วันที่สามสิบหก
(คีตา)
หลังจากที่พี่กิตได้เห็นพี่น้ำฝนในสภาพของสาวเปรี้ยวที่นั่งอ้าขาให้กับผู้ชายอีกคนในวันนั้นและเลิกกันจนเป็นที่โจษจันในมหาลัย พี่เขาก็เก็บตัวเงียบ มาเรียน กลับหอ ไม่ออกมาเฮฮากับเพื่อนอย่างเคย
ระยะทำใจ... คงจำกัดความได้เท่านี้
ตัวผมเองก็ได้แต่แอบมองพี่เขา เอาน้ำ เอาขนมไปแขวนไว้หน้าประตูห้องพร้อมโน้ตให้กำลังใจแผ่นเล็ก ๆ หวังให้พี่เขากลับมายิ้มได้ในเร็ววัน
ส่วนพี่น้ำฝน ดูจะไม่แคร์กับการเลิกกับพี่กิตนัก เธอยังยิ้ม ยังหัวเราะและควงหนุ่มคนใหม่ได้ในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งไม่เป็นที่แปลกใจของหลายคนนัก
ต่างคนต่างความคิด ผมเองก็ได้แต่ปล่อยไปกับเสียงลือด้านลบที่ออกมาโวยวายพี่กิต... ในเมื่อพี่เขาเองยังไม่ใส่ใจ ผมจะไปเสือกก็ใช่ที่
เมื่อเรา... ไม่ได้เป็น... อะไรกัน
ท่องไว้ไอ้คี เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ก็แค่คนที่แอบรักข้างเดียว อย่าหวังสูงไป ตกลงมาจะเจ็บเกินกว่าจะรับไหวเอานะ อย่าถลำลึกลงไปมากกว่านี้
ตัดใจก่อนที่จะเสียใจเกินกว่าจะทำใจได้ดีกว่า
อาจจะเป็นโชคดีอย่างนึงที่มีน้อยนิดในปีนี้นะฮะ ที่หลังจากความจริงกระจ่างไม่นานมรสุมไฟนอลก็พัดเข้ามา... หรือมันจะโชคร้ายกันแน่นะ
ผมเหลือบมองร่างที่ผ่ายผอมลงจนเหมือนจะปลิวลมไปได้ทุกเมื่อของพี่กิตแล้วเจ็บในใจ คนดีๆ อย่างพี่เขาทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ทั้งที่พี่เขาทำดีทุกอยาก เอาใจใส่ ดูแล แต่ทำไมคนที่พี่เขารักถึงต้องทรยศต่อความรักของพี่เขาแบบนี้
คนเลือดเย็น!
ผมได้แต่หวังว่าพี่เขาดีกลับมายิ้มได้ในเร็ววัน... แต่ก่อนหน้านั้น
ขอผมเอาตัวรอดจากไฟนอลที่ร้ายนี่ก่อนดีกว่า เรียนเอาถ้วย สอบเอาโล่ ข้อสอบครอบจักรวาลเรียนมาเท่าหางอึ่ง จะรอดไหมวะเนี่ยยย
สาธุ แนวพี่เกดช่วยลูกหมีด้วย
แต่.. พี่เกดเคยบอกว่าก่อนสอบ อันดับแรกที่ต้องทำคือไปบนก่อน ค่อยมาเปิดหนังสืออ่าน เรียงให้ดี ไฮไลท์ไม่ต้องขีด มันมาทั้งหน้านั่นแหละ วงๆที่คิดว่าโดนเอาไว้ แล้วลุยเลย หมาแมวมาแน่
แล้วถ้าอยากได้นกกับมดผมต้องทำไงล่ะเนี่ย พี่เทคผมแม่ง สมาคมคนรักสัตว์สี่ขาชัดๆ
ผมงมอ่านหนังสือไป แต่ไม่ลืมเอาของกินอร่อยๆ ไปแขวนหน้าห้องพี่กิตเช้าเย็นหรอกนะฮะ ทำไงได้ล่ะ คนมันกลัวพี่เขาอดนิ แค่นี้ก็ซูบลงไปเยอะแล้ว
เช้าไปสอบ บ่ายถึงดึกอ่านหนังสือ งีบสักนิดแล้วลุกขึ้นมาอ่านต่อ นี่คือกิจวัตรของนักศึกษาไฟนอล แต่ก็ยังดีกว่าต้องทำงานส่งแบบคะแนนขึ้นอยู่กับความติสของอาจารย์ล่ะนะฮะ
พี่เทค ลุงเทคผมนี่ตาโหลกันสุดๆ ถือกาแฟคู่ตำราเดินลากขากันทุกวัน เทคนิคต้องอดทน เชื้อมาชนต้องไม่ตาย นี่ขนาดผมยังไม่เข้าวิชาคณะยังจะตายแหล่มิแหล่
แล้วเข้าวิชาคณะจะตายห่าขนาดไหนวะ
บ่นไปเพื่อระบาย แต่สมองก็ยังต้องทำงานต่อไป ไม่มีใครอยากจะติดเอฟตั้งแต่เทอมแรกหรอกจริงมะ เพราะงั้นขยันเข้าไว้แล้วจะดีเอง
ลุ่มๆ ดอนๆ มาจนถึงวันสุดท้ายของการสอบ สมองผมจะระเบิดเป็นโกโก้ครันซ์แล้วเหลือแต่ฟางข้าวเอาไว้ ถึงจะทรุด จะโทรมกันมาขนาดนี้ แต่ทำไมพวกผู้หญิงยังมีอารมณ์มาตบแป้ง ทาปาก เขียนคิ้ว ปัดแก้มกันอีกวะ
เทพสัส
"รอดแล้วโว้ยยย"ทะเลมันก้าวออกจากห้องสอบปุ๊ป ส่งเสียงลั่นไม่เกรงใจอาจารย์ทันที แต่อาจารย์แกคงชินละ ไม่ใช่มันคนแรกนี่หว่า หลายคนรวมทั้งผมด้วย ฮาา "แบบนี้ต้องฉลองงง"
"ไม่มีตังค์ จบ"ตัดบทก่อนที่มันจะชวนไปไหน เงินผมแทบจะติดลบแล้ว ก็นะซื้อข้าวซื้อน้ำให้พี่กิตทุกวันจะเดือนนึงแล้วนี่... แต่มันก็คุ้มนะฮะ พี่เขาเริ่มยิ้มได้ เริ่มสดใส เงินพวกนั้นถือว่าชิวๆ
"โหยยยยย"เสียงโหยหวนของเพื่อนเลดังขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะขบขันจากเพื่อนคนอื่น สมน้ำหน้า รู้ทั้งรู้ว่าผมเอาเงินไปทำอะไรหมดแท้ๆ
"ไปสิคะ คี เดี๋ยวแกรนด์เลี้ยงเอง"เสียงหลานของผู้หญิงที่หายไปจากสารระบบชีวิตผมพักใหญ่ จนแทบจะหายไปจากความทรงจำว่ามีผู้หญิงคนนี้วนเวียนอยู่ด้วย
"ไม่ดีมั้งครับ"ผมยิ้มการค้าให้กับสาวต่างคณะที่พี่เทคผมเบ้หน้าใส่รัวๆ "ผมเป็นผู้ชาย จะให้ผู้หญิงมาเลี้ยงได้ไง จริงไหมครับแกรนด์"
"ไม่เห็นต้องเกรงใจเลยค่ะ คี นี่ไม่ใช่ยุคที่ผู้ชายต้องเลี้ยงเลดี้สักหน่อย"แม่คุณยิ้มนางแมวมาให้ผม สยองยังไงพิกลๆ แหะ “นะคะ ไปนะ”
ผมยิ้มเฝื่อน ใจนึงก็อยากไปเที่ยวกับเพื่อนนะ แต่อีกใจผมไม่อยากไปกับผู้หญิงตรงหน้านี้... หรือผมควรจะใช้บริการพิเศษจากพี่ตัวกลมของผมดีวะ
“คีจะไปเที่ยวเหรอ”เสียงเบาๆ แว่วมาจากข้างหลัง เสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมต้องหันไปหาโดยอัตโนมัติ “ไปสิคี เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ยังไม่ได้ขอบคุณเรื่องวันนั้นเลย”
พูดถึงวันนั้นพี่กิตก็ทำหน้าเศร้า เพื่อนๆ ของพี่เขาตบบ่าให้กำลังใจ พี่กิตยิ้มรับกำลังใจเหล่านั้น สีหน้าก็ดูสดชื่นขึ้นเยอะเลย
ดีแล้ว ที่ยิ้มได้
“จะไปดื่มกันอีกแล้วเหรอ”เสียงเย็นๆ ดังขึ้นมาให้เสียวสันหลัง จะมีสักกี่คนที่มีลักษณะเหมือนชื่อได้เท่านี้... ต้องบอกไหมครับว่าใคร “จะทำอะไรดูแลตัวเองกันด้วยนะ”
“คร้าบบบ”ผมกับเพื่อนตอบรับกัน พี่หนาวส่ายหน้าน้อยๆ แล้วก้าวออกไป ผมมองตามไปเห็นข้างหน้า พี่พายุยืนอยู่ หลังๆ มานี้ผมเห็นพี่สองคนอยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นนะเนี่ย
ไม่ค่อยกัดกันแล้วด้วย
“เดี๋ยวผมจ่ายเองก็ได้ครับพี่กิต”คนอื่นชวนให้ตายผมก็ปฏิเสธได้หมด...แต่ยกเว้นไว้คนนึง คนเดียวเลย
พี่กินทำปากยู่มองหน้าผม แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
“งั้นเจอกันตอนหกโมงครึ่งนะ เดี๋ยวไปพร้อมกัน... ทุกคนเลย”
“ครับ/ค่ะ”... ลืมไปเลยว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญอยู่ด้วย
และแน่นอน... เมื่อมีประสงค์จะเรียนเชิญ ผมก็ต้องส่งสัญญาณSOS ไปหาพี่เทคที่ไม่แน่ใจว่ากลับไปนอนอืดแล้วหรือยัง... จากสเตตัสโดนเชือดหน้าเฟสบุ๊ค
คำตอบของพี่เขาก็มีอย่างเดียวนั่นล่ะ
‘เออ ไว้เจอกัน’
พี่เทคผมน่ารักใช่ไหมล่ะ
หลังจากนอนไปงีบนึง ผมก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปท่องราตรี เงินเหลือไม่เยอะ แต่เดี๋ยวก็เข้าใหญ่แล้ว ปิดเทอมเดือนนึงนี้ผมไม่ได้กลับบ้าน กลับไปก็เท่านั้นแหละ จะให้ไปเป็นส่วนเกินในครอบครัวใหม่ สู้ให้ผมอยู่คนเดียวดีกว่ากันเยอะ
ทะเลมายืนรอก่อนแล้วคนแรก ใกล้ๆ มียิปโซกับนนท์นั่งอยู่บนฟุตบาท ผมมาถึงคนที่สี่ ผ่านไปสักพัก สาวต่างคณะอย่างแกรนด์ก็เดินมา หน้าเธอจัดเต็มมาก... แล้วพี่กิตกับพี่บิ๊กก็ตามมาถึง
“พี่เกดไม่ไปเหรอวะ?”ไอ้เลหันมาถามผม เมื่อพวกเราเดินออกจากโรงอาหารไปขึ้นรถกัน “หรือไม่ได้ชวน?”
“ไปเจอกันที่ร้าน พี่เขามีรถนะมึง”ทะเลทำหน้าถึงบ้างอ้อ พี่แกทำตัวติดดินจนจะจมดิน ทำให้หลายคนคงลืมไปว่าพี่เกดกับเพื่อนพี่เขามีฐานะอยู่
ถึงจะขี้งกไปหน่อยก็เถอะ
พอพวกผมไปถึงร้าน ก็เจอพี่เกดกับพี่ป๊อปนั่งเล่นหมากรุกกันอยู่ ไม่รู้จะติสกันไปไหน เอาหมากรุกเข้ามาเล่นกันในผับเนี่ยนะ
“มากันแล้วเหรอ”พี่เกดถามขึ้น เมื่อพวกเรานั่งลงที่โต๊ะ “สั่งกันเองนะ”
ผมนั่งข้างพี่กิต อีกข้างเป็นทะเล ส่วนยิปโซกับแกรนด์นั่งด้วยกัน เราสั่งกับแกล้มกับเบียร์มาจิบกันเบาๆ ก่อน เดี๋ยวจะเมากันตั้งแต่หัวค่ำมันจะไม่สนุกเอา
พอเริ่มดึกหน่อย บรรยากาศในผับก็เริ่มคึกคัก คนในโต๊ะเราออกไปยักย้ายส่ายเอวกันแล้ว พี่กิตยังนั่งจิ๊บเบียร์อยู่ข้างผมเหมือนเดิม พี่เขายังคงดูเศร้าๆ อยู่
แต่นั่นล่ะนะ เวลาจะเป็นเครื่องช่วยเยียวยาหัวใจเอง
ผมนั่งอยู่ได้อีกพักนึง ก็มีสาวใจกล้าคนหนึ่งมาลากออกไปเต้น ไม่รู้ว่าด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ซึมเข้ากระแสเลือด ทำให้ผมยอมเต้นไปกับพวกเธอ
เต้นอยู่สักพัก แกรนด์ที่ออกมาเต้นคนแรกของโต๊ะก็เดินยิ้มตาเยิ้มเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับแก้วเหล้า เธอยื่นให้ผมดื่ม วันนี้มาเพื่อเมา เอ้า ดื่มสิรออะไร
ยิ่งดึกยิ่งคึก ผมรู้สึกร้อนเลยเดินกลับไปนั่งที่โซฟา พี่กิตกันมามองผม มองทำไมกัน ยิ่งมอง เหมือนยิ่งให้ความหวังผม มันเจ็บนะ
แต่นอกเหนือจากความหน่วงในใจ กับสติที่เริ่มมึนๆ ทำไมตัวมันร้อนๆ อย่างนี้วะ
ร้อน... ข้างล่างด้วย
ผมกระดกเหล้าเข้าไปหลายแก้ว ไม่รู้อะไรแล้วทั้งนั้น ร้อนโว้ย
“คี... หน้าแกแดงนะ”พี่เกดเดินเข้ามาดูผม พี่ทำไมพี่เกดมีสองคนหว่า ไม่ดิ มีคนเดียวนี่หว่า สติผมชักจะเลือนแล้วดิ “เมาแล้วใช่ไหม”
“ไม่ ผมไม่ได้เมาสักหน่อย แค่มึนๆ เฉยๆ เองงง”ผมปฏิเสธทันที ก็ไม่ได้เมาจริงๆ นี่น่า แค่ร้อน... และร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“นี่... แกไปรับแก้วเหล้าจากคนแปลกหน้ามากินเปล่าเนี่ย”พี่เกดหรี่ตาลงมองอย่างจับผิด ผมเลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งให้พี่เขาไป “แม่ง อย่าทำตัวใสซื่อดิวะ ไปรับมากินได้ไง”
“เดี๋ยวเราพาคีกลับก่อนก็ได้เกด น้องเขาคงไม่ไหวแล้ว... เกดดูน้องที่เหลือได้เปล่า”พี่กิตลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วยื่นมือมาจับตัวผมไว้ “ไปครับคี กลับกันเถอะ”
ผมลุกขึ้นแบบเซๆ ตามพี่เขาไปต้อยๆ อา... ทำไมตรงที่มือพี่กิตจับมันร้อนวูบวาบจังนะ
“หวังว่าจะไม่โดนยานะ...”เกดที่มองตามไปอดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ และเป็นคำที่ไม่มีใครได้ยิน...
(กิต)
สวัสดีครับทุกคน เราไม่เคยเจอกันเลย ผมกิตนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ แต่ตอนนี้ผมคงต้องพาเด็กโข่งกลับไปที่หอก่อนล่ะครับ
ผมพาน้องคีขึ้นแท็กซี่กลับมาที่หอ ตลอดทางน้องเขาขยับตัวยุกยิกเหมือนว่ากำลังอึดอัด แต่ก็ไม่น่าจะอึดอัดนะครับ น้องก็ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ธรรมดา
เราใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงหอ ผมพยุงพาคีขึ้นไปบนห้องผม วันนี้คงต้องให้น้องนอนที่ห้องด้วยกันไปก่อน จะให้ผมเอาน้องไปส่งห้อง ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าห้องน้องคีอยู่ไหน
“คีครับ นอนดีๆ เร็ว”ผมลากน้องขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆ แล้วสักพักก็กลิ้งลงมานอนที่พื้นอีก เด็กดื้อคนนี้นิ “ขึ้นไปนอนดีๆ สิครับ”
“อืออ พี่กิต พี่กิต”น้องพึมพำชื่อผมไม่หยุด ไม่พอดึงตัวผมลงไปกอดเอาไว้อีก อะไรของเขากันครับ “พี่กิตตัวนุ่มจังเลย... อา... ไม่สิ พี่กิตน่ะนะจะให้ผมกอด ฮ่าๆ”
“คี พูดอะไรน่ะ”ผมมองน้องที่กอดผมอยู่อย่างไม่เข้าใจ
“ฮ่าๆ บอกก็ได้ๆ นี่เห็นว่าเหมือนพี่กิตนะเนี่ยยยยย”น้องคียิ้มหวานแล้วกอดผมแน่นขึ้น พร้อมกับพลิกกายขึ้นข้างบนตัวผม “ผมชอบพี่กิต ชอบ ชอบ ชอบ ชอบมากกก แต่บอกไม่ได้ อยากกอด อยากจูบ อยากกด อยากดูแล แต่ก็ได้แค่คิดดด คิดต่อไป ทำได้อยู่แค่นั้นแหละ ฮ่าๆ ถ้าทำอย่างที่ใจอยากทำ มันคงทำให้พี่กิตเสียใจ”
น้ำตาของคีหยดลงที่หน้าของผม น้องเม้มปากแน่น ก่อนจะฉีกยิ้มขื่น
“ร้อน...”น้องคีพึมพำเบา ๆ ก่อนจะผละออกไปจากตัวผมแล้วถอดเสื้อออก “อื้ออ ทำไมมันร้อนอย่างนี้”
จะมีสักกี่คนที่เมาแล้วยังพูดได้เป็นคำๆ ฟังรู้เรื่องอย่างคนตรงหน้าผม... คีตาถอนเสื้อผ้าตัวเอกออกจนเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวใน... ทำให้ผมเห็นอะไรบางอย่าง
“พี่ว่า... พี่ควรจะไปอาบน้ำ...”ผมก้มหน้าลงปิดบังแก้มที่แดงเรื่อ ก็คีน้อยเล่นโด่ออกมาชัดซะขนาดนั้น ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกัน ใช่ว่าผมจะไม่เขินนี่ครับ
“อื้ออ ไม่ให้ไป”คีทิ้งตัวลงมาทับผม ใบหน้าของน้องซุกไซร้ที่ซอกคอผมว่าสถานการณ์มันไม่ดีแล้ว... ไม่ดีแน่ๆ “หอมจังเลย”
“ปล่อย... ปล่อยพี่นะคี”ผมพยายามผลักเอาตัวของคีออก แต่แรงของคนเมาอย่างน้องทำไมถึงมากกว่าคนสติดีอย่างผมก็ไม่รู้... ผิดเองแหละครับที่ไม่ค่อยเล่นกีฬาน่ะ
“ไม่ปล่อย ไม่ปล่อย”
“ไม่เอานะคี”ผมร้องเสียงหลงเมื่อมือร้อนที่ซุกซนนั้นเลื้อยเข้ามาในเสื้อของผม “หยุดนะคี หยุดเดี๋ยวนี้เลย”
“อื้ออ”คีร้องออกมาอย่างหงุดหงิน ก่อนจะกระชากดึงเสื้อผมออก
ผลั่ก
ผมถีบหน้าท้องแข็งของน้องปีหนึ่งคนสนิทไปเต็มแรง ทำเอาคีกระเด็นตกเตียงไป ค่อยยังชั่วหน่อย... หรือเปล่านะ
ก็แทนที่คีตาจะหยุดทำอะไรผม แต่เหมือนจะไปเติมเชื้อเพลิงให้โหมขึ้น น้องเลยดีดตัวขึ้นมาคล่อมผมอีกรอบ แล้วกระชากเอาทั้งกางเกงและบ็อกเซอร์ของผมออกไปรวมเดียว
“คี อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนของเดือนปีหนึ่ง แต่นอกจากน้องจะไม่ปล่อยผมแล้ว พอผมทุบไปที่บ่าแข็ง มันก็เอาเข็มขัดกางเกงของตัวเองที่ถอดทิ้งไว้มามัดมือทั้งสองข้างของผมไว้กับหัวเตียงแทน
“พี่กิตต ผมชอบพี่นะ ชอบมาก พี่อย่าเสียใจเรื่องพี่น้ำฝนนะ”คำที่แว่วเข้าหูทำผมชะงักไปมองคนที่พรมจูบที่แผ่นอก ลากลงไปที่หน้าท้องผม “ผมเห็นพี่เจ็บแล้วผมเจ็บยิ่งว่าอีก... ผมจะทำให้พี่มีความสุขนะ”
บางที... ผมคงเป็นคนที่ความรู้สึกช้าจนทำร้ายจิตใจของน้องชายคนนี้ไปไม่น้อย... แต่ทำไมพอได้ยินแบบนี้แล้วถึงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจก็ไม่รู้สิครับ
“โอ้ย คี พี่เจ็บ”ยังไม่ทันที่จะได้ซึบซับความอบอุ่นนั้นอย่างเต็มที่ ความเจ็บก็แล่นแปรบขึ้นมาทั่วตัว ผมหลุบมองขึ้นไปตามสะโพงที่ถูกยกขึ้นเห็นนิ้วเรียวของคีล้วงเข้าไปในร่างของผม “ไม่เอานะคี หยุดนะ”
ผมพยายามดิ้นอีกครั้ง พยายามถีบอกของน้อง แต่มันก็ยิ่งเหมือนตัวเร่งเวลา
คีดึงนิ้วออกจากตัวผมไป ก่อจที่จะยกตัวขึ้น ดึงรั้งบ็อกเซอร์ตัวเองออก จับขาของผมที่ถีบตัวเขาไม่หยุดให้แหกกว้าง ก่อนจะดันคีน้อยเข้ามาทางข้างหลังของผม
“โอ้ย ไม่ หยุดนะคี”ความเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนแรกแล่นขึ้นมาทั่วทุกประสาทสัมผัส เหมือนตัวผมถูกฉีกเป็นชิ้นๆ “ฮึก ไม่เอา ไม่...”
คำของผมคงไปไม่ถึงหูของคนตรงหน้า เมื่อคีตาเลื่อนมือมากุมสะโพกผมไว้ แล้วดันตัวเข้ามาลึกเรื่อยๆ อย่างดื้อดึง ผมรู้ได้เลยว่าปากทางของลำไว้ตรงของผมฉีกขาด
เจ็บจนชา...
พอเข้ามาสุดแล้ว น้องเขาก็โน้มตัวลงมาจูบผม ดวงตาที่มองตรงมาฉายชัดถึงใบหน้าผม ความลุ่มหลงที่น้องมอบให้ ผมไม่รู้แล้วว่าตอนนี้คีตากำลังเมา หรือว่าได้สติ
แต่ที่รู้... คืออ้อมแขนของน้องมันอบอุ่นมาก รสจูบที่เขามอบให้ก็หวานมากเช่นกัน
เมื่อผมเริ่มปรับตัวได้ สะโพกตึงที่นิ่งอยู่ก็ขยับออก ความอุ่นร้อนที่แทรกในตัวมันขยับไปตามจังหวะการกระทบกันของผิวเนื้อ
ความเจ็บ... เปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน
“อา... พี่กิต พี่กิตของผม”เสียงที่เรียกชื่อผมดังก้องเข้าไปถึงในหัวใจ ไม่ว่าคีจะมีสติไหม แต่ชื่อที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางก็เป็นชื่อผม
ชื่อของผมที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจของเขา
ผมยอมอ้าขาให้น้องกระทำชำเราอย่างเต็มใจ ถึงจะขัดขืนในตอนแรก... แต่ตอนนี้ผมเต็มใจ
เต็มใจที่เป็นหนึ่งเดียวกับเขา
คีจูบผมซ้ำๆ แรงกระแทกที่ช่วงล่างนั้นหนักหน่วงขึ้น มือหยาบร้อนกุมส่วนอ่อนไหวของผมเอาไว้แล้วขยับขึ้นลง
“อ๊ะ อ้า... คี... คีตา”ผมครางออกมาเสียงแผ่ว ความร้อนในร่างกายวูบลงไปรวมกันอยู่ที่ท่อนเนื้อในมือของชายที่กำลังกุมมันไว้
น้ำสีขุ่นพุ่งออกมาจากส่วนปลาย พร้อมๆความความรู้สึกอุ่นร้อยที่คั่งเข้ามาในท้องน้อยของผม... คีตาปล่อยน้ำอสุจิเข้ามาในตัวของผม
เสียงหอบของเราสองคนประสานกันในห้อง ความเหนื่อยล้าทำเอาผมง่วงงุน คีปลดเข็มขัดที่พันธนาการมือผมออกไป แต่ยังไม่ทันที่จะได้ปิดเปลือกตาลง ร่างของผมก็ถูกพลิกหันหลัง
“อื้ออออ”ท่อนเนื้อร้อนจัดแทงเข้ามาในตัวผมอีกครั้งรวดเดียวมิด คีจับสะโพกผมเอาไว้แน่นแล้วกระแทกเข้ามาซ้ำๆ ปากก็ครางชื่อผมก้อง
คำคืนแรกของผมมันยาวนาน... ในตัวผมเต็มไปด้วยน้ำคาวขุ่นของใครอีกคนจนกักเก็บไว้ไม่ไหว ไหลเลอะออกมาปนกับเลือด
ทั้งที่เพิ่งหลับตาลงไปได้สักพัก แต่แล้วก็ถูกรุกรานอีกครั้ง... และอีกครั้ง
ถึงจะเมา... แต่ตามทฤษฎีก็ไม่น่ามีความต้องการมากขนาดนี้...
ยกเว้นแต่...
คีตาโดนยาปลุก... สะโพกผมคงพังก่อนกิจกรรมเข้าจังหวะคราวนี้จะจบลง
+++++++++++++++++++++
มึนมากค่ะ ฮ่าา มึน เขียนไปมึนไป
มาอัพไวกว่าเดิมหน่อย... อาทิตย์ละตอน ^^"
ไว้พบกันตอนหน้า ปันปันค้า