ว่างๆนัดไปจีบคนแถวศรีธัญญากันดีปะ
ตรงสเป็คเพื่อนๆแน่
**************************
เพราะเรากัดกัน (ผูกพัน) ตอน เรื่องอะไร
"แฟนไง แฟน ก็คนเป็นแฟนกัน คิดถึงกันมาเฝ้ากันไม่เห็นแปลกเลย"
เหรอ มาเฝ้ากันด้วยเหรอแฟนเนี่ย
"คิดถึงไง อยากเจอ อยากอยู่ด้วยตลอด อยากทำอะไรดี ๆ ให้ คนเป็นแฟนกันนี่หว่า"
เหรอ เออ คนเป็นแฟนกันงั้นเหรอ
"เพราะรักไง...รักมาก ๆ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข"
ทานตะวันสะดุ้งสุดตัว รีบเหลียวมองหาคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ
ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง ก็มันได้ยินเอง
ไม่ได้อยากรู้อยากเห็น แต่หูมันฟังตลอดเวลา
รัก.........เลยเหรอ
ทานตะวันที่นั่งเก็กหน้ามาตลอดทั้งวัน เงยหน้าขึ้นมองอ้อน ที่ยกแก้วขึ้นจิบน้ำ ไม่ยอมสบตา และมือยังคงพยายามจะคีบปลาหมึกแต่คีบไม่ได้สักที
อยู่ด้วยแล้วมีความสุขงั้นเหรอ ความสุขที่ว่า
ใช่แค่การนั่งมองหน้าแล้วก็กินข้าวด้วยกันเงียบ ๆ แบบนี้โดยไม่ต้องรู้สึกอึดอัดใจหรือเปล่า
ถ้าใช่.........
แล้ว...........
แล้ว..........
ทานตะวันเริ่มขมวดคิ้ว แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ตางหน้า อ้อนยังคงพยายามกับการจับตะเกียบอยู่แต่ก็ไม่เห็นว่าความพยายามจะสัมฤทธิ์ผลตอนไหน
ปลาหมึกถูกคีบส่งใส่จานให้กับคนที่มีความพยายามแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ อ้อนเงยหน้าขึ้นและชะงักนิ่งเล็กน้อย เมื่อเห็นทานตะวันทำหน้าเครียด
โกรธอะไร
คีบปลาหมึกไม่ได้เลยไม่พอใจอย่างนั้นเหรอ ก็เลยสมเพชจนต้องคีบมาส่งให้
ตะเกียบถูกวางลงแล้ว
พร้อมกับที่อ้อนนั่งมองปลาหมึกในชามใบเล็ก ๆ
นั่งนิ่ง....นั่งเงียบ....ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่ในความเงียบกลับมีบางอย่างแฝงอยู่
เจ็บนิด ๆ
แค่นิดเดียวเมื่อรู้ว่าตัวเองนอกจากจะไม่เป็นลูกหนี้หรือคนใช้ที่ดีแล้ว ยังทำให้ทานตะวันหงุดหงิดอยู่บ่อย ๆ
แล้วนี่ก็คงหงุดหงิดที่แค่หมึกตัวนิดเดียวยังไม่มีปัญญาคีบใช่มั้ย
คงใช่
ใช่แน่ ๆ
ใบหน้าเนียนขาว หมองเศร้าลง จนทานตะวันที่กำลังสนใจกับการคีบผักใส่จานต้องเงยหน้าขึ้นมอง
ไม่ชอบที่คีบปลาหมึกให้งั้นเหรอ
หรือว่าเกิดไม่พอใจอะไรขึ้นมาอีก ทำไมถึงได้ทำหน้าแบบนี้
"ไม่อร่อยเหรอ" ไม่ใช่น้ำเสียงที่ตะคอกเหมือนครั้งก่อน แต่เป็นเพราะเผลอเลยถามออกไป ด้วยน้ำเสียงที่แสนอ่อนโยน
รวมทั้งสายตาที่ทอดมองทำให้อ้อนต้องส่ายหน้า เพราะกลัวจะทำเรื่องที่ทำให้ทานตะวันไม่พอใจขึ้นมาอีก
"แล้วทำไมไม่กินไม่อยากกินหรือไง เห็นว่าคีบให้เลยไม่อยากกินงั้นสิ"
คำถามนั้นยิ่งทำให้อ้อน ส่ายหน้าแรงขึ้น
ไม่ใช่ไม่อยากกิน
ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่จริง ๆ
....................
"แล้วทำไมถึงไม่กิน"
ใบหน้าที่ยุ่งเหยิง ท่าทางที่เหมือนกำลังขัดใจ ยิ่งทำให้อ้อนรู้สึกแย่มากขึ้นแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดยังไงดี
แย่ที่ต้องอยู่ต่อหน้าคนที่ทำให้ใจสั่น และไม่เป็นตัวของตัวเอง
แล้วยังต้องมาแย่ที่คิดอะไรแล้วพูดไม่ออกแบบนี้
จะมีเรื่องแย่กว่านี้อีกมั้ย
"รักมันบอกไม่ได้หรอกว่ารักตอนไหน เวลาไหน รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว ขาดไม่ได้ว่ะ"
บทสนทนาจากโต๊ะแถวหลังห่างออกไป ยังคงแว่วเข้ามาในโสตประสาทของทานตะวันต่อไป
นัยน์ตาคมเหลือบขึ้นมองหน้าของอ้อนอีกครั้ง
และคิดตามทุกประโยคคำพูดนั้น
....ไม่ทันรู้ตัวก็รักไปแล้วงั้นเหรอ.....
แล้ว...มันเป็นยังไงเหรอ...รักใครสักคนเนี่ย
เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เข้าใจยากชะมัด ไม่อยากสนใจหรอก สนใจไอ้อ้อนดีกว่า เป็นอะไรอีกวะ
"เฮ้ย...จะกินหรือไม่กิน"
เสียงตะคอกกลับมาอีกครั้ง และอ้อนก็ค่อย ๆ เอื้อมมือไปคว้าตะเกียบมาถือไว้ในมือ แต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองหน้าทานตะวันอีกเลย
ทำไมถึงได้คิดอะไรมากมายขนาดนี้
กังวล
ตกอยู่ภายใต้ความกังวล และความทุกข์ใจเล็ก ๆ
สับสน
ไม่รู้ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่กันแน่ บางครั้ง หน้าก็ร้อนขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ บางครั้ง แค่คำพูดเล็กน้อยที่แสดงความไม่พอใจของคนตรงหน้า
ก็ทำให้อยากร้องไห้ได้ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ทำไมกันนะ
เป็นคนใช้ไม่ใช่เหรอ
ก็ในเมื่อเป็นคนใช้ ก็ต้องยอมรับอารมณ์ความรู้สึกของเจ้านายไม่ใช่หรือไง
"เย็นนี้....จะให้ช่วยถูหลังมั้ย"
นานหลายวัน กว่าจะมีประโยคคำพูดออกมาจากปากของอ้อน และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เป็นประโยคคำถาม
คำถามที่ทำให้ทานตะวัน ที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ ต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง
......ทานถูหลังให้อ้อนดีกว่ามั้ง.....
ในใจคิดอย่างนั้น ไม่ยอมตอบคำถาม แต่ก้มหน้าลงซ่อนรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่จุดขึ้นที่มุมปากของตัวเองเอาไว้
อ้อนเงียบไปแล้ว เมื่อเห็นทานตะวันทำหน้าไม่พอใจ และไม่ยอมตอบคำถาม
มือยังคงจับตะเกียบและเขี่ยอาหารไปมา
ไม่อยากพูดดี ๆ ด้วยแล้วสินะ
ถึงไม่เคยพูดดี ๆ ด้วยอีกเลย
"เอ้า นั่งมองอยู่นั่นไม่กินหรือไง"
อ้อนวางตะเกียบลงแล้ว แล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังกลายเป็นคนงี่เง่าทีเก็บเอาคำพูดทุกคำของทานตะวันมาคิด
ทุกเรื่อง ทุกคำ
ทุกท่าทาง ติดอยู่ในสมองจนไม่สามารถจะละสายตาไปไหนได้
ทั้งที่ไม่มีคำพูดไหนที่ทำให้รู้สึกดีได้เลย แต่ก็ยังคงฟัง ฟังเงียบ ๆ นิ่งฟัง แล้วก็รู้สึกเจ็บลึก ๆ ในใจคนเดียว
"ไม่พอใจอีก ไม่พอใจ เอาใจยาก เป็นคนใช้แบบไหน ถึงได้เอาใจยากแบบนี้"
เป็นคำพูดร้าย ๆ ตลอดสามสี่วัน แล้วทานตะวันก็ถอนใจยาวเหยียด รีบกดกริ่งเรียกให้เจ้าหน้าที่เดินมารับออเดอร์ของกินที่จะสั่งเพิ่ม
"วานิลลา ช็อคโกแล็ต วิปปิ้งครีมด้วย สองครับ คนหน้างอคนนี้เขาชอบผมรู้"
อ้อนฟังทุกคำพูดของทานตะวันด้วยความไม่เข้าใจ
คนหน้างอคนนี้เขาชอบ ผมรู้ งั้นเหรอ
"ไม่ได้ชอบ"
น้ำเสียงแผ่วเบาที่บ่นงึมงำกับตัวเองของอ้อนยิ่งทำให้ทานตะวันอมยิ้ม
............
ยอมรับเหรอว่าเป็นคนหน้างอ นึกว่าไม่รู้ตัวซะอีกว่าตัวเองหน้างอ
"ไม่ชอบก็รักซะสิ จะได้ไม่ต้องชอบอีก"
ได้ผล...
คนที่นั่งบ่นพึมพำ เงยหน้าขึ้นทันทีทันใด แต่เหมือนตัวเองฟังผิดไป อยากจะถามอีกครั้งว่าคนบ้าคนนี้พูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าถาม
ฟังไม่ผิดนะคิดว่าฟังไม่ผิด .....ไม่ชอบก็รัก.....
แต่คงผิด...ผิดแน่ ๆ ไอ้ทานไม่มีทางพูดแบบนี้หรอก หลักฐานน่ะเหรอ ก็ท่าทางเฉย ๆ เย็นชานั่นไงล่ะ
ถึงทำให้ตอบตัวเองได้ว่าฟังผิด
ถ้วยไอศกรีมเล็ก ๆ สองถ้วย ถูกยกมาวางไว้ตรงหน้า
อ้อนได้แต่นั่งมอง เพราะของที่กินไปยังกินไม่หมด แล้วนี่ของหวานก็มาอีกแล้ว จะสั่งมาประชดกันหรือไง
"กินอะไรที่มันหวาน ๆ เย็น ๆ บ้าง จะได้เข้ากับหน้า..หน้าก็ออกจะหวาน มือก็เย๊นเย็น กินแบบนี้แหละดี เอ้ากินสิ ช้อนก็มี ไหนถือซิ หรือต้องให้สอนวิธีจับช้อน"
ช่างประชดประชันด้วยคำพูดได้ดีนัก
"กินแล้วเผื่อจะอารมณ์เย็นขึ้นบ้าง เป็นบ้าอะไรวัน ๆ ทำหน้าแบบนี้ทั้งวันกินซิหรืออยากให้ป้อน"
ทานตะวันทำท่าจะหยิบช้อนขึ้นมาตักไอศกรีมส่งให้อ้อนจริง ๆ จนอีกฝ่ายต้องรีบดึงช้อนเอากลับมาไว้ในมือ และก้มหน้าก้มตาตักครีมเย็น ๆ เข้าปากอย่างช้า ๆ
ไม่รู้รสชาดว่าอร่อยหรือเปล่า แต่กินไปเพราะจำใจ
"เปื้อนแล้ว"
ถูกทักแบบนั้น แล้วอ้อนก็เลยต้องรีบใช้หลังมือเช็ดที่แก้มของตัวเองโดยไม่รู้ว่าไอ้ที่มันเปื้อนมันเปื้อนตรงไหนกันแน่
"ตรงนี้..."
แค่เพียงปลายนิ้วสัมผัสแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปาก
แค่เพียงนิดเดียว
ช้อนในมือหล่นลง พร้อมกับสัมผัสได้ถึงดวงตาคมที่ส่งความรู้สึกบางอย่างมาให้
"กินที่ปากจะให้เปื้อนที่ไหน มันก็ต้องเป็นตรงนี้"
ถูกแกล้ง......โดยไม่ต้องสงสัย
แกล้งให้เศร้า แกล้งให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นตัวตลก
ช้อนคันเล็ก ๆ ถูกยกขึ้นเพื่อตักไอศกรีมอีกครั้งเพื่อป้อนเข้าปากตัวเอง
แต่มือที่จับช้อนกำลังสั่นสะท้าน
อาจเป็นเพราะกำลังอยู่ในช่วงสับสน หลายวันที่คร่ำเครียด เหมือนกำลังถูกต้อนให้จนมุมด้วยความคิดของตนเอง
อยากจะเข้มแข็งให้มาก ๆ ไม่หวั่นไหวกับคำพูดแปลก ๆ แต่ทำไม่ได้ เวลานี้กลับทำไม่ได้
รสชาดของไอศกรีมไม่หวาน ไม่เย็นอีกแล้ว
แต่เป็นรสเฝื่อน ๆ ด้วยความขื่นใจเล็ก ๆ
"เคยหลงรักใครมั้ย แบบไม่ทันรู้ตัว แบบไม่รู้ตัวว่าที่จริงกำลังหลงรักคนที่อยู่ตรงหน้าเรา....โดยที่เรายังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าไอ้คำว่ารักมันคืออะไร
เคยเป็นกังวลจนนอนไม่หลับมั้ย...กังวลจนไม่รู้ต้องทำยังไงถึงจะทำให้ถูกใจคนที่อยู่ตรงหน้าเราเวลานี้....."
พูดอะไร....กำลังจะพูดอะไร...ไอ้ทานมันกำลังจะพูดอะไรของมันกันแน่ จะแกล้งพูดอะไรอีก จะแกล้งอะไรอีก
"ที่บอกว่าเราเป็นแฟนกัน....แค่ล้อเล่นใช่มั้ย.....แต่ทาน....จริงจัง..นะ."
คำพูดนิ่ง ๆ พร้อมกับที่คนตัวโตนั่งตัวตรง สายตาจ้องนิ่งสงบและมองมาอย่างมั่นคง
อ้อนเงยหน้าขึ้นและวางช้อนลงแล้ว
ไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินคืออะไร ไม่รู้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งแบบไหน
แต่ก็ยังคงตั้งใจฟังเงียบ ๆ
"รักทานเถอะ.....ขอร้องล่ะ"
หูแว่ว...หูฝาด .....หรืออะไร หรือว่าที่ได้ยินกำลังฝันไป อ้อนนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น ทั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของทานตะวัน
และยังคงชะงักค้างอยู่อย่างนั้นเป็นนาน......นานจนลืม....ลืมว่าสิ่งที่คนตรงหน้าพูด หมายความว่าอะไร
TBC......
โดย aoikyosuk