เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาถึงห้องศูนย์รวม CCTV อย่างรวดเร็ว จากนั้นปรางก็สั่งงานอย่างคล่องแคล่ว ทำให้หนุ่มๆ เชื่อว่าเธอเป็นหัวหน้าจริงๆ ก็ตอนนี้
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วบอกกับรวินท์และภูพิงค์ด้วยเสียงสอง “ปรางจะแจ้งตำรวจไว้ด้วยนะคะ” ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องเสียงเข้ม “พร้อมแล้วไปได้!” แล้วทุกคนก็รีบรุดขึ้นไปชั้นสี่ทางลิฟต์โดยสารของพนักงานทันที
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามคนรูปร่างใหญ่กล้ามบึ้ม อยู่ในชุดผ้าเนื้อหนาสีดำทั้งตัว ดูเหมือนจะเป็นพนักงานตัวท็อปของโรงแรม พวกเขาคล่องแคล่วและรู้งานดี เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสี่ ก็พบกับอีกสองหนุ่มที่ปักหลักสังเกตการณ์รออยู่
“คุณออยเสียงเกรี้ยวกราดมาก ตวาดแว้ดๆ เลย ได้ยินมาถึงนี่ แต่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง”
“พวกผมได้ยินเสียงโครมคราม ไม่รู้มีการต่อสู้กันรึเปล่า แต่พี่หมอเต้คนเดียวยังไงก็สู้ไม่ไหวแน่” สองหนุ่มผลัดกันรายงาน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยักหน้าหงึกๆ “พวกคุณรออยู่ตรงนี้ก่อน รอให้พวกผมเคลียร์พื้นที่ก่อนนะ”
ทุกคนพยักหน้ารับ “ครับ”
เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินไปเคาะประตู ภายในห้องนั่นก็เงียบกริบไปชั่ววินาที จากนั้นก็มีเสียงตึงตังดังแว่ว เจ้าหน้าที่สองคนจึงย้ายไปดักรอที่ห้องข้างๆ ส่วนอีกคนใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไป เขาเข้าไปในห้องได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงโวยวายสลับโครมครามตามมาดังลั่น ไม่นานเจ้าหน้าที่คนเดิมก็โผล่หน้าออกมากวักมือเรียก
“ห้องนี้เคลียร์ ผมล็อกประตูเชื่อมระหว่างห้องกับเรียกรถพยาบาลแล้ว พวกคุณมาหลบอยู่ในนี้กับคนเจ็บก่อนนะครับ”
รวินท์ได้ยินก็หัวใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม เขาบีบมือภูพิงค์แน่น “ไอ้เต้!”
“ใจเย็นพี่ เรารีบไปดูพี่เต้กันก่อน”
หกหนุ่มพากันวิ่งเข้าไปในห้องทันที ส่วนพนักงานก็ออกไปจัดการกับห้องข้างกัน
เมื่อมาถึงห้อง เห็นสภาพเพื่อนรักเข้า รวินท์ก็ถลาเข้าไปหา “ไอ้เต้”
เตชิตอยู่ในสภาพสะบักสะบอม แทบไม่เหลือสภาพของอดีตลีดมหาวิทยาลัยคนดัง ใบหน้าของเขามีรอยพกช้ำหลายแผล มีเลือดไหลออกจากจมูกและมุมปากซิบๆ เขานั่งพิงกองหมอนอยู่บนเตียง เสื้อผ้าท่อนบนถูกถอดออกหมดทำให้มองเห็นร่องรอยสีแดงช้ำไปทั่ว ท่อนล่างยังสวมกางเกงอยู่ แต่ซิปเปิดอ้าซ่า ขอบกางเกงถูกดึงลงไปครึ่งสะโพก มือถูกมัดไพล่ไปทางด้านหลัง สองขาถูกมัดไว้ด้วยกัน มีผ้ามัดปากอีกผืนซึ่งพนักงานรักษาความปลอดภัยดึงออกให้แล้วแต่ยังคล้องอยู่ที่คอ
“วิน” เตชิตชำเลืองมองคนที่วิ่งเข้ามาหาตน
“มึงเป็นยังไงบ้าง” รวินท์รีบแก้มัดออก มือของเขาสั่นระริก ส่วนภูพิงค์ก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าของอีกฝ่ายมาส่งให้
พอแกะมัดที่ข้อมือออกไปได้ รวินท์ก็จะช่วยใส่เสื้อให้ ทว่าเตชิตครางออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บปวด “เดี๋ยว...เจ็บ”
รวินท์หน้าเสีย “ฉิบหาย ขยับแขนขาได้มั้ยวะ มีอะไรหักรึเปล่าเนี่ย”
“ขยับได้ แต่เจ็บว่ะ”
“งั้นแค่แกะมัดแล้วเอาผ้าห่มคลุมไว้ก่อน อย่าเพิ่งขยับอะไรมาก รอรถพยาบาลมาดีกว่าพี่” ภูพิงค์วางเสื้อผ้าอีกฝ่ายลง แล้วหยิบผ้าห่มมาห่มให้แทน “ไอ้พวกนั้นทำอะไรพี่ไปบ้าง บอกผมได้มั้ย”
เตชิตหัวเราะเจื่อนๆ “กระทืบนิดหน่อย”
“ไม่นิดล่ะมั้งพี่ แล้วมีถ่ายวิดีโอด้วยรึเปล่า”
เตชิตพยักหน้าช้าๆ
ภูพิงค์แตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะหันไปปรึกษากับเพื่อนทั้งสี่ ภายในห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงพูดคุยของเด็กหนุ่มห้าคนว่าจะจัดการอย่างไรต่อดี “ต้องรีบบอกตำรวจ”
“ตอนนี้ยังออกไปไม่ได้หรอกไอ้พิงค์ มันอันตรายนะเว้ย”
“แจ้งพี่ปรางดีมั้ยวะ”
“เออ มึงโทรหาพี่ปรางเลย”
ภูพิงค์จึงรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์ในห้องพัก ให้ต่อสายไปหาหัวหน้าแผนกดูแลรักษาความปลอดภัยทันที
ในเวลาเดียวกัน เตชิตซึ่งนั่งนิ่งอยู่สักพักใหญ่แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “วิน”
“อะไร”
ใบหน้าของเตชิตเปื้อนน้ำตา ก่อนเขาจะร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อายใคร “มึงมาช่วยกูทำไม ไอ้บ้าเอ๊ย”
“สัส มึงเพื่อนกู จะไม่มาช่วยได้ไงวะ”
“กูมันเลว ปล่อยให้โดนตีนบ้างก็ดี”
รวินท์คิ้วกระตุก นึกอยากจะกระทืบเพื่อนรักให้โคม่าไปอีก “มันจะไม่ได้ยำตีนมึงอย่างเดียวน่ะสิโว้ย ไม่เห็นเหรอว่าพวกมันจับมึงแก้ผ้า มีถ่ายคลิปด้วย ถ้าพวกกูมาไม่ทัน มึงไม่โดนข่มขืนแล้วเอาคลิปไปลงเว็บโป๊แล้วเรอะ!”
“คนอย่างกู... ก็สมควร”
เมื่อภูพิงค์วางสายก็หันมาช่วยด่าสมทบอีกแรง “ไอ้พี่เต้ อย่างี่เง่าได้มะ ไม่ว่าใครก็ไม่สมควรโดนทำร้ายร่างกายทั้งนั้น ยิ่งข่มขืนยิ่งเป็นเรื่องไม่ควรนะเว้ย”
เตชิตเงยหน้าขึ้นสบสายตากับเด็กหนุ่ม ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ “ผมขอโทษนะพิงค์”
เจ้าของชื่อเรียกย่อตัวลงนั่งยองๆ ข้างเตียง พลางถอนหายใจ “ผมก็พูดไปงั้น เอาจริงๆ ผมก็อยากจะกระทืบพี่ให้คลานกลับบ้านไม่ถูก ถ้าอยากโดนนัก ก็รอให้พี่หายดีก่อนละกัน”
เตชิตยิ้มบาง เขาหันไปมองทุกคนที่ยืนอยู่ในห้อง “ขอโทษที่ทำให้ทุกคนลำบากนะครับ”
ซันตอบแทนทุกคน “ดีแล้วที่พี่หมอไม่เป็นไรมากน่ะ”
เสียงตึงตังโครมครามและเสียงโวยวายดังแว่วมาจากห้องข้างกัน ดูเหมือนพนักงานรักษาความปลอดภัยจะบุกเข้าไปจัดการแล้ว ทุกคนในห้องหันมองหน้ากัน แล้วนั่งรออย่างเงียบๆ
เมื่อเสียงเงียบไปสักพักก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“รถพยาบาลมาถึงแล้วครับ”
ขิงรีบไปเปิดประตูให้ทันที “เชิญครับ”
พยาบาลและบุรุษพยาบาลเข็นรถเปลเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขาตรงเข้าไปตรวจดูอาการและรอยแผลของทันตแพทย์หนุ่ม แล้วรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ หากขณะที่จัดให้นอนบนรถเปลก็มีตำรวจถือกล้องวิดีโอซึ่งยึดมาจากพวกคนร้ายเข้ามาข้างในห้องสองนาย
ในกล้องวิดีโอมีคลิปซึ่งเห็นชัดว่ามีการทำร้ายร่างกายกัน แต่ยังไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น มีการสอบปากคำกันสักพัก ก่อนเตชิตจะหันมองออกไปข้างนอกห้อง เขาเห็นตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมคุมตัวหญิงสาว แฟนของเธอและพวกพ้องไว้ เขาจึงเอ่ยขึ้นทันที “ขอผมคุยกับคุณออยหน่อยได้มั้ยครับ ขอเวลาแป๊บเดียวเท่านั้น”
ตำรวจจึงคุมตัวหญิงสาวเข้ามาข้างในห้อง เธอหยุดยืนอยู่ที่ปลายเตียงซึ่งเขานั่งอยู่ แววตาฉายแววเคียดแค้น สองมือกำแน่นจนเกร็งไปทั้งแขน
เตชิตประสานสายตากับเธอ “คุณออย คุณเป็นคนสวย น่ารัก ครั้งนึงผมเคยคิดว่าจะลองคบกับคุณดูจริงๆ นะ แต่ผมก็รู้ว่าคุณเข้าหาผมเพราะผมเป็นทันตแพทย์เท่านั้น”
หญิงสาวชะงัก แต่ก็ยังไม่ปริปากพูดอะไร เธอเม้มปากแน่น
“เรื่องคลิปของคุณน่ะ มันไม่มีตั้งแต่แรกแล้ว ผมโกหกว่าถ่ายไว้เพราะต้องการใช้งานคุณ”
ออยเบิกตาโพลง ด้วยความเขลา ความโมโหจนหน้ามือตามัวและความกลัวทำให้เธอไม่เคยถามหาหลักฐานที่ทันตแพทย์หนุ่มนำมาอ้างในการใช้งานเธอเลยสักครั้ง “หมอเต้! ว่าไงนะ!”
“ผมจะไม่แจ้งข้อหาใดๆ กับคุณทั้งนั้น สบายใจได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา คำว่าขอโทษมันคงน้อยไป แต่ผมสำนึกผิดจริงๆ” เตชิตพยายามฝืนค้อมศีรษะลง “ขอโทษนะครับ ต่อจากนี้ไปขอให้เราเลิกแล้วต่อกันเถอะนะครับ”
หญิงสาวไม่ตอบ เธอยืนนิ่งเป็นก้อนหิน จนกระทั่งตำรวจพาตัวเธอออกไป
รวินท์รีบตามออกไปทันที “เพื่อนผมไม่เอาเรื่อง ต้องจับกุมกันด้วยเหรอครับ”
“ขอโทษด้วยครับ ทางโรงแรมขอให้ควบคุมตัวไว้ก่อน เพราะการกระทำของพวกเขาส่งผลเสียหายกับทางโรงแรมครับ”
หญิงสาวสบสายตากับรวินท์ เธอยิ้มบาง พลางหันไปทางกระเป๋าถือของเธอในมือตำรวจอีกนาย “ในกระเป๋า...มีโทรศัพท์มือถือของหมอวินค่ะ”
“คุณออยเป็นคนเอาโทรศัพท์ผมไปจริงๆ ด้วยสินะ”
“หมอวินคิดว่าทำไมหมอเต้ถึงออกมาพบออยได้ล่ะคะ เพราะออยใช้โทรศัพท์ของหมอต่อรองน่ะสิ”
“หลังตำรวจตรวจสอบแล้วถึงจะคืนโทรศัพท์ให้ได้นะครับ” ทางตำรวจพูดแทรกขึ้น
รวินท์พยักหน้า จากนั้นจึงหันกลับไปทางหญิงสาว “ถ้ามีค่าปรับหรือค่าเสียหายอะไร ผมจะจ่ายให้เอง คุณออยไม่ต้องห่วงนะครับ”
“หมอไม่จำเป็น...”
“เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่เป็นเพราะผมกับเพื่อนผม ขอให้ผมได้แสดงความรับผิดชอบบ้างสักนิดเถอะนะครับ”
เธอยิ้มบางพลางค้อมศีรษะลง “ขอบคุณค่ะ” แล้วปล่อยให้ตำรวจพาตัวออกไป
เมื่อทันตแพทย์หนุ่มเดินกลับเข้าไปในห้อง พวกบุรุษพยาบาลก็เข็นรถเปลสวนออกมาพอดี
“เดี๋ยวกูจะรีบตามไปโรงบาลนะ มึงขับรถมาที่นี่รึเปล่า กุญแจรถมึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูจัดการให้”
เตชิตยิ้มบาง “กุญแจอยู่ในกระเป๋ากางเกง กูฝากหน่อยนะ ขอบใจเว้ย”
หลังจากนั้นทันตแพทย์หนุ่มก็หันไปขอบคุณทุกคนในห้อง “พิงค์ ซัน ดิว ขิง แซนดี้ ขอบคุณทุกคนมากที่ช่วยไอ้เต้ ถ้าไม่ได้พวกคุณ ไอ้เต้มันต้องแย่แน่”
“ไม่เป็นไรพี่ พวกผมบอกแล้วไง เราพี่น้องกันก็ต้องช่วยเหลือกันดิ”
รวินท์ยิ้มบาง “งั้นเดี๋ยวพี่จะตอบแทนน้องๆ ด้วยการขูดหินปูนทั้งปากกับอุดฟันให้ฟรีสี่ซี่นะ”
“เว้ยยย~ ตอบแทนแบบนี้ไม่เอาเว้ยไอ้พี่หมอ”
ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ พลางหันไปทางภูพิงค์ “เออ กลัวหมอฟันเหมือนกันเลยเนอะ มิน่าคบกันได้”
“อาจจะกลัวฝีมือพี่มากกว่ากลัวหมอฟันก็ได้นะเว้ย” ภูพิงค์ตอบกลับไปทันควัน แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “พี่จะไปดูพี่เต้ที่โรงบาลไม่ใช่เหรอ เราไปกินข้าวกันก่อน แล้วรีบไปหาพี่เต้ดีกว่า”
“อือ ไปๆ ไปด้วยกันหมดนี่ล่ะ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง แต่ขอแวะไปขอบคุณพี่ปรางก่อนนะ”
“เย้ๆ กินฟรีๆ ลาภปากแล้ววว~”
เด็กหนุ่มกระตุกยิ้ม “หมดตัวแน่พี่วิน กินแต่มาม่าจนสิ้นเดือนแน่นอน”
“ไม่เป็นไร ผมมีแฟน เดี๋ยวให้แฟนเลี้ยงก็ได้”
แวบแรกทั้งห้องก็ชะงักกึก สี่หนุ่มค่อยๆ หันไปทางเพื่อนรักของพวกตน พอเห็นอีกฝ่ายยืนอึ้งหน้าแดงก็ผิวปากวี้ดวิ้ว~ “เหวยยย~ เหวยยย~ อึ้งเลย เถียงไม่ออกเลยสิมึง”
ภูพิงค์นึกไม่ถึงว่ารวินท์จะพูดแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนตน เขานิ่งไปชั่วครู่เพื่อตั้งหลัก ก่อนจะพูดขึ้นบ้าง “ถึงแฟนผมแม่งจะกินจุยังกะยัดทะนาน ผมก็เลี้ยงไหว ก็ให้ได้หมดทั้งตัวและหัวใจอะพี่”
“โห อิ่มแย่เลยน้า~” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มรับ
“แต่พวกผมเนี่ยจะอ้วก!” แซนดี้เบ้ปากใส่ “ไปกันได้แล้วเว้ยพี่ จะจีบกันก็รออยู่สองคนเหอะ เห็นใจคนโสดอย่างพวกผมบ้างโว้ย”
ภูพิงค์หัวเราะร่วน “เมนส์มาเหรอวะ แหม เกรี้ยวกราด” เขาโอบไหล่ทันตแพทย์หนุ่ม จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไปพร้อมกันกับทุกคน
*TBC*คนเราต่างก็มีช่วงเวลาที่ตัดสินใจทำอะไรผิดๆ ด้วยกันทั้งนั้น ถ้าหากเรามองย้อนไปในมุมของหมอเต้ ความรัก ความผิดหวัง ความเสียใจ มันก็ทำให้ทำอะไรร้ายๆ กับคนที่รักลงไปได้ แต่ทั้งนี้ ความเป็นเพื่อนที่สั่งสมมานานก็สำคัญกับหมอเต้มากเช่นกันค่ะ ต่อจากนี้ หมอเต้ยังจะต้องพิสูจน์ตัวเองแหละนะ ว่าสมกับที่จะได้รับบทพระรองรึแป่วววววว
ส่วนหมอวิน ก็พัฒนาขึ้นอีกนิดแล้วล่ะเนอะ ความผิดพลาดในอดีต ก็ทำให้หมอวินปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น มีอย่างเดียวที่คงเดิม คือความหื่น /น่าสงสารเขานะคะ
น้องพิงค์และเพื่อนๆ ก็รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพี่วินนะ ขึ้นดอยด้วยกันมาแล้ว พวกเขาเป็นพี่น้องกัน มีอะไรก็ช่วยกันสุดใจ น่ารักซะไม่มี /ชมเองก็ได้
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคะ ขอกำลังใจให้เค้าโหน่ยยย ช่วงนี้ห่อเหี่ยวละเกิงงงง