Ch. 34 เรื่อยๆ ไปจนแก่
"สินเดี๋ยวแวะปั๊มหน้ามึงมาเปลี่ยนกูหน่อย" เสียงจากพี่เสือผู้ซึ่งขับรถพาพวกเรามาเที่ยวที่กาญฯดังขึ้น พี่สินงัวเงียผุดลุกจากการนอนหลับมาตลอดทางพลางขยี้ตาชะโงกหน้าไปถามพี่เสือ
"ได้ ว่าแต่ถึงไหนแล้ว?"
"ตัวเมืองละ" พี่เสือตอบพลางตบไฟเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน ตอนแรกคุณพ่อจะให้คนขับรถเป็นคนพามาแต่ความดื้อของพี่เสือและพี่สินที่บอกจะรับหน้าที่ขับพามาเองนั่นชนะขาดลอย
"โห จะถึงอยู่แล้วทำไมพี่ไม่ขับให้ถึงไปเลยล่ะ" พี่สินถามเสียงหงุดหงิดแล้วล้มตัวลงนอนหนุนตักผม
"จะถึงอะไรล่ะ เพิ่งตัวเมืองเนี่ยต้องขับไปอีกไกลอยู่ ใครเขาให้มึงติสท์จองที่พักซะห่างไกลล่ะ" พี่เสือบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะหันหน้าเลยไปทางคุณพ่อคุณแม่
"พ่อครับแม่ครับเดี๋ยวพักกินข้าวกันที่นี่สักพักนะครับ เสือจะพักรถด้วย"
"ดีเลยลูกแม่อยากไปยืดเส้นยืดสายอยู่" พี่เป้ลงจากเบาะข้างคนขับไปเปิดประตูให้คุณพ่อคุณแม่ ส่วนผมกับพี่สินที่จองเบาะหลังทั้งแถวรอให้ท่านลงไปก่อนแต่คนตัวโตที่ทำตัวเป็นเด็กๆไม่ยอมลุกจากการหนุนตัก
"ลุกได้แล้วครับไม่หิวหรอ"
"อยากนอนต่ออ้ะ"
"ปอนด์ว่าลงไปหาอะไรกินแล้วไปล้างหน้าล้างตาดีกว่าครับ ถ้านอนต่อเดี๋ยวตอนขับจะยิ่งง่วงนะ" พี่สินพยักหน้ากับพุงผมพลางลุกขึ้นนั่งอย่างอิดออด
"ไปครับถ้ายังไม่อยากกินข้าวเดี๋ยวกินแซนด์วิชของปอนด์ก็ได้"
"แล้วน้องไม่กินหรอ"
"ปอนด์ว่าจะไปกินข้าวทีเดียวเลยครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะอันนี้ส่วนของปอนด์ยังไม่กัดเลย" ผมยื่นแซนด์วิชของตัวเองที่เหลืออยู่หนึ่งชิ้นให้พี่สิน
"ต่อให้น้องกัดไปแล้วพี่ก็กินได้" พี่สินคว้าไปก่อนจะลงจากรถนำไปก่อน ผมรีบตามลงไปก่อนจะพาเจ้าตัวไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น
"ทิชชู่ครับ" พี่สินรับทิชชูไปซับหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำจนมันเป็นขุยน้อยๆติดอยู่บนหน้า ผมเลยเอื้อมมือไปหยิบออกให้
"โอ๊ยยยยยย นี่น้องกูมันเป็นแม่มึงป้ะเนี่ย ดูแลอะไรขนาดนั้นน่ะเราให้มันทำเอง" พี่เป้ที่เดินตามมาเข้าห้องน้ำอดไม่ได้ที่จะแขวะพี่สิน ส่วนพี่สินก็ไม่น้อยหน้ายังจะหันไปยักคิ้วยิ้มเหนือใส่ให้พี่เป้หงุดหงิดเล่นอีก ผมตีไหล่พี่สินเบาๆเป็นการเตือน พี่สินหันมายู่หน้านิดๆก่อนจะหันไปต่อปากต่อคำกับพี่เป้ต่อ
"แม่ทูนหัว แม่ของลูกอ้ะใช่" พี่เป้หน้าคว่ำทำท่าจะเข้ามาขย้ำคอพี่สินให้ได้แต่โดนพี่เสือลากไปเข้าห้องน้ำซะก่อน
"ไปเลย ตีกันเป็นเด็กๆไปได้พวกมึงนี่ จะเข้าห้องน้ำไม่ใช่หรอมึงอ้ะเป้" พี่เป้ที่ทานแรงแขนของพี่เสือไม่ไหวจำต้องเดินไปตามแรงลากแต่ก็ยังไม่วายหันมาชี้หน้าพี่สินเป็นเชิงฝากไว้ก่อน
"ไปครับคุณพ่อคุณแม่รอมันจะไม่ดี" พี่สินยิ้มก่อนจะเดินกอดคอผมตรงไปร้านอาหารที่ไปสั่งรอไว้ก่อนแล้ว
"น้องปอนด์มานั่งข้างแม่มาลูก" ผมรีบเดินไปนั่งข้างๆท่านคุณแม่ก็ชวนคุยนู่นนี่เรื่อยเปื่อย บางครั้งคุณพ่อก็ร่วมวงสนทนาบ้างพี่เป้กับพี่เสือก็กลับมาที่โต๊ะแล้วคุณแม่จะให้พนักงานมาเสิร์ฟได้
"แล้วนี่เมื่อไหร่น้องปอนด์จะย้ายเข้ามาอยู่บ้านแม่ล่ะคะ?" ผมแทบสำลักข้าวที่กำลังเคี้ยวอยู่พี่เป้เองก็ชะงักไปเหมือนกัน ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ
"แม่ครับผมกับน้องเพิ่งคบกันเองนะ" พี่สินตอบแทนผมที่ตอนนี้ทำหน้าไม่ถูกไปแล้วเรียบร้อย
"ไม่เห็นเกี่ยว ลูกจะเพิ่งคบก็เพิ่งคบไปสิแม่จะให้น้องปอนด์มาอยู่กับแม่ในฐานะลูกชายอีกคนหนิ แล้วบอกเลยนะถ้าลูกกล้าทำน้องเสียใจทรัพย์สมบัติในส่วนของลูกแม่จะยกให้น้องหมดเลย" คุณแม่ลอยหน้าลอยตาไม่สนใจพี่สินที่อ้าปากค้างไปแล้วเรียบร้อยคุณแม่หันมาทำตาเป็นประกายใส่ผมแทนแล้วเขย่าแขนท่าทางเอาแต่ใจ
"นะน้องปอนด์ลูก แม่ก็แก่แล้วอยู่บ้านคนเดียวมันก็เหงาๆ เจ้าลูกชายตัวดีแต่ละคนก็ไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องถ้าน้องปอนด์มาอยู่ด้วยบ้านคงจะสดใสขึ้นเป็นกอง" ผมที่กำลังทำตัวไม่ถูกได้คุณพ่อช่วยชีวิตไว้ด้วยการกระแอมเบาๆ
"กินข้าวกันก่อนเถอะเดี๋ยวจะเย็นหมดเรื่องนี้เดี๋ยวค่อยคุยกัน" ผมผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก มื้ออาหารเป็นไปอย่างราบรื่นคุณแม่ก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกซึ่งนั่นก็ดีแล้วแหละครับ หลังจากกินข้าวและพักรถเสร็จพวกเราก็เดินทางต่อไปยังที่พักทันทีโดยครั้งนี้เป็นพี่สินขับและผมที่นั่งข้างคนขับแทน ออกจากตัวเมืองมาได้สักพักด้วยความอิ่มท้องทุกคนเลยหนังตาหย่อนหลับกันทั้งคันรถมีผมที่นั่งเป็นเพื่อนคนขับเท่านั้น
"น้องง่วงหรือเปล่า ถ้าง่วงน้องนอนก็ได้นะ"
"ไม่ง่วงครับเดี๋ยวปอนด์คุยเป็นเพื่อน" พี่สินยิ้มรับก่อนจะผละมือข้างหนึ่งมาขยี้หัวผมเบาๆ
"ปอนด์ เรื่องที่แม่พี่พูดน้องอย่าไปคิดมากนะ" ผมหันไปมองหน้าพี่สินเจ้าตัวไม่ได้ละสายตาจากท้องถนนมองผมกลับแต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความกังวลใจของเขาจากคิ้วเข้มที่ขมวดอยู่
"ไม่เป็นไรเลยครับปอนด์ไม่ได้คิดมากอะไร พี่สินก็อย่าคิดมากนะคุณแม่ไม่ตัดออกจากกองมรดกหรอก" ผมพูดติดขำเพื่อให้พี่สินคลายกังวล
"เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก พี่กลัวแต่เราจะอึดอัด แม่เขาเอ็นดูน้องกับพี่เป้มากเลย ตอนพี่เสือเปิดตัวกับพี่เป้ก็แบบนี้แหละ"
"ไม่ได้อึดอัดอะไรครับ แค่...ไม่ชินเฉยๆ" ผมว่าเสียงแผ่ว ไม่ชินกับการมีผู้ใหญ่คนหนึ่งรักและเอ็นดูมากใส่ใจมาก ไม่ชินกับการมีความสุขมากขนาดนี้ ไม่ชินเลย
"เดี๋ยวน้องก็ชิน ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ มีอะไรต้องพูดออกมารู้มั้ย ทุกคนพร้อมจะรับฟังน้อง" ผมพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มให้แทนคำขอบคุณ พี่สินขับออกจากตัวเมืองมาได้ประมาณชั่วโมงกว่าก็ถึงที่พักซึ่งเป็นแพที่เราจองเอาไว้ ถ้าไม่มีรถมาเองก็ค่อนข้างลำบากพอสมควรเพราะว่าต้องเข้ามาลึกแทบจะอยู่กลางป่ากันเลยทีเดียว พี่เสือกับพี่เป้ไปทำการเช็คอินส่วนผมก็เดินดูรอบๆแพเช็คอิน บรรยากาศดีมากๆ มีภูเขาล้อมรอบ น้ำใสสะอาด อากาศก็ดี แค่เห็นก็อยากจะยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปแล้วครับ
"อ้ะนี่ อันนี้กุญแจห้องมึงกับน้องปอนด์" พี่เสือยื่นกุญแจให้พี่สินดอกหนึ่งโดยมีพี่เป้ที่ทำท่าทักท้วงอยู่ด้านหลังแต่พี่เสือไม่ปล่อยให้มาแย่งกุญแจไปจากมือพี่สินได้
"เย็นนี้เขามีกิจกรรมมีไปล่องแพ บานาน่าโบ้ท กูจ่ายตังไปแล้วจะไปไม่ไปก็แล้วแต่ กูไปพักก่อนละกันเจอกันตอนห้าโมง" แล้วพี่เสือก็ลากคอพี่เป้ไปเลย ผมได้แต่ส่ายหัวมองสองคนนั้นก่อนจะเดินไปห้องตัวเอง ห้องพักก็ดูสะอาดสะอ้านดีครับ ทุกอย่างถูกดีไซน์ด้วยไม้ไผ่ พอเปิดประตูหลังห้องมาก็เป็นระเบียงห้องที่มีโต๊ะและเก้าอี้เอาไว้นั่งเล่น มีเปลผูกไว้พร้อมกับเสื้อชูชีพสองตัว และมีแพไม้ส่วนตัวต่อให้เราเดินลงไปนั่งห้อยขาเล่นกับน้ำได้ด้วย มีเรือพลาสติกลำเล็กๆผูกไว้อีก โดยรวมคือผมชอบมากๆเลย ผมเดินลงไปนั่งบริเวณแพไม้แล้วห้อยขา มองออกไปแพถัดไปสองหลังเห็นคุณพ่อคุณแม่นั่งเล่นบริเวณระเบียงอย่างผ่อนคลาย
"มานั่งตากแดดอะไรตรงนี้เรา เข้าไปพักรอแดดร่มก่อนมั้ย" ผมหันไปมองแพข้างๆที่ห่างกันไปไม่เท่าไหร่มีคนเดินลงมานั่ง เป็นพี่เป้นั่นเอง
"แดดไม่แรงเท่าไหร่ครับ อีกอย่างน้ำก็เย็นดีด้วยปอนด์เลยมานั่งเล่น" พี่เป้พยักหน้าแล้วนั่งเอาขาจุ่มน้ำเหมือนผม
"น้องชอบมั้ย?"
"ชอบครับ อยากมาบ่อยๆเลย" ผมพูดไปตามที่ใจคิด
"ขอโทษนะ" พี่เป้พูดเสียงอ่อยๆ จนผมต้องหันกลับไปมองด้วยความงุนงง เจ้าตัวเอากิ่งไม้แถวๆนั้นนั่งตีน้ำไปเรื่อยเปื่อยไม่หันมามองหน้าผม
"ขอโทษเรื่องอะไรครับ?"
"ก็พี่ไม่ค่อยมีเวลาพาเรามาเที่ยวแบบนี้เลย แถมยังไปทำงาน ทิ้งเราไว้ไกลหูไกลตาอีก"
"อย่าพูดแบบนั้นสิครับ พี่เป้ก็พยายามพาปอนด์เที่ยวตลอดแต่ปอนด์ปฏิเสธเองจำไม่ได้หรอครับ" ผมพูดเสียงดุกลับไปให้กับคนที่คิดมากไม่เข้าเรื่อง
"ถ้าไม่เลิกคิดมากปอนด์จะโกรธนะครับ" ผมพูดคาดโทษอีกฝ่ายไป พี่เป้รีบเงยหน้ามาเหรอหราโบกมือเป็นพัลวัน
"ไม่เอาๆๆ ไม่โกรธดิ พี่ไม่คิดมากแล้ว" ผมยิ้มเมื่อแกล้งให้อีกฝ่ายหน้าตาลนลานได้ พี่เป้กลั้นยิ้มก่อนจะวักน้ำใส่ผม ผมก็ทำคืนจนกลายเป็นสงครามสาดน้ำขนาดย่อมตรงแพหน้าบ้าน ผมกับพี่เป้หัวเราะลั่นเมื่อเห็นสภาพอีกฝ่ายเปียกปอนเป็นลูกหมาพอๆกัน
"เล่นอะไรกันเนี่ย เปียกไปหมดแล้วไม่ต้องพักแล้วมั้ง" พี่เสือทักขึ้นเมื่อเดินมาข้างหลังพี่เป้แล้วพยายามจับอีกฝ่ายโยนลงน้ำ ส่วนพี่เป้ก็เกาะเป็นลูกลิง ผมหัวเราะท่าทางของทั้งสองคนจนไม่สังเกตว่ามีใครอีกคนเดินมานั่งซ้อนหลัง พี่สินเอาผ้าขนหนูผืนเล็กวางโปะไว้บนหัวผมก่อนจะลงมือเช็ดให้เบาๆ
"เล่นอะไรเป็นเด็กๆ เปียกหมดแล้วเนี่ย ทำไมน้องไม่นอนพักเดี๋ยวเย็นนี้ต้องไปล่องแพอีกนะ" ผมหันไปคลี่ยิ้มให้พี่สินเบาๆ ไม่ได้ทักท้วงอะไร ปล่อยให้อีกฝ่ายเช็ดผมให้แบบนี้ก็สบายดี พี่เสือลากพี่เป้เข้าห้องไปเรียบร้อยแล้วบริเวณนี้ก็เลยเหลือแค่ผมกับพี่สินสองคน
"น้อง พี่อยากจูบ" พี่สินพูดขึ้นเบาๆหลังหูผมเลยหันหน้าไปหาเจ้าตัวพอพี่สินโน้มตัวลงมาใกล้ผมก็รีบเบี่ยงหน้าออกทันที
"ติดไว้ก่อนนะครับตรงนี้ข้างนอกเดี๋ยวคนมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี" ผมรีบผุดลุกเดินเข้าห้องก่อนจะโดนพี่สินจับตัวได้ถึงมันแทบจะไม่ช่วยอะไรเพราะเรานอนห้องเดียวกันก็เถอะ แต่อย่างน้อยๆ ตอนนี้ผมก็รอดเงื้อมมือเขาไปได้อยู่
**********************
"มัดตรงนี้แน่นยัง น้องหันมาหน่อยพี่จะเช็คให้" ผมโดนพี่สินจับหันหน้าหันหลังอยู่หลายรอบจนเริ่มจะมึนหัว แค่ใส่เสื้อชูชีพแค่นี้เอง
"ไม่น่าเชื่อว่าวันหนึ่งแม่จะมีโอกาสได้เห็นอะไรแบบนี้นะเนี่ย" คุณแม่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกเอ่ยแซวขำๆจนผมเริ่มอาย
"พอแล้วครับ แน่นเกินไปแล้ว" ผมพูดให้พี่สินวางใจแต่ดูเหมือนเจ้าตัวก็ยังคงห่วงเกินเบอร์ไม่เลิกอยู่ดี ผมเลยได้แต่ส่ายหัวเบาๆ พนักงานขับเรือลากแพที่เรานั่งกันมาได้ระยะหนึ่งก็จอดให้เราโดดลงน้ำไปพร้อมกับมีคนที่เป็นไลฟ์เซฟเวอร์ ผมที่ไม่เคยมาเที่ยวแบบนี้มาก่อนตื่นเต้นมากๆ กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มารอบเดียวกันเหมือนจะคุ้นชินกับกิจกรรมนี้ดีทุกคนต่างพากันกระโดดลงน้ำด้วยท่าทางผาดโผน ผมนั่งลงริมแพตั้งใจจะลงน้ำแบบดีๆ พี่สินซึ่งกระโดดลงน้ำไปก่อนแล้วจึงโผล่หัวขึ้นมาอุ้มผมลงน้ำเหมือนผมเป็นเด็กๆไปได้ พอลงน้ำได้ผมก็ลอยตัวรอพี่เป้ที่ถอยไปตั้งหลักอย่างไกลแล้ววิ่งมากระโดดน้ำเสียงตูมเป็นเด็กๆเรียกเสียงหัวเราะจากคุณพ่อคุณแม่ได้เป็นอย่างดี ท่านสองคนไม่ได้ลงมาเล่นด้วยแต่เลือกจะนั่งถ่ายคลิปให้พวกเราแทน พวกเราเริ่มออกตัวว่ายน้ำกันเป็นกลุ่มๆโดยมีผู้เชี่ยวชาญพื้นที่ว่ายน้ำคุมไปด้วย มีหนึ่งคนตรงหัวแถว กลางแถว และคุมด้านหลังสุด ผมกับพี่ๆว่ายตามเป็นกลุ่มสุดท้ายโดยมีคุณพ่อคุณแม่นั่งอยู่บนแพที่กำลังลอยตามมา
"นี่พากันมาเที่ยวเป็นครอบครัวหรอครับ" ผมหันไปทางนักท่องเที่ยวชาวไทยคนหนึ่งที่ว่ายเกาะกลุ่มอยู่กับพวกเราก่อนจะยิ้มรับ ส่วนพี่เป้ตอบกลับเบาๆว่าใช่ครับ
"พี่น้องสนิทกันแบบนี้น่ารักดีนะครับ" จบคำพูดนั้นพี่เสือกับพี่สินหน้าตึงทันทีทั้งยังว่ายเข้ามาใกล้ๆผมกับพี่เป้อีก
"ไม่ใช่พี่น้อง" พี่เสือพูดตอบกลับไปทั้งคิ้วยังขมวดใส่อีกฝ่าย
"อ่อ เพื่อนกันหรอครับ ขอโทษทีผมไม่รู้"
"เป็นแฟนครับไม่ใช่เพื่อน" พี่สินตอบแค่นั้นแล้วรีบดึงแขนผมให้ว่ายน้ำไปพร้อมกับเขา ผมได้แต่หันไปยิ้มแหยให้ จากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ได้เข้ามาอะไรกับพวกผมอีกเลย กว่าจะว่ายกลับถึงที่พักแขนขาผมก็แทบหมดแรงเพราะปกติไม่ใช่คนที่ออกกำลังกายอยู่แล้ว ในขณะที่พวกพี่ๆยังพลังล้นเหลือและไปต่อบานาน่าโบ๊ทกับเขาต่อได้ ผมมานั่งเล่นบนแพกับคุณพ่อคุณแม่รอจนพวกเขาเล่นเสร็จแล้วถึงพากันกลับห้อง ก่อนกลับพวกเราก็สั่งอาหารไว้ก่อน ตอนค่ำจะได้ออกมากินพร้อมกัน ซึ่งทางรีเซฟชั่นก็ได้จัดโต๊ะริมน้ำโซนเอาท์ดอร์ไว้ให้เลย ไฟประดับที่เป็นสีส้มสลัวๆกระทบกับแม่น้ำส่งให้บรรยากาศรอบตัวยิ่งดูสบายตามากไปอีก
"บรรยากาศดีมากเลยนะคะคุณ น่าจะมีเวลามากกว่านี้เนอะ มาพักสักอาทิตย์น่าจะดี" คุณแม่พูดขึ้นพลางทำหน้าเสียดาย ซึ่งคุณพ่อก็พยักหน้ารับไม่ปฏิเสธ
"ไว้ผมเคลียร์งานแล้วหาวันหยุดยาวๆเราค่อยไปเที่ยวกันอีกดีมั้ย คราวนี้ไปหาเจ้าเป้ที่ออสเตรเลียเลยเป็นไง" คุณพ่อพูดพลางตักกุ้งตัวโตที่แกะแล้วให้คุณแม่อย่างน่ารัก ผมนั่งมองผู้อาวุโสสองคนสร้างโลกสวีทกันอยู่สองคนก็ได้แต่ยิ้มตาม น่ารักจริงๆเลยนะ ผมเองก็อยากจะอยู่ช่วยกันดูแลกันกับพี่สินแบบนี้ไปเรื่อยๆจนแก่เลย
"อะแฮ่ม เบาๆหน่อยครับ ลูกเต้าก็นั่งอยู่ตรงนี้ยังจะสวีทกันได้ไม่อายเลยนะครับ" พี่สินกระแอมขึ้นเบาๆก่อนจะแซวทั้งสอง แต่ท่านก็ไม่ได้ยี่หระอะไร ติดออกจะกวนลูกชายตัวเองกลับด้วยการยักไหล่เบาๆแล้วหันไปคุยกับพี่เป้แทน
"ถ้าวันไหนพ่อมีเวลาว่างจะบินไปเที่ยวขอจองตัวไกด์คนนี้ไว้เลยได้มั้ย" พี่เป้หัวเราะก่อนจะสัญญากับคุณพ่อเป็นมั่นเป็นเหมาะ เราพากันกินข้าวเย็นและเดินย่อยกันบริเวณแพสักพักก่อนคุณพ่อคุณแม่จะขอตัวเข้านอนก่อน พอเหลือกันอยู่สี่คนพี่เสือก็สั่งเบียร์มานั่งกินกันสามคน ครับ ไม่นับผมเหมือนเดิม
"ไม่ลองหน่อยหรอเรา" พี่เสือยื่นขวดที่ว่างอยู่ให้ผมแต่พี่สินและพี่เป้ห้ามไว้ แต่เหมือนรอบนี้พี่เสือจะเตรียมการมาดี
"พวกมึงอย่าเว่อร์ ยังไงน้องมันก็เกินยี่สิบแล้ว มันต้องลองบ้างไอ้ของพวกนี้ต้องกินให้เป็น ไม่งั้นไปโดนใครเขามอมมึงจะตามไปช่วยกันทันมั้ย" พี่เป้และพี่สินคิดตามผมก็เลยจำใจรับเบียร์ขวดนั้นมาจิบๆดู ขมขนาดนี้ชอบกันไปได้ไง พวกเรานั่งกินกันไปคุยกันไปเบียร์ในมือผมก็ดูจะพร่องลงไปไม่ใช่น้อย แถมผมยังรู้สึกว่าแพมันโคลงเคลงผิดปกติด้วย พี่สินยื้อไปกระดกที่เหลือเองแล้วพยุงผมลุกขึ้นยืน แต่พื้นตรงหน้าเหมือนทางขึ้นเขาตรงหน้าทางเข้ารีสอร์ทเลย
"ไหวมั้ยเรา" เสียงพี่สินที่ดังขึ้นจากที่ไกลๆทำให้ผมหันไปหาแต่กลับปะทะกับแผ่นแข็งๆเข้าอย่างจัง
"กูว่าไม่น่าไหว มึงพาน้องมันไปนอนไป" จากนั้นพี่สินก็พยุงผมที่ห้อง ตลอดทางผมจะล้มอยู่หลายครั้งเพราะพื้นที่สั่นไม่เลิก ใครมาวิ่งเล่นบนแพหรือเปล่านะ พอถึงห้องได้ภาพตรงหน้าก็กลายเป็นพัดลมเพดานหน้าตาวินเทจจนผมอยากจะถ่ายรูปมันเก็บไว้
"กล้อง....กล้องอยู่ไหน" ผมควานมือไปรอบๆ แต่ไม่เจอกล้องตัวเองเลย
"เห้ย ปอนด์อย่าปัดมั่ว ค่อยไว้ถ่ายพรุ่งนี้" เสียงพี่สินที่ดังมาไม่ทำให้ผมละความพยายามได้เลย ก็อยากถ่ายตอนนี้ทำไมต้องพรุ่งนี้ ผมขมวดคิ้วมุ่นรู้สึกเวียนหัวไปหมด เพราะไม่ว่าจำคลำหายังไงก็ไม่เจอกล้องเลย เจอแต่อะไรไม่รู้
"พี่เตือนแล้วนะว่าอย่าจับมั่ว จะมาโทษพี่ไม่ได้นะตัวแสบ" ภาพตรงหน้าเปลี่ยนจากแสงสว่างเป็นมืดลงจากพัดลมเพดานเป็นเงาตะคุ่มๆแทน พอปรับสายตาให้เพ่งดูก็เห็นเป็นหน้าของพี่สินที่อยู่ห่างกันไปไม่ถึงคืบ สัมผัสยุกยิกตรงริมฝีปากทำให้ผมต้องขยับตามการชักนำนั้น พอรู้สึกหายใจไม่ทัน อีกฝ่ายก็ผละไป ก่อนจะกดย้ำ ซ้ำไปซ้ำมา วนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด
"อ๊ะ" แรงกัดเบาๆตรงริมฝีปากล่างทำเอาผมลืมตา ความเจ็บและแสบนิดๆทำเอาผมอ้าปากร้องเบาๆ แต่ยังไม่ทันจะได้โต้ตอบอะไรสิ่งที่ทำให้มัวเมายิ่งกว่าเบียร์ที่กินไปก็สอดเข้ามาในปากผม ผมขยับลิ้นหนีอีกฝ่ายก็ยิ่งรุกรานไล่ต้อนจนไม่มีที่หลบได้แต่ตอบสนองกลับไปอย่างไม่ประสา
"อื้ม พี่สิน...พอก่อน...ปอนด์หายใจไม่ทัน" พี่สินยอมผละออกโดยดีแต่ยังคงซบหน้าผากชนกันไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยแรงอารมณ์
"ให้พี่ได้มั้ยคะ?" คำถามที่ตรงซะจนแทบสร่างเมาดังขึ้นเบาๆขณะที่ปากอีกฝ่ายยังคลอเคลียไม่ห่าง แต่ไม่ว่าจะตอนไหน สุดท้ายสักวันหนึ่งเรื่องแบบนี้ก็ต้องมาถึงแล้วทำไมมันจะเป็นวันนี้ไม่ได้ล่ะ ผมพยักหน้าอย่างเขินอายก่อนจะรีบยกสองมือปิดหน้าที่ร้อนซะจนลวกผิว
"พี่จะพยายามทำเบาๆค่ะ พี่สัญญา" พี่สินพูดจบก็กดจูบที่ปากผมแผ่วๆก่อนจะเริ่มดุดันขึ้นต่างจากก่อนหน้าอีก มือที่อยู่ไม่สุขของเขาลูบไปลูบมาบริเวณเอาและสีข้างจนผมขนลุกไปทั้งตัว ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเสื้อที่ใส่อยู่หลุดไปตอนไหน
"อื้อ ตรงนั้นอย่าจับ" ผมรีบตะครุบมือพี่สินที่ล้วงเข้าไปในกางเกงจับส่วนที่แข็งขืนอยู่ข้างใน แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงคนตรงหน้าได้
"พี่สินไม่ต้อง..." พี่สินก้มลงจูบปิดปากผมอีกครั้งก่อนจะเริ่มขยับมือเบาๆ กางเกงที่ใส่อยู่ถูกดึงจนหลุดร่นไปจนอยู่บริเวณหนั่นสะโพกให้เจ้าตัวได้ขยับมือถนัด
"คนดี ไม่เป็นไรค่ะ พี่เต็มใจทำให้" พี่สินพูดพลางขยับเร็วขึ้น เร็วขึ้น จนผมที่ไม่เคยโดยคนอื่นสัมผัสมาก่อนทนได้ไม่นาน ผมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลั้นเสียงร้องของตัวเองตอนที่หลั่งออกมาเพราะผนังห้องที่เป็นแค่ไม้ไผ่แบบนี้ไม่มีทางที่จะกักเก็บเสียงน่าอายเอาไว้ได้แน่ๆ นอนหอบหายใจได้ไม่นานพี่สินก็จับร่างของผมพลิกกลับ
"อื้อ!!!" ผมรีบก้มหน้ากับหมอนทันทีเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมสอดเข้ามาช่องทางด้านหลังทั้งที่
"น้องอย่างเกร็งครับ ชู่ว ไม่เป็นไรนะ" พี่สินแช่ค้างไว้สักพักให้ผมได้ปรับตัวกับนิ้วที่สอดเข้าไป แต่ยังไม่ทันได้โล่งใจก็ใส่เข้ามาอีกจนผมรู้สึกตึงๆ ได้แต่จิกแขนอีกฝ่ายระบาย
"เจ็บหรอครับ" ผมส่ายหัวให้พี่สินเบาๆ
"แค่..รู้สึก...แปลกๆครับ" พี่สินยิ้มออกมาอย่างใจชื้นก่อนจะก้มจูบปากผมไว้ มืออีกข้างที่ไม่ปล่อยให้ว่างก็ซุกซนอยู่บริเวณหน้าอกผมไม่เลิก คราวนี้พี่สินไม่ได้ผละริมฝีปากออกแต่กลับเพิ่มนิ้วขึ้นอีกเป็นสาม ผมพยายามถอยตัวออกเพราะรู้สึกเจ็บๆ แต่พี่สินไม่ยอมยังคงจับตัวเอวผมรั้งไว้แล้วก้มจูบปลอบ มืออีกข้างก็เปลี่ยนมาจับตรงกลางหว่างขาพยายามชักนำผมให้เกิดความรู้สึกอีกครั้ง นิ้วทั้งสามก็ขยับเข้าออกเบาๆ ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะขึ้น
"อือ...พี่สิน..ตรงนั้น...อ๊ะ อย่าเพิ่งขยับ" ผมร้องไม่เป็นคำเมื่อพี่สินขยับมือทั้งสองข้างเป็นจังหวะเดียวกัน มันรู้สึกทั้งเจ็บและรู้สึกดีไปพร้อมกันจนผมก็เริ่มสับสนตัวเอง
"น้องไม่กัดปากสิครับ" พี่สินรั้งหน้าผมให้หันกลับไปก่อนก้มลงเลียริมฝีปากผมเบาๆแล้วกดจูบ จากนั้นดึงนิ้วทั้งสามออก โดยมืออีกข้างยังไม่หยุดขยับ
"อย่าเกร็งนะครับ พี่จะทำเบาๆ พี่สัญญา น้องเชื่อพี่ใช่มั้ย?" ผมหลับตาพยักหน้ารับคำ รู้สึกโหวงๆเมื่อพี่สินดึงนิ้วออก ช่องทางข้างหลังยังคงขยับเพราะจังหวะจากนิ้วเมื่อสักครู่
"พี่ขอนะคะ" พี่สินกระซิบเบาๆข้างหูผมก่อนจะเลียเบาๆจนผมขนลุกซู่ ช่องทางเบื้องล่างถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่าจนผมผวาเฮือกทิ้งตัวลงนอนกอดหมอนที่ตัวเองซุกอยู่แน่น
"น้องอย่างเกร็ง เชื่อใจพี่" พี่สินขยับมือตรงส่วนนั้นของผมจนน้ำขาวขุ่นหลั่งออกมาเป็นรอบที่สอง เจ้าตัวเอานิ้วปาดน้ำตรงนั้นไปบริเวณช่องทางด้านหลังจนผู้รู้สึกเหนียวเหนอะ เพียงไม่นานก็รู้สึกเหมือนเจ้าตัวขยับเข้ามาเรื่อยๆจนผมอึดอัดไปทั้งตัวราวกับตัวจะแตกออก
"อ๊ะ!!" แรงกระแทกที่พี่สินดันส่วนนั้นของตัวเองเข้ามาจนสุดทำเอาผมต้องร้องออกมาอย่างห้ามไม่ได้ พี่สินก้มลงจูบปลอบประโลมและคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง มือข้างหนึ่งพยายามขยับให้ผมรู้สึกดีไปด้วยกันส่วนอีกข้างบดบี้บริเวณยอดอกจนผมรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งสันหลัง
"พี่จะขยับแล้วนะคะ" ผมรู้สึกถึงแรงขยับเข้าออกเบาๆจากคนด้านหลัง และแรงขบกัดอย่างหยอกเย้าบริเวณหลังคอ พี่สินเร่งจังหวะเร็วขึ้น จนผมที่พยายามกลั้นเสียงไว้เริ่มกลั้นไม่อยู่ จังหวะที่กำลังจะกัดปากเพื่อกลั้นเสียงก็โดนอีกฝ่ายพลิกผมให้กลับมานอนหงาย พี่สินเอาแขนรองขาผมเอาไว้ก่อนจะจับออกให้อ้ากว้างจนน่าอายผมรีบเอาหมอนที่หนุนเมื่อสักครู่มาปิดหน้าที่แทบระเบิดของตัวเอง แต่ก็โดนพี่สินแย่งออกไปอย่างนิสัยเสีย
"ฮื้ออ...อ๊ะ..อย่า...แฮ่ก...แกล้งน้อง...." ไม่รู้ว่าคำพูดผมไปกระตุ้นอะไรคนตรงหน้า สีหน้าพี่สินที่กำลังพยายามอดกลั้นจนกรามขึ้นเป็นรูปทำเอาผมใจเสีย พี่สินจับข้อมือทั้งสองข้างออกก่อนกดกับที่นอนแล้วก้มจูบผมจนแสบปาก แรงกระแทกจากข้างล่างเพิ่มขึ้นจนตัวผมสั่นคลอนได้แต่ร้องอืออาในลำคอเพราะปากพี่สินที่ไล่บดจูบจนไม่มีพื้นที่ให้เสียงได้เล็ดรอดออกไป เสียงกระทบอย่างหยาบโลนดังเข้ามาในโสตประสาทจนผมอายแต่ไม่มีเวลาได้เขินมากจนต้องกัดปากตัวเอง พี่สินปล่อยข้อมือออกข้างนึงก่อนจะใช้มือขยับส่วนนั้นให้ผมอีกครั้งเมื่อใกล้จะเสร็จ ผมเอามือข้างที่ว่างปิดจับแขนอีกคนอย่างระบายความเสียวซ่านที่ได้รับ ขยับอีกเพียงไม่นานทั้งผมและเขาก็สุขสม พี่สินรีบดึงส่วนนั้นของตัวเองออกมาปลดปล่อยข้างนอกพร้อมกับของผมก่อนจะทิ้งตัวหอบหายใจทับผมไปทั้งตัว
"พี่รักน้องนะ" พี่สินพูดเสียงหอบอยู่ข้างหูพร้อมกดจูบข้างกระหม่อม ผมยิ้มตอบกลับด้วยเสียงที่ไม่แน่ใจว่าดังพออีกฝ่ายจะได้ยินมั้ย
"รักเหมือนกันครับ" แต่รอยยิ้มที่มาทั้งปากและตาของเจ้าตัวก็เป็นตัวยืนยันได้แล้วว่าเขาได้ยินสิ่งที่ผมพูด
"จะรักตลอดไปด้วย อยู่ให้ปอนด์รักไปนานๆนะครับ" น้ำตาที่คลออยู่ในตาของเจ้าตัวทำเอาผมยิ้มขำ พี่สินจูบผมอีกครั้งก่อนจะดึงผมไปนอนกอดเบาๆเหมือนกลัวว่าจะเจ็บ ก็เจ็บจริงๆนั่นแหละครับ เฮ้อ พรุ่งนี้ต้องอดเล่นน้ำแน่ๆเลย แต่อะไรที่เป็นความสุขของเขาผมก็อยากจะทำให้ ถ้าทำได้ ผมได้แต่คิดในใจเพราะตอนนี้ไม่มีแรงเหลือพอจะให้พูดอะไรอีก ขอบคุณทุกสิ่ง ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้คนๆนี้ได้เป็นคนรักของผม ขอบคุณที่รักผมและให้ผมได้รัก ขอบคุณที่เลือกผมแล้วเข้ามาเติมเต็มชีวิต ตอนนี้ผมก็ไม่ต้องอยู่คนเดียวอย่างเดียวดายอีกแล้ว...
The End.....
จบแล้ววววววว แอแง ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้นจนจบ NC แรกในชีวิตมือสั่นมากจ้า ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย อาศัยเอาจากการเคยเป็นคนอ่านมา อยากบอกว่าเฮือกมากๆ รู้สึกดีและโหวงไปพร้อมกัน เพราะส่งเจ้าน้องน้อยให้กับคนที่ดูแลเขาได้ไปตลอดชีวิตแล้ว ยังไงก็ถ้ามีโอกาสหน้าก็จะมาลงเรื่องใหม่ให้ได้อ่านกันนะคะ รักนะจ๊ะ บายๆ แล้วเจอกันใหม่นะทุกคน