EGvsMTเฮดว้ากตัวร้ายปะทะวินัยเจ้าระเบียบ วันสุดท้ายP.27[วิศวะVsเทคนิคฯ]อัพ21/5จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: EGvsMTเฮดว้ากตัวร้ายปะทะวินัยเจ้าระเบียบ วันสุดท้ายP.27[วิศวะVsเทคนิคฯ]อัพ21/5จบ  (อ่าน 276951 ครั้ง)

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
วันที่สามสิบแปด

ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นด่านที่ผ่านเข้าไปยาก โดยเฉพาะกับคนไทยอย่างพวกเรา แต่ถ้าเอกสารครบ ทุกอย่างชัดเจนก็พอไปวัดไปวากันหน่อยล่ะครับ แล้วยังมีลุงซีของพายุมาเป็นหลักประกันให้ด้วย

หลังจากปิดเทอม ผมก็แพคกระเป๋าบินมาอเมริกา แดนเสรีนี้กับเมฆและพายุ พาสปอร์ตและวีซ่าจัดการล่วงหน้ามาพักใหญ่ โดยมีคุณโซนร้อนผู้เชี่ยวชาญนำทางให้ล่ะครับ

งานนี้ผมเลยต้องหยิบยืมเงินจากพี่ทิวมาหลักหมื่นเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินอีโคโนมี่ เถียงกันหน้าดำหน้าแดงเพราะพี่ทิวจะซื้อเฟิร์สคลาสให้ แต่สุดท้ายผมก็ชนะด้วยการยอมรับเงินขวัญถุงมาสามหมื่นบาทไม่ถ้วนเอาไว้ใช้จ่าย

พร้อมกับ... เวลาให้ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วย เพราะยังไงก็ต้องไปต่อเครื่องที่นั่งทั้งขาไปขากลับ นั่งเครื่องจนกระดูกสันหลังแทบจะบิดไม่เป็นรูปกว่าจะถึง

พอถึงแล้วยังต้องนั่งรถต่อไปอีกนะครับ ไม่ใช่ถึงเลย แต่ยังดีที่ฟ้าเมตตาผมไม่ให้นั่งเครื่องต่อไปรัฐอื่นอีก ไม่อย่างนั้นทั้งหู ทั้งหลังผมคงต้องได้รับการรักษาแน่ๆ

ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนที่เหม่อมองถนน ใจของเมฆคงไปอยู่ที่คอร์เนลแล้วล่ะครับ คงอยากรู้และแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด

ซึ่งก็คือพรุ่งนี้ พวกเราจะไปเยือนมหาลัยที่ปุ๊กอยู่กัน

ไม่ใช่แค่เมฆที่ใจสั่น ผมเองก็ไม่ต่างเท่าไหร่ เพื่อนที่เคยน่ารักของผมคนนั้นจะเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ได้จริงๆ เหรอ หรือเป็นแค่การแสดง

แน่นอนว่าใจของผมอยากให้เป็นข้อหลัง... ผมไม่อยากให้เมฆต้องเจ็บปวดเหมือนกับน้องกิตที่เจ็บปวด... และผมเชื่อว่าถ้าเมฆเจ็บ ต้องเจ็บกว่ากิตแน่

ผมไม่อยากเห็น

บรรยากาศบนรถนั้นเงียบเชียบ มีแค่เสียงแอร์ที่ทำงานอย่างขันแข็งเสียงเดียวที่ดังเข้ามาในหู ผมเหลือบมองใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างคนขับและ...

หลับ

งั้นผมก็ควรจะงีบสักตื่นเหมือนกันล่ะครับ... แอร์เย็นๆ ทำให้ผมเคลิ้มหลับไปได้ไม่ยาก

ผมตื่นขึ้นมาตอนที่รถจอดสนิทหน้าบานหลังหนึ่ง ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ดูน่ารักดีครับ เหมาะกับครอบครัวเล็กๆ ดี ที่นี่คงเป็นบ้านของลุงพายุมัน

"ยินดีต้อนรับจ้า เด็กๆ เข้ามาข้างในก่อนสิ"ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเปิดประตูบ้านออกมาด้วยรอยยิ้ม เธอพูดภาษาอังกฤษใส่พวกผมช้าๆพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ใจดี

ผมเดินตามหลังลุงซีและพายุเข้าไปในบ้าน โดยมีเมฆเดินตามมาอีกที ภายในบ้านหลังเล็กนี้ประดับตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งหมด ขอไม่คิดถึงมูลค่านะครับ

คนธรรมดาอย่างผมไม่อาจเอื้อม

"ขอโทษด้วยนะ บ้านลุงแคบไปหน่อย แต่ก็คงจะพออยู่กันได้"ลุงซีหันมายิ้มให้พวกผม "ตอนนี้เหลือห้องเล็กนอนได้คนนึง อีกคนคงต้องนอนห้องของเจ้าโซนมัน ยังไงก็ตกลงกันเองนะ"

"ครับ..."ผมตอบรับเบาๆ มันไม่ต้องตกลงอะไรนี่ครับ ถึงจะไม่ชอบใจ แต่ยังไงผมก็ต้องไปนอนห้องเดียวกับพายุอยู่ดี ในเมื่อเมฆไม่ได้สนิทอะไร ไม่สิ ต้องบอกว่าแทบจะไม่รู้จักกันกับเจ้าบ้านคนนี้เลย "เมฆนอนห้องเล็กได้ใช่ไหม"

"อื้อ เรายังไงก็ได้"แววตาที่หม่นหมองนั้นมีประกายล้อเลียนขึ้นมา "งั้นเราเอาของไปเก็บก่อนนะ"

ลุงซีพาเมฆไปที่ห้อง ส่วนผมเดินตามพายุไป กับการที่มีห้องส่วนตัวแบบนี้ แสดงว่าคงบินมาที่นี่บ่อยไม่น้อยเลยล่ะมั้งครับ ว่าไหม?

พายุเปิดประตูห้องเข้าไป ห้องขนาดไม่ใหญ่ครับ แต่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน ทั้งโต๊ะ ตู้ แต่... ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันอยู่ตรงเตียงที่กะจากสายตาแล้วขนาดไม่เกินห้าฟุตนี่สิ

"คุณเอากระเป๋าวางไว้ตรงนั้นได้เลยนะ ลมหนาว"คุณชายชี้ไปที่ซอกข้างตู้ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน "เฮ้ออออ เมื่อยชะมัดเลย ให้ตายเหอะ"

"คุณจะให้ผมนอนตรงไหน"ผมมองพื้นรอบๆ ที่พอจะให้เบียดตัวลงนอน ก็พอได้อยู่ล่ะครับ "คุณมีผ้าห่ม หรืออะไรที่พอจะปูนอนได้ไหม เดี๋ยวผมนอนพื้นเอง"

"บ้าหรือไง ลมหนาว คุณก็ขึ้นมานอนด้วยกันนี่แหละ"พายุดีดตัวลุกขึ้นแล้วชะโงกมาหาผม "เตียงก็ไม่ได้เล็กขนาดที่จะนอนสองคนไม่ได้นี่น่า"

"อืม..."เตียงขนาดห้าฟุตมันก็ไม่ได้เล็กหรอกครับ แบ่งๆ กันนอนหน่อยก็นอนได้ แต่การที่ผู้ชายตัวขนาดกลางๆ สมส่วนมาตรฐานมานอนเบียดกันก็... นะ แล้วอีกอย่าง เตียงนี่ก็ดูไม่ถึงห้าฟุตด้วย

"น่า มานอนพักก่อนเถอะ เดินทางมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวถึงมื้อเย็นลุงซีกับป้าลูเซียก็มาเรียกเองแหละ"มันตบเตียงนอนปุๆ เชิญชวน
ร่างกายที่ผ่านมรสุมมาของผมต้องการการพักผ่อนจริงๆ นั่นล่ะ ทั้งสอบไฟนอล แล้วต้องบินในเช้าวันถัดมาเลยอีก แทบจะไม่ได้พักผ่อน

ครั้งนี้ผมเลยยอมเอนตัวลงนอนข้างพายุโดยดี แบ่งที่กันแล้วอาจจะเบียดไปสักหน่อย แต่ก็อยู่ได้แหละครับ ผมไม่เรื่องมากอะไร
หมอนนุ่มๆ แอร์เย็นๆ ทำให้ร่างที่เหนื่อยล้าของผมเคลิ้มและเข้าสู่งห้วงนิทราโดยง่ายดาย

ความอบอุ่นของผ้าผืนหนึ่งมาคลุมกายช่วงล่างไว้ กับความอุ่นชื้นที่ได้รับตรงหน้าผาก ก่อนที่สติของผมจะหายไปโดยสิ้นเชิง... มันทำให้ผมฝันดี


ผมลืมตาตื่นขึ้นมาตอนที่ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก ใบหน้าหล่อคมของเดือนวิศวะหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้าผมในระยะที่ลมหายในอุ่นนั้นส่งมาถึงหน้าผากผมได้

"ตื่นแล้วเหรอ"คำถามสั้นๆ ในภาษาต่างประเทศเอ่ยถามขึ้น ทำเอาสมองที่กำลังเบลอของผมต้องเรียกสติที่หนีเที่ยวไปไกลกลับ
มาโดนพลัน "ปลุกพายุด้วยนะ อาหารพร้อมแล้ว กินก่อนค่อยมาพักผ่อน"

"ครับ มาดาม"ผมตอบรับไปอย่างมึนๆ เธอพูดไม่เร็วนัก แต่สำหรับคนเพิ่งตื่นและไม่ได้คิดเป็นภาษาอังกฤษในทุกเวลาคงต้องทีสตั๊นบ้างล่ะครับ

"มาดามอะไร เรียกป้าสิ"หญิงวัยกลางคนทำเสียงไม่พอใจใส่ผม เธอส่ายหน้าน้อยๆ แล้วทำปากเชิดขึ้น "เพื่อนของพายุ ย่อมเป็นหลานฉันเหมือนกันนะ"

"ครับ คุณป้า"ผมยิ้มแหยๆ คุณมาร์ทายิ้มรับอย่างพึงพอใจ แล้วปิดประตูเดินออกไป... แอบขำอยู่เหมือนกันครับที่เขาเรียกพายุว่า storm ก็โอเค พายุจริงๆ "คุณพายุ ตื่นได้แล้ว"

ผมยื่นมือไปเขย่าคนที่ยังหลับไปตื่นเบาๆ แต่เหมือนจะไม่เขาไปในความรู้สึกรับรู้ของมันเลย

"ตื่นได้แล้ว คุณป้ามาร์ทามาตามแล้ว"ผมเขย่าแรงขึ้นอีก หมอนั่นคงรำคาญเลยดึงผมเข้าไปกอดแน่น ก่ายเหมือนหมอนข้าง ไม่พอบ่นงึมงำในลำคอเชิงว่าจะนอน จะนอน

เอาไงดีล่ะครับ ตื่นยากตื่นเย็น ผมไล้มือขึ้นไปตามแนวหน้าท้อง สัมผัสได้ถึงซิคแพคตามประสาคนออกกำลังกายทุกวัน เลื่อนไปถึงหัวนมแล้ว...

"โอ้ย!!"ตื่นครับ ไม่ตื่นจะบิดให้เป็นเกลียวเลย แม่ง ดึงผมมากอดเฉย คนนะครับไม่ใช่ตุ๊กตายาง แล้วเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก ขนลุกชะมัด "เจ็บนะลมหนาว มือหรือเท้าเนี่ย"

"มือผมน่ะหยิกคุณ และคุณควรเอาหนวดปลาหมึกคุณออกจากตัวผม"ผมตอกกลับด้วยเสียงเย็นๆ พายุเลิกคิ้วขึ้นแล้วหลุบตาลงมา

"กำลังเหมาะมือเลยนะครับ คุณภรรยา"แทนที่มันจะปล่อยผม แต่ไม่ หมอนี่กลับกอดผมแน่นกว่าเดิม ไม่พอ มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมแล้วซุกลงที่ซอกคอ ลมหายใจร้อนของคนที่กอดรัดผมเอาไว้รดรินมาที่ผิวเนื้อ ทำเอาผมร้อนไปด้วย...
ร้อนทั้งหน้าและตัว

"ผมไม่เล่นนะ คุณพายุ"พายุหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยอมปล่อยผมออกโดยดี ผมยันตัวลุกขึ้นมองคนที่นั่งอยู่บนเตียงตาเขียว ขณะเดียวกันหูทั้งสองข้างของผมมันก็เห่อร้อนไม่หาย

พายุนั่งยิ้มให้ผมอยู่พักเล็กๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วคว้ามือผมลากออกจากห้องไป

พวกเราลงไปกินอาหารเย็นกัน คุณป้ามาร์ทาและคุณลุงซีเป็นคนคุยเก่ง พวกเขาทั้งสองคนมีลูกชายคนเดียวซึ่งตอนนี้ไปเรียนมหาลัยที่อิตาลี พวกเขาเลยดีใจมากที่มีคนมาพักที่บ้านด้วย

คงเหงาล่ะมั้งครับ

หลังจากกินมื้อเย็นกันเสร็จ ทุกคนก็แยกกันไปทำธุระปะปังส่วนตัว ผมเข้าไปอาบน้ำ แล้วโดดขึ้นไปซุกตัวลงในผ้าห่ม อากาศตอนกลางวันก็สบายดีล่ะครับ แต่ตอนกลางคืนก็ออกจะเย็นไปหน่อย

ซุกตัวในผ้าอุ่นๆ ไปสักพักก็เคลิ้มหลับไป และเป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกถึงความอุ่นชื้นบนหน้าผากในยามที่ผมไม่ได้สติ
และเป็นอีกครั้ง... ที่ผมนอนฝันดี


เช้าวันถัดมาผมตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเฮดวิศวะ อยากจะโวยวายอยู่หรอกครับ แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือผมก็กอดหมอนี่ตอบอยู่เหมือนกัน

ถือว่าเจ๊ากันไป

แต่คราวนี้มันไม่ได้กอดอะไรผมแน่นมากครับ เลยลุกออกมาได้ ผมเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมใส่เสื้อแขนสั้นข้างใน เสื้อแขนยาวกันลมข้างนอกไว้กันหนาว กาบกางเกงเดฟ

พอผมแต่งตัวออกมาเสร็จ พายุมันก็ตื่นพอดี หัวฟูหมดมาดเดือนมหาลัยไปเลยล่ะครับ... แต่... ถ้ามันไม่หมดหล่อเลยนี่สิ ในฐานะผู้ชายผมก็อิจฉาเหมือนกัน

“ตื่นไวจังนะ”เสียงยานคานของคนเพิ่งตื่นเอ่ยขึ้น เฮดวินัยลงจากเตียงเดินสะโหลสะเหลเข้าห้องน้ำไป โดนไม่ลืมฉวยโอกาสลูบแก้มผมเบาๆ

บางครั้ง... การกระทำแปลกๆ ของมัน ก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนะครับ

หลังจากที่พายุอาบน้ำเสร็จ มันก็พาผมไปข้างล่าง ทั้งที่ยังเช้าแต่เมฆก็มานั่งรอแล้ว ดวงตาหวานเศร้าเหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย แพขนตาหนาที่หยาดน้ำชุ่มอยู่

เพื่อนของผมยังคงคิดมากอยู่...

และวันนี้ทุกอย่างจะจบลง ไม่ว่าหัวหรือก้อย พวกเราก็ต้องยอมรับมัน

ผ่านมื้อเช้าไปอย่างอึดอัด พวกเราก็เดินทางต่อกันไปยังมหาวิทยาลัยคอร์เนล เมฆได้ถามคุณลุงมาเรียบร้อยแล้วว่าปุ๊กเรียนอยู่คณะไหน และส่วนไหน ซึ่งหาไม่ยากหรอกครับ

ก็มหาลัยดัง

เรามาถึงในยามสาย นักศึกษาดูบางตา อาจจะด้วยเขาเรียนกันไปบ้างแล้ว ผม เมฆ และพายุเลยพากันเดินไปยังอาคารที่ปุ๊กเรียนอยู่ และนั่งรอเธอออกมาอยู่ตรงด้านหน้า

ตามปกติแล้ว คงจะต้องออกมาตรงนี้แหละครับ

เมฆกุมมือทั้งสองข้างแน่น นัยน์ตาหม่นหมองนั้นสั่นไหวอย่างรุนแรง ความเครียด ความกดดันคงแทรกเข้าไปในหัวใจของเพื่อนผมอย่างเต็มที่แล้ว

เวลานั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า พายุที่เป็นคนนำทางมานอนฟุบลงไปกับโต๊ะเรียบร้อย เส้นผมละเอียดของมันพริ้วไหวไปตามสายลมที่พัดมา

แต่การฟุบลงกับโต๊ะโดยไม่มีอะไรรองเอาไว้ คงอึดอัดน่าดูล่ะครับ ผมถอดเสื้อนอกของตัวเองออกแล้วพับม้วนให้นูนสูง ก่อนจะลุกขึ้นโยกตัวไปช้อนหัวของวินัยวิศวะขึ้น

“หืม...”เสียงทุ้มครางเบาๆ เปลือกตาที่ปิดอยู่เผยอขึ้นเล็กๆ ก่อจจะปิดลงอีกครั้ง เมื่อผมปล่อยตัวของเขาออก ให้ได้นอนหนุนเสื้อของผมเอง

เป็นธุระให้ตั้งหลายอย่างทั้งที่เราไม่ใช่เพื่อนสนิทกัน ผมก็ต้องตอบแทนบ้าง จริงไหมล่ะครับ

“น่ารักกันอีกแล้วนะ พวกนายน่ะ”เมฆแซวออกมายิ้มๆ ดวงตาของเขาฉายแววล้อเลียนมาให้ผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับไปหมองเศร้าเหมือนเดิม “ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้ทำอย่างที่หนาวทำให้ปุ๊กบ้างไหม”

“ไม่เป็นไรนะ เมฆ”ผมขยับตัวไปนั่งข้างเพื่อน ดึงมือที่เย็นเฉียบนั้นมากุมเอาไว้มั่น “ไม่ว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไง แต่เราจะอยู่ข้างเมฆนะ”

“อื้อ”เมฆยิ้มกลับมาให้ผม ใจของผมคงได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้น ให้ความกังวลในใจเป็นแค่ความระแวงที่ผ่านไป...

เรารอกันอยู่จนตะวันขึ้นสูงเหนือหัว ร่างของคนจำนวนมากก็เดินออกมาจากตึกกัน พวกเขาพูดคุยด้วยภาษาอังกฤษรัวเร็วทำเอาผมจับใจความได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางคนก็เดินเล่มมือถือออกมา

แต่ที่เหมือนกันเกือบทุกคนคือ การที่หันมามองคนเอเชียตัวขาวๆ ที่นั่งจุ้มปุ๊กกองกันอยู่ตรงนี้

“เมฆ... หนาว...”เสียงที่คุ้นหูกันมาตั้งแต่ยังเด็กดังขึ้น ก่อนที่ร่างบางระหงของหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตติดระบายและกระโปรงสีหวานจะก้าวเข้ามาหาพวกผม

พร้อมกับร่างสูงของใครอีกคน

ใครอีกคนที่มีดวงตาสีฟ้า เส้นผมสีทองสว่าง ใบหน้าคม จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ใครคนนั้นที่ผมเคยเห็นรูปในอินสตาแกรมของเพื่อนร่วมคณะของปุ๊ก

ร่างของเมฆสั่นระริก เขาค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น เผชิญหน้ากับคู่หมั้นของเขา ขณะเดียวกันใครอีกคนที่ฝุบหลับอยู่ก็ค่อยๆ โงหัวขึ้นมา

“ปุ๊ก...”เสียงของเมฆสั่นเครือ “ปุ๊ก... มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม”

“เมฆ... อ่า... โดมินิค เดี๋ยวเราขอคุยกับเพื่อนก่อนนะ เดี๋ยวเจอกัน”ปุ๊กหันไปพูดกับผู้ชายอีกคนข้างตัวพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้

“ผมรอที่นี่ก็ได้”โดมินิคตอบกลับปุ๊ก พร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้วางข้างพายุ เจ้าตัวเอามือมาประสานเท้าคางมองปุ๊กด้วยรอยยิ้ม

“แววตาดูเจ้าชู้ชะมัด”พายุเปรยออกมาเป็นภาษาไทย คนที่นั่งข้างๆ ยิ้มกลับให้อย่างงงๆ แสดงว่าเจ้าตัวคงไม่เข้าใจภาษาไทยสินะครับ

“ชู่ว์”ผมเอามือแตะปากส่งสัญญาณให้เงียบ แล้วหันไปมองฝั่งเพื่อนสมัยเด็กแทน

“เมฆมาทำอะไรที่นี่”ปุ๊กเปิดประเด็นขึ้นมาทันที สีหน้าของเธอดูไม่พอใจเท่าไหร่นักที่เห็นพวกผม “แล้วทำไมถึงไม่บอกปุ๊กก่อน”

“เมฆเห็น... รูปในig”น้ำใสๆ เอ่อขึ้นคลอที่ขอบตาของเพื่อนสนิทผม ใจอยากจะยื่นมือไปช่วยประคอง แต่ตอนนี้เป็นเวลาของพวกเขา... คนนอกอย่างผมไม่ควรเข้าไปยุ่ง ใช่ไหมครับ “ปุ๊ก... มันไม่จริงใช่ไหม”

“อะไรที่เมฆต้องการให้ไม่จริงล่ะ”เสียงของปุ๊กฟังดูเย็นชา ใบหน้าหวานบึ้งตึงอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน “เมฆทิ้งให้ปุ๊กมาเรียนที่อเมริกาคนเดียว ติดต่อก็ไม่ค่อยติดต่อมา เมฆคิดว่าการที่ปุ๊กต้องมาอยู่ในที่ๆ ไม่มีใครสักคนที่ปุ๊กรู้จักเป็นปีๆ ปุ๊กจะรู้สึกยังไง”

“แต่ ปุ๊ก เราแค่...”

"แค่ไม่อยากรบกวน แค่อยากให้ได้พักผ่อน แค่กลัวว่าจะไม่ว่า แค่ แค่ แค่”ปุ๊กเริ่มขึ้นเสียงใส่เมฆ เธอจ้องมาที่ว่าที่คุณหมอเขม็ง “แต่ ที่เมฆคิดเองเออเองน่ะ มันใช่ที่ปุ๊กคิด ใช่ที่ปุ๊กรู้สึกเหรอเมฆ!”

“ปุ๊ก...”เสียงของเมฆนั้นแผ่วเบา ผมมองหน้าเพื่อนสาวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ปุ๊กที่น่ารัก ปุ๊กที่ขี้อายและอ่อนโยน... เธอเปลี่ยนไปแล้ว

เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

เมฆเข้าไปกอดปุ๊กเอาไว้แน่น ริมฝีปากบางนั้นสั่นระริก... คงพูดอะไรไม่ออก

ส่วนข้างหลังผม มีซับภาษาอังกฤษรัวเร็วด้วย... สรุปว่านี่เป็นละครรักน้ำเน่าหรือยังไง?

“เมฆเข้าใจปุ๊กบ้างไหม เข้าใจไหม”มือเรียวทุบตีอกและบ่าของคนที่กอดเธอเอาไว้ หยาดน้ำตาเม็ดโตไหลรินลงมา “ปากเมฆบอกรักปุ๊กนักหนา แล้วไหน ตอนที่ปุ๊กต้องการใครสักคนมาอยู่เคียงข้าง เมฆอยู่ที่ไหน”

“ขอโทษ... ขอโทษครับ”เมฆปล่อยให้สาวเจ้าทุบตีอย่างไม่โต้ตอบ เอาแต่พูดคำว่าขอโทษไม่หยุดปาก

“มันสายไปแล้วเมฆ มันสายไปแล้ว”อยู่ๆ ปุ๊กก็สงบลง ดวงตาที่ชุ่มน้ำเหลือมองใบหน้ามนของคนที่เป็นคู่มันอย่างเศร้าสร้อย “มันสายไปแล้ว...”

“หมายความว่ายังไงน่ะปุ๊ก...”

“ปุ๊กไม่ได้รักเมฆแล้ว”ร่างบางบิดตัวออกจากอ้อมแขนที่อ่อนแรงของคุณหมอ เธอส่งยิ้มบางให้กับเขา “ใจของปุ๊กไม่ใช่ของเมฆอีกต่อไปแล้ว”

“แต่เรา... มาเริ่มกันใหม่ก็ได้ ไม่ใช่เหรอปุ๊ก”เสียงของเมฆฟังดูเว้าวอน เช่นเดียวกับสีหน้าและดวงตาของเขา “เรามาเริ่มกันใหม่เถอะ”

“ไม่ เมฆ... เราเริ่มกันใหม่ไม่ได้หรอก”ปุ๊กส่ายหน้ารัวเร็ว ผมยาวของเธอสยายทั่วเต็มหลัง “ปุ๊กไม่ใช่ของเมฆแล้ว... ทั้งหัวใจ... และร่างกาย”

ร่างของเมฆทรุดลงไปกับพื้น น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินลงมา แต่คู่หมั้นของเขากลับไม่สนใจ หันหลังให้แล้วเดินออกไปอย่างไม่เหลียวกลับ

ผมกำลังจะยื่นมือเข้าไปประคองร่างของเพื่อนขึ้น หากแต่มีใครบางคนพุ่งเข้าไปก่อน

โดมินิคเข้าไปพยุงตัวของเมฆขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ ใบหน้าคมนั้นดูสลดลงอย่างรู้สึกผิด

“เขาไม่รู้ว่าปุ๊กมีคู่หมั้นแล้ว”พายุเดินมายืนข้างๆ ผม “และเขาคิดว่ามันก็สนุกดีกับการที่ได้ one night stand กับผู้หญิงคนนั้น เธอร้อนแรง และhotมาก”

“เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยนจริงๆ สินะ”ผมอดจะเปรยออกมาอย่างเหนื่อยใจไม่ได้ ไม่คิดเลยครับว่าเหตุการณ์ที่เห็นแต่ในละครจะมาเกิดขึ้นจริงอย่างนี้

มันบ้าชัดๆ


ผมกับพายุพาเมฆกลับมาที่บ้านของลุงซี หลังจากส่งเจ้าตัวเข้าห้องไปแล้ว เขาก็ขังตัวอยู่ข้างในนั้นไม่ยอมออกมา แม้จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้วก็ตามที

คุณป้ามาร์ทาบอกว่า เราควรให้เวลาเขาได้อยู่กับตัวเอง เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง ครับ ผมเชื่ออย่างนั้น เวลาจะเป็นยารักษาใจได้ดีที่สุด

คืนนี้ เป็นคืนที่ผมนนอนไม่หลับ... ข่มตาไม่ลงครับ ถึงไม่ได้เจอกับตัวเอง แต่ทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนที่ผมรักทั้งคู่ ต่างคนต่างความคิดผมก็พอจะรู้อยู่ แต่ผมยังทำใจไม่ได้

ความอบอุ่นโอบทับร่างของผม พายุรั้งตัวผมที่นอนก่ายหน้าผากไปกอดเอาไว้แน่น มืออุ่นๆ นั้นลูบไล้ที่ศีรษะของผมเบาๆ อย่างต้องการจะปลอบประโลม

ทั้งที่คนที่สมควรจะได้รับการปลอบโยนมากที่สุดคือเมฆแท้ๆ

“นอนเถอะนะ อย่าคิดมากเลย”เสียงทุ้มห้าวกระซิบแผ่วเบาในความเงียบ ความอ่อนโยนที่ได้รับมันทำให้ใจของผมสงบลง ก่อนสติจะเลือนหายไป

พายุ... คุณเป็นคนยังไงกันแน่นะ

ตกลงว่าคุณเป็นคู่อริกับผม... จริงๆ หรือเปล่า

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

มาแล้วค้าาา เมฆดราม่า แต่พายุลมหนาวก็หวานอยู่นาา หวานจีๆ 5555

merry christmas นะคะทุกคนน ขอพระเยซูอวยพรค่ะ

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
 :hao6: หวานเบาๆ

อยากรู้ว่าทำไมพายุถึงชอบลมหนาวอะ!?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2015 00:58:41 โดย OrangeCaramel »

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
พายุลมหนาวหวานมากกกก มาเมการอบนี้พายุคงได้กำไรนะ 55555
เรื่องเมฆกับปุ๊ก เราแอบรู้สึกว่าปุ๊กผิดนะ ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายเกรงใจก็บอกไปตรงๆก็ได้นี่นาว่าอยากได้อะไร ไม่ใช่มานอกกายนอกใจแบบนี้อะ หรือถ้าจะทำก็ควรส่งข่าวบอกกันหน่อยไหม? แย่อะ แย่ ๆ

ออฟไลน์ fahhee_zeze

  • Love you...YAOI~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เย่!!! คู่หวานชื่น มหันตภัยมาสักที (พายุ+ลมหนาว) สงสารเมฆอยู่นะ แอบอีโน(มโน) อยู่ลึกๆว่าไอน้ำเป็นก้อน(เมฆ) ต้องได้โดมินิคมาดามใจ~ 555555  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ชัดมานิดหนึ่งแล้วมั๊ง พายุ-ลมหนาวนี่
เรื่องของเมฆกับปุ๊กนี่มองยังไงฝ่ายหญิงก็ผิด 
ไม่พอใจยังไง จะเลิกยังไงก็สมควรบอก
แต่เราขอบอกตรงๆนะว่าบางทีก็เหมือนปล่อยเสือ - ชะนีเข้าป่า
คือสังคมที่ต่างประเทศมันฟรีมากๆ 
ไม่มีใครมานั่งแคร์ มานั่งใส่ใจว่าใครทำอะไร
ชีวิตใครชีวิตมัน  ทำให้คนที่มาจากพื้นเพแบบเมืองไทยหลายๆคนไปแบบกู่ไม่กลับ
คือคิดว่าจะทำอะไรก็ได้เพราะว่ายังไงข่าวก็มาไม่ถึงเมืองไทยอยู่แล้ว

คิดอีกทีเราว่าเมฆโชคดีมากที่รู้เรื่องก่อน
ปุ๊กเองก็ไม่ได้บอกขอเลิก
ซึ่งก็เป็นไปได้ว่ากะทำตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะกลับบ้าน
กลับไปก็เปลี่ยนไปเยอะจนเมฆทำใจไม่ได้
หรือไม่ก็แต่งงานกันไปโดยที่เมฆไม่ได้รู้ว่าแฟนตัวเองเคยทำตัวแบบไหนหรืออาจจะยังแอบทำอยู่

เราจิ้นโดมินิค-เมฆไปแล้วค่ะ   
ถ้าเป็นจริงชะนีปุ๊กก็คงดิ้นพล่านเพราะท่าทางคงชอบอีกฝ่ายมากโขอยู่ เห็นว่าไปไหนมาไหนด้วยกัน

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ karashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
    • นิยาย นิยายแจ่มใส นิยายมือสอง

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
สงสารเมฆอ้ะ หาคนดามใจด่วนนนนน

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
:hao6: หวานเบาๆ

อยากรู้ว่าทำไมพายุถึงชอบลมหนาวอะ!?

รอดูตอนต่อไปนะคะ ^^ หวานอีกแล้วววว ฮ่าๆ แง้มออกมาอีก เต็มๆต้องไปอีกก ท้ายเรื่อง แหะๆ

เย่!!! คู่หวานชื่น มหันตภัยมาสักที (พายุ+ลมหนาว) สงสารเมฆอยู่นะ แอบอีโน(มโน) อยู่ลึกๆว่าไอน้ำเป็นก้อน(เมฆ) ต้องได้โดมินิคมาดามใจ~ 555555  :katai2-1: :katai2-1:
ชัดมานิดหนึ่งแล้วมั๊ง พายุ-ลมหนาวนี่
เรื่องของเมฆกับปุ๊กนี่มองยังไงฝ่ายหญิงก็ผิด 
ไม่พอใจยังไง จะเลิกยังไงก็สมควรบอก
แต่เราขอบอกตรงๆนะว่าบางทีก็เหมือนปล่อยเสือ - ชะนีเข้าป่า
คือสังคมที่ต่างประเทศมันฟรีมากๆ 
ไม่มีใครมานั่งแคร์ มานั่งใส่ใจว่าใครทำอะไร
ชีวิตใครชีวิตมัน  ทำให้คนที่มาจากพื้นเพแบบเมืองไทยหลายๆคนไปแบบกู่ไม่กลับ
คือคิดว่าจะทำอะไรก็ได้เพราะว่ายังไงข่าวก็มาไม่ถึงเมืองไทยอยู่แล้ว

คิดอีกทีเราว่าเมฆโชคดีมากที่รู้เรื่องก่อน
ปุ๊กเองก็ไม่ได้บอกขอเลิก
ซึ่งก็เป็นไปได้ว่ากะทำตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะกลับบ้าน
กลับไปก็เปลี่ยนไปเยอะจนเมฆทำใจไม่ได้
หรือไม่ก็แต่งงานกันไปโดยที่เมฆไม่ได้รู้ว่าแฟนตัวเองเคยทำตัวแบบไหนหรืออาจจะยังแอบทำอยู่

เราจิ้นโดมินิค-เมฆไปแล้วค่ะ   
ถ้าเป็นจริงชะนีปุ๊กก็คงดิ้นพล่านเพราะท่าทางคงชอบอีกฝ่ายมากโขอยู่ เห็นว่าไปไหนมาไหนด้วยกัน

อุ่ยยย จะคู่ใครน้าา เมฆของเรา จบเรื่องนี้จะเขียนคู่ของเมฆต่อค้าา ^^

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

พายุ ฉวยโอกาศตลอดดดดดดดด
ลมหนาวหวั่นไหวรู้ไม๊
แอร๊ยยยยย เขินนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
โดมินิค-เมฆ
รู้สึกถึงอะไรบางอย่างของสองคนนี้ อิอิ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
โดนคู่หมั้นปันใจจะหันไปชอบผู้ชายเลยเหรอเมฆ เราว่ามันไม่ใช่อ่ะ
พายุนี่กำไรเห็น ๆ แต่ก็อยากรู้ว่ารักลมหนาวตอนไหน

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
วันที่สามสิบเก้า

หลังจากที่รู้ความจริงของปุ๊กที่อเมริกาแล้ว เราอยู่เที่ยวกันต่อไม่กี่วันโดยที่สีหน้าของเมฆไม่สู้ดีนักแล้วจึงมาขึ้นเครื่องกลับกัน ในตอนแรกเราจะแวะเที่ยงญี่ปุ่ด้วยกันสามคน แต่เมฆขอเลื่อนตั๋วกลับไทยไปก่อน คงจะไปเคลียร์กับทางบ้าน และจบเรื่องทั้งหมดลง

ผมไม่ได้รั้งเพื่อนเอาไว้ เราต่างแยกย้ายกันไป เลยเหลือแค่ผมกับพายุที่มาเที่ยวต่อในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภาษาที่สามที่ผมพูดได้แบบงูๆ ปลาๆ

ไกด์ของผมคงไม่ใช่ใคร ในเมื่ออยู่กันแค่สองคนนี่ครับ พายุเจ้าเก่าคนเดิม คนดีของทุกคนแต่ร้ายสำหรับตัวผม เห็นว่ามาบ่อยแล้วล่ะครับ

ลากกระเป๋ากันไปถึงโรงแรมแถววัดเซ็นโซจิหรือที่ติดหูกันคือวัดอาซากุสะ ถ้านึกไม่ออก ก็วัดที่มีโคมแดงๆ ใหญ่ๆ น่ะครับ วัดชื่อดังในโตเกียวเลย มันทำให้ผมได้รู้ว่าการไหว้พระที่ญี่ปุ่นจะไม่เหมือนไทยเราเลยครับ ในเช้าวันถัดมาที่เราไปไหว้ขอพรกัน

ต้องมีการปัดควันจากเตาไฟ(?) เรียกอะไรไม่รู้เหมือนกันครับ หน้าตาคล้ายๆที่เผากระดาษวัดจีนไม่ก็ที่ปักฐูปมีหลังคาบ้านเรา แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว ปัดควันเข้าหาตัว แตะตามกลัวเช่น แตะหัวเขาว่าจะทำมห้สมองดี ก่อนจะพนมมือไหว้ขอพร

โชคดีที่ช่วงนี้คนไม่เยอะนะครับ

อ้อ ก่อนไหวพระต้องล้างมือก่อนด้วยนะครับ เขาว่าเป็นการล้างสิ่งสกปรกออกไป แต่ตามหลักการแล้ว มือที่สัมผัสอากาศยังไงก็มีเชื้อล่ะครับ

แล้วเราจะเข้าหลักวิชาการกันทำไมล่ะเนี่ย แย่จัง

อาหารมื้อแรกของผมคืออะไรรู้ไหมครับ มาญี่ปุ่นต้องกินอะไร...ไม่ใช้ซูชิ ซาชิมิ แซลม่อน หรือแกงกะหรี่หรอกครับ มือแรกของผมเป็นราเมน... ราเมนแบบจิ้มมั่วเอามาสักอันด้วย

ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยกินราเมนนะ กลับกัน ผมกินฮาจิบังราเมนบ่อยด้วย แต่มันดูไม่เหมือนกันกับที่เคยกินที่ไทยสักเท่าไหร่นะครับ ไข่ดิบนี่คืออะไร... แต่เอาเป็นว่ามันกินได้อยู่ละกันครับ

หลังจากกินเสร็จ พายุก็พาผมไปเช่าชุดยูกาตะมาใส่ ผมเลือกใส่ยูกาตะสีกรมทอลายสี่เหลี่ยมกระจายทั่วตัว ด้านนอกสวมเสื้อกี ซึ่งเป็นเสื้อคลุมของชุดเอาไว้ ส่วนพายุเลือกชุดที่ต้ิงใส่ฮากะมะ

คุณลุงเจ้าของร้านขอถ่ายภาพเอาไว้หลายแอคอยู่ครับ และแกก็บอกไว้ว่าขากลับมาเปลี่ยนชุดจะมีของที่ระลึกให้ ถ้าให้เอารูปไปใช้ได้ ซึ่งผมก็ไม่อะไร เอาไปใช้ก็ใช้ครับ ไม่เสียหาย

เราต่อกันไปที่สวนอุเอโนะ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ถ้าเป็นช่วงดอกซากุระบาน ทั่วสวนนี้จะเป็นสีชมพูเลยครับ แต่มาช่วงนี้ก็ดูใบไม้กันไป

แต่... ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีสายตาจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เป็นวินัยมา ถ้าใครจ้องผมสักพัก ผมจะรู้สึกได้ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

ผมกวาดตามองไปรอบๆ เห็นสาวๆ ที่มาเป็นกลุ่มๆ ยืนพูดคุยหนอกล้อกัน นักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัว ก็ดูไม่อะไรนี่ครับ... ผมอาจจะคิดไปเอง

"คุณพายุ เขาพูดอะไรกันน่ะ"ผมกระซิบถามเมื่อเห็นสาวน้อยกลุ่มนึงชี้ๆ มาทางผมและหัวเราะคิกคัก ภาษาญี่ปุ่นที่ไม่คุ้นหูทำให้ผมอกที่จะสงสัยไม่ได้

"อืม..."คนข้างตัวผมเงี่ยหูฟัง แล้วอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้า "ผมว่าคุณไม่รู้จะดีกว่านะ ลมหนาว"

"เรื่องไม่ดีเหรอ?"ผมถามกลับ ผมว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดนะ ถ้าเขาจะมามองว่าชาวต่างชาติอย่างผมไม่ดีเพราะคนที่มาเที่ยวก่อนหน้าก็คงไม่ใช่

"ก็ไม่เชิงหรอก แต่ไม่ใช่เรื่องที่คุณคิดอยู่แน่"พายุยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ ผมไม่ใช่หมาเหอะ แน่นอนว่าผมต้องปัดมือนั้นออก เรียงเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนตรงหน้าได้ และหางตาผมก็เห็นผู้หญิงกลุ่มนั้นทำตาโต ตีแขนกัน... ทำไม?? "เขาแค่พูดทำนองว่าคุณกับผมน่ารักดี แค่นั้นเอง"

ผมขมวดคิ้วชักสีหน้าตึง ก่อนจะขยับตัวออกห่างคนข้างๆ ไปไกล โซนร้อนหัวเราะผมเบาๆ ใครสรรสร้างความคิดจับผมคู่กับมันวะครับเนี่ย

แต่จริงๆ แล้วขยับออกห่างไปก็เท่านั้นล่ะครับ ยังไงผมก็ต้องตามพายุไปอยู่ดี อยู่ด้วยกันแค่สองคน จะให้แยกไปไหน ถ้าหลงทางขึ้นมาก็คงจะแย่เอาได้

คนที่แย่น่ะ... ผมเองครับ ก็ผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้น้อยมาก... มากๆ แต่พายุพูดเป็นภาษาที่สี่เลยนี่

ตลอดทางเดินที่ยาวเข้าไป ผมแวะถ่ายรุปเก็บไว้บ้าง ผลัดกันถ่ายกับพายุบ้าง เดินดูไปเรื่อยล่ะครับ มีหลายคนหันมามองอยู่ แต่เมินๆ ไปแล้วกัน

ยังไงก็คงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ จริงไหมล่ะครับ

แต่... ก็ยังมีการมาทำให้ผมเมินเฉยไม่ได้

การที่มีสาวฝรั่งเดินปาดหน้า แล้วหยุดยืนเท้าเอวใส่ พวกคุณคิดว่ายังไงครับ? หรือว่าผมไปทำอะไรผิดเข้า เขาถึงดูไม่พอใจขนาดนี้

“Hey you. May I take your picture ?”ขอถ่ายรูป? ผมไม่ได้ฟังผิดใช่ไหมครับ? เขาจะมาขอถ่ายรูปนักท่องเที่ยวธรรมดาๆ อย่างพวกผมสองคนทำไม?

“Why ?”พายุถามกลับไปพร้อมกับส่งรอยยิ้มนุ่มๆ ให้กับเธอ รอยยิ้มที่ผมมันจะเห็นมันส่งให้กับผู้หญิงทุกคน ยกเว้นเพื่อนในขณะตัวเอง หลังจากที่ปลดวินัยมาแล้ว

“you cute”น่ารัก... เขามองว่าเดือนคณะสองคนน่ารักครับ ฮะๆ จริงๆ แล้วตั้งแต่โตมาผมก็ไม่เคยถูกชมว่าน่ารักอีกเลยนะครับ

“เขาขอถ่ายรูป... จะเอายังไงล่ะ ลมหนาว”พายุหันมาถามผมที่ยื่นนิ่ง ผมเงียบไม่ตอบอะไร... ไม่รู้จะตอบอะไรน่ะครับ “เอ่อ... sorry we...”

“ให้ถ่ายไปก็ได้... คงไม่เสียหายอะไร”สุดท้ายก็ยอมจนได้สิผมเนี่ย แต่การที่เห็นเขาทำหน้าเจื่อนไปแบบนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกผิดเบาๆ ล่ะครับ

ก็แค่รูปถ่าย...

“OK , It's my pleasure !”เดือนวิศวะหันไปตอบรับคำขอด้วยรอยยิ้ม สาวฝรั่งตรงหน้าเธอยิ้มกว่าอย่างดีใจ ก่อนที่จะยกมือขึ้นโบกสองสามที

กองทัพเพื่อนหญิงของเธอโผล่มาจากไหนไม่รู้ สองคนถือกล้องDSLR สามคนถือรีเฟรท ขาตั้งกล้องก็มี แฟรชแยกก็มา... เหมือนกองถ่ายขนาดย่อมเลยนะครับ

ผมผ่านการถ่ายแบบเสื้อผ้ามาไม่น้อยนะครับ แต่ก็ถ่ายเฉพาะในสตูดิโอ มาเจอกลางแจ้งกับคนเยอะขนาดนี้ก็ประหม่าเหมือนกัน...
มาเที่ยวเขาเอามาพร้อมกันขนาดนี้เลยเหรอ...

ก็ตกปากไปแล้วทำยังไงได้ โพสท่าถ่ายอย่างเดียวล่ะครับ ทั้งรูปเดี่ยว รูปคู่ รูปปิกนิกที่มีพร็อบมาครบครัน จากที่อยู่อย่างสงบ ตอนนี้มีญี่ปุ่นมุงมาด้อมๆ มองๆ พวกเรากันเต็มเลยครับ

ช่างภาพหลักคือนานาโกะ เธอเป็นคนสั่งให้ผมขยับไปซ้าย ไปขวา อีกให้พายุมาโอบไหล่ โอบเอว ทำๆ ไปรู้สึกมันคล้านพรีเว็ดดิ้งนะครับ

ตกลงว่านี้แต่ขอถ่ายรูปแน่ใช่ไหม? ใช่ถ่ายรูปทำนิตยสารใช่ไหมครับ? เล่นกินเวลาผมไปเป็นชั่วโมงเลย กว่าพวกเขาจะพอใจ

“เอ้า รูปสุดท้ายนะ”เธอพูดภาษาญี่ปุ่น ซึ่งผมฟังไม่ออก อะไรชาชิน ชาชิน รู้แต่ว่าถ่ายรูป นี่แหละครับ

อยู่ๆ พายุก็จับผมหมุนตัวให้หันไปหาหมอนั่น มือข้างนึงโอบเอวผมแน่ อีกข้างเชยคางผมขึ้นแล้วกดริมฝีมากลงมาเบียดแนบชิด
มัน... จูบผม... อีกแล้ว

เสียงกรี๊ดเบาๆ ลอยเข้าหูผม แฟรชสาดเข้ามารัวๆ ผมพยายามผลักอกแกร่งออกจากตัว แต่แรงกระชับที่เอวมันก็เกินกว่าคนทำงานในแลปอย่างผมจะสู้ได้

ลิ้นนุ่มหยุ่นแทรกเข้ามาในโพรงปากผม ไล่ต้อนให้ผมต้องเอาลิ้นตัวเองหลบ แต่สุดท้ายก็ถูกเร้าให้พันสู้... ครั้งนี้จูบของมันลึกซึ้งกว่าครั้งก่อนๆ

ดีฟคิส

กว่าพายุลูกนี้จะปล่อยผมให้เป็นอิสระ ริมฝีปากผมก็บวมเจ่อขึ้นมาแล้วหน้าเน้อไม่ต้องถามครับ ทั้งร้อน ทั้งแดง ผมปล่อยหมัดชกท้องคนตรงหน้าไปเต็มแรงทีนึงอย่างไม่ให้มันตั้งตัว

ทรุดลงไปเลย เชี่ย

ไม่สนอะไรแล้วครับงานนี้ ผมสะบัดตัวเดินดุ่มๆ ไปทันที ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน แต่สมองของผมสั่งให้ไปไหนก็ได้ที่ห่างจากตรงนี้มากที่สุด

อายฉิบหายเลยครับ!!!

มันกล้าดียังไงมาบังคับจูบผมต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ เข้าใจความรู้สึกของปันปันเวลาโดนพี่คิสแหย่ต่อหน้าทุกคนขึ้นมาเลยล่ะครับ
เล่นไม่รู้เรื่องเลย...

ที่สำคัญ! ทำไมผมถึงไปยอมให้มันตักตวงจูบจากผมไปได้กัน! จริงๆ ถ้าผมยกขาถีบสักที หรือชกท้องน้อยมันสักรอบ มันก็ต้องปล่อยแล้วแท้ๆ

แย่... แบบนี้มันชักแย่ขึ้นทุกที

ผมเดินลึกเข้ามาตามทางจนตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหน... คนที่เคยมีเดินสวนไปมาก็ไม่มีแล้ว แต่คงไม่หลงหรอกครับ... แค่เดินกลับไปตามทางก็พอแล้วนี่

ขอทิ้งตัวลงนั่งพักสักหน่อยแล้วกันนะครับ เฮ้อ ผมคิดถูกไหมนะที่ยอมมาเที่ยวกับเฮดวินัยวิศวะสองคนแบบนี้ ทั้งที่เราไม่ถูกกันเลยแท้ๆ แล้วมันยังมาจาบจ้วงกับผมอีก

บ้าชิบ ลมหนาว จะคิดถึงฉากนั้นทำไมกัน!

ก็แค่จูบ จูบที่สองเอง จะไปคิดมากทำไม ไม่ได้ทำให้ผมเสียหายอะไรมากมายสักหน่อย ถือว่าทำทานไป ถึงจะไม่เต็มใจก็เถอะ!
ไม่เต็มใจ... จริงๆ นะ

“ลมหนาว!”เสียงทุ้มปนหอบร้องดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของอดีตเดือนมหาลัยจะวิ่งมาอยู่ตรงหน้าผม “อย่าเดินดุ่มมาคนเดียวสิ ถ้าหลงขึ้นมาจะทำยังไง”

“ก็แค่เดินตามทาง ผมไม่โง่ขนาดที่จะหลงทางหรอกนะครับ”ผมตอบกลับเสียงเย็นชา ตาจ้องไปที่คนที่ยืนหอบแฮ่กตรงหน้า เหงื่อใสผุดพรายไปทั่วใบหน้าคมของพายุ แต่เหมือนว่าเจ้าตัวไม่คิดที่จะเช็ดมันเลย

“ถึงอย่างนั้นผมก็เป็นห่ว---“มันชะงักไป ก่อนจะเงียบเสียงลงแล้วหลบตาผมไป “เอาเป็นว่า... เรากลับไปเปลี่ยนชุดกลับโรงแรมกันเถอะ”

ผมยอมเดินตามพายุกลับไปโดยดี ไม่อิดออด ระหว่างทางก็เจอสาวๆ กลุ่มเดิมชะเง้อคอมองมาอยู่ แต่ผมไม่มีอารมณ์จะทักทายอะไรทั้งนั้นล่ะครับ พอพวกเธอเห็นผมก็พอกันถอนหายใจแล้วยิ้มออกมากัน

ทุกย่างก้าวมีแต่ความเงียบ มีเพียงเสียงพูดคุยของคนรอบข้างและเสียงลมที่อยู่รอบตัวพวกเรา ผมกับพายุไม่พูดคุยอะไรกันแม้แต่คำเดียว

และเรา... ก็จะไม่พูดถึงจูบที่ผ่านมาด้วย

แต่มือของมันกอบกุมมือของผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ราวกับว่าถ้าปล่อยมือผมแล้วผมจะหายไปอย่างไรอย่างนั้นแหละ... ในแดนอาทิตย์อุทัยนี้ ผมรู้จักแค่มัน... ผมจะไปไหนได้

เรามกลับมาเปลี่ยนชุดกลับที่ร้านลุง และตามคำพูด ลุงแกมีของที่ระลึกให้ เป็นตั๋วลดราคาค่าเช่าชุด เครื่องราง และหน้ากากจิ้งจอกกับยักษ์ที่เห็นบ่อยๆ ในงานวัดญี่ปุ่นในการ์ตูน

เราไปกินข้าวเย็นกันในร้านข้าวแกงกะหรี่ แกงกะหรี่ไก่คาราเกะอร่อยดีครับ ไก่กรอบนอกนุ่มในเข้ากับน้ำแกงกะหรี่หมูเป็นอย่างดี
เราเดินดูของแถววันเซ็นโซจิกันเล็กน้อย ซื้อขนมไปกินที่ห้องพักอย่างสองอย่าง แล้วถึงกลับไปนอนกัน

อย่า... อย่าคิดว่าผมนอนเตียงเดียวกับพายุเหมือนตอนอยู่อเมริกาครับ ไม่เลย คราวนี้เป็นเตียงสองชั้น และผมได้นอนชั้นบน
ปีนไปก็หัวโขกเพดานไป ใช้ได้ครับ เพดานแข็งดี... เกิดมาสูงก็แบบนี้แหละ


วันต่อมาเราไปกับที่โอไดบะ เป็นเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง เป็นอีกที่ที่นิยมของนักท่องเที่ยว และคนมาเที่ยวอย่างผมก็คงไม่ควรที่จะพลาด

อันดับแรกพายุพาผมไปแช่ออนเซ็น สบายตัวมากเลยครับ น้ำอุ่นๆบรรยากาศก็ดี หน้านี้ไม่ใช่หน้าท่องเที่ยวคนก็เลยน้อย ไม่เบียดกันดี

หืม... พายุโชว์ซิคแพคแล้วไงครับ ผมก็มี... ถึงจะมีแค่สี่แพคก็เถอะ... กับคนที่นั่งเรียน เดินทำแลปอย่างผม ได้เท่านี้ก็เก่งแล้วล่ะครับ

เคลิ้มๆ ได้ไม่นานก็โดนลากขึ้นจากบ่อครับ แช่นานมากก็ไม่ดีต่อร่างกายเหมือนกัน คราวนี้เลยได้เดินตัวปลิวไปดูรถในพิพิธภัณฑ์โตโยต้า เข้าไปเล่นบ้านผีสิงในพาเลตทาวน์ ไปถ่ายรูปกันดั้มที่ไดเวอร์ซิตี้ โตเกียว พลาซ่า ตามล่าเทพีเสรีภาพจำลอง ต่อด้วยกินราเมนขึ้นชื่อที่อควาซิตี้ ก่อนกลับแวะไปดูมิไรคังที่เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสักหน่อย

เป็นเกาะเล็กๆ ที่ต้องใช้เวลาเที่ยวทั้งวันเลยครับ ยังไม่หมดด้วยซ้ำไป แต่ที่เด่นๆ ก็เก็บได้ครบแล้ว ถือว่าคุ้มค่าที่ได้มาแล้วล่ะครับ
ผมมองรูปที่ถ่ายในมือถือ ว่าไปแล้วผมถ่ายรูปคู่กับพายุเยอะเหมือนกันนะครับเนี่ย

ใครจะไปเชื่อกันล่ะครับ ว่าคู่อริที่เจอหน้ากันไม่ได้ในมหาลัยจะมาเที่ยวด้วยกัน แล้วยังถ่ายรูปคู่กันซะเยอะด้วย

เป็นทริปที่สนุกดีเหมือนกันนะครับ คราวนี้

ว่าแต่... เมฆเป็นยังไงบ้างนะ


(พายุ)

เที่ยวกับลมหนาวสองคนเป็นสิ่งที่ผมคิดไม่ถึงที่สุดในการมาครั้งนี้เลยแหะ ตอนแรกที่เสนอตัวช่วยก็เผลอไปเพราะเก็นสีหน้ากังวลของหมอนั่น

รอยยิ้มสดใสที่ใครจะไปคิดว่าคนที่ถูกวางให้เป็นคู่กัดกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งอย่างผมจะได้เห็นเต็มๆ ตา ไม่ใช่จากการแอบมอง การพูดคุยที่ลื่นไหล

แม่ง มันทำให้ผมมีความสุขชะมัด

กลับไปผมจะต้องทำให้แสตนด์ ผู้นำเชียร์ และพาเรทชนะเทคนิคการแพทย์ให้ได้เลย ผมจะต้องชนะพนันครั้งนี้ให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม

หึ ผมมีแผนเตรียมเอาไว้หมดแล้ว ไม่ว่ายังไงลมหนาวก็จะรอดจากมือผมไปไหนไม่ได้แน่ๆ ก็ผม... เตรียมมาเป็นปีๆ แล้วนี่น่า ขอมั่นใจหน่อยแล้วกัน

ผมเหล่มองคนที่นั่งยิ้มกดมือถืออยู่ข้างๆ แล้วแอบยกมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปเก็บความทรงจำนี้เอาไว้

ความเป็นวินัยเจ้าระเบียบที่สืบทอดมาจากรุ่นพี่ของเขาถูกสร้างขึ้นเป็นเกราะป้องกัน ตัวตนจริงๆ ของเขาไม่ใช่ความเย็นชาที่แสดงออก ไม่ใช่ความดุที่กระทำ

แต่จริงๆ แล้ว... ลมหนาวเป็นคนที่สดใส และอ่อนโยน เขามักจะเป็นห่วงคนอื่นก่อนตัวเองอยู่เสมอจริงๆ

ถึงผมจะเคยได้รับความห่วงใยของเขาแค่ครั้งเดียวเมื่อนานมาแล้วก็เถอะ... แต่มันก็ไม่รู้ลืมเลยนะ รอยยิ้มกับแววตาที่สดใสนั่น
ผม... ดีใจที่ได้เห็นอีกครั้ง

นึกถึงตอนทำกิจกรรมดาวเดือนแล้วคิดถึงชะมัด

“พายุ”เสียงนุ่มเอ่ยเรียกให้ผมหันไปหา รอยยิ้มบางของเขาฉาบทับบนใบหน้า ทำให้ผมยิ้มตามไปด้วยอย่างอดไม่ได้ “ทริปคราวนี้... ขอบคุณมากนะ”

“หืม??”ผมเอียงหัวอย่างงงๆ ขอบคุณอะไรของเขากันนะ

“ก็... ที่พาเที่ยวไง”เสียงของลมหนาวฟังดูตะกุกตะกัก ทำเอาผมกระตุกยิ้มขำ ก่อนจะแปรเปลี่ยนรอยยิ้มนั้นให้เป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แทน

“ไม่เป็นไรหรอก”ผมทิ้งตัวพิงกับพนักหลังที่นั่งบนรถไฟฟ้าออกจากโอไดบะ “ผมเก็บค่านำเที่ยวจากคุณมากแล้วนี่”
คุ้มสุดๆ เลยด้วย

“ค่านำเที่ยว?”คนข้างกายผมทวนคำ คงสงสัยนั่นแหละว่าผมไปเก็บตอนใน ในเมื่อผมมีแต่เลี้ยงเขา ไม่ได้ให้ออกอะไรให้เลยด้วยซ้ำ “ตอนไหน?”

“คุณอยากรู้เหรอ”ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ มองลมหนาวด้วยตาพราวระยับ “เอาไว้ไปถึงที่พักแล้ว ผมจะบอกให้แล้วกันนะ”

ทิ้งความสงสัยเอาไว้ให้ลมหนาวก่อน แล้วค่อยเฉลยที่หลัง... ทุกคนเดาได้แล้วใช่ไหมล่ะ? ว่าผมเก็บค่านำเที่ยวกับลมหนาวไปตอนไหน

เรานั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีอาซากุสะ กลับสู่ที่พักกัน ไม่ไกลรถไฟฟ้ามากนักมีร้านขายซูชิกับข้าวกล่องอยู่ อร่อยพอดูเลยสำหรับอาหารที่ไม่ใช่ร้านหรู

ลมหนาวดูจะชอบไม่น้อยเหมือนกัน เลยซื้อกลับมากินที่ห้อง แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ชอบปลาดิบสักเท่าไหร่ เลยไม่คีบมาด้วยเลยสักชิ้น

ระหว่างทางเดินเราก็สลายเหรียญที่ได้มาด้วยการหยอดตู้น้ำเอาน้ำมาไว้กินที่ห้อง ที่จริงมีให้กรอกนะ แต่ผมก็ชอบกดมากกว่าอยู่ดี

กลับมาก็ทำธุระส่วนตัวกันไป ก่อนจะนั่งกินของที่ซื้อมา ลมหนาวเหลือบมองผมเป็นระยะๆ แต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา

“คุณจะมองผมสลับกับซูชิในกล่องอีกนานไหมเนี่ย ลมหนาว”ผมวางกล่องที่เหลือซูชิอยู่ไม่กี่ชิ้นลง แล้วจ้องหน้าใครอีกคนไปโดยตรง

“ที่คุณบอกว่าจะบอกผม...”ลมหนาววางของในมือลงบ้าง แล้วขยับเข้ามาใกล้ผม “คุณจะบอกผมเมื่อไหร่ล่ะ พายุ”

“เรื่องที่ว่าคุณจ่ายค่านำเที่ยวให้ผมตอนไหนน่ะเหรอ”ผมกระตุกยิ้ม แล้วขยับตัวบ้าง

ผมดึงตัวของลมหนาวเข้ามาใกล้โดยไม่ให้หมอนี่รู้ตัวก่อน เบียดริมฝีปากลงไปชิมความหอมหวานอีกครั้งนึง

ผมเป็นคนโลภ พอได้แล้วก็ต้องการอีก... และต้องการมากขึ้น

ผมส่งลิ้นเข้าไปกวาดเอาความหอมหวานในช่องป่กของลมหนาว มือเลื่อนขึ้นมาจับหัวทุยให้เอียงไปตามองศาที่ผมต้องการ

ไม่ใช่ว่าลมหนาวไม่ขัดขืนนะ แต่เขาสู้แรงของผมไม่ได้ ร่างที่ขัดขืนค่อยๆ โอนอ่อนตามผมไป แล้วสุดท้ายเขาก็ยอมให้ผมเอาเปรียบเล็กๆ โดยดี

“นี่ไง ลมหนาว ค่านำเที่ยวของผม”ผมฉกหอมแก้มคนที่นั่งนิ่งค้างตรงหน้าครั้งนึงก่อนจะหนีขึ้นเตียงไปนอน

เอาล่ะ ผมหยอกลมหนาวมานานมากแล้ว... ผมคงต้องขอรุกแรงขึ้นบ้างแล้ว

จริงไหมล่ะครับ ทุกคน

๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒

มาแล้วค้าา พายุจะรุกแล้วนะ น้ำยาเริ่มลงหม้อแล้วววว

สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้าเลยนะคะทุกคน ขอให้มีความสุขมากๆ เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคนค้า

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ we.jinkyu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ออฟไลน์ MELLOW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
กรี๊ดดดดดด ทริปนี้ พายุพาฟินหนักมาก :haun4:  :mew1:

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ fahhee_zeze

  • Love you...YAOI~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ได้เสีย งานนี้มีได้เสีย ลมหนาวเจอโซนร้อนเข้าชนแน่นอลลล  :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เริ่ดค่ะพายุ เอาใจช่วยเต็มที่ !!!

พูดเลยค่านำเที่ยวฟรินมากกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
นี่โซนร้อนยังไม่รุกแรงอีกหรอเนี่ย โอ่ยยย!!!

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2

ออฟไลน์ DE SaiKuNee

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-9

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2

ออฟไลน์ maykiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
อ๋อยยยย น่ารักเกินไปแล้ว เชียร์พายุ รุกเลยๆๆๆๆ  :hao7:

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
วันที่สี่สิบ

(ทิวไผ่)

ในหลายครั้งที่ผมเหนื่อย แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ในใจ ผมล้าแต่หน้าผมก็ต้องยิ้มเอาไว้ ผมท้อแต่ก็ต้องทำตัวให้ดูสบายๆ เพื่อเป็นหลักให้คนข้างหลัง

ทุกวันนี้ก็เช่นกัน

วันเวลาของผมหมดไปกับการเรียนและการดูแลเด็กน้อยที่ไปเก็บเอามา นกที่บาดเจ็บและได้รับการรักษาจนหายไม่ยอมบินออกจากกรง

ผมมองไล่ขึ้นไปตามแนวกระดูกสันหลังที่โค้งสวย นี่เป็นอีกครั้งที่ผมนอนกับฟางข้าว... นอนในอีกความหมายหนึ่งที่ไม่ใช่การหลับตาลง

วงจรชีวิตผมชักอุบาทว์ขึ้นทุกที เฮ้อ

แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ตัวผมเป็นคนก่อเอาไว้ และตัวผมอีกนั่นล่ะที่จะต้องเป็นคนแก้ปมที่ผูกเอาไว้ทั้งหมดด้วยตัวเอง โดยไร้ตัวช่วย
หน้าที่... กับความชอบใจ คือสิ่งที่ผมต้องเลือก

ข้าวพลิกกายหันมาแล้วซุกตัวเข้าในอ้อมกอดของผม ใบหน้าเล็กๆ นั้นอมยิ้มน้อยๆ ยิ่งดูก็ยิ่งเด็ก ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งทำให้รู้ว่าผมจะต้องดูแลเขา ยิ่งทำให้ผมรู้ว่าผมไม่สามารถทิ้งเขาไปได้

“อืม... พี่ทิว”เสียงเล็กพึมพำแผ่วเบา ทำให้ผมต้องเงี่ยหูเข้าไปฟังใกล้ๆ “อย่าทิ้งผมนะ พี่ทิว”

นี่คงเป็นความกลัวในใจของข้าวสินะครับ...

ผมใจร้ายทิ้งข้าวไม่ลงหรอกครับ ต่อให้ผมจะไปชอบใครคนไหนก็ตามที... แต่ถ้าจะให้มาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน อันนี้ก็คงต้องพิจารณากันอีกที

ข้าวจะรับเสียงตอบรับได้อย่างนั้นเหรอ? จะมีปัญหากับคุณย่าไหม? แล้วกระแสสังคมที่ต้องเผชิญอีก มันเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับว่าผมกับเขา เราอยู่สังคมคนละระดับกัน

ถ้าเป็นมิน... ทุกอย่างก็จะง่ายดาย

แต่คงได้แต่ละเมอไปนั่นล่ะครับ มินรักข้าวมาก มากถึงขนาดที่ต่อให้ผมนอนกับมินลับหลังข้าว เพื่อให้ผมดูแลข้าว อยู่กับข้าวต่อ
ไป มินก็ยอม... ง่ายๆ คือมินยอมเป็นเมียเก็บให้ผมเพื่อให้ข้าวอยู่อย่างมีความสุขด้วยซ้ำไป

แต่ผมเป็นคนโหดร้ายอย่างนั้นเหรอ? ผมจะทำร้ายให้ใจของคนสองคนได้เหรอ? ไม่... ไม่ครับ ผมทำไม่ได้ และผมทำไม่ลงหรอก
ยังไง... ผมก็ต้องเลือก

และทางเลือกของผมมีแต่สองทางคือเลือกตามที่สมองสั่ง กับเลือกตามที่ใจต้องการ... ผมเชื่อว่าถ้าผมอยากจะกุมหัวใจมินนั้นไม่ยากเกินเอื้อมมือ

แต่นั่นก็เป็นการทำร้ายหัวใจของข้าวเช่นกัน

ผมเคยคุยเรื่องนี้กับคนที่ผมไว้ใจมากที่สุด... ลมหนาวบอกผมว่าให้ผมเลือกอย่างที่ผมต้องการมากที่สุด อย่าเลือกทางที่ผมจะเป็นทุกข์

แล้วมันมีทางนั้นให้ผมเลือกบ้างไหม? ถ้าผมเลือกมิน ผมก็ต้องทุกข์เพราะข้าวจะอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าผมเลือกข้าว ผมก็ต้องทุกข์กับการฝืนใจตัวเอง

ออกบวชอาจจะเป็นทางที่ดี... แต่แน่ล่ะว่าที่บ้านผมย่อมไม่ยอม เพราะผมคือความหวังของพวกเขาที่จะลืบทอดโรงพยาบาลต่อไป

ส่วนพี่หลิว... ก็สืบทอดธุรกิจร้อยพันล้านนั้นอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้

ให้โชคชะตาเป็นตัวกำหนดทางเดินแล้วกัน... อย่างไร ตัวผมก็ไม่เคยที่จะเลือกทางเดินด้วยตัวเองอยู่แล้ว ก็ขออีกสักเรื่อง ให้ฟ้าเป็นคนกำหนด ผมพร้อมที่จะน้อมรับมัน

ผมกระชับอ้อมกอดที่ข้าวซุกตัวเข้ามาให้แน่นขึ้นอีกนิด ถ่ายทอดไออุ่นให้กับคนตัวเล็ก ถึงสมองผมบอกชัดว่าไม่ได้ชอบข้าว แต่ใจก็ยังคงบอกว่าไม่อาจทิ้งให้คนๆ นี้อยู่เพียงลำพังได้

เพราะข้าว... คงไม่อาจยืนอยู่

ผมยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างแผ่วเบา แล้วหลับตาลงเข้าสู่ความฝันตามคนที่นอนยิ้มซุกอ้อมกอดของผมไป

เรื่องของอนาคต ก็ปล่อยเป็นเรื่องของอนาคตไป ตอนนี้อยู่กับปัจจุบันคงจะดีกว่า

และผม... ก็ยังมีความสุขดี


ถึงแม้ว่าจะปิดเทอม แต่สำหรับเด็กศิลป์ยังไงก็ยังมีงานที่อาจารย์สั่งทิ้งไว้ให้ทำอยู่ตลอด ข้าวก็เช่นกัน วันนี้เขาต้องออกไปวาดรูปข้างนอก และกว่าจะกลับก็คงเป็นตอนเย็น เด็กดีของผมเลยต้องไปทำงาน โดยที่ก่อนไปผมทาครีมกันแดดให้เจ้าตัวเรียบร้อยแล้ว ร่มก็ใส่กระเป๋าไปให้แล้ว

เหมือนเด็กประถมเลย... ผมคงดูแลเขามากเกินไป

ส่วนคณะแพทย์ของผม นานๆ ครั้งถึงจะได้หยุดพักผ่อนแบบนี้ และผมก็ควรที่จะใช้เวลาให้คุ้มค่าสักหน่อยล่ะครับ ยิ่งเป็นวันที่ทางบ้านของผมไม่ติดต่อมาให้ไปทำอะไรอย่างนี้ด้วย

วันพักผ่อนอย่างแท้จริง

ผมเอนหลังนอนเคลิ้มหลับไปอยู่พักหนึ่ง และคงจะนอนต่อไปถ้าไม่มีเสียงอะไรบางอย่างลอยเข้าโสตประสาทมาเสียก่อน
น่าเสียดายที่ผมเป็นคนหลับไม่ลึก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผมว่าผมไม่ได้นัดใครเอาไว้ และเพื่อนผมส่วนใหญ่ถ้าจะมาจะต้องบอกล่วงหน้าเสมอ... ลมหนาวก็เครื่องมาลงวันนี้ และคงไม่เคาะประตูด้วยเพราะมีคีย์การ์ด

ใครกัน

ผมเปิดประตูออกไปหาผู้มาเยือน ก่อนจะชะงักค้าง... ใครจะไปคิดว่าเขาจะมาหาผมกันล่ะ... คนๆ นั้นคือ มิน สีหน้าของน้องดูเคร่งเครียดไม่น้อย

“พี่ทิวฮะ... ขอผมคุยด้วยหน่อยนะฮะ”มินเอ่ยกับผมเสียงแผ่วเบา ดวงตาคู่ที่เคยสดใสนั้นดูเซื่องซึม “ผมขอเวลาแค่แป๊ปเดียวนะครับ”

“เข้ามาก่อนสิ”ผมเปิดทางให้เจ้าตัวได้เข้ามา นับตั้งแต่คุยกันครั้งก่อน มินก็ไม่เคยมาที่ห้องผมอีกเลย อาจจะเจอกันบ้างตามประสาคนที่อยู่คอนโดเดียวกัน แต่ก็ไม่อะไร ผมส่งข้อความไปน้อยครั้งที่เขาจะตอบกลับ

มันก็เป็นความนัยน์อยู่แล้วที่จะให้ผมตัดใจจากเขา...

ถึงไม่บอกผมก้รู้ว่าผมควรจะตัดใจ ถึงแม้ผมจะรู้ว่าถ้าผมรุกเข้าไปมินที่ไม่ประสากับเรื่องอะไรนักต้องตกหลุมผมแน่... แต่นะครับ
สมองผมบอกว่าผมทำร้ายฟางข้าวไม่ได้ ยังไงก็ทำร้ายเขาไม่ได้

เท่านี้ มันก็จบแล้วสำหรับความชอบที่ผมมีต่อมิน... puppy love ไม่จำเป็นต้องสมหวังเสมอไป จริงไหมล่ะครับ มันเป็นความชอบที่เก็บเอาไว้ในความทรงจำก็ได้...

มินนั่งลงบนโซฟาเดี่ยว ผมเลยนั่งตรงข้ามเขา ยิ้มรอฟังคำพูดที่จะออกมาจากปากของเขา ความค้างคาในจของผมคงจบในวันนี้...
ก็ดีครับ ทุกอย่างจะได้จบลงสักที

“พี่ทิวฮะ...”มินอ้าปากพูดขึ้นหลังจากเงียบไปพักใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วส่งยิ้มจืดชืดให้ “ผมรู้... ว่าพี่ชอบผม และผมก็รู้ว่าพี่รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่...”

“ครับ”ผมรับคำยิ้มๆ “พี่รู้ว่ามินก็หวั่นไหวให้พี่เหมือนกัน”

“และพี่ก็รู้ใช่ไหมฮะ ว่าระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้”หน้าของน้องชายตรงหน้าก้มลงคางชิดอก ผมยังคงยิ้ม และจะยิ้มให้... “ผมเป็นผู้ชายคนนึง... ที่ชอบผู้หญิงนะฮะ”

“พี่รู้... พี่ก็ชอบผู้หญิง”และเคยมีว่าที่คู่หมั่นเป็นผู้หญิงด้วย แต่เราเข้ากันไม่ได้เลยเลิกรากันไป “เอาเถอะ พี่แค่อยากบอกมินว่า พี่ชอบมิน แค่นั้นก็พอแล้ว”

“... พี่ทิว...”

“เราไม่จำเป็นต้องรักกันก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ มิน”ผมย้ายตัวเองไปนั่งเบียดกับมิน ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นไปลูบผมนุ่มเบา ๆ “เราเป็นพี่น้องกันก็ได้ จริงไหมครับ”

“จริงนะฮะ พี่ทิว”มินเงยขึ้นมามองผม พร้อมกับรอยยิ้มที่โล่งใจ

ความรักเล็กๆ ครั้งแรก ไม่จำเป็นต้องสมหวังเสมอไป... แล้วอีกอย่าง ผมก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บนักหนาด้วย มันอาจจะเป็นแค่ความหลงชั่วคราวก็ได้

ตุบ

เสียงที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในเวลาที่ในห้องมีคนเพียงสองคนในห้อง ผมกับมินหันไปทางต้นเสียง พวกเราพากันผุดลุกขึ้นอย่างตกใจไม่แพ้กับคนที่เปิดประตูเข้ามา

“ฟาง!!!”เสียงของมินร้องดังลั่น ก่อนร่างเล็กจะวิ่งเข้าไปหาเพื่อนที่ยืนค้างอยู่ “ฟาง อย่าเข้าใจผิดนะ ฟาง”

ฟางข้าวมองมาที่ผมนิ่ง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากอะไร ร่างเพรียวก็วิ่งออกไปเสียก่อน โดยมีทายาทตระกูลดังวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ

ผมทิ้งตัวลงนั่งพิงโซฟาอย่างอ่อนแรง เหม่อมองขึ้นไปบนเพดานขาว หัวใจของผมวูบโหวงเมื่อตอนที่เห็นข้าววิ่งออกไป... แววตาที่ฉายชัดถึงความเสียใจ

“หนาว... มาหาพี่หน่อยสิ”เสียงของผมฟังดูสั่นเครือ... ทำไม... ทำไมเสียงของผมเป็นแบบนี้กันล่ะ

ผม... กำลังเสียใจ?


“พี่ทิว... เป็นอะไรไปครับ”เสียงทุ้มเจือเสียงหอบถามขึ้น พร้อมกับร่างสูงโปร่งของคนสองคนที่ก้าวเข้ามาในห้องผมอย่างเร่งรีบ
ลมหนาว... มากับพายุ

ดูจากเสื้อผ้า คงเพิ่งจะลงเครื่องมาตอนที่ผมโทรไปหาพอดี เลยมาทั้งอย่างนั้นเลย

“พี่...”ผมเงียบลง... ผมควรจะพูดยังไงให้สื่อถึงสิ่งที่ผมรู้สึกอยู่ตอนนี้ดี “พี่รู้สึกไม่ดีเลย... เมื่อกี้ข้าวมาเห็นพี่อยู่กับมิน”

“รถไฟชนกัน ว่างั้น”พายุเป็นคสวนขึ้นมา ผมตวัดสายตามองรุ่นน้องต่างคณะ แต่ยังช้ากับคนตรงหน้าผมที่จ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง

“นั่งลงเงียบๆ เลย พายุ”

หืม... การไปเที่ยวกันครั้งนี้ เหมือนสองคนเขาจะพัฒนาไปเหมือนกันนะ ลมหนาวเรียกชื่อพายุห้วนๆ แล้ว ไม่มีคำว่าคุณ... แล้วดูท่าว้ากเกอร์ตัวร้ายจะดูพอใจด้วย

“พี่ทิวครับ...”หนาวย้ายตัวเองมานั่งข้างผม แล้วส่งยิ้มให้บางๆ “พี่ทิวรู้สึกเจ็บที่ฟางข้าวมาเห็นพี่มิวอยู่กับมิน... ใช่ไหมครับ”

“ใช่...”

“แล้วเขาก็วิ่งหนีออกไปใช่ไหมครับ”

“ก็... ใช่”

“ชอบเขาแล้วทำไมไม่วิ่งตามไปล่ะครับ พี่”อีกครั้งที่แขกที่ผมว่าผมไม่ได้เชิญมาพูดทะลวงขึ้นกลางปล้อง “พอเลย ลมหนาว คุณไม่ต้องมองผมด้วยสายตาแบบนั้น ผมพูดจริงนะ ชอบคือชอบ ถ้าชอบเขาแล้วเขาเข้าใจผิด ก็รีบไปแก้ไขความเข้าใจผิดเขาสิ จะมานั่งรออะไร”

“พายุ คุณอย่าเพิ่งขัดจะได้ไหม”น้ำเสียงของหนาวเจือความหงุดหงิดเอาไว้ ทั้งที่ปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่เก็บอารมณ์ได้อย่างแนบเนียนมากกับคนแปลกหน้า “พี่ทิวถามใจตัวเองดูหรือยังครับ... ว่าสรุปแล้ว พี่ทิวชอบใคร”

“...”เป็นคำถามที่ผมไม่รู้จะตอบดีไหม... ผมคิดว่าผมชอบมิน แต่ตอนที่ข้าวมองผมด้วยสายตาที่เจ็บปวดระคนผิดหวัง มันทำให้ผมรู้สึกแย่

“ผมน่ะ เชียร์ให้พี่ชอบกับมินมากกว่าฟางข้าวนะครับ...”อยู่ๆ ลมหนาวก็เปลยขึ้น ทำให้ผมต้องกันไปมองอย่างไม่เข้าใจ “มินมีทุกอย่างที่พร้อมสำหรับการเข้าบ้านพี่ทิว อย่างน้อยก็ไม่ถูกกีดกัน ไม่มีปัญหากับคุณย่าแน่ๆ แต่ถ้าพี่ทิวชอบข้าว ผมก็พร้อมที่จะสนับสนุนพี่นะครับ ขอแค่พี่มีความสุขก็พอแล้ว”

ห้องทั้งห้องเงียบลง คำถามที่ว่าผมชอบข้าวหรือมินลอยวนอยู่ในสมองของผมอย่างนั้น ราวกับว่ามันไม่มีทางออกให้ผมได้กระจ่าง

“พี่ทิว!!!”เสียงของมินดังเข้ามาในโสตประสาท เรียกให้ผมหันไปหาน้องเขา “ผมหาฟางไม่เจอ... พี่ทิวต้องไปตามฟางกลับมานะ... ไปตามกลับมา”

เสียงของมินสั่นเครือ เช่นเดียวกับด้วยตาที่สั่นระริก จากความกลัว ความหวาดหวั่น ความเสียใจ ทุกอย่างประดังประเดอยู่ในแววตาคู่นั้น

“ถ้าฟาง. ถ้าฟางเป็นอะไรไป ผมจะทำยังไง”

ผมผุดลุกขึ้น หยิบของที่จำเป็น แล้วก้าวออกนอกห้องไปตามที่ร่างกายสั่งมา ปล่อยทุกอย่างทิ้งไว้ข้างหลัง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือผมจะต้องหาข้าวให้เจอก่อน

ใช่... ผมต้องหาข้าวให้เจอ

ผม... ควรจะรู้ใจตัวเองได้แล้ว วว่า ‘ใคร’ เป็นคนที่นั่งอยู่กลางใจของผม

ข้าว... รอพี่ก่อนนะ


(ฟางข้าว)

ผมวิ่งออกมาจากห้องที่ผมอยู่กับพี่ทิว กระดดดขึ้นรถมอเตอไซด์ให้วิ่งออกมาอย่างไม่รู้ทิศทาง ก่อนที่ขึ้นรถเมล์โดยไม่ดูสายรถ
ภาพที่พี่ทิวนั่งเบียนกับมิน ใบหน้าที่ใกล้กันจนเกือบจะแนบชิดนั้นติดตาของผม... ผมจะต้องสูญเสียอีกแล้วใช่ไหม ผมต้องเสียใจอีกแล้ว

ทำไม... ทำไมถึงไม่มีใครสักคนที่จะอยู่ข้างกายผม

พ่อกับแม่ก็ทิ้งผมไป ต่อมาไม่นานคุณย่าที่คอยช่วยเหลือก็เสียไปอีกคน... มาวันนี้ ผมก็กำลังจะเสียคนที่ผมรักไปอีกแล้วใช่ไหม...

ทำไมต้องเป็นผมที่สูญเสียอยู่เสมอ

ทำไม... มินต้องทำกับผมแบบนี้

ผมนั่งรถเมล์มาเรื่อยๆ จนมาถึงสวนสาธารณะที่พี่ทิวมักจะพาผมมาเวลาที่พี่เขาว่างจากการขึ้นวอร์ด พี่เขาชอบมาโยนขนมปังให้ปลากิน รอยยิ้มที่อบอุ่นนั้นฉายชัด

ผใทรุดตัวลงนั่งกอดเข่า เหม่อมองไปยังบ่อน้ำใสตรงหน้า

ความอ่อนโยนของพี่ทิวตรึงอยู่ในใจของผม... ไม่ว่าจะยามปกติ หรือบนเตียง

ทั้งที่ผมทำใจมาบ้างแล้ว... แต่ทำไมตอนที่เห็นภาพพวกนั้นกับตา มันถึงเจ็บแบบนี้... สมองมันว่างเปล่า ฉายภาพพวกนั้นซ้ำไปซ้ำมาวนเวียนไม่หยุด

ทำไม... พี่ทิวถึงไม่รักผม

ผมไม่ดี... ผมผิดตรงไหน ถึงไม่สมควรเป็นคนที่ได้รับความรัก

ทั้งที่... คิดว่าเจอคนที่ผมอยากอยู่ด้วยทั้งชีวิต... วางใจฝากชีวิตเอาไว้ในมือของพี่เขา ยอมทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นชายให้พี่เขาชม
หรือเพราะ... ผมมันง่าย ง่ายเหมือนแม่ที่ขายตัวให้กับคนมีเงินเชยชม

ผมคงน่ารังเกียจสินะ...

คงจะเป็นอย่างนั้น

“ร้องไห้ทำไมครับ... ข้าว”เสียงที่คุ้นห๔อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่ความอบอุ่นจะโอบล้อมรอบกายผม “ไม่เอานะครับ ไม่ร้องนะคนดี”

“พี่... ทิว”ทั้งที่ควรจะหัวเราะอยู่กับมิน... ทำไมถึงมาที่นี่ได้...

มาตามผม... หรือเปล่า

หรือแค่ถูกบังคับให้มา...

“ครับ”เสียงตอบรับที่อ่อนโยนนั้นทำให้ใจของผมสั่นไหวอีกครั้ง ผมก้มหน้าลงชิดอก น้ำตาที่เอ่อล้นไหลรินลงมาเงียบๆ ขณะเดียวกันกับที่ผ้าเช็ดหน้าผืนนุ่มนั้นก็เลื่อนมาซับน้ำตาของผมไป “ไหน บอกพี่หน่อยสิครับ ร้องไห้ทำไม เด็กดีของพี่”

“พี่ทิว... ชอบมินใช่ไหมฮะ”ผมกลั้นใจถามออกไป... เพื่อจะตัดใจ

ผมไม่อยากเจ็บอีกแล้ว

ไม่เอาแล้ว

“ใช่... พี่ชอบมิน”น้ำตาของผมไหลพรั่งพรูลงมาอีกอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่เป็นลูกผู้ชายเอาซะเลยฟางข้าว

สุดท้ายผมก็คงเป็นแค่ฟาง... ที่ไร้ค่า

ไม่ใช่ข้าว ที่จะหล่อเลี้ยงชีวิตให้ใคร

“แต่พี่ไม่ได้เลือกมินนี่ครับ”ผมเหลือตาที่พร่ามัวมองใบหน้าหล่อเหลา พี่ทิวยังคงยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน อ้อมแขนของพี่เขายังคงอบอุ่น “พี่เลือกข้าวนะครับ คนดี”

“พี่ทิวหมายถึง...”

“พี่ไม่ทิ้งข้าวไปไหนหรอกครับ”อ้อมกอดของพี่ทิวโอบรัดร่างของผมแน่นขึ้น ดวงตาที่จ้องมองมานั้นสะท้อนเงาของผม “ข้าวเป็นครอบครัวของพี่... พี่จะทิ้วข้าวไปได้ยังไงกัน”

ผม... ที่เป็นผม

“สัญญา... นะฮะ”

“พี่สัญญา”

สัญญาของพี่ทิว... ผมเชื่อเสมอ

“เรากลับบ้านกันเถอะนะ”

“ฮะ”

พี่ทิวกุมมือผมอย่างอ่อนโยน แล้วพอผมกลับไปที่บ้าน

บ้านของพวกเรา... นับตั้งแต่วันนี้ ผมคงพูดได้อย่างเต็มปากแล้ว

ใครหลายคนอาจจะคิดว่าผมโง่ เชื่อลมปากคน... แต่จะมีใครสักคนรู้ดีไปหว่าผม...

รู้... ถึงสายตาที่เปลี่ยนไปของพี่ทิวที่มองมา

จากสายตาที่มองมาอย่างเอ็นดู ได้เปลี่ยนเป็นสายตาที่บอกถึงความรักความห่วงใย

ไม่ต้องบอกว่ารัก... แต่ขอให้อยู่ด้วยกันต่อไปแบบนี้

ผมก็พอใจแล้วล่ะครับ

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

มาต่อแล้วค้าา // หายตัวนานอีกแล้ว แหะๆ ขอโทษด้วยค่ะ

อีกนิดๆ จะจบแล้ว ตอนต่อไปเป็นคู่คีตากิต(ตอนจบของคู่นี้) แล้วจะต่อพายุลมหนาวไปยาวเลยค้า

เย้ๆ

แล้วเจอกัน... วันศุกร์ค่ะ ^^ :mew3:

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด