[fiction] เพราะเรากัดกัน (ผูกพัน) โดย aoikyosuke
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [fiction] เพราะเรากัดกัน (ผูกพัน) โดย aoikyosuke  (อ่าน 473816 ครั้ง)

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อ่านแล้วก็ลองคิดดูอะ

อาจจะเคยเป็นอย่างทานก็ด้ายนะ

ที่ทำตัวเป็นร่าเริง  สดใส  หรือทำอะไรก็เป็นผู้นำไปหมด

แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่ทำก็เพื่อปกปิดอีกด้านนึงเอาไว้

ด้านที่  อ่อนแอ

แต่ว่านะ  คงจาดีจิงๆ

ถ้าเจอใครสักคนที่เราจะสารมารถแสดงด้านที่  อ่อนแอ  นั้น

ออกมาได้เต็มที่  ไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไป

มันคงจะมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว

ก็เหมือนทานในตอนนี้  ที่มีอ้อนอยู่ใกล้ๆ


ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เริ่มคุยกันดีๆ แล้ว ดีใจจัง

แล้วก็ลุ้นต่อไป









ลป.

11 เมนท์แล้ว กรุณามาต่อด่วนคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

 :impress:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
อ่านแล้วก็ลองคิดดูอะ

อาจจะเคยเป็นอย่างทานก็ด้ายนะ

ที่ทำตัวเป็นร่าเริง  สดใส  หรือทำอะไรก็เป็นผู้นำไปหมด

แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่ทำก็เพื่อปกปิดอีกด้านนึงเอาไว้

ด้านที่  อ่อนแอ

แต่ว่านะ  คงจาดีจิงๆ

ถ้าเจอใครสักคนที่เราจะสารมารถแสดงด้านที่  อ่อนแอ  นั้น

ออกมาได้เต็มที่  ไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไป

มันคงจะมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว

ก็เหมือนทานในตอนนี้  ที่มีอ้อนอยู่ใกล้ๆ



อ่านแล้วน้ำตาจะไหล จะมีไหมใครสักคน คนนั้น
คนเราแทบทุกคนมักปิดกั้นความรู้สึกในใจตัวเองตลอดมา
จนบางครั้งมีเหตุต้องเผยมันออกมา ถ้าใครคนนั้นรับได้ เขาคงจะเข้ามาอยู่ในใจโดยไม่ยาก
ปกติจึงมักจะเป็นเพื่อนมากกว่าที่สามารถพูดอะไรๆออกมาได้
เพื่อนดีๆรู้ใจก็มีค่ามากเหมือนกันนะครับ

 :o12:


*******************************************************************************************************
เพราะเรากัดกัน (ผูกพัน) ตอน เรื่องของคนเกลียดยา

ตัวมันก็ไม่ร้อนแล้วนะ หน้าตาก็ดูผ่องใสดี แต่ทำไมไอ้ทานมันถึงได้นอนซมอยู่ตลอดเวลา แน่ใจนะว่าป่วย ชักไม่ค่อยแน่ใจแล้ว นี่มันผ่านมาหกวันแล้วนะ ปกติมันก็น่าจะดีขึ้นบ้าง
แล้วทำไม ทั้งที่ตัวก็ไม่ร้อนแล้ว ไอ้ทานก็ยังคงทำเหมือนมันป่วยซะขนาดนั้น ชักแปลก ๆ แล้วสิ

อ้อนขมวดคิ้วมุ่น เมื่อวางกะละมังน้ำไว้ในห้องน้ำ และลงมือขยำผ้าขนหนูผืนเล็ก ที่ใช้เช็ดตัวให้กับคนป่วยทุกวัน

แปลกแฮะ จะว่ามันแกล้งป่วย ก็ไม่น่าจะใช่ มันจะทำแบบนั้นไปทำไม ทำให้เอาใจมันเหรอ ก็ไม่น่าจะจริง ปกติแล้ว ถึงมันไม่ได้เป็นอะไรมันก็สั่งให้ทำนั่นทำนี่ได้
แล้วทำไมมันจะต้องแกล้งไม่สบายด้วย หรือว่าจะคิดมากไปเอง

อ้อนสะบัดหัวไล่ความคิดแปลก ๆ ออก แล้วเดินลากขาเข้าไปในห้องของทานตะวัน
คนป่วยนอนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แล้วก็หรี่ตาขึ้นเมื่อรับรู้ว่ามีใครเข้ามาในห้อง

เมื่อยชะมัดให้มานอนซมอยู่อย่างนี้ หายตั้งนานแล้ว แต่อยากป่วยต่ออีกสักสองสามวัน ไม่รู้สิ คิดเอาเองว่าเวลาไม่สบายไอ้อ้อนมันดูแลดีเป็นพิเศษ
แล้วก็ชอบที่มันมาดูแลแบบนี้ด้วย ชอบมาก ๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

"กินข้าวต้มได้หรือยัง จะได้กินยา" อ้อนเดินมานั่งอยู่ข้าง ๆ คนที่แกล้งทำตาปรือ แล้วก็เห็นทานตะวันส่ายหน้า ไม่ยอมลุกขึ้นมากินข้าวต้มที่อ้อนเทใส่ชามวางไว้ให้ที่หัวเตียง

"ทำไมไม่กิน จะหนีไม่ยอมกินยาอีกล่ะสิ" ผู้ดูแลคนป่วย ยกชามข้าวต้มขึ้นมาและเป่าเบา ๆ เพื่อให้ความร้อนคลายลงบ้าง

"ลุกขึ้นมากินข้าวเลย อย่ามาหาเหตุไม่กินยา เร็วสิวะ"

ทำไมต้องวะด้วย กูป่วยนะครับ ทำไมไม่พูดดี ๆ ทำไมต้องมีคำว่า วะ ด้วย พูดไม่เพราะเลย แบบนี้น้อยใจ ไม่อยากกินข้าวแล้ว

เกิดน้อยใจด้วยเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ขึ้นมา คนตัวโตพลิกกายไปอีกทาง และเบะหน้า อยากจะบอกว่า งอน แต่ไม่ต้องให้พูด ท่าทางแบบนี้ก็ฟ้องให้เห็นโดยไม่ต้องใช้คำพูด

"ไม่บังคับ ไม่กินก็ไม่กิน" ชามข้าวกำลังจะถูกวางไว้ที่หัวเตียง และทานตะวันก็รีบหันกลับมารีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

"ไหนอ่ะ ป้อนหน่อยสิ ไม่สบายอยู่นะ จะให้กินเองหรือไง" ช่างเป็นการขอร้องที่น่ารักเหลือเกินในสายตาของอ้อน น่ารักษา น่ามาก น่ารักษาด้วยการเอาข้าวต้มคว่ำใส่หัว
กินเองไม่เป็นหรือไง ไม่สบายไม่ใช่ว่าเป็นง่อยนี่หว่า แต่ก็ทำให้มันซะหน่อย เป็นคนใช้ส่วนตัวของท่านชายทานตะวันแล้วนี่ ใครมันก็ไปกล้าหือล่ะ กลัวจะแย่แล้ว กลัวตายเลย

"อ้าาาาาาาาาาา" คนตัวโตอ้าปากกว้าง และอ้อนก็ถึงกับหัวเราะด้วยความขำ

ไม่ได้น่ารักหรอก

ทุเรศต่างหากล่ะ นับวันมันก็ยิ่งเพี้ยน ไอ้ทานหนอไอ้ทาน ถ้าพวกที่ชมรมมันมาเห็นท่าทางติงต๊อง ของมึงแบบนี้ มันยังจะศรัทธากันอยู่อีกมั้ย
สงสัยคงไม่มีรุ่นน้องคนไหนให้ความเคารพยำเกรงหรอก

อ้อนยกช้อนขึ้นตักข้าวต้มป้อนอุ่น ๆ ป้อนให้กับคนป่วย และก็เห็นว่าคนป่วยอ้าปากรับ ด้วยความยินดี ไม่มีอิดออด
เวลากินยาให้มันง่าย ๆ แบบตอนกินข้าวเหอะ นี่กว่าจะกินได้แต่ละที เล่นเอาปวดหัว และทำให้เหนื่อยได้ไม่มีหยุดหย่อน

"ยาชุดสุดท้ายแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องมาบังคับเด็กกินยาอีก รีบ ๆ หายซะทีเถอะ จับเด็กกรอกยาเรื่องใหญ่นะ เหนื่อยด้วย"

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดคุยกันได้อย่างสนิทใจขนาดนี้ เมื่อก่อนไม่ว่ายังไง ทานตะวันก็จะเอะอะโวยวายอยู่เสมอ ไม่เคยฟังใคร ไม่เคยง้อ ไม่เคยอ้อนใคร
ไม่เคยขอโทษใคร แต่ไม่รู้ว่าทำไม ในเวลานี้ถึงได้ซึมซับเอาความรู้สึกบางอย่างมาจากคนที่ตัวเองเรียกว่า คนใช้ ได้มากถึงขนาดนี้ ซึมซับความรู้สึกดี ๆ เอาไว้โดยที่ตัวเองไม่เคยรู้ตัวเลย

ไม่ต่างจากอ้อน ที่อยู่ใกล้ ๆ กับคนบ้าอย่างทานตะวันมานาน
ก่อนหน้านี้ ทำได้แค่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ไม่คุย ไม่แม้แต่อยากจะมองหน้าคนที่มักจะสั่งให้ทำตามคำสั่งอยู่เสมอ
แต่ยิ่งนานวัน กลับรู้สึกว่า ตัวเองพูดคุยกับคนที่ใคร ๆ ต่างก็ไม่อยากมีเรื่องด้วยเพราะความโหด แบบไม่ปราณี ได้อย่างสนิทใจ
จะมีใครรู้บ้าง ว่าเวานี้คนที่ทุกคนไม่กล้ายุ่งด้วย กลับมานั่งทำตาใส่แป๋วอยู่ตรงหน้าและยอมให้ป้อนข้าวแต่โดยดี ผิดจากภาพลักษณ์ครั้งแรกที่ได้รู้จักกัน

 


"ชุดสุดท้ายแล้วเหรอ ดี ไม่อยากกินยา ขม ไม่ชอบ ทำไมยาต้องมีขม ๆ ด้วยวะ ทำไมของในโลกนี้ต้องขมด้วย" เป็นคำถามง่าย ๆ ที่ทานตะวันรู้คำตอบดี แต่ก็พูดไปเรื่อย ๆ

เรื่องราวต่าง ๆ ที่พูดคุยกัน ก่อนหน้านี้ ทานตะวันไม่ชอบฟังใครพูด เอาแต่คิดว่ารำคาญ อยากอยู่เงียบ ๆ และมีคนรับใช้ส่วนตัวก็พอ แต่ตอนนี้กลับพบว่าตัวเองอยากพูดคุย
เรื่องง่าย ๆ ธรรมดากับใครสักคนที่จะพูดจาตอบโต้กันได้อย่างปกติ และพูดคุยกันได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมาขัดจังหวะการสนทนา

"ก็กินจนเหลือชุดสุดท้ายแล้วนี่ อ่ะ อีกคำ จะหมดแล้ว พรุ่งนี้ก็กินข้าวสวยได้แล้วแหละ แล้วก็หายได้แล้วมั้ง รู้สึกว่าจะหายป่วยนานแล้วนี่ แต่มารยาเยอะเหลือเกิน รีบ ๆ หายป่วยได้แล้ว"

อ้อนพูดคุยกับทานตะวันไปเรื่อยเปื่อย แต่คนที่ได้ฟังก็รีบเถียงทันที

"อะไร ยังไงก็ยังต้องกินยาอยู่ จะเรียกว่าหายได้ยังไง เนี่ย ตัวยังร้อนอยู่เลยไม่เชื่อจับสิ ตัวร้อน ไอด้วย แค่ก แค่ก นี่ไง ปวดหัวอีกต่างหาก ไม่เชื่อหรือไง"

เออ เชื่อตายเลย

อ้อนวางชามข้าวต้มไว้บนหัวเตียง แต่ทานตะวันที่ยังสาละวนกับการดึงมือของอ้อนมาแตะที่หน้าผาก ก็ยังคงจะพยายามป่วยไม่เลิก

"เนี่ย แตะที่หัวสิ ยังร้อน ๆ อยู่เลย เห็นมั้ย"

เห็นแล้ว เห็นว่าไม่ได้ตัวร้อนเลย พอใจมั้ย หรือว่ายังไม่พอใจ จะได้พาไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นอะไรกันแน่

"เออ รู้แล้ว อ่ะ กินยาเถอะ จะได้หายซะที" อ้อนพูดไปแล้ว ก็อมยิ้ม เมื่อเห็นคนที่รับยามาไว้ในมือนั่งมองเม็ดยานิ่งๆ อยู่อย่างนั้น
กินก็กินไม่กินก็ตามใจ ไม่รู้จะบังคับไปทำไม เหนื่อย

ทานตะวันนั่งเงียบ มืออีกข้างยังจับมือของอ้อนเอาไว้แน่น แล้วก็เขย่าเล่น

"อีกเดี๋ยวค่อยกินก็ได้ เนอะ " เอาเถอะ จะกินตอนไหนก็กินตามใจแล้วกัน ขี้เกียจพูดมาก เข้าใจว่าต้องทำใจ คนไม่ชอบยังไงก็ไม่ชอบอยู่ดี จะเอาอะไรมากมาย

ฝ่ามือของอ้อน ถูกปลายนิ้วเรียวของทานตะวันเกลี่ยเล่น คนตัวโตกำเม็ดยาไว้ในมือ แล้วก็เขย่ามือของอ้อน เหมือนไม่รู้ว่าจะทำอะไร

แน่ล่ะ การจะกินของที่ไม่ชอบ ยังไงก็ทำใจให้ชอบไม่ได้อยู่ดี ยังไงก็ไม่อยากกิน

นัยน์ตาคมจ้องมองเม็ดยาในมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนั่งเงียบ ๆ โดยมีคนดูแลคนป่วย นั่งมอง รอเวลาว่าเมื่อไหร่ทานตะวันจะกินยา ลีลามากเหลือเกิน ชุดสุดท้ายแล้ว ทำไมต้องเรื่องมากด้วย

"ถ้าหายแล้ว .............." ทานตะวันเอ่ยคำพูดออกมาและชะงักนิ่ง นัยน์ตาคมหรุบต่ำลง นิ่งเงียบลงทันทีทั้งที่ยังพูดไม่จบประโยค

ถ้าหายแล้ว...........
ถ้าหายแล้ว..........
ถ้าหายแล้ว...........

ก็คงกลับไปเหมือนเดิมสินะ ไปเป็นคนเดิม ๆ ก่อนหน้านี้ ไอ้อ้อนมันจะกลับไปเป็นไอ้อ้อนคนเดิมที่เงียบ ๆ เฉย ๆ ไม่พูดไม่จา ไม่ห่วงใย เหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่านะ

อ้อนนิ่งมองใบหน้าของทานตะวันที่ก้มต่ำลง ไม่เข้าใจว่าอยู่ดี ๆ คน ๆ นี้ก็เกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีก
ถ้าหายแล้วทำไมล่ะ หายแล้ว ก็เป็นเหมือนเดิม เป็นเจ้านายกับคนใช้เหมือนเดิมไง ไอ้ทานมันคงไม่อยากป่วยนาน ๆ หรอก
เห็นวันแรก ล็อคประตูไม่ให้เข้า แถมซ้ำยังไล่ออกห่างขนาดนั้น หายแล้วก็ดี มันก็คงกลับไปเหมือนเดิมแหละ แล้วไอ้ที่ทำมันไว้ มันคงจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก
ก็ช่วยไม่ได้ เป็นคนใช้มัน แล้วก็เป็นลูกหนี้มัน จะไปทำอะไรได้ล่ะ


คนที่นั่งอยู่บนเตียงและก้มมองเม็ดยาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับจ้องมองที่ฝ่ามือของอ้อน แถมยังเขย่าเล่นไปมาอยู่อย่างนั้น

มืออุ่น ๆ ที่เช็ดตัวให้ตลอดทั้งคืน มืออุ่น ๆ ที่แตะที่หน้าผาก

มือของไอ้อ้อน ขาเป๋ ที่ชอบทำหน้าเย็นชา แล้วก็ชอบทำให้หงุดหงิดโมโหอยู่เสมอ
ทำไมนะ
ทำไมถึงไม่อยากปล่อยมือของคน ๆนี้ให้หลุดลอยไปเหมือนใคร ๆ

ทำไม

แล้วมันเป็นเพราะอะไรกัน

"ถ้าหายแล้ว ตอนที่กูไม่สบายเนี่ย ก็ถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน มึงไม่เห็นตอนที่กูตัวร้อน มึงไม่รู้ตอนที่กูปวดหัว เข้าใจมั้ย"

ทานตะวันเงยหน้าขึ้น และเอ่ยบอกกับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เสียงเบา

อย่างนั้นเองหรอกเหรอ จะพูดแค่นี้ใช่มั้ย ถึงไม่พูดก็จะทำให้อยู่แล้วล่ะ
แล้วจะลืมให้หมด ว่ากังวลแค่ไหนตอนที่มันเพ้อ และนอนกระสับกระส่าย จนต้องจับมือมันเอาไว้แน่น ไม่กล้าปล่อยมือ ไม่กล้าไปไหน
ได้แต่เอามือแตะหน้าผากมัน เพราะกลัวว่ามันจะตัวร้อนมากกว่านี้
จะลืมด้วยว่า กลุ้มใจแทบตาย ที่เห็นว่าไข้ไม่ยอมลด

จะไม่จำ ว่าห่วง จนไม่กล้าเผลอหลับ เพราะกลัวว่าไอ้ทานมันจะไข้ขึ้นสูง และกลัวว่ามันจะเป็นอะไรมากกว่าที่เห็น

ก็ได้ ถ้าให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ได้ ไม่ลืมหรอกว่าตัวเองเป็นคนใช้
ทำให้ได้ทุกอย่างแหละถ้าไอ้ทานมันจะให้ทำ

อ้อนน้อยใจกับคำพูดไร้เยื่อใยของทานตะวัน แต่ก็ทำได้แค่นิ่งเงียบ และก้มหน้านิ่ง ๆ พยักหน้าทำความเข้าใจสิ่งที่คนตัวโตต้องการ

มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เรื่องบุญคุณมันไม่มีอยู่แล้วล่ะ มันไม่อาละวาดที่ไปกรอกยามันก็บุญแค่ไหนแล้ว
อ้อนเงยหน้าขึ้นและนิ่งมองทานตะวันอยู่อย่างนั้น ดวงตากลมโตสบนิ่งอยู่กับดวงตาคมที่จ้องกลับมา แล้วต่างฝ่ายต่างรีบก้มหน้าหลบสายตาของกันและกัน


ทานตะวันปล่อยมืออ้อน และอ้อนก็ลุกขึ้นจัดการยกชามข้าวต้มเดินออกจากห้อง โดยมีสายตาของทานตะวันมองตามจนร่างนั้นเดินออกไปลับตา

คนตัวโตหันมามองเม็ดยาในมืออีกครั้ง

ทำไมถึงได้พูดอย่างนั้น
ทำไมล่ะ

ก็เพราะไม่อยากให้ใครมารับรู้เวลาที่ไม่สบายไง ไม่อยากให้ใครรับรู้เวลาที่เจ็บป่วย ไม่อยากให้ใครมาเห็นเวลาที่ตัวเองดูทุเรศ และน่าสมเพชที่สุด

แต่ไอ้เป๋นั่น ก็ได้เห็นหมดแล้ว

ไม่เห็นหรอก มันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น สั่งมันแล้วมันก็ต้องเข้าใจสิวะ

แล้วทำไมต้องพูดเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ทั้งที่ตอนนี้อยากจะป่วยต่อไปอีกนาน ๆ เพื่อให้คนดูแล

บ้า ใครอยากให้ไอ้เป๋นั่นมาป้อนข้าวป้อนน้ำให้ ไม่ได้อยากให้ใครมาทำอะไรให้หรอก อีกอย่างนั่นมันก็นอกเหนือคำสั่งด้วย
มันคงจำใจทำให้นั่นแหละ อย่าไปคิดอะไรมาก

ร่างสูงใหญ่เอนกายลงนอน และยังคงกำเม็ดยาเอาไว้ในมือแน่น

ทำไมถึงได้มีความคิดพวกนี้เข้ามาในสมอง ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยอยากได้การดูแลเอาใจใส่จากใครอยู่แล้วแต่กับไอ้อ้อนทำไมถึงอยากให้มันคอยทำอะไรห้

อยากให้มันดูแลด้วยความเต็มใจไม่ใช่ทำให้ตามคำสั่ง

คนตัวโตลุกขึ้นอีกครั้ง และแอบยัดเม็ดยาไว้ใต้หมอน ไม่ยอมกินยาชุดสุดท้าย ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าไม่ใช่เพราะยาขมจนไม่อยากกิน
แต่เป็นเพราะว่า ไม่ว่ายังไง แต่ไหนแต่ไร ก็เอาแต่หลอกตัวเองว่า ถ้าไม่กินยา แล้วจะทำให้ป่วยไปนาน ๆ ยิ่งป่วยนานเท่าไหร่ ก็จะมีคนมาโอ๋และเอาใจมากเท่านั้น มีแต่คนเป็นห่วงเป็นใย
อันที่จริง ยาไม่ได้ขมเลย จะให้กินก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ตอนนี้ทานตะวันเพิ่งรู้ ว่าทำไมตัวเองถึงได้เกลียดการกินยานักหนา

มันเป็นเพราะว่า

อยากเป็นคนป่วยนาน ๆ เพื่อจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากคนรอบข้าง
และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้ง ที่คนตัวโตทำเหมือนสมัยเด็ก ๆ อีกครั้ง

เหตุผลเพราะอยากให้ คนที่คอยดูแลเอาใจตลอดสองสามวันนี้ อยู่ข้าง ๆ และอยากให้คน ๆ นั้นเป็นห่วงและดูแลด้วยใจจริง

สิ่งที่ทานตะวันอยากได้จากอ้อน ไม่ใช่การทำตามคำสั่ง

แต่เป็นแค่การอยากได้รับการเอาใจใส่จากใครสักคนเท่านั้น เพียงแค่นั้นที่ทานตะวันอยากได้ เพียงแค่ความเอาใจใส่ แค่นั้นเอง แต่กลับลืมคิดว่าไม่ใช่ตัวเองที่มีหัวใจและความรู้สึก

คนที่เดินออกไปจากห้อง ก็มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกัน จึงไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าอ้อนจะเสียใจกับคำพูดของทานตะวัน

TBC....
 
โดย aoikyosuke

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
คนที่ถูกทอดทิ้ง ไว้ตามลำพัง พอมีใครที่เขามาในชีวิต

ก็มักจะยึดเขาเอาไว้ ไม่อยากเสียเขาไป

กลัวว่าจะโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวอีก

อ้อนอย่าทิ้งทานไปนะ

  :o7:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ยิ่งอ่านยิ่งเครียด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย  :try2: ตามอารมณ์ไม่ทันเลยวุ้ย  :o12:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
เราก็นึกว่าหลังจากทานหายแล้ว ก็จะมีดอกรักผลิบาน

แต่ที่ไหนได้กลับเข้าสู่โหมดเดิม เฮ้อ.....................................เซ็ง

meeza31

  • บุคคลทั่วไป
สงสารออ้นอะ  :impress:

mumumama

  • บุคคลทั่วไป
 :o10:  คิดว่า ทาน ต้องไปง้อ อ้อน อีกแน่นอนเล้ย   o16

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ก็เด็กขาดความอบอุ่นคนหนึ่ง  ซึ่งมีอยู่มากมายหาได้ทั่วไปในโลกนี้และมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยในเมื่อทุกวันนี้....ช่างมันเถอะขี้เกียจพูด

มีคนเคยบอกเจ้ว่า....การอยากถูกรัก....เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ในวัยเจริญพันธุ์   จริงเหรอ?

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
กลับมาเหมือนเดิมอีกแล้วอ่ะ  :onion_asleep:

ขอบคุงที่มาต่อนะงับ o15

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






esabella

  • บุคคลทั่วไป
   

    .............ถ้าเราอยากได้ความรักจากใคร....เราต้องเรียนรู้ที่จะมอบความรักให้กับเค๊าก่อน......


         ..........เช่นกัน....ถ้าเราอยากรู้ความในใจจากใคร.....เราต้องมีความกล้า....กล้าที่จะเปิดใจกับเค๊าก่อน.....
                                                         
                                                                  :teach:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 o12 o12  ขัดใจอย่างแรง  ทำไมทานไม่รู้จักเรียบเรียงความคิดก่อนพูดนะครับ  :angry2: :angry2:  ทำอย่างนี้อ้อนก็น้อยใจแย่เลย :impress: :impress:

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0


ทำไมนะ
ทำไมถึงไม่อยากปล่อยมือของคน ๆนี้ให้หลุดลอยไปเหมือนใคร ๆ

ทำไม

แล้วมันเป็นเพราะอะไรกัน


ชอบตรงนี้มากเยยอะครับ

คิดไงก็ไม่เห็นภาพสักที  มันคงจาดีมากเลยนะครับเนี่ย

ถ้าได้รู้สึกอย่างนี้บ้าง

ได้รู้สึกว่า  ไม่อยากปล่อยมือของใครบางคนไป

ได้รู้สึกว่าไม่อยากจากใครบางคนไป

มันคงจะต้องเป็นความผูกพันธ์ที่แนบแน่นจริงๆ ละมั้ง

ก็คงเหมือนกับทาน  และอ้อนในตอนนี้



ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
10 เมนท์แล้ว กรุณามาลงด่วนเลยครับ

ขอบพระคุณ

 o14

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ปูเสื่อรออ่านตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
กรรม เราไปมีเจ้าหนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มาตรงเวลาด้วยวุ้ย
 :sad3: :sad3: :sad3:
***************
เพราะเรากัดกัน (ผูกพัน) ตอน เพิ่งเข้าใจ

"คุณกนกพัฒน์ คุณยังเป็นลูกของฉันอยู่หรือเปล่า" เสียงของแม่ คำถามที่ทำให้อ้อนกลั้นเสียงสะอื้นไว้ในลำคอ

ผมขอโทษครับแม่ ผมขอโทษ ที่ไม่เคยกลับไปดูแลแม่เลย ผมขอโทษที่ไม่ยอมติดต่อกับแม่ ผมขอโทษที่ไม่ยอมกลับไปหา
ไม่ยอมกลับไปเจอแม่หลายวัน

อ้อนนิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถามของแม่ และค่อย ๆ กดวางโทรศัพท์อย่างช้า ๆ

ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงทำกับแม่แบบนี้ ทำไมไม่พูดกับแม่ แต่ถ้าให้เลือกได้ ถ้าผมไม่เกิดเป็นลูกของแม่คงดีกว่านี้
แม่คงไม่ต้องลำบากใจ ไม่ต้องใช้หนี้แทนผม แม่ต้องเป็นทุกข์เพราะผม แค่นี้มันก็มากเกินพอแล้ว

อ้อนค่อย ๆ ทิ้งกายลงนั่งบนพื้นในห้องครัวอย่างช้า ๆ หลังจากจัดการล้างแก้วน้ำ ล้างชามจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

แม่โทรมาทุกวัน วันละหลาย ๆ รอบ เพียงแค่อยากจะถามว่า "เมื่อไหร่ลูกจะกลับบ้าน ทำไมทำรายงานนานเหลือเกิน แม่คิดถึง"

แต่ก็เหมือนเดิม คำตอบของอ้อนยังเหมือนเดิม คือนิ่งเงียบ และบอกว่ารำคาญ เดี๋ยวก็กลับไปหาเอง

รู้ทั้งรู้ว่าคำพูดนั้นจะทำให้แม่เสียใจ แต่ก็ยังทำ ยังคงทำแบบนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดอย่างนี้ทุกครั้ง
พูดทั้ง ๆ ที่ปวดใจ เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้ เมื่อก่อนเราสองคนแม่ลูกมีความสุขมากกว่านี้ พูดคุยกันได้อย่างมีความสุข

ผิดที่ผมเอง ผิดที่ผมดีแต่ทำให้เกิดปัญหา ผมขอโทษครับแม่ ผมขอโทษ ผมคิดถึงแม่ ผมจะกลับบ้าน....อีกสองสามวันนี้นะครับ

อ้อนนั่งมองโทรศัพท์เงียบ ๆ แล้วก็เอนศีรษะพิงอยู่กับผนัง

เหนื่อย อยากร้องไห้ อยากอยู่เงียบ ๆ เฉย ๆ ไม่อยากคิดอะไรอีก เรื่องเล็กน้อยที่กัดเซาะจิตใจมาตลอดสองปี
นับตั้งแต่รู้ว่าตัวเองจะวิ่งไม่ได้อีก นับตั้งแต่ที่รู้ว่าแม่ต้องมีภาระจากการหาเงินมาใช้หนี้ค่าซ่อมรถ
ไหนจะต้องเลี้ยงลูกที่เหมือนคนเป็นง่อย และยังภาระต่าง ๆ อีกมากมาย

ทั้งที่เป็นลูกชายแท้ ๆ กลับได้แต่แบมือขอเงินไปวัน ๆ แล้วแบบนี้จะไม่ให้สมเพชตัวเองได้ยังไง

ตอนนี้น้ำตารินไหลอยู่ในอก ร้องไห้ กับตัวเองเงียบ ๆ ร้องไห้โดยที่ไม่มีน้ำตาสักหยด

"เฮ่อ ทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้ตลอดเลยวะ ทำไมไม่ตายห่าไปตั้งแต่ตอนรถคว่ำก็ไม่รู้ ไอ้ขาเฮงซวยนี่ก็ จะเป็นแบบนี้อีกนานมั้ยวะ"

อ้อนมองขาของตัวเองที่ไม่สามารถวิ่งได้อีก และไม่สามารถงอเข่าได้เหมือนคนปกติ มองแล้วก็ยิ่งสมเพชตัวเอง ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่นิ่งมองอยู่อย่างนั้น
ก่อนจะค่อย ๆ พยุงร่างกายขึ้นอย่างช้า ๆ และเดินลากขาขึ้นไปบนห้องนอน

ดึกมากแล้ว อยากพักผ่อน หลายวันมานี้เหนื่อยเหลือเกินจากการที่ไม่ได้หลับไม่ได้นอนมา ดูเหมือนอาการอ่อนเพลียทั้งทางกายและทางจิตใจจะเพิ่มขึ้นมากกว่าทุกวัน

ไหนจะเรื่องไอ้ทาน
ไหนจะเรื่องที่บ้าน
ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ ก็ทำให้เป็นทุกข์ได้ทั้งนั้น

"หายไปไหนมาตั้งนาน ง่วงนอนแล้ว ทำไมถึงมาช้า"

ทานตะวันลุกขึ้นจากเตียงและก้าวเดินเข้ามากอดเอวของอ้อนไว้แน่นจากด้านหลังแถมยังซบหน้าลงบนลาดไหล่บางของคนที่กำลังหันหลังไปปิดประตูห้อง
เพราะถูกกอดรัด ทำให้อ้อนไม่ทันได้ตั้งตัว รีบหันกลับมาหวังจะผลักให้อีกฝ่ายออกห่างทันทีด้วยความตกใจ

"เฮ้ย อะไรวะ อะไรของมึงอีกเนี่ย" ฝ่ามือยันแผ่นอกกว้างของคนที่นอนป่วยมาหลายวันให้ออกห่าง แต่ทานตะวันกลับใช้สองแขนกอดรัดร่างของอ้อนเอาไว้แน่น

ลืมตัวไปชั่วขณะไม่รู้ว่าอยู่ดี ๆ ทำไมถึงได้เดินมากอดอ้อนเอาไว้แบบนี้

"ไม่มีอะไร ไม่รู้จักเหรอ กอดไง ถามมาได้ ไม่น่าโง่" ทานตะวันเพิ่งรู้สึกตัว รีบปล่อยร่างในอ้อมแขนให้เป็นอิสระ และยังคงไม่เข้าใจตัวเอง ได้แต่ยืนเกาหัวแกรก ๆ
ไม่รู้จะตอบคำถามของอ้อนยังไง

"ทำอะไรบ้า ๆ ไข้กลับหรือไงวะ" เสียงบ่นงึมงำ ทำให้ทานตะวันเงยหน้ามองใบหน้าของคนที่เดินไปนั่งบนโซฟา และยังคงหันไปมองหน้าของคนตัวโตที่ค่อย ๆ ก้าวมานั่งลงบนเตียง
ทานตะวันยังคงครุ่นคิดถึงคำตอบของตัวเอง ที่ตอบออกไป

 


ทำไมวะ

เออ ทำไมอยู่ดี ๆ เดินไปกอดไอ้อ้อนมันอย่างนั้นวะ แปลก เป็นอะไรของกูวะเนี่ย

"จะกลับไปบ้านแล้ว หายดีแล้วนี่ ถึงเป็นคนใช้ก็อยากกลับบ้านบ้าง ได้หรือเปล่า" คำถามของอ้อนทำให้ทานตะวันถึงกับหน้าซีด

กลับบ้านอีกแล้วเหรอ จะบ้าหรือไงวะ อยู่ด้วยกันตั้งหลายวันแบบนี้ อยู่ดี ๆ จะให้กลับไปนอนคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้เหรอ ไม่เอานะ นอนคนเดียวมันแปลก
อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่มาบอกว่าจะไม่อยู่ด้วยแบบนี้แล้วจะให้ทำยังไงวะ

"ได้มั้ย เป็นคำขอร้อง ได้หรือเปล่า" อ้อนถามย้ำอีกครั้ง ใบหน้าเครียดขรึม จนคนฟังถึงกับต้องก้มหน้านิ่ง ๆ และลุกขึ้นเดินไปนั่งข้าง ๆ อ้อนบนโซฟา

มาทำไมวะ เดินไปเดินมาอยู่นั่น กะอีแค่จะกลับไปอยู่บ้านเหมือนปกติ เหมือนเมื่อก่อน ไหนตอนแรกไอ้ทานมันไม่ค่อยชอบให้มานอนที่นี่ไง แล้วนี่เกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีก
ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนี้ จะทำอะไรอีกล่ะ

"ทำไมต้องกลับด้วย" คำถามง่าย ๆ ทำให้อ้อนหันกลับไปมองหน้าของทานตะวันและยิ่งไม่เข้าใจคำถามของคนบ้ามากขึ้น

ก็ไม่ทำไม ก็จะกลับ จะทำไม อย่าบอกนะว่าจะมาพูดข่มขู่กันอีก ไม่ไหวแล้วนะถ้าจะทำแบบนั้นอีก มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ไปหลายวันเพราะต้องอยู่ดูแลไอ้ทาน
แล้วนี่อย่าบอกนะว่าแม้แต่บ้านก็จะไม่ให้กลับ จะให้ตัวติดกันตลอดเวลาเลยหรือไง

"แล้วทำไมถึงไม่ให้กลับ ก็กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนไง หายแล้ว กูก็กลับบ้านกู มึงก็อยู่บ้านมึง แค่วันหยุดเท่านั้นไม่ใช่เหรอที่กูต้องมาช่วยมึงทำนั่นทำนี่ แค่ถูหลังทำวันเสาร์อาทิตย์เหมือนปกติ
แล้วเรื่องอื่น ๆ ก็ทำตามปกติไม่ใช่หรือไง แล้วก็.....ให้ลืมเรื่องที่มึงไม่สบายให้หมดด้วย ก็นี่ไง ทำให้อยู่นี่ไง"

แล้วทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย ไม่เห็นจำเป็นขนาดนี้เลย

"ปวดหัวอีกแล้วนะ ตัวร้อนด้วย" ทานตะวันรีบดึงมือของอ้อนให้มาแตะที่หน้าผาก และทำหน้าเศร้า หวังเรียกร้องความเห็นใจอีกครั้ง แต่อ้อนขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจท่าทางของคนตัวโต

ไอ้ทานมันทำอะไรของมันวะ หายแล้วชัด ๆ ยังจะมาทำเป็นไม่สบายอีกทำไม

"แล้วยังไง สรุปว่าที่บอกว่าไม่ต้องมายุ่งตั้งแต่แรกนี่มันยังไงกันแน่ไอ้ทาน ตกลงมึงจะเอายังไงของมึงกันแน่
เดี๋ยวมึงก็หาว่ากูยุ่งกับมึง ไล่ให้ไปไกล ๆ เดี๋ยวก็จะให้อยู่ด้วย ตกลงจะเอายังไง กูเหนื่อยแล้วนะ ถ้ามีเงินล่ะก็กูคงไม่ต้องมาเป็นหนี้มึง
แล้วก็ไม่ต้องมาคอยรับใช้มึงแบบนี้ ไม่ต้องมานั่งเครียดเรื่องนั้นเรื่องนี้จนแทบจะบ้า ไม่ต้องกังวลไม่ต้องกลัวอะไรเลย
ทำไมล่ะทาน ตกลงกูจะต้องทำตามใจมึงอีกนานแค่ไหน กูอยากตาย ๆ ไปให้พ้น ๆ มึงจะเอาอะไรกับกูนักหนาวะ แม่งเอ้ย"

ไม่เคยเป็นแบบนี้ อ้อนไม่เคยเครียดขนาดนี้ แต่หลายอย่างที่สะสมมากขึ้น และถูกกักเก็บไว้ในใจ อยู่ ๆ กลับถูกเปิดออกมา
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนนี้ อ้อนมาพูดแบบนี้ คงได้ลงไปกองกับพื้นตั้งแต่พูดได้ไม่ถึงประโยค และในอีกไม่กี่นาทีถัดมา ทานตะวันคงกดโทรศัพท์โทรหาแม่ของอ้อนและบอกทุกสิ่งทุกอย่าง
แบบไม่สนใจความรู้สึก ว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไง แต่วันนี้ สิ่งที่ควรจะเป็นเหมือนวันก่อน กลับเปลี่ยนไป

คนตัวโตได้แน่นั่งฟังคำพูดของอ้อนเงียบ ๆ ในใจไหวเอน และเอาแต่ก้มหน้านิ่ง ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับความรู้สึกน้อยใจ
ที่พุ่งสูงขึ้นเพราะคำพูดของอ้อนได้ยังไง

"เอาเลยก็ได้ ไม่ได้เป็นอะไรแล้วนี่ จะเตะจะต่อย จะทำอะไรก็เชิญเลย เหนื่อยแล้ว มึงอยากจะทำอะไรกูก็เอาเลยเถอะ
ยังไงซะ มึงก็ไม่เคยสนใจความรู้สึกของใครอยู่แล้ว กูเหนื่อยไอ้ทาน กูเหนื่อย มึงเข้าใจมั้ย กูเหนื่อย มึงเข้าใจบ้างมั้ย ว่ากูเหนื่อย"

อ้อนยังคงพูดสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจมานาน พูดออกไปเรื่อย ๆ พูดมากขึ้น มากขึ้น และสุดท้ายก็หยุดนิ่งเงียบ เอนแผ่นหลังลงพิงกับพนักโซฟา และหลับตานิ่ง ๆ

ใช้ท่อนแขนพาดไว้ที่หน้าผาก ขบริมฝีปากแน่น เหมือนร่างกายกำลังสั่นสะท้านและควบคุมความรู้สึกไม่ได้ ฝ่ามือกำแน่น ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากสนใจเรื่องรอบตัว
อยากจะมีสวิตไฟในตัว ที่สามารถเปิดปิด ไม่ต้องรับความรู้สึกอะไรอีก

เหนื่อยแล้ว
เหนื่อยเหลือเกิน

เหนื่อยทั้งใจเหนื่อยทั้งกาย

จนเกินขีดความสามารถที่ตัวเองจะรับได้อีก

ความรู้สึกอึดอัดกดดัน ถูกส่งผ่านไปถึงทานตะวัน ที่ได้แต่นั่งมองภาพใบหน้า และท่าทางที่อ่อนล้าของคนที่ยังใช้ท่อนแขนปิดบังใบหน้าของตัวเอง

เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะต้องมานั่งปลอบใจใคร ก็ได้ทำ
ไม่เคยเข้าใจใคร ก็ต้องพยายามเข้าใจในวันนี้

ฝ่ามือของทานตะวันเอื้อมคว้ามือที่ยังกำแน่นของอ้อน มาลูบไล้อย่างช้า ๆ และกุมเอา
ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง คนที่กำลังเครียดถึงจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง ไม่รู้ต้องทำยังไง ถึงจะทำให้อาการแบบนี้ของอ้อนหายไป

มือที่ยังกำแน่นเตรียมสะบัดหนีอย่างที่คิด แต่ทานตะวันก็ยังคงไม่ยอมปล่อย ยังรั้งเอาไว้ และสอดปลายนิ้วเข้าหาที่ข้อนิ้วแต่ละข้อของอ้อน
และรั้งร่างของคนที่ยังหลับตาพิงศีรษะอยู่บนพนักโซฟา ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน

อ้อนปรือตาขึ้นอย่างช้า ๆ และจ้องมองใบหน้าของทานตะวันเหมือนไม่เข้าใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า ไม่ว่าจะหนี ไม่ว่าจะใช้แขนยันแผ่นอกกว้างให้ห่างกาย
แต่สุดท้าย เพราะสายตาดุ ๆ ที่จ้องมองมา ทำให้อ้อน ยอมให้ทานตะวันดึงเข้าไปกอด และยอมซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างของคนที่ไม่เอะอะโวยวายเหมือนทุกวัน

หัวคิ้วที่ขมวดมุ่นค่อยคลายลงแล้ว และนิ่งเงียบอยู่ภายในอ้อนแขนที่ให้ที่พักพิง

ดวงตากลมโตหรี่ปรือลงอย่างช้า ๆ



เอาเถอะ ไม่รู้ไอ้ทานมันจะเป็นคนดีไปได้นานแค่ไหน ไม่ใช่ว่าจะมันจะดีด้วยอย่างนี้ตลอดหรอก แค่วันนี้มันไม่ออกฤทธิ์ออกเดชก็นับว่าโชคดีแล้ว
เพราะฉะนั้นในเมื่อมันหยิบยื่น ความอบอุ่นมาให้แค่ชั่ววินาที ก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ ขออยู่เงียบ ๆ อย่างนี้สักวันเถอะ ขืนต้องทะเลาะกันอีกคงได้แย่ไปกว่านี้แน่ ๆ

"ไปสิ อยากกลับบ้านก็ได้ ไม่ได้เจอแม่มาหลายวันแล้วนี่ ป่านนี้แม่คงเป็นห่วงแย่แล้วเนอะ เห็นโทรมาหาทุกวันเลยแล้วบอกแม่ไปบ้างหรือเปล่าว่าคิดถึง
เนี่ย แม่กูนะ ถ้าโทรมากูก็บอกไปว่าคิดถึงตลอดแหละ แต่แย่หน่อยที่พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลา ถึงอยากโทรไปหา ถึงอยากคุยก็ทำไม่ได้หรอก
เขาไม่ว่าง แม่เขาก็มีลูกใหม่แล้ว พ่อเขาก็ทำแต่งาน เขาสัญญาว่าจะมาดูกูแข่งบอลนัดชิง แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมาได้หรือเปล่านะ ต้องซ้อมหนัก ๆ ทุกวันเลย
ถ้าได้ถ้วยชนะเลิศ พ่อแม่เขาคงภูมิใจบ้าง พูดว่าคิดถึงแม่บ้างก็ได้นี่ แม่ของมึงเขาคงอยากฟัง แม่กูสิ ต่อให้บอกว่าคิดถึงแค่ไหน เขาก็ได้แต่บอกกลับมาว่า
แม่ก็คิดถึงทาน แต่เขาไม่เคยว่างเลยทุกครั้งที่โทรหาเขา ขนาดไม่สบายหนัก ๆ เขายังไม่กลับมาดูเลย เขาโทรตามหมอมารักษาที่บ้านแทน
แบบนี้น่าอิจฉามั้ย น่าอิจฉาพิลึกเลย ไม่ต้องไปโรงพยาบาลเอง ไม่ต้องมีใครจับกรอกยา ถ้าเป็นหนัก ๆ ฉีดยาเข็มสองเข็มก็หายเองแหละ ดีมั้ย ดีเนอะ ไม่ต้องกินยา ใช่มั้ย"

อ้อนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าทานตะวัน ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เมื่อไม่กี่นาทีก่อน กำลังรู้สึกโกรธ และหวังเพียงแค่ให้ทานตะวันทำดีให้บ้างแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ
แต่เวลานี้ ความทุกข์ใจของตัวเองเบาบางลงไปมากกว่าครึ่ง

มือที่กุมเอาไว้ยังคงให้ความอบอุ่นได้

แต่อ้อนกลับยกมือของทานตะวันขึ้นมาแนบไว้ที่อก

ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกสงสารจับใจ ไม่รู้ว่าทำไม ตัวเองถึงได้รับรู้เรื่องที่ไม่คิดว่าจะได้รู้

ทานตะวันเงียบเสียงลงแล้ว และยังคงกอดรัดร่างของคนในอ้อมแขนเอา

ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กล้าเล่าเรื่องของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง แต่รู้สึกไว้วางใจและสนิทใจที่จะเล่า

"คราวหน้าถ้าไปบ้านมึงอีก กูจะซื้อของไปฝากแม่มึงบ้างนะ แม่ใจดี อย่างน้อยแม่มึงก็รอมึงกลับบ้าน ไม่เหมือนกู กลับบ้านมาก็อยู่คนเดียว
เหงาจะตาย ไม่ชอบเลย ไม่ชอบเลยว่ะ เวลาที่เหงา กลัว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน"

ทานตะวันไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้าง รู้แต่ว่าพูดออกไปตามความรู้สึกที่แท้จริงจากหัวใจ

และนั่นก็ทำให้อ้อนถึงกับต้องเป็นฝ่ายกุมมือของทานตะวันเอาไว้แน่น และนิ่งฟังคำพูดที่หลุดออกมาอย่างไม่ตั้งใจของทานตะวัน ที่ยังคงเล่าเรื่องที่อ้อนไม่รู้อีกมากมาย
ให้ได้รับรู้

ใบหน้าของอ้อนแหงนเงยขึ้นจ้องมองคนพูด ที่ยังพูดต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป

ทำไม....

ทั้ง ๆ ที่คิดว่า อิจฉาไอ้ทานยิ่งกว่าใคร ๆ

แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกถึงสิ่งนั้นอีกเลย

ทานมันเป็นแค่ เด็กตัวเล็ก ๆ ในร่างของผู้ใหญ่ที่อยากได้ความรักความห่วงใยจากใครสักคน
เพราะอย่างนี้หรือเปล่ามันถึงได้เอาแต่ทำตัวงี่เง่า เพื่อเรียกร้องความสนใจจากใคร ๆ

ทาน

ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก

กูคงจะพยายามทำความเข้าใจมึงให้มากกว่านี้ ที่เอาแต่เหม่อเวลาที่อาบน้ำ ที่เอาแต่เอะอะโวยวายเพราะมันเหงา มันไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ อย่างนั้นหรอกเหรอ

ทาน

กูขอโทษ ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก กูคง.......กูคงเข้าใจมึงมากกว่านี้ และคงไม่มีอคติกับมึงมากมายถึงขนาดนี้

กูขอโทษ กูขอโทษจริง ๆ ที่เข้าใจมึงผิดไป

กูขอโทษ สัญญาเลย ต่อไปนี้ กูจะพยายามเข้าใจมึงให้มากกว่านี้ กูสัญญา

TBC....
 
โดย aoikyosuke

meeza31

  • บุคคลทั่วไป
น่าสงสารน้ำตาจะใหล  :sad4:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
เกินกว่าจะบรรยายความรู้สึกในตอนนี้ออกมาได้  o7 o7 o7

ฉากนี้นี่ สุดยอดค้าบบบบบ  o13 o13 o13


 o1 o1 o1

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วก็พลอยรู้สึกเหงาไปด้วย :undecided:

ชีวิตนี้ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบ มีอย่างก็ขาดอีกอย่าง

นี่ละหนาธรรมดาของมนุษย์ สัตว์โลกผู้เกิดมามีกรรม :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ตามมาดู

  • บุคคลทั่วไป
มาร่วมด้วยช่วยเม้นต์ครับ...  
ทานนี่บทจะดีก็ดีใจหาย... บททานเขาจะงี่เง่าก็เอาการ.. เฮอๆๆๆ จาเอาแบบนี้ หาได้ที่ไหนอะเรย์...  :o11:

esabella

  • บุคคลทั่วไป
             

            .......เศร้าจัง..... :o12: ........แต่ก็เริ่มกล้าบอกความรู้สึกตัวเองออกมาแล้ว.....

                          ...............ขอเอาใจช่วยอีกแรง..... o7

ออฟไลน์ Felm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :freeze:
 :sad2:
 :dont2:


ไม่รู้จะพูดอะไร บอกได้แค่เนี้ย

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ทานเริ่มเปิดใจขึ้นมาแล้วดิ

อยากให้ทานเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อะ

อิอิ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
โอ๊ะๆๆๆๆๆ เริ่มเข้าใจปัญหาในใจของแต่ละคนกันแล้ว

เดี่ยวก็จะมีฉากหวานแล้วละซี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อิอิ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
 :sad4: :sad4:

ไม่ไหวอะ

สงสารทาน สงสารอ้อน

หวังว่าคนทั้งสอง จะเติมเต็มส่วนที่ขาดไปของกันและกันได้

 o7

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ตอนแรก ... ต่างก็อิจฉาในสิ่งที่อีกฝ่ายมี  :impress:
ตอนนี้ .... เริ่มจะเข้าใจและเห็นใจในสิ่งที่อีกฝ่ายขาด   :impress:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
 คนเหงามาเจอคนอ่านขี้เหงา คิกคิก
 o16
****************
เพราะเรากัดกัน (ผูกพัน) ตอน มาเล่นกันเถอะ

ทานตะวันไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรดี หลังจากขับรถมาเรื่อย ๆ ได้แต่นิ่งเงียบแล้วก็นิ่ง แล้วก็เงียบ นิ่ง ๆ เงียบ ๆ อยู่อย่างนั้นเป็นนาน
ในที่สุดหลังจากแอบลอบมองใบหน้าด้านข้างของคนที่นั่งมาบนรถด้วยหลายรอบ ก็ตัดสินใจพูดสิ่งที่คิดออกมา

"วันนี้ไม่กลับบ้าน กูจะนอนบ้านมึง"

อ้าว ไหงงั้นวะ

อ้อนที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ รีบหันกลับไปมองคนที่พูดคำพูดนี้ทันที
เป็นอะไร เกิดบ้าอะไรนอนที่ดี ๆ ไม่ชอบ ชอบไปนอนเตียงแคบ ๆ บ่นว่าอึดอัด แล้วก็ไล่กูมานอนพื้นอีกงั้นสิ
หายดีแล้ว ออกฤทธิ์ทันทีเลยนะมึงไอ้ทาน

อ้อนเพียงแค่หันไปมองหน้าด้านข้างของทานตะวันที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น แล้วก็รีบหันกลับมาโดยเร็ว
คนอย่างไอ้ทานดีได้สองสามวัน มันก็กลับมานิสัยเดิมจะแก้หายได้ยังไง นี่คงคิดแล้วสินะ ว่าจะไล่ให้ไปนอนพื้น
ห้องส่วนตัวของกูแท้ ๆ มันก็ยังอุตส่าห์จะตามไปให้หนักใจเล่น นี่คิดอะไรไว้อีกล่ะ

เดี๋ยวกูจะซื้อของไปฝากแม่มึงนะ พูดจาน่ารัก แต่ทำตัว ........... เออ ช่างหัวแม่งเหอะ อย่างน้อยมันก็ยังบอกให้รู้ตัวว่ามันจะไปนอนที่บ้าน
ไม่เห็นจะมีข้อดีตรงไหน แต่ก็นั่นแหละ ก็ยังมีโอกาสเตรียมตัว แบบห้านาทีก่อนเข้าบ้านก็ยังดี

อ้อนนิ่งคิด แล้วก็ทำหน้าเซ็ง ได้แต่เงียบไปตลอดทาง ไม่ทันสังเกตท่าทีที่นิ่งเงียบไปของคนขับรถที่มีท่าทางกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด

ทำไมวะ แค่บอกว่าจะไปค้างด้วย ทำไมมันทำท่าเหมือนไม่สนใจกันแบบนี้ล่ะ
จะตอบสักคำสองคำให้ชื่นใจว่า ...........ได้ หรือไม่ได้ ก็ไม่มี แต่นี่ไอ้อ้อนมันกลับไม่พูด แล้วนี่ตกลงอยากให้ไปมั้ยล่ะ หรือว่าไม่อยากให้ไป

"งั้นไม่ไปดีกว่า" คนตัวโตที่กำลังคิดกังวลกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เอ่ยบอกอีกครั้ง และรีบหันหน้าไปบอกคนที่ยังนิ่งเงียบ แล้วก็ไม่เห็นว่าท่าทางของอ้อนจะเปลี่ยนไปสักนิด
ยังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม คราวนี้ ทานตะวันเลยไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่กระสับกระส่ายไปตลอดทางระหว่างที่ขับรถ
ตามองถนนจริง แต่จิตใจมัวพะวงอยู่กับคนที่ทำท่าไม่ยินดียินร้ายอยู่ข้าง ๆ

ไม่สนใจที่พูดเลยนี่หว่า ทำไมล่ะ ไม่ให้ไปก็บอก หรือจะให้ไปก็บอก ไม่ใช่เอาแต่เงียบ แล้วแบบนี้ใครเขาจะไปรู้ว่าตัวเองคิดยังไง
ชักเริ่มหงุดหงิดอีกแล้วนะ

"เฮ้ย ตกลงมึงจะเอายังไง จะให้กูไปมั้ยเนี่ย ไม่เห็นพูดอะไรเลย แล้วจะรู้มั้ยว่าจะเอายังไงกันแน่"
ทานตะวันทำเสียงฮึดฮัดโมโห โดยที่ไม่รู้เลยว่า ท่าทางแบบนั้นของตัวเองทำให้อ้อนขมวดคิ้วและนิ่งเงียบยิ่งกว่าเดิม

อะไรของมันวะไอ้ทาน ก็แล้วจะรายงานกูทำไมเนี่ย อยากไปก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่ไป ทุกทีอยากทำอะไรก็ไม่เคยเห็นต้องมารายงานเลย
แล้วนี่เกิดเป็นอะไรขึ้นมา อยากได้ความเห็นอะไรอีกล่ะ เพี้ยนไปแล้วหรือยังไง ไม่ให้กูพูด ให้กูฟังอย่างเดียว คำสั่งของมึงคือประกาศิต แล้วไงล่ะ จะมาบอกกูทำไม
ไปไม่ไป ก็ตัดสินใจเอาเองสิวะ

"ถึงห้าม ถ้าจะไป ก็ไปอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง มีใครห้ามได้ด้วยเหรอ" อ้อนตอบกลับไปแล้ว และยิ่งแปลกใจมากขึ้น เมื่อทานตะวันชะงักกับพูดนั้นของตัวเอง แล้วเจ้าตัวคนถาม
ก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย

อ้าว แล้วเป็นบ้าอะไรของมันอีก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวเงียบ เดี๋ยวก็พูดมาก แล้วไม่พอใจอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ทำท่าแบบนี้ ก็เห็นไม่พอใจทุกที เดาอารมณ์ไม่ถูกจริงๆ พ่อเจ้าประคุณ

"ถึงแล้ว รีบ ๆ เข้าบ้านมึงไปเลยไป เห็นหน้าแล้วหงุดหงิด นี่ไงถึงบ้านแล้ว ไปสิ รีบ ๆ ลงไปเลย ไป๊"

ไล่

ทำไมแค่นี้ต้องไล่ด้วย

เป็นอะไรอีกล่ะ ไม่พอใจอะไรก็ไม่พูด ขับรถมาส่ง แล้วก็ไล่ เบื่อมากเลยสินะ ไม่อยากเห็นหน้ากันก็บอกกันตรง ๆ ก็ได้
ไม่เห็นต้องไล่กันเลย นึกว่าอยากอยู่ด้วยตายเลย

อ้อนแอบเหลือบสายตามองหน้าของคนที่รีบ ๆ ไล่ตัวเองลงจากรถ แล้วก็เลยรีบเปิดประตูรถ เดินกระโผลกกระเผลกเข้าบ้าน
ทั้งที่ไม่ได้พูดอะไรกับทานตะวันอีกเลย
ไม่เข้าใจว่าความหงุดหงิดลึก ๆ ในใจนี่มันอะไรกันแน่ ก่อนหน้านี้ แสนดีใจที่ทานตะวันไล่ให้ไปไกล ๆ เพราะนั่นหมายความว่าจะได้เป็นอิสระได้คิดอะไรเองสักพัก
แต่นี่...........พอถูกไล่ให้เข้าบ้านเร็ว ๆ เพราะทานตะวันบอกว่าไม่อยากเห็นหน้า กลับรู้สึกโมโหขึ้นมา และแอบน้อยใจเล็ก ๆ โดยไม่รู้ตัว

กุญแจประตูรั้วบ้านถูกไข และอ้อนก็เดินกระโผลกกระเผลกลากขาเดินเข้าบ้านไปแล้ว

ส่วนคนที่ขับรถมาส่ง ได้แต่มองตามจนร่างของอ้อนที่เดินเข้าสู่ตัวบ้าน แล้วก็ใช้ฝ่ามือที่กำแน่น กระแทกลงที่พวงมาลัยรถ ด้วยความโมโห

"โธ่โว้ย ไอ้อ้อน ไม่อยากให้อยู่ด้วยขนาดนั้นเลยหรือไง ทำเหมือนรังเกียจกันแบบนั้น เออไปเลย ไม่ได้อยากสนใจนักหรอก จะหันกลับมาขอบคุณที่ขับรถมาส่งสักคำก็ไม่มี
ที่ไม่ให้มันต้องโหนรถเมล์ด้วยความลำบากกลับบ้านเอง ขอบคุณสักคำมีมั้ย ไม่มีเลย ไม่มีเลยนะ ไอ้อ้อนนะไอ้อ้อน แม่งเอ้ย"

แค่ไม่ได้รับคำขอบคุณ กลับทำให้โมโหได้มากขนาดนี้ แต่จริง ๆ แล้วน่าจะเป็นความน้อยใจมากกว่า ที่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่สนใจกันเลย
ทานตะวันออกรถ และขับออกจากบริเวณหน้าบ้านของอ้อนแล้ว โดยที่ไม่รู้ ว่าอ้อนแอบเปิดม่านลอบมองรถที่แล่นผ่านไปแล้วก็ถอนใจยาว

"รีบขนาดนั้นเลย ไม่อยากเห็นหน้ากันขนาดนั้นเลยไอ้บ้าทาน รีบ ๆ ไปเลยไป๊" คำพูดของทานตะวันกลายมาเป็นคำพูดของอ้อนที่ยืนบ่นงึมงำ ก่อนจะชะงักนิ่ง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแม่ของตัวเอง ที่รีบลงมาหาลูกชายทันทีที่ได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้าน
 


"ทานมาส่งเหรอลูก กินอะไรมาหรือยัง แม่ทำกับข้าวไว้เผื่ออ้อนด้วย หิวหรือเปล่าลูก"

แค่เห็นหน้าแม่ แค่ได้ยินประโยคทักทาย อ้อนอยากจะร้องไห้ และบอกว่าคิดถึงแม่ แค่ไม่เจอหน้าแม่ไม่กี่วัน ยังคิดถึงได้มากขนาดนี้
แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไง

ไม่เอ่ยทักทายแม่แถมซ้ำยังรีบก้าวขาเดินขึ้นบ้านไปทันที

แม่ของอ้อนได้แต่มองตามลูกชายที่นิ่งเงียบ ไม่ยอมทักทาย และเดินหนีไปแล้ว
ลูกกลับมาให้เห็นหน้าบ้าง ได้รู้ว่าลูกสบายดี คนเป็นแม่ก็ดีใจ แม้ลูกชายที่เคยหัวเราะร่าเริงสดใส จะกลับกลายเป็นคนละคน ไม่ยอมพูดไม่ยอมจาอีกเลย
แต่ก็ยังรู้ว่าลูกอยู่ด้วย ยังเห็นว่าลูกสุขสบายดี แค่นี้ ก็พอใจแล้ว

"อ้อน....แล้วไม่หิวเหรอลูก ไม่กินข้าวหรือยังไง" แม่ตะโกนถามคนที่เดินขึ้นบ้านไปแล้ว และได้รับเสียงตะโกนตอบรับกลับมา

"เดี๋ยวลงไปกิน ขออาบน้ำก่อน"

ทุกครั้ง คำตอบที่ได้รับ คืออย่ามายุ่งกับผมได้มั้ย หรือไม่....ก็ได้รับแต่ความเงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับ แต่ครั้งนี้ คำตอบที่ได้รับ ทำให้แม่ของอ้อนยิ้มออกมา

เดี๋ยวลงมากินงั้นเหรอ
แม่รีบเดินเข้าไปในครัวและรีบอุ่นกับข้าวที่เตรียมไว้ตั้งแต่บ่าย ด้วยรอยยิ้ม
แค่ลูกบอกว่าจะลงมากินข้าว แค่นี้แม่ก็ดีใจแล้ว แม่ของอ้อนรีบลงมืออุ่นกับข้าวอย่างขะมักเขม้นอยู่ในครัว
ขณะที่อ้อนกำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ

"เดี๋ยวลงไปกินงั้นเหรอ..........." ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกล้าพูด ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ แม้จะเอ่ยปากทักทายแม่เวลาที่กลับมาถึงบ้าน ยังไม่กล้าพูด แต่ทำไมวันนี้ถึงกล้าพูดออกมา

เรื่องส่วนตัวที่ทานตะวันเล่าให้ฟังถูกลำดับเข้ามาในสมอง แล้วก็บอกตัวเองว่าจะรวบรวมความกล้ากลับมาพูดคุยกับแม่ให้ได้อีกครั้ง
โดยที่ไม่ทันรู้ตัว วันนี้ก็พูดคำพูดที่ท่องมาเป็นสิบ ๆ รอบก็ได้พูดออกไปแล้ว รอยยิ้มสดใสปรากฎที่ใบหน้าของอ้อน และยิ่งอมยิ้มเล็ก ๆ เมื่อนึกถึงคนที่บอกให้พูดกับแม่

บ้า.....อย่างไอ้ทานเหรอจะเป็นแรงบันดาลใจให้ ไม่มีซะล่ะ ไม่ใช่เพราะมึงเล่าเรื่องตัวเองหรอกนะ กูถึงทำแบบนี้ แต่เป็นเพราะกูทำเพราะกูอยากทำต่างหากล่ะ
อ้อนเดินมานั่งลงบนเตียงภายในห้องของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาหลายวัน เหลียวมองไปรอบ ๆ ห้อง และก็เห็นว่าไม่มีฝุ่นเลยสักนิด นี่แม่คงเข้ามาทำความสะอาดให้ตลอดเลยสินะ
เมื่อล้มตัวลงนอน และลองใช้จมูกสูดดมกลิ่นแดดบนที่นอน แล้วก็ได้แต่นอนอมยิ้ม แม่คงลากที่นอนไปตากให้ล่ะมั้ง ถึงได้อุ่นขนาดนี้

อ้อนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงของตัวเอง และหลับตาลงอย่างมีความสุข ก่อนจะรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
และเดินไปหยิบผ้าขนหนู รีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อค้นหาเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงใส่นอนแบบสบาย ๆ มาโยนไว้บนเตียง และเดินผิวปากเข้าห้องน้ำไปอย่างมีความสุข
ไม่ได้กลับมาหลายวัน คิดถึงห้องของตัวเองจัง ไม่มีที่ไหนที่นอนหลับได้สบายเหมือนนอนที่บ้านของตัวเองอีกแล้ว
เฮ่อ ป่านนี้ไอ้ทานมันคงกลับบ้านแล้วมั้ง

กลับถึงบ้านแล้วเหรอ แล้วมันก็...........

อยู่คนเดียว.........

เวลาอยู่คนเดียวมัน....จะเหงาหรือเปล่านะ
บ้า....อย่างไอ้ทานปากมันก็คงบอกว่าเหงา แต่มันก็อยู่มาได้ตลอด จะมาเหงาอะไรกัน ออกไปกินไปเที่ยวกับเพื่อนมันก็ได้นี่
ทำไมมันจะต้องมานั่งจับเจ่าอยู่ที่บ้านคนเดียวด้วย ไม่มีทางหรอก อย่างมันเหรอจะปล่อยให้ตัวเองเหงา ปากมันก็พูด แต่มันรีบไล่ให้เข้าบ้านแบบนี้จะให้คิดยังไง

อ้อนรีบสะบัดหัวไล่ความคิดของตัวเอง และลงมือเปิดฝักบัวอาบน้ำ พยามยามไม่คิดถึงเรื่องของคนที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งอีกเลย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 


"ทานมาน่ะลูก แม่ก็นึกว่าทะเลาะกันไม่เห็นทานเข้าบ้าน อ้อนมากินข้าวเร็ว แม่อุ่นกับข้าวไว้แล้ว" อ้อนชะงักเท้า รีบหันไปหาคนที่แม่พูดถึง แล้วก็ยังเกิดอาการงงไม่หาย
เมื่อเดินลงมาจากบนบ้านแล้วพบว่ามีแขกที่ได้รับเชิญจากแม่กำลังช่วยแม่ยกจานยกช้อน ออกมาวางบนโต๊ะอาหาร

ตอนที่อาบน้ำได้ยินเหมือนใครมากดกริ่งที่หน้าบ้าน แต่ไม่ได้สนใจ พออาบน้ำเสร็จ เดินลงมาก็ได้เจอกับคนที่พยายามไม่คิดถึง แต่ตอนนี้คน ๆ นั้นมายืนปั้นหน้ากึ่งบึ้งกึ่งยิ้มช่วยแม่จัดข้าวของอยู่ในครัว

มาไงล่ะมึง

ไหนไล่ให้กลับบ้าน แล้วยังไงถึงได้มาอยู่ในครัวบ้านกูได้ล่ะเนี่ย

"เปล่า ไม่ได้ทะเลาะกันครับแม่ พอดีทานลืมกล่องขนมไว้ที่ร้านทานเลยต้องรีบขับรถย้อนไปเอา เลยบอกให้อ้อนเข้าบ้านก่อนน่ะครับ"

ตอแหลได้โล่ห์ บอกตอนไหนว่าจะไปเอาขนมที่ลืมไว้ แล้วไปซื้อขนมตอนไหน ไม่เห็นรู้เรื่องเลย
อ้อนเงยหน้าขึ้นมองคนที่หันมาส่งยิ้มเก้อ ๆ ให้ แล้วก็แสยะยิ้มตอบกลับไปด้วยความหมั่นไส้

ทานอย่างนั้นทานอย่างนี้ ครับแม่ ครับผม ทีกับกูจิกหัวเรียกตลอด ช่างปรับตัวได้ดีจริง ๆ เลยนะมึงไอ้ทาน

"เดี๋ยวกินข้าวเสร็จค่อยกินขนม แม่เห็นทานซื้อแต่ขนมที่อ้อนชอบกินมาเยอะเลย นั่งเร็วอ้อน กินข้าวได้แล้วลูก ทานก็ไปนั่งที่โต๊ะ กินข้าวเยอะ ๆ ไม่อิ่มเติมข้าวได้ แม่หุงไว้เผื่อเยอะเลย"

แม่ทำท่าดีใจ ที่มีผู้มาร่วมโต๊ะอาหารด้วย แต่อ้อนแอบลอบมองคนที่มาร่วมโต๊ะอาหาร ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้จะระแวงเล็ก ๆ แต่วันนี้รู้สึกเฉย ๆ และออกจะดีใจอยู่ลึก ๆ ที่ลงมาแล้วเห็นหน้าคนที่กลัวว่าจะต้องกลับไปเหงาอยู่ที่บ้านเพียงลำพังมาอยู่ในห้องครัว
ข้าวถูกตักใส่จาน และการรับประทานอาหารและคุยกันไปเรื่อยเปื่อยก็เกิดขึ้น แม่ดูมีความสุขเมื่อคุยกับทานตะวัน และอ้อนก็แอบหัวเราะเล็กน้อย เมื่อไอ้คนบ้านั่นพูดอะไรเพี้ยน ๆ

แต่ก็ยังคงนั่งกินข้าวไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

"แล้วรายงานเสร็จแล้วเหรอลูก ทานไม่สบายหลายวันหายดีแล้วเหรอ"

"หายดีแล้วครับแม่ อ้อนก็ดูแลทานตลอด ยังคิดอยู่เลยครับว่าจะเอาหวัดมาฝากอ้อนหน่อย จะได้หายเร็ว ๆ แต่ก็เห็นว่าอ้อนแข็งแรงดีไม่ยอมป่วย แบบนี้เลยเสียใจครับ ไม่ได้ดูแลกลับคืน"

อยากดูแลตายแหละ ทำเป็นพูด สร้างภาพน่ะสิไม่ว่า ถ้ากูไม่สบายมึงคงเพิ่มความสามารถในการแกล้งกูให้เพิ่มขึ้นล่ะสิ อย่างมึงเชื่อไม่ได้หรอกไอ้ทาน เพราะมึงตอแหลเก่ง

"ป่วยยากลูกคนนี้ แต่เป็นอะไรทีก็หนัก แม่ก็ห่วง แม่ฝากทานดูด้วยนะ ดีที่มีทาน ไม่งั้นแม่ก็ไม่รู้จะไปฝากใคร"

ฝากผิดคนแล้วแม่ ฝากไว้กับไอ้ทาน ผิดคนแล้วแม่ ผมอ่วมจนเละทุกวัน แม่ไม่รู้หรอกว่าฝีมือใคร ไอ้คนที่บอกว่าจะดูแลผมอย่างดีนั่นแหละ

"ไม่เป็นไรครับ ทานจะดูแลให้อย่างดีเลย"

ดีมาก ดูแลดีมากกกกกกกกกกกกกก จนกูเป็นอย่างที่เห็นไง ไอ้ทาน ไม่ต้องมาทำเป็นหัวเราะเลย แน่ะ มองหน้าแล้วยังไม่สำนึกยังจะมายักคิ้วหลิ่วตาให้อีก
ไม่กินแล้วอิ่ม แล้วนี่แม่เติมข้าวให้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เผลอแป๊บเดียวกินข้าวไปกี่จานแล้ววะเนี่ย

"โอ้ยยยยยยยย อิ่มจังเลยครับ กับข้าวที่แม่ทำอร้อย อร่อย ทานกินจนพุงจะแตกแล้ว ยังอยากเติมอีก แต่สงสัยกินเข้าไปไม่ไหวแล้ว"

อร่อยเป็นพิเศษเลยสิ ก็มึงเล่นกินไปนินทากูแบบซึ่ง ๆ หน้าไปด้วยนี่ กับข้าวชั้นดีเลย กินล้างกินผลาญ หันกลับมาอีกที ตักอะไรใส่จานกูเต็มจานเลยวะ แล้วเผลอกินไปจนหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

"อ้าว ยังไม่อิ่มอีกเหรอ ตัวแค่นี้ กินไปตั้งสามจาน แม่ดูสิครับ อ้อนมันเริ่มเขี่ยข้าวอีกแล้ว อยู่บ้านทานก็แบบนี้แหละครับ กินอิ่มแล้วก็ไม่บอกชอบเขี่ยข้าวเล่น"

เคยทำแบบนั้นด้วยเหรอ นอกจากแม่แล้วไม่เห็นมีใครมาสังเกตว่ากูเขี่ยข้าวหรือไม่เขี่ย

"อิ่มแล้วเหรอลูก วันนี้อ้อนกินได้เยอะเลย เอาข้าวเพิ่มมั้ย เดี๋ยวแม่ตักให้"

อ้อนส่ายหน้า และรวบช้อนไว้ด้วยกัน ก่อนจะช่วยทานตะวันยกจานข้าวและจานกับข้าวที่กินหมดแล้วไปวางไว้ในอ่างล้างจาน

"เดี๋ยวทานล้างจานเองครับแม่ ทานล้างจานเก่งนะครับเห็นแบบนี้ทานทำได้นะ"

เหรอ ไม่เห็นเคยทำสักที ใช้กูตลอด ไม่ก็เห็นแม่บ้านทำให้ตลอด ล้างเป็นตอนไหน อย่ามาทำเป็นปากดีหน่อยเลย

แม่อมยิ้มกับสิ่งที่เพื่อนลูกชายพูด และหันไปมองลูกชายที่เห็นอมยิ้มเล็ก ๆ และเดินนำหน้าทานตะวันไปที่อ่างล้างจาน

ลูกดูมีชีวิตชีวามากกว่าแต่ก่อน จากไม่เคยพูดก็เห็นพูดจาได้มากขึ้น เคยนิ่งเฉย ก็มีท่าทางอ่อนโยนลงไม่แข็งกร้าวเหมือนเมื่อก่อน

"ถ้าแม่มีลูกสาวแม่ยกให้ทานไปแล้ว พ่อบ้านพ่อเรือนแบบนี้ใคร ๆ ก็อยากได้นะ"

ทานตะวันที่กำลังลงมือล้างจานโดยมีอ้อนยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ้มกว้าง และรีบเหลือบสายตาไปมองคนที่กำลังเขี่ยเศษอาหารและนำมาลงในอ่างล้างจาน

"ลูกชายก็ยกให้ได้ครับแม่ ลูกชายก็เอา"

ทานตะวันก้มลงมากระซิบบอกกับอ้อนเสียงเบา และก็เห็นว่าคนที่ทำหน้าเฉย ๆ รีบเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าทานตะวันและรีบก้มกลับลงไปทันที
หัวใจกำลังเต้นโครมครามอย่างไม่มีสาเหตุ อ้อนก้มหน้าก้มตาหยิบจานใส่ในอ่างล้างจานที่มีฟองอยู่เต็ม แต่กลับถูกดึงมือเอาไว้
แถมซ้ำไอ้คนจับมือมันยังทำหน้าทะเล้นใส่อีก

"แม่กูอยู่นะมึง ทำเหี้ยอะไรของมึงวะ"

อ้อนรีบหันไปมองแม่ แล้วรีบหันกลับมาดึงมือตัวเองออก แต่ทานตะวันก็ไม่ยอมปล่อย ยังดึงฝ่ามืออ้อนไม่ให้ยกขึ้นจากอ่างล้างจานที่มีฟองอยู่เต็มอ่าง

"อะไร ยังไม่ได้ทำอะไรเลย กลัวอะไร แค่จับมือ หรืออยากหอมแก้มกูตอนนี้"

เอาแล้ว โดนไอ้ทานมันเล่นแล้วไง
ใบหน้าของอ้อน เริ่มมีริ้วรอยแห่งความกังวลอย่างเห็นได้ชัด พยายามดึงมือของตัวเองออก แต่ก็ไม่ได้ผล จนต้องเงยหน้าขึ้นมองว่าสิ่งที่คนบ้าบอพูดเป็นความจริงหรือไม่



"อย่านะโว้ย มึงอย่าแกล้งกูนะ"

อ้อนรีบบอกเสียงสั่น และหันไปมองแม่ที่กำลังเช็ดโต๊ะอาหารหลายครั้ง กลัวว่าแม่จะหันกลับมาเห็น

"ก็ให้จับมือดี ๆ แบบไม่สะบัดมือแค่นิดเดียวแหละ แล้วเดี๋ยวปล่อย ทำได้มั้ยล่ะ แค่นี้เอง"

ไม่รู้ว่าทำไมถึงเชื่อสิ่งที่คนตัวโตพูด แต่อ้อนที่กำลังใจเต้นไม่เป็นส่ำ ก็ยอมที่จะหยุดมือไว้นิ่ง ๆ
ภายใต้ฟองสบู่ในอ่างล้างจาน มือของทานตะวันยังคงเกาะกุมมือของอ้อนเอาไว้แน่น นิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้นเป็นนาน และต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดคุยกันอีก

ทานตะวันหันไปมองหาแม่ของอ้อนอีกครั้ง และยอมปล่อยมือของอ้อนอย่างแสนเสียดาย

"ก็แค่เนี้ย ไม่ได้อยากทำอะไรซะหน่อย แค่จับมือนิดเดียวเอง"

ใบหน้าที่ก้มลงมาหา และเสียงบอกเบา ๆ ทำให้อ้อน รีบร้อนลนลาน ทำหน้าไม่ถูก ทำตัวไม่ถูก รู้แต่ว่าเหมือนมีไฟกำลังนาบอยู่บนใบหน้า จนร้อนผ่าว
ในขณะที่อ้อนกำลังเกิดอาการลนลาน ทานตะวันกลับสงบนิ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ดวงตาคม ๆ เหลือบมองข้างแก้มของอ้อนแล้วยิ่งคิดอยากจะเข้าใกล้ให้มากขึ้น รีบหันไปมองแม่ของอ้อนอีกครั้ง และก้มลงหอมแก้มคนที่กำลังวางจานใส่อ่างทันที

"เฮ้ยยยยยยย ทำอะไรวะ"

อ้อนรีบยกมือขึ้นแตะที่ข้างแก้มของตัวเอง ฟองสบู่ลอยคว้างในอากาศ และเปียกเลอะใบหน้า

"อะไรกันเรา เล่นอะไรกันอีกล่ะ ฟองเต็มเลย แม่บอกว่าแม่ล้างเองก็ไม่เชื่อ" แม่หันมาบอก และเตรียมเดินเข้ามาช่วย แต่อ้อนรีบห้ามเอาไว้

"ไม่ ไม่ ไม่ ต้อง เดี๋ยวล้างเองแม่ เดี๋ยวล้างเอง แค่เล่นกันเฉย ๆ ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรจริง ๆ " เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่อ้อนพูดกับแม่ได้อย่างปกติ
แม่ที่กำลังเดินเข้ามายิ้มกว้าง และหันไปสนใจกับการจัดเก็บโต๊ะอาหารอีกครั้ง

"งั้นก็ตามใจ อ้อนอุตส่าห์ช่วยแม่ล้างจาน แม่ล่ะดีใจ๊ดีใจ แบบนี้น่าชวนทานมากินข้าวที่บ้านบ่อย ๆ ทานมาทีไร อ้อนร่าเริงทุกทีเลย"

ร่าเริง เริงร่าตายเลย กำลังจะตายแล้วจริง ๆ เนี่ย แม่ ตายแหง ๆ งานนี้

"เป็นอะไรหนูน้อยแก้มแดง หน้าแดงแล้วเป็นอะไร หรืออยากให้หอมอีกที"

ใครจะไปอยาก ไม่เอาด้วยหรอก ทำบ้าอะไรของมันวะ นิสัยประหลาด ไอ้บ้าทาน กูเกลียดมึง

"เดี๋ยววันนี้จะค้างที่นี่ จะนอนด้วย จะให้นวดขา จะให้ช่วยอาบน้ำ ทำหน้าที่ด้วย วันนี้ทานตะวันคัมแบ็ค แต่ไม่มีเสื้อเอาเสื้อมาให้เปลี่ยนด้วยล่ะ เอาตัวเดิมที่ใส่คราวก่อน
ตัวนั้นใส่สบาย แล้วก็เอากางเกงตัวนั้นด้วย ที่เอามาทิ้งไว้วันก่อนโน้นแหละ เอาตัวนั้น เข้าใจนะ"

เออ เข้าใจ สั่งได้สั่งดี สั่งทั้งปีทั้งชาติ

"ครับผม เดี๋ยวอ้อนหาเสื้อให้ทานเปลี่ยน พูดสิ พูดเป็นมั้ย ครับผม เดี๋ยวอ้อนหาเสื้อให้ทานเปลี่ยน แค่เนี้ยะ พูดได้เปล่า"

ไอ้ ไอ้ ไอ้ทาน มึง มัน มัน เออ ก็ได้วะ

"ครับผมไอ้ทาน เดี๋ยวอ้อนจะหาเสื้อให้มึงปลี่ยนนะคร้าบบบบบบบบ"

อ้อนแกล้งลากเสียงยาว ๆ และทำหน้าหมั่นไส้คนที่บังคับให้พูด
ทานตะวันอมยิ้มและหัวเราะออกมาเมื่อมองท่าทางของอ้อน ด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป
ถ้าเกิดอยู่ที่บ้านไม่มีใครเห็นมึงโดนไปแล้วไอ้อ้อน เอาแบบกลางสระน้ำนั่นอีกสักรอบคงดี จะได้ไม่กล้าพูดอีก คอยดูเถอะ ขึ้นห้องก่อนเถอะ เจอดีแน่ จะเล่นให้ร้องไม่ออกเลย
คอยดูก็แล้วกัน ปากดีนักนะเราตัวแค่เนี้ย

"ขึ้นห้องขอจูบที แล้วจะไม่ขออะไรอีกเลย ได้ป่าว"

อ้อนชะงักมือที่กำลังล้างจาน แล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนพูดตาโต

ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่จริง ไม่จริง

ในขณะที่อ้อนกำลังทำตาโต ทานตะวันกำลังยืนอมยิ้ม

"นะ ทีเดียว แล้วจะไม่แกล้งอีก นะ"

ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่เอาโว้ยยยยยยยยยยยยย ไอ้บ้า ไม่เอาโว้ยยยยยยยยยยยย

ในขณะที่อ้อนกำลังร่ำร้องตะโกนบอกอยู่ในใจ ทานตะวันกลับถือเอาความเงียบนั่นเป็นการตอบรับ

"ล้างจานเสร็จแล้ว ไปเร็ว อยากอาบน้ำ ขึ้นห้องกันเร็ว"

จานถูกคว่ำจนหมด และทานตะวันก็ดึงแขนอ้อนให้เดินลิ่ว ๆ ตามกันขึ้นมาบนห้อง

"แม่คร้าบบบบบบบบ ทานไปอาบน้ำก่อนนะครับแม่ เดี๋ยวอ้อนจะพาทานไปอาบน้ำแล้วครับแม่ เดี๋ยวทานจะมาดูรายการโทรทัศน์เป็นเพื่อนแม่นะครับ"

ใครกันแน่ที่จะพาไปอาบน้ำ มึงลากแขนกูแต่มึงบอกว่ากูจะพาไปอาบน้ำ ไม่เอาโว้ยยยยยยยยย กูไม่ไป ไอ้ทานปล่อยกู

แม่ช่วยด้วย แม่ ไอ้ทานมันจะเอาลูกแม่ไปเชือดนะแม่

แม่ แม่ แม่มองอ้อนสิแม่
ไอ้ทานมันจะเอาลูกแม่ไปเชือดแล้วแม่ไม่เห็นหรือไง แม่รีบรั้งเอาตัวมันไว้สิแม่ เร็ว แม่ช่วยด้วย

ปากอยากจะพูด แต่ตอนนี้อ้อนก็ถูกดึงแขนให้เดินขึ้นมาอยู่บนห้องเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับที่ทานตะวันหันมาส่งยิ้มให้ อย่างแสนหวานเชื่อมและรั้งร่างของอ้อนเข้าไปหา

"ว่าไงเรา หนูน้อยแก้มแดง มาให้จูบซะดี ๆ เร็ว เริ่มจากตรงไหนดี เลือกมาซิ ตรงไหนน่าจูบบ้าง ตรงไหนดีน๊า"

TBC...
 
โดย aoikyosuke
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-05-2007 20:12:28 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หมายความว่าไงนี่  :angry2:  มาแล้วทำไมไม่ลงให้อ่านล่ะ  o9  o9
เกิน 10 เม้นต์แล้วนา  o12

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22

หมายความว่าไงนี่  :angry2:  มาแล้วทำไมไม่ลงให้อ่านล่ะ  o9  o9
เกิน 10 เม้นต์แล้วนา  o12

คิกคิก ผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย
 :haun5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด