#ญอผู้หญิงโศกา
ตอนที่ 07
ความจริงที่ไม่อยากยอมรับ
( เชี่ยเท็น มึงเป็นปะเนี่ย ไล่ฆ่าตัวที่วิ่งหนีจนเพื่อนตายในดงตีนแบบนี้มึงจะเล่นแทงค์ไปเพื่อ กูถามก่อน? )
( ธีร์มึงใจเย็นก่อน เกมหน้าเอาใหม่ได้ )
( เกมนี้เล่นกันเป็นทีม หน้าที่ไหนก็ทำแค่นั้น ไม่ใช่เล่นแทงค์แต่เสือกบ้า Kill ไม่สนห่าเหวว่ารูปเกมจะเป็นยังไง ถ้ามึงอยากฆ่าเยอะ ๆ ก็ไปเล่น –apem* กับพวกนูปนะจะได้จบ )
*-apem ใน DotA1 เป็นโหมดที่เล่นง่ายมาก เงินจะขึ้นวิละ 1 แต่ถ้าเป็นโหมด -apem เงินจะเพิ่มทีละ 2 และรูปแบบการเล่นจะดูง่ายกว่าเป็นไหน ๆ ผู้เล่นส่วนใหญ่จะมองเหยียดว่าคนที่เล่นโหมดนี้จะมีแต่ Noob บางคนเห็นรูปเกมจะแก้ก็กดออกเกมได้ง่าย ๆ ไม่มีสปิริตอย่างกลุ่มคนที่เล่นโหมด ap only“มันก็แค่เกมปะมึงจะซีเรียสอะไรนักหนา?” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วตอบโต้ทางโปรแกรม TeamSpeak อย่างเหลืออด พักหลังไอ้ธีร์ด่าเขาบ่อยเกินไปแล้ว ไม่รู้จะซีเรียสอะไรนักหนา
( เป็นคนทำทีมฉิบหายก็พูดได้ดิว่าแค่เกม )
“กูไม่อยากแทงค์อย่างเดียว กูอยากฆ่าบ้างมันผิดมากเลยเหรอวะ?” สุดท้ายก็พูดในสิ่งที่ไม่อยากพูด เท็นรู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากอีกฝ่ายรับรู้ความในใจ แต่แล้วอย่างไร เขาเหนื่อยเกินกว่าจะทำเป็นพอใจกับตำแหน่งรับมือรับตีนเพื่อให้ไอ้ธีร์ฆ่าทำสกอร์สวย ๆ ไว้ขิงแล้ว
ใช่สิ เล่นตัวเลทเกมก็ต้องสนุกอยู่แล้ว ทั้งได้ฆ่า ได้ฟาร์ม ถ้าไม่มีเพื่อนคอยซัพพอร์ทมีหรือตำแหน่งมันจะลืมตาอ้าปากได้ หน้าที่เท็นมีอะไร? เข้าไปรับดาเมจทุกอย่างแทนเพื่อนแล้วก็ตายไป มันไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลย
( ธีร์ มึงยังไม่อาบน้ำไม่ใช่เหรอ ไปอาบไปจะได้มาเล่นกันต่อ )
รู้ว่าพี่ตั้บคงอยากห้ามทัพ แต่ถ้าใครอยากเล่นต่อก็เชิญนั่งรอพระเจ้าอาบน้ำเสร็จไปเถอะ วันนี้มันจบแล้ว เขาไม่อยากหัวร้อนเพราะความประสาทแดกของไอ้เวรนั่นอีก
เท็นถอดหูฟังพร้อมเขวี้ยงลงพื้นอย่างหัวเสีย เป็นอีกค่ำคืนที่จบอย่างห่วยแตกเพราะคน ๆ หนึ่งถนัดเรื่องทำให้วันดี ๆ ของชาวบ้านกลายเป็นอย่างนี้ เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียง นอนมองเพดานโง่ ๆ กับโทสะที่ยังคงคุกรุ่นไม่จางหาย
‘ตอนนี้ไอ้แจ็คทำอะไรอยู่?’
นั่นคือคำถามที่เป็นเชื้อเพลิงปะทุไฟให้โหมขึ้น ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ไอ้เวรนั่นห่างออกไปไกลขนาดนี้ ติดแฟนมากไหม ต้องอยู่คุยโทรศัพท์กุ๊กกิ๊กกันก่อนนอนจนเรื่องเพื่อนก็ช่างหัวมันหรือไง ทำไมถึงปล่อยให้ไอ้ธีร์ทำตัวประสาทแดกใส่เขาไม่หยุด
คว้าเอาโน้ตบุ๊กที่อยู่ข้างเตียงมาเปิดดูเว็บบอร์ดโรงเรียนเพื่อหากระทู้ของเด็กสาวที่เพ้อถึงตัวเขา อย่างน้อยสิ่งเหล่านั้นก็ทำให้ไอ้ขี้แพ้คนหนึ่งมีแรงฮึดขึ้นมาได้ ยอมรับว่าเมื่อก่อนไม่เคยสนใจกระทั่งได้รับสิ่งเหล่านั้น แต่กระทู้ติดท็อปก็ยังคงเป็นของคนเหี้ย ๆ ที่คิดว่าตัวเองดีเลิศไปเสียทุกอย่าง
‘ชมรมคนรักพี่ธีร์ห้อง 81 เชิญมาแชร์ความน่ารักของพี่เค้าในกระทู้นี้กันค่า >_<’
‘พี่ธีร์ห้อง 81 กับพี่จ๋าห้อง 941 เป็นอะไรกันหรือเปล่าคะ?’
‘รวมรูปพี่ธีร์ห้อง 81 เท่าที่หามาได้ (ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันเลยค่ะ ^^)’
‘ถ้าเราเขียนฟิคพี่ธีร์ x พี่แจ็ค 81 จะมีคนอ่านไหมคะ ;_;’
‘พี่ธีร์ 81 ชอบคนแบบไหนเหรอคะ?’
อ่านแค่ชื่อกระทู้ก็แค่นหัวเราะแล้ว คนเหล่านั้นหลงรูปลักษณ์ภายนอกของไอ้เวรนั่นโดยไม่รู้เลยว่าความจริงไอ้ธีร์มันทุเรศแค่ไหน ก็แค่ผู้ชายหน้าตาดีที่วัลลาบีอยากมีซีนกับทุกเรื่องจนได้รับความสนใจจากคนรอบด้าน ขี้เก๊กก็ที่หนึ่ง ไม่รู้ชอบเข้าไปได้อย่างไร
‘ไดอารี่ของฉัน... ถึงพี่เท็นห้อง 81’
หนึ่งในกระทู้ที่ไม่ได้ฮอตนัก แต่ก็มีคนเข้าไปอ่านและคอมเมนต์ให้กำลังใจ เท็นไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครและก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย คิดว่าแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว เธอคนนั้นเป็นแฟนคลับที่เพ้อฝันจนทำให้เขาเป็นที่รู้จัก ซึ่งมันโคตรจะย้อนแย้งและน่าสมเพชสิ้นดีกับความคิดแบบนี้ ทั้งที่เพิ่งด่าไอ้ธีร์จนเสียหมา แต่เขากลับอยากพาตัวเองให้ไปอยู่ในจุดเดียวกัน เพราะอยากรู้สึกดีกับการเอาชนะอีกฝ่าย
มันสะสมมานานแค่ไหนแล้ว ถึงไอ้ธีร์จะมีมุมดี ๆ แต่มันก็น้อยกว่าเรื่องชั่ว ๆ นัก ทั้งชอบพูดจาหมาไม่แดก เล่นไม่รู้จักกาละเทศ ทำร้ายจิตใจเพื่อนก็เก่งที่หนึ่ง ขี้หัวร้อน ไหนจะเรื่องหักหน้า ถึงเพื่อน ๆ จะบอกว่ามันไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ แต่แทนที่จะบอกให้เขาพยายามเข้าใจความเหี้ยของคน ก็ควรเอาเวลาและน้ำลายไปสั่งสอนให้ไอ้ธีร์ปรับปรุงตัวเองดีกว่าไหม?
‘เด็ก’
รู้ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ถ้าก่อนหน้านี้ได้ใช้ชีวิตอย่างปกติแบบที่มีไอ้แจ็คคอยตบกะโหลกปลอบใจว่า ‘ไอ้ธีร์มันก็ปัญญาอ่อน จะเอาอะไรกับมัน?’ เพียงเท่านั้นเท็นก็คงไม่พาตัวเองไปอยู่สุดขอบทางลงเหว เขาไม่อยากเป็นคนในแบบที่ตัวเองไม่ชอบ แต่ถ้าไอ้เวรนั่นหัดพูดดี ๆ บ้าง มีหรือปีศาจที่หลับมาตลอดจะตื่นขึ้นมาคิดเรื่องแย่ ๆ
ก็รู้ว่ามะรืนจะลงแข่งครั้งแรกในชีวิต ถ้าเขาทำหน้าที่ผิดตำแหน่งก็แค่บอกเตือนกันอย่างใจเย็นมันยากนักหรือไง โอเค ไอ้ธีร์บอกแล้ว แต่ขอฆ่าตัวเดียวมันไม่ได้เลยใช่ไหม ตอนนี้ก็แค่ซ้อม ถ้าเป็นสนามจริงจะไม่ว่าอะไรเลย
RRRRrrrrrrrrrrr!!!!เสียงโทรศัพท์ทำให้ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ถึงจะโกรธอยู่แต่เท็นก็คาดหวังว่าจะได้ยินคำแก้ตัวดี ๆ จากไอ้แจ็ค แต่เขาก็ต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะคนที่โทรมากลับเป็นไอ้นาย
“อืม”
( ยังหัวร้อนอยู่สินะ อยากระบายไหม? )
คนที่ควรถามแบบนี้มันอยู่ส่วนไหนของโลก หลังจากสิ้นสุดคำถาม เท็นได้แต่นั่งนิ่ง ๆ บนเตียงพลางทอดสายตาไปยังผนังเบื้องหน้ากับความน้อยใจที่อยู่ ๆ ก็พุ่งสูงติดเพดานเพราะขยี้จุดอ่อนตัวเอง
“ไม่ล่ะ”
( เมื่อก่อนไอ้ธีร์เคยเป็นคนห้ามทัพเวลาพวกไอ้โป้ทะเลาะกันก็จริง แต่พอมันต้องอยู่ในตำแหน่งที่ต้องสั่งเพื่อนทำนั่นทำนี่มันก็เลยซีเรียสไปหน่อยว่ะ มันอยากให้ทีมรู้หน้าที่ อยากให้ทุกอย่างออกมาดีก็เลยเป็นอย่างนั้น มึงเข้าใจมันหน่อยนะ )
“มึงโทรมาเพื่อแก้ตัวให้มันเหรอ?”
( เปล่า กูโทรมาเพราะอยากให้เพื่อนเข้าใจกัน ไม่อยากให้ผิดใจเพราะเรื่องเกม )
“แล้วใครเป็นคนเริ่ม บางทีมันเล่นควาย ๆ เข้าไปตายโง่ ๆ ตั้งหลายครั้งกูเคยออกปากด่าบ้างไหม?”
( ใช่ มันเริ่ม แต่เกมเมื่อกี้มีอริมันอยู่ทีมฝั่งตรงข้ามด้วยมึงก็เห็น ไม่มีใครอยากแพ้คนที่เหม็นขี้หน้ากันอยู่หรอกเพื่อน มึงเข้าใจจุดนี้ใช่ปะวะ? )
“แล้วกูผิดคนเดียวเหรอ อีกคนในทีมก็เล่นห่าอะไรก็ไม่รู้ พี่ตั้บก็เล่นตามใจตัวเองเหมือนกันปะวะ?”
( ทุกคนก็เล่นงง ๆ หมด ทั้งกู มึง ไอ้ธีร์ พี่ตั้บ แล้วก็อีกคน แต่ประเด็นคือเราทุกคนเป็นเพื่อนกันไง ไอ้คนนั้นมันไม่ใช่ ด่าไปก็เปลืองน้ำลายเพราะออกเกมก็ไม่ได้เจอกันแล้ว )
“เหรอ แล้วอะไรที่ทำให้มันคิดว่าเพราะเป็นเพื่อนถึงจะพูดยังไงก็ได้ เพื่อนไม่ใช่คนที่เราต้องรักษาน้ำใจให้มากที่สุดเหรอวะ?”
( อืม กูรู้ เรื่องนี้ไอ้ธีร์ผิด แต่มึงก็อย่าลืมนะว่าก่อนมันจะเป็นแบบนั้นก็เพราะมึงหลุดโพสิชั่น ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง )
“เออ เรื่องนั้นกูผิดจริง แต่มันก็ควรพูดดี ๆ กับกูไหม?”
( พูดกันให้ตายยังไงก็ไม่มีวันเข้าใจถ้ามึงยังคิดว่าต่อให้อะไรจะเกิดขึ้นไอ้ธีร์ก็ต้องพูดดีกับมึงไว้ก่อน คือมึงต้องเข้าใจนิดนึงนะว่าธรรมชาติของมันเป็นแบบไหน ตอนเกมเสียรูปมันชอบหัวร้อน แต่ถ้าเกมไหนทุกคนทำได้ดีมันก็เป็นผีบ้าผีบอ พูดจาเกรียนแตกเรียกเสียงหัวเราะเหมือนกัน )
“มึงกำลังจะบอกให้กูเข้าใจมัน แต่มันไม่ต้องเข้าใจกูก็ได้?”
( ไม่ใช่อย่างนั้น กูอยากให้พวกมึงเข้าใจกันแล้วยอมรับสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นได้เหมือนที่เราทุกคนเป็นมาตลอด มึงก็รับข้อเสียไอ้แจ็คได้มาตลอดแล้วทำไมถึงรับที่ไอ้ธีร์เป็นบ้างไม่ได้วะ? )
“ก็ใช่ไง กูเป็นฝ่ายรับข้อเสียทุกคนมาตลอด ไอ้แจ็คก็ติดแฟนทิ้งเพื่อนจนกูต้องทนเครียดอยู่กับคนเหี้ย ๆ แบบไอ้ธีร์ไง”
( โอเค กูเข้าใจมึง )
“มึงไม่ได้เข้าใจกูหรอกนาย”
( อืม มึงจะคิดงั้นก็ได้ เอาเป็นว่าไว้ใจเย็นลงเมื่อไหร่แล้วค่อยมาคุยกันอีกที แค่นี้นะ ฝันดี )
*
เท็นไม่ได้ล้อเล่น วันถัดมาเขาไปบ้านหลังนั้นอีกครั้งและเจ้าของบ้านก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ยกเว้นลูกชายคนโตที่กลับดึกเพราะอ้างว่าต้องอยู่แก้ไขเกมใหม่ที่ใกล้จะเปิดตัว ถามว่าเสียหน้าไหม... ก็มีบ้าง แต่ไอ้หมอนั่นคิดว่าเขาอยากมาเพราะแรงพิศวาสหรืออย่างไร เขาก็แค่นึกสนุกอย่างปั่นหัวใครสักคนในวันว่าง ๆ ก็เท่านั้น แต่เห็นคนดิ้นจนพยายามหลบหน้าก็เป็นเรื่องที่น่าพอใจเช่นกัน
เวลาผ่านไปอีกไม่กี่วันการแข่งขันผ่านไปอีกรอบและขี้ซุยบราเทอร์ feat. TEN10 ก็สามารถผ่านเข้าไปได้อย่างไม่ยากลำบากนัก อีกอย่างที่ไม่อยากยอมรับเลยก็คือทุกคนในทีมเล่นได้ดีจนน่าประหลาดใจว่าฝึกซ้อมกันมาอย่างดีหรือมีพรสวรรค์อยู่แล้วกันแน่ ทั้งไอ้เด็กฝรั่งที่ถูกเขาไล่ฟันหลังอย่างง่าย ๆ ในเกมนั้น แต่พอเป็น DotA2 กลับฉลาดมีไหวพริบและเข้าขากับโซ่ได้ดีจริง ๆ
ยอดโดเนทพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าพอใจ ผู้ใหญ่แฮปปี้ ส่วนทีมกะโหลกนั่นกับตัวเขาก็ได้รับคำชมขึ้นมาบ้างแม้ว่าจะมีคนตามด่าแต่ก็ไม่หนาตาเท่าก่อนหน้านี้
‘เทพแบบนี้ต้องฉลอง พี่ตั้บมึงโทรสั่งหมูทะดิ๊!’
‘เอาดิ มึงจะชวนกันต์มาด้วยเปล่ากูจะได้กะจำนวนถูก’
‘รายนั้นไม่ว่างอะ แล้วมึงว่าไงพี่แจ็ค ไอ้โซ่?’
‘เดี๋ยวกูอาบน้ำแป๊บ’
‘ส่วนโซ่ไปแน่นอนครับ’
‘เอ้อ! มันต้องอย่างนี้ดิวะ เดี๋ยวกูทักไปกวนตีนหลวงพี่ก่อน ป่านนี้น่าจะซดน้ำปานะอยู่’
‘ว่าแต่พี่เท็นจะมากินด้วยกันไหมครับ?’
โชคดีที่คำถามหยุดโลกไม่ได้เกิดขึ้นตอนไลฟ์สตรีมอยู่ ชายหนุ่มนิ่งงันไปอยู่ชั่วอึดใจพลางถามตัวเองว่าจะเอาอย่างไร นอนกับหมาแมวที่บ้านเฉย ๆ หรือจะออกไปสร้างบรรยากาศห่วยแตกให้ชาวบ้านชาวช่องเหมือนที่ชอบทำ
แม้จะเล่นเกมเข้าขากันได้ดีแล้ว แต่เท็นก็พอรู้ว่าพี่ตั้บไม่ได้อยากให้คนทรยศกลับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต หากเป็นปีก่อนเขาคงตอบตกลงโดยไม่สนใจอะไร แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ถึงจะไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็นแต่เท็นก็รู้ตัวดีว่าเขาขวางโลกน้อยลงกว่าที่เคยเป็นแล้ว
‘ไม่ดีกว่า ขี้เกียจ’
และนั่นอาจจะเป็นเรื่องดี ๆ ครั้งแรกในรอบปีที่เท็นมีให้คนอื่น
*
“ช่วงนี้เท็นฮอตมากเลยอะ มีจดหมายสอดใต้โต๊ะวันละไม่รู้ตั้งกี่ซอง”
ในห้องนอนสีหวานแหวว เด็กสาวเปิดประเด็นขึ้นมาเพื่อเรียกความสนใจจากแฟนหนุ่มที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ และมันได้ผล แจ็คยอมเงยหน้าขึ้นมองตาเธอซึ่งเหมือนจะเป็นครั้งที่สองของวันหลังจากครั้งแรกที่เธออ้าปากถามไปว่า ‘วันนี้ไปอ่านหนังสือบ้านบลูไหม?’
“ไม่ดีเหรอ?”
“ดี? ไม่รู้สิ” เด็กสาวยิ้มเจื่อนกับคำถามที่มาพร้อมสีหน้าเรียบเฉย บลูเดาไม่ออกว่าแจ็คกำลังคิดอะไร และคำถามนั้นต้องการคำตอบแบบไหนกับเรื่องที่เธอแค่พูดขึ้นมาเฉย ๆ “เราแค่แปลกใจอะ ก็เท็นไม่เคยป็อปขนาดนี้ เพราะห้องเราก็มีแจ็ค ธีร์ แล้วก็พีมที่ดัง ๆ” บลูเลื่อนแป้นบนโน้ตบุ๊กดูรูปเพื่อนแฟนที่นับวันยิ่งดูดีขึ้นเรื่อย ๆ
“แจ็คว่าดีนะ เพราะหลังจากเป็นที่รู้จักมันก็เริ่มเปิดใจให้คนอื่นมากขึ้น”
“อือ ก็จริง” เธอถอนหายใจเมื่อนึกถึงตอนเพิ่งคบกัน เพื่อนแจ็คทุกคนต้อนรับผู้หญิงอ้วนคนนั้นเป็นอย่างดี ยกเว้นใครคนหนึ่งที่ไม่แม้แต่จะอยากมองเธอ “ตอนแรกเรากลัวถูกเท็นเกลียดเพราะเหมือนไปแย่งความสำคัญมา แต่พอเห็นว่าเท็นแฮปปี้ขึ้นแล้วก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย”
เด็กหนุ่มมองรอยยิ้มของคนบนจอโน้ตบุ๊กบนเตียง เท็นยังคงเป็นคนเดิมแต่แจ็คก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้รู้สึกห่างเหิน อาจเป็นเพราะความโด่งดังที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไอ้เวรนั่นเริ่มเอาตัวเองไปอยู่ในจุดสนใจ จริงอยู่ที่ทำให้ไอ้เท็นมีสังคม แต่แจ็คก็กลัวว่าเพื่อนจะรับความเยอะเหล่านั้นไม่ได้ถ้าวันหนึ่งมันถูกคนเหล่านั้นคุกคามมากเกินไปจนสูญเสียความเป็นส่วนตัว
ไอ้ธีร์ไม่เหมือนไอ้เท็น คนหนึ่งรักสังคม ชอบอยู่ในจุดที่สปอตไลท์สาดแสงใส่ แต่อีกคนรักสงบ ชอบอยู่เงียบ ๆ หมกมุ่นกับเรื่องที่ชอบ แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องของอดีตเพราะความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอเมื่อมนุษย์โตขึ้น ดังนั้นทุกวันนี้ไอ้เท็นที่เขารู้จักจึงเริ่มหลงใหลแสงสีจากสปอตไลท์เหล่านั้นเข้าไปทุกทีแล้ว
ไอ้ธีร์มันบ้าบอ เรื่องนี้ใคร ๆ ต่างก็เข้าใจ แต่ไอ้เท็นเปิดตัวมาแบบพระเอกในนิยาย เขากลัวว่าคนอื่นจะคาดหวังในตัวมันมากเกินกว่าสิ่งที่เป็น
“แจ็ค”
“อื้ม?”
“ช่วงนี้ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า ทำไมอยู่กับเราแล้วเหม่อบ่อยจังเลย” เด็กสาวกล่าวตัดพ้อ ยิ่งเห็นท่าทีแปลก ๆ เหมือนปิดบังอะไรอยู่แล้วก็ยิ่งกังวล มีคนอื่นหรือเปล่านะ เธอยังเปลี่ยนตัวเองได้ไม่มากพอเหรอ ทุกวันนี้ก็ผอมลงกว่าเมื่อก่อนจนถูกชมว่าสวยขึ้น ถ้าแจ็คมีคนอื่นใจเธอคงพังแน่
“ไม่มีอะไร แจ็คแค่เพลียเพราะต้องอ่านหนังสือแล้วก็อยู่ซ้อมจนดึกน่ะ พอแข่งผ่านรอบแรกแล้วรอบต่อไปก็เลยต้องซ้อมหนักมากขึ้น”
“เพลา ๆ หน่อยได้ไหม เดี๋ยวก็ทรุดหรอก” เธอลูบแขนแฟนหนุ่มแต่อีกฝ่ายเพียงยิ้มบาง ๆ ซึ่งมันดูฝืนเกินกว่าจะออกมาจากใจ
“แจ็คอยากเต็มที่กับมันก่อนจะต้องแยกย้ายกันไปตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมเข้ามหา’ลัยน่ะ” กับเป้าหมายที่ตกลงไว้กับเพื่อนร่วมทีมและพี่ใหญ่อย่างพี่ตั้บ ทุกคนอยากคว้าแชมป์มาให้ได้สักครั้ง ก่อนจะไปฟอร์มทีมกันใหม่หลังจากเข้ามหา’ลัยได้แล้ว
“เข้าใจค่ะ แต่ที่พูดแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงนะ”
“แจ็ครู้ ขอบคุณนะคะ” เขาก้มลงไปจูบหน้าผากแฟนสาวเบา ๆ แล้วสวมกอดเธอเพื่อกลบความว่างเปล่าในใจตอนนี้
ในใจที่เต็มไปด้วยปัญหามากมายซึ่งพร้อมกันถาโถมเข้าหาเด็กอย่างเขาในเวลาเดียวกัน
“เอาถุงยางมาไหมคะ... ของบลูหมดแล้ว...” เธอกล่าวอย่างขลาดอายก่อนจะผละออกมาสบตากัน
“อ่า... เรื่องนั้น” เขาคลายมือออกจากท่อนแขนแฟนสาวแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง “แจ็คก็ไม่ได้เอามาเหมือนกัน”
สายตาของเธอผิดหวัง อาจเป็นเพราะอาทิตย์นี้ทั้งคู่แทบไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันเหมือนอย่างเคย ซึ่งบลูคงคิดไปแล้วว่าเป็นเพราะเขาติดเกม ทุกอย่างจึงออกมาเป็นแบบนี้
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอเซ็ง เรื่องแค่แจ็ครู้ได้ง่าย ๆ แต่เขาไม่สามารถนอนกับเธอได้ทั้งที่มีเรื่องมากมายให้คิดอยู่ในหัว
“เดี๋ยวแจ็คต้องกลับแล้ว ไว้คุยกันในเอ็มนะ”
“ทำไมรีบกลับนักล่ะ เพิ่งได้อยู่ด้วยกันเองนะคะ...”
“ช่วงนี้ที่บ้านแจ็คยุ่ง ๆ เลยไม่มีคนอยู่ดูแลน้องน่ะ ไว้วันหลังจะชดเชยให้นะ” เขาลูบศีรษะเธอเบา ๆ ซึ่งเด็กสาวก็คว้าเอวแกร่งไว้พร้อมออดอ้อนขอไม่ให้กลับ แจ็คต้องโอ๋อยู่สักพักกว่าเธอจะยอม
เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนยืนอยู่หน้าป้ายรถเมล์ มองเสียงการจราจรบนท้องถนนแสนวุ่นวายที่มาพร้อมความร้อนระอุจนเสื้อชื้นไปด้วยเหงื่อ แจ็คเอากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาดูเงินที่ก่อนหน้านี้มันเคยอัดแน่นจนพองนูน และจะใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายอย่างไรก็ได้ แต่ปัจจุบันมันฟีบลงจนแทบไม่มีธนบัตรหลงเหลือ
จากที่เคยนั่งแท็กซี่กลับบ้านก็ต้องเปลี่ยนเป็นรถเมล์ราคาเก้าบาท หลังจากที่ครอบครัวถูกโกงไปโดยใครสักคนที่เป็นเพื่อนสนิทพ่อ ทุกอย่างก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แจ็คไม่มีแม้แต่โอกาสตั้งหลักรับความจริง ซึ่งพ่อกับแม่ก็เช่นกัน บ้านหลังใหญ่ที่อยู่อย่างสุขสบายก็ต้องขายไปใช้หนี้
บ้านห้องแถวที่แม่เคยอยู่ก่อนแต่งงานกับพ่อได้กลายเป็นที่ซุกหัวนอนในวันนี้ แจ็คไม่คุ้นชินกับความเก่าและคับแคบแต่มันก็ไม่ได้ยากสำหรับการปรับตัวนัก เว้นเสียแต่น้องอีกสองคนที่ยังโหยหาอาหารดี ๆ งอแงตามประสาเด็กที่เคยถูกตามใจจนเคยตัว จนแจ็คต้องคอยห้ามเพราะไม่อยากให้ความไม่รู้ของน้องขยี้จุดพ่อจนเกิดความเครียด
แจ็คพยายามไม่สร้างปัญหาให้พ่อกับแม่ต้องกังวลไปกว่าเดิม แต่การปรับเปลี่ยนเรื่องใช้ชีวิตในแต่ละวันก็ค่อนข้างยากเย็นเหลือเกิน ตั้งแต่การเดินทางจากบางใหญ่ไปโรงเรียนซึ่งอยู่แถวพญาไท มันไกลมากจนต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ามืด ไหนจะต้องช่วยแม่ดูแลน้องเพราะไม่มีเงินจ้างแม่บ้านเหมือนเมื่อก่อน
ทุกอย่างเปลี่ยนไป ความเหนื่อยกายมันส่งไปถึงใจจนทำให้การยิ้มเป็นเรื่องยาก
เขาไม่ได้บอกเพื่อน อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งปากมันหนักเกินกว่าจะพูดถึงความเหน็ดเหนื่อยในชีวิตช่วงนี้ได้ และอีกส่วนก็กลัวว่าเพื่อนจะไม่สบายใจจนส่งผลถึงการซ้อมทีม การแข่งครั้งนี้สำคัญกับทุกคนมาก แจ็คไม่อยากเป็นคนทำลายมันกับเรื่องที่ยังแบกรับได้ ก็แค่ไม่ได้สบายเหมือนเมื่อก่อน ส่วนเรื่องซ้อมก็ขออนุญาตแม่แล้วว่าจะขอซ้อมแค่ตอนกลางคืนและจะพยายามหาเงินมาช่วยจ่ายค่าไฟให้ได้
‘มึงว่ากูคบกับน้องมอสี่คนนั้นดีปะ?’
‘คนที่ตัวเล็ก ๆ หน้าหวาน ๆ น่ะเหรอ?’
‘ใช่ น้องเค้าน่าสนใจดี เห็นว่าชอบร้องเพลงด้วย เข้าทางกูเลย’
‘เอาสิ เจอคนชอบอะไรเหมือน ๆ กันน่าจะเข้ากันได้นะ’
‘เออ มึงจะได้รู้สักทีว่าต่อให้ไม่มีมึงก็มีคนที่พร้อมจะร้องเพลงไปกับเสียงกีตาร์ของกู’
ไม่อยากยอมรับว่าลึก ๆ ก็ใจหายเหมือนกัน กับการได้ยินคนสำคัญพูดว่าชีวิตยังคงดำเนินต่อไปได้ต่อให้ไม่มีเพื่อนอย่างเขา ซึ่งมันอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อยากเก็บเรื่องที่บ้านเอาไว้ มันมีความน้อยใจปะปนอยู่กับความที่อยากให้เพื่อนสบายใจในคราวเดียวกัน
แจ็คจะพยายามผ่านพ้นความลำบากที่เป็นอยู่ไปให้ได้ และหวังว่าระหว่างนี้เท็นจะมีความสุขกับอีกเส้นทางหนึ่งที่อาจมองเห็นเขาจางลงไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะสิ้นสุดลง... ใช่ไหม?
ในฐานะลูกชายคนโต แจ็คจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยพ่อแม่ประคับประคองครอบครัว และในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง เขาก็อยากให้เท็นได้เติบโตได้โดยที่ไม่ต้องมีเขาในทุก ๆ เรื่อง อย่างน้อยก็ช่วงเวลายากลำบากแบบนี้ ความย้อนแย้งเกิดขึ้นกับใจเขาแล้ว
“สวัสดีครับ ใช่ครับ... ว่าไงนะครับ? สนใจอยากให้ผมไปสอนหนังสือน้องหลังเลิกเรียน? อ่า... ได้แน่นอนครับ! ใช่ครับผมสามารถเริ่มวันพรุ่งนี้ได้เลย มาบุญครองได้ครับ ผมจะรีบเตรียมแผนการสอนและตั้งใจติวให้น้องอย่างดีที่สุดเลยครับ”
ท่ามกลางความร้อนและเสียงความวุ่นวายบนท้องถนน เด็กหนุ่มยืนอยู่หน้าป้ายรถเมล์พลางกำโทรศัพท์เครื่องนั้นไว้กับมือกับความดีใจที่เพิ่งเกิดขึ้นตลอดอาทิตย์ หลังจากลงประกาศเรื่องรับสอนพิเศษเด็กประถมไปหลายวันก็มีคนติดต่อมาจนได้ สำหรับการสอนตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงสองทุ่ม รายได้วันละสามร้อยบาทมันก็คุ้มค่ามากกว่าอะไรแล้ว
ใบหน้าคมเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่ถูกกลืนกินด้วยความมืด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีแสงสว่างจากดวงจันทร์และกลุ่มดาวที่บอกเขาว่า ‘พรุ่งนี้จะไม่เป็นไร’
*
ต่อด้านล่างนะคะ