No Sugar : 16.1
เพราะได้รับความช่วยเหลือจากไอ้กลอย ผมเลยจะเลี้ยงตอบแทน แต่มันติดตรงที่แฟนของมันหรือพี่โชไม่อนุญาตให้ออกมาตอนกลางคืน มาตอนค่ำก็เลี้ยงเหล้านั่นแหละครับ คุยไปคุยมา ถูกมันชวนให้มากินที่คอนโดซะงั้น ไอ้ผมมันก็ไม่เท่าไหร่หรอก คนเป็นปัญหาหลักๆ ยืนอยู่ข้างผมนี่แหละครับ
หน้าลิฟต์ที่ด้านข้างมีไอ้ทูกับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง เห็นไอ้ทูเรียกพี่เบอะไรนี่แหละ ผมทักทายมันปกติ แต่มันที่เป็นคนไม่ปกติ เมื่อเห็นหน้าพี่ฟลอยด์ไอ้ทูก็ทำหน้าเหมือนเห็นผีจนพี่เบของมันตกใจ อยากขำแต่ขำไม่ออก เหมือนพาเสือเข้าถ้ำสิงอะไรแบบนั้นเลย
พี่ฟลอยด์ทำหน้าตาเฉยๆ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา แต่ผมก็รู้ว่ากำลังกังวล คงคิดไม่ออกว่าจะทำหน้ายังไงเมื่อต้องเจอพี่โช ทะเลาะกันมาเยอะ เรียกฉายาก็ยังมี พอนึกก็ขำออกมา
“ขำอะไร” เสียงนิ่งๆ ถาม ยังมีไอ้ทูกับพี่อีกคนก็มองมาที่ผม คงจะขำเสียงดังไปหน่อยละมั้งนะ
“นึกถึงฉายาที่พี่โชเรียกพี่น่ะสิ” ผมว่าปนขำ คนมีฉายาจิ๊ปากไม่ชอบใจ
“ฉายาไรวะ” ไอ้ทูยื่นหน้ามากระซิบแล้วรีบผละออกเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมาไม่ค่อยเป็นมิตร ได้ยินพี่คนข้างๆ กระซิบว่าไปยุ่งเรื่องคนอื่นทำไมด้วย
ผมมองหน้าพี่ฟลอยด์แล้วขำออกมาอีกรอบ “พี่ฝอยขัดหม้อ” พูดออกมาจนคนในลิฟต์ที่ไม่เคยได้ยินทำตาโต แต่เจ้าของฉายาหันหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์
“นึกออกแล้ว” อยู่ๆ พี่ที่ยืนข้างไอ้ทูก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก นิ้วชี้มาที่พี่ฟลอยด์จนคนถูกชี้มองด้วยความฉงน “นายคนนั้นนั่นเอง”
“พี่รู้จักเหรอ” ไอ้ทูถามตาโต
“ไม่รู้จัก”
“อ่าว” ผมกับไอ้ทูร้องพร้อมกัน
“แต่จำหน้าได้ไง ที่เคยไปกับไอ้กลอยที่ตึกอะไรสักอย่าง ที่ไปเปิดโปง สายลับ โอย สับสน” พี่เบของไอ้ทูสะบัดหน้าไปมาจนถูกมือไอ้ทูยื่นไปนวดขมับ
“จูนหน่อยๆ”
“เชี่ย แต่จำได้จริงๆ แล้วฉายาเมื่อกี้ได้ยินไอ้โชมันพูดถึงอยู่ ฝอยๆ หม้อๆ อะไรนี่แหละ”
“ฝอยขัดหม้อพี่”
แล้วสองคนก็หันหน้าหนีเมื่อเจอสายตาอำมหิตของเจ้าของฉายา ผมได้แต่หัวเราะร่วนอยู่คนเดียว จนมีเสียงมากระซิบข้างหูว่าให้หยุด แต่ผมก็ยังปิดปากขำอยู่ดี
ประตูลิฟต์เปิดออกผมกับพี่ฟลอยด์ก็ก้มไปหยิบถุงที่วางที่พื้นแล้วก้าวออกไป ไอ้ทูรีบเสนอตัวเข้ามาช่วย เราเลยเดินถือของคนละไม้ละมือมาที่ห้องที่ไอ้กลอยบอก เคาะไม่กี่ทีประตูก็เปิดออก คนที่โผล่หน้าออกมาก็ไอ้กลอยนั่นแหละครับ มันเห็นพวกผมก็ยิ้มแป้นแล้วกวักมือให้เข้าไป
“โห เอาไรมาเยอะแยะเนี่ย” ไอ้กลอยมองถุงที่ช่วยกันหิ้วเข้าไปอย่างตกใจ
ของพวกนี้ก็มีพวกของกิน กับแกล้มแล้วก็ขนม ซึ่งพี่ฟลอยด์เป็นคนเลือก พอเข้ามาในห้องก็เจอคนนั่งล้อมวงมีเหล้าขวดใหญ่วางอยู่ตรงกลาง คงเริ่มไปแล้วสินะ
“พี่ๆ นี่เพื่อนผมเอง มันชื่อไอ้ต้อม แล้วนี่พี่ฟลอยด์” ไอ้กลอยแนะนำผมกับคนที่นั่งในวงเหล้า ทุกคนก็พยักหน้ารับแล้วสนใจแก้วเหล้าตัวเองต่อ แต่เห็นมีคนหนึ่งที่จ้องมาทางผม ไม่สิ จ้องมาที่คนข้างๆ ผมมากกว่า “นั่งเลยๆ พี่ฟลอยด์นั่งเลย” ถูกไอ้กลอยพามานั่งในวงด้วย ซึ่งทุกคนก็ขยับขยายให้
“อะๆ แก้ว” พี่รูปร่างท้วมนิดๆ ยื่นแก้วสองใบมาให้ผมก่อนยื่นขวดเหล้ามาให้ด้วย
“ขอบคุณครับ” ผมว่าพร้อมยกมือไหว้
“โอ้ย แม่ง เด็กแบบนี้สิถึงจะน่ารัก อย่างไอ้เกรียนกูก็ไม่ไหว” แล้วทุกคนในวงก็พากันหัวเราะ ผมมองเพื่อนตัวเองอย่างงงๆ
“ถ้าพี่ตินจะพูดแบบนี้ ปลาหมึกนี่ก็ไม่ต้องกิน” ไอ้กลอยยกจานปลาหมึกทอดกรอบออก แต่พี่ที่เอาแก้วให้ผมรีบคว้าจานไว้
“โถๆ พี่ขอโทษ แม่ง ขี้น้อยใจ”
ทุกอย่างดูวุ่นวายในความรู้สึก พี่ฟลอยด์จิบน้ำสีอำพันเงียบๆ ไม่มีปากมีเสียง หลายครั้งถูกถามก็ตอบแบบเรียบๆ ยังดีที่เพื่อนพี่โชเป็นกลุ่มสนุกสนาน ทุกคนเลยไม่ใส่ใจอาการทางสีหน้าของคนแปลกหน้า
“อยากกลับ” เสียงกระซิบเบาๆ ข้างหูผม พอหันไปมอง ใบหน้าพี่ฟลอยด์ดูไม่สนุกจริงๆ นั่นแหละครับ
“อีกแป๊บ” ผมบอก เพราะเพิ่งมาถึงจะกลับเลยก็ดูเสียมารยาทไปนิด
ผมนั่งฟังเพลงจากเพื่อนไอ้กลอยที่ชื่ออัธ มันร้องเพลงเพราะดีนะครับ เห็นว่า คนนี้คือคนที่ช่วยหาข้อมูลมาให้ แต่ผมยังไม่ได้คุยอะไรด้วย อยากจะขอบคุณอยู่เหมือนกัน
คาราโอเกะถูกเปิดและเปลี่ยนไมค์กันร้อง ขอบอกว่าตอนนี้ชิปหายวายป่วงมาก เสียงพี่ๆ แต่ละคนอยากจะรีบจองตั๋วเครื่องบินให้พี่เขาไปออกตามหาคีย์เพลงซะเหลือเกิน แล้วก็ชอบร้องเพลงที่คีย์สูงๆ อย่าง Silly Fools หรือ 25 hours จะว่าตลกก็ตลกนะ แต่มันแสบแก้วหูเกินไป
“ไอ้ฝอย มึงร้องสักเพลง” ผมหันขวับมองพี่โชที่ยื่นไมค์มาทางพี่ฟลอยด์ แล้วดูชื่อที่พี่โชเรียก เหมือนจะหาเรื่องกันเลย สีหน้าพี่ฟลอยด์เริ่มบึ้งตึงจนกลัวจะมีเรื่อง
“เดี๋ยวผมร้องเอง” รีบเสนอตัว แต่พี่ฟลอยด์ยื่นมือไปรับไมค์
“สรุป มึงชื่อฟลอยด์หรือฝอยวะ” พี่ที่ชื่อแทมถาม พี่คนนี้เสียงระดับปรมาจารย์แห่งความเพี้ยนเลยนะครับ
“ชื่อฟลอยด์...ครับ” มีหางเสียงด้วยวุ้ย คงเพราะพี่ๆ ทุกคนอายุเยอะกว่าด้วย ผมได้ยินพี่โชขำในลำคอนิดๆ เมื่อได้ยินหางเสียงนั่น
“ชื่อมันเข้ากับหน้าตา แล้วทำไมมึงเรียกไอ้ฝอยวะ” พี่ตินหรือพี่ที่เอาแก้วให้ผมถามเพื่อนตัวเอง
“ไอ้เชี่ยติน” โดนพี่เบตบหัวเต็มๆ จนหน้าบูด
“ตบหัวกูทำพ่อง”
“มึงจำไม่ได้เหรอ ไอ้เด็กนี่ที่เป็นอดีตกิ๊กไอ้เกรียนไง”
ประโยคบอกเล่าจบลง สายตาทุกคู่ก็จ้องมายังคนที่ถือไมค์อยู่
“อ่าวจริง?” พี่แทมครับ ไม่ต้องยื่นหน้ามาใกล้พี่ฟลอยด์ขนาดนั้น “มันหล่อสูสีนี่เอง”
“พวกพี่พูดไม่เกรงใจแฟนพี่ฟลอยด์เลยนะ มันนั่งอยู่ข้างๆ นั่นน่ะ” ไอ้กลอยรีบขัดขึ้นมา เพราะโดนพี่โชล็อกคออยู่
“อ่าวจริง?” หน้าพี่แทมย้ายมาที่หน้าผมครับ แต่ผมถูกพี่ฟลอยด์ขยับเข้ามาบังจนพี่แทมต้องถอยกลับไปนั่งตามเดิม “แม่ง ขี้หวงเหมือนเพื่อนกูอีกละ เซ็ง” ส่ายหน้าแล้วเลือกเพลงที่จะร้อง
“แล้วไอ้ซันกับไอ้จอมมันจะไม่มาเหรอวะ กินจนเหล้าจะหมดขวดอยู่แล้ว” พี่เบพูดขึ้นมา ทุกคนเลยเลิกสนใจพี่ฟลอยด์กับผม
“เห็นว่าใกล้ถึงแล้ว” พี่โชเป็นคนบอก “มึงร้องสิ ไอ้เชี่ยแทมวางไมค์เลย เสียงมึงอย่างกับฮิปโปออกลูกไอ้สัด” พี่โชตะโกนด่าเพื่อนตัวเองที่เริ่มโยกไปกับจังหวะ
“ขัดกูตลอด เซ็ง” พี่แทมอ้าปากจะร้องก็ต้องรีบหุบแล้วปิดเพลงที่ตัวเองเลือก พี่แกไม่ให้ใครร้องครับ เพราะจะร้องเองหลังจากพี่ฟลอยด์ร้องจบ มีจองคิวด้วยนะ
“ทำไมต้องให้ไอ้ฝอย เอ้ย ฟลอยด์ร้องวะ” พี่ตินถาม
“กลอยบอกมันร้องเพลง” ไอ้กลอยรีบพยักหน้ารับ คงเป็นตอนงานมหาลัยนั่นแหละครับ
“เพราะสุดๆ” ไอ้กลอยยกนิ้วโป้งสองข้างยืนยัน
เพลงที่พี่ฟลอยด์เลือกเป็นเพลงที่พี่แทมหาให้ครับ เลือกแบบไม่ถามเลยว่าคนร้องจะร้องได้หรือเปล่า ยังดีที่พี่ฟลอยด์ร้องได้ แต่ก็เกือบถูกทิ้งไว้กลางทางเหมือนชื่อเพลง ดีที่ไอ้อัธเพื่อนไอ้กลอยช่วยจึงรอดพ้นมาได้ พอร้องจบทุกคนก็ปรบมือให้ในความไพเราะ คงจะมีพี่ที่ชื่อแทมก็บ่นอยู่คนเดียว
“ทีกูร้องแม่งไล่ลงตลอด กูเสียใจ”
จะว่าไป พออยู่นานๆ เข้า พี่ๆ เขาก็น่ารักดีนะครับ ดูแรกๆ เหมือนจะเข้าถึงยาก แต่ยิ่งคุยยิ่งเฮฮา มีเสียงหัวเราะตลอด ขนาดเพื่อนไอ้กลอยมันยังตลก ผมพยักหน้าให้คนที่ชื่ออัธ มันคงสังเกตว่าผมมองมันหลายรอบ มันเลยกวักมือเรียกผมไปที่ระเบียง
ท่ามกลางสายตาของใครหลายคู่ รวมทั้งพี่ฟลอยด์ที่จะลุกตาม แต่ผมบอกไปแค่แป๊บเดียวก็เลยนั่งลงแม้ท่าทางดูฮึดฮัดจนพี่ตินขยับมากอดคอทำเหมือนสนิทกันมานานนม หวังว่าพี่ฟลอยด์คงไม่องค์ลงอาละวาดหรอกนะ แล้วนี่ก็ต่างถิ่น พวกเขาก็มีมาก
เดินมาที่ระเบียง แต่ตายังคอยมองคนที่อยู่ด้านใน เห็นถูกบังคับให้ยกรวดเดียวแข่งกับพี่แทม
“มีอะไรวะ เห็นมองกูตั้งแต่เข้ามา” เสียงพูดจากคนที่ออกมาด้วยกัน ผมหันมายิ้มให้ไปที
“แค่อยากจะขอบใจ” ผมว่า
“เรื่อง?...อ๋อ เอกสารนั่น ไอ้กลอยเอาให้มึงเหรอ” พยักหน้ารับ “งั้นพ่อของพี่ที่นั่งในนั้นก็เป็นเสี่ยหนึ่งในหกของยัยบลูงั้นสินะ”
“หนึ่งในหก?” ตอนแรกคิดแค่สองหรือสามคน นี่ล่อไปหกคน
“อืม โคตรเก่ง ขนาดกูมีกิ๊กยังไม่มากเท่าเลยว่ะ อยากจะปรบมือให้ซะจริงๆ” ไอ้คนที่ชื่ออัธส่ายหน้าอย่างระอา
“มึงไม่ชอบเหรอวะ ผู้หญิงคนนั้น เห็นเคยคบไอ้กลอย”
“เออ ตั้งใจยั่วพวกกูทุกคน มีแต่ไอ้กลอยที่ติดกับ มันตามจีบเหมือนคนเพี้ยน อ่อ เพื่อนกูมันก็เพี้ยนอยู่แล้วด้วย” พูดไปขำไปจนผมเผลอขำไปด้วย “มึงคบมันมากๆ ระวังติดโรคเพี้ยนนะเว้ย”
“งั้นมึงก็เพี้ยนเหมือนกันสินะ เพื่อนไอ้กลอยนี่” แล้วเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน “ว่าแต่ มึงทำได้ไง หลักฐานข้อมูลพวกนั้น ขนาดตำรวจยังหายาก”
ไอ้อัธมันยกยิ้ม “นักสืบของพ่อกูหาให้ พ่อกูเป็นทนายไอ้กลอยคงบอกมึงแล้ว” รีบพยักหน้ารัวๆ “ตอนแรกพ่อกูก็ไม่เห็นด้วย สงสัยไม่ได้เงิน แต่ไอ้กลอยไปขอร้องเองเลยใจอ่อน นี่ก็ใจอ่อนกับไอ้เกรียนตลอด” รอยยิ้มบางๆ ติดที่ปาก จนผมเผลอถามอะไรออกไป ไอ้อัธถึงกับนิ่ง
“มึงชอบไอ้กลอย?”
“เคย” รับออกมาตรงๆ จนน่านับถือ
“อ่า แบบนี้นี่เอง”
“เมื่อสมัยรู้จักมันใหม่ๆ นิสัยมันเป็นยังไงมึงคงรู้ดี แต่พอคบนานๆ ไปกูก็ไม่ไหวว่ะ ถ้าจะคบเป็นแฟน” แล้วมันก็หัวเราะออกมา พร้อมขยิบตาให้ผม “ความลับนะมึง”
“เออ กูรู้”
“ว่าแต่ กูกับมึงสนิทกันแล้วเหรอวะ ทำไมกูต้องเล่าเรื่องให้มึงฟัง” ไอ้อัธมันขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด
“เพราะกูเป็นคนนอกไงมึงเลยกล้าเล่า ขืนไปเล่าให้ไอ้ทูหรือเพื่อนอีกคนของมึง มันคงเป็นเรื่อง”
“ก็จริง แต่ตอนนี้กูมีความสุขดี ไม่ได้คิดอะไรกับไอ้เกรียนนั่นแล้ว คล้ายกับเบื่อนั่นแหละ อยู่กับมันบ่อยจนเบื่อ”
“ขนาดกูนานๆ เจอยังเบื่อเลย”
ไอ้อัธทำตาโตแล้วหัวเราะออกมา “แล้วมึงจะทำยังไงกับเอกสารนั่น”
“พี่ฟลอยด์เอาให้พ่อเขาไปแล้ว แต่กูว่า เรื่องนี้มันจัดการยากว่ะ” พูดตามที่คิด
“มึงไม่เคยดูละครหรือไง เงินฟาดหัวก็จบ” ผมส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับความคิด “ทำไมวะ”
“แค่ได้เงินไปมันไม่จบหรอก ผู้หญิงที่ทำแบบนั้นได้เขาไม่สนเงินนั่นหรอก น่าจะสนอย่างอื่นมากกว่า”
“มึงพูดมีเหตุผล” ไอ้อัธเห็นด้วย “เดี๋ยวกูลองถามพ่อให้ว่าจะทำยังไงได้บ้าง”
“ไม่ต้องหรอกกูว่า เรื่องพวกนี้ ควรให้เขาจัดการกันเอง เรามันคนนอก ทำแค่นี้ก็เหมือน...แล้ว” ผมเว้นช่องไฟไว้ ไอ้อัธหัวเราะคงจะเข้าใจความหมาย
“ก็ตามใจ ว่าแต่ มึงเรียนที่เดียวกับไอ้กลอยเหรอวะ ไม่เคยเห็นหน้า”
“คนละคณะ”
“อ๋อ กูก็ว่า”
“ขอบใจนะมึง ไว้ไปกินยาดองกัน กูเลี้ยงเอง”
“ร้านเพิงๆ อะไรนั่นเหรอ กูเคยไปกินกับไอ้เชี่ยกลอย เมาชิบหาย” ผมตบบ่าเพื่อนใหม่ “เข้าไปเถอะ ผัวมึงมองตาแทบจะถลนออกเบ้าแล้วไอ้สัด”
เสียงเปิดประตูกระจกบานเลื่อนเรียกสายตาอีกรอบ คราวนี้ดวงตาแต่ละคนเยิ้มซะไม่มี ดูเหมือนจะมีคนเพิ่มอีกสองที่ผมไม่รู้จัก ทุกย่างก้าวของผมถูกจับตามองจนดูอึดอัด กำลังจะนั่งข้างพี่ฟลอยด์กลับถูกไอ้กลอยดึงขึ้นจนตกใจเกือบปล่อยหมัดใส่หน้ามัน ดีที่พี่โชรับหมัดไว้ได้
พี่จะเท่ไปไหนเนี่ย
“ไอ้เชี่ยต้อม ใจเย็นๆ มึง กูเองๆ” ไอ้กลอยลอบถอนหายใจ คงกลัวหมัดผมเหมือนกัน ในห้องพากันขำท่าทางของคนที่ร้องลั่น
“โทษที กูตกใจ” ยิ้มแหยๆ ให้ไอ้กลอยกับแฟนของมัน ถ้าพี่โชรับหมัดผมไม่ได้ หน้าไอ้กลอยช้ำแน่
“ห่ามเหี้ย” เสียงจากพี่แทม
มันคือคำชมใช่มั้ยวะ
“กูแค่จะแนะนำให้รู้จัก นี่พี่ซัน แล้วก็พี่จอม” ไอ้กลอยชี้ไปทางคนมาใหม่ พี่ที่ยิ้มเป็นมิตรชื่อซันสินะ อีกคนดูนิ่งๆ พี่จอม แต่อยู่ก๊วนนี้ได้คงไม่ธรรมดานั่นแหละ “ส่วนนี่ไอ้ต้อม แฟนพี่ฟลอยด์” ต้องแนะนำขนาดนั้นเลยเหรอวะ
ผมนั่งข้างพี่ฟลอยด์ปุ๊บ เสียงเข้มก็กระซิบข้างหูปั๊บ ยังดีที่พี่ฟลอยด์เปลี่ยนไปมาก ถ้าเป็นคนเอาแต่ใจเมื่อก่อนคงโวยวายไปแล้วตอนได้ยินผมบอกไว้คุยที่ห้อง จะมีแค่สีหน้าไม่พอใจที่ให้เห็น
พอครบทีมของพวกเขาความหายนะของแก้วหูก็มา ผมอุดหูมาหลายเพลงมาก คือร้องจนไมค์หอน พี่ฟลอยด์ดูเฉยๆ แต่พอแอลกอฮอล์ในเลือดเพิ่มขึ้นก็หัวเราะไปกับเขาด้วย ผมกินมากไม่ได้อยู่แล้วเพราะต้องขับรถ ขืนเมาทั้งคู่ จุดจบคงไปอยู่ในคุกแน่
ส่วนคนอื่นๆ ยกเหมือนดื่มน้ำ นั่นเพราะเมาแล้วนอนมันซะที่นี่ ตอนนี้เพื่อนไอ้กลอยที่ชื่อม่านกำลังดื่มไปคุยโทรศัพท์ไปจนผมขำ ไม่รู้มันคุยหรือทะเลาะกันแน่ ที่รู้ๆ ไอ้กลอยมันจ้องตาเป็นมัน ผมลองสะกิดไอ้คนเจ้าแผนการ มันหันมามองแล้วขยับมานั่งข้างผม
“มีอะไรวะ” ผมถาม ไอ้กลอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ดูผลงานเว้ย” เลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ผลงานอะไรวะ”
“จับคู่”
“เชี่ย”
ดูมันชื่นชมผลงานตัวเองมาก แถมหัวเราะเหมือนพวกโรคจิตในละครจนผมขยับหนี
“มึงขยับไปทำไม” ยังมีหน้ามาถามผม
“หน้ามึงเหมือนพวกโรคจิตในละครเลยว่ะ ไม่นานคงไปอยู่หลังคาแดงแน่” ไอ้กลอยมันหัวเราะออกมาแต่ไม่ได้เรียกความสนใจจากกลุ่มสายร้อง ไมค์ตัวเดียวผลัดกันถือคนละรอบสองรอบ คนอื่นผมไม่ค่อยห่วง มีพี่ที่ชื่อแทมนั่นแหละครับ เสียงพี่แกไม่ไหวจริงๆ แล้วแต่ละเพลงก็เสียงสูงๆ ทั้งนั้น ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน...
....TBCพอมาอยู่กับก๊วนนี้ขอแบ่งเป็น 2 พาร์ทนะคะ
แล้วเจอกันตอนจุดสองค่าาาาาา