราะผมต้องสอบข้อสอบเดียวกับเพื่อนๆ หมายถึงมันคือข้อสอบระดับไฮสกูล อาจารย์ก็แสนเคี่ยว มีการขู่ล่วงหน้าด้วยว่าห้ามเขียนตอบไปเป็นภาษาอังกฤษอีก ไม่อย่างนั้นจะไม่ให้ผ่านแน่นอน แล้วอาจารย์ท่านก็บอกว่าสำหรับผมเป็นกรณีพิเศษ อนุญาตให้พกพจนานุกรมเข้าห้องสอบด้วยได้
เหอะ!! ทำอย่างกับว่ามีพจนานุกรมอยู่ด้วยแล้วจะเขียนคำตอบออกมาได้งั้นแหละ
“Iss, sair da cama.”ไอ้ติวเตอร์ส่วนตัวมันจะขยันไปไหนครับ ค่าจ้างผมก็ไม่ได้จ่าย ขอให้ติวก็ไม่ได้ขอด้วยซ้ำ มันเสนอตัวอาสาช่วยลูกนกลูกกาเองแท้ๆ แล้วลูกนกลูกกาเพิ่งอิ่มมื้อกลางวันมา กินอาหารหลักประจำทุกครัวเรือนของบ้านนอกบราซิลอย่าง Arroz com feijão เป็นอาหารประจำครัวเรือนเหมือนกับที่คนไทยเรากินข้าวกับน้ำพริกนั่นเลยล่ะ
อาห์โฮส คง เฟเจา (Arroz com feijão) คือข้าวกับถั่ว ข้าวนี่ก็หุงแบบกลัวพลังงานต่ำมั้ง เวลาหุงต้องเหยาะน้ำมัน ใส่เกลือ บางทีเผลอๆมีเขวี้ยงหอมใหญ่ลงไปด้วย หุงในหม้อความดันส่วนถั่วอย่างเฟเจาก็เป็นถั่วดำ หรือแล้วแต่ชอบ เอามาต้มกับน้ำ ใส่หอมใหญ่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เขวี้ยงๆเบค่อนเหลือๆ ไม่ก็เศษหมูเศษเนื้อลงหม้อไปด้วย ถ้าชอบเค็มก็ใส่เกลือปรุงรสลงไปเล็กน้อย ทิ้งไว้บนเตาใช้ไฟอ่อนให้เดือดกรุ่นๆอยู่แบบที่ภาษาฝรั่งเรียกว่า simmer นั่นแหละครับ ต้มไปจนเป็นถั่วมันๆเค็มๆข้นคลั่กให้พลังงานสูง
ถ้าเวลาน้อยก็จงซื้อหม้อความดันมาประจำบ้านซะ ทั้งครัวบ้านมะเม้ยและครัวมะเม้ยของไอ้เอดูมันก็ใช้หม้อความดันทั้งสองที่เลยครับ ผมสำรวจมาหมดแล้ว แล้วหลังมื้อหนักๆจนหนังท้องก็ตึงหนังตาก็หย่อนแบบนี้ ขอพักหน่อยไม่ได้เหรอไง
“อิส!!”อูยยย เสียงดังไปได้ ก็หนังท้องตึงหนังตาหย่อน ผ้าปูที่นอนลายทางสีน้ำตาลอ่อนๆแก่ๆของมันก็มองแล้วตาลายอยากจะหลับตาซะให้ได้ สังเกตนะครับ แค่อยากหลับตาเฉยๆ ไม่ได้หมายความว่าผมจะนอนหลับซะหน่อย
หงะ ตอนนี้มีไอ้บ้าหวงหมอนกำลังพยายามจะแย่งหมอน(ของมัน)ที่ผมเอามาปิดหน้าปิดตาไว้ครับ ขี้หวงชะมัด แค่ขอยืมนิดหน่อยก็ต้องมาแย่งด้วย อย่านะเว้ย ไม่รู้หรือไงว่ายิ่งออกแรงมากร่างกายจะยิ่งต้องการการพักผ่อนมากขึ้น เดี๋ยวจากที่แค่อยากหลับตา ผมอาจจะเหนื่อยจนอยากหลับขึ้นมาจริงๆก็ได้
“Eu falei que sair da cama!!” ....บอกให้ลุกออกจากเตียงไง!! ไม่ลุกเว้ย ไม่ๆๆๆๆ มุดดีกว่า อยากเอาหมอนก็เอาไปเลย มุดกับผ้านวมก็ได้วะ
ผมพลิกตัวนอนคว่ำเอาเท้าเขี่ยๆหารอยต่อระหว่างผ้าห่มนวมกับผิวผ้าปูที่นอนแล้วแทรกตัวเองเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ไอ้บ้านี่นอกจากหวงหมอนมันยังขี้งกตามมาหวงผ้าห่มอีก ไม่ให้แล้วนะเว้ย แค่หมอนใบเดียวก็พอแล้ว
ฮึบๆ ผมออกแรงรั้งผ้าห่มไว้กับตัว ม้วนๆชายผ้าเข้ามาเอาตัวทับไว้ให้แน่น หึๆๆ แค่นี้ไอ้ขี้งกก็แย่งไปไม่ได้แล้ว
“Está com sono?” .....ง่วงเหรอ? หืม....อย่าสิ กลับไปทำเสียงเข้มๆดุๆแบบเดิมก็ดีอยู่แล้วนี่ อย่ามาส่งเสียงนุ่มๆแบบนี้นะเว้ย เดี๋ยวใจอ่อน
แล้วผ้านวมผืนเดียวก็อุ่นพอแล้ว ยังไม่ต้องพาตัวเองมาเป็นเครื่องทำความอุ่นเพิ่มก็ด๊ายยยยยยยย หมดหน้าหนาวจนเข้าหน้าร้อนแล้วนะเว้ย
หรือผมจะแกล้งทำเป็นหลับแล้วดี แบบว่าหลับลึกตอบสนองอะไรไม่ได้คล้ายเข้าโคมาเลยน่ะ
“ไม่ตอบ ไม่ดิ้น ง่วงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
มันมาแล้วครับ เอดูมันถูกงูเหลือมสิงร่างอีกแล้ว ไม่ครับ ผมจะไม่ยอมแพ้ เชื่อว่าผ้าห่มนวมที่ห่ออยู่เป็นเกราะที่หนาพอ
ผมไม่ตอบโต้ซะอย่าง เดี๋ยวมันก็ต้องยอมแพ้ไปเอง ฮี่ๆๆๆ
“เฮ้ยยยยยยยย!!”ตกใจสิครับพ่อแก้วแม่แก้ว ไอ้บ้าพลังมันเล่นยกผมขึ้น แล้วเหวี่ยงเอาๆ ผมที่ตกใจเพราะอยู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้น พอลืมตาขึ้นมองก็แทบกรี๊ด เอดูมันเล่นพาตัวเองขึ้นมายืนเด่นเป็นสง่าบนเตียงหยุ่นๆ แล้วช้อนตัวผมขึ้นโดยแขนมันประคองที่หลังข้างหนึ่ง อีกข้างช้อนเข้าที่ข้อพับเข่า
ท่าน่ะดูดีครับ แต่แทนที่มันจะอุ้มแล้วกอดแนบอกก่อนพรมจูบเบาๆที่ข้างแก้มแบบพระเอกทั่วๆไปเขาทำกัน นี่คงเพราะมันไม่เห็นผมเป็นนางเอกแหงๆ มันถึงจับเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวาแถมเขย่าๆอย่างกับบาร์เทนเดอร์เขย่าส่วนผสมเครื่องดื่มงั้นแหละ
“Bobo, não jogar assim!!” มาช่วยกันออกเสียงดังๆครับ โบโบะ, เนา จ๊อกะ อาสซิง แปลตรงๆว่า ไอ้บ้าแบบโง่ๆ อย่าเล่นแบบนี้ดิวะ!!
ดูมันสิครับ แทนที่มันจะเลิกเล่น ไอ้ถึกบ้าพลังกลับยิ่งเขย่าผมแรงขึ้นอีก แง่ง!! อย่าให้หลุดไปได้นะ เดี๋ยวปั๊ดกัดหูขาด
“Edu….. Vou vomitar…..” ไม้เด็ดครับ ด่าไม่ได้ผล กับเอดูพ่อยอดขมองอิ่มมันต้องลูกอ้อนเท่านั้น ผมก็แค่เปลี่ยนกลยุทธ์ จากที่โอบมือจิกบ่ามันไว้แน่นๆแล้วตะโกนใส่หน้าดังๆ ก็เปลี่ยนเป็นโอบรอบคอแน่นๆแล้วเงยหน้าส่งสายตาอ้อนมัน พร้อมบอกเสียงเครือว่า เอดู...จะอ้วกอ้ะ ก็แค่นั้น
“อะไร แค่นี้จะแหวะแล้วเร้อ?” แน่ะ หยุดเขย่าแล้ว แต่ไอ้เสียงนั่นน่ะ มันไม่ได้เชื่อกันเลยนี่หว่า รู้ทันจริงวุ้ย
ฮึ่ม....เมื่อตัดสินใจจะอ้อนก็ต้องทำให้ถึงที่สุดครับ ไม่งั้นที่ยอมเสียภาพมันจะเสียเที่ยวหมด
“É verdade…..” ......งืม....จริงๆน้า........... ว่าแล้วก็ซุกหน้าเข้ากับอกมัน มันจะได้ไม่เห็นว่าเกร็งหน้ากลั้นหัวเราะจนเมื่อยแค่ไหน ฮี่ๆๆๆ
“หึๆๆ โอเค เชื่อแล้ว” เอดูมันว่างั้น แล้วผมก็รู้สึกว่ามันก้าวเท้าลงจากเตียงไปยืนบนพื้น แล้วทำท่าจะวางผมลง แต่.....มันทำไม่สำเร็จครับ เพราะผมปฏิบัติตนเป็นลูกจิงโจ้ที่ยังตัวจ้อย ต้องอาศัยอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องป๊ะป๋าแบบอินจัดแม้จะอยู่ผิดทวีป ด้วยการเกาะคอมันแน่นแล้วก็ไม่ยอมยืดขาลงวางพื้นด้วย
“ไหนเมื่อกี้ใครบอกไม่ให้เล่น? หึๆๆๆ”
“Estou com sono….se você me abraça assim, eu vou ter um sonho bom.” เย้ยยยยยยย นี่พลั้งปากพูดอะไรออกไปเนี่ย นี่กูสาวแตกขนาดนี้เชียวเหรอวะ ประโยคสุดเลี่ยนเมื่อกี้หลุดออกไปแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่สงสัยตัวเองว่าจะออกมาจากจิตใต้สำนึกครับ
คือ.....หน้าร้อนเลย ผมเพิ่งจะบอกไอ้คนกอดเบาๆว่า...เอ่อ...ก็ง่วงแล้วนี่....ถ้าเอดูกอดเราไว้แบบนี้ เราต้องหลับฝันดีแน่ๆ
อุแม่เจ้า!! เพิ่งจะรู้สำนึกก็คราวนี้ว่าตัวเองเป็นคนเลี่ยนโดยธรรมชาติ จะเก็บคำพูดกลับมาหย่อนลงโถส้วมแล้วรีบๆกดชักโครกไปให้ไกลสุดท่อก็ไม่ทันแล้วด้วยสิ ไม่ต้องมีหน้าไปมองมันแล้วครับ หมดกันภาพลักษณ์ทั้งหมดทั้งมวลที่สู้พยายามรักษา
แล้วไม่ต้องลุ้นกับการตอบสนองจากไอ้คนอุ้มให้นานครับ ไม่ต้องลืมตามามองผมก็รู้ว่ามันต้องกำลังยิ้มปากกว้างจนลักยิ้มแก้มบุ๋มอยู่แน่นอน
ผมรู้สึกว่าเอดูมันค่อยๆทรุดตัวลงนั่งอย่างช้าๆโดยที่ยังอุ้มผมไว้อย่างนั้นแหละ แอบๆแง้มเปลือกตามองก็ปรากฏว่ามันนั่งลงกับพื้นหลังพิงเตียง
“ดูสิ หลับจนหน้าแดงเลย....” หงะ ดูมันพูดสิครับ มันกะเอาให้อายตายเลยแหงๆ หลับจนหน้าแดง....คิดได้เนอะ
“ขืนพูดอะไรแบบนี้บ่อยๆจะขโมยตัวไปซ่อนไว้ไม่ให้กลับบ้านเลย” เออน่า....ไม่พูดบ่อยหรอก ก็ไม่เคยพูดตอนสติสมบูรณ์สักที ต่อไปนี้จะทำตัวมีสติตลอดเวลาเลยแหละ
แล้วก็.....จะหอมแก้มน่ะไม่ต้องรุนแรงนักก็ได้ ฟัดมาซะอย่างกับฟัดน้องหมา ฮึ่ยยยย
“กักขัง หน่วงเหนี่ยว ผิดกฎหมาย.....”
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ สมน้ำหน้ามันครับ ก็ผมเงยหน้าสบตามันแล้วตอบโต้ไปด้วยภาษาไทยเสียงดังฟังชัดนี่นา
สมน้ำหน้ามัน....งงตายไปเลย ชอบทำให้อายแทบตายดีนัก
อันที่จริง ไอ้เจ้าประโยคเมื่อกี้ของมันสะกิดใจเราทั้งคู่ ทั้งผมทั้งมันนั่นแหละครับ
ถึงจะแค่แวบเดียว แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงแรงแขนที่กระชับแน่นกว่าปกติ หลังจากเอดูมันหลุดออกมาว่าจะซ่อนไว้ไม่ให้ผมกลับบ้าน
มันเลยจัดการฟัดแก้มผม ไม่ใช่แค่เพราะพิศวาสอะไรหรอก นั่นน่ะแค่ผลพลอยได้ แต่หลักๆที่มันทำไป
ผมรู้ครับว่าเพื่อจะผลักความจริงที่ใกล้เข้ามานั่นลงไปให้ลึกที่สุดอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนผมก็ร่วมมือเป็นอย่างดีด้วยการหาวิธีมากวนตีนมันซะ แล้วเราสองคนจะได้หัวเราะด้วยกันอย่างเต็มหัวใจ
ก็ในเมื่อตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่กลัว แล้วเรื่องอะไรจะปล่อยให้ความกลัวที่มันไม่เคยจางหายไป
มาทำลายเวลาแห่งความสุขที่เรายังได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ล่ะครับ
หลังปล่อยให้มันทำหน้าตางงเป็นหมาโง่อยู่สักพักผมก็กระเสือกกระสนออกจากตักมัน แล้วค่อยๆกระดืบด้วยความขี้เกียจสุดใจไปหยิบพจนานุกรมอังกฤษ-โปรตุกีส โปรตุกีส-อังกฤษ สองคุณค่าในหนึ่งเดียวมาเปิดหาคำว่า ilegal, imprison แล้วก็ชี้ๆให้มันดู ไอ้ติวเตอร์สิงร่างยังไม่ยอมดูอีก มาออกคำสั่งให้อ่านให้ฟังซะงั้น
“เฮ้ออออออออออ โอเคๆ เรียนก็เรียนสิ ไหนอ้ะ จะให้เขียนประโยคอะไร.....” นั่นแหละครับ ผมพ่ายแพ้ท่านอาจารย์เอดูวาร์โด้ผู้ไม่ยอมให้ศิษย์หลับกลางวันไปด้วยประการฉะนี้
ระหว่างฝึกเขียนประโยคตามคำบอกของท่านติวเตอร์ผู้นั่งอ่านหนังสือไปด้วยทำหน้าที่อาสาสมัครสอนภาษาให้คนต่างด้าวไปด้วย ผมก็เริ่มบทสนทนาหัวข้อที่เราสองคนต่างก็พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดขึ้น.....บทสนทนาว่าด้วยเรื่องของอนาคต
“ตกลงว่าจะเรียนต่อที่ไหนเหรอ?” ผมรวบรวมกำลังใจถามออกไปโดยไม่มองหน้ามัน พยายามลืมๆไปซะว่าเวลาที่มันไปเรียนต่อ ไม่ว่าจะที่ไหน หรือเรียนอะไร เมื่อเวลานั้นมาถึง มันย่อมแปลว่าเราสองคนไม่ได้อยู่ใกล้ๆกันแบบนี้อีกแล้ว และเป็นผมเองที่ต้องเป็นฝ่ายก้าวจากไปก่อน แต่ถึงจะปิดหูปิดตาแค่ไหน ไอ้ข้อมูลว่าหลังจบไฮสกูลมันเลือกจะเรียนต่อก็มาเข้าหูผมเองอยู่ดี
“.....ก็คงมหาวิทยาลัยที่คัมปินัส คะแนนระดับเราไม่หวังถึงเซา เปาโล หรอก”
“แล้ว....ส่งเอกสารอะไรไปแล้วเหรอ?”
เท่าที่รู้ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่นี่แบ่งเป็นสองรอบครับ รอบแรกเอาคะแนนตอนไฮสกูลส่งไปพร้อมเขียนเรียงความ แล้วถ้าทางมหาวิทยาลัยที่สมัครไปคัดเลือกว่าผ่าน ช่วงเดือนมกราคมถึงจะต้องไปสอบข้อเขียนจริงๆอีกที เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็จบแค่ไฮสกูลแล้วตัดสินใจออกมาทำงานเลย
“อืม รอบแรกเรียบร้อยไปแล้ว รอผลอยู่....แล้วอิสล่ะ?”
เอดูมันตอบผมแล้วก็ป้อนคำถามกลับมาเบาๆ ผมลอบเหลือบตามองหน้ามัน ก็เห็นหน้ามันซีด แล้วยังเม้มริมฝีปากไว้เสียแน่น จากที่นั่งเหยียดขายาวๆไขว้กันไว้ หลังพิงขอบเตียง มือข้างหนึ่งยกหนังสือขึ้นมาอ่าน มันก็วางหนังสือคว่ำลงกับพื้นข้างตัว ยกแขนสองข้างขึ้นมากอดตัวเองเอาไว้แน่น
“เราก็คงเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่บ้านเรานั่นแหละ แต่ยังไม่รู้เลยว่าเอาคะแนนจากที่นี่ไปยื่นกับอาจารย์ที่โรงเรียนแล้วจะต้องเรียนม.๖ซ้ำรึเปล่า....”
ทนไม่ไหวแล้วครับ เห็นสีหน้าสีตาของมันแล้วผมเลยวางมือจากสมุดบนโต๊ะเขียนหนังสือของมัน แล้วเดินสองก้าวไปคุกเข่าข้างๆมันแทน
ผมถือสิทธิ์เพื่อนคนพิเศษสุดที่มันมอบให้ปลดแว่นสายตาออกจากใบหน้าเคร่งเครียดนั่นซะ แล้วลงมือนวดขมับสองข้างให้มันเบาๆ เอดูมันหลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งมันก็รั้งให้ผมขึ้นไปคร่อมอยู่บนหน้าขา แล้วซบหน้ากับอกผมพร้อมกับกอดไว้จนแน่น
เราสองคนกอดกัน ถ่ายทอดความรู้สึกทุกอย่าง ทั้งความเศร้ากับการจากลาที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ รวมทั้งความไม่แน่ใจในอนาคตข้างหน้า และความรู้สึกต้องการในกันและกันผ่านอ้อมกอดที่เดี๋ยวแน่นหนา เดี๋ยวแผ่วเบา หากอีกเดี๋ยวก็กลับมาแนบแน่นยิ่งกว่าเดิมอยู่นาน จนผมตัดสินใจจะทำลายบรรยากาศหนักๆที่แม้จะอบอุ่นอ่อนหวาน แต่ก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดกับความหวาดกลัวนี้เสียทีจึงกระพริบตาไล่น้ำร้อนๆที่ออกมาเอ่อคลอประจำที่ให้กลับไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อลูกกะตาตามหน้าที่ซะ
แล้วจากที่คุกเข่าอุทิศอกแบนๆเป็นที่ให้เอดูมันซบผมก็งอเข่าลงเป็นท่านั่ง โดยวางก้นลงบนหน้าขาแข็งๆที่คร่อมอยู่นั่นแหละ ก่อนจะเลื่อนมือที่กอดมันอยู่ข้างหนึ่งและลูบหัวเกรียนๆของมันอยู่อีกข้างมาประคองสองข้างแก้มของมันเอาไว้ เห็นตามันแดงๆแล้วก็สงสาร
พอเห็นสายตามันส่งคำถามมาว่าทำไมไม่ยอมให้มันกอดต่อ ขอกอดอีกหน่อยไม่ได้หรือ.....
ผมก็เลยยื่นหน้าเอาจมูกไปถูๆกับจมูกมัน แล้วก็บอกมันว่า.......
“Edu…..Eu quero beijo sabor limão….”ใครก็ได้ยกโล่ผู้ชายขี้ยั่วออกจากกระบาลผมที ผมเพิ่งกระซิบบอกมันเบาๆว่า เอดู.....อยากได้จูบรสมะนาวอ้ะ
“หึๆๆ พูดผิดอีกแล้ว ต้องบอกว่า Eu quero um beijo de sabor a limão.”
แหงะ ไอ้บ้า....ลูกกะตาแดงๆเมื่อกี้หายวับอย่างกับเล่นกล แค่ประโยคเดียวก็เสียวได้จริงๆ ดูมันสิครับ ตางี้เป็นประกายเชียว
“Tá bom, แครุ อุง เบโจ ดิ ซ่าบ่อห์ อา ลิเมา.....” เอ.....ทำไมพูดรอบสองนี่มันเขินมากขึ้นหว่า???
ไม่ทันให้คิดอะไรมากครับ ไอ้หมาหงอยตาแดงๆตัวเมื่อกี้มันจัดการมอบจูบรสหวานแบบไม่ต้องพึ่งน้ำตาลมาให้ผมหนึ่งชุดใหญ่ เล่นเอาหายใจหายคอแทบไม่ทัน
“......ก็บอกว่าเอารสมะนาวไง....มั่วนะเนี่ย......” พอจัดการให้จังหวะหายใจเข้าใกล้ปกติได้ ผมก็ขอปากดีเสียหน่อยครับ
“ก็เอารสธรรมดาแก้ขัดไปก่อนไง เดี๋ยววันนี้จะกินไอติมรสอะไรจะเลี้ยงหมดเลย ให้โควตาสามก้อน หึๆๆๆ”
แหมๆๆมันหัวเราะครับ ตางี้พราวเชียว
โถๆเอดู ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ไอ้การชวนไปกินไอศครีมแบบเนียนๆนั่นน่ะ คนได้ประโยชน์มันผมชัดๆ
ข้อหนึ่ง.....ดึงความสนใจมันจนออกจากอารมณ์หมาหงอยได้
ข้อสอง.....ได้กินไอศครีมฟรีแบบที่คนเลี้ยงมันเต็มใจยิ่งกว่าเต็มใจ
ข้อสาม.....อันนี้สำคัญ หนีเรียนพิเศษภาษาโปรตุกีสแบบไม่ได้ร้องขอได้แบบเนี้ยนเนียน....ฮี่ๆๆๆ“อิส......เดี๋ยวเอาสมุดติดไปร้านไอศครีมด้วยนะ เอาไปฝึกเขียนข้างนอกด้วย อิสจะได้ไม่เบื่อ......”
“ฮะ?!”
“หึๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ จุ๊ๆๆๆ เดี๋ยวนี้ร้ายนักนะ อย่าคิดเชียวว่าเราจะรู้ไม่ทัน หึๆๆๆๆ”
ครับ......งั้นผมขอเปลี่ยนข้อสามใหม่
ข้อสาม.....นอกจากหมาหงอยมันจะหายหงอยแล้ว มันยังเปลี่ยนโหมดเป็นหมาร่าเริงได้ทันตาเห็นเลยด้วย
หมั่นไส้จริงเว้ยยยยยยยย!!
...........................................................
...........................................................
..โปรดติดตามตอนต่อไป.. ปล.ตอนหน้าจะเป็นตอนจบแล้วนะคะ สำหรับเอดูกับอิสนี่คนเขียนก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะเข็นตอนพิเศษออกมาให้อ่านกันได้แบบตัวป่วนกับพี่อากาศรึเปล่า
ยังไงก็ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ