จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You
ตอนที่ 24. เกิดเรื่อง
“แต้มมมมมมม”
“อะไรวะ” แต้มงุนงงที่วันนี้ยิ่งใหญ่มาดักรอที่หน้าโรงเรียนแต่เช้า พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดเสาร์อาทิตย์ที่บ้าน
ก่อนยิ่งใหญ่จะถูกเตะกลับมาที่หอเพื่อซักผ้าเตรียมตัวไปโรงเรียน “เรียกยังกะไม่เจอมานานงั้นแหละ”
“ลอกการบ้านหน่อย”
แต้มส่งสายตาเอือมระอาไปให้ “แล้วทำไมไม่ทำตอนที่บอกให้ทำ” เสียงนั้นบ่นอุบ
“ก็เรานวดให้พ่อนายอยู่ไง” ยิ่งใหญ่แถ
ไม่ว่าจะบ่นแค่ไหน แต้มก็หยิบสมุดของตัวเองออกมาจากเป้ให้อีกฝ่ายอยู่ดี
“ปะๆๆๆไปที่ห้องเร็วๆ จะได้รีบลอก รีบกินข้าวที่โรงอาหาร”
“ไม่ต้อง วันนี้แม่ซื้อข้าวผัดมาเผื่อด้วยอยู่ในเป้”
“เจ๋ง” สายตาของยิ่งใหญ่เป็นประกาย
“ทำการบ้านให้เสร็จก่อน ไม่เสร็จไม่ต้องกินข้าว” แต้มยื่นคำขาด
“โหย ไหงเป็นแบบนี้ไปได้”
“หยุดงอแงวอแวได้ละ จะทำไม่ทำการบ้านน่ะ ไม่ทำอดกินนะ”
“เออๆ ทำ” ยิ่งใหญ่ส่งเสียงตัดพ้อ “น่าฟ้องแม่จังเลยคนอะไร”
“บ่นไร ได้ยินนะ”
“เปล๊า” อีกฝ่ายส่งเสียงสูง ก่อนจับที่สายเป้ที่พาดที่หน้าอกแต้มและจูงไปที่ห้องโดยไม่แคร์สายตาสาวๆที่มองมายังทั้งคู่อย่างน่าอิจฉา ยิ่งใหญ่ตั้งใจลอกการบ้านจนเสร็จ บิดตัวอย่างขี้เกียจ
“ทำไมตอนเรียนไม่ตั้งใจแบบนี้บ้าง”
“นายนี่ขี้บ่นจัง ไหนอะข้าวผัด” แต้มหยิบถึงข้าวผัดให้ พลางควานหาช้อนที่อยู่ในเป้ ยิ่งใหญ่ตักกินอย่าหิวโหย รสชาติที่คุ้นเคย ถึงแม้ไม่ใช่ฝีมือแม่ของแต้ม แต่ก็ทำให้เขาเจริญอาหารได้เช่นกัน
“เย็นนี้ไปไหนปะ” ยิ่งใหญ่ถามทั้งๆที่ข้าวเต็มปาก
“กินเสร็จค่อยถามก็ได้มั้ย” แต้มบ่น
“อายอี้อั๊กอะเอื๋อนอ้อเอาไออุ๊กอันอะอ๊ะ” (นายนี่ชักจะเหมือนพ่อเราไปทุกวันละนะ) แต้มกรอกตาเพราะฟังไม่ออก
“กลับบ้านแหละ นายล่ะ”
“ไปซ้อม” ยิ่งใหญ่ตอบเป็นภาษาคนแล้ว หลังจากกำจัดข้าวผัดไปได้ภายในไม่กี่นาที
“เลิกดึกเลยสิ จะแข่งวันไหน” ยิ่งใหญ่เป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลของโรงเรียน ชายคนนี้เก่งกีฬาทุกอย่างยกเว้นลูกบาส ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่ชอบเสียงลูกบาสกระทบพื้นเวลาเลี้ยงมัน แต่ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะวิ่งไล่ลูกบอล และการตีปิงปองก็น่าเบื่อเกินไป สุดท้ายก็จบด้วยวอลเล่ย์บอล โดยที่แต้มเองไม่ได้เลือกอะไรทั้งนั้นเพราะบ้านอยู่ไกล ถึงแม้บ้านเขาจะไม่ไกล ก็ไม่มีเวลามาซ้อมอยู่ดี
“ก่อนสอบสองวัน”
“เห้ย” แต้มทำหน้าตกใจ
“จริง” ยิ่งใหญ่พับสมุดนำไปวางไว้ที่โต๊ะครูหน้าห้องรอหัหน้าชั้นรวบรวมไปส่งและกลับมาที่เดิม
“แล้วจะอ่านหนังสือทันเหรอ”
“นั่นสิ” น้ำเสียงนั้นกังวล
“ถ้าไม่ทันจะทำยังไง สอบลางภาคก็สำคัญนะ” แต้มคิดอย่างร้อนรน
“นายก็ติวให้เราสิ”
“อืม แต่นายซ้อมกีฬาเลิกดึกนี่นา”
“นายก็ขอแม่มานอนหอเราได้นิ แม่ไม่ว่าหรอกมาอ่านหนังสือ”
“เออ ไอเดียนายก็เข้าท่าดีนะ”
“ตกลงตามนี้นะ” ยิ่งใหญ่ยิ้มกว้าง แต้มมองใบหน้าที่มีความสุขจนปิดไม่มิดนั้นพลางหลับตาและส่ายหัว
“นี่ นาย จง ใจ หลอก ล่อ ให้ เรา รับ ปาก ว่า จะ มา ค้าง หอ นาย เหรอ” แต้มพูดช้าๆเน้นทีละคำ
“เปล๊า” ยิ่งใหญ่ตอบ แต่น้ำเสียงนั้นยังร่าเริงปิดไม่มิด
“นายนี่มัน” แต้มรู้สึกพลาดอีกครั้ง “โอ๊ย ไอ้หมาจิ้งจอก”
ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ ได้แต่ขยับปากแบบไร้เสียงว่า “นายรับปากแล้วนะ”
***********************************************************************
ต้องตานับเงินส่วนแบ่งอย่างดีใจ ห้าหมื่นบาท... แค่คิดจิตใจเธอก็โลดเต้นไปไกลแล้ว เงินมากขนาดนี้สามารถเอาไปทำอะไรได้หลายๆอย่าง หลังจากฝากเข้าธนาคารตัวเองส่วนหนึ่งและไปซื้อโทรศัพท์มือถือ เธอก็รีบกลับมาทำงานเงินสดบางส่วนที่ยังไม่ได้ส่งให้ที่บ้านก็ถูกเก็บไว้ในกระเป๋า ที่บ้านไม่มีบัญชีธนาคาร การส่งเงินไปต่างจังหวัดต้องอาศัยการส่งธนาณัติทางไปรษณีย์ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงปลายทาง ปลอดภัยและไว้ใจได้ โทรศัพท์มือถือที่ซื้อมาในราคาแพง ก็เพื่อต้องการให้การติดต่อกับแม่กับพ่อนั้นสะดวกยิ่งขึ้น
เธอตอกบัตรเลิกงานอย่างอิ่มเอมใจ เดินออกทางหลังโรงแรมด้วยความปิติ วันนี้เธอฮัมเพลงทั้งวันจนเจ้านายยังแปลกใจ การก่อกวนของเขาไม่สามารถลบล้างความดีใจที่ได้เงินส่วนแบ่งของเธอได้ จังหวะที่เธอกระโดดโลดเต้นนั้นเอง ใครคนหนึ่งกระชากกระเป๋าเธออย่างแรงจนมันขาด หญิงสาวกรีดร้องอย่างตกใจ เวลาค่ำมืดเช่นนี้ทำให้มองเห็นคนร้ายไม่ถนัด ต้องตาวิ่งตามคนร้ายด้วยความเสียดายของที่อยู่ในนั้น และที่สำคัญ เงินสดส่วนหนึ่งที่เธอคิดว่าจะเอาไปส่งให้ที่บ้านถูกใครก็ไม่รู้ฉกเอาไปหน้าตาเฉย
“ช่วยด้วยค่ะ ขโมย” ต้องตาตะโกนเรียกเสียงดังไปทั่ว รองเท้าส้นสูงวิ่งกระแทกพื้นคอนกรีตจส้นหักจนล้มหน้าคว่ำ รปภ.วิ่งกรูมาแต่ก็ไม่สามารถจับใครได้
“เป็นอะไรมั้ยครับ” ต้องตารู้สึกว่าหน้าเธอชาเล็กน้อยจากแรงกระแทก คลำแล้วไม่มีเลือดแสดงว่าไม่มีบาดแผล นอกจากขาจะเคล็ดก็ไม่มีอะไรน่าเจ็บใจไปกว่าการที่ถูกฉกเงินไปไม่น้อย
สุดท้ายต้องตาก็ถูกพาตัวมาที่โรงพัก แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ข้อเท้าซ้ายบวมช้ำตอนหกล้มส่งถ่ายความเจ็บแปลบขึ้นมาเรื่อยๆ ยอดเยี่ยมวิ่งหน้าตื่นเข้ามาทันทีหลังจากได้รับข่าว
“คุณตาเป็นยังไงบ้างครับ”
“ตาไม่เป็นไรค่ะ” ต้องตาตอบด้วยเสียงเรียบเฉย แต่ในใจยังเต้นรัวราวกับมีคนบรรเลงกลองชุดในนั้น
ยอดเยี่ยมสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าสวยนั้นซีดเผือดด้วยความตกใจ เท้าซ้ายเปลือยเปล่า ผิดกับเท้าขวาที่มีรองเท้าส้นสูงอยู่ “ผมพาไปส่งที่บ้านนะครับ”
“...”
“ไม่ต้องค้านนะครับ ไปเถอะ” ชายหนุ่มถือวิสาสะจับมือที่เย็บเฉียบนั้นให้เดินหน้า
“อุ๊ย”
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
ต้องตาไม่ตอบ แต่ขาที่กระเผลกก็ทำให้อีกฝ่ายรู้
“งั้น” ยอดเยี่ยมถกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น “ผมขออนุญาตนะครับคุณตา”
หญิงสาวตาเบิกโพลงก่อนที่จะถูกชายหนุ่มอุ้มขึ้นราวกับเป็นเด็กทารก ยอดเยี่ยมยิ้มกว้าง ส่งถ่ายความเจ้าชู้มาอย่างร้ายกาจ ต้องตาเรียบเรียงสติยังไม่เข้าที่ จึงไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับอย่างไรดี พอรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในรถ ถูกพามาที่โรงพยาบาล ทำแผลจนเสร็จแล้ว
“แค่ข้อเท้าเคล็ดน่ะค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทายาและทานยาให้ครบ ไม่กี่วันก็จะดีขึ้น อ้อ ช่วงนี้อย่าให้แฟนใส่ส้นสูงนะคะ” คุณหมอบอกกับยอดเยี่ยม ที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆ
“อะ คะ” ต้องตารู้สึกว่าสติของตัวเองเริ่มจะกลับมาแล้ว
“คุณหมอบอกให้ผมดูแลแฟนให้ดี อย่าให้ใส่ส้นสูงนะช่วงนี้”
“หืม” ต้องตามองไปที่คนพูด ก่อนที่จะถูกพามานั่งที่รถเข็น นี่เธอต้องถูกทำให้ตกใจอีกกี่รอบกันแน่วันนี้....
***********************************************************************
จบตอน