Shamrock15 [1]
ณ....ลอนดอน“เป็นไงบ้างลูกไปเที่ยวมาสนุกไหม”
“สนุกมากเลยฮะ แต่เสียดายที่ยังเที่ยวไม่ครบเลยไปเจอแต่หิมะตกหนักตลอดเลยฮะ”
“ไว้มาลอนดอนคราวหน้าป้าจะพาหนูไปเที่ยวก็แล้วกันนะจ๊ะ”
“โห จะดีเหรอฮะป้าคีย์ชวนหม่าม้าด้วยสิ เดี๋ยวรายนั้นจะน้อยใจเอานะฮะ”
“ดีสิลูก ป้าจะได้ยึดตัวหนูไว้อยู่ที่เลยไง ฮ่าๆ คนอะไรลูกไม่อยู่บ้านกันก็พากันหนีไปเที่ยวกันสองคนตลอด”
“ฮ่าๆๆ ก็จริงครับเมื่อวันก่อนที่น้องโยต์โทรไปหม่าม้าก็ไปทิเบตกับป๊ะป๊าคงอีกหลายวันกว่าจะกลับกัน ตอนแรกน้องโยต์ก็คิดว่าป้าคีย์จะไปด้วยซะอีก”
“ทริปนี้ป้าขอผ่านจ๊ะ”
“แล้วตาโจ ก็ตามน้องมาด้วยเหรอเรา ไหนแม่เราบอกว่าช่วงนี้หยุดพักไงลูก”
“ครับ ช่วงนี้ก็ยังหยุดพักกันอยู่แต่พอดีว่ามีธุระที่นี่ด้วยเลยมาพร้อมน้องเลยครับ”
“อ่อจ๊ะ”
“ป้าคีย์ครับ เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยนะครับวันนี้เนี่ยทั้งลุงเคลวิน เฮียแฟลตและก็เจ๊เมลด้วย ปิดบังน้องโยต์กันหมดเลย”ผมหันไปบอกและค้อนใส่ป้าคีย์ไป
“งั้นเรากลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่านะลูก แล้วนี่ตาโจจะไปด้วยกันไหม”
“ฮะป้าคีย์/ไปครับ”
ระหว่างกลับมาบ้านป้าคีย์นั้น เราก็คุยกันมาตลอดทางว่าผมไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างและรวมไปถึงเรื่องที่ผมไปแกล้งพวกเฮียเอาไว้ แล้วก็ได้เล่าว่าได้เจอกับหลานๆของพี่โจที่ทั้งแสบ ทั้งซนกันทั้งนั้นเลยจนพี่โจถึงกับต้องดุหลานๆ
“แต่ป้าว่าตอนพวกเราเด็กๆทั้งแสบ ทั้งซนมากกว่าหลานตาโจอีกนะนะลูก”
“อะไรกันฮะ น้องโยต์ออกจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่นะฮะ”
“เหรอลูก แน่ใจแล้วใช่ไหมที่พูดออกมาเนี่ย”
“แน่ใจ๊ แน่ใจสิฮะ”
“แต่พี่ว่าเหมือนที่อาคีย์พูดมานั่นแหละจริงไหมหืม”
“พี่โจจจจอะ แล้วเฮียกับเจ๊เมลอยู่บ้านไหมฮะ”
“เฮียแฟลตบินไปไทยกับหนูโรลตั้งแต่ช่วงคริสต์มาสแล้วล่ะ ส่วนยัยเมลก็อยู่บ้านนั่นแหละจ๊ะ”
“นึกว่าเฮียจะอยู่ด้วยซะอีกน้องโยต์จะได้จัดการทั้งเฮียแฟลตทั้งเจ๊เมลทีเดียวเลย”
“ฮ่าๆๆ แม่ว่าเรื่องนี้น้องโยต์คงไม่ต้องจัดการเองแล้วล่ะ เพราะมีคนจัดการแทนน้องโยต์ไปแล้วล่ะ”
“อย่าบอกนะฮะว่าเป็นเฮียโรล”
“ตามนั้นเลยล่ะลูก”
เรามาถึงบ้านป้าคีย์กันแล้วล่ะครับ เปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่สองของผมเลย เพราะผมมาที่อังกฤษทีไรผมก็จะมาพักอยู่ที่บ้านป้าคีย์ตลอด ผมมาพักที่นั่นตั้งแต่ย้ายมารักษาตัวในลอนดอนแล้วล่ะครับ ตอนแรกป๊ากับม๊าท่านจะให้ผมไปอยู่ที่บ้านของตัวเองแล้วจะจ้างพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลผมจะดีกว่า
แต่เป็นที่ตัวผมเองนั่นแหละครับที่จะมาอยู่ที่นี่เอง ถึงแม้ว่าช่วงแรกที่ผมมาอยู่มันจะทำให้ผมรู้สึกแย่มากๆและคิดถึงพี่ชาร์ปนั้น มันทำให้ผมคิดว่าถ้าผมอยู่ที่นี่จนผมก้าวข้ามผ่านความรู้สึกนี้มาได้ ต่อไปผมก็จะสามารถที่จะทำให้ตัวเองมีชีวิตต่อไปได้ตามที่ได้ให้สัญญากับพี่ชาร์ปเอาไว้ได้
เพราะผมคิดว่าถ้าเราอยู่ให้ชินกับความเจ็บปวดแบบนั้นทุกวันๆ มันจะช่วยให้ผมมีภูมิต้านทานในเรื่องของความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบบรยายออกมาเป็นคำพูดได้กับการที่เราต้องสูญเสียคนที่เรารักไปตลอดกาล
ผมมาอยู่จนอาการของผมดีขึ้นมากแล้ว และคิดว่าควรที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้านั้นผมจึงตัดสินใจที่จะกลับไทยไปเริ่มทำธุรกิจที่ผมอยากทำมาตลอดนั้นก็คือร้านกาแฟ ที่ต้องนี้กลายมาเป็นธุรกิจที่ขยายไปได้หลายสาขาแล้วโดยที่มีพวกเฮียเข้ามาหุ้นด้วยนั่นแหละครับ
และทุกครั้งที่มาบ้านของป้าคีย์ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่หรือจมอยู่กับในอดีตแล้วนะครับ แต่กลับกลายเป็นทุกครั้งที่ผมมานั้นมันเพิ่มความอบอุ่น ความสุขให้กับครอบครัวของป้าคีย์ซะมากกว่าไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนผิดอีกแล้ว เพราะป้าคีย์และลุงเคลวินนั้นท่านก็เข้าและท่านก็เสียใจไปไม่น้อยกว่าผมเหมือนกัน ป้าคีย์เคยบอกว่าพวกเราจะเก็บพี่ชาร์ปไว้ในความทรงจำตลอดไป แต่ตอนนี้เราต้องช่วยกันดูแลกันและกันลัรวมไปถึงตัวผมนั้นจะดีกว่า นั่นจึงเป็นที่มาที่ป้าคีย์นั้นจะไปขอผมมาเป็นลูกจากหม่าม้าไงล่ะครับ
“คุณลุงงง สวัสดีฮะไม่เจอกันนานหล่อขึ้นอีกแล้วนะเนี่ย”ผมเข้าไปกอดคุณลุงเคลวินทันทีที่เจอหน้า
“น้องโยต์ก็ชมลุงเกินไป ลุงก็มีแต่จะแก่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน”
“น้องโยต์พูดจริงๆ”
“พูดจริงก็พูดจริง” “อ้าวตาโจมาด้วยเหรอเรา”
“ครับอา”
“แล้วเป็นไงบ้างล่ะเรา เมื่อไหร่จะมาช่วยพ่อเราบริหารสักที”
“อีกสักพักนั่นแหละฮะ อีกอย่างยังไม่หมดทัวร์ด้วย”
“พ่อเราก็มาบ่นๆให้อาฟังอยู่เหมือนกัน อยากจะให้เราขึ้นมาบริหารธุรกิจแทนแล้วจะได้วางมือกับเขาบ้าง”
“ผมก็คิดมาสักพักแล้วเหมือนกันครับ ยิ่งตอนนี้ปัญญาหาคลี่คลายไปแล้วด้วย ก็คงจะมีแต่คุยกับที่บริษัทและก็ในวงก่อนน่ะครับ”
“พ่อเราจะได้วางมือกับเขาสักที”
“ครับ”
“น้องโยต์ ลุงขอโทษนะลูกที่พวกเราปิดบังกันมาตลอดกับเรื่องนี้เอาไว้”
“คุณลุงไม่ต้องขอโทษหรอกฮะ น้องโยต์เข้าใจว่าที่ทุกคนต้องปิดบังนั้นเพราะทุกคนเป็นห่วง”
“ลุงอยากให้หนูมีความสุข ไม่จมอยู่กับอดีต เพราะลุงรู้ว่าเจ้าลูกชายลุงก็คงไม่อยากให้เราต้องเสียใจและโทษตัวเองอยู่อย่างนั้น ลุงและป้าคีย์ต่างก็รักน้องโยต์เหมือนลูกคนนึงเหมือน ลุงก็อยากจะเห็นน้องโยต์กลับมาเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงเหมือนเดิม พวกเราต่างทนเห็นไม่ได้ที่น้องโยต์เป็นแบบนั้น ไม่อยากให้น้องโยต์เอาแต่โทษตัวเอง ไม่คุยกับใครเลยข้าวก็ไม่ยอมกินและอยากให้น้องโยต์ก้าวข้ามผ่านเรื่องร้ายๆมาให้ได้พวกเราจึงเลือกที่จะทำกันแบบนี้”
“ขอบคุณนะฮะคุณลุง คุณป้า พี่โจที่ทุกคนต่างช่วยโยต์กันขนาดนี้”
“พวกเรารักน้องโยต์มากๆเลยนะจ๊ะ”
“ใช่แล้วล่ะ อย่างที่มัมบอกนั่นแหละไอ้เด็กขี้แย”
“เจ้เมล ฮือออออ” ผมหันไปกอดเอวเจ้เมลที่เดินลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้และได้มายืนตรงข้างที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้
“ฮืออ ฮืออ ฮืออ”
“หยุดร้องเลย โตแล้วเขาไม่ร้องไห้กันแล้วนะเว้ย แต่เจ้ล่ะสะใจมากจริงๆที่แกจัดการไอ้พวกสี่แสบซะอยู่หมัดฮ่าๆๆ”
“เจ้นั่นแหละที่จะโดนน้องโยต์จัดการคนต่อไป หึหึ”
“อะไร เจ้หวังดีกับแกนะเนี่ย จะใจร้ายทำเจ้ได้ลงคอจริงๆเหรอแกนึกถึงช็อคโกแลตที่ฉันคอยซื้อส่งไปให้สิ”
“ไม่รู้ล่ะ เจ้ต้องไปเอาช็อคโกแลตมาเปย์น้องซะดีๆ ไม่งั้นเจ้จะโดนอีกคน อย่าคิดว่าน้องโยต์ไม่รู้นะว่าเจ้ไปทำอะไรไว้ ถึงไม่ยอมไปเที่ยวช่วงหยุดยาวเนี่ย ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษ” ผมบอกเจ้เมลอย่างงอนๆ
“เออๆ ก็ได้ เดี๋ยวเจ้สั่งให้ลูกน้องเอามาให้ก่อนกลับพรุ่งนี้แล้วกัน ส่วนที่เหลือเดี๋ยวเจ้ส่งไปให้แล้วกัน ช็อคโกแลตอะไรก็ไม่รู้เม็ดเท่าพริกไทย กินแค่กำมือเดียวก็หมดแล้วแถมยังมีขายแค่ที่ฝรั่งเศสอีก” เจ้เมลพูดไปบ่นไปมือทั้งสองข้างก็ดึงแก้มผมแล้วโยกไปโยกมาอีกต่างหากแล้วเจ้แกเบาซะที่ไหนแก้มผมช้ำทุกที ผมว่ามือคูปป์หนักแล้วนะครับเจอมือเจ้เมลไปนี่คูณร้อยไปเลยฮะ
ครั้งแรกที่ผมโดนนี่ผมอยากจะตีมือเจ้เมลซะเหลือเกิน แต่เจ้แกบอกว่าแก้มผมมันนุ่มนิ่มเหมือนเยลลี่มันน่ามันเขี้ยว เจ้แกบอกว่าบางทีฉันก็อยากกัดแก้มแกนะ แต่กลัวแก้มผมมันจะเป็นรอยไปซะก่อน แล้วผมถามว่าทำไมไม่ไปดึงแก้มพวกเฮียบ้าง เจ้แกก็บอกว่าแก้มไอ้เจ้าพวกนั้นมันไม่นุ่มนิ่มเหมือนแก้มผม พวกนั้นมันน่าโดนฟาดมากกว่าจะมาน่ามันเขี้ยว
“แค่กล่องละพันห้าเอ๊งเจ้ เนี่ยๆแล้วตอนนี้ก็มีช็อปที่ปุ่นแล้วเริ่มหาซื้อง่ายแล้วเห็นไหม” ช็อคโกแลตอะไรทำไมราคามันถึงแพงขนาดนี้แล้วแถมยังมีขายอยู่แค่ที่ฝรั่งเศสกับญี่ปุ่นนั้นกก็คือช็อคโกแลตของ ฌองพอล เฮแวง (Jean Paul Hevin)ไงล่ะครับ
“ดีต่อไปจะได้ไม่ต้องเปลืองเงินฉัน”
“ไหงงั้นอะเจ้ เจ้ต้องซื้อให้น้องโยต์สุดที่รักต่อไปแหละดีแล้ว เนอะๆๆ” ผมจับแขนของเจ้เมลแล้วใช้หัวไถไปที่แขนไปมาอย่างอ้อนๆ ผมรู้ว่าถ้าทำแบบนี้แล้วเจ้เมลจะใจอ่อนทุกทีที่ผมทำ เพราะเจ้แกชอบให้ผมมาอ้อน
“ก็ได้ ก็ได้ นี่พี่โจฟังแล้วจำไว้เลยนะว่าช็อปมันอยู่ที่ไหนบ้างน่ะ ต่อไปจะได้ไม่ลำบากเมลแล้ว”
“ฮ่าๆๆ”คุณลุงกับป้าคีย์ท่านก็หัวเราะขึ้นมาหลังจากที่เจ้เมลพูดจบ
“อืม”
หลังจากที่ทานข้าวเย็นกันเสร็จแล้วพี่โจก็ได้ขอตัวกลับก่อน เพราะตอนแรกคุณลุงชวนให้ค้างที่บ้านด้วย แต่ว่าพี่โจต้องไปทำธุระต่อจึงไม่สะดวกที่จะค้างในคืนนี้ แต่พรุ่งนี้จะมารับผมไปส่งที่สนามบินให้
คืนนั้นผมก็ขอมานอนห้องเจ้เมล เราคุยกันถึงเรื่องราวที่ผ่านมาต่างๆเจ้แกบอกว่าจะหลุดบอกผมบอกผมอยู่ตั้งหลายรอบแล้วเหมือนกัน แต่เจ้แกก็อยากให้ผมรู้ความจริงเรื่องของพี่ด้วยตัวผมเองมากกว่า เพราะทุกคนคิดว่าผมจะมาดับลินตอนช่วงมีนาหลังจากงานแต่งของคูปป์กับไอ้ตรองที่ผมได้บอกไปตั้งแต่ทีแรกแล้วว่าจะมาช่วงมีนา
แต่ก็เป็นเพราะผมเกิดเปลี่ยนในขึ้นมาที่จะมาช่วงคริสต์มาสกับเฮียจาร์คแทน เลยพลอยทำให้ทุกคนนั้นก็คอยลุ้นไปกับผมด้วยว่าจะเป็นยังไง เพราะจากตอนแรกที่ทุกคนคิดว่าแค่ลองให้ฟังเพลงของวงพี่โจและไม่คิดว่าผมจะเกิดชอบถึงขั้นตามจริงจังขนาดนี้ ทุกคนก็เลยปล่อยให้ผมทำตามใจตัวเองมาตลอด
และทุกคนนั้นก็ยังมาลุ้นกันอีกว่าพี่โจเนี่ยจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงและจะบอกกับผมเมื่อไหร่ เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มันมีผลต่อความรู้สึกของผมโดยตรง
“เจ้เมล”
“ว่าไงแก”
“น้องโยต์รักเจ้เมลนะ ขอบคุณที่คอยอยู่เคียงข้างมาตลอด น้องโยต์จะบอกเจ้เมลว่าน้องโยต์มาคิดดูแล้วนะว่าจะไม่ปิดกั้นหัวใจตัวเองอีกแล้ว”
“ดีแล้วแก เฮียคงหมดห่วงแล้วแน่ๆถ้าแกยอมที่จะเปิดใจอีกครั้ง แต่เจ้ว่าแกคงมีใครคนนั้นอยู่ในใจแล้วใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นแกคงจะไม่ยอมพูดออกมาแบบนี้”
“ใครอะเจ้”
“แกก็รู้อยู่แก่ใจยังจะมาพูดว่าใครอีก เจ้จะบอกอะไรให้แกฟังนะ อย่าเอาใครมาเปรียบเทียบกันเพราะมันคือคนละคน เฮียเจ้ก็คือเฮียเจ้ เขาคนนั้นของแกมันก็คือเขาคนนั้นมันไม่เหมือนกันและถ้าแกจะเปิดใจให้กับเขาคนนั้นแกก็ไม่ต้องรู้สึกผิด พวกเราทุกคนเข้าใจแก เข้าใจไหม”
“ฮะ”
“เข้าใจที่เจ้หมายถึงมันไหมน้องโยต์”
“น้องโยต์เข้าใจ เพียงแต่น้องโยต์แค่กลัวความรู้สึกของเรามันไม่ตรงกัน กลัวว่าเขาคนนั้นไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับน้องโยต์ น้องโยต์กลัวว่าเขาแค่ทำตามคำสัญญาของพี่ตัวโตแค่นั้นและกลัวว่าทุกคนจะไม่โอเคที่น้องโยต์มีความรู้สึกให้กับเขาคนนั้น”
“โอ๊ย ไอ้เด็กบ้าเดี๋ยวแม่จะฟาดให้หายมึน เรื่องอื่นนี่ฉลาดจริงจริ๊ง มาแค่อีเรื่องนี้ทำมาเป็นเด๋อด๋า ฉันจะบอกให้นะถ้าเขาไม่คิดแบบเดียวกันกับแกเขาคงไม่คอยตามดูลแกตลอดแบบนี้หรอกถูกไหม และบ้านเขาก็รับรู้มาตลอดแล้วแกจะไปกลัวอะไรวะ เดี๋ยวฟาดจริงๆเลยนี่”
“เจ้ นี่น้องเองอย่าพึ่งโหด”
“เออ ตัดความคิดพวกนั้นของแกออกไปได้เลย ไม่มีใครเขาว่าแกหรอกจะมีแต่ช่วยสนันสนุนกันทั้งนั้นแหละ แต่สมน้ำหน้าเฮียที่เลี่ยงพาเรามาเจอตลอด สุดท้ายก็ไม่พ้นที่ทำให้พวกแกนั้นเจอกันอยู่ดีฮ่าๆๆ”
“เจ้ นั่นพี่ชายเจ้น่ะ แต่มันดีแล้วใช่ไหมที่น้องโยต์มีความรู้สึกแบบนี้”
“ก็อยากหวงเราเกินเหตุทำไมล่ะ ดีแล้วแกเริ่มต้นใหม่ได้แล้วเฮียเจ้ก็คงไม่อยากให้น้องโยต์เป็นอย่างนี้ ทุกคนก็คิดเหมือนกัน”
“ฮะ”
“นอนได้แล้วนะเรา”
“เจ้เมล”
“อะไรอีกล่ะไอ้ตัวแสบ”
“น้องโยต์จะบอกว่าเขาคนนั้นยังไม่พูดอะไรเลยกับน้องโยต์เลยนะ แต่บางทีการกระทำของเขาก็ทำให้น้องโยต์อดคิดที่จะเข้าข้างตัวเองไม่ได้เหมือนกัน”
“โอ๊ย เดี๋ยวเขาคนนั้นก็บอกแหละเชื่อเจ้ เร็วๆนี้แหละว่าแต่แกก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย”
“โห ขนาดนั้นเลยเหรอเจ้”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เจ้ก็พูดไปงั้นแหละ”
“ซะงั้น กวนแล้วนะเจ้”
“เออๆ เดี๋ยวแกก็รู้เองแหละ ว่าแต่ตอนนี้นอนเหอะ”
“ฝันดีนะเจ้เมล”
“ฝันดีเหมือนกันน้องโยต์”
วันต่อมา..... พี่โจเข้ามาที่บ้านช่วงสายๆเพื่อมารับผมไปส่งตามที่เจ้าตัวบอกไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะครับ ส่วนเจ้เมลผมตื่นมาก็ไม่เจอแล้วล่ะรายนั้นไปทำงานแต่เช้าแล้ว ก็จะเหลือป้าคีย์กับลุงเคลวินที่อยู่บ้าน
“เดินทางปลอดภัยนะน้องโยต์”
“ฮะ แล้วเจอกันนะฮะ”
“จ๊ะลูก ป้าจะไปไทยอีกทีก็คงตอนใกล้ๆงานแต่งน้องคูปป์เลยนั่นแหละ”
“โอเคครับ น้องโยต์รักป้าคีย์กับลุงเคลวินนะฮะ”ผมเดินเข้าไปกอดท่านทั้งสองพร้อมกับกล่าวลาก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถของพี่โจพาวที่สตาร์ทรถรออยู่ก่อนแล้ว
ระหว่างนั่งรถมากับพี่โจพาวนั้นผมไม่ได้พูดอะไรด้วยเลย เพราะความรู้สึกที่คุยกับเจ้เมลเมื่อคืนนั้นมันยังคงตีกันอยู่ในหัว ผมทำได้แต่เหลือบไปมองพี่โจที่ดูจะตั้งใจขับรถอยู่เราไม่ได้คุยกันเลยสักคำ จนกระทั่งมาถึงสนามบินนั่นแหละครับ
“น้องโยต์ครับ”
“ว่าไงฮะ”
“รอพี่ทัวร์คอนเสิร์ตรอบนี้ให้จบก่อนแล้วพี่มีเรื่องสำคัญที่จะต้องบอกน้องโยต์ น้องโยต์รอพี่ได้ไหมครับ”
“ได้ครับ น้องโยต์จะรอนะฮะ” ผมรับปากพี่โจไปโดยที่ไม่รู้ว่าเรื่องที่สำคัญที่พี่โจจะพูดกับผมนั้นมันคือเรื่องอะไร
“ไว้เจอกันนะครับ”
“ครับพี่โจ”
ผมเดินเข้ามาในเกทแล้วหันหลังมองกลับไปตรงที่พี่โจพาวมายืนส่งผมนั้นตอนนี้เต็มไปด้วยบรรดาแฟนคลับที่เริ่มเข้ามารุมล้อมพี่โจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมสังเกตเห็นสายตาของพี่โจพาวที่ยังคงมองมาที่ผมอยู่นั้นไม่ได้ละสายตาไปมองที่แฟนคลับเลยสักนิด พร้อมกับรอยยิ้มแค่มุมปากที่เจ้าตัวนั้นชอบเป็นประจำ จนผมลองโบกมือไปมาให้ก่อนที่สายตานั้นจะละไปมองบรรดาแฟนคลับที่เข้ามาขอถ่ายรูปด้วย
และในตลอดช่วงที่ผมกลับไทยมาแล้วนั้น ผมก็ยังคงคุยกับพี่โจตลอดเหมือนเดิมและพี่โจก็เริ่มกลับเข้าไปซ้อมที่สตูดิโอทุกวันเหมือนกัน แต่เพิ่มเติ่มคือตอนนี้ผมไม่ได้เข้าไปเล่าเรื่องราวอะไรในแอคเคาท์หลักของวงพี่โจอีกแล้วล่ะครับ
จนถึงเวลาที่พี่โจเริ่มกลับมาทัวร์แล้วนั้นเลยทำให้เราไม่ได้คุยกันมากนักในแต่ละวัน แต่พี่โจพาวยังคงเสมอต้นเสมอปลายฮะที่ทุกวันจะต้องวีดีโอคอลมาคุยกับผมตั้งแต่วันที่ผมกลับไทยมา
และในขณะที่ผมกำลังนั่งดูข่าวอยู่นั้นผมได้เข้าไปในแอพนกสีฟ้า ก็พบว่ามีบรรดาแฟนคลับของพี่โจพาวแท็กผมเข้ามาเต็มเลยล่ะครับผมจึงกดเข้าไปดูว่าเป็นอะไร ก็ได้พบเก็บเว็บข้าวเว็บนึงที่ลงข่าวของพี่โจพาว
"ข่าวด่วนเช้าวันนี้""ขณะนี้ได้มีภาพหลุดของมือกลองวงร็อคชื่อดังไปทั่วทั้งโซเชียล ที่มีคนสามารถบันทึกภาพระมือกลองชื่อดังกับหญิงสาวเดินออกมาจากโรงแรมด้วยกัน ซึ่งตอนนี้บรรดาแฟนคลับต่างพากันสงสัยหญิงสาวปริศนาคนนั้นว่าเป็นใคร มาจากไหนกัน หลังจากที่มือกลองชื่อดังคนนี้ไม่ได้ออกเดทกับใครมานานถึง 8 ปี แฟนๆเลยต่างมุ่งไปตรงประเด็นที่นี่อาจจะเป็นรักครั้งใหม่ของมือกลองชื่อดังก็เป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตามทางเราจะคอยรายงานความคืบหน้ากันต่อไปอีกครั้ง"
“นั่งดูอะไรอยู่วะเปอร์”
“มึงดูนี่ดิ”
“เอี้ยยยยย มึงคิดไงวะตอนนี้”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ” ผมตอบไอ้ตรองกลับไปหลังจากที่ให้มันดูข่าวของพี่โจพาว
“โห โซเชียลถึงขั้นกับเดือดเลยเหรอวะ”
“ก็เออสิวะ มึงคิดดูศิลปินผู้ที่ไม่เคยมีข่าวเดทกับสาวเลยหรือแม้แต่กระทั่งข่าวเสียๆหายๆก็ไม่มี แฟนคลับไม่เดือดกูก็ไม่รู้จะว่าอะไรแล้วเหมือนกัน”
“พี่โจของมึงนี่เขาดังจริงๆ”
“ดังไม่ดังกูไม่รู้ กูรู้แต่ว่ายอดฟอลในโซเชียลเกินสิบล้าน”
“แหมไอ้คนขี้อวด”
“แล้วไงใครสนกันวะ”
“เออๆ แล้วพี่เขาว่าไงเรื่องนี้”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะข่าวกับรูปมันพึ่งมาเมื่อเช้า”
“ยังไงก็ดูไปก่อนแล้วกัน”
“เออ ว่าแต่มึงมาทำไมร้านกูเนี่ย”
“กูนัดกับคูปป์เอาไปเอาพวกของชำร่วยกับการ์ด”
“อ่อ จะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วนะมึง”
“เออ ถ้าไม่เกิดเรื่องตอนนั้นกูคงได้แต่งไปนานแล้วล่ะไอ้สัตว์”
“มึงทำตัวเองนะไอ้ตรอง กูก็เคยเตือนมึงไปแล้ว”
“เออ กูน่าจะฟังมึง กูไม่คิดว่าคูปป์จะใจแข็งมานานขนาดนี้”
“แต่มึงน่าจะรู้จักคูปป์ดีนี่หว่า”
“เออ กูพลาดเองอะ”
“นั่นน่ะ ว่าที่เมียมึงแต่น้องสาวกูมานู่นละ รีบไสหัวไปได้ละ”
“เออ งั้นกูไปก่อนมีไรก็โทรมาละกันมึง”
“เออ”แล้วไอ้ตรองมันก็ไปครับ
ผมจึงกลับมาสนใจที่ข่าวอีกครั้งและนั่งเลื่อนดูไปเรื่อยๆว่าความจริงรูปนี้นั้นมันมีที่มาจากไหนกันแน่ จนไปเจอว่าความจริงรูปนั้นถ่ายมาตั้งแต่วันที่พี่โจมาส่งผมที่บ้านของป้าคีย์แล้ว ทุกคนยังจำกันได้ใช่ไหมครับที่พี่โจบอกว่ามีธุระต้องไปทำต่อ
ธุระที่ว่าก็คืออย่างนี้เองน่ะเหรอ มันเลยทำให้ผมมานั่งคิดในตอนนี้ว่าทุกวันนี้ที่เราคุยกันนั้นมันหมายความว่ายังไง ทุกครั้งที่พี่โจพาวจะบอกให้ผมรอนั้นมันคืออะไรกันแน่ และผมยังคงเจอรูปผู้หญิงคนนั้นกับพี่โจอีกหลายที่ มีที่ที่พี่โจพาวไปเล่นคอนเสิร์ตด้วยอีกและทำไมตลอดเวลาที่เราคุยกันถึงไม่บอกอะไรกับผมเลยสักคำ
จนกระทั่ง.....“น้องโยต์เห็นข่าวแล้วใช่ไหมครับ”
“ครับ”
“มันไม่มีอะไรจริงๆ อย่างที่ในข่าวบอกเลย”
“เหรอฮะ”
“ครับ”
“...”
“น้องโยต์...เงียบทำไมครับ”
“เอ่อ คือโยต์ไม่รู้จะคุยอะไรน่ะฮะ”
“แล้วน้องโยต์ทำอะไรอยู่ครับ”
“วันนี้โยต์เข้ามาที่ร้านน่ะฮะ งั้นเดี๋ยวโยต์ขอไปทำงานก่อนแล้วกัน”
“โอเคครับ ตั้งใจทำงานนะครับ”
“ครับ”
หลังจากวันนั้นผมก็พยายามเลี่ยงที่จะคุยกับพี่โจพาวมาตลอด เพราะคำพูดที่เขาบอกว่าไม่มีอะไรในข่าวมันสวนกับที่ตอนนี้ยังคงมีรูปคู่ของผู้หญิงคนนั้นกับพี่โจพาวออกมาตลอดระยะเวลาที่เขายังบอกอย่างนั้น จนในที่สุดผมก็ไม่เข้าโซเชียลหรือตามข่าวอะไรอีกเลย ผมไม่รู้จะเชื่ออะไรได้อีกแล้วและยิ่งตอนนี้พี่เขามีทัวร์ด้วย
จนเวลาผ่านมาร่วมเดือนแล้วที่ผมไม่ได้คุยกับพี่โจพาวอีกเลยและยิ่งตอนนี้พี่เขามีทัวร์ด้วย ผมรู้ว่าเขาพยายามที่จะติดต่อผมมาแต่ผมเลือกที่จะไม่รับหรือตอบข้อความเขาแม้แต่ข้อความเดียว มันอาจจะดูงี่เง่านะครับแต่ที่ผมทำแบบนี้เพราะผมก็อยากปกป้องความรู้สึกของผมเหมือนกันและยิ่งช่วงนี้ใกล้วันแต่งงานของคูปป์กับไอ้ตรองด้วยแล้วเลยยิ่งทำให้ผมวุ่นวาย จนไม่มีเวลามาคิดเรื่องของพี่โจพาวสักเท่าไหร่
จนวันงานแต่งงานของคูปป์มาถึงผมก็ได้รับการเซอร์ไพรส์อีกแล้วล่ะครับ ทำไมน่ะเหรอก็คนที่ขึ้นไปร้องเพลงเปิดงานก็คือพี่โจเซฟ พาวไงล่ะครับ จนทำให้บรรดาแขกที่มาร่วมงานบางคนที่ติดตามผลงานของพี่เขาแตกตื่นกันขึ้นมาทันทีเหมือนกัน จนกระทั่งพี่โจพาวร้องเพลงจบแล้วเดินมายังโต๊ะที่ผมนั่งอยู่นั่นแหละครับ
“น้องโยต์”
“พี่โจมาทำอะไรที่นี่ครับ พรุ่งนี้พี่คอนเสิร์ตที่ฮ่องกงไม่ใช่เหรอฮะ”
“พี่อยากจะมาให้เด็กน้อยแถวนี้ให้เข้าใจก่อนน่ะสิ เกือบเดือนเลยนะครับน้องโยต์ที่เราไม่ได้คุยกันเลย พี่ไม่โอเคเลยนะครับแบบนี้และตอนนี้น้องโยต์ก็กำลังเข้าใจพี่ผิดอยู่ด้วย”
“ผมว่าเราค่อยคุยกันทีหลังดีกว่านะครับ เพราะตอนนี้บรรดาแขกที่มาร่วมงานต่างแตกตื่นกันไปหมดแล้ว”
“ได้ครับ” หลังจากที่งานดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนใกล้จะจบพิธีการแล้วนั้น ตอนนี้ก็เริ่มมีคนเข้ามาทักขอถ่ายรูปกับพี่โจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะดูท่าแล้วบางคนที่มาร่วมงานแต่งครั้งนี้ก็เป็นแฟนคลับพี่โจพาวเหมือนกัน
“ขอโทษนะคะ ใช่โจเซฟ พาวรึเปล่าคะ”
“ใช่ครับ”
“ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ”
“ไม่ได้ครับ พอดีผมไม่สะดวก” หืมมม ผมหันขวับไปมองพี่โจที่ตอนนี้ปฏิเสธผู้หญิงที่มาขอถ่ายรูปด้วย ทั้งที่ปกติแล้วพี่โจจะเทคแคร์คนที่มาขอถ่ายรูปดีมากเลยนะครับ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเป็นแฟนคลับคุณนะคะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
“ขอโทษค่ะ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ”
“ไม่ได้ครับ ผมไม่สะดวก”
“ไม่เป็นไรค่ะ” จนตอนนี้ผมเริ่มสังเกตสีหน้าของพี่โจที่เริ่มเปลี่ยนไปจากที่ตอนแรกนั้นมีรอยยิ้มอยู่เต็มแก้มจนมาตอนนี้เหลือเพียงแค่ยิ้มมุมปาก ถ้าไม่สังเกตดีๆจะรับรู้ได้เลยว่าตาของพี่โจตอนนี้นั้นมันไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลยสักนิด
ผมจึงลากพี่โจให้มานั่งอยู่โต๊ะเดียวกับป๊า ม๊า ป้าคีย์และลุงเคลวินซะเลย เพื่อหลีกเลี่ยงบรรดาคนที่เข้ามาขอถ่ายรูปด้วยหลังจากที่ทราบว่าพี่โจนั้นเป็นมือกลองของวงร็อคชื่อดังที่ดังไปทั่วโลกที่มาปรากฏตัวอยู่ในงานแต่งงาน
และตอนนี้ผมคิดว่าข่าวของพี่โจพาว มางานแต่งของน้องสาวผมนั้นคงเริ่มกระจายไปทั่วโซเชียลแล้วล่ะครับ เพราะอะไรน่ะเหรอก็ในงานตอนนี้มีนักข่าวที่ป๊ากับหม่าม้าอนุญาตให้มาเข้าร่วมงานอยู่ด้วยน่ะสิครับ ข่าวไม่กระจายออกไปนี่จะไม่แปลกใจเลยสักนิด ยิ่งพรุ่งนี้พี่โจพาวมีคอนเสิร์ตที่ฮ่องกงนั่นอีกคราวนี้บรรดาแฟนคลับคงจะต้องเริ่มสงสัยกันแล้วแน่ๆว่าพี่โจมาทำอะไรที่นี่
“ไงตาโจ มาเซอร์ไพรส์น้องหรือไง”คุณลุงเคลวินเอ่ยทักพี่โจหลังจากที่ผมพาพี่โจเดินมาถึงที่โต๊ะ
“สวัสดีครับอาเคลวิน ป้าคีย์”
“นั่งลงก่อนจ๊ะตาโจ แล้วนี่เรามาถึงเมื่อไหร่ล่ะ”
“เมื่อเช้าเองครับ”
“อ่อจ๊ะ”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะโจเซฟ”ป๊าผมเอ่ยทักพี่โจอย่างคุ้นเคย นี่ถ้าผมไม่รู้เรื่องมาก่อนผมคงจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ดูป๊าจะสนิทกับพี่โจ
“สวัสดีครับคุณอากุน สบายดีนะครับ”
“ก็เรื่อยๆตามประสาคนแก่นั่นแหละ ฮ่าๆๆ”
“ครับ สวัสดีครับอาหลิน อาชุน”
“จ๊ะลูก เห็นน้องโยต์พูดอยู่ว่าเรามีคอนเสิร์ตไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมานี่ได้ล่ะ”
“มีพรุ่งนี้ที่ฮ่องกงน่ะครับ แล้วอาทิตย์หน้าถึงมีมาที่ไทยด้วย”
“อ่อ ม๊าเห็นน้องโยต์ซื้อบัตรมาเรียบร้อยแล้วไว้เจอกันนะจ๊ะ ม๊าขอตัวไปดูยัยคูปป์ก่อน”
“แล้วนี่เราไม่ต้องมีการซ้อมก่อนหรือไงตาโจ” คราวนี้เป็นลุงชุนผู้ที่รู้ทุกอย่างบนโลกใบนี้เอ่ยทักพี่โจขึ้นมาอย่างสนิทสนม
“โถ่!!! อาครับระดับนี้แล้ว”
“ไม่ต้องซ้อมน่ะหรือ”
“ยังต้องซ้อมอยู่สิครับแต่จะซาวด์เช็คก่อนขึ้นเวทีก่อนสามชั่วโมงครับ”
“อาก็นึกว่าฝีมือระดับนี้แล้วไปถึงก็ขึ้นเล่นได้เลย ฮ่าๆๆ” ส่วนผมตอนนี้ก็ได้แต่นั่งดูพี่โจพาวกับลุงชุนอยู่นั่นแหละครับ ในสมองของผมตอนนี้ก็คิดไปว่าพี่เขามาได้ยังไง มาทำไมกัน
“แล้วน้องโยต์รู้ใช่ไหมว่าพี่เขาจะมา ไม่เห็นบอกป้าคีย์เลย”
“น้องโยต์ก็พึ่งจะทราบก็ตอนที่พี่โจขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีเหมือนกันแหละฮะ”
“ป้าก็นึกว่าน้องโยต์รู้แล้วเก็บไงไว้เซอร์ไพรส์ซะอีก ยังนั่งคุยกับหม่าม้าอยู่เลยว่าน้องโยต์ไม่ชวนพี่โจมางานเหรอ”
“ป้าคีย์ต้องถามพี่โจเองแล้วล่ะฮะ เพราะน้องโยต์ไม่รู้”
“เอ๊ หรือว่าตอนนี้น้องโยต์จะงอนพี่โจเขาอยู่กันลูก”
“ไม่ได้งอนซะหน่อยฮะ น้องโยต์จะงอนพี่โจเรื่องไรกันล่ะ” หลังจากที่ตอบป้าคีย์ไปผมก็หันไปเบะปากใส่พี่โจที่ยังคงนั่งคุยกับลุงชุน ลุงเคลวินและป๊าผมอยู่แต่สายตาเจ้ากรรมดันไปสบตากับพี่โจพาวพอดีน่ะสิฮะ แย่แล้วพี่โจต้องเห็นท่าเมื่อกี้ของผมแน่ๆ ไอ้โยต์นะไอ้โย๊