No Sugar : 10
พรุ่งนี้ก็จะถึงงานของมหาลัยแล้วครับ ตอนนี้ผมแทบไม่ได้เจอหน้าพี่ฟลอยด์เลย นั่นเพราะพี่เขาต้องซ้อมดนตรี ส่วนผมก็ต้องหาข้าวของเพื่อจะใช้ในงาน ไอ้เชี่ยนัวมันไม่เกรงใจผมแล้วครับ ชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว ผมได้แต่ก้มหน้ารับกรรมไป ให้มันพ้นๆ ช่วงนี้แล้วผมจะได้เป็นอิสระ
“ไอ้เชี่ยต้อม มึงไปแบกน้ำมาสิวะ พวกทำซุ้มเหนื่อย” มองหน้าไอ้นัวนิ่ง แต่ก็ยอมเดินย้อนกลับไปเอาน้ำจากห้องเก็บของ เดินมาถึงก็แจกจ่ายพวกสาวๆ ที่ช่วยกันทำซุ้มต้อนรับ แต่ผมว่า เหมือนนั่งคุยกันมากกว่าเพราะทำเสร็จหมดแล้ว
ปาดเหงื่อที่ไหลลงข้างขมับ วันนี้มันร้อนจริงๆ ผมนั่งลงกับขอบฟุตบาท เดินวันนี้หลายกิโลมาก ขึ้นๆ ลงๆ ตึกยังไม่พอ ต้องเดินไปซื้อของ ซื้อข้าว ซื้ออุปกรณ์ คือเหนื่อยมากจริงๆ
“อะมึง” น้ำเย็นถูกยื่นมาให้ ผมเงยหน้ามองไอ้หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการแค้นๆ แต่ก็รับมาดื่ม “วันนี้โคตรร้อนเหี้ย”
“มึงยืนอยู่เฉยๆ อย่ามาบ่นไอ้สัดนัว” ผมว่า ไอ้คนที่นั่งข้างผมมันก็ขำ
“ไอ้เชี่ยดอยล่ะ หายหัวเลยสัด” นู้น ไปเตะบอลนู้น ไอ้นี่ก็สบายไม่ต้องทำอะไร พอมองไอ้ดอยก็เห็นไอ้ป่านเดินยิ้มแป้นเข้ามาหาพร้อมกับน้องครีม จนไอ้นัวสะกิดผมยิกๆ คงหลงเสน่ห์ความน่ารักของสาวตรงหน้า
“หวัดดีครับครีม มาเฝ้าแฟนเหรอ” ผมรีบสกัดเพื่อนข้างตัว ครีมก็หัวเราะ
“พี่ต้อมพูดไปเรื่อย พี่ป่านเป็นพี่ชายค่ะ” ตาโตมองเพื่อนตัวเอง ไอ้ป่านก็ยิ้มๆ ไม่แก้ตัว
“อะไรวะ” หันไปกระซิบถามไอ้ป่าน
“เรื่องมันยาว เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”
ครีมอยู่คุยกับผมอีกสักพักก็ขอตัวกลับ ไอ้ป่านจะเดินไปส่ง แต่ครีมบอกไม่ต้องเพราะมีคนมารับ เสียงเร่งของมอเตอร์ไซค์คันใหญ่วิ่งมาจอดเทียบ ครีมยกมือไหว้พวกผมแล้วขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายแขนเรียวกอดเอวคนขี่แน่น พอสาวเจ้าขึ้นรถเรียบร้อยรถคันใหญ่ออกตัวไปอย่างเร็วตามความแรงของมัน ไอ้นัวเห็นผมจ้องกดดันมันเลยลุกออกไป
“ยังไงวะ มึงเพิ่งคบกับครีมไม่ใช่เหรอ” ล็อกคอเพื่อนตัวเองแล้วรีบถาม ไอ้ป่านยิ้มแย้มไม่มีท่าทีเสียใจ
“ตอนแรกก็คบแหละ แต่พอคุยไปคุยมา มันไม่ใช่ว่ะ ครีมก็รู้สึกเหมือนกู เราเลยตกลงเป็นพี่น้องกันดีกว่า” ไอ้ป่านมันว่า ผมยังจ้องมันอยู่จนโดนผลักจนหน้าหงาย “จ้องกูหาพ่องมึงสิ”
“ไหนมึงบอกคนนี้จริงจังไงวะ” ยังจำตอนที่มันมาขอให้ผมช่วยได้อยู่เลย ดูมันกระตือรือร้นสุดๆ
“ก็ตอนนั้นมันจริงจังจริงๆ นี่หว่า แต่ตอนนี้เป็นพี่น้องกันดีที่สุด” ไอ้ป่านว่า “แล้วครีมแม่งพากูไปเลือกซื้อชุดชั้นในด้วย กูโคตรอายเลยไอ้สัด”
“เชี่ย” หัวเราะให้กับเพื่อนตัวเอง
“แต่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ” ผมเคารพในการตัดสินใจของเพื่อนเสมอ
“เอาน่า เดี๋ยวมึงก็ได้เจอคนที่ใช่เอง”
“พรุ่งนี้สาวๆ จะมาเยอะ กูจะเล็งเอาสักคน” ขำให้กับความคิดของไอ้ป่าน
การเตรียมงานทุกอย่างเรียบร้อยเกือบๆ จะสามทุ่ม ผมติดรถของไอ้ป่านมาลงที่หน้าหอพัก เดินเอื่อยๆ ขึ้นห้อง วันนี้เดินทั้งวันจนปวดขาไปหมด หน้าห้องขณะกำลังควานหากุญแจในกระเป๋า ช่องประตูด้านล่างมีกระดาษแผ่นหนึ่งเสียบอยู่ ผมก้มลงไปหยิบขึ้นมาดู เป็นกระดาษสีขาวที่พับอย่างดี ด้านในมีข้อความบอกให้ผมไปที่เวทีหน้าตึกวิศวะ ยิ้มให้กับข้อความที่เห็นแล้วรีบเข้าห้องไปอาบน้ำ
เดินสวมแต่กางเกงบอลตัวเดียวออกมานอกห้องพอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
(ทำอะไรอยู่ ทำไมรับช้า)
“ผมอาบน้ำอยู่ พี่มีอะไร”
(อย่าลืมมานะ) เสียงย้ำทำให้ผมขำ
“ถ้าไม่ติดธุระนะ” บอกกันไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าไอ้นัวจะใช้อะไรผมหรือเปล่า
(ถ้าไม่มาพี่จะไปลากมาเอง) เสียงเหมือนจะพูดเล่น แต่ผมว่า พี่ฟลอยด์มันทำจริงแน่
“อย่าโหดได้ป่ะ” ได้ยินเสียงขำจากปลายสายพร้อมๆ กับเสียงดีดกีต้าร์เบาๆ “พี่ยังซ้อมอยู่เหรอ”
(อืม กลัวมันไม่เพราะ คนฟังจะไม่ประทับใจ)
“ขนาดนั้นเชียว” ยิ้มจนปวดแก้ม “รีบๆ ไปซ้อมได้แล้ว ผมจะเข้านอนแล้ว”
(ทำไมวันนี้นอนเร็ววะ) ผมได้ยินเสียงโวยวายจากปลายสาย คงจะเรื่องที่พี่ฟลอยด์ไม่ยอมซ้อมเพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์
“วันนี้เหนื่อยมาก พี่รีบไปซ้อมเถอะ ถ้าไม่เพราะนะผมเดินหนีจริงๆ ด้วย”
(ไม่มีทางที่ต้อมจะเดินหนีพี่หรอก) มั่นใจซะจริงๆ
“จะคอยดู”
วางสายเสร็จผมก็ล้มตัวนอนพร้อมกับข้อความจากไอ้ป่าน มันโวยวายอะไรสักอย่าง ผมเปิดผ่านๆ เพราะตาใกล้จะปิด
ตอนฟ้าสาง ผมถูกไอ้นัวโทรจิกตั้งแต่ตีสี่ ไอ้นี่บ้าพลังเหลือเกิน มันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ งานมันก็มีเกือบทุกปียังมาตื่นเต้นอีก ปีที่แล้วมันแทบไม่อยากลุกจากเตียงจนไอ้ดอยต้องไปลากมันมา น้ำก็ไม่อาบ
ปั่นสุดหวงมาตามทาง เจอไอ้เชี่ยนัวขี่มอเตอร์ไซค์มายกเท้าจะถีบ ดีที่ผมหลบทัน มันจอดรถแล้วหัวเราะเยาะ ผมเลยยกนิ้วกลางใส่ ไอ้เชี่ยนี่กวนขึ้นไปทุกวัน เดี๋ยวสั่งไอ้ดอยจัดการ เห็นแบบนั้นมันกลัวเพื่อนผมนะครับ เพราะเคยต่อยกันแล้วแพ้เพื่อนผม
พอมาถึงหน้าคณะ บรรดาผู้คนก็เริ่มมาจัดเตรียมงานกัน บ้างก็เปิดซุ้มขายผักปลอดสาร บ้างก็ขายนมสดจากฟาร์ม แต่ผมไปสิงอยู่กับไอ้ดอยที่กำลังปั่นเครื่องทำไอศกรีมจากนมสด
“มึง กูชิมหน่อยสิ” สะกิดไอ้ดอย มันทำหน้าเซ็งแต่ก็ตักไอศกรีมให้ผมถ้วยหนึ่ง อร่อยดีนะครับ ทำจากนมสด เดินกินไปดูความเรียบร้อยไป เห็นไอ้ป่านวิ่งวุ่นคงจะประสานงานกับคนอื่นๆ อยู่ หัวเราะสมน้ำหน้าที่มันวุ่นวายแต่สุดท้ายผมก็วุ่นวายไม่ต่างจากมัน
สาเหตุจากไอ้นัวอีกตามเคย สั่งนั่นนี่จนผมต้องแตะมันไป มันเบิกตาโตแล้ววิ่งไล่เตะผมคืน กว่างานจะเปิดพวกผมก็หน้ามัน หน้าเยิ้มกันไป
แปดโมงครึ่งงานเปิดอย่างเป็นทางการ ผู้คนมากมายเริ่มเดินเข้ามาเยี่ยมชมแต่ละคณะที่จัดเตรียม เห็นไอ้ชัยเพื่อนในคณะบอกว่าปีนี้คนเยอะมากโดยเฉพาะสาวๆ รู้เพราะมันไปดูพิธีเปิดมา ผมเดินไปประจำบูทขายไอศกรีมกับไอ้ดอย สาวหน้าตาจิ้มลิ้มเดินมาซื้อกันเป็นแถว นั่นเพราะเดือนคณะปีหนึ่งสองสามรวมตัวที่นี่กันหมด คงเพราะร้านนี้เย็นสุดละมั้ง เล่นเอาพัดลมไอน้ำมาเปิดซะขนาดนี้ แต่ผมก็ชอบนะครับ เย็นดี
“ไอ้เชี่ย น่ารัก” ผมหันตามไอ้เสนสะกิด เด็กมัธยมน่ารักใสๆ ดัดฟันสไตล์ไอ้นี่เลยครับ
“เอ่อ น่ารักดี” ให้ความเห็นมัน มันดูพอใจจนอยากจะขอเบอร์ แต่ผมว่า น้องเขาสนใจไอ้เดือนปีหนึ่งมากกว่า
ผมเดินออกจากบูทไอศกรีมมาร้านขายผักปลอดสารพิษ โซนนี้คนจะน้อยหน่อย มีแต่บรรดาคนมีอายุนิดๆ ที่สนใจจะซื้อหรือดูวิธีการปลูกผักแบบไม่ใช้ดิน เดินผ่านไปร้านขายนมต่อ แล้วก็ต้องรีบเดินกลับ เพราะร้านนี้มีแต่ผู้ชายมาต่อแถว เล่นคัดสาวสวยของคณะมาขาย แบบนี้ผู้ชายถึงเยอะ แต่ถ้าได้รู้จักท่าแท้ของสาวสวยทุกคนละก็ จะวิ่งหนีกันหมด
แรงสะกิดจากแขนเสื้อทำให้ผมหันไปมอง สาววัยรุ่นสามคนยืนยิ้มให้ผม
“พี่คะ คณะวิศวะไปทางไหนเหรอคะ” เสียงใสถาม ผมก็ชี้มือไปอีกด้าน “ทางนู้นเหรอคะ”
“อ่าครับ” ยิ้มให้ จนน้องหนึ่งในสามตาโตแล้วรีบกดมือถือยิกๆ
“พี่เอฟทีไอซ์แลนด์ใช่มั้ยคะ” น้องคนที่กดมือถือเงยหน้าขึ้นมาถาม เพื่อนอีกสองคนรีบหันขวับมามองผม “จริงๆ ด้วย ใช่จริงๆ” ท่าทางตื่นเต้นจนผมเริ่มกลัวนิดๆ น้องสามคนเริ่มคุกคามผมจนต้องถอยหลัง
“งั้น...พี่ต้อมใช่มั้ยคะ” รู้จักชื่อผมอีก แล้วเพจนั่นไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มเพื่อนผมหรอกเหรอ
“กรี๊ด พี่ต้อมจริงๆ ด้วย” น้องสามคนเกาะแขนผมแล้วกระโดดดีใจจนคนเริ่มมอง
“เอ่อ” เริ่มประหม่า
“คือทางเพจเขาประกาศว่าพี่ฟลอยด์จะร้องเพลงที่คณะวิศวะ พวกเราเลยมาค่ะ แต่ไม่รู้ร้องกี่โมง เจอพี่ต้อมก็พอดีเลย งั้นเราไปด้วยกันนะคะ” ยังไม่ได้รับปากก็ถูกดึง แต่ผมรั้งตัวเองไว้ทัน
มิน่าล่ะ สาวๆ ถึงเยอะ มาดูคนร้องเพลงนี่เอง
“พี่ยังต้องดูแลคณะพี่อยู่ครับ” ตอบแบบเกร็งๆ รู้สึกวางตัวไม่ถูก
“งั้นพี่รู้หรือเปล่าคะ ว่าเขาเล่นดนตรีกี่โมง”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ” ส่ายหน้าพร้อมกับตอบคำถาม
“ทำไมไม่รู้อ่า แฟนพี่เล่นดนตรีนะคะ” เม้มปากกับคำว่าแฟน ผมจ้องดวงตาเป็นประกายของเด็กๆ กลุ่มนี้ คงคิดไปไกลมากทีเดียว
“ลองไปถามที่คณะดูนะครับ เพราะพี่ก็ไม่รู้เวลาเหมือนกัน” บอกไปอีกที เด็กๆ หน้างอ แต่ก็พยักหน้าและบอกให้ผมรีบตามมา
ฟู่ว ถอนหายใจหลังจากเด็กกลุ่มนั้นเดินไป ผมไม่ชินกับการถูกเข้าหาแบบนี้เลยให้ตาย
จากนั้นผมก็เดินเตร็ดเตร่ไปทั่วคณะ พอเบื่อของตัวเองก็เดินไปดูที่อื่นหลังจากหมดหน้าที่ ใจจริงอยากปั่นสุดหวงมากกว่าแต่ขี้เกียจวกไปเอาที่ลานจอด เดินไปเรื่อยๆ เจอคนรู้จักก็ทักทาย ส่วนคนไม่รู้จักถ้ายิ้มมาผมก็ยิ้มตอบ
ไปถึงคณะไอ้กลอย ผมเห็นมันยืนยิ้มให้คนถ่ายรูปมากกว่าทำงานซะอีก เดินดูรูปที่ถูกวาดมาตั้งขาตั้งโชว์ บางรูปก็สวย บางรูปก็อาร์ตไปจนผมดูไม่ออก จ้องแล้วจ้องอีก ยังไงมันก็เป็นรูปเหมือนวาดเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่สี
“มึงจ้องจนจะสิงรูปอยู่แล้ว” เสียงที่ดังจากด้านหลังทำให้หันไปมองพร้อมยิ้มให้
“ก็กูดูไม่รู้เรื่อง” ผมตอบไอ้กลอย มันก็เดินอ้อมรูปไปด้านหลังแล้วโผล่หน้ามา
“เพราะมึงยังไม่เข้าถึงหัวใจของศิลปะไง การดูรูปต้องใช้ใจดูเว้ย ใช้ตาดูไม่ได้” ผมเดินหนีมาดูรูปอื่นปล่อยให้มันบ้าคนเดียว ก่อนมันจะโวยวายแล้วเดินตามมา
“ทิ้งกูให้พูดอยู่คนเดียวไอ้สัด” หัวเราะให้กับมัน แต่ก็เดินฟังมันอธิบายรูป “เอ่อ แล้วมึงไม่ไปดูดนตรีเหรอวะ เห็นเพื่อนกูบอกพี่ฟลอยด์จะเล่นดนตรีให้มึงฟัง”
“เชี่ย เอาข่าวมาจากไหน” ตาโตสิครับ พูดมั่วๆ แบบนี้
“จากเพจคู่มึงไง อีเข็มเพื่อนกูวี๊ดว๊ายเป็นปลาไหลถูกขี้เรื่อยตั้งแต่เช้า” ผมส่ายหน้าให้กับข่าวลือมัวๆ แม้พี่ฟลอยด์มันจะร้องเพลงจริง แต่ทำไมต้องร้องให้ผม คนเยอะออกขนาดนี้
เดินกับไอ้กลอยจนรอบคณะ มันก็ชวนไปที่อื่น เราสองคนเดินเข้าออกคณะนั้นคณะนี้จนเมื่อย ได้น้ำเย็นๆ จากคณะบริหารมาคนละแก้ว คนที่เอาให้ก็เพื่อนพี่ฟลอยด์นั่นแหละครับ จำผมได้แถมยังลากไปเล่นเกมส์ทายปัญหา คนโง่ตัวเลขอย่างผมไม่มีทางรอดครับ
“เกือบเที่ยงแล้วว่ะ ไปวิศวะกัน” มองไอ้กลอยพูดเหมือนขัดกันแปลกๆ หิวแต่ไปวิศวะ
“หิวมึงก็หาข้าวกินสิวะ จะไปทำไมคณะนั้น” ไอ้กลอยมันจ้องผมเหมือนผมพูดผิดมาก
“คณะนั้นก็มีข้าวไข่เจียวขาย อีเข็มอัพรูปเมื่อกี้ แล้วก็บอกดนตรีเริ่มแล้ว” พยักหน้าไปส่งๆ
ผมกับไอ้กลอยเดินตามทางมาถึงคณะที่มีสาวๆ เยอะที่สุด อาจเพราะดนตรีที่กำลังเล่นสดๆ อยู่บนเวที สงสัยจะคัดหน้าตาคนเล่นมา ทั้งมือกลอง มือกีต้าร์ มือเบส หรือแม้แต่นักร้องนำ
“ทำไมไม่เห็นพี่ฟลอยด์วะ” ไอ้กลอยบ่น ผมก็ส่ายหน้า “มึงลองโทรหาพี่เขาสิ”
“เชี่ย ทำไมกูต้องโทร”
“อ่าว มึงจะได้รู้ว่าพี่เขาเล่นตอนไหนไง โง่จริง” ตบหัวมันไปทีจนมันมองค้อน ผมส่ายหน้าก่อนเดินไปยังร้านขายข้าวไข่เจียวที่ไอ้กลอยบอก กลิ่นหอมชวนท้องร้อง แต่ยังไม่ทันได้สั่ง เสียงกรี๊ดบนเวทีก็ดังลั่น ขนาดแม่ค้าร้านขายข้าวยังกรี๊ดด้วย
โดนดึงให้กลับมายืนดูที่เดิม ไอ้เชี่ยกลอยดูตื่นเต้นเมื่อเห็นคนที่เคยตามจีบมันยืนเด่นอยู่ตรงกลางแทนนักร้องที่ชื่อมอส แรงสะกิดด้านข้างจากไอ้ป่าน มันส่งยิ้มเผื่อแผ่ไปยังเพื่อนต่างคณะ
“มาดูไม่ชวนกูเลยนะมึง” ไอ้ป่านก้มมากระซิบ
“กูไม่ได้ตั้งใจมา ถูกไอ้นี่ลากมา” กระซิบกลับ ไอ้ป่านก็พยักหน้าเบาๆ
เสียงไมค์บนเวทีหอนเบาๆ ก็เรียกเสียงกรี๊ดได้ ผมละอยากขำ ขนาดยังไม่ได้พูดสักคำ
“สวัสดีครับพี่ๆ น้องๆ ที่น่ารักทุกคน” เสียงพี่มอส นักร้องนำคนแรกที่ร้องทักทาย เสียงกรี๊ดมากมายจนต้องยกมืออุดหู “วงคิสมียินดีต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงานของคณะวิศวะของพวกเรา หากตอนนี้ใครเหนื่อย ใครหิว เชิญเข้ามาที่คณะเราได้ เรามีอาหารอร่อย ที่นั่งเย็นๆ และมีดนตรีให้รับชมรับฟัง แถมคนร้องยังหล่อมากอีกด้วย” พี่มอสเก๊กหล่อจนสาวๆ กรี๊ดอีกระลอก
อยากกลับเหี้ยๆ
“ผมขอแนะนำสมาชิกก่อนนะครับ ผมชื่อมอสเป็นนักร้องนำ ด้านหลังมือกลองชื่อไฉ ไอ้นี่หน้าตางั้นๆ” พี่มือกลองตีรับมุกเรียกเสียงฮา “ด้านซ้ายมือกีต้าร์ชื่อเบส แต่ดันมาเล่นกีต้าร์” พี่แกตลกได้อีก “ด้านขวามือเบสชื่อฮิปฮอป แต่ฉายาของเขา คือฮิปโป” ส่ายหน้าให้กับการแนะนำตัว จะเอาฮาใช่มั้ยวะเนี่ย คงมีผมคนเดียวที่เบ้ปาก เพราะคนอื่นๆ ดูจะชื่นชอบ ฟังได้จากเสียงกรี๊ดจนแก้วน้ำแทบแตก
“คนสุดท้ายแล้ว” ไอ้กลอยกระซิบ ผมยืนจ้องคนสุดท้ายที่ยืนอยู่ข้างๆ พี่มอส ใบหน้าหล่อกับผมที่ถูกเซ็ทมาอย่างดี เสื้อยืดคอวีสีดำกับกางเกงสีดำขาดๆ ดูเหมาะ “คนๆ นี้เขามาในวาระพิเศษของเขาครับ เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก ใช่มั้ยครับ”
“ค่า” เสียงขานรับดังเซ็งแซ่
“แล้วรู้มั้ยพี่เขาชื่ออะไร”
“พี่ฟลอยด์” เสียงเรียกชื่อดังจนเจ้าของชื่อยิ้มเบาๆ
“อ่า นั่นแหละครับชื่อของเขา เรามาฟังเขาพูดบ้างดีกว่า” พี่มอสเดินไปด้านหลัง พี่ฟลอยด์เลยเดินมายืนตรงไมค์โคโฟนที่ตั้งบนขาตั้งกลางเวทีแทน
“สวัสดีครับ” รอยยิ้มแสนดูดีเรียกเสียงกรี๊ดได้ทั่วงาน ขนาดอาจารย์ที่ยืนอยู่แถวนั้นยังส่งเสียงให้ “ต้องขอออกตัวก่อนว่าผมพูดไม่ค่อยเก่ง แต่เพราะคนๆ หนึ่งทำให้ผมอยากมายืนอยู่ตรงนี้ คนที่ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เขาทำให้ผมยิ้มแม้ผมจะทุกข์มาก แค่มีเขาอยู่ข้างๆ ผมก็มีความสุข”
“เชี่ย พูดซะกูขนลุก” เสียงไอ้กลอยดังขัดจนผมต้องเหล่ตามอง
“นี่ไอ้ฟลอยด์เหรอวะ” เสียงอีกด้านทำให้ผมหันขวับ พี่เกนยืนกอดอกอยู่ข้างไอ้ป่านมองเพื่อนตัวเองบนเวที
“เขาคนนั้นไม่ใช่คนอ่อนหวาน ไม่ได้พูดจาไพเราะ แต่ทุกคำที่พูดล้วนมาจากใจ ผมเลยมีเพลงๆ หนึ่งอยากจะร้องให้เขาฟัง เผื่อเขาจะยอมให้อภัยที่ผมเคยทำผิดพลาดและยื่นโอกาสให้กับผมใหม่อีกครั้ง” รู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองจากเวที “ห้ามเดินหนีพี่นะ” แค่นี้เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกลองที่เริ่มนับจังหวะ
“มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้” ดวงตาพราวของคนร้องกำลังจ้องมาทางผมจริงๆ
“มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ใจฉัน ไม่ยอมหยุดเสียที แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส แม้ว่าฉันต้องพลาดไปกี่สักที แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้” เสียงนุ่มพร้อมแววตาอบอุ่นทำให้สาวๆ เริ่มเคลิ้ม
“หวานมาก” เสียงไอ้กลอย
“เลี่ยน” เสียงพี่เกน
“ดีออก” เสียงไอ้ป่าน
“ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม ถ้ารอให้ฉัน หยุดหัวใจ คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน” แล้วผมต้องทำยังไง
“ซึ้งมาก” เสียงไอ้กลอย
“น้ำเน่า” เสียงพี่เกน
“ดีออก” เสียงไอ้ป่าน
“มันคงเป็นความรัก ที่เปลี่ยนคำว่าชีวิต ให้ฟังดูมีความหมาย มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้การรอคอยเป็นเรื่องง่ายดาย แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส แม้ว่าฉันต้องพลาดอะไรมากมาย แต่ว่าการรอคอยนี่ก็คุ้มเพราะมีเธอเป็นจุดหมาย” พี่ฟลอยด์ชี้นิ้วมาที่ผม ทุกคนต่างก็หันตามมาพร้อมกับเสียงกรี๊ด
เล่นแบบนี้เลยเหรอวะ ผมปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อถูกมอง บางคนถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งโคตรน่ากลัว
“จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน” เสียงโซโล่กีต้าร์ดังขึ้น ไอ้เชี่ยกลอยมันขอดอกกุหลาบของเด็กที่กรีดร้องมาหนึ่งดอกแล้วยื่นให้ผม ผมก็ทำหน้างงจนมันดันหลังให้ผมเดินฝ่ากลุ่มคนไปหน้าเวที
ตอนนี้กล้องมือถือมากมายกำลังมุ่งมาทางผม ไอ้กลอยยังดันหลังให้ผมเดินต่อทั้งที่อยากจะวิ่งหนี ผมเงยหน้ามองไปบนเวทีเมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้า เห็นพี่ฟลอยด์ยิ้มตาหยีมองมา เชี่ยเอ้ย เกิดมาไม่คิดว่าจะต้องมาทำแบบนี้กับผู้ชาย
เขินน่ะใช่ แต่ผมไม่ชิน
หน้าเวที ไอ้กลอยกระซิบให้ผมยื่นดอกไม้ให้ ด้วยความลนผมก็ยื่นให้ตามที่ได้ยิน แล้วเสียงกรี๊ดก็แทบจะทำลายล้างแก้วหูเมื่อพี่ฟลอยด์ย่อตัวนั่งลงแล้วยื่นมือออกมารับ พร้อมกับเสียงคร่ำครวญที่ฟังไม่ได้ศัพท์
“อีเหี้ย กูจะตายแล้วค่า”
“รีบตายไปซะอีเข็ม”
ได้ยินไอ้กลอยตะโกนด่าแข่งกับเสียงกรี๊ด คงจะเป็นเพื่อนของมัน ผมได้แต่ก้มหน้าเม้มปาก หน้ามันร้อนไปหมด หัวใจก็เหมือนจะออกมาเต้นอยู่ด้านนอก
“ในวันที่เธอนั้นไม่มีใคร ในวันที่โลกนี้ทิ้งเธอไป ในวันนั้นหันมามองเถอะ ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้” พี่ฟลอยด์ขยิบตาให้ผมพร้อมยิ้มกว้าง
“และจะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม ถ้ารอให้ฉัน หยุดหัวใจ ถ้ารอให้ฉันหันหลังเดินลับหายไป ได้ยินมั้ย คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน...” เมื่อเพลงจบแต่เสียงกรี๊ดกร๊าดยังดังอยู่ต่อเนื่อง ยิ่งพี่ฟลอยด์กระโดดลงมาจากเวที ผู้คนก็แหวกออกเป็นวงกลมล้อมรอบผมกับพี่ฟลอยด์ ส่วนไอ้เชี่ยกลอยหายไปไหนไม่รู้
พี่ฟลอยด์ย่อตัวคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วยื่นดอกกุหลาบที่ผมให้เมื่อกี้มาตรงหน้า ผมหันซ้ายหันขวาเห็นแต่มือถือหลากหลายยี่ห้อกับสายตาที่กดดันให้ผมรับดอกกุหลาบนั้น จ้องดอกไม้สีแดงตรงหน้าก่อนจะกลั้นใจยื่นมือไปรับพร้อมกับมีเสียงกีต้าร์ดีดเบาๆ รับตอนจบของเพลง
“มันคงเป็นความรัก...” สบตาคู่นั้นแล้วเขินอย่างจริงจัง “ขอบคุณนะที่ไม่เดินหนีพี่”
อยากจะตะโกนบอกว่า เพราะมันเดินหนีไม่ได้ต่างหาก
นักดนตรีวงแรกที่ขึ้นร้องของพี่มอสเดินลงเวทีแล้วเปลี่ยนเป็นวงอื่นขึ้นแทน คงร้องหลายเพลงมาแล้ว พี่ฟลอยด์เลยจูงมือผมไปด้านหลังเวทีท่ามกลางกล้องมากมายมหาศาลที่กดถ่ายรัวๆ อีกเดี๋ยวรูปผมคงแพร่สะพัดไปทั่วเพจแน่
“โห ไอ้เหี้ยฟลอยด์แม่งกล้าว่ะ” พี่ที่เล่นกลองตบบ่าพี่ฟลอยด์ดังปึก
“มิน่าๆ” พี่ที่เล่นเบสจ้องหน้าผมพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์
“มึงย้ายมาร้องนำเลยมั้ย” พี่ที่เล่นกีต้าร์ถูกตบหัวจากนักร้องนำตัวจริงของวงจนผมแอบขำ
“หุบปากมึงเลยไอ้เชี่ยเบส” พี่มอสตะคอกเพื่อนตัวเองแล้วจ้องผมนิ่ง “มึงทำให้เพื่อนกูเพี้ยน”
เสียงหัวเราะเฮฮาดังอีกระลอก ก่อนพวกไอ้กลอย ไอ้ป่านแล้วพี่เกนจะเดินมาสมทบ ผมล็อกตัวไอ้คนที่พาผมไปยืนจุดๆ นั้น ไอ้เชี่ยกลอยดิ้นพล่านแล้วรีบชี้มือชี้ไม้ไปทางพี่ฟลอยด์
“มึงต้องลงโทษแฟนมึงนู้น พี่ฟลอยด์บอกให้กูทำ” ไอ้กลอยว่า พี่ฟลอยด์ตาโตแล้วขำ แปลว่ายอมรับ
“แต่พี่แม่งเจ๋งสุดอะ” ไอ้ป่านยกนิ้วโป้งให้ แต่หันขวับไปมองคนที่พูดขัด
“บ้ามากกว่า” พี่เกนกอดอกเบะปาก
“ดีออก” ไอ้ป่านว่าจนพี่เกนถลึงตาใส่
“มึงด่ากูใช่มั้ย ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ” พี่มอสรีบพุ่งคว้าพี่เกนก่อนที่จะถึงตัวไอ้ป่าน นี่ก็โหดเกินไป ผมรีบดึงไอ้ป่านมาอยู่ด้านหลัง “มันกวนตีนกูเหี้ยๆ”
“ใจเย็นมึงไอ้เชี่ยเกน ก็มึงปากหมานี่หว่า” พี่มอสว่าขำๆ
“มึงด่ากูอีกไอ้เชี่ยมอส” คนถูกขำดูไม่ชอบใจ
“เอาน่าๆ อย่าใจร้อนพวก” พี่มือเบสเดินมากอดคอพี่เกน “คืนนี้ร้านเดิม ไอ้ฟลอยด์เลี้ยง” ผมหันขวับทันที ใจสปอร์ตอีกแล้ว พี่ฟลอยด์ยิ้มนิดๆ ไม่เถียง แปลว่าจะเลี้ยงจริงสินะ
“พวกน้องก็มาด้วยนะ คนเยอะสนุกดี” พี่มือกลองเอ่ยชวน “โดยเฉพาะเมียเพื่อน พามาด้วยนะเว้ย อย่ามัวแต่จู๋จี๋บนเตียง” ถ้าผมต่อยปากพี่ได้คงทำไปแล้วว่ะ
“แล้วน้องก็มาด้วยนะ” พี่มอสขยิบตาให้ไอ้กลอย ไอ้เกรียนมันกระพริบตาปริบๆ คงจะหลงเสน่ห์เกรียนๆ ของมันละสิ ก่อนมันจะโวยวายเมื่ออ่านข้อความในมือถือ
“ชิบหาย ผมขอตัวก่อนนะ กูไปก่อนนะมึง เกิดเรื่อง” ผมรีบคว้ามันไว้เพราะเป็นห่วง “พี่โชกำลังเผชิญหน้ากับเด็กปีหนึ่ง” ไอ้กลอยบอกรัวๆ แล้วรีบวิ่งไป...งานเข้ามันสินะ มัวแต่ยุ่งเรื่องคนอื่น เรื่องตัวเองอาจจะเอาไม่รอดได้
เก็บของทุกอย่างเสร็จ ผม พี่ฟลอยด์ ไอ้ป่านแล้วก็พี่เกนก็เริ่มเดินไปทั่วมหาลัย โดยเฉพาะคณะอักษรดูจะมีคนชอบมากเป็นพิเศษ แต่สำหรับผมมันก็ไม่น่าเดินเที่ยวหรอก เพราะไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีแต่คนซุบซิบเรื่องหน้าเวทีเมื่อกี้ แต่พี่ฟลอยด์ดูไม่แคร์อะไร พี่แกยังไปเล่นโยนห่วงเอาตุ๊กตากับพี่เกนแล้วก็ไอ้ป่าน
“เอ่อ” เสียงเรียกด้านหลังทำให้หันไปมอง “ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยคะ”
“ครับ?” ชุดศึกษามหาลัยอื่น แถมน่ารักซะด้วย
“คือเราขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ” นี่ผมกำลังถูกจีบอยู่หรือเปล่า ขี้ตู่นิดๆ ช่างปะไร รีบพยักหน้าแล้วยิ้มหล่อหน้ากล้องมือถือ พอถูกถ่ายรัวๆ เสร็จ นักศึกษาน่ารักสองคนก็ยิ้มสวยแล้วบอกว่าเป็นแฟนคลับเพจเอฟทีไอซ์แลนด์อะไรนั่น
“รักกันนานๆ นะคะ พวกเราเชียร์อยู่ค่ะ” รอยยิ้มน่ารักจากไป ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ
ปิดตำนานความหล่อของไอ้ต้อมแล้วจริงๆ ผู้หญิงไม่มองเลยทีเดียวเชียว เปิดมาตอนแรกยังมีคนขอไลน์เพราะผมหล่ออยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นแฟนคลับคู่วายไปซะหมด เฮ้อ หมดกันสุภาพบุรุษชาวเกษตร
....TBCพี่ฝอย เอ้ย พี่ฟลอยด์มาหวานแบบเงียบๆ ค่าาา >w<