อันดามัน...ซ่อนรัก
ตอนที่ 8
วันนี้ผมตื่นขึ้นเช้ามากเพราะได้ยินเสียงดังโวกเหวกอยู่นอกบ้าน เช้าขนาดนี้ใครมาทำอะไรกันกันนะ ผมชโงกหน้าดูจากหน้าต่างห้อง เห็นลุงแช่มกับคนงานอีกหลายคนกำลังขนดินอยู่ บ้างก็กำลังตัดหญ้าแล้วก็รื้อถอนต้นไม้แถวนั้น แต่เอ๊ะนั่นเป็นสวนของคุณครามนิ เกิดอะไรขึ้น?
***************
**********
*****
"พี่นุ้ยครับ นั่นพวกเค้ามาทำอะไรกันครับ?"
"นายหัวเธอสั่งให้ลุงแช่มไปจ้างพวกชาวบ้านแถวนี้มาช่วยกันทำสวนใหม่ตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ พี่ก็ว่าแปลกนะคะ อยู่ดีๆนายหัวสั่งให้ทำแบบนั้น ทั้งๆที่แต่ก่อนรักและหวงสวนนี่ยิ่งกว่าอะไร" พี่นุ้ยพูดพร้อมกับทำหน้าตาครุ่นคิด ไม่ใช่แค่แกหรอกที่แปลกใจ ผมยังแปลกใจเลย
"นั่นสิครับพิลึกคน แล้วตอนนี้นายหัวของพี่นุ้ยอยู่ไหนครับ?"
"อยู่ข้างบนค่ะ" อ่อ..นึกว่าลงมาสั่งงานด้วยตนเองซะอีก ลืมไปยังต้องแสดงละครเป็นคนพิการอยู่นิ ขิงคิดแล้วก็เบ้ปาก เมื่อคืนก็สั่งให้เขาเก็บข้าวเก็บของย้ายมาอยู่ห้องติดกับตัวเอง ดีนะที่ไม่ใช่ห้องมีประตูเชื่อมเข้าออกหากันได้ ไม่งั้นเขาต้องประสาทกินแน่ๆ อะไรจะระแวงขนาดนั้น
"งั้นผมขึ้นไปดูเค้าก่อนนะครับ"
**************
**********
*****
ไม่อยากเข้าไปเลย แต่ก็ต้องเข้า ขิงรวบรวมความกล้า "ก๊อกๆๆ"
"เข้ามาได้"
"อรุณสวัสดิ์ครับ" ขิงเอ่ยทักทายเจ้าของห้องที่ตอนนี้กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเบดมุมห้อง
"อรุณสวัสดิ์" ครามกล่าวทักทายกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ จนเป็นฝ่ายขิงเองซะอีกที่ไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะปกติเคยเข้าห้องมาแล้วต้องพาไปทำธุระส่วนตัว อาบน้ำในห้องน้ำ เอายาก่อนอาหารให้กิน แล้วตามด้วยทำกายภาพนิดหน่อยก่อนจะทานมื้อเช้า เรียกได้ว่าทุกอย่างเขาต้องเป็นคนจัดการดูแลให้ในฐานะนักกายภาพตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงเข้านอน แต่ตอนนี้เค้าไม่ได้เป็นอะไรแล้วจะให้ผมทำอะไรล่ะ ขิงยืนเคว้งมองซ้ายทีขวาทีแล้วลดตัวลงนั่งกับโซฟาตัวเล็กใกล้ๆกัน
"วันนี้คุณตื่นเช้าดีนะครับ" ขิงแอบกัดเล็กน้อย นึกถึงเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เขาต้องขึ้นมาปลูกคนตัวโตนี่ทุกเช้า ขึ้นมาปลุกช้านิดช้าหน่อยก็โดนว่า ที่แท้ทั้งหมดเป็นแค่แผนตบตาคนอื่นรวมถึงตัวเขาเองด้วย ทั้งเรื่องติดเหล้า เรื่องเดินไม่ได้ ถึงแม้จะบอกว่าขาหักจริงแต่ก็เดินได้แล้วนิ คิดแล้วมันน่าเจ็บใจนัก ไอ้เราก็อุตส่าห์ดูแลซะดิบดี ยังไม่รวมถึงตอนโดนแกล้งสารพัดนะ
"ชั้นก็ตื่นเช้าปกติ นายต่างหากที่ตื่นสาย" สายที่ไหน เช้ากว่าปกติเหอะ ขิงเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนติดผนังมุมห้อง
"มองอะไร?" ครามถามเพราะตอนนี้ขิงกำลังใช้สายตามองมาที่ตัวเองอยู่
"ก็แค่แปลกใจว่าทำไมคุณถึงทำสวนใหม่?"
"ไม่มีอะไร แค่เบื่อแล้วอยากทำใหม่แค่นั้น" เชื่อก็บ้าแล้ว ขิงคิดในใจ
"แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงต่อ ในเมืองคุณเองก็เดินได้แล้ว?"
"ทำเหมือนเดิมนั่นแหละ"
"ทุกอย่างเลยเหรอครับ?"
"ไม่ต้องก็ได้ เรื่องส่วนตัวพวกอาบน้ำแต่งตัว ชั้นทำเองได้ แต่ตอนชั้นอาบน้ำนายต้องมาเฝ้าอยู่หน้าห้องด้วย" นั่นสินะ ถ้าไม่ทำแบบนั้นเดี๋ยวคนอื่นจะสงสัยอีก ลำบากเนอะ อาบน้ำก็ยังต้องมีคนมาเฝ้าเหมือนสาวน้อยอาบน้ำในสถานที่ไม่คุ้นเคยเลย
"พาลงไปข้างล่างหน่อยจะไปดูพวกนั้นทำงาน"
"ผมต้องไปเรียกลุงแช่มมาช่วยพยุงคุณใช่ไหมครับ?"
"หัวไวดีนิ" เค้าเรียกประชด เข้าใจไหม
"แล้ว..."
"มีอะไรอีก?" ทำเสียงเข้มอีกละ ถามนิดถามหน่อยก็ไม่ได้
"ปะ..เปล่าครับ" ขิงปฏิเสธเพราะแค่ได้ยินเสียงกับเห็นหน้าก็ไม่กล้าถามละ จะดุไปไหน
"งั้นผมไปตามลุงแช่มก่อนนะครับ"
"เดี๋ยว!!"
"เอาโทรศัพท์นายมา" ครามยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วใช้สายตากดดัน
"เอาไปทำไมครับ" ขิงยังไม่ยอมยื่นให้
"เอามาให้ก่อนเหอะหน่า อย่าถามมาก" เอาอีกละ เอ๊ะอะอะไรก็ข่มขู่ อย่าคิดว่าตัวโตกว่าแล้วจะยอมนะ
"ไม่!!.....เห้ยๆคุณจะทำอะไรน่ะ" ขิงร้องเสียงหลง กระเถิบถอยออกห่างครามอย่างรวดเร็ว เพราะเขากำลังถูกครามจับนั่นจับนี่หาโทรศัพท์อยู่
"ถ้าไม่อยากให้ทำแบบนั้นก็ส่งมือถือนายมาสิ" ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวตรงไหนกับการที่เขาตกเป็นผู้ต้องหาเนี๊ยะ ไม่ให้ยังไงก็ไม่ให้ ถ้าเอาไปแล้วเขาจะใช้อะไรอะ แบบนี้มันจำกัดสิทธิเสรีภาพกันชัดๆ
"หยุดอยู่ตรงนั้นเลยคุณ ห้ามเข้ามา" ครามส่งเสียงหึ!! แล้วก้าวเข้าไปอีก ไม่สนใจว่าขิงจะพูดว่ายังไง
"อ๊ะ..เอาไปสิ ไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลย" ขิงหน้าแดง
"ชั้นจะยืดของนายไว้ก่อน ถ้าพิสูจน์ได้ว่านายไม่ได้เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์หรือทำลายที่นี่ ชั้นจะคืนให้"
"โห..นะ แล้วถ้าเกิดพ่อแม่หรือที่บ้านผมโทรมาล่ะคุณ?"
"แค่พ่อแม่เองเหรอที่โทรมา?" ครามถามเสียงเรียบ
"เปล่า ก็มีพี่ชายกับพี่สาวผมอีก แล้วก็..."
"แฟน" ครามตอบแทน ส่วนขิงก็พยักหน้าตอบว่าใช่
"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าพวกเขาโทรมาชั้นจะบอกนายเอง" สภาพเหมือนนักโทษชิบหาย ขิงคิดในใจ
"โถ่คุณ..ไม่ยืดได้ไหม ผมติดเกมส์ในมือถือ ต้องเข้าเล่นทุกวันเดี๋ยวพวกเพื่อนๆมันทำคะแนนนำ ...เอ่อพูดถึงเพื่อนๆ ถ้าพวกนั้นโทรมาล่ะคุณ ไหนจะคีย์อีก คุณจะให้ผมตอบว่าไง ยิ่งรายสุดท้ายยิ่งแล้วใหญ่ เคยยอมอะไรง่ายๆคุณก็รู้" เอาสิชักแม่น้ำทั้งห้าแล้วไม่ยอมอีกก็ให้มันรู้ไป แต่เรื่องเกมส์ผมโกหก ผมไม่ใช่คนติดเกมส์ขนาดนั้น ไม่เล่นก็ไม่ตาย คะแนนผมก็ไม่สนใจเพราะเอาแลกเงินก็ไม่เห็นจะได้
"มีอีกไหม?" ครามตะวัดสายตามอง ไม่คิดว่านักกายภาพคนเก่งของเขาจะมีนิสัยแบบนี้ เด็กจริงๆ
"มี" ขิงพูดขึ้นทันทีแบบไม่ต้องรอจังหวะ
"พ่อแม่ผมต้องเป็นห่วงแน่ๆ เพราะพวกท่านชอบโทรมาตอนกลางคืน ดึกๆ" เน้นย้ำว่าดึกๆ "ถ้าโทรมาแล้วผมไม่ได้รับ ท่านต้องเป็นกังวลแน่ๆ ผมไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง นะคุณนะอย่าเอาของผมไปเลย" นี่เขาอุตส่าห์ลงทุนอ้อนแล้วนะ ปกติจะใช้วิธีนี้กับคนในครอบครัวเท่านั้น
"พ่อแม่นายมักจะโทรมาตอนกี่โมง?" ครามหรี่ตาถาม
"เอ่อ..พวกเค้าโทรมาไม่เป็นเวลาหรอกคุณ" เชอะไม่ได้กินไอ้ขิงหรอก ขิงยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัยเหนือกว่า
"รหัสอะไร?" ครามถามแล้วยักคิ้วบอกว่า ไอ้มือถือเนี๊ยะ
"ถามทำไมคุณนั่นมันของส่วนตัวผมนะ" ขิงเดินเข้าไปแย่งกลับคืนมาเพราะไม่ชอบวิธีของคราม อีกอย่างเขาไม่ได้เต็มใจให้อยู่แล้ว คนบ้าอำนาจตรงหน้านี่ต่างหากที่บังคับขู่เอาไป
"รหัสอะไร?" ครามถามแล้วขยับเดินเข้าไปใกล้จนขิงต้องเป็นฝ่ายถอยหนีซะเอง
"ไม่บอก!!" ปากเก่งไปงั้นแหละทั้งๆที่รู้ว่าสู้ไม่ได้
"แน่ใจ๊?" ครามปรายตาถาม สายตาเจ้าเล่ห์ ส่วนขิงก็พยักหัวตอบรับงึกๆกล้าๆกลัวๆ
"เอ่อ......ขยับเข้ามาใกล้ไปแล้วนะคุณ ถอยไปหน่อยดิผมร้อน แหะๆ" ขิงใช้มือดันหน้าอกครามไว้แล้วเอ็นตัวไปด้านหลังจนเกือบจะหงายท้องลงไปบนโซฟา
"หึๆ" ครามหัวเราะในลำคอแล้วขยับหน้าเข้าไปใกล้อีกจนขิงชนโซฟาเบดล้มลงไป
"คุ๊ณณณ!!!" ขิงร้องเสียงหลงเสียงดังพร้อมเบิกตาขึ้นอย่างตื่นๆ เพราะตัวเองถูกครอมอยู่ แถมยังเอามือมากักเขาไว้เพื่อไม่ได้หนีได้อีก
"รหัส" ครามพูดสั้นๆแต่ระยะห่างของเขาสองคนใกล้มากจนได้กลิ่นโคโลญผสมอาฟเตอร์เชฟที่เจ้าตัวใช้ประจำ
"ว..วันเกิดผม 22 เดือนหนึ่ง" ขิงตอบแล้วมองใบหน้าคมเข้ม ตาสวยคม คิ้วเข้ม เครากับหนวดตรงคางที่ถูกโกนเมื่อเช้านี้ยังเห็นเป็นตอลางๆสีเขียวอยู่ ขิงกลืนน้ำลายหัวใจเต้นแรง เขาไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้เลยแม้แต่กับเจ ตึกๆ ๆๆ
"ก็แค่นั้น หึๆ" ครามผละออกพร้อมกับขิงที่ถอนหายใจออกอย่างโล่งอก ใช้มือดันตัวเองลุกขึ้นจากท่าล่อแหลมเมื่อครู่ ครามใช้มือกดรหัสทั้งสี่ตัวลงหน้าจอโทรศัพท์ยี่ห้อผลไม้ จากนั้นหน้าจอแสดงผลพร้อมรูปเจ้าของเครื่องที่กำลังยิ้มแป้นถ่ายเซล์ฟฟี่กับเจ้าหมาตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ขนสามสี ตาสีฟ้า ครามยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับภาพตรงหน้า ที่แท้นักกายภาพจอมเฮี๊ยบของเขาก็แกล้งทำเป็นเข้มไปงั้นนั่นเอง
"ยิ้มอะไร?" ขิงทำหน้าตูมที่ถูกครามยิ้มเยาะ นิ้วเรียวยาวกดดูข้อมูลการโทร
"ปกติพ่อแม่นายจะโทรมาช่วงสองทุ่มถึงสามทุ่ม งั้นก็ขึ้นมาหาชั้นที่ห้องเวลานี้แล้วกันนะ ส่วนคนอื่นถ้าโทรมาชั้นจะบอกให้นายโทรกลับเองตอนอยู่กับชั้น" ย้ำว่าตอนอยู่กับชั้น ชัดเจนจนขิงอ้าปากเหวอ "งั้นไปตามลุงแช่มมาได้ละ" ขิงเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปตามคำสั่ง โดยไม่วายหันมามองครามก่อนออกห้องไปอย่างขัดใจ
***************
**********
*****
"พี่นุ้ยเห็นลุงแช่มอยู่ไหนครับคุณครามให้หา?" ขิงถามนุ้ยที่กำลังใช้ไม้ขนไก่ปัดเครื่องเรือนอยู่
"คุณขิงเป็นอะไรรึเปล่าคะหน้ายุ่งเชียว?" ก็จะอะไรอีกล่ะ นายหัวของพี่นุ้ยนั่นแหละนิสัยไม่ดี จอมโกหก เจ้าเล่ห์แล้วก็บ้าอำนาจที่สุด
"เอ่อ..เปล่าครับ สงสัยผมคงร้อนมั้งครับเลยทำหน้ายุ่งไปหน่อย พี่นุ้ยอย่าสนใจเลยครับอีกหน่อยคงปรับตัวได้เอง แหะๆ"
"แล้วนายหัวเธอเรียกหาลุงแช่มทำไหมเหรอคะ หรือว่าให้ไปซื้อเหล้าอีก?" ซื้อเหล้าเลิ่วอะไรกันครับพี่นุ้ย พวกเราโดยนายหัวของพี่หลอกแล้ว
"เปล่าครับ คุณครามบอกว่าอยากไปดูคนงานเค้าจัดสวนใหม่ ผมเลยจะขอแรงลุงแช่มขึ้นไปช่วยพยุงเค้าลงมาข้างล่างหน่อยครับ "
" ลุงแช่มแกคงอยู่แถวนี้แหละค่ะ เดี๋ยวพี่ไปตามให้"
"รบกวนด้วยครับพี่นุ้ย"
*
*
*
"ก๊อกๆๆ"
"เข้ามาเลย" ลุงแช่มเคาะห้องแล้วเปิดประตูเข้ามา ดูจากสีหน้าแล้วแกน่าจะไปขลุกอยู่กับต้นไม้ที่สวนหลังบ้านมาแน่ๆ เหงื่อออกเต็มเลย
"นายหัวมีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ?" ลุงแช่มเช็ดเหงื่อแล้วเดินเข้าหยุดใกล้ๆ ดูท่าลุงแกเคารพคุณครามมากเลยนะเนี๊ยะ
"ผมจะลงไปข้างล่าง รบกวนลุงช่วยพยุงลงไปหน่อยครับ" ขี้เก๊ก ขิงพูดเบาๆ แต่ครามยังอุตส่าห์ได้ยินอยู่
"ครับ" ลุงแช่มรับคำแล้วเดินมาพยุงคุณครามขึ้นจากเตียง ขิงเบ้ปากใส่เพราะก่อนหน้าที่ลุงแช่มจะขึ้นมาเขายังถูกคนที่นอนอยู่บนเตียงนั่นแกล้งอยู่เลย
"มาช่วยพยุงชั้นด้วยสิ ลุงแช่มคนเดียวจะไหวได้ไง" ขิงกลอกตาขึ้นอย่างขัดใจแล้วเข้าไปพยุงตามคำสั่ง ........จะให้เขาช่วยอีกทำไม แค่ลุงแช่มคนเดียวก็ไหวอยู่แล้ว ไม่หกล้มไปหรอกเพราะแข้งขาตัวเองก็ดีแล้ว
"จับไม้เท้าแน่นๆ นะครับ" พลอยทำให้เราต้องแอคติ้งตามไปเลยเหอะๆ
"ค่อยๆ ก้าวนะครับ จากนั้นก็ค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักลงที่ขา อย่างนั้นแหละครับ" ขิงบอกตามที่เคยบอกผู้ป่วยคนก่อนๆ
"รู้สึกยังไงบ้างครับ?" ผมเอ่ยถามระหว่างที่เค้าวางเท้าลงกับพื้นได้สำเร็จ ในใจก็คอยลุ้นไปด้วยทั้งที่เป็นแค่การแสดง
"เจ็บแปล๊บๆ นิดๆ แล้วก็ขัดๆ" ครามตอบแล้วนิ่วหน้านิดๆ ถึงแม้จะเดินได้เองแล้ว แต่ถ้าใช้กำลังขามากเกินไป ก็ทำให้รู้สึกเจ็บจิ๊ดๆขึ้นมาเหมือนกัน
"งั้นพอก่อนไหมครับ เดี๋ยวผมกับลุงแช่มพาลงไป?" ขิงประชด
"ไม่เป็นไร แค่รู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ตอนทิ้งน้ำหนักเฉยๆ พอทนได้" ขิงเบ้ปากใส่อีกครั้งเพราะคิดว่านายหัวฟาร์มหอยมุกแสดงละครได้สมบทบาทจริงๆ ยิ่งกว่าดาราช่องน้อยสี มากสีบางคนซะอีก นี่ถ้าเขาไม่รู้คงจะคิดว่าเจ็บจริงนะนั่น
"งั้นก็ค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักนะครับ ดีที่ภาคใต้ไม่หนาวเหมือนบ้านผม ไม่งั้นหน้าหนาวคงจะปวดแล้วก็ชาแน่ๆ" ที่พูดแบบนั้นออกไปเพราะครามกระซิบข้างหูว่าให้แสดงละครให้มากกว่านี้ เลยต้องแอคติ้งให้มากขึ้น ลำบากไปอีก
"ค่อยๆ ก้าว ไม่ต้องรีบนะครับ.....อ๊ะ!!" ขิงส่งเสียงร้องเบาๆอย่างตกใจเพราะรู้สึกถึงมือที่ย้ายจากบ่าลงมาที่เอวของตัวเอง แต่เจ้าตัวกลับทำหน้าตาเรียบเฉยจนขิงต้องใช้สายตาปรามบอกว่าให้เอามือออก
"อะไร?"
"เอามือออก" ขิงใช้สายตามองลงไปที่เอว
"หึๆ"
**********
*******
****
"ใกล้ถึงแล้วครับ อีกนิดเดียว"
"ชั้นอยากเดินได้เร็วๆ ไม่อยากเป็นภาระใคร"
" ไม่มีเห็นคุณเป็นภาระหรอก ทุกคนเค้าก็เต็มดูแลคุณกันทั้งนั้น เชื่อผมสิ ถ้าไม่เชื่อก็ถามลุงแช่มดูก็ได้ครับ" ผมพยักหน้าไปทางลุงแช่ม เปลี่ยนบทให้ลุงแช่มแกพูดบ้าง ขี้เกียจแสดงละคร ไม่ถนัด
"จริงครับ พวกเราไม่เคยคิดแบบนั้นกันเลยครับ พวกเรารักนายหัว อยากให้นายหัวกลับมาเดินได้เร็วๆ" ลุงแช่มยิ้มไปพูดไปเพื่อให้กำลังใจนายหัวของแก แต่หารู้ไม่ว่าพวกเราทุกคนถูกเค้าต้มซะเปื่อยเลย ไม่รู้ว่ากับคุณป้าแม่ของเค้าจะถูกต้มด้วยรึเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คงบาปมากเลยนะนั่นเพราะทำเอาคุณป้าร้องไห้เสียน้ำตาไปตั้งเยอะ
"แล้วนายล่ะ?" ครามหันมาถามขิง
"เกี่ยวอะไรกับผม? นี่มันคืองานของผมนะคุณ " งานของนักกายภาพรวมถึงแสดงละครบ้าๆนี้ด้วย
"แค่อยากรู้"
"ไม่มีคำตอบครับ" ขี้เกียจตอบ
พวกเรานั่งดูคนงานทำสวนที่ใต้ต้นเฟื่องฟ้าต้นใหญ่ กิ่งของมันแผ่ปกคลุมให้ร่มเงา ลมก็พัดเอื่อยๆพอคลายร้อน จากตอนเช้าที่กำลังเริ่มทำได้เป็นบางส่วน ตอนนี้ก็ใกล้เสร็จหมดแล้ว เหลือแต่ออกแบบแล้วก็ปลูกลงใหม่อีกครั้ง แอบเสียดายต้นไม้ดอกไม้บางต้นอยู่เหมือนกัน เพราะกว่าจะปลูกให้มันโตแล้วก็ออกดอกสวยขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะผมว่า
"นายหัวอยากได้ต้นอะไรเป็นพิเศษไหมครับ? ลุงจะได้หามาปลูกให้" ลุงแช่มถามเพราะแต่ก่อนทั้งสวนนี้แล้วก็บ้านหลังนี้ก็เป็นแนวคิดของคุณครามทั้งหมด เลยอยากถามก่อนที่จะลงมือทำ จะได้ไม่ต้องรื้อขึ้นมาอีก
"นายว่าต้นอะไรดี?" ครามหันมาถามคนข้างๆ
"นี่มันสวนของคุณนะ มาถามผมได้ยังไง?" ผมตอบตามที่คิด สวนก็ไม่ใช่ของผม จะให้มาออกความคิดเห็น ฟังดูแปลกๆยังไงไม่รู้
"ก็นายอยากให้ชั้นทิ้งสิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่ดี แล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่ ก็นี่ไง" ผมเข้าใจแล้วครับ เห้ออออนะ
"แล้วให้ผมเลือกจะดีเหรอครับ?" ผมถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ไม่ใช่ว่าพอผมออกความคิดเห็นไปปุ๊บ พอมันออกมาไม่สวย แล้วจะมาว่าผมนะ
"อื้ม ชั้นไม่ค่อยสันทัดเรื่องต้นไม้ดอกไม้เท่าไหร่ เอาแบบที่นายชอบเลย" จะเชื่อได้ไหมเนี๊ยะขนาดไม่สันทัดเท่าไหร่สวนนี่ยังออกมาสวยขนาดนี้เลย พูดไปแล้วก็เสียดายนะ เสียดายทั้งสวนแล้วก็เงินด้วย แต่ก็นะ...ไม่ใช่เงินเราสักหน่อย
"งั้นผมขออนุญาติแล้วกันนะครับ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะครับ ถ้ามันออกมาไม่สวยอย่ามาว่ากันทีหลังนะครับ เพราะคุณให้ผมเลือกเอง"
"อื้ม"
"ผมชอบดอกมะลิ กับดอกชมนาด เพราะกลิ่นมันหอม ถึงดอกมันจะไม่สวยมาก แต่เพราะกลิ่นมันหอมนี่แหละครับผีเสื้อกับผึ้งถึงชอบบินมาตอมบ่อยๆ งั้นเอาต้นมะลิกับต้นชมนาดแล้วกันนะครับลุง" ผมคิดไปพูดไป ให้เจ้าของเค้าได้ยินด้วย เผื่อไม่ชอบส่วนไหนจะได้เปลี่ยน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่แย้งสักคำ ผมเลยบอกกับลุงแช่มว่าเอาตามนี่แหละ "ต้นเก็ดถวา คุณรู้จักไหม? ไม่สวยแต่หอมอีกเหมือนกันนั่นแหละ"
"ไม่รู้จัก"
"ชื่อจริงมันคือมะลิซ้อน ทางเหนือเรียก เก็ดถวา กลิ่นคล้ายมะลิแต่หอมแรงกว่า ต้นนี้แม่ผมชอบมาก เอาไปวัดก็ได้ เด็ดมาวางไว้บนหัวเตียงก็ได้ หรือจะเอาใส่ในตู้เย็นไว้ลดกลิ่นก็ได้อยู่" ขิงเผลอเล่าที่บ้านออกไปตามความเคยชิน
"ดูเป็นตัวนายดีนะ กับดอกพวกนี้" ครามพูดแล้วหันมองขิง
"ยังไงครับ?"
"ก็ตามนั้นแหละ!! แล้วต้นชมนาดมันเป็นไงล่ะ ชั้นยังไม่เคยเห็น?"
"ก็เป็นไม้เถาน่ะครับ ต้องทำร้านให้มันพันขึ้นด้วย ส่วนดอกก็จะเล็กๆ สีขาวเป็นช่อๆ ดูเหมือนดอกมะเขือมากกว่านะผมว่า แต่ดอกมันหอมมาก หอมนวลเหมือนกลิ่นมะลิปนกับใบเตย ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ตอนกลางคืนกลิ่นมันก็จะยิ่งหอมขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ฉุนหรอกนะครับ ที่บ้านผมมีหนึ่งต้น ใกล้ๆกับหน้าต่างห้องผมเลย ตอนกลางคืนกลิ่นมันก็จะลอยตามลมมาพอดี ทำให้หลับสบายมากเลย" ขิงยิ้มเพราะคิดถึงต้นชมนาดที่บ้าน ต้นนี้เขากับพ่อเป็นคนช่วยกันปลูกเองกับมือ
"แหะๆ ขอโทษครับ เผลอเล่าไปซะไกล" ขิงเกาแก้มตัวเองเขินๆ
"ไม่เป็นไร น่าสนใจดี เล่าต่อสิ" ใครจะไปกล้าเล่าต่อ ก็เล่นจ้องซะขนาดนั้น ขิงคิดในใจ
"เอ่อ..จบแล้วครับ"
"งั้นเหรอ?" ครามเห็นคนขี้อายเขินจนแก้มแดงเลยแกล้งกระเซ้าไปอีกนิดหน่อย เพราะนานๆทีจะได้เห็นนักกายภาพคนเก่งหลุดฟอร์ม
"ใครจะเป็นอย่างนั้นกันเล่า ว่าไปเรื่อย" ขิงเกาแก้ม
"ผมไปเอาน้ำกับของว่างก่อนนะครับ" ขิงรีบแจ้นออกไป ใจก็เต้นตุ้มๆต่อมๆ ขืนอยู่ตรงนั้นต่อคงทำตัวไม่ถูกแน่
***************
**********
*****
"พี่นุ้ยเป็นอะไรครับ ร้องไห้ทำไม?"
"ฮึกๆ เห็นนายหัวยอมลงมาข้างล่าง แล้วน้ำตามันไหลค่ะ " ตกใจหมดนึกว่าใครเป็นอะไร โถ่ๆแม่คูณ แม่ขนุนหนัง อยู่ดีๆก็เป่าปี่ซะงั้น
"ตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุครั้งก่อน นายหัวก็ไม่ยอมลงมาข้างล่างนี้เลย คุณขิงของพี่เก่งจังค่ะที่ทำให้นายหัวยอมเปลี่ยนใจลงมาได้" พี่นุ้ยปาดน้ำตาทิ้งแล้วฉีกยิ้มให้ผมราวกับคนละคนกับเมื่อกี้
"เอ่อ... ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยครับ แค่ดูแลเล็กๆน้อยๆเอง" เหมือนน้ำมันท่วมปาก จะพูดอะไรก็พูดไม่ได้
"นั่นแหละค่ะ พี่ดีใจนะค่ะที่คุณขิงมาดูแลนายหัว ทำให้นายหัวยอมทำกายภาพบำบัด จนเดินด้วยไม้เท้าได้แบบนี้ ถึงจะเดินไม่สะดวกเมื่อก่อน แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีนะคะ"
"ขอบคุณครับพี่นุ้ย แหะๆ" รู้สึกละอายใจแหะ เพราะเราไม่ได้ทำให้เค้ากลับมาเดินได้เองสักหน่อย
"ขอบคุณอะไรกันคะ พวกพี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณขิง ส่วนเรื่องป้าน้อย คุณขิงไม่ต้องเป็นกังวลนะคะ แกก็เป็นของแกแบบนี้แหละ เดี๋ยวอยู่ไปก็ชิน .....แกอาจจะติดไม่ชอบใจพวกนักกายภาพคนเก่าที่ไม่ค่อยตั้งใจดูแลนายหัว วันๆเอาแต่แต่งหน้าทำสวย เพื่อจะอ่อยนายหัวไปวันๆ ป้าแกเลยพลอยมองคุณขิงเป็นแบบนั้นไปด้วยนะค่ะ"
"แต่ผมเป็นผู้ชายนะครับ" ผมรีบแย้งขึ้นทันทีเพราะเท่าที่พี่นุ้ยเล่ามันต้องเป็นกรณีที่นักกายภาพเป็นผู้หญิงสิ แต่นี่ผมเป็นผู้ชายนะ
"ก็ใครใช้ให้คุณขิงน่ารักแบบนี้กันล่ะคะ ป้าแกก็ต้องมีบ้างแหละที่จะรู้สึกแบบนั้น" ผมกลอกตาแล้วถอนหายใจ อย่างปลงๆ
"งั้นเหรอครับ"
"ค่ะ แล้วคุณขิงอยากได้อะไรรึเปล่าคะ? เดี๋ยวพี่หาให้"
"อ๊ะลืมไปเลย ผมว่าจะเอาผลไม้กับน้ำไปให้คุณครามน่ะครับ ไม่สบายแบบนี้ต้องทานอาหารให้ครบห้าหมู่ จะได้แข็งแรง เดินได้ปกติเร็วๆ" ผมประชดตัวเองแล้วหยิบแก้วออกมาสองใบพร้อมกับเหยือกใส่น้ำส้มคั้นที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
"ดีจังค่ะ ปกตินายหัวไม่ค่อยสนใจทานหรอกนะคะพวกผลไม้เนี๊ยะ"
"นายหัวของพี่นุ้ยนี่ก็กินยากเหมือนกันนะครับ เห็นตัวโตแบบนี้ไม่คิดว่าจะกินยากนะครับ" ผมถามพี่นุ้ย
"นายหัวเป็นคนกินง่าย อยู่ง่ายค่ะ แต่มักจะห่วงงานจนไม่ค่อยดูแลตัวเอง ข้าวปลาก็ทานไม่ค่อยตรงเวลา ผลไม้ก็มีแต่ก็ไม่ค่อยทาน เพราะทานข้าวเสร็จก็จะกระโดดเข้าใส่งานเลยทันที" ผมพยักหน้าหงึกงัก ปรับเปลี่ยนความเข้าใจใหม่ ที่ไม่กินเพราะมีเวลาแต่ห่วงงาน อดคิดไม่ได้ว่าบ้างานขนาดนี้รึเปล่า ภรรยาเค้าถึงทิ้งไป
"นี่ค่ะฝรั่งกับส้มจีน เดี๋ยวพี่เอามังคุดกับลิ้นจี่ไปให้ทีหลัง สองอย่างนี่นายหัวชอบเป็นพิเศษค่ะ" ชอบเหมือนกันเลยแหะ พูดถึงลิ้นจี่ก็นึกถึงสวนลิ้นจี่กับลำไยที่บ้าน ตอนนี้คงถึงฤดูเก็บลำไยแล้วล่ะ ไว้ว่างๆ ให้พ่อส่งมาให้ดีกว่า อยากกิน ปกติถ้าผมอยู่ที่บ้าน พอถึงหน้าลำไยทีไร คนงานในสวนก็จะเอาบันไดไม้ไผ่มาปีนแล้วเก็บใส่ตระกร้าหย่อนลงไปกับเชือกให้คนงานผู้หญิงเป็นคนเด็ดใบแล้วก็จัดแต่งพวงให้สวยๆ จากนั้นเอาใส่ตระกร้าส่งขาย ส่วนลูกที่มันหลุดออกจากพวง เราเรียกว่าลำไยร่วง ลำไยแบบนี้เราก็จะแยกใส่ตะกร้าไว้อีกที่หนึ่งแล้วเอาไปชั่งขายเป็นกิโลโดยต้องเอาไปเข้าเครื่องร่อนที่เป็นตะแกงเหล็กเป็นรูๆ ตามขนาดต่างๆ เพื่อคัดเกรด (ขนาดลูก) มีทั้งAA ที่ราคาสูงสุดเพราะลูกใหญ่สุด รองมาก็ A B แล้วก็ C ตามลำดับ ซึ่งแต่ละปีราคาก็จะไม่เท่ากัน ลำไยที่เข้าเครื่องร่อนแบบนี้โรงงานเค้าจะรับซื้อไว้ไปทำลำไยอบแห้งส่งออกไปจีน ส่วนลิ้นจี้ก็แค่ปีนไปเก็บแล้วจัดแต่งใส่ตระกร้าเพื่อนำไปขายสด อีกเกรดหนึ่งก็เอาทำลิ้นจี้กระป๋อง ง่ายกว่าลำไยเพราะไม่ต้องคัดแยกอะไร
"ขอบคุณครับพี่นุ้ย ลืมบอกไปว่าตอนกลางคืนรบกวนพี่นุ้ยอุ่นนมให้คุณครามด้วยนะครับ จะได้ช่วยเสริมสร้างกระดูก" ถึงเค้าจะเดินได้แล้ว แต่มันก็ยังจำเป็นอยู่ดีสำหรับผู้ป่วยที่เพิ่งหายใหม่หรือเพิ่งกลับมาเดินได้ใหม่เพราะกระดูกกำลังเชื่อมต่อกัน อาจไม่แข็งแรงเต็มที่ ในส่วนของคุณครามต้องรอให้คุณหมอมาตรวจดูอีกที แต่เรื่องนี้ผมว่าหมอตั้นเองก็น่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วยเหมือนกัน เพราะเค้าเป็นเพื่อนกันนี่หน่า
"ได้ค่ะ"
...........................
...................