เมื่อผม เห็นเขา ..... อุ้มท้อง!(?) ถือชะลอม เข้ากรุง
ผมอกหัก
อกหักตอนก่อนเข้านอน ตื่นขึ้นมาก็ยังอกหัก
พอมองไปรอบๆ ห้องก็พบว่าหยวกไม่อยู่แล้ว มีเพียงกล้วยต้นน้อยที่ยังตั้งอยู่ที่เดิม แต่น่าประหลาดนักที่กล้วยน้อยต้นนั้นกลับแทงปลีออกตรงกลางลำต้นไม่สมประกอบ
คิดแล้วก็เซ็ง สุดท้ายผมก็ใช้เวลาว่างในวันหยุดของตัวเองที่ร้านกาแฟหน้าปากซอยแทนความตั้งใจเดิมที่อยากพาหยวกไปโรงพยาบาล
“เฮ้ยๆ เค้าว่าตายสยองเชียวนะเอ็ง! นอนคอหักตาค้างตายโหงเชียว”
“นี่ก็รายที่สองแล้วใช่มั้ยวะ? จะมีอีกกี่ศพกัน?”
ข่าวคราวสยองลอยมาเข้าหู ผมอดไม่ได้ที่จะตั้งใจฟัง ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ ผมทำงานกลับดึกถือว่าเสี่ยงอันตรายพอดู
“กี่ศพข้าไม่รู้หรอก! รู้แต่พักนี้ชุมชนของเราวิปริตแปรปรวนขึ้นทุกวัน ข้าอยู่ที่นี่มาห้าสิบปีเพิ่งมีช่วงนี้แหละที่รู้สึกว่าชุมชนของเราแปลกไป”
“แปลกยังไงวะ? เอ็งน่ะเอะอะก็โยงไปเรื่องผีสาง! ข้าไม่เชื่อหรอกโว้ย! มันก็คงเข้าอีหรอบเดิมจิ๊กโก๋ตีกันนั่นแหละ ไอ้พวกเด็กแว้นพวกนี้ก็เหลือเกิน หนักข้อขึ้นทุกวัน”
มีเหตุฆ่ากันตายในชุมชน! ผมต้องเตือนหยวกให้ระวังตัวมากกว่านี้เสียแล้ว!
รีบกลับดีกว่าครับ ผมเป็นห่วงหยวก
รอจนค่ำหยวกก็ยังไม่กลับ
หยวกหายไปไหน?
ใกล้จะห้าทุ่มแล้วด้วย ท้องไส้ผมเริ่มแสบจนทนแทบไม่ไหว ในที่สุดผมก็ยอมแพ้ต้องเดินออกมาซื้อกับข้าวจนได้
แต่ร้านอาหารเจ้าประจำของผมกลับปิด! หรือเป็นเพราะข่าวฆ่ากันตายผู้คนเลยกลัว?
ช่างเถอะ ผมออกไปหน้าถนนใหญ่ก็ได้ เดินเลียบคลองไปเรื่อยๆ แล้วใช้ทางลัดเดี๋ยวก็ถึง
ผมเดินผ่านกำแพงวัดด้วยใจคอไม่ดี อีกเดี๋ยวจะเข้าเขตป่าช้าของวัดแล้ว ภาพเจดีย์บรรจุอัฐิตั้งรายเรียงท่ามกลางความมืดและข่าวตายโหงทำให้ผมขนลุก แม้ผมไม่มีสัมผัสลี้ลับแต่ก็อดกลัวไม่ได้อยู่ดี คนก็อยู่ส่วนคน ผีก็ควรจะอยู่ส่วนผี!❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃
“ทางเบื้องบนว่าอย่างไรบ้าง?”
“จะอะไรเสียอีกเล่า! ก็กำลังระดมพลมารับมือกับสถานการณ์นี้น่ะสิ!”
“แปลว่าท่านหัวหน้าตกลงให้ความร่วมมือกับพวกเขางั้นรึ?”
สีหน้ายินดีของผู้พูดทำให้ผู้ฟังขัดเคืองใจด้วยเห็นต่าง
“อย่าบอกนะว่าท่านเห็นด้วยกับท่านหัวหน้า!? นั่นมันอสูรร้ายที่หลบหนีออกจากขุมนรกเชียวนะ! แทนที่จะปล่อยให้เจ้าพวกนั้นรับผิดชอบกันไปเหตุใดพวกเราต้องเข้าไปยุ่งด้วย พวกเราก็ใช่ว่าจะมีบารมีมาก ไม่แคล้วคงเสียท่าพ่ายแพ้จนจิตแตกสลายสูญสิ้นโอกาสกลับเข้าวัฏสงสารไปตลอดกาล!”
“แต่ถ้าหากพวกเราไม่ช่วย เห็นทีครานี้โลกมนุษย์จะมีภัย เมื่อนั้นยังจะเหลือที่สถิตสำหรับพวกเราอีกหรือ? ถึงครานั้นก็ไม่พ้นได้แตกดับเพราะอสูรร้ายเช่นเดียวกัน ข้าจึงเห็นด้วยกับท่านหัวหน้าอย่างใดเล่า”
“ต้องเสียสละตนบนความเสี่ยงเชียวนะท่าน หากพลาดพลั้งมีหวังถูกสูบพลังหมดบารมีที่เพียรสั่งสมมา ข้าว่าการเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดที่ปลอดภัยเลยนะท่าน”
“เพราะอย่างนั้นท่านหัวหน้าถึงต้องถามความสมัครใจจากพวกเราอย่างใดเล่า ใครกันที่จะยอมเสียสละจัดการกับอสูรร้ายพวกนั้น”❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃
“อ๊าก!”
สองขาผมหยุดอยู่กับที่ทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งแต่หนทางบังคับให้ผมเลือกว่าต้องเดินหน้าหรือถอยกลับไปทางเก่า ข่าวคนตายทำให้ผมลังเล ไม่ว่าจะเป็นสิ่งลี้ลับหรือคนร้ายผู้โหดเหี้ยมผมก็ไม่อยากเสี่ยงทั้งนั้น
ปกติแล้วป่าหลังวัดมักจะมีกลุ่มวัยรุ่นมามั่วสุม คนที่ตายในช่วงนี้ต่างเป็นสมาชิกในแก๊งนี้ทั้งนั้น ชาวบ้านไม่ชอบใจที่มีวัยรุ่นใช้สถานที่ของวัดรวมกลุ่มกันทำเรื่องไร้สาระโดยไม่เกรงใจบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ เด็กยุคใหม่ที่ไร้ศรัทธาในศาสนา ไม่เชื่อสิ่งลี้ลับและพร้อมจะลบหลู่ แต่ก็จนใจทำอะไรไม่ได้ด้วยเหตุที่หัวหน้าแก๊งเป็นลูกชายของเศรษฐีนีผู้มีอิทธิพล
ผมเตรียมจะหันหลังกลับพลันผมเห็นบางอย่างรางๆ ตรงหางตา คอผมหมุนไปมองโดยอัตโนมัติ แต่ทันเห็นเพียงแค่ชายสไบไหวๆ
แต่แค่นั้นก็พอแล้ว
ผมล้มเลิกความตั้งใจแล้วรีบกลับบ้านไม่สนใจเสียงประท้วงในท้องทันที!
เมื่อผมกลับถึงบ้านก็เห็นหยวกกำลังจัดสำรับให้ผมอยู่ ผมควรจะปลื้มแต่วันนี้ผมกลับขนลุก!
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือหยวก?”
“ฉันกลับมาได้พักใหญ่แล้วจ้ะพี่ไม้ ทำไมหรือจ๊ะ?”
“เปล่า พี่แค่เป็นห่วง ว่าแต่ไปไหนมาหรือ? วันนี้กลับมาเสียดึกเชียว”
“ฉัน... คือฉัน...”
หยวกไม่เพียงแต่อ้ำอึ้ง สีหน้าของหยวกยังไม่สู้ดี แต่หยวกคงไม่ทันสังเกตความผิดปกติของตัวเอง
“คงไปตามหาสามีของหยวกสินะ แล้วเจอหรือยังล่ะ?”
“พี่ไม้ถามทำไมหรือจ๊ะ?”
“พี่อยากรู้”
ผมตอบไปตามที่คิด
“พี่อยากรู้ว่าถ้าหยวกเจอเขาแล้วหยวกจะทำอย่างไร แล้วถ้าเขาปฏิเสธหยวกๆ จะเปิดใจให้พี่ไหม?”
“พี่ไม้!”
ผมจ้องตากับหยวก แม้ว่าดวงตาของหยวกจะไม่มีชีวิตชีวาแล้วก็ตาม
“พี่รักหยวกนะ พี่ไม่สนว่าหยวกจะมีใครมาก่อนพี่รับได้ แต่พี่ถามตรงๆ เถอะ หยวกเป็นอะไร?”
ผมเน้นเสียงถาม น้ำที่คลออยู่ในเบ้าตาของหยวกไหลออกมา หยวกจะรู้ไหมนะนอกจากแววตาของหยวกจะทื่อไร้ประกายแห่งชีวิตแล้วน้ำตาของเขายังเป็นสีแดงดั่งเลือด!❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃
ณ ภูเขาสูงแห่งหนึ่งซึ่งชาวบ้านทำมาหากินด้วยอาชีพเกษตรกรรม พื้นที่รกร้างถูกถางปลูกพืชผลแซมไปกับป่าอันอุดมสมบรูณ์ กล้วยป่าเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วไป
ทว่า “กล้วยป่า” นั้นเป็นชื่อพื้นเมืองของ “กล้วยตานี” นั่นเอง!
ในคืนอุบาทว์ “เขา” อุบัติขึ้นท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผีร้าย เขาไร้ซึ่งความทรงจำใดใดราวกับภาชนะว่างเปล่า สิ่งที่รู้สึกมีเพียงสติที่เต็มไปด้วยความสงสัยของตน เขาปราศจากสิ่งติดค้างที่อาลัยอาวรณ์แตกต่างจากพรรคพวก “ตน” อื่นๆ
เขาไม่รู้ว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่เขารู้ว่าเขาแตกต่างจาก “พี่สาว” คนอื่นทั้งรูปร่างและอิทธิฤทธิ์ประจำตัว และเพราะความแตกต่างนี้เองที่ทำให้เขาได้รับความย่ำเกรงจากทุกคน ทว่าอำนาจแห่งพลังก็ทำให้เขาโดดเดี่ยว ไม่มีใครอยากสมาคมกับ “ผีร้ายที่อุบัติขึ้นในวันอาเพศ” อย่างเขา ทุกคนกลัวเขาช่วงชิงพลังทั้งที่เขาไม่เคยคิดร้ายกับผู้ใดแม้แต่น้อย
ผีร้ายตนใหม่สโลว์ไลฟ์ท่ามกลางขุนเขาและสายหมอกจนกระทั่งเกิดเรื่องอุบาทว์ขึ้น!
สิ่งที่ฟักตัวในกายทิพย์ของเขาดิ้นรนเรียกร้องเลือดเนื้อจากผู้ให้กำเนิด เขาจึงต้องออกตามหา “ร่าง” ให้แก่ลูกในท้อง!❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃
“พี่ไม้พูดอะไรจ๊ะ?”
“หยวก เป็น อะไร?”
ผมยังคงถามหยวกด้วยคำถามเดิมแม้จะรู้ความจริงแก่ใจดีแล้ว
หยวกนิ่งเงียบ เขาเอาแต่ก้มหน้าปล่อยให้หยดน้ำตาร่วงลงเปรอะพื้น มีเพียงเสียงร้องไห้กระซิกดังขึ้นเบาๆ ท่ามกลางเสียงเห่าหอน ผมไม่รู้สึกกลัว กลับกันผมเสียใจที่หยวกปิดบังความจริงผม!
“พี่ไม้รู้ความจริงแล้วหรือจ้ะ”
หยดเลือดบนพื้นคงเฉลยคำตอบทุกอย่าง หยวกตระหนักแล้วว่าผมรู้ความจริง เขาเงยหน้าขึ้นมองผมช้าๆ
“ในเมื่อพี่รู้ความจริงแล้วฉันก็คงไม่มีทางเลือก”
ผมผิดเองที่โง่เกินไป ผมน่าจะเฉลียวใจว่าหยวกไม่มีอะไรเหมือน “คน” ปกติเลย!
“ฉันขอบคุณพี่ไม้มากนะจ้ะที่ช่วยดูแลฉันมาตลอด ฉันจะไม่ลืมพี่เลย”
หยวกยืนขึ้น เสื้อผ้าบนร่างของหยวกเปลี่ยนไปเป็นชุดสไบสีตองอ่อนกับผ้าโจงสีเขียวเข้ม ทว่าดวงตาของหยวกกลับกลายเป็นสีแดงพร้อมกับที่ผิวหนังปรากฏเส้นเลือดสีดำปูดขึ้นทั่วทั้งร่าง!
“หยวก!”
และนั่นคือภาพสุดท้ายที่ผมเห็น ผีตานีเพศชาย! วิปริตดีแท้!❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃
“อย่าทำกูเลยมึงจะเอาอะไรกูจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ทุกอย่าง! อย่าฆ่ากูเลยนะกูกลัวแล้ว!”
เหยื่ออ้อนวอนอย่างน่าเวทนาทว่าผู้คุกคามยังคงย่างก้าวเข้าหาอย่างต่อเนื่อง เขาลนลานกระเถิบตัวหนีพลางยกมือพนมท่วมหัวด้วยความกลัวจนน่าสมเพช
“พี่จะกลัวฉันทำไมละจ๊ะ? อย่ากลัวไปเลย เข้ามาใกล้ๆ ฉันสิจ๊ะ มาดูหน้าลูกของเราสิ”
หน่อกล้วยเล็กๆ ที่ยังไม่แทงใบถูกห่อไว้ด้วยผ้าอย่างดีราวกับทารก ผู้เป็น “แม่” โอบอุ้มชีวิตน้อยเดินสืบเท้าเข้าหา “พ่อ”
“อย่าเข้ามา! ออกไป! ปล่อยกูไปเถอะ!”
คำอ้อนวอนไม่เป็นผล ร่างสูงกำยำในชุดสไบก้าวมาหยุดตรงหน้าก่อนจะย่อตัวลงส่งห่อผ้ามาให้รับ เหยื่อผงะถอยหลังแต่แล้วก็จนมุมเมื่อกำแพงต้นกล้วยปรากฏขึ้นด้านหลังขวางทางรอด
“รับไปสิจ๊ะ นี่คือลูกของเรานะ”
ใบหน้าของผู้พูดส่งยิ้มให้อย่างน่าสยองเมื่อดวงตาคู่นั้นส่องประกายสีแดงฉานราวกับเลือด!
“พี่อยากได้ลูกผู้หญิงหรือผู้ชายจ๊ะ? แต่เอ... พี่เป็นผู้ชาย ถ้าเช่นนั้นลูกของเราก็คงต้องเป็นเด็กผู้ชายแล้วละจ้ะ”
ร่างของเหยื่อชะงักนิ่งค้างแข็งราวกับถูกตรึงไว้ แม้จะพยายามเพียงใดเขาก็ไม่สามารถขยับตัวได้เลย แม้แต่จะหายใจยังลำบาก แขนสองข้างถูกตรึงแนบไปกับลำตัวด้วยอิทธิฤทธิ์ของเชือกกล้วย เหมือนรู้ชะตากรรมตัวเอง เหยื่อได้ใช้ความพยายามเฮือกสุดท้ายเปล่งเสียงขอร้องอย่างยากลำบาก
“ยะ อย่า อย่าฆ่ากู”
“เอาล่ะ เสียสละเลือดเนื้อสร้างกายให้ลูกของเราสิจ๊ะพี่จ๋า”
พอขาดคำกล้วยหน่อน้อยก็ยืดออกแทงเข้าไปยังกลางอกของเหยื่อ!
“ท่าจะไม่ทันการณ์แล้วล่ะท่าน เพราะถูกดวงจิตอื่นแทรกแซงอสูรร้ายจึงดิ้นรนหาภาชนะใหม่ หากเราปล่อยให้มันถือกำเนิดได้โลกมนุษย์จักวุ่นวายเป็นแน่! ดูนั่นสิท่าน อสูรร้ายเริ่มครอบงำวิญญาณตนนั้นได้แล้ว ทำลายมันให้สิ้นเลยดีไหมท่าน?”
“แต่ถ้าเราทำเช่นนั้นดวงจิตของวิญญาณบริสุทธิ์จะถูกทำลายไปด้วยนะ!”
“แล้วจะทำเช่นไรดีเล่า?! ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องอุบาทว์ซ้อนเหตุอาเพศเช่นนี้ โธ่ๆ กว่าจะตามหาเจอก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว อสูรร้ายหลบซ่อนซ้อนอยู่กับวิญญาณทั่วไปเช่นนั้นใครจะไปจับสัมผัสได้ ช่างเป็นอสูรที่เจ้าเล่ห์นัก! แม้ยังไม่มีร่างก็ร้ายเหลือ!”
“แต่ข้าว่าไม่ใช่... ข้าสัมผัสได้ว่าวิญญาณตนนั้นบริสุทธิ์ ท่านไม่เห็นหรอกรึ? เขามีพลังสะกดอสูรร้ายมาเนิ่นนาน”
“แต่ตอนนี้เขาต้านไม่ไหวแล้วท่าน! ดูนั่นสิ! อาละวาดไม่ต่างอะไรกับผีร้าย!”
“อสูรร้ายที่หลุดออกมาจากประตูนรกเป็นเพียงแค่กลุ่มก้อนพลังงาน พวกมันเป็นเพียงความเกรี้ยวกราดโศกเศร้าเสียใจที่กำลังมองหาภาชนะใหม่สิงสู่ ยังไม่แข็งแรงพอจะเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง ... บางทีดวงจิตบริสุทธิ์นั่นอาจจะเป็นกุญแจก็ได้! ข้ามีวิธีแล้วท่านพนา!”
“วิธีอะไรของท่าน?! ข้าว่าพวกเราหนีก่อนเถิด วิญญาณตนนั้นกลายเป็นผีร้ายไปแล้ว หากไม่รีบหลบเกรงว่ามันจะหันมาเล่นงานพวกเราเอานะท่าน! รีบกลับไปรายงานท่านหัวหน้าเถิด”
“จิตอสูรยังอ่อนแอจึงถูกดวงจิตที่แข็งแกร่งกว่าหรือก็คือวิญญาณตนนั้นดูดกลืน ทว่าตอนนี้มันเริ่มแข็งแกร่งขึ้นแล้วและครอบงำให้วิญญาณตนนั้นหาร่างใหม่ให้ตนเอง ข้าจะรวมดวงจิตของข้าเข้ากับมัน ใช้จิตของข้าขัดเกลาจิตอสูร วิธีนี้น่าจะช่วยหยุดยั้งการให้กำเนิดอสูรร้ายได้”
“หา! แต่ถ้าหากท่านพลาด...”
“ข้าก็จะกลายเป็นอสูรร้ายเสียเอง ต้องถูกคนของยมโลกไล่ล่า”
“ท่านเสียสติไปแล้วรึ?!”
“นี่เป็นเหตุการณ์คับขัน ข้าจำเป็นต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าดอก หึๆ”
ผู้พูดกล่าวติดตลกพลางก้าวเท้าห่างคู่สนทนาตรงไปยังวิญญาณร้ายด้านหน้า
“อย่างไรก็ตาม ฝากท่านนำความไปแจ้งแก่เจ้าขุนด้วยว่าให้อดทนบำเพ็ญเพียรรอข้าสักร้อยปี ต่อให้ข้าไม่ได้กลับไปภพใหม่ของเขาก็จะสูงกว่าเดิมแน่นอน”
“ท่านพฤษก์!”❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃✣❃