Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ควรจะมีภาคต่อไหม ?

มีก็ดี :D
34 (82.9%)
ไม่มี จบแค่นี้ก็ฟินแล้ว ~
3 (7.3%)
มีก็ได้ไม่มีก็เฉยๆ
4 (9.8%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 41

ผู้เขียน หัวข้อ: Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]  (อ่าน 70328 ครั้ง)

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เพื่อนแต่ละคนนี่ท่าทางพอๆ กันแน่ๆ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รุ่นพ่อก้อหนัก รุ่นลูกก้อหนัก 555

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :hao7:

เจอเพื่อนรักของคาบี้ลัสจนได้

แล้วนี่ลูกๆมางานยังเอ่ย?? ขาดไม่ได้นะสองคนนั้น

(เฮาคิดถึงใครบางคนด้วยล่ะ หวังว่าจะมางานนี้นะ)

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 54

"ฟาร์คัส!"

เสียงเรียกอย่างกระตือรือร้นกระตุ้นให้ฟาร์คัสหันไปมองหลังจากที่เดินแยกออกมาจากกลุ่มของคาร์บิลัส เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

"รุ่นพี่โรซ์เวล" 

เป็นรุ่นพี่เหยี่ยวในชุดทางการของดินแดนนกบอกลาง ชุดสีขาวล้วนเข้ากันดีกับผมสีขาวที่มีปลายสีน้ำตาลทำให้รุ่นพี่โรซ์เวลโดดเด่นมากเพราะบุคลิกที่ดูจะเป็นมิตรและอ่อนโยนที่สุดในงานนี้

คนโดนเรียกชื่อพยักหน้าและยิ้มจนตาหยี "ไม่คิดว่าเจ้าจะเชิญข้ามางานสำคัญของเจ้าด้วย ข้าดีใจนะ ที่เจ้านึกถึงข้า" ไม่ว่าเปล่ายื่นกล่องของขวัญขนาดกะทัดรัดให้ฟาร์คัส

ฟาร์คัสเพียงยิ้มรับและเอ่ยขอบคุณ

กับรุ่นพี่โรซ์เวลนั้นฟาร์คัสไม่ได้สนิทสนมอะไรด้วยมากมายตั้งแต่สมัยที่อยู่ดินแดนนกบอกลาง รู้จักกันเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น จึงหมดเรื่องพูดคุยอย่างรวดเร็ว

โรซ์เวลก็คล้ายจะรับรู้ถึงเรื่องนี้เหมือนกันจึงหัวเราะแห้งๆ "อย่างที่ข้าเคยพูดไว้ เจ้าสามารถกลับดินแดนนกบอกลางได้ ถ้าเจ้าต้องการ"

"ชวนข้ากลับดินแดนทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันแต่งงานของข้า?" ฟาร์คัสส่ายหัวกับความพยายามชวนคุยของรุ่นพี่เหยี่ยว "อีกอย่างข้ากลับไม่กลับไปหรอก ข้าเลือกไปแล้วที่จะอยู่ดินแดนปีศาจ"

คำตอบเหมือนจะดูดีแต่เหตุผลที่แท้จริงคือไอ้แพะปัญญาอ่อนมันต้องตามไปอยู่ด้วยแน่ๆ หลังจากนั้นก็จะเกิดเรื่องวุ่นวายอย่างการตามราชาปีศาจให้กลับไปทำงานซึ่งแค่คิดก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว

โรซ์เวลยิ้มเจื่อนๆ "ข้าแค่อยากเจ้ารู้ว่าดินแดนนกบอกลางยังตอนรับเจ้าเสมอ ถ้าเจ้ากลับไป"

"อืม ข้ารู้แล้ว ท่านบอกข้าหลายรอบแล้ว"

"อ่างั้น ข้าจะอวยพรเจ้าแล้วกัน ฟาร์คัส!" โรซ์เวลพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น "ข้าขอให้เจ้ามีความสุขมากๆ กับท่านคาร์บิลัสนะ อ้อ จริงสิ ตอนนั้นเจ้าเคยบอกข้าว่าชอบเด็ก ข้าจะอวยพรให้เจ้ามีลูกด้วยกันเยอะๆ นะ"

ฟาร์คัสขมวดคิ้วบ่นพึมพำ "ข้าพูดตอนไหนว่าชอบเด็ก? อีกอย่างคำอวยพรนี่มันบ้าเกินไปแล้ว ข้าจะไปมีลูกได้ยังไง"

"อืมม ข้านึกไม่ออกแล้วสิ" โรซ์เวลเกาหัวแกรกๆ "งั้นข้าขอตัวแล้วกัน ฟาร์คัส ถ้าเจ้าอยากคุยกับข้า มาหาข้าได้นะแถวๆ โต๊ะที่มีอาหารเยอะๆ"

ฟาร์คัสพยักหน้าอย่างขอไปทีเริ่มรู้สึกเบื่อรุ่นพี่เหยี่ยวจึงค้อมหัวเบาๆ เชิงขอตัวแล้วสาวเท้าไปยังโต๊ะนึงที่ตอนแรกจะเข้าไปนั่งด้วยแต่ก็โดนรุ่นพี่โรซ์เวลทักเข้าซะก่อน

"ลุกซ์ เจ้ากินดีๆ สิ มันทำให้ข้าเลอะนะ"

"ข้าอยากกินไก่นั่นด้วย"

"กินผักด้วยนะ"

"อืม"

ฟาร์คัสจ้องมองภาพตรงหน้าและกลอกตาเซ็งๆ ไม่รู้ว่าตัวเองจะรู้สึกยังไงดี

เพราะทั้งสองคนนั้นทำคล้ายกับว่ามีเพียงสองคนในโลก โดยที่ลุกซ์ทำหน้าทะเล้นยื่นหน้าไปหาเอลล์รอให้เอลล์คอยตักและป้อนให้ด้วยหน้าแดงๆ ที่ติดจะดุสลับกับเขินอาย

"เอลล์ ลุกซ์"

ฟาร์คัสเอ่ยเรียกเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ผลอะไร ลุกซ์ยังคงเคี้ยวอาหารหงุบหงับมองเอลล์ตาเป็นมัน ฟาร์คัสจึงเปลี่ยนจากเรียกเป็นเคาะโต๊ะเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ผลอะไรอยู่ดี

"นี่มันงานแต่งของข้านะ พวกเจ้าจะรักกันเกินไปแล้ว"  บ่นออกมาอย่างอดไม่ได้และมองเพื่อนทั้งสองของตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย

นี่ข้ามาขัดจังหวะอะไรรึเปล่า?

"อย่าทำหน้าแบบนั้นในวันแต่งงานของเจ้าสิ ฟาร์คัส"   

ฟาร์คัสเบิกตากว้างสะดุ้งสุดตัวหันขวับ

"ชาร์เลส!"

เพราะไม่คาดคิดว่าคนๆ นี้จะมาได้

"จุ้ๆ อย่าเสียงดังสิ" ชาร์เลสยิ้มและใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากตัวเอง 

ฟาร์คัสยังไม่เลิกตกใจ "เจ้า เจ้าไม่ได้กลับไปอยู่กับท่านโฟเทียสงั้นเหรอ"

มองชาร์เลสในชุดทางการสีดำที่ดูจะซอมซ่อด้วยสายตางุนงง

เกิดอะไรขึ้นกับนักสืบกำมะลอคนนี้รึเปล่า? ความสง่างามที่เคยมีหายไปหมด ใบหน้าซูบผอมเหมือนคนไม่มีแรง ผมที่เคยเป็นสีขาวอมน้ำเงินดำกลายเป็นสีขาวดำกระด่างที่ถูกจัดทรงมาลวกๆ

อดีตนักสืบเปลี่ยนสีหน้าทันทีจากยิ้มกลายเป็นสีหน้าเศร้าจัดเหมือนโลกตรงหน้าจะสลาย

ชาร์เลสหัวเราะเสียงขื่นตัวสั่นเทาพยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองร้องไห้เพียงเพราะได้ยินชื่อเขาคนนั้น "หึ แม้แต่มอง ยังไม่อยาก
มองข้าเลย พลังของข้า เขาก็เอาคืนไปหมดแล้ว แค่ก ช่างมันเถอะ วันนี้ข้ามาแสดงความยินดีกับเจ้าต่างหาก" 

ทั้งๆ ที่น้ำตาเริ่มซึม ชาร์เลสพยายามฝืนยิ้มสะบัดหัวตัวเองไล่เรื่องของคนๆ นั้นออกไปจากหัว พยายามทำให้ตัวเองรู้สึกร่าเริงที่สุดเพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของฟาร์คัส มันไม่ใช่เรื่องที่ดีนักที่จะมาแสดงความอ่อนแอของตัวเองในงานแต่งงานของคนอื่น
มีเพียงข้าที่แตกสลายก็พอแล้ว..

"ชาร์เลส..." ฟาร์คัสเรียกเสียงเบาด้วยความเป็นห่วง

เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกเหมือนควบคุมสติตัวเองไม่ได้ "อ้อ ของขวัญสินะ ใช่ๆ ข้าเอามาด้วย มันเป็นของดีเลยล่ะ เจ้าต้องชอบมันแน่ๆ" มือผอมๆ ล้วงเอาขนนกสีดำที่เปล่งประกายสีทองระยิบระยับยื่นมันให้กับฟาร์คัส 

"มันเป็นขนนกของนกที่คนๆ นั้นเลี้ยงไว้ ถ้าเก็บไว้มันจะนำเอาความโชคดีมาให้" ชาร์เลสยิ้มประกอบคำพูดตัวเอง แม้ว่ามือนั้นเย็นเฉียบและสั่นเล็กๆ เมื่อต้องเอ่ยถึงคนๆ นั้น

ถึงจะเป็นแค่การเรียกอ้อมๆ ก็ตาม แต่กลับทำให้หัวใจในอกเต้นรัวคล้ายกับประท้วงเจ้าของร่างว่าความจริงแล้วอยากเรียกชื่อคนๆ นี้ขนาดไหน อย่างเปล่งเสียง อยากถูกเรียก อยากโดนมองด้วยสายรักใคร่เหมือนที่ผู้หญิงพวกนั้นได้รับ
แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เพราะยังไงก็เป็นได้แค่ฝุ่นละอองเล็กๆ ที่โดนมองข้ามอยู่เสมอ

ชาร์เลสจิกเล็บลงที่มือตัวเองพยายามดึงสติตัวเองไม่ให้หลุดร้องไห้โฮออกมา

แต่แล้วภาพที่ตัวเองโดนคนๆ นั้นดึงพลังออกไปและเตะเข้าไปในหลุมดำแห่งดวงดาวที่ใช้สำหรับทำลายทุกอย่างที่ไม่ต้องการ ซึ่งในตอนนั้นก่อนที่จะหมดสติไปก็ทันเห็นคนๆ นั้นโอบชายาที่เขารักและพูดคุยอย่างอ่อนหวาน

อะไรบางอย่างในตัวคล้ายกับกรีดร้องเหมือนบาดเจ็บร้ายแรง จนพยายามกระเสือกกระสนจนรอดออกมาได้แต่มันก็เท่านั้นเพราะตอนนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น! 

"ฮือ ข้าขอเจ้ามีความสุข ฟาร์คัส ฮึก เจ้ารักษาคาร์บิลัสไว้ให้ดี เขารักเจ้าจริงๆ ข้าสัมผัสได้ ข้าขอตัวก่อน ฮือ ข้าจำได้ว่าข้ายังมีงานต้องทำ"

ไม่รอให้ฟาร์คัสพูดอะไร ชาร์เลสร่ายเวทพาร่างตัวเองจากไปทันที

ด้วยพลังวิญญาณที่มีเหลืออยู่ไม่มาก...

"เดี๋ยวสิ..." ฟาร์คัสพูดเบาๆ กับขนนกในมือตัวเองที่แค่มองก็รู้สึกถึงความล้ำค่าของมัน 

สีหน้าของชาร์เลสทำเอาฟาร์ตัสสลดตาม รู้สึกถึงความสิ้นหวังในการใช้ชีวิตของชาร์เลสและรับรู้อะไรบางอย่างที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

"ชาร์เลส..."

ฟาร์คัสครางเรียกเศร้าๆ ในลำคอ

ชาร์เลสกำลังจะตาย...

"อ้ะ ฟาร์คัส เจ้ามาตอนไหนน่ะ แล้วไหนท่านคาร์บิลัสล่ะ นี่งานแต่งเจ้านะ ทำไมไม่มาพร้อมกันข้าขี้เกียจอวยพรหลายๆ รอบ" ปีศาจมังกรไฟร่ายยาว

"งั้นเจ้าก็เห็นเมื่อกี้นี้งั้นสิ" เอลล์พูดเขินๆ เบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างประหม่า

ฟาร์คัสสูดหายใจลึกกดความรู้สึกเศร้าสลดลงไป

ข้าควรจะเคยชินกับความตายได้แล้ว วันนี้เป็นวันที่ดีของข้า

ปีศาจอีกาปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติ

"ข้ามาทันเห็นตั้งแต่เจ้าป้อนไก่แล้วกัน"

"อย่าคิดว่าข้าจะเขินอายเพราะมากกว่านี้ข้าก็ทำได้ ฮ่าๆ" ลุกซ์ไหวไหล่และยิ้มกรุ้มกริ่มใส่เอลล์ เดิมทีแล้วปีศาจมังกรไฟเป็นพวกมีนิสัยโผงผางเถรตรง ลุกซ์จึงไม่รู้สึกเขินอายแม้แต่นิดเดียวต่อให้ทุกคนจ้องมองมาที่ตนเองก็ตาม

มีอะไรน่าเขินอาย ในเมื่อข้าไม่ได้ทำใครเดือดร้อนนี่?

ผิดกับอดีตราชาภูตน่าแดงก่ำไอแค่กๆ แก้เก้อ

"ข้าเอาของขวัญมาให้เจ้าด้วยนะฟาร์คัส"

พยายามเบี่ยงเบนประเด็นการพูดคุยไปเรื่องอื่น

ฟาร์คัสรับรู้ถึงจุดประสงค์ดีก็ยอมปล่อยๆ ไปเพราะกลัวว่าหากตัวไม่ยอมทำตาม อดีตราชาภูตหน้าบางนี่จะหนีกลับบ้านไปซะก่อน 

ในระหว่างที่รอเอลล์ก้มหน้าก้มตาหาของขวัญในกระเป๋าที่ใส่ของมา ปีศาจอีกาก็ใช้เวลานี่ในการสำรวจเพื่อนทั้งสองของตัวเองที่ไม่ได้เจอกันตั้งแต่เรื่องนั้นจบไป เรียกได้ว่าแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเองเลยก็ว่าได้

เอลล์อยู่ในชุดของราชาภูตที่ดูกึ่งทางการเพราะมันถูกเพิ่มเติมด้วยพวกดอกไม้สีอ่อนๆ ประดับอยู่ตามเสื้อผ้าทำให้ดูนุ่มนวลและอ่อนโยนจนเหมือนเป็นภูตดอกไม้มากกว่าราชาภูต ส่วนลุกซ์ก็ยังอยู่ในชุดกึ่งเปลือยเหมือนเดิม เสื้อคลุมเรียบร้อยนั่นถูกปลดกระดุมออกจนหมดทำให้เห็นแผงอกแกร่งที่ดูจะแข็งแรงเอามากๆ ผมของลุกซ์ก็ดูเหมือนจะถูกตัดสั้นจนแทบติดหนังหัวซึ่งก็น่าจะมาจากเหตุผลคือความขี้ร้อนของเจ้าตัวเหมือนกัน

"ที่ดินแดนภูตเชื่อกันว่าถ้าหากเจ้าเก็บดอกไม้นี่ไว้มันจะช่วยเรื่องความรัก" 

เอลล์ยื่นดอกไม้สีกลับสีชมพูซ้อนกันหลายชั้นที่ทำจากผลึกหายากให้กับฟาร์คัสด้วยรอยยิ้ม

"มันจะช่วยให้เจ้ากับคาร์บิลัสรักกันมากยิ่งขึ้น"

ฟาร์คัสตอนแรกจะเอ่ยขอบคุณก็ชะงัก

ข้าควรจะดีใจใช่ไหม ที่เจ้าแพะโง่นั่นจะรักข้ามากกว่านี่? แต่ตอนนี้มันน่าจะมากเกินพอแล้วนะ... 

ฟาร์คัสคิดเบื่อๆ ก่อนจะสบถมื่อนึกถึงสภาพตัวเองเมื่อหลายวันก่อนออก

ข้าก็ปัญญาอ่อนพอๆ กับแพะโง่นั่นเหมือนกัน

"ขอบคุณนะ เอลล์ ข้าก็ขอให้เจ้ากับลุกซ์รักกันมากๆ เช่นกัน" 

"นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว" ลุกซ์ยืดอกรับหัวเราะในลำคอใช้แขนโอบไหล่เอลล์ "ห่วงแต่เจ้านั่นแหละ จะตามท่านคาร์บิลัสทันรึเปล่า ถึงตอนที่อยู่กับเจ้าจะเป็นคนละคนก็เถอะ แต่เจ้าอย่าลืมว่าคาร์บิลัสเป็นราชาปีศาจนะ เล่ห์กลอะไรเจ้าไม่มีวันทันท่านคาร์บิลัสหรอก"

อย่างข้าจะตามเจ้าแพะโง่ นั่นไม่ทัน? ตลกแล้ว

"แพะโง่มันก็แค่แพะโง่" ฟาร์คัสตอบอย่างมั่นใจ

ลุกซ์หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำเรียกของฟาร์คัสก่อนะหัวเราะออกมา "ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ เดี๋ยวเจ้าก็รู้ว่าแพะแกล้งโง่เป็นยังไง"

"คาร์บิลัส! ข้าคิดถึงเจ้าจัง!"

ฟาร์คัสหันขวับไปมองคาร์บิลัสทันที

เสียงคาเลน! 

ซึ่งภาพที่เห็นก็ทำเอาฟาร์คัสมีสีหน้าเย็นเยียบ

"เอ่อ คาเลน เจ้า เจ้าอย่ากอดข้าสิ นี่งานแต่งข้านะ ไม่ใช่วันเกิดเจ้า" คาร์บิลัสหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดเมื่อหันไปเห็นสีหน้าฟาร์คัสพอดี

ข้าไม่ได้ชวนนะ!

คาร์บิลัสสบตาฟาร์คัสพยายามสื่อสารทางสายตา แต่กลับโดนฟาร์คัสถลึงตามองกลับมา

"วันสำคัญของเจ้าข้าก็ต้องมาสิ!" คาเลนหน้ายู่ด้วยท่าทางน่ารักไม่สนใจรังสีอำมหิตจากด้านหลัง "นี่เจ้าตั้งใจไม่ชวนข้าใช่ไหม! ข้าน้อยใจนะ"

"ก็ข้ารู้ว่าถ้าชวนเจ้ามา จะเป็นแบบนี้นี่" คาร์บิลัสบ่นพยายามผลักตัวคาเลนออกถึงแม้ว่าใจจริงอยากจะโยนกลับดินแดนไปเลยด้วยซ้ำแต่ก็ทำไม่ได้ 

อย่างไรก็ตามคาเลนก็ยังเป็นเพศแม่อยู่ดี 

คาเลนยื้อสุดตัวไม่กระดุกกระดิก "นี่! ข้าตั้งใจจะมาบอกเจ้าด้วยแหละว่า ข้าตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว" แอบเหล่มองไปทางฟาร์คัสและเชิดหน้ากลับมาหาเจ้าบ่าวของงานแต่งงาน

"จะบอกอะไรก็รีบบอกเถอะ ปล่อยข้าสักที" คาร์บิลัสพูดด้วยความละเหี่ยใจ "ก่อนที่ข้าจะผลักเจ้าออกจริงๆ"
ฟาร์คัส อย่ามองข้าแบบนั้น ตัวข้าแทบจะกลายเป็นเนื้อสับละเอียดแล้ว ฮือๆ

ทำไมฟาร์คัสของข้าถึงได้น่ากลัวขนาดนี้กัน

"เจ้าจะผลักข้าทั้งๆ ที่ข้าสวยขนาดนี้งั้นเหรอ!" คาเลนโวยวายจับชุดกระโปรงลูกไม้สีชมพูจ๋าของตัวเองขึ้นมาคล้ายจะอวดกลายๆ "ชุดนี่ข้าปักเองเลยนะ!"

"ข้ามีชายาแล้ว คาเลน เจ้าสวยขนาดไหนข้าก็ไม่สนใจอยู่ดี" คาร์บิลัสพูดเสียงเรียบมองฟาร์คัสด้วยสายตาหวานเชื่อม

ถ้าเกิดข้าพูดไม่เข้าหูฟาร์คัสตอนนี้ มีหวังห้องหอข้า ข้าคงได้นอนกองอยู่ข้างนอก

ฟาร์คัสเห็นสายตาของแพะโง่มองมาก็เบือนหน้าหนี รู้สึกประหม่า

"ฮึ่ย เจ้าอีกานั่นมีอะไรดีกัน ข้ามีดีกว่าตั้งเยอะ" คาเลนบ่นและได้ผลตอบรับเป็นสายตาดุร้ายของคาร์บิลัส คาเลนสะดุ้งส่งเสียงจิ้จ้ะในลำคำไม่พอใจ "ข้าไม่เอาตำแหน่งชายาก็ได้ คาร์บิลัส ข้าเอาตำแหน่งรองชายา"

ข้อเสนอของคาเลนทำเอาคาร์บิลัสสะดุ้งเฮือกในใจ

ทำไมถึงได้ขยันหาเรื่องมาให้ข้านักนะ!

"ข้ารักฟาร์คัส ไม่ต้องการชายาเพิ่มหรืออะไรเพิ่มทั้งนั้น ข้าอยู่กันสองคนได้" ไม่ว่าเปล่าใช้แอบร่ายเวทดึงร่างฟาร์คัสให้มาอยู่ข้างตัวเองแล้วโอบเอวไว้หลวมๆ

"คาร์บิลัส นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ!" คาเลนหน้าเสียน้ำตาคลอเมื่อโดนหักหน้า "ข้ายอมเป็นรองชายาก็ดีแค่ไหนแล้ว เจ้ายังจะไม่เอาข้าอีก"

ลองข้าเอาสิ ข้าตายแน่ๆ

คาร์บิลัสคิดในใจหวั่นๆ   

"ถ้าเจ้าจะมาเพื่อบอกข้าแค่นี้ เจ้าก็กลับไปเถอะ" กล่าวอย่างเย็นชา

"ไม่ ข้าไม่กลับ!" คาเลนกระแทกเสียงตอบอย่างดื้อรั้น

"เจ้าจะอยู่ก็อยู่ไป แต่จงอยู่เงียบๆ เพราะนี่มันงานแต่งของข้า ให้เกียรติ์ข้ากับฟาร์คัสด้วย" 

ฟาร์คัสดูเหมือนจะพอใจในสิ่งที่ข้าพูดไม่น้อย รู้สึกถึงไหล่ที่ผ่อนคลายลงและยอมให้โอบเอวต่อไปอย่างว่าง่ายผิดกับตอนปกติ ถ้าหากโอบต่อหน้าผู้อื่นแบบนี้ ไม่วายมือตั้งโดนหยิกหรือเท้าต้องโดนเหยียบแน่ๆ

ในขณะที่ทั้งห้องเงียบกริบกลับมีเสียงๆ หนึ่งดังขัดขึ้นมา

"วินตัสๆ เจ้าเห็นเหมือนข้าไหม เห็นคนกลัวเมีย" ซัคคาร์พูดเสียงดังแสร้งป้องปากกระซิบกับวินตัส

"เห็นสิ เห็น น่าสงสารจังเลย ราชาปีศาจหายไปไหนแล้วนะ ทำไมข้าเห็นแต่แพะน้อยน่ารักร้องแบะๆ ล่ะ"

พูดจบก็หัวเราะกันเองเสียงดัง

คาร์บิลัสคิ้วกระตุก "ซัคคาร์ เรื่องที่เจ้าให้ผ้าเช็ดตัวข้าเป็นของขวัญงานแต่งงาน เจ้ายังไม่อธิบายเลยนะ"

"ก็ข้าให้เผื่อพวกเจ้าอาบน้ำไง อะไรเนี่ย หรือว่าเจ้าไม่ใช้ผ้าเช็ดตัวล่ะ ท่านคาร์บิลัส อย่าบอกนะว่าเจ้าเอาตัวไปผึ่งลมให้ตัวแห้งน่ะ!" ซัคคาร์แสร้งทำสีหน้าตกใจ

"ไม่น่าเชื่อ ว่าเจ้าจะเป็นคนแบบนี้นะคาร์บิลส ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ" วินตัสพยักหน้าอืมๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง

แต่ฟาร์คัสหลุดขำออกมาแม้ว่าจะพยายามเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้แล้วก็ตาม

"หึๆ เพื่อนเจ้านี่มันเหมือนเจ้าชะมัด"

"ข้าควรจะดีใจกับคำชมนี่ใช่ไหม" 

"เดี๋ยวสิ! คาร์บิลัส แล้วข้าล่ะ" คาเลนแทบจะร้องไห้เมื่อตัวเองคล้ายจะถูกคาร์บิลัสลืมไปแล้วว่ามีตัวตนในห้องนี้

"อย่าให้ข้าต้องส่งแขก คาเลน"

คาร์บิลัสพูดเสียงเย็นชา เริ่มรู้สึกรำคาญจึงโอบไหล่ฟาร์คัสแล้วเดินออกจากห้อง

"ชาคอส ตารางเวลาไร้สารานะของเจ้าโยนๆ มันทิ้งไปซะ ตามพวกที่มีหน้าที่เกี่ยวกับพิธีมาให้หมด ราชาปีศาจจะแต่งชายา
แล้ว!"

"ขอรับ" ชาคอสที่ยืนอยู่มุมห้องขานตอบหนักแน่นและปลีกตัวไปตามคำสั่งทันที

แม้ว่าในใจจะสบถไม่หยุดที่ตารางเวลาที่ตัวเองบรรจงเขียนขึ้นมาถูกทำพังจนหมด

แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะคำพูดของราชาปีศาจคือประกาศิตสำหรับทุกสิ่ง
 


"คาร์บิลัสนะ คาร์บิลัส ข้ายังแต่งตัวไม่เสร็จเลยนะ งานพิธีจริงๆ มันต้องเริ่มบ่ายๆ เย็นๆ นี่มันเพิ่งไม่เท่าไหร่เองนะ!" ปีศาจชราในชุดคลุมสีดำตัวยาวสำหรับทำพิธีบ่นกระปอดกระแปดกับเพื่อนตัวเองที่มีวัยพอๆ กัน

"นั่นสิ ข้าวเที่ยงข้าก็ยังไม่ได้กินเลย หรือว่าคาร์บิลัสจะอยากเข้าห้องหอกับชายาจนตัวสั่นกัน?"

"วัยหนุ่มสาวนี่มันจริงๆ เลย ไม่เห็นใจผู้เฒ่าผู้แก่อย่างพวกข้าเลยรึไง"

"นั่นสิ ถ้าฟีลอสกับเซร่ายังอยู่ ก็คงจะพอมีใครบอกกล่าวเจ้าคาร์บิลัสได้บ้าง"

แต่เมื่อบทสนทนามาถึงตรงนี้ทั้งคู่ก็ชะงักไปทันควันเพราะเผลอกล่าวถึงพ่อแม่ของคาร์บิลัสจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
เพราะหลังจากที่สงครามอันยาวนาวจนลงด้วยน้ำมือของคาร์บิลัส คาร์บิลัสก็ผันตัวเองเป็นราชาปีศาจนั่งไล่จัดระเบียบวางแบบแผนทุกอย่างขึ้นมาใหม่จนหมด และหนึ่งในข้อตกลงที่ถูกร่างขึ้นมานั้นคือการห้ามกล่าวถึงปีศาจที่ตายไปกับสงครามเลวร้ายนั่นโดยไม่จำเป็นเพราะถือเป็นการให้เกียรติ์ต่อวิญญาณของพวกเขา

ซึ่งนั่นก็ไม่นับเป็นเหตุผลที่แท้จริงซะที่เดียวที่พวกเขาเปลี่ยนเรื่องคุย อีกเหตุผลหนึ่งคือกลัวว่าคาร์บิลัสจะมาได้ยินมันเข้า ใครๆ ในดินแดนปีศาจล้วนรู้ดีว่าจุดจบของฟีลอสกับเซร่านั้นไม่สวยงามนัก หากคาร์บิลัสได้ยินเข้าอาจจะบันดาลโทสะเปลี่ยนจากงานแต่งเป็นลานประหารพวกเขาก็ได้

มีปีศาจมากมายเกินไปที่ต้องสูญเสียไปกับสงครามแย่งชิงบัลลังก์โง่ๆ นี่

"ท่านตา นักดนตรีพร้อมแล้ว เก้าอี้พร้อมแล้ว โต๊ะพร้อมแล้ว ทุกคนพร้อมแล้ว" เสียงเล็กๆ ดังเจื้อยแจ้วพูดอย่างกระตือรือร้นในหน้าที่สุดพิเศษของตัวเอง ใบหน้าจิ้มลิ้มมีดวงตากลมโตที่เปล่งประกายระยิบยับด้วยความตื่นเต้นเมื่อวาดภาพที่ตัวเองจะได้เอาเรื่องที่อยู่ในงานแต่งงานราชาปีศาจไปอวดเพื่อนซึ่งแค่คิดก็เห็นสายตาอิจฉาแล้ว!

"ดี เจ้าไปเชิญพวกเขาเข้ามาในห้องเลยแล้วกัน" ปีศาจชราลูบหัวทุยๆ ของหลานตัวเองด้วยความเอ็นดูและหมายมั่นที่จะให้เป็นคนประกอบหน้าที่เหล่านี้แทนตัวเองในอนาคต

"ขอรับ!" รับคำร่าเริงและวิ่งไปเปิดประตูบานยักษ์เพื่อเริ่มงานพิธี

"โฮๆ ประตูเปิดสักที ข้ายืนจนเมื่อยแล้วเนี่ย" ซัคคาร์บ่นเสียงดังรีบสาวเท้าไปจองเก้าอี้ที่ใกล้แท่นพิธีที่สุดเพื่อรอชมภาพวินาทีสำคัญของเพื่อนรักตัวเอง

"จะบ่นอะไรนักหนา เจ้าเพิ่งเดินมาถึงนะ ได้ข่าว" วินตัสพูดเหน็บแต่ก็เดินตามไปติดๆ 

ส่วนแขกคนอื่นๆ ที่เข้ามานั้นเดินอย่างไม่รีบร้อนเท่าไรนักเพราะตื่นตาตื่นใจกับห้องพิธีที่จัดได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยที่สุดในดินแดนปีศาจ ภายในนั้นเป็นห้องโถงขนาดกลางเพดานทรงโค้งแต่มีขนาดไม่ใหญ่นักเพราะจุดประสงค์ของมันมีเพื่อทำพิธีแต่งงานของราชาปีศาจ การทำใหญ่และโออ่าเกินไปนับว่าเป็นเรื่องไม่จำเป็น แต่ถึงอย่างนั้นในทุกอย่างในห้องนี้กลับเต็มไปด้วยความประณีตในขนาดที่ว่าหาจุดบกพร่องไม่เจอ บนเพนดานทรงโค้งนั้นถูกวาดเป็นรูปราชาปีศาจกับราชานีปีศาจในยุคแรกกำลังทำพิธีแต่งงานท่ามกลางหมู่แมกไม้รายล้อมข้างๆ กายนั้นเต็มไปด้วยปีศาจที่อยู่ใต้อาณัติแสดงความยินดีมากมายด้วยท่าทางต่างๆ ไม่ว่าจะโยนหมวกโปรยดอกไม้ ทุกภาพบนนั้นถูกวาดอย่างบรรจงจนคล้ายกับว่ามีชีวิตอยู่จริงๆ

ตามเสานั้นประดับด้วยรูปปั้นปีศาจในท่วงท่าสุขุมใบหน้ายิ้มจางๆ คล้ายกับว่ายินดีไปกับงานพิธีที่กำลังจะเริ่ม ส่วนในอีกมุมหนึ่งของห้องนั้นถูกยกพื้นสูงขึ้นเล็กน้อยสำหรับนักดนตรีซึ่งในตอนนี้นักดนตรีที่มาทำหน้าที่ของตัวเองนั้นกลับกำลังพูดคุยกระซิบกระซาบกันเพื่อลดความตึงเครียดลง พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นนักดนตรีรุ่นใหม่ที่เพิ่งเคยมาร่วมบรรเลงดนตรีพิธีแต่งงานครั้งแรก ถึงแม้ท่านคาร์บิลัสจะบอกพวกเขาว่าเกิดข้อผิดพลาดก็ไม่เป็นไร แต่ก็อดกังวลกันไม่ได้อยู่ดี

เวลาเพียงไม่นานเก้าอี้ทั้งหมดในห้องก็ถูกจับจองจนเต็ม สาเหตุเพราะว่าผู้ร่วมงานครั้งนี้คัดเฉพาะแขกสำคัญและสนิทอย่างพวกราชาดินแดนต่างๆ ไม่ว่าจะดินแดนมนุษย์ คนแคระ ภูต อะไรทำนองนั้น ซึ่งคาร์บิลัสก็ไม่ได้บังคับว่าใครจะมาจึงมีเพียงแค่ราชาแดนมนุษย์เท่านั้นที่มีส่วนดินแดนอื่นๆ อ้างว่าติดธุระ

ปึง!!

เสียงไม้เท้ากระแทกกับพื้นเรียกความความเงียบสงบกลับมาในห้องได้ทันที

"งานพิธีกำลังจะเริ่มต้นแล้ว" ร่างชรากล่าวด้วยสีหน้านิ่งเรียบ

ราวกับตอบรับคำพูดของร่างชราประตูห้องถูกเปิดอีกครั้งและปรากฎร่างของคู่บ่าวสาว 
ภายในห้องนั้นเงียบสงัดมีเพียงเสียงฝีเท้าก้าวดังขึ้นเป็นจังหวะหนักแน่นสลับกับเสียงแผ่วเบาที่ก้าวอย่างไม่มั่นใจนักเพราะความประหม่า 

ฟาร์คัสพยายามรักษาสีหน้านิ่งสงบของตัวเองไว้ทั้งๆ ที่ในใจกำลังสั่นไม่หยุด ถึงแม้ภายในห้องจะมีคนจำนวนไม่มากนักแต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นคนที่รู้จักทั้งนั้น! ความเขินอายก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนเท้าที่ก้าวนั้นหนักขึ้นเรื่อยๆ 

คาร์บิลัสคล้ายกับรู้สึกถึงความผิดปกติของฟาร์คัสจึงหันไปยิ้มให้และบีบมือที่จับอยู่เบาๆ 

ฟาร์คัสมองกลับตาเขียวแต่หน้าแดงก่ำไปถึงลำคอ แต่ก็ฝืนเดินต่อจนถึงแท่นพิธีที่ทำจากหินสลักสีดำ

ร่างชราที่เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นอดอมยิ้มไม่ได้ รู้สึกเอ็นดูในตัวฟาร์คัส ถึงแม้ว่าตอนแรกจะรู้สึกงุนงงที่คาร์บิลัสเลือกปีศาจอีกาที่เป็นชายไม่ใช่หญิงอย่างที่ควรเป็น แต่พอรู้จักตัวตนและนิสัยของปีศาจอีกาก็เข้าใจและไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนอะไร เพราะดินแดนปีศาจนั้นให้ความสำคัญกับอย่างอื่นมากกว่าเรื่องเพศ

"พิธีแต่งงานของดินแดนปีศาจจะเน้นความเรียบง่าย พิธีนี้ดำเนินไม่นานก็เสร็จแล้วล่ะ ปีศาจอีกา" กล่าวเชิงหยอกล้อเมื่อเห็นท่าทีประหม่าของฟาร์คัส

ฟาร์คัสสะดุ้งเมื่อตัวเองถูกเอ่ยถึงพยายามอย่างยิ่งยวดในการควบคุมตัวเอง 

คาร์บิลัสหัวเราะเบาๆ นัยน์ตาจ้องมองฟาร์คัสอย่างอ่อนโยน มุมปากเผยรอยยิ้มนิ่มนวลผิดวิสัยที่ทำเอาแขกและเพื่อนๆ ของคาร์บิลัสมองกันตาค้าง

คาร์บิลัสมันยิ้มอย่างนี้เป็นด้วย??? 

วินตัสกับซัคคาร์มองหน้ากันเองอึ้งๆ คิดแบบเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย 

น่าเสียดายที่ปฏิกิริยาของฟาร์คัสนั่นต่างออกไปเพราะเจ้าตัวพยายามเบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่สบตาคาร์บิลัส

คาร์บิลัสมองตามหงอยๆ รอยยิ้มหายไป

 
 
   

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1

"ดัฟฟ์ กริสเซล" ปีศาจชราเอ่ยเรียกเสียงดังกังวานก่อนที่จะตามด้วยเสียงดนตรีบรรเลงอย่างเชื่องช้าและอ่อนนุ่ม ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและขวยเขิน

สาเหตุที่ดัฟฟ์และกริสเซลไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยงเพราะต้องมาช่วยทำพิธีนี้ ทั้งสองอยู่ในชุดสีดำทางการยิ้มกว้างร่าเริงในมือถือพุ่มดอกไม้ที่มีแหวนสองวงประดับอยู่ตรงกลางแต่ของกริสเซลนั้นเป็นพานที่มีมีดด้ามสีดำสนิทวางอยู่ 

ดัฟฟ์เดินไปหาฟาร์คัสและยิ้มจนตาหยียื่นมันให้กับฟาร์คัส "แม่ แม่ มีความสุขมากๆ น้า แก๊ซ"

ฟาร์คัสคลี่ยิ้มอย่างอดไม่ได้และลูบหัวดัฟฟ์จนยุ่งเหยิง "ขอบใจ" หยิบแหวนสองวงที่เป็นสีดำสนิทราวกับว่ามันเป็นรัตติกาลอันมืดมิดจนแสงไม่อาจส่องถึง

"พิธีแรกจะเป็นการสวมแหวน เจ้าไม่ต้องกล่าวปฎิญาณอะไร"

ฟาร์คัสพยักหน้าหงึกหงักหยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมาและกระตุกมือคาร์บิลัสที่แกล้งชักหนีให้กลับมาหาตัวเอง แต่แรงของราชาปีศาจก็ย่อมเยอะกว่าปีศาจอีกาที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย ทำให้มือของคาร์บิลัสหลุดออกไปอย่างง่ายดาย คาร์บิลัสเลิกคิ้วและยิ้มยียวนฟาร์คัส

"ไอ้แพะเวร เอามือเจ้ามา!" ฟาร์คัสทำปากขมุบขมิบไม่กล้าตวาดด่า รู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเขินอาย

คาร์บิลัสหลุดหัวเราะเบาๆ ยอมยื่นมือให้อย่างว่าง่าย มองฟาร์คัสนิ่งงันจนคล้ายกับจะกลืนกินเข้าไปทางสายตา โชคดีที่ฟาร์คัสยังไม่เห็นมันจึงสวมแหวนนั้นให้กับคาร์บิลัสได้อย่างง่ายดาย และทำท่าจะหยิบแหวนอีกวงนึงใส่ให้ตัวเองแต่ก็ช้าไปกว่าคาร์บิลัสที่แย่งทั้งแหวนและดึงมือมาหัวตัวเอง

ฟาร์คัสเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นสายตาของคาร์บิลัส ไม่กล้าสบตาราชาปีศาจ

คาร์บิลัสยิ้มพอใจ แต่ในอกรู้สึกดีเอามากๆ เพราะสามารถทำให้ฟาร์คัสเขินอายมากกว่าปกติเป็นเท่าตัว ความรู้สึกฮึกเหิมเล็กๆ นี่ทำเอาเผลอดึงมือฟาร์คัสมาและโน้มหน้าลงไปจูบเบาๆ ที่หลังมือก่อนจะสวมแหวนเข้าไปอย่างบรรจง

"คาร์บิลัส!" ฟาร์คัสเอ็ดเบาๆ ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ ทั้งๆ ที่หน้ายังแดงก่ำ

นี่เจ้าแพะปัญญาอ่อนจะทำให้ข้ามองหน้าใครไม่ติดเลยรึไงกัน!

"ต่อไปเป็นพิธีกรีดเลือดสาบานของราชาปีศาจ  ในพิธีนี้ปีศาจอีกาอย่างเจ้าไม่ต้องทำอะไร" ร่างชราหันไปสบตากับนักดนตรีเชิง
ให้หยุดเล่นเพลงซึ่งเหล่านักดนตรีก็ทำตามอย่างรวดเร็ว

คาร์บิลัสระบายลมหายใจออกมาช้าๆ หยิบมีดขึ้นมากรีดแขนตัวเองอย่างไม่ลังเลจนเกิดแผลฉกรรจ์

ฟาร์คัสสะดุ้ง "คาร์บิลัส เจ้าทำอะไรน่ะ!" หน้าซีดเผือด

คนเป็นราชาปีศาจไม่ได้ตอบแต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและทรงอำนาจจนทุกร่างในภายในห้องนั้นขนลุกชัน "ข้าขอสาบานว่าข้าจะรักและซื่อสัตย์ต่อชายาของข้า ปีศาจอีกา ฟาร์คัส หากข้าผิดคำพูดขอให้ข้าถูกผืนแผ่นดินเรียกกลับ สัตว์ปีศาจพิโรธ ชีวิตวอดวาย แม้แต่เถ้ากระดูกก็ขอให้ลุกเป็นไฟ!"

ถ้อยคำแต่ละถ้อยที่ถูกเอ่ยมานั้นล้วนดังก้องในหูและคล้ายกับฝังลึกลงในจิตวิญญาณของเหล่าพยานทั้งหลายในห้อง หยดเลือดที่หยดออกจากร่างกายคาร์บิลัสแปรเปลี่ยนเป็นตัวอักษรปีศาจโบราณและแทรกซึมลงไปในวิญญาณของคาร์บิลัส ซึ่งมันก็พร้อมจะพิโรธออกมาหากคาร์บิลัสผิดคำพูด

เมื่อกล่าวจนจบคาร์บิลัสก็ว่ามีดลงบนพานเหมือนเดิม ใช้มืออีกข้างลูบรอยกรีดที่เหลือเพียงรอยจางๆ อย่างน่าอัศจรรย์เพราะเวทย์รักษาของฟาร์คัส ที่ตอนนี้เจ้าของเวทย์มองมาอย่างเป็นห่วง

คาร์บิลัสคลี่ยิ้มและส่ายหัวเบาๆ เชิงว่าแค่นี้สบายมาก

"ทะ ท่านคาร์บิลัสขอรับ!"

แต่จู่ๆ บรรยากาศชื่นมื่นก็ถูกขัดด้วยเสียงแหบห้าวของกริสเซล

กริสเซลตัวสั่นเทาไปทั้งตัวจนพานสั่นกึกๆ ความตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอไอดอลตัวเองนั้นรุนแรงมากเกินไปจนตาพร่า แค่สามารถบังคับตัวเองให้ตะโกนเรียกท่านคาร์บิลัสทั้งๆ ที่ยืนใกล้กันแค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

"หืม? เรียกข้าทำไม" คาร์บิลัสก้มมองไม่มีท่าทีหงุดหงิดใดๆ แม้ว่าพิธีนี้จะเป็นพิธีที่ตัวเองตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอดก็ตาม

"ยะ ยินดีด้วยนะขอรับ ข้า ข้าขอให้ท่านคาร์บิลัสมีความสุขมาก มากๆ เลย" กริสเซลพูดรัวจนลิ้นพันกันไปหมด

คาร์บิลัสหัวเราะมือหนาขยี้หัวสีส้มแสบตาจนยุ่งเหยิงและผลักออกไปเบาๆ "ขอบใจ แต่ตอนนี้เจ้าช่วยออกไปได้แล้ว ข้าจะทำพิธี"

นี่น่าจะเป็นความใจดีที่สุดของคาร์บิลัสแล้วที่จะให้ได้ในตอนนี้ หากกริสเซลเรียกร้องมากกว่านั้นอาจจะไม่ใชแค่โดนไล่อย่างนุ่มนวลแต่เป็นการโยนออกจากห้องแทน

โชคดีที่กริสเซลดีใจจนเนื้อเต้น เดินล่องลอยออกไปอย่างว่าง่ายเลยไม่โดนขั้นกว่าของคาร์บิลัส

"ต่อไปพวกเจ้าก็สาบานตนกันแล้วก็จบพิธีด้วยการจูบ"

ฟาร์คัสอดสะดุ้งในคำสุดท้ายไม่ได้ จากสีหน้าเฉยๆ เริ่มตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด

ผิดกับคาร์บิลัสยังคงมีสีหน้าระรื่นรอจนกระทั่งนักดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงที่มีทำนองปลุกเร้าอารมณ์ให้เลือดในกายแตกพล่านฮึมเหิมซึ่งมันก็เป็นลักษณะดนตรีโดยส่วนใหญ่ของชาวปีศาจ

ชาคอสค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปหานายของตนเองอย่างเชื่องช้า ชุดสีดำเนียนกริบยาวลากพื้น เมื่อหยุดยืนตรงหน้าคู่บ่าวสาวก็ค้อมกายลงสุดเพื่อทำความเคารพต่อนายที่มันตั้งใจจะจงรักดีที่สุดในชีวิต ใบหน้านิ่งไร้อารมณ์เงยขึ้นมาและยื่นพานที่วางด้วยมงกุฎสีดำที่ถูกสานขึ้นจากเหล็กเนื้อดีให้กับคาร์บิลัส มงกุฎนั้นถูกสานขึ้นเป็นรูปคล้ายขนนกไขว้กันอย่างเหมาะเจาะจนกลายเป็นมงกุฎขนาดย่อมที่สามารถนำไปใส่หัวของชายาของราชาปีศาจได้พอดี

"ขอบใจเจ้ามาก ชาคอส" คาร์บิลัสพูดออกมาจากใจจริง

"ขอรับ ข้าก็ขออวยพรให้ท่านมีความสุชมากๆ เช่นกัน" ชาคอสคลี่ยิ้มตอบเจ้านายตัวเอง ส่งผลให้ใบหน้าของชาคอสดูดีขึ้นทันตาราวกับว่าเป็นคนละคน แต่ก็เพียงไม่นานที่กลับมาหน้าไร้อารมณ์เช่นเดิมและสาวเท้าไวๆ กลับไปประจำที่นั่งของตัวเอง

"อย่างว่า พิธีของพวกเราชาวปีศาจมันก็ไม่ได้มีอะไรมากเหมือนพวกมนุษย์" คาร์บิลัสพูดกลั้วหัวเราะเหลือบมองราชาแห่งเมืองมนุษย์ที่ตอนนี้ยิ้มแหยๆ หน้าซีดเผือด

เพราะทั้งคาร์บิลัสและเขาต่างจดจำถึงเหตุการณ์ครั้นที่อยู่เมืองภูตได้

การจู่โจมฟาร์คัสอย่างไร้มารยาทนั่น..

"สิ่งที่พวกเราจะสาบานกันก็แค่คำพูดความในใจหรืออะไรสักอย่างที่เจ้าอยากพูดแค่นั้น" คาร์บิลัสลูบมุงกุฎในมือตัวเองเบาๆ
ราวกับว่ามันเป็นส่วนนึงของร่างกายฟาร์คัส 

"ข้า..." ฟาร์คัสพูดเสียงเบาแก้มแดงก่ำขบกรามแน่นพยายามนึกถึงเรื่องที่ทำให้ตัวเองรู้สึกโกรธเจ้าแพะโง่นี่เพราะตอนนี้รู้สึกประหม่าจนแทบทนไม่ไหว

ทำไมข้าต้องพูดสารภาพสิ่งที่ข้าคิดต่อหน้าคนจำนวนมากมายขนาดนี้ด้วย?

คาร์บิลัสยิ้มพรายพูดเสียงกระซิบที่ได้ยินเพียงสองคน

"เจ้าไม่พูดตอนนี้ก็ไม่เป็นไรแต่เจ้าต้องพูดกับข้าตอนที่เข้าห้องหอนะ"

ฟาร์คัสถลึงตามองแพะปัญญาอ่อน เข้าใจทันทีว่ามันคิดอะไรอยู่ในหัว

แต่ข้าเสนอของมันก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดี

ปีศาจอีกาจึงพยักหน้าเบาๆ เป็นอันตกลงรับข้อเสนอของคาร์บิลัส

ทำเอาคาร์บิลัสยิ้มกว้างอย่างอดไม่อยู่ "เอาล่ะๆ พิธีสาบานตนข้ามไปแล้วกัน พวกข้าไปสาบานกันเองได้" ในขณะที่พูดก็เดินไปหาฟาร์คัสและบรรจงวางมงกุฎบนหัวฟาร์คัสอย่างนุ่มนวล

"ข้าขอให้เจ้าเป็นชายาของข้านะ ฟาร์คัส"

"อืม"

กล่าวเสียงกระซิบแต่เรื่องประหลาดคือทุกคนในห้องได้ยินมันและอดรู้สึกขวยเขินไปด้วยไม่ได้ก่อนที่จะต้องเบิกตากว้างเมื่อราชาปีศาจก้มลงจูบชายาของตัวเองกะทันหันจนเกิดเสียงเฉอะแฉะฟังดูลามกจนคนในห้องหน้าแดงไปตามๆ กันแม้ว่าแต่ละคนอายุจะล่วงเลยวัยเบญจเพศไปแล้วก็ตาม

แต่พลันเรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น

ทุกคนในห้องชะงักนิ่งอยู่ในท่วงท่าเดิมมีเพียงคาร์บิลัสและฟาร์คัสที่ยังขยับต่อได้

ผลั่ก

ฟาร์คัสต่อยไหล่คาร์บิลัสหอบแฮ่ก "ไอ้แพะเวรเอ้ย!" สบถด่าทั้งๆ ที่ยืนยังแทบไม่ไหว

คาร์บิลัสเลิกคิ้วกวนๆ "ข้าว่าก่อนที่จะมาว่าข้า เจ้าสนใจแขกร่วมงานที่มาสายที่สุดดีกว่า"

ได้ยินแบบนั้นฟาร์คัสจึงค่อยรู้สึกตัวว่าเวลารอบกายได้ถูกหยุดลงตั้งแต่แต่ตอนไหนไม่รู้จึงรีบหันซ้ายหันขวาและเห็นเข้ากับโซแวนกับ...

"วารัน!" ฟาร์คัสตกใจเป็นรอบที่สองของวัน

"เฮ้ๆ เจ้าเห็นข้าเจ้าต้องทำหน้าดีใจสิ ไม่ใช่ทำหน้าเหมือนเห็นผีแบบนี้" วารันหน้ามุ่ยและเอาหน้าซบแขนโซแวนที่ใช้แขนกอดไว้แน่น "ดูสิ ข้าอุตส่าห์มาดูความสุขของลูกข้า ดูลูกข้าทำหน้าใส่ข้าสิ โซแวน อย่างนี้ข้าเสียใจนะ"

สุดท้ายวารันก็ให้นิยามกับความสัมพันธ์ของตัวเองกับฟาร์คัสว่าพ่อกับลูกซึ่งมันก็เป็นแค่การติ๊ต่างขึ้นมาเองไม่ได้ขอคำยินยอมมาจากฟาร์คัสแต่อย่างใด

"ไร้สาระ" โซแวนแค่นเสียงตอบควักนาฬิกาตลับสีดำยื่นมันให้กับฟาร์คัส

"เดี๋ยวสิ ไอ้บ้าโซแวน เจ้าจะรีบไปไหน เจ้ารู้จักไหมว่าต้องทักทายก่อนค่อยให้ของ นี่อะไรเจ้าให้เลย เจ้าบ้าาา!" วารันโวยวายไม่จริงจังนักแต่ก็เขย่งและตะโกนใส่หูโซแวน

"ท่านมาได้ยังไง?" ฟาร์คัสรับนาฬิกาไปถือแต่ก็ยังเบลอๆ 

"ตอบตามตรงคือข้าแอบมา ฮ่าๆ" วารันยืดอกพูดราวกับพูดใจมากกับสิ่งที่ตัวเองกระทำ "แล้วก็โซแวนที่ถูกมอบหมายให้มาตามตัวชาร์เลสเพื่อนเก่าแก่ข้ากลับด้วย ข้าเลยต้องมาน่ะ ไม่สิ เจ้าคงไม่รู้จักชาร์เลส" วารันพูดเองเออเอง

ฟาร์คัสส่ายหน้า "ถ้าเป็นชาร์เลสที่คอยรับใช้ท่านโฟเทียส เขาเพิ่งจะไปจากที่นี้เร็วๆ นี้และข้าก็สัมผัสได้ว่าเขากำลังตาย"
ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้มของวารันหายไปทันทีกลายเป็นสีหน้าคร่ำเคร่ง

"งั้นข้าขอให้เจ้ากับคาร์บิลัสมีความสุขมากๆ นะ"

กล่าวจบก็รีบเข้าไปในมิติกาลเวลาทันทีเพื่อตามหาเพื่อนสนิทของตัวเองที่ไร้ซึ่งกำลังและพลังวิญญาณ ถ้าหากจะเดินไปทางไปไหนก็คงไปได้ไม่่ไกลนัก

ทำให้สิ่งที่ทั้งวารันและโซแวนต้องเผชิญกับมันอีกครั้งก็คือเวลา

ถึงแม้จะเป็นผู้ควบคุมกาลเวลาก็ตาม แต่ท่านผู้นั้นสั่งห้ามให้ย้อนเวลากลับไปช่วยชาร์เลส ตอนนี้พวกเขาจึงทำได้แค่รีบตามหาให้ไวที่สุด

เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ชาร์เลสจะได้รับ

----------------

ตอนนี้ยาวมากกกกกกกกกกกก  :a5:

เหมือนวันรวมญาติเลย 55555555 มาเกือบทุกคน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ฮือออออ ฟาร์คัสเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว นึกว่าจะไม่ได้แต่งงานซะละ

(สงสารชาร์เลส ถ้าโฟเทียสมีชายาแล้วก็ตัดใจเถอะ แต่ก็ไม่รู้อีกล่ะว่าถ้ากลับไปแล้วจะทำอะไรต่อ เพราะยังไงๆโฟเทียสก็ไม่หันกลับมามองอยู่แล้ว....T T)

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
เมื่อผู้ควบคุมกาลเวลาจากไปเวลาในห้องก็กลับมาดำเนินต่ออีกครั้ง เหล่าพยานในงานต่างงุนงงเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าซึมของฟาร์คัสแทนที่จะเป็นขวยเขินแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีใครกล่าวอะไรออกมา

คาร์บิลัสลูบหัวฟาร์คัสและเหลือบมองปีศาจชราที่มาช่วยตัวเองทำพิธี "ขอบคุณท่านมากที่มาช่วยทำให้พิธีให้ข้า ส่วนพิธีที่เหลือข้าทำเองได้" แต่ประโยคสุดท้ายหันไปยิ้มกรุ่มกริ่มใส่ฟาร์คัส

ฟาร์คัสแอบหยิกมือคาร์บิลัสที่อีกมืออยู่ที่เอวแต่มันก็ไม่สามารถทำให้คาร์บิลัสสะดุ้งสะเทือนอะไรนัก

"มันเป็นหน้าที่ของพวกข้าอยู่แล้ว คาร์บิลัส" ปีศาจชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม 

"ขอบคุณที่พวกเจ้ามาช่วยทำพิธีแต่งงานของข้านะ" ครั้งนี้คาร์บิลัสกวาดสายตามองพวกนักดนตรี ปีศาจตนอื่นๆ ที่มาช่วยทำพิธีแต่งงานและมาจบที่พวกพยานที่เชิญมา "ขอบใจพวกเจ้าด้วยที่มาแสดงความยินดีกับข้า ไม่ว่าเจ้าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม" 

กษัตริย์เมืองโฮรัสสะดุ้งเฮือกพยายามยิ้มประจบคาร์บิลัส

เมื่อไหร่พิธีเวรๆ นี่จะจบสักที! 

คิดในใจทั้งๆ ที่ยังยิ้มหน้าซื่อ

คาร์บิลัสกลอกตาเบื่อๆ รับรู้ถึงรอยยิ้มไม่จริงใจจึงเบนสายตาไปทางอื่น "เอาเถอะ ข้ามีของตอบแทนน้ำใจของพวกเจ้าที่มาเหมือนกัน" ล้วงหยิบมันออกมาจากกระเป๋าและกลิ้งเล่นในมือ

เสียงฮือฮาแตกตื่นดังขึ้นในห้องทันทีเพราะสิ่งที่อยู่ในมือคาร์บิลัสนั้นขึ้นชื่อว่าหายากมากๆ ครั้งล่าสุดที่มันปรากฎขึ้นคือเมื่อร้อยปีที่แล้ว 

"คาร์บิลัสนี่เจ้าไปเอาผลเฟลมิชมาจากไหน?" ซัคคาร์ถามอึ้งๆ จ้องมันตาเป็นประกาย

เพราะผลเฟลมิชขึ้นชื่อเป็นผลที่ช่วยเพิ่มพละกำลัง พลังเวทย์ อายุ ไหนจะเรื่องการรักษาอาการป่วยร้ายแรงให้หายเป็นปลิดทิ้งอีกเรียกได้ว่ามันเป็นของที่เป็นที่ต้องการของทุกดินแดนมาก ทำให้ราคาของมันดีดตัวสูงลิบลิ่วหากเอาไปขายได้คงสามารถอยู่สบายๆ เป็นปี

"มันขึ้นอยู่ในห้องนอนข้า ข้าก็เลยเก็บๆ มาแจกน่ะ" คาร์บิลัสกล่าวยิ้มๆ มองลูกเฟลมิชที่มีลักษณะกลมดิกและมีสีสันสดใสคล้ายสายรุ้งอีกทั้งยังมีละอองสีทองฟุ้งอยู่รอบๆ ตลอดเวลา ทำให้แค่มองก็ยังรู้สึกถึงความล้ำค่าของมันได้ง่ายๆ

ซัคคาร์แค่นเสียงหัวเราะเพราะรู้ดีว่ามันก็เป็นแค่ข้ออ้างไปทั่วของคาร์บิลัส เพราะต้นเฟลมิชนั้นขึ้นยากมากและบอบบางเอามากๆ   

คาร์บิลัสฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดีก่อนจะใช้ช่วงจังหวะที่ฟาร์คัสเผลอรวบตัวฟาร์คัสขึ้นอุ้มอย่างรวดเร็วจนฟาร์คัสขัดขืนไม่ทัน

"ที่เหลือ ข้าฝากด้วยนะชาคอส" 

"ขอรับ" ชาคอสรับคำยิ้มนิดๆ รู้สึกตลกที่เห็นท่านคาร์บิลัสเปลี่ยนสีหน้าขรึมเป็นเศร้ามากเมื่อถูกท่านฟาร์คัสมองตาเชียวขมุบขมิบปากที่น่าจะเป็นคำด่า

ปัง

ประตูถูกเปิดด้วยเวทและกระแทกปิดพร้อมกับการหายไปของคู่บ่าวสาว

"แย่แล้ว ซัคคาร์" วินตัสลูบอกตัวเองหายใจไม่ทั่วท้อง "ข้ารู้สึกเหมือนมีคนกำลังสาปแช่งข้าอยู่!" ความรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไปทั้งตัวแบบนี้มันต้องใช่แน่ๆ

"ข้าว่าก็มนุษย์หน้าโง่นั่นน่ะแหละ ที่สาปแช่งเจ้า" ซัคคาร์มองวินตัสด้วยสายเบื่อๆ "ก่อนมาเจ้าไปทำอะไรมันไว้ล่ะ?"

วินตัสหน้าแดงหัวเราะแห้งๆ

"ข้ารำคาญที่มันโวยวายไม่ให้ข้าไปสักที ข้าเลยใช้มือฟันท้ายทอยเจ้ามนุษย์หน้าโง่นั่นสลบไปเลย"

"..."
 

"คาร์บิลัส เจ้าว่าชาร์เลสจะกลับมาได้ไหม?" ฟาร์คัสพูดซึมๆ แม้ว่าจะพยายามสลัดเรื่องนี้ออกจากหัวยังไงแต่ก็ทำไม่ได้สักที ใน
หัววนเวียนแต่สีหน้าของชาร์เลส

"ข้าไม่รู้" คาร์บิลัสตามตอบตรงขณะที่ใช้หลังดันประตูห้องหอให้เปิดออก "เจ้าก็รู้ ฟาร์คัส ว่าเรื่องบางเรื่องต่อเจ้าอยากช่วยแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้ สิ่งที่เจ้าทำได้มันก็แค่การอวยพรให้ชาร์เลสเท่านั้น"

คาร์บิลัสเคยผ่านประสบการณ์พวกนี้มาอย่างโชกโชนเรียกได้ว่าชินชาก็คนใกล้ตัวเลยก็ว่าได้ทำให้คำตอบนั้นอาจจะดูขัดหู

ฟาร์คัสไปบ้างแต่มันก็เรื่องจริงที่คาร์บิลัสเข้าใจมันและรับรู้มาตลอด

ไม่ว่าใครก็ล้วนมีชะตากรรมของตัวเองทั้งนั้น

ฟาร์คัสเงียบหลุบตาลงต่ำมือลูบขนนกที่ชาร์เลสให้มาเบาๆ

แต่สีหน้าของชาร์เลสนั้นเจ็บปวดเหลือเกินราวกับการใช้ชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่หนักหนาเกินไปสำหรับเขา นัยน์ตาสีสวยนั้นคล้ายกับสะท้อนข้อความออกมาว่าเหนื่อยเกินกว่าจะใช้ชีวิตต่อแล้ว ชีวิตที่ทุกลมหายใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

หรือว่าความตายที่ข้าไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับชาร์เลสนั้น เป็นสิ่งที่ปราณีที่สุดแล้วสำหรับชาร์เลส

ข้าควรจะอวยพรเจ้าว่าอะไรดีเพราะดูเหมือนว่าเจ้าไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว..

"อย่าเศร้านักสิ ข้าอุตสาห์ลงทุนให้ชาคอสไปเมืองมนุษย์เพื่อศึกษาการทำห้องหอเลยนะ" คาร์บิลัสพยายามเปลี่ยนเรื่องและพยักพเยิดให้ฟาร์คัสมองไปบนเตียง

ฟาร์คัสมองตามก็หลุดขำออกมา

บนเตียงมีกลีบดอกไม้วางเรียงกันเป็นรูปหัวใจ ตรงกลางมีตุ๊กตาแพะปีศาจที่กำลังทำหน้าขรึมในปากคาบดอกกุหลาบสีแดงสดที่ทำจากผ้า

"อย่าบอกว่าแพะนั่นก็คือเจ้า?" 

ฟาร์คัสถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบ
 
"แน่นอนสิ! แพะน่ารักๆ ตัวนั้นต้องเป็นข้าอยู่แล้ว" 

ฟาร์คัสส่ายหน้ากับความปัญญาอ่อนของคาร์บิลัส "แล้วเจ้าจะปล่อยข้าลงได้รึยัง?" 

คาร์บิลัสทำหน้ากรุ้มกริ่ม "ได้สิ แต่ต้องให้ข้าปล่อยเจ้าบนเตียงนะ"

"… ปล่อยข้า" ฟาร์คัสพูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

"เจ้าตกลงงั้นเหรอ! ดีจัง" คาร์บิลัสกระดี้กระด้าทันทีถลาเข้าไปที่เตียงแล้วปล่อยฟาร์คัสลงอย่างนุ่มนวลและหยิบแพะที่นอนข้างๆ มาวางบนตักฟาร์คัส  "ข้ารู้เจ้าต้องคิดถึงข้าเวลาข้าไปทำงาน" 

ฟาร์คัสลูบหัวแพะปัญญาอ่อนในร่างตุ๊กตาซึ่งก็พบว่ามันนุ่มเอามากๆ "เจ้าคิดไปเองทั้งนั้นคาร์บิลัส"

"เจ้าแน่ใจ?" 

คาร์บิลัสทิ้งตัวนั่งข้างฟาร์คัสแล้วดึงมือมาลูบเล่น

".. แน่สิ" ตอบไม่เต็มเสียงหน้าเริ่มแดงเพราะเริ่มจะเดาสิ่งที่แพะนี่คิดออก

คาร์บิลัสดึงมือฟาร์คัสไปจูบเบาๆ และใช้มันแนบแก้มตัวเอง "เรื่องสาบานเจ้าไม่ต้องสาบานหรอก ข้าเชื่อใจเจ้า" แล้วยิ้มบางๆ ให้ฟาร์คัส

"…" 

นี่มันยิ่งกว่าการให้พูดสาบานซะอีก ไอ้แพะบ้าเอ้ย!

"ข้าไม่เคยมีความรักมาก่อน" ฟาร์คัสหลับตานิ่งปล่อยให้ความรู้สึกตัวเองล่องลอยในหัวแล้วพูดออกไป "ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าไปชอบแพะปัญญาอ่อนแบบเจ้าตอนไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำทำไมถึงยอมปล่อยให้เจ้ามายุ่มย่ามกับชีวิตข้า ทั้งๆ ที่เจ้าเป็นแค่ราชาปีศาจงี่เง่าที่มาไล่จับนกเท่านั้น อาจจะเพราะเจ้าเป็นคนแรกล่ะมั้งที่ดีกับข้าขนาดนี้ แต่มันก็ไม่สำคัญหรอกเพราะตอนนี้ข้ารักเจ้าแล้ว คาร์บิลัส"

ทั้งๆ ที่ยังหลับแต่กลับรู้สึกหน้าร้อนไปทั้งหน้า

เวรเอ้ย นี่มันน่าอายชะมัด

ฟาร์คัสสบถในใจและทำใจรอรับคำพูดหวานเชื่อมที่มักจะหลุดออกมาจากคาร์บิลัส แต่พอรอไปสักพักก็พบว่าเจ้าแพะโง่นี่มันไม่พูดอะไรสักที ก็ยอมลืมตาขึ้นมามอง

เห็นคาร์บิลัสนั่งนิ่งในท่าเดิมสีหน้าตกอกตกใจมองมาทางข้าอึ้งๆ

แค่การที่ข้าพูดความในใจข้าบ้าง มันน่าตื่นตกใจขนาดนั้นเชียว?

ฟาร์คัสขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะสะดุ้งเมื่อคาร์บิลัสโถมกอดตัวเอง

"ฟาร์คัส! นี่ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมเนี่ย" คาร์บิลัสหัวเราะจนตัวโยน พูดรัวเร็วด้วยความตื่นเต้นปนดีใจ "เจ้าพูดแล้ว เจ้าพูดแล้ว! ฮ่าๆๆ"

"เออ ช่วยหุบปากสักที" ฟาร์คัสเอ็ดเสียงดุ

"ข้าดีใจชะมัด ข้าอยากให้มีแบบวันนี้ทุกวันจัง ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ข้าต้องดีใจมากแน่ๆ"  คาร์บิลัสดีใจเหมือนเด็กๆ 

ฟาร์คัสเม้มปากไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

จะให้ข้าพูดทุกวันมันก็ไม่ใช่เรื่องมั้ง แพะเวร แต่สีหน้าที่ดูดีใจเกินไปนั่ั้นก็อาจจะทำให้ข้าพูดดีๆ กับมันบ่อยขึ้นล่ะมั้ง ทุกวันเกิดเป็นไง? นั่นน่าจะเพียงพอแล้วนะ

แต่จู่ๆ คาร์บิลัสกลับเลิกหัวเราะและทำหน้าจริงจังใส่ฟาร์คัส

"อะไรของเจ้าอีก" ฟาร์คัสถามงงๆ เริ่มตามความคิดของราชาปีศาจไม่ทันที่ดูจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไวซะเหลือเกิน

"พิธีสาบานเสร็จแล้ว ก็ต้องทำเรื่องที่มันอยู่ในห้องหอสิ!" คาร์บิลัสยิ้มพราย

ฟาร์คัสหลบตาคาร์บิลัสทันทีไม่ได้ขัดขืน "อืม" แต่กลับพบว่ามือหนาที่จับมือตัวเองนั้นก็ยังอยู่ที่เดิม ไม่ซุกซนเหมือนที่มันชอบทำ

"ฮะๆ ข้าพูดเล่นน่ะ ฟาร์คัส" คาร์บิลัสลูบหัวฟาร์คัส "ข้าแต่งงานกับเจ้าไม่ใช่เพื่อเข้าห้องหอหรอกนะ วันดีๆ แบบนี้ข้าอยากให้เจ้าจดจำเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นวันนี้มากกว่า"

สีหน้าฟาร์คัสติดจะงุนงงทีแรกและเปลี่ยนเป็นยิ้มจางๆ ทีหลัง

"ตอนนี้ก็นอนกันเถอะ ข้ารับประกันได้เลยว่าเตียงอันนี้นุ่มมากจนเหมือนเจ้าถูกวิญญาณเลยล่ะ!"
 

------------------------------------------

ตอนนี้ 20 หน้าแน่ะ  o22 เยอะจนตกใจเลยค่ะ 555555

ตอนหน้าจะเป็นตอนพิเศษของชาร์เลสค่ะ รอดไม่รอดต้องมาลุ้นกันน   :z10:

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า กอดดดด  :man1:

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ลุ้นกับชาเลส จะรอดไหมนะสงสารเบาๆ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
รอตอนหน้า โอ้ยยยย

ฝั่งนี้ก็ชาร์เลส ฝั่งนู้นก็เวสเปอร์


เครียดจัด T T

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อ่อยย!! แต่งล้าว แต่แอบมีมุมเศร้าๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนพิเศษ - ชาร์เลส
 
หากเจ้าเกิดเป็นหมูจงอย่าได้หลงรักคนที่เลี้ยงเจ้าเด็ดขาด เพราะสิ่งที่เขาต้องการจากเจ้าไม่ใช่ความรักแต่เป็นเนื้อหนังของเจ้าต่างหากเล่า

นั่นเป็นนิทานที่เขาคนนั้นเล่าให้ข้าฟังตอนที่เขาสร้างข้าในวัยเด็กขึ้นมาพร้อมกับคนอื่นๆ สีหน้ารอยยิ้มและท่าทางเอ็นดูในตัวพวกข้านั้นเหมือนจริงเหลือเกินจนข้าอดที่จะคิดมากไปกว่านั้นไม่ได้

ใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างบรรจง ผมสีทองสว่างทิ้งตัวคลอเคลียกับใบหน้าได้รูป ร่างกายสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรง อาภรณ์บนร่างที่เป็นสีขาวบริสุทธิ์ ทุกอย่างดูสูงค่าเหมาะสมกับฐานะของเขา

ผู้ที่สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้กับห้วงอากาศอันว่างเปล่าพวกนี้ และยังมีฐานะเป็นบิดาโดยชอบธรรมของข้าด้วย ข้าถือกำเนิดมาจากเขา เติบโตมากับเขา ความรู้ที่มีก็ล้วนมาจากเขา ทุกอย่างในชีวิตข้าล้วนขึ้นตรงกับเขา จนเหมือนกับข้าขายวิญญาณให้เขาไปแล้ว ทั้งๆ ที่เขาโอกาสข้าให้ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของเขาและใช้ชีวิตด้วยตัวเอง

ทั้งๆ ที่เขาสอนว่าอย่าได้กลายเป็นหมูตัวนั้นเด็ดขาด แต่ข้าก็เลือกที่จะเป็นอย่างเต็มใจ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าจุดจบสุดท้ายของตัวเองจะเป็นยังไง

เขามีชายาอยู่แล้วซึ่งถือกำเนิดมาพร้อมๆ กันด้วยซ้ำไป 

แต่ทำยังไงได้ในเมื่อรู้ตัวอีกทีข้าก็เผลอหลงรักเขาไปแล้ว เขาที่สร้างข้าขึ้นมา

ท่านโฟเทียส...

งานที่เขามอบหมายให้ข้าทำ ข้าล้วนรีบทำมันอย่างว่องไวและวกกลับไปหาเขาอีกจนเขาชมข้าบ่อยๆ ว่าทำงานไวดีอะไรทำนองนั้นซึ่งฟังแค่นั้นข้าก็รู้สึกดีใจแทบลอยแล้ว 

แต่ไม่รู้ทำไมไปๆ มาๆ งานที่ข้าได้รับถึงได้หนักอึ้งและยากขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะที่เพื่อนๆ รุ่นเดียวกับข้ายังสังสรรค์กันหลังจากทำภารกิจเสร็จ ข้ายังคงอยู่ในสนามรบหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้ข้าต้องอดหลับอดนอน สูญเสียพลังงาน อะไรสักอย่างที่ต้องได้รับบาดแผลบ้าง

"ดูเหมือนว่าเจ้าจะทำงานมามากแล้ว หลังจากนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระแล้วกัน ชาร์เลส" เขาว่าอย่างนั้นแล้วเอามือยีหัวข้าที่นั่งคุกเข่าอย่างนอบน้อม

"ข้า ข้าไม่ต้องการของพวกนั้นหรอก แค่ให้ข้าได้รับใช้ท่าน ข้าก็พอใจแล้ว" ข้าตอบเสียงสั่น ไม่ชินสักทีเวลาที่ต้องพูดคุยกับเขา
"อย่าคิดอย่างนั้นสิ ชาร์เลส ข้าไม่ได้สร้างเจ้ามาเพื่อรับใช้ข้าตลอดไปหรอกนะ" ผู้ทรงอำนาจยิ้มเอ็นดูตวัดมือในอากาศและเกิดภาพวิวทิวทัศน์ต่างๆ มากมาย โลกที่ข้าสร้างขึ้นมานั้น ยังรอให้เจ้าไปค้นหามันอยู่นะ"

ข้ามองตามภาพพวกนั้นถึงแม้จะคิดว่ามันสวยแต่ก็ไม่รับรู้ถึงความอยากไปของตัวเองแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงรับใช้ท่านโฟเทียสตลอดชีวิต เฝ้ามองนายเหนือหัวของข้ามีความสุขและเอ็นดูข้าบ้างเป็นครั้งคราว แค่นี้ข้าก็พอใจแล้วเรื่องการออกไปท่องเที่ยวหรือค้นหาความหมายของชีวิตอะไรนั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการสักนิด

"ข้าอยากรับใช้ท่านขอรับ" ข้าพยายามสบตากับเขาในขณะที่พูด บางทีความคิดภายในหัวข้าอาจจะส่งถึงเขาบ้าง จะให้ข้าพูดมันออกมางั้นเหรอ? หึ ข้าไม่กล้าหรอก

แต่ไม่รู้ทำไมนัยน์ตาทรงอำนาจนั่นกับกระตุกวูบและฉายแววโกรธขึ้ง

"เจ้าอาจจะยังไม่เคยท่องเที่ยวเลยไม่เข้าใจว่ามันสนุกขนาดไหน เอาเป็นว่าข้าสั่งให้เจ้าไปเที่ยวจนกว่าข้าจะพอใจแล้วค่อยกลับมาแล้วกัน"

ทั้งๆ ที่เหมือนสิ่งที่เขาพูดจะหวังดีต่อข้าแต่ทำไมสิ่งที่สะท้อนออกมาจากนัยน์ตานั้นกลับเต็มไปด้วยความรำคาญ ท่านโฟเทียสอาจจะคิดว่าข้าสนใจแค่รอยยิ้มบนใบหน้าท่านแต่หารู้ไม่ข้าชมชอบนัยน์ตาท่านมากกว่ารอยยิ้มพวกนั้นซะอีก

ท่านโฟเทียสกำลังโกหก... ในความเป็นจริงแล้วข้ารู้ดีว่าวิญญาณของข้าบอบช้ำเกินกว่าจะรับใช้ท่านโฟเทียสได้แล้ว การสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมานั่นเป็นเรื่องง่ายดายแต่การรักษาดวงวิญญาณนั่นเป็นเรื่องยากเสียเวลาและเปลืองพลังมาก ฉะนั้นการโยนข้าทิ้งน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาเลือกให้ข้าแทนการกำจัด

เขาอาจจะคิดว่าข้าโง่ ใช่.. ข้าอาจจะโง่ที่กลายเป็นหมูตัวอ้วนที่ตอนนี้เหลือเพียงกระดูกและเนื้ออันน้อยนิดในการใช้ชีวิต แต่ข้ากลับเต็มใจที่จะทำมันทั้งๆ ที่ในอกเหมือนพังทลาย

หัวใจของข้าด้านชา น้ำตาหลั่งรินแม้แต่ในดวงวิญญาณ

"ขอรับ ข้าจะลองไปดู" ข้าปั้นใบหน้ายิ้มแย้มตอบ ทั้งๆ ที่มือนั้นสั่นเทา

ข้ารู้ดีว่าถ้าหากข้าตอบปฏิเสธไป ความปราณีที่มีอยู่น้อยนิดของท่านโฟเทียสจะหายไปและข้าก็อาจจะถูกกำจัดในที่สุด สำหรับท่านโฟเทียสแล้วการกำจัดข้าทิ้งคงง่ายยิ่งกว่าการถอนหายใจซะอีก ฉะนั้นข้าเลือกที่จะไม่เสี่ยง สิ่งสุดท้ายที่ข้าต้องการในชีวิตคือการโดนเขาฆ่า

"อ่า งั้นก็ดี ข้าจะให้พลังเจ้าเล็กๆ น้อยๆ ถือเป็นของขวัญก่อนจากกันนะ" เขายิ้มแล้ววาดวงเวทบางอย่างบนหัวข้าก่อนที่ข้าจะรู้สึกสะท้านไปทั้งวิญญาณเมื่อถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ของท่านโฟเทียสแทรกซึมเข้ามา

พละกำลังในร่างเหมือนจะเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย

"ขอบคุณท่านมากที่ให้โอกาสข้า"

ไม่เลย ข้าไม่อยากได้โอกาสนี่สักนิดเดียว! ข้ากู่ร้องในใจนึกอยากร้องไห้ออกมาเต็มทน 

"นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรได้รับมานานแล้ว ชาร์เลส" เขาว่าจบก็ตวัดมือหนึ่งครั้ง

ภาพตรงหน้าข้ากลายเป็นภาพวูบไหวทันที

ข้ากำลังโดนเคลื่อนย้ายไปสักที่ในโลกที่เขาสร้างขึ้นมา... 

น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินออกมาจากตาข้าอย่างควบคุมไม่ได้ ข้าพยายามปาดมันทิ้งก็พบว่าไม่สามารถทำได้เพราะมันออกมาเรื่อยๆ เหมือนเป็นน้ำตกหรืออะไรสักอย่าง

ข้าเกลียดตัวเองเหลือเกินที่รู้ทั้งรู้สุดท้ายมันจะจบแบบนี้ ก็ยังดื้อดึงเป็นหมูตัวนั้น

ข้ารู้ดีว่าท่านโฟเทียสไม่ได้ใจดีหรือเปี่ยมไปด้วยเมตตาอย่างที่พวกมนุษย์หรือใครเข้าใจ ความจริงแล้วเขานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาหากเจ้าหมดประโยชน์ก็จะถูกกำจัดทิ้ง หากเจ้ายังมีประโยชน์เขาก็ทำดีด้วย นี่เป็นสิ่งที่ข้าสัมผัสได้มาตลอดตั้งแต่วัยเยาว์
รอยยิ้มพวกนั้นล้วนมาจากการเสแสร้ง มืออุ่นๆ ที่ลูบหัวข้าก็เป็นเพียงการกระทำที่ฝืนกระทำ  ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นภาพมายาที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการปกครองพวกเรา 

บางครั้งข้าก็คิดว่าหากข้าโง่เขลาหรือช่างสังเกตน้อยกว่านี้ก็คงดีเพราะมันอาจจะทำให้ข้าเชื่อสนิทใจและมีความสุขมากกว่านี้ แต่น่าเสียที่ความจริงนั้นโหดร้ายเสมอ

ในตอนนี้ข้ามันก็เป็นเพียงแค่ของเหลือใช้เท่านั้น

หลังจากนั้นข้าก็ท่องไปในโลกอย่างที่เขาว่า ข้าเดินทางไปทั่ว ดินแดนปีศาจบ้าง ภูตบ้าง เรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ บางทีข้าก็ข้ามเวลาไปในอนาคตของพวกมนุษย์หรือจะโลกคู่ขนานข้าก็แทบไปมาหมดแล้ว

ข้าพยายามท่องเที่ยวให้มากที่สุด สวมบทบาทคนอื่นให้มากที่สุดเหมือนกับนักแสดงคนหนึ่ง เพื่อลืมเลือนว่าตัวเองเป็นใครสิ่งที่กำลังประสบคืออะไรกำลังถูกทอดทิ้งอยู่หรือเปล่า ข้าพยายามลืมๆ มันไปให้หมด ไม่อยากจะนึกถึง

แต่หลายครั้งที่ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้อย่างที่เมืองมนุษย์ในเมืองเวลล์ข้าก็เผลอหลุดปล่อยโฮออกมาตอนที่ดูดวงให้เสือดำหน้าโง่กับองค์ชายอะไรสักอย่าง พวกเขาทำให้ข้าเผลอนึกถึงคนๆ นั้นจนกดความรู้สึกที่ซ่อนลึกในใจไม่ได้จนมันประทุออกมา 
ข้ายังคงคิดถึง รัก เขาคนนั้นตลอดวินาทีที่ข้าหายใจ 

ความรักสำหรับข้าแล้วมันคงเป็นสิ่งที่โง่ที่สุดสำหรับตัวข้า

เพราะไม่ว่าวันใดวันนึง ข้าเชื่อว่าความรักของข้าเนี่ยแหละที่จะเป็นฝ่ายฆ่าข้าเอง ข้ามั่นใจ....

ไม่นานความมั่นใจของข้าก็เป็นจริงในตอนที่ข้าอยู่ในดินแดนมาร ตอนนั้นรู้สึกว่าข้าจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ตอนที่เจอผลงานของท่านโฟเทียส เขากักขังวิญญาณสุนัขจิ้งจอกขาวที่น่าสงสารเอาไว้นับร้อยปีจนมั่นคลุ้มคลั่ง หากเป็นข้าในตอนที่อยู่ข้างกายท่านโฟเทียสข้าคงไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเพราะยังเคารพในตัวเท่าอยู่

หากแต่เมื่อท่านละทิ้งข้าไว้ ข้าก็เลือกที่จะเมินเฉยต่อสิ่งที่ควรทำและทำตามใจตัวข้าเอง

ภายในอกข้าคล้ายกลับพยายามกรีดร้องถึงชื่อของท่านโฟเทียส ความคิดถึงนั้นรุนแรงจนมือข้าสั่นเทา สุดท้ายข้าก็ตัดสินใจปลดปล่อยเจ้าวิญญาณจิ้งจอกนั่นออกมาเพื่อรอรับบทลงโทษที่มีผลดีคือข้าได้เจอเขา

ทันทีที่ฆ่าทำลายรูปปั้นนั่นได้ไม่นานข้าก็ถูกกระชากกลับไป ภาพคุ้นเคยรอบตัวที่ไม่ได้เห็นมานานมากๆ กลับมาอยู่ในครรลองสายตาอีกครั้งหากแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปกลับพบกว่าสีหน้าดุร้ายของท่านโฟเทียส

"เจ้าก็รู้นี่ ชาร์เลส ว่าข้าเกลียดหมาที่เลี้ยงไม่เชื่องที่สุด" เขาคำรามออกมาเสียงดัง นัยน์ตาขึ้นแดงก่ำ

ข้ามองภาพตรงนี้ด้วยความรู้สึกแปรปรวน 

ข้าดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้งแต่ก็ทุกข์ใจเหลือเกินที่เห็นเขาเกลียดข้าขนาดนี้ แค่นี้อาจจะกรีดหัวใจข้าไม่พอล่ะมั้ง ข้างกายเขาตอนนี้ยังมีชายาที่เขารักมากๆ ยืนอยู่ด้วย

"โฟเทียส! เจ้าสัญญากับข้าแล้วนะว่าจะไปดูดาวตกด้วยกัน จะทำอะไรก็รีบๆ ทำสิ!" นางว่าพลางทำหน้าบูดบึ้งอย่างน่ารัก ส่งผลให้สีหน้าของท่านโฟเทียสดีขึ้นมาบ้าง

แต่น่าเสียดายข้าไม่ได้รู้สึกดีขึ้นตามสักนิด ไม่เลย  แม้แต่นิดเดียว 

"ได้สิ ที่รักของข้า" เขาหันไปกล่าวเสียงนุ่มที่ไม่เคยกล่าวกับข้าแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียวและหันกลับมาผลักข้าลงกับพื้นพร้อมกับถีบแรงๆ จนตัวลอยเข้าไปใกล้หลุมดำแห่งดวงดาวที่เดิมทีภายในห้องนี้ใช้สำหรับกำจัดขยะพวกกระดาษ หากแต่ในตอนนี้มันกลับจะกำจัดข้าแทน!

หากแต่ทั้งจิตใจ ร่างกายและวิญญาณของข้าบอบช้ำเหลือเกิน.. 

แรงที่จะขยับเขยื้อนเพื่อหนีออกจากมันไม่มีแม้แต่นิดเดียว ทำให้ร่างของข้าค่อยๆ ถูกมันดึงเข้าไปอย่างช้าๆ

ข้าน้ำตาไหลพรากกลั้นสะอื้นรู้สึกเศร้าโศกที่เขาไม่แม้แต่จะสนใจฟังคำพูดของข้าเลยแม้แต่นิดเดียว เขาสนใจดาวตกมากกว่าชีวิตของข้าด้วยซ้ำไป

ไอ้หมูโง่

นี่น่าจะเป็นคำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับข้า

ข้าหลับตาลงเฝ้ารอความตายที่กำลังจะมาถึงด้วยหัวใจอันนิ่งสงบ ลมหายใจสม่ำเสมอ

"โฟเทียสหลังจากนั้นท่านก็จะนอนกับข้าใช่ไหม? คิกๆ"

"แน่นอนสิ นานครั้ง ข้ากับเจ้าจะได้พักด้วยกัน"

คำพูดบาดหูคล้ายกับแรงกระตุ้นร่างกายข้า วิญญาณของข้าสั่นสะท้อนด้วยความเจ็บปวด

"ท่านน่ารักจัง ท่านว่าบุตรของเราจะเป็นหญิงหรือชายนะ?"

"ไม่ว่าจะเพศใดข้าก็รักอยู่แล้ว"

วิญญาณของข้าคล้ายกับกรีดร้องแทนข้าที่หัวใจเหมือนถูกฉีกทึ้งไม่เป็นชิ้นดี พละกำลังอันไร้ที่มาพลุ่งพล่านในตัว ข้าสูดหายใจลึกใช้มันในการพาร่างตัวเองออกจากสถานที่แห่งนี้ทันที

แม้ว่าหัวใจของข้ามันจะแตกเป็นเสี่ยงไปแล้วก็ตาม
 

ข้าฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในป่าดงดิบของดินแดนปีศาจ น่าแปลกที่ข้าไม่ได้ตายอย่างที่คิด แต่ร่างกายที่ข้าใช้อยู่นั้นกลับหนักอึ้งเหลือเกิน เหมือนกับพวกมันกำลังประท้วงข้าว่ามันไม่ไหวแล้ว

ข้าสาวเท้าไปเรื่อยในป่า หัวขาวโพลน ว่างเปล่า นัยน์ตาล่องลอย คิดไม่ออกว่าตนเองควรจะทำอะไรต่อไป
วิญญาณของข้าบอบช้ำ พลังของข้าก็หมดไปแล้ว ร่างกายก็ใกล้จะพังเต็มทน แต่สิ่งที่น่าจะเด่นชัดที่สุดในร่างข้าคงจะเป็นหัวใจอันกลวงๆ ที่มีไว้เพียงเพื่อรู้สึกเจ็บปวดแทบเจียนตายเมื่อถูกกระตุ้น

อยู่ในป่าล่องลอยได้ไม่กี่วันข้าก็ได้ข่าวการแต่งงานของราชาปีศาจจากปีศาจสักตัวที่ขึ้นขี่หลังมังกรตะโกนป่าวประกาศข่าวน่ายินดี

"ฟาร์คัส.." น้ำเสียงข้าแหบแห้ง

แต่ข้าก็พอจะจำได้ว่าข้ารู้จักคู่บ่าวสาวของงานนี้อยู่ จึงพยายามกระเสือกกระสนตัวไปงาน นี่อาจจะเป็นเป้าหมายสุดท้ายในชีวิตของข้าก็เป็นได้

การร่วมงานแต่งงานที่เต็มไปด้วยความสุขของการได้รักกัน

ซึ่งมันไม่มีวันที่จะเกิดขึ้นกับข้า...

ข้าใช้พลังที่น่าจะเฮือกเกือบท้ายๆ ของตัวเองเข้ามาในงานแต่ง  ดูเหมือนว่าข้าจะโชคดีอยู่บ้างที่เข้ามาถูกที่พอดีจึงเจอกับฟาร์คัสได้อย่างง่ายดาย ข้าพยายามทำตัวให้เป็นปกติกล่าวอวยพรอย่างที่ควรเป็นแต่ก็ทำได้ไม่ดีนักในหัวข้าเอาแต่คิดวกวันเหลือเขาคนนั้นจนกระทั่งนึกถึงของขวัญสำหรับคู่บ่าวสาวข้าก็ชะงักไป

ขนนกของนกที่ท่านโฟเทียสเลี้ยงไว้.... 

มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เป็นตัวแทนของเขาคนนั้นที่ข้าเก็บไว้ เดิมทีข้าก็เก็บสะสมข้าวของเกี่ยวกับเขาไว้พอสมควรหากแต่ตอนนี้เหลือเพียงสิ่งนี้เท่านั้น

มือของข้าล้วงเอามันออกมาและยื่นมันให้กับฟาร์คัส

แต่ตอนนี้ข้าก็คงหาของที่ดีกว่านี้ให้ไม่ได้แล้ว... อีกอย่างข้าก็คงไม่มีความจำเป็นต้องใช้มันอีก 

"ฮึก"

สุดท้ายข้าก็เผลอปล่อยโฮออกมา ข้ากล่าวลาสั้นๆ รีบปลีกตัวออกจากงานทันทีไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศไปมากกว่านี้


พลังวิญญาณถูกใช้อีกครั้งจนแทบหมดเกลี้ยง ข้านอนหอบหายใจอยู่บนพื้นหญ้ารกมองดวงอาทิตย์ช่วงบ่ายที่ส่องแสงเจิดจ้า
ตอนที่ข้าไปแดนมนุษย์เหมือนข้าจะได้ยินว่ามีคนเปรียบท่านโฟเทียสกับดวงอาทิตย์

ข้ามองมันทั้งน้ำตารู้สึกเห็นด้วยมากๆ

เพราะมันเป็นสิ่งที่สวยงามและข้าไม่มีวันได้มันมาไม่ว่าจะพยายามหรือไม่ก็ตาม

ข้าหลับตาลงเมื่อรู้สึกเจ็บร้าวทุกข์ทรมานไปทั้งร่าง วิญญาณของข้ากำลังจะแตกสลาย และข้าคงอยู่ได้อีกไม่นาน 

ข้าลืมตาขึ้นมาอีกครั้งจ้องมองท้องฟ้าสีฟ้ากระจ่างใสหวนนึกถึงภาพความทรงจำเก่าๆ ของตัวเองที่เคยกระทำ อ้อ จริงสิ ข้าเคยวาดรูปท้องฟ้าด้วยแล้วเขาคนนั้นก็ชมว่ามันสวยมาก

ไม่แน่ใจเพราะเขาคนนั้นชอบท้องฟ้าหรือเพราะความชอบของข้าเอง

ทำให้ข้ารู้สึกว่าท้องฟ้าตอนนี้สวยงามเหลือเกินแม้ว่ามันจะพร่ามัวไปด้วยน้ำตาของข้า

"ชาร์เลส! เฮ้ ชาร์เลส!"

แรงเขย่าที่ตัวข้าทำเอาข้าเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม จนครางหนักๆ ออกมา 

"..วารัน?" เสียงสั่นพร่า 

ข้าจำเสียงเพื่อนของข้าได้ วารันถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับข้าและถูกเอาไปเป็นผู้ควบคุมกาลเวลาต่างจากข้าที่คอยรับใช้ทุกอย่างแล้วแต่เขาจะใช้งาน ข้ากับวารันไม่ได้เจอกันนานมากแล้วนี่ก็น่าจะนับเป็นเรื่องที่ดีได้เจอกันอีกครั้ง
"ท่านลีวาบอกว่าอยากจะให้โอกาสเจ้าอีกสักครั้ง ท่านจะช่วยซ่อมแซมวิญญาณเจ้า ท่านลีวาอยากได้เจ้าไปเป็นคนรับใช้ข้างกายเหมือนที่เจ้าเป็นให้กับท่านโฟเทียส" 

เสียงวารันดูรีบร้อนหากแต่ใจของข้ากลับสงบ

"ข้าไม่ต้องการโอกาสโง่ๆ นี่" ข้าบอกปัดแม้ว่าในขณะที่พูดเลือดกำลังไหลออกมาจากปาก จมูกและดวงตาของข้า

ลีอา.... ชายาที่รักยิ่งของท่านโฟเทียส ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังคิดอะไร แต่ข้าไม่ต้องการความสงสารจากท่านหรอกนะ 

"ไม่สิ เจ้าต้องต้องการสิ ชาร์เลส! ฮือ เจ้าอย่าทำแบบนี้ ข้าไม่เอานะ เจ้าอย่าตายนะ ชาร์เลส" 

เสียงของวารันอู้อี้จนข้าฟังไม่รู้เรื่อง

"ฮื่อออออ" ข้าครางออกมาอย่างหนักหน่วงเมื่อรู้สึกเจ็บจนเหมือนวิญญาณกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง

ข้าพยายามลืมตาขึ้นมาอีกครั้งมองเลยหัววารันที่กำลังร้องไห้น้ำตานองหน้าขึ้นไปยังดวงอาทิตย์ที่ส่งแสงเจิดจ้ากับท้องฟ้าสีคราม

"วันนี้พระอาทิตย์สวยดีนะ"

ก่อนที่ตาของข้าจะพร่ามัวจนดับมืดไป

และทุกอย่างก็เหลือเพียงความว่างเปล่า

-------------------------------------

 :m29:

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
   
 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :sad4:

ไอ้กากโฟเทียส

 :serius2:

มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง แต่ชาร์เลสแตกสลายแล้วก็จบ ไม่มีโลกหลังวิญญาณใช่ไหมคะ??



ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
งือออออออออออออออออ ชาเลส

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จะดีหรา ไม่เอาสิ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 55 16 ส.ค 59
«ตอบ #465 เมื่อ16-08-2016 23:41:23 »

ตอนที่ 55

เสียงลมหายใจราบเรียบสม่ำเสมอข้างๆ กาย ทำเอาฟาร์คัสขมวดคิ้วมุ่นรู้สึกประหลาดใจถึงขีดสุด ที่เจ้าแพะโง่ไม่ได้ฉวยโอกาสวันเข้าห้องหอที่เจ้าตัวเหมือนจะอยากให้ถึงไวหนักหนา

"แพะโง่"

ฟาร์คัสพ่นลมหายใจออกมาไม่แน่ใจเพราะว่าผิดหวังหรือโล่งใจแล้วหลับตาลงบ้าง ทั้งๆ ที่ทำใจมาแล้วว่าอาจจะโดนไอ้แพะปัญญาอ่อนนี้ทำเรื่องแบบนั้นแต่ไม่ทำก็ดีแล้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะขยับตัวเข้าไปหาอกของคาร์บิลัสและวางมือที่เอวหนาเหมือนกอดหลวมๆ

ปีศาจอีกาหน้าเห่อร้อนเล็กน้อยเพราะไม่บ่อยนักที่ตนเองจะเป็นฝ่ายกอดคาร์บิลัสตอนนอน ส่วนใหญ่จะเป็นคาร์บิลัสซะมากกว่าที่รวบตัวเขาไปกอดแน่นทุกคืนซึ่งฟาร์คัสก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรออกจะเต็มใจด้วยสีหน้าเฉยชาด้วยซ้ำ

ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วตัวฟาร์คัสเมื่อคนที่เหมือนจะหลับไปแล้วกลับหันข้างกลับมาสวมกอดคืนแน่น

"ไอ้แพะเวรนี่เจ้าไม่ได้หลับ?" ฟาร์คัสถลึงตามองเมื่อรู้สึกถึงมือเจ้าแพะโง่กำลังลูบเอว

"..." คาร์บิลัสไม่ได้ตอบลูบต่อไปสักพักก่อนที่จะหยุดลงซะเฉยๆ

"ละเมองั้นเหรอ" ฟาร์คัสพูดพึมพำและถูกความง่วงครอบงำในที่สุด เลิกสนใจคาร์บิลัส ตั้งหน้าตั้งตานอนจริงๆ จังๆ 
เพียงเวลาไม่นานฟาร์คัสก็หลับลึกตามที่คาร์บิลัสได้โฆษณาเตียงเอาไว้ ฉับพลันคนที่ฟาร์คัสคิดว่าหลับลึกไปแล้วนั้นกลับลืมตาขึ้นมา กระซิบข้างหูหยอกเย้าเสียงเบา 

"ตอนนี้ข้าไม่ทำเจ้าก็จริง แต่หลังจากนี้ข้าจะทบต้นทบดอกเลย ฟาร์คัส"  พูดจบก็หัวเราะหึๆ ในลำคอ ลอบชิมริมฝีปากฟาร์คัสแล้วจึงนอนต่อ เพราะถ้าหากไม่นอนตอนนี้ก็คงจะควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้แล้ว

ใครใช้ให้วันนี้ฟาร์คัสน่ารัก ขี้อ้อนเป็นพิเศษล่ะ?
 

"แง้ ดัฟฟ์เบื่อวิชาประวัติศาสตร์โลกปีศาจง้า"  ดัฟฟ์งอแงทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องสอบ สีหน้าเหมือนถูกบังคับให้กินยาขม
คาอิสที่ออกมายืนข้างนอกก่อนแล้วเหลือบมองเซ็งๆ "คิดว่าข้าไม่เบื่อรึไงกัน"

"เจ้าจะเบื่อก็เบื่อไป พวกเราต้องสอบภาคทฤษฎีในการใช้ดาบด้วย" โนแลนที่คงแก่เรียนที่สุดในห้องพูดเสียงไร้อารมณ์และก้มลงอ่านสมุดจดที่ตัวเองด้วยลายมืออันเป็นระเบียบต่อไม่แยแสเสียงดังลั่นสั่นประสาทหูรอบตัว

ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาพักหลังจากสอบเสร็จซึ่งก็เพียงไม่นานเท่านั้น ทำให้ระเบียงนอกห้องเรียนค่อนข้างวุ่นวายมาก เพราะมีทั้งปรึกษากันเรื่องวิชาที่จะสอบวิชาต่อไป ทั้งบ่นเรื่องข้อสอบ ไหนจะเรื่องไปเลี้ยงฉลองหลังจากสอบเสร็จ 

"เจ้าจะอ่านไม่อ่าน เจ้าก็ได้ที่หนึ่งของห้องอยู่ดี" ลาสเพื่อนสนิทลูกชายรองแม่ทัพเจ้าระเบียบพูดสีหน้ายิ้มๆ แย่งสมุดจดจากมือโนแลนไปอ่านเพราะตัวเองไม่ได้จดแม้แต่ตัวอักษรเดียว มัวแต่เอาแต่นั่งวาดรูปร่างแบบเสื้อผ้าที่ตนจะใส่ในวันพรุ่งนี้

โนแลนไม่ได้ตำหนิอะไรเหลือบมองชุดลาสแล้วยิ้มจาง "ชุดนี้เจ้าดูดีนะ" 

มันเป็นชุดสีขาวขลิบทองเข้ากันดีกับริบบิ้นสีขาวที่ถูกใช้รวบผมสีทอง 

คนโดนชมหน้าแดงวาบมองคนพูดด้วยสายตากระอักกระอ่วน "แน่นอนสิ ข้าใส่ชุดไหนก็ต้องดูดีทั้งนั้นแหละ เอ้า เอาไปอ่านต่อไป ข้าไม่อ่านแล้ว" ยื่นคืนทั้งๆ ที่เพิ่งเริ่มอ่านได้เพียงแค่บรรทัดแรก

โนแลนหัวเราะในลำคอรับมาอ่านต่อและเผลอขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อถูกกระตุกชายเสื้อจากเพื่อนร่วมห้องที่ตัวเล็กกว่าเป็นเท่าตัว

"เจ้าได้จดวิชาต่อไปไว้ด้วยเหรอ? แก๊ซ ข้าขออ่านบ้านสิ ข้าจดไม่ทันง้า" ดัฟฟ์พูดด้วยสีหน้าน่าสงสาร

"เอาสิ" โนแลนยิ้มจาง ยื่นให้อย่างว่าง่าย เขาไม่ใช่พวกเอาตัวรอดคนเดียวอยู่แล้ว

"เหยๆ โนแลนรอบนี้ให้อ่าน คาอิส เจ้ามานี่เร็ว! ข้าว่ารอบนี้พวกเราต้องผ่านแน่ๆ" ออสการ์พรายน้ำจอมทระนงตนพูดอย่างตื่นเต้น ปกติแล้วถ้าหากพวกเขาโนแลนมาอ่าน โนแลนจะไม่ค่อยให้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร 

คาอิสที่ยืนหน้าเซ็งรีบปราดเข้ามาหาขุมทรัพย์ทันที ชะเง้อคอไปมุงอ่านสมุดจดในมือดัฟฟ์ด้วยตาเป็นประกาย คนที่เก็งข้อสอบแม่นเหมือนเป็นคนออกข้อสอบเองก็โนแลนเนี่ยแหละ!

"แง้ เยอะจัง" ดัฟฟ์บ่นขยี้ตัวเองที่เริ่มจะลายเพราะตัวอักษรที่มีมากเกินไปในสมุด

"บ่นมาก เอามานี่มา ข้าอ่านเอง" ออสการ์ชักสีหน้าทำท่าจะแย่งสมุดจากมือดัฟฟ์ไปถือครองเองก่อนที่มือขาวๆ ของพรายน้ำจะถูกตีดังเพียะ

"เพราะงี้ไงข้าถึงไม่ให้เจ้ายืม" เจ้าของสมุดพูดด้วยสีหน้าถมึงทึง มองสมุดในมือที่เกือบจะขาดเป็นสองท่อนเพราะถูกแย่งกัน ซึ่งมันก็เคยขาดมาแล้วรอบนึงด้วยฝีมือของออสการ์คนเดิม

ออสการ์ขบกรามกรอดรู้สึกจนมุมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะยังต้องพึ่งพาสิ่งที่โนแลนจดเข้าไปฝ่าฟันในห้องสอบลำพังแค่ความรู้ในหัวตัวเองคงจะไม่เพียงพอสักเท่าไหร่

ในขณะที่บรรยากาศรอบกายตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังแว่วออกมาจากมุมห้อง

"เจ้าจะอ่านกันไปทำไม? ในเมื่อพวกเราก็ต้องสอบตกอยู่ดี.." เอิร์ลปีศาจกินวิญญาณประจำชมรมผีผีผีพูดด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก 

"เจ้าไม่อยากตกก็อ่านหนังสือสิ จะมามัวพล่ามทำไม" เมื่อมีเป้าหมายใหม่เข้ามาในวง โนแลนก็ตอกเสียงดุทันที นอกจากจะดำรงตำแหน่งเป็นเพื่อนร่วมห้องแล้วโนแลนยังเป็นหัวหน้าห้องอีกด้วย  เนื่องจากบุคลิกเข้มงวด เป็นระเบียบจนอาจารย์วิชาต่างๆ ไว้วางใจ

ทั้งๆ ที่ถูกตำหนิแต่สีหน้าของเอิร์ลก็ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ร่างเล็กๆ ปัดผมหน้าม้าที่ปิดใบหน้าของตัวเองไปเกือบครึ่งออก "ข้าไม่ว่างขนาดนั้นหรอกนะ ชมรมผีผีผีต้องการสมาชิกอย่างข้า.."

โนแลนกลอกตาใส่เอิร์ลตรงๆๆ ไม่รู้ควรจะรู้สึกอย่างไรกับเพื่อนร่วมห้องคนนี้ ที่มีข้ออ้างไร้สาระเกินทน แต่นั่นก็เป็นความชอบของเพื่อนเขา เขาไม่สิทธิ์ที่จะก้าวก่ายอยู่ดี

"เอาเถอะ วันนี้ข้าอารมณ์ดี ข้าจะติวให้พวกเจ้าแล้วกัน" ลูกปีศาจรองแม่ทัพพูดอย่างใจกว้าง นานครั้งจะมีโอกาสแบบนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้าตัวไม่ได้มีอารมณ์ที่ดีทุกครั้งที่สอบ เขาอยากให้พวกเพื่อนร่วมห้องพวกนี้ทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอแต่หัวหน้าอย่างเขามาคอยติวให้ทีเดียว

"เย้!" ดัฟฟ์ร้องออกมาอย่างดีใจ อย่างน้อยมันก็ไม่ต้องอ่านตัวหนังสือยาวเป็นพรืดเองแล้ว 

"แต่เวลาพวกเรามีน้อย ข้าจะสรุปให้ฟังแล้วกัน"  โนแลนถอนหายใจ ยืนรอเพื่อนร่วมห้องที่ตอนแรกยืนกระจัดกระจายให้กลับมานั่งรวมกันแล้วจึงร่ายเวทคลุมสถานที่เพื่อปิดกั้นเสียงรบกวนและเริ่มติวให้ทันที

"แง้ ยากง่า" ดัฟฟ์แอบบ่นกระปอดกระแปดเมื่อโนแลนเริ่มร่ายยาวถึงวิธีการใช้ดาบคู่ในภาคทฤษฎีเวลาที่เจอศัตรูเป็นกลุ่มใหญ่
"แค่นี้เจ้าบ่นลองเจอเรื่องการจัดทัพสิ เจ้าร้องไห้แน่ดัฟฟ์" กริสเซลกระซิบคุย

"แก็ซ ข้าต้องสอบตกแน่เลย ง้า" ดัฟฟ์งอแง รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง แม้ว่าตอนนี้จะพอเขียนกับอ่านภาษาของปีศาจได้คล่องแล้วแต่เรื่องการหาคำตอบมาตอบวิชานี้กลับเป็นเรื่องที่หินกว่ามาก

กริสเซลหัวเราะตบไหล่ดัฟฟ์ดังแปะๆ "ไม่ต้องห่วงดัฟฟ์ นอกจากโนแลนแล้ว ไม่เคยมีใครผ่านวิชานี้หรอก"

"..." ดัฟฟ์อ้าปากค้างส่วนคนอื่นๆ ที่ได้ยินประโยคนี้พอดีต่างพยักหน้าเห็นด้วยกันเงียบๆ

"นั่นพวกเจ้าคุยอะไรกันน่ะ? ข้าพูดถึงเรื่องการถือดาบแล้วนะ" โนแลนเลิกคิ้วมองดุๆ ทุกคนจึงเลิกคุยกันและหันมาตั้งใจฟังกันจริงจัง จริงจังมากกว่าตอนเรียนในห้องซะอีก..

เว้นเสียงแต่ปีศาจเจ้าสำอางที่หยิบริบบิ้นบนหัวตัวเองมาผูกเป็นรูปต่างๆ เล่น  เมื่อรู้สึกถึงสายตาคุ้นเคยที่มองมาก็ยิ้มจางให้และหันไปให้ความสนใจกับริบบิ้นต่อ

เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฟังโนแลนอะไรมากนักเพราะส่วนใหญ่ก็ติวกันไปหมดแล้ว ซึ่งคะแนนส่วนใหญ่ที่ออกมานั้นก็เกือบตกบ้างผ่านพอดีบ้างหรือบางวิชาก็คะแนนสูงกว่าโนแลนเป็นเท่าตัว 

"ถ้าอยากได้คะแนนเยอะๆ ก็หันมาฟังที่ข้าพูด"

ถึงแม้ประโยคจะดูเหมือนหว่านให้ทุกคนฟัง แต่ลาสก็รู้อยู่แก่ใจว่าหมายถึงตัวเองเลยต้องจำยอมเงยหน้าขึ้นจากริบบิ้นและเท้าคางนั่งฟังเพื่อนสนิทตัวเองพูดต่อไปเบื่อๆ จนกระทั่งถึงเวลาสอบอีกครั้ง

โฮกกกกกก

เสียงปีศาจมังกรคำรามดังลั่นเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาสอบวิชาต่อไปแล้ว

"ข้าอวยพรให้พวกเจ้าสอบผ่านกันทุกคนแล้วกัน" โนแลนพูดยิ้มๆ รู้สึกโชคดีอย่างบอกไม่ถูกที่ตัวเองสามารถติวเนื้อหาได้ครบพอดี

"ข้าว่าห้องเราเอาแค่เจ้ามาเรียนคนเดียวก็น่าจะเหลือเฟือแล้ว" กริสเซลพูดจากใจจริงมองโนแลนด้วยความซาบซึ้ง วิชาที่เขาใช้เวลาทำความเข้าใจทั้งวันยังไม่เข้าใจแต่โนแลนพูดเพียงนิดเดียวก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง แต่ลึกๆ แล้วกริสเซลก็รู้สึกอยู่ดีว่าตัวเองต้องไปตายในห้องสอบแน่ๆ

ทุกคนในห้องหัวเราะเห็นด้วยกับสิ่งที่กริสเซลพูดเอามากๆ หากแต่เมื่อก้าวเข้าไปนั่งในห้องสอบ หยิบแผ่นข้อสอบขึ้นมาอ่านสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นหมดอาลัยตายอยากทันที 

โนแลนเห็นสีหน้าของเพื่อนในห้องก็ยิ้มแห้งๆ รู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก

หวังว่าพวกเจ้าจะทำกันได้นะ..
 


หลังจากวันที่เข้าห้องหอเสร็จเพียงหนึ่งวัน คาร์บิลัสก็รวบหัวรวบหางฟาร์คัสทันทีอย่างไม่รอช้าจนฟาร์คัสมีสีหน้าดุร้ายไปทั้งอาทิตย์ มองคาร์บิลัสตาขวาง 

"ไอ้แพะเวร" ฟาร์คัสด่าทันทีเมื่อคาร์บิลัสโผล่หน้าเข้ามาในห้องนอน

คาร์บิลัสหงอยลงทันควัน "ก็ข้าบอกแล้วว่าวันเข้าห้องหอข้าไม่ทำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวันต่อจากนั้นข้าจะไม่ทันนี่นา"

ฟาร์คัสกลอกตากับคำแก้ตัวหน้าด้านๆ ของคาร์บิลัส

"เจ้าไปตายอดตายอยากมาจากไหนวะ"

เพราะไอ้แพะโง่นี่มันทำข้าเจ็บจนแทบบ้าเวลาที่ก้าวเดิน 

คาร์บิสัลยิ้มพราย "ก็เจ้าน่ารักนี่นา ข้าก็ต้องอดใจไม่ไหวสิ อย่าลืมสิ ว่าเจ้าเป็นชายาของข้าแล้วนะ"

ฟาร์คัสหาคำด่าไม่เจอทันทีเมื่อถูกคาร์บิลัสจับจุดได้ หน้าแดง "แล้วเรื่องที่ข้าจะไปสมัครเป็นพวกนกส่งสาร เจ้าจะข้าทำไหม? อ้อ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่า คอร์สเอาเรื่องนี้ไปบอกเจ้า"

คนเป็นราชาปีศาจหน้ามุ่ย "ไม่ มันอันตราย ตอนนี้เจ้าเป็นชายาข้านะ ถ้าเจ้าไปทำงานพวกนั้นมีหวังโดนพวกไม่หวังดีลอบทำร้ายแน่"

จริงๆ ต่อให้เจ้าจะอยู่แต่ในปราสาทเฉยๆ ข้าก็ไม่ว่าเจ้าหรอก

คาร์บิลัสคิดในใจ

"แล้วจะให้ข้าทำอะไร ให้ข้าอยู่นิ่งๆ โง่ๆ ข้าทำไม่เป็นหรอก" ฟาร์คัสพูดตรงๆ นั่งกอดเข่ามองคาร์บิลัสเขม็ง ถึงแม้ว่าจะเป็นถึงชายาของราชาปีศาจผู้ทรงอำนาจ ฟาร์คัสก็ไม่คิดจะทำตัวไร้แก่นสารไปวันๆ โดยอ้างชื่อของราชาปีศาจ

คาร์บิลัสทำท่าคิดเมื่อนึกออกก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังจนฟาร์คัสเลิกคิ้วเมื่อเห็นสีหน้านั้นและตั้งใจฟังในสิ่งที่ราชาปีศาจกำลังจะพูด
"เป็นชายาที่ดีของข้าไง"

"..." ฟาร์คัสถอนหายใจเซ็งๆ เมื่อได้รับคำตอบไร้สาระ

คาร์บิลัสเริ่มโวยวายหน้าเครียด "ข้าไม่ยอมให้เจ้าไปทำงานพวกนั้นหรอกนะ คิดดูสิ ถ้าเกิดเจ้าถูกจับไปข้าจะทำยังไง ไหนจะเรื่องถูกปีศาจตนอื่นแอบมองอีกล่ะ ข้ารับไม่ได้หรอกนะ ที่จะต้องแบ่งเจ้ากับคนอื่นๆ เจ้าเป็นของข้านะ ฟาร์คัส เจ้าก็ต้องแต่กับข้าสิ"

ราชาปีศาจงอแงใส่ชายาของตัวเองอย่างผิดวิสัยด้วยท่าทางเหมือนกับเด็กที่ถูกขัดใจ เพียงแต่ว่าเด็กที่ว่ามีขนาดตัวที่ใหญ่เอามากๆ และหน้าตาที่หล่อเหลา

"ครูล่ะ เจ้าว่าไง" ฟาร์คัสยื่นข้อเสนอใหม่

คาร์บิลัสส่ายหน้าดิกไม่ยอม

ฟาร์คัสหน้าบูด "แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอะไรล่ะ ไอ้แพะโง่ เอกสารของเจ้าบางอย่างข้าก็ไม่เข้าใจหรอกนะ" ไม่ใช่แต่บางอย่างแต่น่าจะเป็นทั้งหมดซะมากกว่า เอกสารพวกนั้นมีแต่ศัพท์แสงชวนให้งงงวยตั้งแต่บรรทัดแรก ไหนจะความนัยจุดประสงค์แฝงต่างๆ มากมายที่ข้าอ่านแล้วไม่รู้ตัวสักนิด หากแต่เมื่อแพะโง่มาอ่านกลับฉีกยิ้มเย็นและฉีกกระดาษแผ่นนั้นเป็นชิ้นๆ

"เดี๋ยวข้าสอนเจ้าเอง ไม่ยากหรอก" คาร์บิลัสตอบเว้นระยะไปสักพักถึงพูดต่อด้วยรอยยิ้ม "การเป็นชายาที่ดีน่ะ"

คนเป็นชายาถลึงตามองเซ็งๆ ทรุดตัวลงนอนบนเตียงและดึงผ้าห่มมาคลุมโปงเชิงไล่ให้ไปไกลๆ 

แต่คนโดนไล่กลับมานั่งอยู่ข้างๆ ลูบหัวชายาอย่างอ่อนโยนแม้จะมีผ้าห่มผืนหนากั้นไว้อยู่

"เจ้าอยากจะทำอะไรก็ทำได้ ขอแค่มันอยู่ในสายตาของข้าก็พอ"

"..." 

"ตำแหน่งราชาปีศาจมันไม่มั่นคงนักหรอก ที่ข้าได้ตำแหน่งมา ข้าก็ชิงมันมา" คาร์บิลัสหัวเราะในลำคอ "ข้าไม่มีวันรู้ว่าวันไหนจะมีใครก่อกบฎขึ้นมา มันอาจจะจับตัวเจ้าไปเป็นตัวประกันก็ได้ ถึงตอนนั้นข้าอาจจะช่วยเจ้าไว้ได้ไม่ทันเหมือนทุกครั้ง.."

"..."

"เจ้าอาจจะคิดว่าตอนนี้กำลังปลอดภัยแต่ในขณะเดียวกันเจ้าก็ไม่มีทางรู้ว่าข้างหลังเจ้านั้นมีดาบเตรียมจะฟันคอเจ้าขาดในดาบเดียว"

ฟาร์คัสผลักผ้าห่มออกมองสีหน้าจะยิ้มก็ไม่ยิ้มของคาร์บิลัส

"เจ้าไม่อาจไว้ใจใครได้นอกจากข้า"

คาร์บิลัสดึงมือฟาร์คัสขึ้นมาจูบ "มีเพียงข้าเท่านั้น ที่จะไม่มีวันทรยศเจ้า"

เดิมทีคาร์บิลัสไม่ค่อยอยากเอ่ยถึงเรื่องนี้นัก หากแต่เรื่องงานที่ฟาร์คัสอยากทำนักหนาก็ดลให้พูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา

"อืม" ฟาร์คัสส่งเสียงตอบหน้าแดง พยักหน้าแกนๆ "ตามนั้นก็ได้"

คาร์บิลัสถึงได้ยิ้มออกและประทับจูบลงบนริมฝีปากของชายาที่รักยิ่งของตัวเองทันทีแต่ไม่ทันได้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ก็ถูกฟาร์คัสผลักหน้าออก

"เจ้าอยากให้ข้าตายคาเตียงเลยรึไง ไอ้แพะเวร!!" มองตาเขียว

คาร์บิลัสหัวเราะตอบเปลี่ยนจากจะจูบเป็นสวมกอดหลวมๆ แทน

"ขอบคุณที่เข้าใจข้า.."

"อืม.."

 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2016 22:08:06 โดย Foggy Time »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 55 16 ส.ค 59
«ตอบ #466 เมื่อ17-08-2016 16:10:46 »

เออออออ เราอ่านตอนไหนข้ามไปรึป่าวหว่า
นาซัสไปไหนอ่าาา

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 55 16 ส.ค 59
«ตอบ #467 เมื่อ17-08-2016 16:29:58 »

>< รบกวนคุณ Foggy Time ทำที่คั่นตรงที่พาสไทม์ของดัฟฟ์ได้ไหมคะ มะกี้อ่านเกือบตามไม่ทัน :D


(ดัฟฟ์โตแล้ว ไปหาคู่ที่เมืองมนุษย์??? หรือไปนั่งดูเวสเปอร์กับโลกัสน้อออออ  :hao7:)

ออฟไลน์ ราตรีสีน้ำเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 55 16 ส.ค 59
«ตอบ #468 เมื่อ30-08-2016 13:42:06 »


:pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 56 8 ก.ย 59
«ตอบ #469 เมื่อ08-09-2016 22:29:06 »

ตอนที่ 56

บริเวณด้านหน้าปราสาทในตอนกลางคืนนั้นได้มีร่างสามร่างกำลังยืนล่ำลากันอยู่ ซึ่งร่างที่ยืนแยกออกมาคนเดียวนั้นยิ้มจางๆ ให้กับคู่ใหม่ปลามันที่แสนโด่งดันของดินแดนปีศาจในขณะนี้

"ข้าฝากดูแลทางนี้ด้วยนะ ชาคอส" คาร์บิลัสหัวเราะในลำคอขณะที่กำลังโอบไหล่ฟาร์คัสไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่สะทกสะท้านกับการเหยียบเท้าหรือหยิกแขน

"ขอรับ" ชาคอสรับคำเหลือบมองฟาร์คัสที่มีสีหน้ากระดากอายซึ่งยิ่งเห็นท่าทีแบบนั้นก็กระตุ้นให้รู้สึกอยากทำอะไรบางอย่างให้สีหน้านั้นบิดเบี้ยวขึ้นไปอีก "ท่านต้องการยาเฉพาะไหม? ข้าจะได้ว่าท่านคาร์บิลัสบอกว่าท่านยังไม่หายเจ็บใช่ไหมขอรับ"
ฟาร์คัสถลึงตามองลูกน้องปากดีที่ดูจะแส่เรื่องเจ้านายซะเหลือเกิน "เรื่องของข้า"

รอยยิ้มมุมปากของคาร์บิลัสหายฉับมองชาคอสตาเขียวด้วยแรงหึง "เจ้าห้ามพูดเรื่องแบบนี้กับฟาร์คัส มีแค่ข้าที่ทำให้ฟาร์คัสเขินอายได้เท่านั้น!"

"ขอรับๆ" ชาคอสไหวไหล่รับคำอย่างขอไปที "ข้าขออวยพรให้พวกท่านสนุกกับการฮันนีมูนแล้วกันขอรับ ระหว่างนี้ข้าจะช่วยดูแลทุกอย่างให้ท่านเองขอรับ" ประโยคนี้หมายถึงคาร์บิลัสที่มีงานก่ายกองท่วมหัว

"ดีๆ ไปกันเถอะ ข้าอยากไปเที่ยวจะแย่แล้ว" ถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นแต่ก็ยังมองชาคอสไม่วางตา แม้จะไว้ใจชาคอสมากแต่แรงหึงนั้นบังตา มือโอบตัวฟาร์คัสยิ่งกว่าเดิม แทบจะแยกเขี้ยวขู่แง่งๆ ประกาศความเป็นเจ้าของเต็มที่ 

ฟาร์คัสกลอกตาเอื้อมมือไปเขกหัวแพะหน้าโง่หนึ่งทีจนเจ้าตัวทำหน้าเหยเกและเป็นเหงาหงอยในพริบตา

"เจ้าเขกหัวเข้าทำไม ฟาร์คัส" คาร์บิลัสกุมหัวบริเวณที่โดนเขกจนแดง มองชายาตัวเองด้วยสีหน้าน่าสงสาร 

"เจ้านั่นแหละ ร่ายเวทเคลื่อนย้ายสักที มัวแต่ลีลาอยู่ได้" ฟาร์คัสไม่รู้สึกเห็นใจหรือสงสารใดๆ เหลือบมองท้องฟ้ากลางคืนที่พระจันทร์ใกล้จะขึ้นตรงหัวด้วยท่าทีเบื่อๆ เล็กน้อย

เจ้าแพะโง่นี่บอกว่า ถ้าไปถึงที่นั้นตอนพระจันทร์ตรงหัว ที่นั่นจะสวยมาก..

ก่อนที่จะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยต่อก็เผลอหาวหวอดจนน้ำตาเล็ดเพราะนี่เป็นเวลานอนแล้ว 

"อย่าเพิ่งง่วงสิ ฟาร์คัส" คาร์บิลัสหน้าบูดงอนๆ เอ่ยร่ายเวทเรียกสัตว์ที่ใช้เฝ้าปราสาทระหว่างที่ตนเองไม่อยู่เป็นประจำออกมา

โฮกกก

พริบตาวิญญาณเจ้ามังกรกระดูกก็ปรากฎอยู่เหนือปราสาทและส่งเสียงคำรามดังลั่นเชิงทักทาย ซึ่งรัศมีเสียงการทักทายของมันก็ค่อนข้างที่จะไกลมาก...

"ว้ากกกก บ้าเอ้ย ไอ้มังกรเวรนี่อีกแล้ว ฮืออออ"

"ฮืออ ท่านคาร์บิลัส ท่านเอาตัวอื่นมาเฝ้าบ้างไม่ได้เรอะ ใช้แต่มังกรนี่ ข้าต้องสติแตกเข้าสักวันแน่ๆ"

"เวรเอ้ย เวรร แค่ข้าเดินมันก็แทบจะฆ่าข้าอยู่แล้วนะ เจ้ามังกรงั่งเนี่ยย"

เสียงโอดครวญดังลั่นมาจากหลายบ้านอย่างคับแค้นใจ พวกเขาล้วนกลัวเจ้าวิญญาณมังกรกระดูกนี้ยังกับอะไรดี

คาร์บิลัสหลุดหัวเราะในลำคอเบาๆ ไม่รู้สึกโกรธแม้จะได้ประโยคที่พาดพิงถึงตัวเอง มือเริ่มวาดไปในอากาศเป็นตัวอักษรปีศาจหวัดๆ สองสามคำสำหรับเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่ต้องการ

น้ำตกต้องห้าม... ที่มีไว้สำหรับราชาปีศาจอย่างเขาเท่านั้น

ร่างสูงดึงตัวชายาขึ้นมาอุ้มอย่างง่ายดาย เริ่มหายงอนเพราะในหัวจินตนาการถึงภาพต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งก็ทำให้อารมณ์นั้นดีขึ้นมากๆ ไม่ว่าจะเรื่องการกินข้าวด้วยกัน ซื้อของด้วยกัน หลายต่อหลายอย่าง ซึ่งสิ่งที่ทำให้คาร์บิลัสอารมณ์ดีที่สุดก็คงเป็น
การเล่นน้ำตกด้วยกัน!

"โอ๊ย!" ฟาร์คัสสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด "ไอ้แพะเวรเอ้ย ข้าเดินของข้าเองได้ ข้าไม่ได้เป็นง่อย!!" ความเจ็บปวดที่ตีตื้นขึ้นมานั้นยากเกินจะบรรยายจนรู้สึกอยากกระทืบเจ้าแพะปัญญาอ่อนนี่ให้รู้แล้วรู้รอด

คาร์บิลัสยิ้มกวน "เจ้าเดินไม่ไหวหรอกน่า ให้ข้าทำหน้าที่....ที่ดีเถอะ"  พูดพร้อมเว้นคำให้ปีศาจอีกาไปคิดต่อเอาเอง นัยน์ตาสีเทากวาดตามองรอบๆ ที่เป็นสีต่างๆ สลับไปมา อย่างระมัดระวัง ในขณะที่กำลังเคลื่อนย้ายนั้นต้องรอบคอบเอามากๆ เพราะหากควบคุมเวทย์ได้ไม่ดีพออาจะไม่ได้โผล่ไปในที่ๆ ต้องการ  ซึ่งคาร์บิลัสก็เคยได้รับบทเรียนนั้นแล้ว จากช่วงสมัยเรียนอาจารย์ให้เคลื่อนย้ายไปในปราสาทแต่คาร์บิลัสกลับเผลอใจลอยระหว่างเคลื่อนย้ายและรู้ตัวอีกทีเมื่อตนเองอยู่ในห้องน้ำโรงเรียนซะอย่างนั้น

ฟาร์คัสหน้าบูดไม่รู้สึกเขินอายสักนิด "สรุปแล้วเจ้าจะพาข้าไปไหน?" เพราะเจ้าแพะโง่มันไม่เคยบอกอะไรเลยนอกจากคำว่าไปฮันนีมูน

ยังไม่ทันได้ตอบสภาพแวดล้อมรอบข้างก็เป็นคำตอบให้กับคำถามของฟาร์คัสแทน

ร่างราชาปีศาจนั้นปรากฎอยู่บนโขนหินกลางน้ำโดยที่รอบกายเต็มไปด้วยหิ่งห้อยสีสันสดใสต่างๆ บินเอื่อยกันอยู่เต็มไปหมด พวกมันแข่งกันส่องแสงสว่างราวกับว่าตนเองนั้นเป็นดวงดาวเป็นท้องฟ้า ซึ่งมันก็ไม่ได้มีเพียงเสียงเหลืองนวลเท่านั้น สีส้ม สีม่วง สีฟ้า สุดแล้วแต่ที่ร่างกายพวกมันจะสรรหามันอวดโฉมแข่งกัน 

ฟาร์คัสเบิกตากว้างชะงักค้างไปกับภาพที่สวยจนพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงมองพวกมันพยายามเก็บเกี่ยวความงามพวกนี้ไปไว้ในความทรงจำให้มากที่สุด ยิ่งเสียงน้ำตกซ่าๆ ผสมกับเสียงสัตว์ในตอนกลางคืนคล้ายกับเสียงดนตรีจากนักดนตรีฝีมือดียิ่งทำให้เคลิบเคลิ้มไปจนเหมือนหลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง

"ชอบไหม?" คาร์บิลัสโน้มหน้าลงใกล้ฟาร์คัสในอ้อมกอดกระซิบถามเสียงพร่า

"อืม" ฟาร์คัสส่งเสียงตอบในลำคอ ทั้งๆ ที่ใจจริงอยากจะตอบกลับไปว่าชอบมาก แต่ตอนนี้ในหัวแทบจะหาคำพูดไม่เจอเพราะถูกอัดแน่นด้วยความประทับใจ

"ที่นี่เป็นเขตหวงห้ามมาตั้งแต่โบราณ" คาร์บิลัสยิ้มจางเมื่อมีหิ่งห้อยแสงสีดำตัวหนึ่งบินมาใกล้และเกาะลงบนมือของฟาร์คัสที่ยกขึ้นมา "มันเป็นสถานที่ล้ำค่า ไม่มีที่ไหนที่มีหิ่งห้อยโบราณหลากสีนับพันแบบนี้ ชาวปีศาจฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้จึงทำข้อตกลงกันยกเว้นพื้นที่นี้เอาไว้เพราะไม่ว่าใครที่เคยมาที่ล้วนเป็นแบบเจ้าทั้งนั้น"

ฟาร์คัสหัวเราะหึเมื่อถูกกล่าวถึง

"มันถูกยกเป็นหนึ่งในรางวัลสำหรับผู้ชนะสงคราม" คาร์บิลัสหลับตายิ้มเศร้าเล็กๆ เมื่อนึกถึงสาเหตุที่ตนเองได้ครอบครองสถานที่นี้แต่เพียงผู้เดียว "และข้าก็เป็นผู้ชนะ"

"เจ้ามาฮันนีมูนไม่ใช่เหรอ? อย่าทำหน้าเศร้านักสิ" ฟาร์คัสสะบัดมือไล่หิ่งห้อยที่เกาะตัวเองออกและเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของคาร์บิลัสที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

ใช่ว่าข้าจะไม่รู้ว่าในอดีตนั้น คาร์บิลัสผ่านความยากลำบากมาขนาดไหน.. ข่าวเรื่องการรวมดินแดนปีศาจให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวของคาร์บิลัสนั้นโด่งดังใช่เล่นจนแม้แต่นกบอกลางอย่างข้ายังได้ยินข่าวอยู่บ่อยๆ

คาร์บิลัสถึงยิ้มออกบ้าง โยนเรื่องในอดีตของตัวเองออกจากหัวและจดจ่อกับปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่ "เจ้าง่วงรึยัง? ที่รัก"

ฟาร์คัสสะดุ้งกับคำเรียก "เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?" 

"ที่รัก" คาร์บิลัสหัวเราะกับสีหน้าแปลกๆ ของฟาร์คัส "ไม่ชอบเหรอ? แต่ข้าชอบนะ"

"ชอบก็บ้าแล้ว ที่รักบ้าอะไรของเจ้า เรียกข้าว่าฟาร์คัสนั่นแหละดีแล้ว ข้าไม่ต้องการชื่อใหม่" ฟาร์คัสหน้าแดงพยายามขืนตัวลงไปยืนด้วยขาตัวเอง เพราะพออยู่ในอ้อมกอดของคาร์บิลัสแล้วทำให้รู้สึกแพ้เจ้าแพะโง่นี่ยังไงชอบกล 

"ที่รัก ง่วงรึยัง ถ้ายังไม่ง่วง ข้าจะพาเจ้าเล่นน้ำ" คาร์บิลัสพูดเย้าแหย่ ออกแรงขืนตัวฟาร์คัสเอาไว้จนเจ้าตัวขยับเขยื้อนไม่ได้
"ข้าง่วงมาก ถ้าเจ้าอยากเล่นจริงๆ ค่อยเล่นพรุ่งนี้ได้ไหม" ฟาร์คัสพยายามต่อรอง สบตากับนัยน์ตาสีเทาที่เหมือนจะพยายามมอมเมาตัวเองให้เผลอรับปากซึ่งแน่นอนว่าปีศาจอีกาประสบการณ์สูงคนนี้ย่อมไม่ตกหลุมพรางแน่นอน

แต่ดูเหมือนว่าฟาร์คัสจะคิดผิดไปเพราะทันทีที่เห็นนัยน์ตาสีเทานั้นฉายแววผิดหวัง ใจก็อ่อนยวบเหมือนถูกไฟลน

"แย่จังข้ายังไม่ง่วงเลย ที่รัก ถ้าเจ้านอนแล้วข้าจะทำอะไรล่ะ... ไล่จับหิ่งห้อย ข้าไม่เอาด้วยนะ"

ที่คาร์บิลัสพูดถึงหิ่งห้อยนั้นก็เพราะว่าเจ้าหิ่งห้อยตัวเดิมบินมึนๆ กลับมาเกาะบนมือฟาร์คัส มันส่งแสงสีดำกระพริบไปมาราวกับพยายามเรียกร้องความสนใจจากฟาร์คัส

น้ำเสียงงอนง้อนั่นหวานหยดย้อยจนฟาร์คัสไปไม่ถูก พูดกระอึกกระอักตอบ "เจ้าก็นอนกอดข้าไง นอนๆ ไปเดี๋ยวเจ้าก็หลับเองแหละ ปกติหัวถึงหมอนเจ้าก็สลบแล้วนี่"

"ก็ปรกติข้าทำงานเหนื่อยนี่นา วันนี้นอกจากดูแลเจ้า ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรเลย"

คำตอบที่แถไปข้างๆ คูๆ ของแพะโง่ทำให้ฟาร์คัสอดเหน็บแนมไม่ได้

"ข้าไล่เจ้าไปทำงานแล้วเจ้าไม่ไปเอง ช่วยไม่ได้"

คาร์บิลัสกำลังจะตอบกลับแต่สายตาไปสะดุดกับเจ้าหิ่งห้อยซะก่อน ซึ่งตอนนี้มันกำลังบินเข้าไปใกล้หน้าฟาร์คัส "นี่เจ้าคิดจะทำอะไร นี่มันชายาของข้านะ!  พวกข้าแต่งงานกันแล้วด้วย เจ้ารีบบินออกไปก่อนที่ข้าจะเผาเจ้าทั้งเป็น!!"

ฟาร์คัสหลุดหัวเราะ

"ไอ้แพะปัญญาอ่อน นี่เจ้าหึงข้าแม้แต่กับหิ่งห้อยพวกนี้เนี่ยนะ?"

คาร์บิลัสหน้าบึ้ง "กับใครข้าก็หึงทั้งนั่นแหละ ตอนนี้เจ้าเป็นชายาข้าแล้วต้องโด่งดังเป็นธรรมดา มีคนไม่น้อยที่อยากเห็นหน้าเจ้าซึ่งดีไม่ดีพวกมันอาจจะชอบเจ้าเหมือนกันข้า ซึ่งข้าจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด"

ราชาปีศาจบ่นกระปอดกระแปด ถึงแม้ว่าจะไว้ใจฟาร์คัสก็จริงแต่ก็อดหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองมาสุงสิงไม่ได้ 
ซึ่งเจ้าหิ่งห้อยก็ดูจะรับรู้ถึงความโกรธเกรี้ยวของคาร์บิลัส มันรีบบินหนีไปทันที ซึ่งเพียงไม่นานมันก็ไปถูกใจตัวอื่นและพยายามอวดแสงของตัวเองต่อไป

"ข้าก็ไม่ได้หล่อเหมือนเจ้านะ จะมีใครมาชอบข้านักหนา" ฟาร์คัสกลอกตา ในตอนที่ยังอยู่ดินแดนนกบอกลางไม่เห็นจะมีนกบอกลางหน้าไหนสักนิดมาสนใจเขา เห็นมีแต่ปีศาจบ้าๆ บางตัวเนี่ยแหละชอบ

"ใครว่า เจ้าน่ารักจะตาย!" คาร์บิลัสประท้วงและเริ่มรู้สึกรำคาญหิ่งห้อยรอบตัวที่ทำท่าจะบินเข้ามาเกาะกัน จึงเดินสาวเท้าเดินเหยียบพื้นน้ำเหมือนพื้นดินปรกติทั่วไปโดยมีปลายทางเป็นบ้านพักตากอากาศหลังเล็กที่ซุกซ่อนอยู่ในหน้าผา มีน้ำตกเป็นม่านบังทางเข้า

"น่ารักบ้าอะไรของเจ้า!" ฟาร์คัสโวยหน้าแดงๆ

"น่ารักก็คือน่ารัก มันต้องมีคำขยายความด้วยหรอ ที่รัก"

"เลิกเล่นๆ หยุดพูดสักที ไอ้แพะปัญญาอ่อน"

"ข้าไม่ได้ปัญญาอ่อนซะหน่อย ที่รัก" 

ผลั่ก

"ฟาร์คัส! นี่จะมากเกินไปแล้วนะ" คาร์บิลัสเบะปากส่งสีหน้าไม่พอใจสุดๆ ใส่ฟาร์คัส "เจ้าไม่เห็นต้องถึงขนาดลงไม้ลงมือกับข้าขนาดนี้เลย"   

คาร์บิลัสโอดครวญเพราะเมื่อกี้รู้สึกว่าจะโดนกลางหลังซึ่งถ้าเปิดเสื้อออกมาดูคนเป็นรอยแดงรูปฝ่ามือแน่นอน

"ก็เจ้าไม่หยุดพูดสักทีนี่"  ฟาร์คัสถอนหายใจหน้าแดงๆ เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กๆ "ถ้าเจ้าไม่อยากให้ข้าด่าหรือตี ก็ช่วยอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอย่างที่ราชาปีศาจควรทำสิ"

"ถ้าแบบนั้นมันก็ไม่ใช่ข้าสิ ฟาร์คัส" คาร์บิลัสตัดพ้อในขณะที่กำลังฝ่าน้ำตกที่ไหลลงบ่าลงมาเพื่อเข้าไปในบ้านพักตากอากาศที่คาร์บิลัสตั้งใจใช้ทำอย่างอื่นด้วย   

ร่างราชาปีศาจร่ายเวทย์พึมพำสองสามคำบานประตูที่ตราเวทย์ไว้อย่างแน่นหนาก็เปิดออก เผยให้ห้องโถงด้านในมีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน ไม่ว่าจะครัว โต๊ะเก้าอี้ และเตียงคู่ ทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเหมาะเจาะดูเพลินตา ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำสิ่งเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นวัสดุธรรมชาติที่หาได้แถวนี้ซะส่วนใหญ่     

หากแต่ฟาร์คัสก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะมัวแต่มองใบหน้าของคาร์บิลัส "เจ้าโกรธข้า? ไม่สิ งอนข้าเหรอ แพะโง่"
สีหน้าของคาร์บิลัสไม่เปลี่ยนแปลงในขณะที่ประคองฟาร์คัสลงบนเตียง "เปล่า"

เปล่าอะไร หน้าเจ้ามันฟ้องอยู่ชัดๆ ว่างอน!

ฟาร์คัสคิดในใจเซ็งๆ มองหน้าที่เคยหล่อเหลาตอนนี้บูดเป็นอะไรอีกทั้งยังยืนกอดอกหันหน้าหนีอีก

เวรเอ้ย นี่ข้ายังไม่หายเจ็บเลย นี่ต้องมาง้อไอ้แพะเวรนี่อีกเหรอ 

ปีศาจอีกาสบถในใจไม่หยุดขยับมานั่งที่ขอบเตียง ผลุดลุกขึ้นยืนแล้วดึงแขนคาร์บิลัสที่กอดอกอยู่ออกแล้วแทนที่ด้วยอ้อมกอดของตัวเอง จัดการเอาหัวซุกอกแข็งๆ มือสองข้างกอดร่างแกร่งตรงหน้าแน่น 

"อยากทำอะไรก็ทำไป อยากพูดอะไรก็พูด ข้าไม่ว่าแล้ว!  แพะโง่เอ้ย เจ้าจะไม่ให้ข้าเขินหน่อยเลยรึไง? เจ้าไม่เข้าใจความรู้สึกข้าหรอก ที่ถูกเจ้าไล่ต้อนให้ทำตัวน่าอับอายหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงครั้งนี้ด้วย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่านี่มันเป็นแผนของเจ้า หึ แต่ถึงข้ารู้ข้าก็ต้องยอมตกหลุมพรางแพะปัญญาอ่อนอย่างเจ้าอยู่ดี" ฟาร์คัสพูดเสียงอู้อี้ หน้าแดงก่ำลามไปถึงลำคอ แพะเวรนี่มันหลอกให้ข้าพูดอีกแล้ว!

"ก็เจ้าน่ารักนี่ ช่วยไม่ได้" คาร์บิลัสกระซิบเสียงกลั้วหัวเราะข้างหูฟาร์คัส  มือเริ่มซุกซนคืบคลานเข้าในเสื้อของฟาร์คัสอย่างถือวิสาสะจนเจ้าของเสื้อสะดุ้งเฮือก

"แพะเวรเอ้ย.." ฟาร์คัสสบถด่ายังไม่ทันขาดคำก็หลุดเสียงคราง

"อะไรนะ?" คาร์บิลัสพูดหยอกเย้าหน้าระรื่นผลักฟาร์คัสให้นอนเอนหลังบนเตียงส่วนตัวเองก็ขึ้นคร่อมตามอย่างรวดเร็ว

"เดี๋ยวๆ นี่เจ้า" ฟาร์คัสถลึงตามองคาร์บิลัสที่เริ่มจะลามปามไปอีกขั้น

"ก็เจ้าบอกข้าเองว่าจะทำอะไรก็ทำ นี่ไงสิ่งที่ข้าอยากทำ ไม่ได้เหรอ? ฟาร์คัส" คาร์บิลัสตีหน้าศร้า
 
 ฟาร์คัสกลอกตาเซ็งๆ "นอกจากเป็นแพะโง่แล้วเจ้ายังบ้ากามอีก" คาร์บิลัสกำลังจะเถียงแต่ก็ถูกแขนสองข้างของคนปากแข็งโอบคอลงไปจูบ ในช่วงที่ฟาร์คัสกำลังงุนงงกับรสจูบคาร์บิลัสก็แอบกระทำบางอย่างเงียบเชียบและแนบเนียน 
เพียงเวลาไม่นานร่างทั้งร่างของฟาร์คัสก็เปลื่อยเปล่าในพริบตา ไอน้ำเย็นเฉียบที่กัดแทะร่างทำให้ฟาร์คัสได้สติและเบิกตากว้าง

"ไอ้แพะเวร ชุดข้า!" ฟาร์คัสแทบอุทานออกอย่างตกใจ รู้สึกตื่นตระหนกกับทักษะการเปลื้องผ้าของคาร์บิลัสจนถึงขีดสุด
คาร์บิลัสหัวเราะหึๆ ในลำคอไม่พูดอะไร ซุกไซร้ที่ลำคอและ..

"อย่าแพะโง่ อย่ากัดข้า!" ฟาร์คัสพยายามดันหน้าแพะโง่ออกแต่ไม่เป็นผล รู้สึกเจ็บที่ลำคอก่อนที่จะปรากฎรอยสีแดงก่ำขึ้นมาอย่างน่าอาย พอปีศาจอีกาทำท่าจะตะครุบรอยที่คอก็ถูกรวบมือทั้งสองข้างขึ้นไปอยู่เหนือหัวอย่างง่ายดาย 

"นอกจากจะเป็นแพะแล้วเจ้ายังจะเป็นหมาอีกหรา คาร์บิลัส" 

ทั้งๆ ที่ไม่อยากด่า แต่ก็อดด่าแพะปีศาจจอมเจ้าเล่ห์นี่ไม่ได้

"โฮ่ง" คาร์บิลัสไม่สะทกสะท้านอีกทั้งยังแกล้งเห่าตอบ ก้มลงไปชิมยอดอกทั้งสองข้างที่ขึ้นสีแดงก่ำไม่แพ้ใบหน้าของเจ้าของร่างที่มองตาขวาง

"พอ" ฟาร์คัสยื่นคำขาดแต่คาร์บิลัสกลับเห็นสิ่งซ่อนอยู่ในแววตานั้น 

คาร์บิลัสหัวเราะอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ปากบอกว่าพอแต่ความร้อนแรงที่แทบจะแผดเผากันในแววตานั้นคืออะไรกัน? "โฮ่ง ข้าเป็นหมา ข้าตอบเจ้าไม่ได้หรอก"

พอรู้ว่าตัวเองจะถูกด่าอีกรอบคาร์บิลัสก็แกล้งขยำก้นขาวเต็มแรงจนฟาร์คัสสะดุ้งหลุดครางหนักๆ ออกมา 

"เจ้า!" 

"โฮ่ง"  คาร์บิลัสเริ่มจะรู้สึกชื่นชอบการเป็นหมา แกล้งสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลังที่ยังคงบวมแดงจากศึกหนักเมื่อวาน

"คาร์บิลัส" ฟาร์คัสกดเสียงหนักพูดเสียงสั่นพร่า จ้องหน้าคาร์บิลัสเขม็ง

ราชาปีศาจที่แทบจะถูกฆ่าทางสายตายิ้มและไหวไหล่กวนๆ "เจ้าก็รู้นี่ฟาร์คัส ว่าหากข้าอยู่บนเตียงเดียวกับเจ้าเมื่อไหร่ ข้าจะไม่ใช่แพะแสนเชื่องตัวนั้น"

เวลาอื่นข้าสามารถยอมเจ้าได้ แต่ไม่ใช่กลับเวลานี้อย่างแน่นอน

"เวรเอ้ย นี่ข้ายังเจ็บอยู่เลยนะ" ฟาร์คัสบ่นอุบถอนหายใจเซ็งๆ ทิ้งตัวลงนอนลงบนเตียงนุ่มเลิกขัดขืนอีก เพราะรู้ผลแพ้ชนะแล้ว

คาร์บิลัสหัวเราะโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหู "ช่วยไม่ได้ ก็นี่ยังอยู่ในช่วงฮันนีมูนนี่"

ก่อนที่จะลงมือกินปีศาจอีกาอย่างหิวกระหายทันที 
 
 


ผลั่ก

ทำไมฟาร์คัสถึงได้มือหนักนักนะ?

คาร์บิลัสคิดขณะที่กำลังหลับตาเมื่อกี้คล้ายกับถูกศอกหรืออะไรสักอย่างกระแทกเข้าที่ท้อง

ผลั่ก!!!

แรงถีบมหาศาลถีบร่างราชาปีศาจจนหล่นจากเตียง 

จากที่งัวเงียกลายเป็นตื่นเต็มตา คาร์บิลัสค่อยๆ หยัดตัวขึ้นยืนลูบหลังตัวเองที่กระแทกพื้นเต็มแรง "นี่เจ้าแค้นข้าขนาดนี้เชียว?" 
ทั้งๆ ที่เมื่อคืนก็ดูจะพอใจมากแท้ๆ..

คาร์บิลัสคิดงุนงงและต้องอุทานดังลั่น มองร่างเด็กสองคนที่อยู่ในอุปการะนอนอยู่ข้างฟาร์คัสด้วยท่าทางที่สบายเอามากๆ ซึ่งก็มีดัฟฟ์ที่นอนยื่นขาออกมาที่ๆ ตัวเองเคยนอนซึ่งก็สามารถสันนิษฐานได้ว่าไม่ใช่ฟาร์คัสที่ถีบแต่เป็นมังกรดำที่ควรอยู่ที่โรงเรียนปีศาจไม่ใช่ที่บ้านพักแห่งนี้

"เฮ้ย! ดัฟฟ์ นาซัส นี่เจ้ามาอยู่นี่ได้ไง" 

รู้สึกตกใจและเสียใจมากถึงมากที่สุดในเวลาเดียวกันเพราะวันฮันนีมูนต้องพังแน่ๆ ถ้ามีเด็กสองคนนี้ร่วมด้วย!

"แต่เอาเอาเถอะ มาได้ก็กลับได้ พวกเจ้าน่ะ" 

คาร์บิลัสแสยะยิ้มมือเริ่มวาดวงเวทเคลื่อนย้ายในอากาศเมื่อวาดเสร็จ มือหนาก็คว้าเข้าที่คอเสื้อของดัฟฟ์และนาซัสเตรียมจะโยนเข้าไปในวงเวทเคลื่อนย้ายที่มีปลายทางเป็นห้องผู้อำนวยการคนสนิท

"แง้ แม่ แก๊ซซซ" ดัฟฟ์สะดุ้งตื่นเมื่อถูกกระชากคอเสื้อลอยโคลงเคลงในอากาศ อ้าปากร้องหาฟาร์คัสทันทีตามความเคยชิน

"..." นาซัสกระพริบตาปริบมองหน้าคาร์บิลัสคล้ายกับกดดันให้เวางตนเองกับพี่ลงได้แล้ว

"เจ้าทำอะไรอยู่น่ะ?"

เสียงที่สามที่ดังขึ้นมาทำให้คาร์บิลัสต้องหันกลับไปยิ้มแห้งๆ ให้

"ข้าจะส่งเด็กกลับโรงเรียนน่ะ เจ้าเด็กพวกนี้มันโดดเรียน"

ฟาร์คัสขยี้ตัวเองง่วงๆ หาวหวอดเหลือบมองดัฟฟ์กับนาซัสงงงๆ "นี่พวกเจ้ามาที่นี่ได้ยังไง?" รู้สึกโชคดีอย่างบอกไม่ถูกที่ตัวเองอาบน้ำและอยู่ในชุดนอนครบทั้งตัวแล้ว 

ดัฟฟ์พยายามดิ้นออกสุดชีวิตใช้มือตะกุยที่มีเล็บสั้นๆ ตะกุยแขนคาร์บิลัส "แก๊ซ ก็ครูให้ข้าลองฝึกใช้เวทเคลื่อนย้ายแต่ไม่รู้ทำไมข้ากับนาซัสถึงมาอยู่ที่นี้ได้ง้า"

นาซัสพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วย "ดัฟฟ์จับแขนข้าตอนร่ายเวทตามครู พอรู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่นี่แล้ว"

ดัฟฟ์ยิ้มหัวเราะคิกคัก "แล้วข้ากับนาซัส ก็เจอแม่! เลยปีนขึ้นไปนอนด้วย"

คาร์บิลัสคิ้วกระตุก ความรู้สึกเจ็บปวดเสียดขึ้นมาตามแผ่นหลัง

ไอ้เด็กเวรนี่ถีบข้าลงจากเตียง!

"กฎการใช้เวทย์เคลื่อนย้ายคือต้องมีสมาธิ ห้ามวอกแวก ถ้าเจ้าฟุ้งซ่านถึงแม่เจ้าบ่อยๆ ก็คงจะไม่ไปถึงจุดหมายปลายทางสักรอบ" คาร์บิลัสเอ็ดเสียงดุเพราะความหงุดหงิด "เอาล่ะ เลิกเล่นแล้วกลับไปเรียนได้แล้วไป จะสอบแล้วนี่ข้าจำได้"

ดัฟฟ์ส่ายหน้าหวืดหน้าบูด "แก๊ซซ สอบแล้ว สอบแล้วว ข้อสอบยากมากก ข้าอ่านไม่ออกด้วยง้า แม่"

ส่วนนาซัสไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่ได้รู้สึกว่ามันยากอะไรขนาดนั้น

"บอกลาแม่เจ้าซะ"

คาร์บิลัสพูดเย็นแอบรู้สึกสะใจที่ได้แก้แค้นดัฟฟ์ที่ถีบตัวเองตกเตียง

"เจ้าจะรีบไล่ดัฟฟ์กับนาซัสอะไรนักหนา อยู่กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนก็ได้นี่" ฟาร์คัสขมวดคิ้วมุ่นมองคาร์บิลัสไม่สบอารมณ์

ดัฟฟ์ยิ้มกว้างกระดี้กระด้า "แม่!!"

นาซัสยิ้มเล็กๆ เผยให้เห็นลักยิ้มน่ารัก

คาร์บิลัสขบกรามกรอดเมื่อต้องพ่ายแพ้ให้กับเด็กตัวเล็กๆ "แต่ว่า..."

"ไม่มีแต่ อ้อ ไหนๆ เจ้าก็ตื่นแล้ว ช่วยไปหาข้าวมาให้ข้ากินด้วย เพราะข้าคงไม่มีปัญญาลุกออกจากเตียง!" ฟาร์คัสแยกเขี้ยวขู่มองคาร์บิลัสโกรธๆ

พอเห็นยอมเข้าหน่อยไอ้แพะเวรนี่มันก็กะจะตายแค่เตียงเลยรึไง บัดซบ! 

คาร์บิลัสสะดุ้งหูหางบนหัวลู่ลงทันตา วางเด็กทั้งสองลงบนพื้นอย่างบรรจงทำให้ดัฟฟ์ลากนาซัสถลาขึ้นไปกอดฟาร์คัสที่นั่งนิ่งบนเตียง "แต่นี่เพิ่งเช้าเองนะ เจ้าหิวแล้วเหรอ ฟาร์คัส?"

 "เออ"

ยิ่งน้ำเสียงกระแทกกระทั้นยิ่งทำให้คาร์บิลัสหงอลงไปอีก "ก็ได้ๆ เดี๋ยวข้าไปซื้อมาให้ เจ้าอาบน้ำไหวไหม ถ้าเจ้ากินข้าวเสร็จแล้ว ข้าว่าจะพาเจ้าไปเที่ยวร้านเหล้าดังของเมืองนี้"

ฟาร์คัสหยุดคิดไปสักพักก่อนที่จะพูดหน้าแดงๆ ที่ติดจะหงุดหงิด "...ไม่ไหว"

คาร์บิลัสเลิกคิ้วยิ้มพราย "งั้นหลังจากกินข้าวเสร็จข้าจะพาเจ้าไปอาบน้ำแล้วกัน"

"เออ ไปสักทีเถอะ" 

"ใช่ๆ ไปสักทีเนอะ แม่ แก๊ซ!" ดัฟฟ์กอดแขนฟาร์คัสชี้คาร์บิลัสแล้วแลบลิ้นใส่ 

"..." นาซัสนั่งนิ่งไม่ออกความคิดเห็นใดๆ เพราะเห็นสีหน้าอยากกระโจนเข้ามากัดคอของคาร์บิลัส

"กินข้าวเสร็จข้าส่งเจ้ากลับแน่!"

คาร์บิลัสมองแรงใส่ดัฟฟ์และสาวเท้าห้องบ้านฉับๆ ออกไปอย่างหงุดหงิด 

ฟาร์คัสมองตามแพะชอบพาลไปและเผลอหลุดยิ้มออกมา ลูบหัวดัฟฟ์กับนาซัสเบาๆ "อย่าทำให้คาร์บิลัสโกรธสิ อย่างน้อยเจ้าแพะโง่นั่น ก็ถือว่าเป็นพ่อพวกเจ้า"
 
---------
หายไปนานเนื่องจากช่วงนี้ใกล้สอบค่ะ  :ling3:

 :man1: ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ คิดถึงมากๆ เลย  :katai1:
   
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 56 8 ก.ย 59
« ตอบ #469 เมื่อ: 08-09-2016 22:29:06 »





ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 56 8 ก.ย 59 p.16
«ตอบ #470 เมื่อ08-09-2016 22:38:13 »

ดัฟเก่งมากลูก 5555555
นาซัสได้เชื้อมองแรงมาจากใครกันคะ คึคึ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 56 8 ก.ย 59 p.16
«ตอบ #471 เมื่อ08-09-2016 22:51:26 »

รุ่นลูกนี่ incest ไหมคะ? 55555

อยากเห็นท่านโฟเทียสตาย ถ้าตายไปจะเกิดอะไรขึ้น??

ปอลิง อ่านหนังสือสอบสู้ๆนะคะ :D

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 56 8 ก.ย 59 p.16
«ตอบ #472 เมื่อ08-09-2016 23:11:04 »

ครอบครัวสุขสันต์

ออฟไลน์ ราตรีสีน้ำเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 56 8 ก.ย 59 p.16
«ตอบ #473 เมื่อ08-09-2016 23:41:51 »

 o13 o13 o13

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 57 26 ก.ย 59 p.16
«ตอบ #474 เมื่อ26-09-2016 23:15:47 »

ตอนที่ 57

"ไม่! แง้ ดัฟฟ์ไม่กลับบบ ฆ่าบี้บ้าาาาา"

ดัฟฟ์ตะโกนดังลั่นเมื่อถูกคาร์บิลัสพยายามกระชากตัวเองออกจากเอวฟาร์คัส

"กินข้าวเสร็จก็ไปสักทีสิ ข้าไม่ได้พาเจ้ามาทัศนศึกษานะ ดัฟฟ์ โรงเรียนก็มีกลับไปเรียนไป" คาร์บิลัสหน้าบูดพยายามยั้งมือในการดึงไม่ให้ดัฟฟ์เจ็บมากนักซึ่งถ้าจะให้ดึงจริงๆ คงจะปลิวติดตามมือด้วยแขนช้ำม่วง

"แง้ นาซัส นาซัสก็ไม่อยากกลับใช่ไหม คิดถึงแม่เนอะ" ดัฟฟ์หันไปหานาซัสหวังจะหาแนวร่วม

นาซัสที่ไปยืนรอหน้าประตูรอกลับโรงเรียนนานแล้วเอียงคองงๆ

"แต่สัญญากับท่านพ่อแล้วนะ"

ดัฟฟ์หน้างอเผลอปล่อยมือจากเอวฟาร์คัสมากอดอก "นาซัส เจ้าต้องเข้าข้างข้าสิ แง้"

"กริสเซลต้องเป็นห่วงแน่ๆ "

พอพูดถึงปีศาจสิงโตดัฟฟ์ก็ตาโต "จริงด้วย กริสเซล แก๊ซ กริสเซลบอกว่าจะพาข้าไปกินขาหมูน้ำแดงนี่นา!" ดัฟฟ์หันขวับมองคาร์บิลัส "ฆ่าบี้ลัส ข้าอยากกลับโรงเรียนแล้ว!" พูดด้วยดวงตาเป็นประกาย

"เออดี รีบๆ ไปเถอะ จะไปกินอะไรก็ไป" คาร์บิลัสส่ายหน้ากับความตะกละของดัฟฟ์ที่ดูยังไงก็คงแก้ไม่หาย ถึงขนาดที่ว่าลืมฟาร์คัสทันทีที่ได้ยินเรื่องอาหาร

"…" ฟาร์คัสเงียบขมวดคิ้วมองดัฟฟ์พูดอะไรไม่ออก

นี่ข้าในสายตาดัฟฟ์มีค่าน้อยกว่าขาหมูน้ำแดง? 

"เย้ เย้  แก๊ซ นาซัสเจ้ามานี่สิ!" ดัฟฟ์กระดี้กระด้าถึงขีดสุดวิ่งไปลากแขนนาซัสมายืนหน้าคาร์บิลัส ขาสองข้างอยู่ไม่สุขจนแก้มที่เริ่มจะบวมสั่นขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด

ฟาร์คัสเห็นภาพนั้นก็กุมขมับ  "คาร์บิลัสข้าว่าน่าจะให้ดัฟฟ์ลดอาหารมั้งนะ" เพราะตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะบวมทั้งตัวแล้ว คล้ายกับเป็นก้อนลูกบอลกลมๆ แต่ก็ยังไม่มากนั้นทำให้ยังดูน่ารักแต่ถ้ามากกว่านี้คงจะไม่ไหว

"แง้ ไม่ แก็ซซ แง้ ไม่เอาน้า" ดัฟฟ์สะดุ้งเฮือกทำท่าจะร้องไห้ เศร้ากว่าถูกพรากออกมาจากฟาร์คัสซะอีก สองมือจับแก้มตัวเองมองฟาร์คัสตัดพ้อ "นุ่มจะตาย"

นาซัสพยักหน้าหงึกๆ ยืนยันอีกเสียงเมื่อถูกดัฟฟ์ศอกใส่แขน

"วัยกำลังโตน่า ฟาร์คัส ปล่อยๆ ให้กินไปเถอะ" คาร์บิลัสหัวเราะกับสีหน้าของฟาร์คัสที่ก้ำกึ่งระหว่างเบื่อหน่ายกับหงุดหงิด มือวาดอักขระเวทเคลื่อนย้ายในอากาศด้านหลังดัฟฟ์กับนาซัสอย่างรวดเร็วและผลักเด็กสองคนเข้าไปโดยไม่รอให้พูดมากอะไรอีก

ดัฟฟ์ยิ้มโบกมือลาเช่นเดียวกับนาซัสในวินาทีสุดท้ายก่อนจะหายไป

"ข้าว่า ถ้าเจอดัฟฟ์รอบหน้าคงจะกลิ้งได้แล้ว" ฟาร์คัสกลอกตาบ่น

คาร์บิลัสหัวเราะมองฟาร์คัสกรุ้มกริ่มที่ยังอยู่ในชุดนอน "ว่าแต่เจ้าเถอะ จะอาบน้ำเลยไหม?"

ปีศาจอีกาหน้าขึ้นสีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในห้องน้ำต่อจึงมองแพะบ้ากามดุๆ "แค่อาบน้ำนะ คาร์บิลัส"

คาร์บิลัสเลิกคิ้ว "ก็อาบน้ำไง ..หรือเจ้าอยากได้มากกว่าอาบน้ำ"  แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าฟาร์คัสหมายถึงอะไร 

"..." ฟาร์คัสชักสีหน้าเซ็งจัดดึงผ้าห่มมานอนคลุมโปงเบื่อๆ ดูเหมือนว่าอะไรๆ วันนี้ก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง..

"อย่างอนสิ ข้าแค่หยอกเล่นเอง อีกอย่างวันนี้ข้าก็ตั้งใจจะพาเจ้าไปเที่ยวด้วย ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก" คาร์บิลัสพูดง้อๆ ดึงผ้าห่มออกและยิ้มจางๆ ให้ปีศาจอีกาที่มองมาเบื่อๆ

"ก็ไปสักทีสิ" ร่างว่าที่ชายาของราชาปีศาจผุดลุกขึ้นนั่งและคล้องแขนสองข้างเข้ากับคอขอคาร์บิลัสที่ก้มลงมาอย่างรู้งาน

คาร์บิลัสยิ้มพูดเสียงพร่า

"ให้ตายสิ ข้าอยากเปลี่ยนใจชะมัด"
 

ร้านเหล้าบาร์รัสนับเป็นร้านเหล้าที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน มันถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้จวบจนปัจจุบัน ไม่แน่ใจเพราะอะไรที่ร้านนี้ถึงกลายเป็นไม่กี่ร้านที่ยังเหลือรอดมาได้ในสภาพดี อาจจะเป็นเพราะเหล้ารสเลิศสูตรลับที่เจ้าของคิดขึ้นมาเองหรือเป็นเพราะเจ้าของร้านที่เป็นบุคคลลึกลับก็ไม่อาจทราบได้

ตัวร้านนั้นถูกสร้างขึ้นมาขนาดกลางๆ ไม่โอ่อ่าแต่ก็ไม่เล็กเกินไปนัก ไม้เนื้อแข็งทนไฟทนเวทย์ที่เคยเป็นต้นไม้ขนาดสิบคนโอบถูกตัดออกมาเป็นส่วนต่างๆ ของร้าน ไม่ว่าจะหลังคา ฝ้า กำแพงหรือโต๊ะ สีของเนื้อไม้เป็นสีดำมันวาวเนื้อลื่นลวดลายดุดันคล้ายอารมณ์ห้วงลึกของต้นไม้

บริเวณรอบๆ ร้านปกคลุมด้วยป่าสนทึบราวกับมันกำลังซุกซ่อนตนเองจากโลกภายนอก มีเพียงผู้ที่มันเลือกเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์มาลิ้มรสร้านนี้ได้ สิ่งที่พอจะทำให้รู้ว่าร้านยังคงเปิดอยู่คือป้ายหน้าร้านที่เขียนว่าบาร์รัสซึ่งมันก็ถูกเขียนกำกับด้วยลายมือหวัดๆ สีทองว่าเปิด

เสียงเพลงเก่าๆ สำเนียงประหลาดฟังแปลกหูแต่ก็ลื่นหูไม่เบาดังแว่วออกจากบานประตูที่ปิดไม่สนิทเพราะลูกค้าคนล่าสุดเพิ่งเดินออกมาอย่างเมามาย สติสัมปะชัญญะที่เหลืออยู่ไม่มากทำให้ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักกับการปิดประตู
ทำให้คนที่เคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกถึงกับเผยสีหน้าประหลาดใจและเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว

น่ากลัวชะมัด

ฟาร์คัสคิดในใจ สภาพภายนอกตอนนี้เหมือนบ้านผีสิง ทั้งดูน่าเกรงขามทั้งน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

"ที่นี่เป็นร้านดังในหมู่ปีศาจชั้นสูง" คาร์บิลัสยิ้มขณะที่รวบที่เอวของฟาร์คัสให้เข้ามาอยู่ใกล้ๆ ตัวเอง โน้มหัวกระซิบข้างหูฟาร์คัสราวกับกลัวว่าใครจะได้ยิน "ทั้งราคาสูง ร้านก็หายาก ไหนจะเจ้าของร้านเรื่องมากที่ไม่ชอบหน้าใครก็จะโยนคนนั้นออกอีกต่างหาก"

ผลั่ก

ไม่ทันขาดคำก็มีปีศาจแต่งตัวหรูหราด้วยชุดสีทองสว่างขลิบดำทั้งตัวถูกโยนออกมาจากร้าน ผมสีดำสนิทที่ถูกหวีมาอย่างดีกลายเป็นยุ่งเหยิงเต็มด้วยฝุ่นสกปรก

"บัดซบ! นี่ข้าเพิ่งนั่งเองนะ ทำไมถึงกล้าโยนข้าออกมา เวรเอ้ย" ปีศาจตนนั้นว่าอย่างหงุดหงิดลุกขึ้นยืนมองเข้าไปยังประตูที่ปิดสนิทของร้านอย่างกราดเกรี้ยว ด้วยความโมโหจึงชี้นิ้วไปที่ประตูและวาดวงเวทย์ที่สามารถเรียกพายุเพลิงมาเผาร้านนี้ให้ไหม้ไปทั้งร้าน

ฟ่อ..

เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูปีศาจตนนั้นเป็นเวลาเดียวกับความรู้สึกชื้นแฉะบริเวณใบหู

ปีศาจตนนั้นคล้ายถูกแช่แข็ง ยืนตัวแข็งค้างหยุดหายใจเมื่อเห็นว่าข้างกายของตนนั้นมีงูขนาดยักษ์สีดำปรากฎตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้! เขี้ยวยาวสองข้างถูไถที่ลำคอมันเล่นพร้อมๆ กับใช้ลิ้นเลียที่หู

ตึง

ปีศาจตนนั้นเป็นลมสลบไปทันทีล้มพับลงกับพื้นทำให้เจ้างูยักษ์หาวหวอดแล้วเลื้อยเอื่อยๆ กลับเข้าไปในบ้านไม้หลังเล็กที่ตั้งอยู่ข้างๆ ร้านซึ่งถ้าหากไม่สังเกตดีๆ คงจะไม่เห็น ก่อนที่จะเข้าไปในบ้านของมัน มันเหลือบมองลูกค้าที่มาใหม่สองคนง่วงๆ แล้วจึงหลับต่ออย่างไม่ใส่ใจราวกับไม่เห็นว่าไม่มีค่าใดๆ ในสายตา

"แต่เจ้าของร้านชอบหน้าข้านะ ข้ามากินบ่อยอยู่" คาร์บิลัสยืดอกราวกับภูมิใจมากแล้วจับมือฟาร์คัสพาเข้าไปในร้าน แต่พอจะเข้าไปจริงๆ ฟาร์คัสกลับยืนนิ่งอยู่หน้าประตู

"ฟาร์คัส?" คาร์บิลัสเรียกงงๆ 

ฟาร์คัสสะดุ้งเฮือกเพิ่งได้สติ "เปล่าไม่มีอะไร" ที่ปีศาจอีกาไม่ก้าวขาต่อเพราะความกลัวจากเบื้องลึกเกาะกุมร่างทั้งร่างจนหนักอึ้ง บรรยากาศน่าหวาดระแวงรอบๆ ดูๆ ไปแล้วไม่ชวนให้อยากเข้าไปจิบเหล้าหรือกินอะไรสักนิด

คาร์บิลัสยิ้มอ่อนโยนลูบหัวฟาร์คัส "มีราชาปีศาจอย่างข้าทั้งคน เจ้ายังต้องกลัวอีกเหรอ?"

"..." 

ไหล่ที่ตึงเครียดทั้งสองข้างของปีศาจอีกาจึงผ่อนคลายลง ปฎิเสธไม่ได้ว่าสัมผัสอุ่นๆ จากมือคาร์บิลัส ชวนให้รู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

"หวังว่าเหล้าที่นี่จะอร่อยสมราคาคุยของเจ้า" ฟาร์คัสพูดพึมพำจับมือคาร์บิลัสแน่น อย่างไรก็ตามความหวาดกลัวลึกๆ มันก็ยังคงอยู่ไม่ได้หายไปไหน

"แน่นอน เจ้ากินแล้วจะติดใจ" คาร์บิลัสพูดเรื่อยเปื่อยผลักบานประตูไม้เก่าเข้าไปเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด
"!!" ฟาร์คัสตกใจอีกครั้งเพราะภาพข้างนอกกับข้างในต่างกันลิบลับ

ภายในนั้นถูกตกแต่งอย่างสวยงามแฝงความดุดันตามศิลปะของชาวปีศาจในยุคก่อนซึ่งหาดูได้ยาก ห้องทั้งห้องนั้นเป็นห้องโถงสูง ตรงกลางห้องมีโคมไฟปักเทียนสีดำส่องแสงสลัว โต๊ะที่ใช้นั้นส่วนใหญ่เป็นโต๊ะกลมกับเก้าอี้ไม้ขัดมันหรูหราเป็นรูปงูพันเกี่ยวกันเป็นเก้าอี้ บนพื้นมีพรมขนสัตว์ขนาดยักษ์ที่คาดว่าจะเป็นเสือดำ 

แต่สิ่งที่เตะตาที่สุดคงจะเป็นมุมห้องที่เหมือนร้านเหล้าทั่วไปคือมีโต๊ะยาวกับเก้าอี้ตัวเล็กรอบๆ และมีขวดเหล้าต่างๆ ตั้งเรียงรายไว้บนชั้น โดยปกตินั้นอย่างมากสุดของแต่ละร้านจะรวมๆ ได้เพียงแค่ร้อยขวด แต่ที่นี่กลับมีเป็นพันๆ ขวดละลานตาไปหมด เรียงตั้งแต่ขนาดเล็กไปใหญ่ไล่เฉดสีตั้งแต่สีดำยันสีรุ้ง ราวกับว่าเหล้าทุกชนิดของทุกดินแดนมากระจุกตัวกันอยู่บนชั้นวางด้านหลังซึ่งมันก็ถูกกระจกใสกั้นไว้ชั้นนึงและอักขรเวทสำหรับกันขโมยอีกชั้นนึง

"แต่ก็น่าเสียดายนะ ที่ร้านนี้ไม่ค่อยมีคนรู้จัก" 

เพราะโต๊ะภายในร้านที่มีเกือบยี่สิบตัวนั้นมีเพียงแค่ห้าหกโต๊ะที่โดนจับจองเท่านั้นซึ่งส่วนใหญ่ก็มาเพียงคนเดียว ราชาปีศาจหันซ้ายหันขวาหาโต๊ะประจำของตัวเองก็พบว่ามันว่างพอดี จึงรีบลากฟาร์คัสไปนั่ง

"เจ้าอยากกินอะไร? หรือจะให้ข้าสั่งให้" คาร์บิลัสถามชายาตัวเองที่ยังจ้องขวดเหล้าพวกนั้นไม่หาย

"เจ้าสั่งให้" ฟาร์คัสไม่ใช่เคยเหล้าของปีศาจเลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่เคยกินจะเป็นของมนุษย์ไม่ก็พวกนกบอกลางซะส่วนใหญ่ 

คาร์บิลัสตีสีหน้าเฉยเมยทั้งๆ ที่ในใจยิ้มกริ่ม

เสร็จข้าล่ะ!

"..ต้องการอะไร" เสียงทุ้มหนักแน่นดังขึ้นข้างหูทั้งคาร์บิลัสและฟาร์คัส

ฟาร์คัสสะดุ้งเฮือกอีกรอบ พยายามหาที่มาของต้นเสียงข้างๆ ก็พบว่าเป็นอากาศว่างเปล่า มือเผลอคว้ามือคาร์บิลัสขึ้นมาจับแน่น นัยน์ตาสีดำสนิทฉายแววตื่นตระหนก

"เขาอยู่ตรงนั้น เจ้าไม่ต้องกลัว" คาร์บิลัสกล่าวเสียงนุ่มชี้ไปทางมุมห้องที่เคยว่างเปล่า ในตอนนี้ปรากฏร่างยักษ์สวมชุดคลุมมิดชิดเห็นเพียงถุงมือสีดำสนิทกำลังใช้ผ้าสีดำขัดแก้วใส่ในมือ ก่อนที่จะวางมันบนโต๊ะเหล้าและหันหลังไปจัดแจงเหล้าที่วางอยู่บนชั้นอย่างเงียบเชียบ

ฟาร์คัสสูดหายใจลึก ฟุบหน้าลงกับโต๊ะทั้งๆ ที่ยังคงจับมือคาร์บิลัสอย่างเหนียวแน่น

น่ากลัว...

นั่นเป็นสิ่งที่ฟาร์คัสรู้สึกได้หลังจากหันไปมองสิ่งๆ นั้น

คาร์บิลัสใช้มืออีกข้างลูบหัวฟาร์คัสพยายามปลอบ "ขอเป็นพอนนีสสองแก้วขอรับ" ราชาปีศาจเลือกที่จะพูดอย่างสุภาพและถ่อมตน เพราะรู้ดีว่าเจ้าของร้านนี้ไม่ใช่มนุษย์หรือปีศาจ แต่เป็นอะไรที่ทรงอำนาจมากกว่านั้นที่แม้แต่เขายังไม่รู้แน่ชัดว่าตัวอะไร

"อืม" เสียงทุ้มกล่าวตอบ ร่างยักษ์ตรงมุมห้องเริ่มขะมักเขม้นกับการผสมเหล้าสีดำทมิฬรสแรงจัดกับเหล้าสีขาวรสนุ่มจัดโดยเทมันลงในแก้วใสใช้ช้อนเงินคนเบาๆ จนกลายเป็นเนื้อเดียวและปิดท้ายด้วยการนำกลีบกุหลาบสีขาวที่ไหม้ไปครึ่งหนึ่งวางบนผิวน้ำ ซึ่งหลังจากแก้วแรกเสร็จก็ทำซ้ำอีกครั้ง

♪~

เพลงปีศาจเก่าๆ จังหวะรวดเร็วชวนให้เลือดในกายร้อนรุ่ม กระปรี้กระเปร่า จนปีศาจโต๊ะข้างๆ ที่เคยนั่งจิบอยู่เงียบๆ เริ่มร้องเพลงคลอตามเสียงดัง ทำให้บรรยากาศเงียบเชียบเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นคึกคัก 

พอมีคนเริ่มก็ต้องมีผู้ตาม ปีศาจที่เหลือๆ อยู่ในห้องร้องกันเสียงดังลั่นจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเลือด ใบหน้าพวกเขาล้วนแดงก่ำอย่างเมามาย มือไม้ที่ว่างเริ่มเคาะโต๊ะเป็นจังหวะตามเสียงดนตรี

เพราะบรรยากาศที่เปลี่ยนไปทำให้ฟาร์คัสกล้าพอที่จะเงยหน้าขึ้นมามองสิ่งนั้นอีกครั้ง พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจอะไรใดๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องโถงแม้แต่น้อย ตั้งหน้าตั้งตากับการจัดแจงแก้วเหล้าใส่ถาด

"ฟาร์คัส"

"..." เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียกเลิกคิ้วน้อยๆ เชิงถาม

คาร์บิลัสยิ้มจางขณะที่พูด "พอนนีสที่ข้าสั่งเป็นเหล้าหนึ่งในสูตรลับของร้านนี้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะชอบมัน เพราะข้าชอบมันมาก"
อีกทั้งยั้งเมาง่ายมากสำหรับนักดื่มที่ไม่ใช่คอทองแดง รสชาติหวานลิ้นหากแต่ก็ขมปร่าในเวลาเดียวกันนั้นชวนให้หลงใหลจนรู้ตัวอีกทีกองอยู่ที่พื้นแล้ว แรกๆ ที่คาร์บิลัสดื่มมันนั้นเมาจนกลับบ้านไม่ถูกต้องให้เพื่อนสองคนนั้นที่มาด้วยพากลับบ้าน

"เสร็จแล้ว"

เสียงทุ้มดังซ้ำอีกครั้งพร้อมกับปรากฎถาดแก้วกับแก้วเหล้าสองแก้วบนโต๊ะของราชาปีศาจในพริบตา

คาร์บิลัสยิ้มเมื่อเห็นฟาร์คัสมองอย่างสนใจ ส่วนตัวเองก็หยิบทองคำที่ถูกแกะสลักเป็นรูปพระอาทิตย์ขนาดเท่าฝ่ามือวางบนโต๊ะแทนค่าตอบแทนอย่างรู้งาน 

ที่ร้านเหล้าบาร์รัสสิ่งที่เจ้าต้องจ่ายนั้นไม่ใช่เงินแต่เป็นสิ่งของอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับท่านโฟเทียส ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดเหมือน รูปปั้นเล็กๆ หรือสิ่งที่สร้างขึ้นมาบูชาอะไรทำนองนั้น นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าของร้านผู้ลึกลับจะบอกต่ออาคันตุกะที่ถูกชะตาด้วยที่มาเข้ามาในร้านครั้งแรกซึ่งบางครั้งก็อาจจะหยวนๆ ให้จ่ายเป็นเงินหรือไม่ก็ให้กินฟรีไปเลย 

"...ดี"

เขาพูดเสียงพร่าก่อนที่ค่าตอบแทนบนโต๊ะหายไปในพริบตา

บนโต๊ะนั้นปกคลุมด้วยความเงียบมีเพียงความรู้สึกหวานๆ จางๆ อวลในอากาศเมื่อคอเหล้าสองคนสบตากัน แก้วสองใบถูกยกขึ้นมาชนแก้วกันเบาๆ จนเกิดเสียงแกร้ง

"แด่ชีวิตรัก" คาร์บิลัสยิ้มก่อนที่จะจิบมันอย่างช้าๆ

ฟาร์คัสกลอกตาไม่ใส่ใจนักกับคำพูดของคาร์บิลัส มือถือแก้วจรดที่ปลายจมูกได้กลิ่นหอมเหมือนดอกไม้และเมื่อลองจิบเข้าไปอึกเล็กๆ ก็รู้สึกถึงความร้อนที่แผดเผาไปทั้งลำคอจนต้องแลบลิ้นออกมาแต่ความหวานนั้นก็ชวนให้ลิ้มลองอีก ซึ่งฟาร์คัสก็ทนแรงต้านจากความคิดลึกๆ ของตัวเองไม่ไหวจิบต่อไปเรื่อยๆ คำใหญ่ สนุกกับการถูกแผดเผาลำคอเมามายกับรสหวานลิ้นที่มาพร้อมกับการทำลายสติสัมปะชัญญะ

แก้วใสที่ไม่มีเหลือเหล้าแม้แต่หยดเดียวถูกวางตรงหน้าคาร์บิลัส

โดยมีผลสรุปออกมาคือ ฟาร์คัสเมาไปแล้วโดยสมบูรณ์

"คาร์บิลัส" ฟาร์คัสหน้าแดงก่ำเรียกคาร์บิลัสเสียงนุ่มผิดวิสัย "กอดข้าหน่อย" มองราชาปีศาจตาหวานฉ่ำพร้อมยกมือสองข้างทำท่าจะกอด

คาร์บิลัสรู้สึกถึงหัวใจในอกที่เต้นโครมคราม รู้สึกคลั่งที่เห็นฟาร์คัสน่ารักขนาดนี้เพราะไม่มีครั้งไหนที่เจ้าตัวจะยอมพูดและอ้อนแบบนี้! 

"มาสิ" 

ฟาร์คัสยิ้มยอมเดินเซๆ ไปหาคาร์บิลัสและทิ้งตัวลงตักซุกหัวบนอกหนาและถูไถเหมือนเด็กตัวเล็กๆ

"เป็นอะไร" คาร์บิลัสถามยิ้มๆ โอบเอวไว้หลวมๆ 

"คิดถึง.. เจ้าชอบไม่อยู่ อยู่คนเดียว น่าเบื่อ" 

ความคิดลึกๆ ของฟาร์คัสที่จ้างให้ตายฟาร์คัสก็ไม่พูดออกมา ตอนนี้กลับพูดออกมาอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเปล่าปีศาจอีกาที่ชอบทำหน้าเย็นชาใส่คาร์บิลัสกลับทำหน้าน่าสงสาร

คาร์บิลัสยิ้มจนปวดแก้ม "ข้าก็บอกแล้วว่าให้มาอยู่ในห้อง"

"ดูหน้าลูกน้องเจ้าแต่ละคนก็รู้แล้ว ว่าไม่อยาก.. ให้ข้ามา" ฟาร์คัสหน้าบูดทันควัน 

"ใครไม่พอใจ บอกข้ามาสิ" คาร์บิลัสกระซิบถามเสียงนุ่ม ไม่ได้ติดใจจะเอาความอะไรกับพวกนั้นจริงๆ จังๆ นัก เพราะพอฟาร์คัสมาอยู่ในห้องเขาก็ฟุ้งซ่านจริงๆ นั่นแหละ คิดแต่เรื่องฟาร์คัสในหัวจนทำงานที่ชาคอสเตรียมไว้ให้รวนไปหมด 

"ข้าไม่ใช่คนขี้ฟ้อง ช่างมันเถอะ"

ฟาร์คัสพูดเสียงงึมงำเริ่มรู้สึกง่วงจึงเงยหน้าขึ้นไปจูบริมฝีปากคาร์บิลัสระยะเวลาสั้นๆ แล้วผละออกมาหาวหวอด "ข้าง่วงแล้ว"

"ไม่เอาน่า เจ้าเพิ่งนอนไปเองนะ" คาร์บิลัสตกใจเล็กๆ กับจูบเมื่อกี้แต่ก็รู้สึกดีมากกว่าจึงโน้มหน้าลงไปตั้งใจจะหอมแก้มบ้าง

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฟาร์คัสไม่มีการป้องกันตัวคาร์บิลัสจึงรุกเอาๆ จนถ้าเกิดว่าอยู่ๆ ฟาร์คัสได้สติขึ้นมา ศพของราชาปีศาจคงจะไม่สวยนัก

"พอ พอแล้ว" ฟาร์คัสปัดหน้าคาร์บิลัสออกหัวเราะในลำคอ "เจ้ามันไม่ใช่แพะ เจ้ามันจิ้งจอกชัดๆ"

"แล้วเจ้าล่ะ ถ้าไม่ใช่อีกาจะเป็นตัวอะไร"

ฟาร์คัสนิ่งไปสักพักคิ้วขมวดเล็กๆ ก่อนที่จะหน้าแดง "ก็เป็นชายาเจ้า"

คาร์บิลัสสะดุ้งซึ่งสะดุ้งแรงมาก

"จะตก..ใจอะไรนัก แพะปัญญาอ่อน"

ก็ตกใจเจ้านั่นแหละ 

ราชาปีศาจคิดในใจยิ้มแหยๆ เอื้อมมือไปหยิบแก้วของตัวเองมาจิบบ้างซึ่งมันก็เหลืออยู่ไม่มาก แต่ต่อให้หมดแก้วก็ไม่สามารถให้คาร์บิลัสเมาได้

แต่พอจะจรดริมฝีปากก็ถูกมือดีแย้งยื้อไป

"แพะโง่ ข้าจะกิน..."

ดูเหมือนว่าฟาร์คัสคงจะชอบจริงๆ ถึงได้มองด้วยสีหน้าน่ากอดแบบนั้น แต่ไม่! ถ้าฟาร์คัสกินอีกแก้ว คงไม่ต้องกลับบ้านกันพอดี โดนข้าจับมอมให้เมาจะได้น่ารักแบบไปทั้งวัน

"พอแล้ว ฟาร์คัส เดี๋ยวเราก็กลับบ้านแล้ว"

อย่างว่าการเป็นราชาปีศาจไม่ง่าย การทิ้งงานหนีมาเที่ยวเอาเข้าจริงก็ไม่ได้ทำให้คาร์บิลัสสบายใจนัก อีกอย่างสองสามคืนที่ผ่านนี้ก็กินอีกาจนพอใจแล้ว

ฟาร์คัสชักสีหน้า "ข้าอยากกิน" พยายามออกแรงเพิ่มแต่ก็ไม่ได้ผล 

คาร์บิลัสถอยหายใจตัดสินใจซดมันจดหมดในคราวเดียวแล้วรวบตัวฟาร์คัสขึ้นอุ้มและสืบเท้าออกจากร้านโดยมีเสียงตะโกนแซวไล่หลังจากหลายๆ โต๊ะที่เมามาย ราชาปีศาจทำเพียงแค่ยิ้มรับและหัวเราะแม้ว่าแต่ละคำนั้นหยาบโลน ลามก แต่จะไปถือสาอะไรกับคนเมาล่ะ? พวกเขาล้วนพูดในสิ่งที่ตนคิดทั้งนั้น

"ปล่อยข้าา"  ฟาร์คัสดิ้นพยายามตะเกียกตะกายออกจากแขนแกร่งเพื่อที่ตัวเองจะได้ไปสั่งพอนนีสมากินอีก

"อย่าดื้อ" คาร์บิลัสดุและใช้ไหล่ปิดประตูดังปังเป็นการดับฝันฟาร์คัส

ฟาร์คัสแค่นเสียงเหอะกลับมาอยู่นิ่งๆ หน้าตาบูดบึ้งราวกับเด็กๆ 

"เดี๋ยวข้าพามากินอีกน่า" คาร์บิลัสพยายามง้อ

"…"

"ฟาร์คัส"

"…"

คาร์บิลัสเริ่มหน้าเสียแต่พอสังเกตชายาตัวเองดีๆ ก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นหลับไปแล้ว 

"เด็กชะมัด"

ร่างราชาปีศาจหัวเราะเสียงดังจนเจ้างูเหลือบมองแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ อย่างรำคาญจนกระทั่งร่างลูกค้าหายไปจากครรลองสายตาจึงหลับตานอนต่อ

------------
กลับมาแล้วค่ะ   :katai4:

รุ่นลูกไม่ incest ค่ะ ตอนแรกก็กะจะอยู่ แต่คิดไปคิดมาไม่ดีกว่า 55555

ท่านโฟเทียสตายไม่ได้ค่ะ ไม่มีใครสามารถฆ่านางได้  :z10: อารมณ์เหมือนเป็นพระเจ้าผู้สร้างโลกอะไรแบบนั้นค่ะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2016 23:20:45 โดย Foggy Time »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 57 26 ก.ย 59 p.16
«ตอบ #475 เมื่อ26-09-2016 23:34:16 »

นี่ก็ร้าน fc ท่านโฟเทียสอีกปะเนี่ยยยยย

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 57 26 ก.ย 59 p.16
«ตอบ #476 เมื่อ27-09-2016 06:20:59 »

เบื่อโฟเทียสมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ก.สิบห้าล้านตัว

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 57 26 ก.ย 59 p.16
«ตอบ #477 เมื่อ27-09-2016 21:37:30 »

ทันเทพมีมาเปิดร้านเหล้าด้วยเนาะ 5555

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 58 16 ต.ค 59 p.17
«ตอบ #478 เมื่อ16-10-2016 23:29:46 »

ตอนที่ 58
 

"ท่านคาร์บิลัส!!!"

คอร์สที่กำลังกวาดถูห้องคาร์บิลัสสะดุ้งจนตัวลอย หูตั้งชันตื่นตระหนก "ทำไมครั้งนี้ท่านกลับมาไวจัง ปกติท่านไปสองสามวันไม่ใช่เหรอ?!"

"กลับมาไวๆ ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ" คาร์บิลัสหัวเราะหึๆ อารมณ์ดี สาวเท้าตรงดิ่งไปที่เตียงซึ่งคอร์สก็รีบกระโดดหลบเพราะตนเองนั้นยืนขวางทางอยู่

ร่างของปีศาจอีกาถูกวางลงบนเตียงอย่างบรรจง แม้แต่ว่าเจ้าตัวจะเข้าสู่สถานะหลับตายแล้วก็ตาม ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำจากเหล้าฤทธิ์แรงต่างจากคาร์บิลัสที่ยังคงปกติ

"ท่านคาร์บิลัส ท่านมอมเหล้าท่านฟาร์คัสเหรอ" ปีศาจกระต่ายย้ายร่างย้วยๆ ของตัวเองมาใกล้เตียง ชะเง้อฟาร์คัสอย่างสนอกสนใจ 

"ข้าแวะไปบาร์รัสน่ะ คิดถึงที่นั้นนิดหน่อย" คาร์บิลัสพูดยิ้มๆ ขณะที่มองฟาร์คัส ร้านเหล้านั่นชอบไปตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่แล้วก็ไปแวะเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนมาไล่จีบฟาร์คัสเนี่ยแหละถึงไม่ค่อยได้ไปเหมือนเดิม

คอร์สพยักหน้าหงึกๆ "ข้าขอกวาดต่ออีกแปปนึงนะขอรับ ใกล้จะเสร็จแล้ว" พยายามใช้แขนสั้นๆ ควงไม้กวาดยิกๆ ให้ไวขึ้น

ราชาปีศาจขมวดคิ้วมุ่น "ข้าว่าเจ้าก็เรียนเวทย์มนตร์มานะ จะมากวาดให้เสียเวลาทำไม" ดีดนิ้วดังเป๊าะฉับพลันฝุ่นห้องทั้งห้องของถูกลมห่าใหญ่พัดออกไปทางหน้าต่างทันที

"ท่านก็รู้ว่าข้าใช้เวทย์ได้ห่วยแตกมาก" คอร์สหัวเราะแห้งๆ ไอ้ใช้ก็ใช้ได้อยู่หรอก แต่มันจะได้ผลตามที่คิดรึเปล่านั่นก็อีกเรื่อง 

แก๊กๆ

คาร์บิลัสมองคอร์สเบื่อๆ ก่อนจะหันไปมองกระจกที่มีเสียงเหมือนโดนอะไรขูด

ฮื่อออ

"โทษที ข้าลืมไปเลย" รีบเดินไปเปิดกระจกให้หัวมังกรที่มีเพียงกระดูกเข้ามาคลอเคลียตัวเอง มือหนาลูบมันเบาๆ อย่างเอ็นดู "ขอบใจเจ้ามาก"

มังกรกระดูกคำรามฮื่อๆ เหมือนจะอ้อน มันถูหัวอีกสองสามครั้งกับอกแกร่งของนายมัน ก่อนที่จะหันไปมองปีศาจที่แอบลอบมองมันและคำรามดังลั่นจนอากาศสะเทือน

เหล่าปีศาจที่ลอบมองด้วยใจหวั่นๆ รีบพากันหลบเข้าบ้านทันที ไอ้มังกรกระดูกนี่มาแต่ละครั้งก็ไม่ชวนให้อภิรมย์ใจสักรอบ!

"ข้า.. ขออวยพรให้ท่านมีความสุขเช่นกัน" เสียงแหบห้าวดังลั่นในอากาศ เป็นเสียงของมังกรกระดูกที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันสามารถพูดได้

ซึ่งก็ยกเว้นคาร์บิลัสอีกเช่นกัน 

"ขอบคุณ" คาร์บิลัสยิ้มนุ่ม ทำให้ใบหน้าคมนั่นดูหล่อเหลามากขึ้นอยากเห็นได้ชัด

ถึงแม้มังกรกระดูกจะไม่มีริมฝีปากแต่คาร์บิลัสก็คล้ายกับเห็นรอยยิ้มจางๆ ที่มันส่งมาให้ก่อนที่มันจะพยักหน้าเบาๆ และหายไปในอากาศ

"ท่านคาร์บิลัส ท่านจะให้ข้าบอกชาคอสไหม ว่าท่านกลับมาแล้ว" คอร์สตอนนี้ยืนอยู่หน้าประตูเตรียมจะโกยออกจากห้องเพราะตอนนี้หมดหน้าที่ของตัวเองแล้ว (ตั้งใจจะมาทำความสะอาดห้องให้) 

"ไม่ต้อง เจ้ารู้ ชาคอสก็รู้" คาร์บิลัสไหวไหล่เดินกลับไปล้มตัวนอนบนเตียงและดึงฟาร์คัสเข้ามากอดแน่นโดยไม่สนว่ามีใครอยู่ในห้องอีกคนนึง "วันนี้ข้ากลับมาแล้วก็จริง แต่ก็ยังถือว่าเป็นวันหยุดของข้าอยู่ดี"

ไม่แน่ใจเพราะบรรยากาศอุ่นๆ หรืออะไรที่ทำให้คอร์สรู้สึกว่าราชาปีศาจวันนี้ดูน่าเอ็นดูแปลกๆ เหมือนเด็กที่ได้ของเล่นถูกใจ หวงไม่ยอมให้ใครเล่น

ร่างที่ควรทรงอำนาจพออยู่กับชายาก็ไม่ต่างกับปีศาจทั่วไป ไม่สิ ท่านคาร์บิลัสก็เป็นปีศาจอยู่แล้วนี่? 

คอร์สส่ายหน้าเบาๆ กับความคิดแปลกๆ ของตัวเอง "งั้นข้าขอตัวนะขอรับท่านคาร์บิลัส" 

ซึ่งก็ได้คำตอบเป็นคำห้วนๆ ว่าเออ ไปสักที

ปีศาจกระต่ายตัวอ้วนหูตกหงอยๆ ออกจากห้องแต่พอออกจากห้องก็ต้องยืดหลังตรงทำตัวเคร่งขรึม เมื่อมีปีศาจที่มาฝึกงานในปราสาทเดินไวๆ เข้ามาตัวเอง

"ท่านคอร์สขอรับ! มีจดหมายถึงท่านคาร์บิลัสด้วยขอรับ" ปีศาจตนนั้นพูดหน้าตื่นๆ ยื่นลังที่ภายในเต็มไปด้วยกระดาษที่ถูกเขียนจำนวนมหาศาล

คอร์สก้มลงดมฟุดฟิดก็พ่นลมหายใจเบื่อๆ "ชมรมท่านคาร์บิลัสจงเจริญ?"

"ไม่ทราบขอรับ เมื่อกี้ข้ากำลังจะกลับบ้าน อยู่ๆ ก็โดนเด็กที่ไหนไม่รู้มายัดลังนี่ใส่มือ"

มือขาวๆ ที่เต็มไปด้วยขนนุ่มแปะที่ขมับเซ็งๆ "เมื่อไหร่ชมรมนี่มันจะยุบๆ ไปสักที ท่านคาร์บิลัสไม่ได้ว่างมาอ่านจดหมายไร้สาระของพวกเจ้าหรอกนะ" คอร์สบ่นเสียงดังไม่คิดจะปิดบัง

"แล้วท่านจะเอายังไงกับนี่ล่ะขอรับ ให้ข้าเอาไปทิ้งไหม?" 

"ไม่ต้อง เดี๋ยวเจ้าเอาไปวางไว้ในห้องทำงานท่านคาร์บิลัสนะ เดี๋ยวท่านเบื่อๆ ว่างๆ ก็คงมานั่งอ่านเอง"

"ขอรับ เฮ้อ ข้าว่าจะหลับให้เต็มอิ่มซะหน่อย ทำไมต้องมาเจอเด็กพวกนี้เนี่ย" ปีศาจตนนั้นรับคำบ่นกระปอดกระแปดระหว่างที่เดินไปยังห้องทำงานของคาร์บิลัส

หูกระต่ายที่ตั้งชันทำให้คอร์สได้ยินประโยคที่ว่านั้นพอดีแม้ว่าจะเดินไปไกลแล้วก็ตาม

"แค่นี้ยังน้อย" คอร์สพูดด้วยสีหน้าแหยงๆ ขณะที่กำลังเคี้ยวแครอทที่พกติดตัวมาด้วย "ตอนที่เด็กพวกนั้นรู้ว่าข้าเป็นคนสนิท ข้าเกือบจะโดนลักพาตัวไปด้วยซ้ำ"


วันนี้เป็นวันหยุด 

ทำให้นักเรียนปีศาจห้องพิเศษสามารถนั่งๆ นอนๆ ในหอพักได้ แต่ภายในห้องตอนนี้กลับเหลือสมาชิกอยู่แค่สี่คน ส่วนที่เหลือแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง โนแลนพาลาสไปซื้อโบว์สีขาวที่เพิ่งถูกดัฟฟ์เผาไป เอิร์ลไปเข้าชมรมผีผีผีทั้งวัน ฟอร์ดกับโมลอคโบถส์

สาเหตุที่ทั้งห้ายังคงนอนรออยู่ในห้องเพราะมีนัดว่าจะพาดัฟฟ์กับนาซัสไปกินร้านขาหมูน้ำแดงร้านดังที่อยู่ข้างโรงเรียนปีศาจ 

"เจ้าว่าดัฟฟ์หายไปถึงไหน? ข้าว่าหนักสุดคงจะเป็นปราสาทท่านคาร์บิลัส" คาอิสที่นอนบนเตียงพูดเซ็งๆ ไม่ต่างจากคนอื่นที่สีหน้าเซ็งจัดเหมือนกัน

"ไม่รู้สิ ข้าว่าดีไม่ดีไปถึงเมืองมนุษย์แล้วมั้ง หายไปนานขนาดนี้" ออสการ์ปีศาจพรายน้ำหาวหวอดรู้สึกเบื่อจนอดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองพลาดที่ไปรับปากว่าจะไปกับดัฟฟ์ด้วย

กริสเซลหน้างอ "เจ้าอย่ามาว่าดัฟฟ์นะ! ดัฟฟ์เพิ่งเคยใช้เวทย์จริงๆ จังๆ เอง ไม่เหมือนพวกเจ้าที่พ่อแม่สอนตั้งแต่เดินได้"

"เอ๋ เอ๋ แต่พ่อแม่ข้าไม่เคยสอนนะ! ท่านบอกว่ามีโรงเรียนให้เรียนก็มาเรียนสิ จะสอนเองทำไม" กาลันพูดด้วยสีหน้าซื่อๆ ทำให้กริสเซลด่าอะไรไม่ออก

"ข้าไม่ได้ว่าเจ้าสักหน่อย กาลัน เจ้าจะร้อนตัวทำไมเล่า"

"อ้าวเหรอ ฮะๆ" กาลันส่งสีหน้าเหรอหราแล้วหัวเราะแหะๆ 

ทำให้อารมณ์ของปีศาจสิงโตบูดมากขึ้นไปอีก จนเจ้าตัวกลับไปทิ้งตัวนอนบนเตียงไม่คุยกับใครต่อ

เฮย์ที่เห็นสถานการณ์ภายในห้องเริ่มย่ำแย่จึงตัดสินใจเปิดประเด็นใหม่ขึ้นมา "นี่ๆ เจ้ารู้เปล่า พ่อข้าน่ะนะเคยไปปิดร้านขาหมูน้ำแดงนั่นเพื่อจัดงานวันเกิดข้าด้วย!" พูดไม่พอยืดอกอย่างภูมิใจ

"อืม อืม น่าตื่นเต้นจัง" ออสการ์เหลือบมอง "กับอีแค่ขาหมูน้ำแดงเจ้าจะดีใจอะไรนักหนา"

ท่าทีตอบรับของออสการ์ทำเอาเฮย์ใจฝ่อลงเล็กๆ ความขี้อวดกับความมั่นใจภายในตัวราวกับหายไปในชั่วระยะเวลาสั้นๆ "ก็ .. ก็ อ้อ! สงสัยเจ้าไม่เคยกินร้านนี้สินะ ถึงพูดแบบนี้ได้ ถ้าเจ้าเคยกินรับรองเลยว่าเจ้าจะอิจฉาข้ามากๆ"

คนอื่นๆ ที่เหลือภายในห้องพากันลอบถอนหายใจเซ็งๆ เนียนๆ เพราะดูยังไงไอ้นิสัยขี้อวดของเฮย์ก็ดูจะแก้ไม่หายสักที

"คาอิส ไอ้ร้านนี่มันอร่อยจริงเหรอ ข้าเคยได้ยินแต่ชื่อไม่เคยกินสักที" ออสการ์ถามพลางหาวไปด้วย

เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นจากหมอนที่ซุกอยู่แล้วจึงพูด "ก็อร่อยดี ไม่รู้สิ แต่สำหรับข้ามันก็รสชาติพอๆ กับโรงอาหารโรงเรียนเรา"

"สรุป อร่อยไม่อร่อย ถ้าไม่อร่อยข้าจะไม่ไปแล้ว" พรายน้ำหน้างอ "รู้งี้ข้าไปเข้าชมรมว่ายน้ำยังดีกว่าเลย"

"เฮ้ๆ เจ้าสัญญากับข้าแล้วนี่ ว่าจะไปกินเป็นเพื่อนข้า" มังกรไฟสะดุ้งตื่นทันที หันมองออสการ์ดุๆ "เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าเกลียดชมรมว่ายน้ำของเจ้า ขืนเจ้าให้ข้าไปเป็นเพื่อนบ้าง ข้าไม่ไปหรอกนะ"

ออสการ์ขมุบขมิบปากด่าคำหยาบคายไม่ออกเสียง "กับอีแค่น้ำ เจ้าจะเกลียดอะไรนักหนา"

"มันก็เหตุผลเดียวกับที่เจ้าเกลียดไฟนั่นแหละ"

ทิฐิที่มีมากล้นในตัวออสการ์ ทำให้เจ้าตัวหงุดหงิดจนตัวสั่นเทิ้ม ปีศาจพรายน้ำคนนี้ไม่ชอบการโดนตอกกลับจนเขาสะดุดกลายเป็นไอ้โง่ตัวนึง

"… เวรเอ้ย เจ้าจะทำไม เอาไหมละ ถ้าข้าชนะไปชมรมว่ายน้ำ ข้าแพ้ก็แล้วแต่เจ้า!" ออสการ์ถลกแขนเสื้อประจำตระกูลขึ้นถลาเข้าไปหาคาอิสเตรียมจะต่อย

มังกรกระตุกยิ้มผลุดลุกขึ้นจากเตียงลงมายืนบนพื้นยืนเต็มความสูง ทำให้เห็นความแตกต่างของขนาดตัวอย่างเห็นได้ชัดซึ่งคนที่เตี้ยกว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากออสการ์  "ถ้าข้าชนะ อย่ามาร้องไห้โวยวายแล้วกัน"

ออสการ์หน้าหงิก "ข้าจะปลดเจ้าออกจากตำแหน่งเพื่อนสนิทข้า!"

"ข้าก็จะปลดเจ้าออกจากตำแหน่งเพื่อนกินข้าวตอนเที่ยงด้วย!" คาอิสตอกกลับหน้าบึ้ง

"พรุ่งนี้เจ้าไปนั่งเรียนคนเดียวเลยนะ ข้าจะย้ายที่!"

"พรุ่งนี้เจ้าไปกินข้าวคนเดียวเลย ข้าไม่ไปด้วย!"

ออสการ์กับคาอิสชี้หน้ากันตะโกนใส่กันไม่หยุดไม่หย่อน

นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทั้งคาอิสและออสการ์ยังคงจมปลักอยู่ที่ห้องพิเศษนี่ไม่ได้ไปไหนสักที

ความเลือดร้อนนั้นหากมีไว้ก็เป็นเรื่องดี แต่บางครั้งก็เป็นภัยต่อชีวิตเช่นกัน หากควบคุมมันไม่ได้เวลาที่อยู่ในอันตรายก็ไม่อาจรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้

โฮกกกกกก

เสียงคำรามของเจ้าป่าดังลั่นจนแก้วหูสะเทือน ทำให้สงครามน้ำลายต้องชะงักไปชั่วคราว

"เจ้าจะเถียงกันไปทำไม สัญญาก็ต้องเป็นสัญญาสิ" กริสเซลแทบจะขู่ฮื่อๆ ขณะที่พูด "เจ้าจำไม่ได้เหรอ ดัฟฟ์ดีใจจะตายที่พวกเจ้ายอมไปด้วย"

ออสการ์เม้มปากพูดอะไรไม่ออกเมื่อนึกถึงสีหน้าของดัฟฟ์ที่ดีใจจนเกินเหตุ "เออ ไปก็ไป" ยอมกลับไปนั่งเงียบๆ บนเตียงอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวเหมือนเดิมซึ่งก็ไม่ต่างจากคาอิสที่กลับไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงเบื่อๆ

"ก็จริง ถ้าดัฟฟ์ไม่ชวนข้าด้วยสีหน้าคาดหวังขนาดนั้น ข้าคงไม่ไปหรอก" เฮย์หัวเราะเบาๆ ขณะที่พูด เอาเข้าจริงเขาก็ตั้งใจจะไปซื้อของที่ตลาดข้างโรงเรียนเหมือนกับพวกลาสแต่ก็ไม่ได้ไป

กาลันพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วย "ไม่รู้พวกนั้นทนสีหน้าน่าสงสารของดัฟฟ์ได้ไง"

สีหน้าน่าสงสารเมื่อรวมกับแก้มบวมๆ น่าหยิกแล้ว สามารถทำให้น้ำแข็งแทบจะละลายกลายเป็นน้ำด้วยความใจอ่อน

“มาแล้ววววววว ข้ามาแล้ว แก๊ซ!” 

ผลั่ก

“อั่ก!”

ร่างของดัฟฟ์กับนาซัสร่วงลงมาจากในอากาศซึ่งก็หล่นตรงหลังของคาอิสพอดี

“บัดซบ! หลังข้า” มังกรร้องเสียงหลงตัวชาดิกถลึงตามองดัฟฟ์กับนาซัส “ออกไปจากหลังข้าสักทีโว้ย ตัวพวกเจ้าก็ไม่ได้เบาสักหน่อย!!!”

โชคดีที่กระดูกมังกรแข็งพอสมควรทำให้คาอิสรอดจากการไปหาหมอเพราะกระดูกหัก

“แง้ คาอิสน่ากลัว” ดัฟฟ์มองกลัวๆ รีบพาร่างกลมๆ ลงมาเหยียบพื้น "ไปกันเถอะๆ ข้าอยากกินแล้ว!" นัยน์ตาทอประกายระยิบระยับ

ออสการ์ถลึงตามองดัฟฟ์รู้สึกคันปากอยากด่าที่มาช้าแต่ก็โดนสายตาเพื่อนคนอื่นๆ ปรามไว้ 

"อืมมม งั้นก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวแถวจะยาว" กริสเซลยิ้มแห้งๆ แต่พอมองนาฬิกาข้อมือก็แทบกรีดร้อง "นี่มันเที่ยงแล้วนี่นา!!!"

นั่นหมายความเหล่าปีศาจหิวโหยจะมากองกันที่ร้านนี้ทำให้แถวร้านยาวมากๆๆ

"ไปวันอื่นไหม ข้าว่าไปตอนนี้เจ้าคงต้องยืนรอคิวสักชั่วโมงสองชั่วโมง"

ดัฟฟ์หน้างอต่างจากนาซัสที่เฉยๆ 

"แง้ ข้าอยากกินนี่นา"

"ครั้งหน้าเถอะ เพราะเจ้ามาช้าเนี่ยแหละ พวกเราถึงไม่ได้ไปตั้งแต่สิบโมง ถ้าไปตั้งแต่ตอนนั้นนะตอนนี้เจ้าได้กินแล้ว"เป็นกริสเซลที่ดุดัฟฟ์แทนด้วยหน้าขึงขังนิดๆ ทั้งๆ ที่ในใจนั้นอ่อนยวบยาบตั้งแต่เห็นดัฟฟ์น้ำตาคลอ 

"ไปไม่ได้จริงๆ เหรอ"

".. เอ่อ มันก็ได้อยู่หรอก ถ้าเจ้าอยากไปยืนรอ" กริสเซลหันมองคนอื่นพยายามหาตัวช่วยพบว่าหลบตากันหมด 

"ถ้าไปอาจจะโชคดีเจอคนรู้จักก็ได้"  นาซัสพูดขึ้นมาบ้างเมื่อถูกดัฟฟ์สะกิดยิกๆ 

"ไปไม่ไป สรุป" คาอิสถามเมื่อสามารถพาร่างอันบอบช้ำของตัวเองมายืนข้างๆ ได้

"ไปสิ แก๊ซ ไปเถอะน้า ข้าอยากกินขาหมูน้ำแดงของที่โรงเรียนไม่อร่อยเลย"

"ไปมันก็ไปได้แหละ แต่แถวมันยาวมากจริงๆ นะ" กริสเซลพูดหน้าแหยงๆ 

ออสการ์ที่หน้าหงิกมาตั้งแต่แรกแล้วตอนนี้บิดเบี้ยว "โอ้ยยยย ไปกันสักที ไปยืนรอก็ได้ ไปกันเยอะๆ ไม่เบื่อหรอก"" เดินชนไหล่คาอิสจนเซแล้วเดินออกนอกห้องไปเลย

คาอิสกรอกตาเซ็งๆ สาวเท้าตามออกไป "ข้าก็ว่างั้น ไปสักที แถวมันไม่ยาวถึงปราสาทท่านคาร์บิลัสหรอก"

ส่วนเฮย์กับกาลันที่ยังไงก็ได้อยู่แล้วก็ไหวไหล่ใส่กริสเซลยิ้มๆ แล้วเดินห้องออกจากห้อง

สรุปมติเป็นเอกฉันท์คือ ไป

ดัฟฟ์ถึงได้ยิ้มร่า แค่คิดว่าจะได้กินขาหมูน้ำแดงอร่อยๆ ก็รู้สึกดีใจจนหุบยิ้มไม่ลง แต่พอคิดไปคิดมาก็นึกเรื่องที่ท่านแม่พูดว่า ควรลดอาหาร

"แง้! ไม่น้าาา" 

คณะเด็กห้องพิเศษที่กำลังเดินอยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือกหันขวับมองดัฟฟ์ทันที

"เป็นอะไร ดัฟฟ์" นาซัสถามอย่างเป็นห่วง มือเล็กๆ แตะแขนป้อมๆ ของดัฟฟ์

“ท่านแม่บอกว่าจะไม่ให้ข้าควรลดอาหารเพราะว่าข้าอ้วน” ดัฟฟ์พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดราวกับว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มาก “ข้าว่าข้าก็ไม่ได้อ้วนขนาดนั้นซะหน่อย” 

"เดี๋ยวโตไปเจ้าก็ผอมเอง กินๆ ไปเถอะ ดัฟฟ์" กริสเซลสนับสนุนเพราะชอบหุ่นกลมๆ กอดแล้วนุ่มแบบนี้

"เจ้าเป็นมังกรนี่กินเยอะก็เรื่องปกติ" คาอิสออกความเห็นอย่างเชี่ยวชาญเพราะตัวเองก็เป็นมังกรเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้กินจุจนตัวกลมเหมือนดัฟฟ์ 

"คาอิสเจ้าก็เป็นมังกรนี่นา ทำไมเจ้าไม่อ้วนล่ะ" ดัฟฟ์จับแก้มตัวเองที่เริ่มย้วย ตั้งแต่มาอยู่โรงเรียนปีศาจนี่รู้สึกกินเยอะขึ้นมาก 

"ก็ข้าไม่ได้กินทั้งวันเหมือนเจ้าไงเล่า!" มังกรไฟขู่แง่ง "อีกอย่างรีบๆ เดินสักที ข้าไม่อยากได้กินพรุ่งนี้นะ"

"งั้นข้าก็จะกินต่อไป! กินจนข้าจะกลิ้งกลับบ้านได้!" ดัฟฟ์หัวเราะคิกคักเมื่อนึกถึงสีหน้าตลกๆ ของท่านแม่

นาซัสที่ได้ยินความคิดนี่พอดีรีบขัด "ดัฟฟ์ ถ้าเจ้ากลายเป็นแบบนั้น ข้าขอนอนคนละเตียงกับเจ้านะ" ตอนนี้นาซัสกับดัฟฟ์ยังคงนอนเตียงเดียวกันอยู่ เพราะดัฟฟ์ถือว่าตัวเองเป็นพี่ต้องดูแลน้อง ทำให้นาซัสต้องจำยอมนอนด้วยแม้ว่าจะอยากนอนเตียงตัวเองมากก็ตาม

"บู่ว ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย แก๊ซ!" ดัฟฟ์ไม่ได้สนใจอะไรนัก ตั้งหน้าตั้งตาเดินอย่างมุ่งมั่น 

เดินไปไม่นานนักก็ถึงประตูทางเข้าโรงเรียนที่เป็นประตูขนาดยักษ์ที่ทำจากแร่หายากที่ว่ากันว่าสามารถป้องกันได้ทุกอย่างแต่หายากมาก มันถูกแกะสลักเป็นลวดลายคล้านเถาหนามดูสวยงามและอันตรายไปพร้อมๆ กัน

ซึ่งถ้าพูดถึงประตูหน้าโรงเรียนก็ต้องนึกถึงผู้เฝ้าประตู

ฮื่อออออ กรรรซ

สุนัขสามหัวขนาดยักษ์ที่นอนขดอยู่ข้างประตูทั้งสองข้างส่งเสียงเห่าทุกคนที่ผ่านหน้าไปอย่างดุร้าย ข้างๆ มีกระต็อบเล็กๆ ภายในมีปีศาจร่างหนาส่งสีหน้าขึงขังบนหัวมีเขาสีดำม้วนเป็นเกลียวสามเขา ในมือถือสมุดที่ใช้จดบันทึกผู้ที่เข้าออกประตูโรงเรียน

ทันทีที่พวกดัฟฟ์เดินผ่านกระต็อบไปก็โดนถามทันที

"พวกเจ้าจะไปไหน?"

ขาชะงักกึก ทุกคนมองหน้ากันพลางกลืนน้ำลายเอือกเมื่อสุนัขที่ตอนแรกนอนขดตอนนี้ลุกขึ้นยืนแล้ว

กริสเซลที่ตั้งสติได้คนแรกตอบไปอย่างกระอึกกระอัก "คือ คือพวกข้าจะออกไปกินร้านขาหมูน้ำแดงข้างโรงเรียนขอรับ"

ปีศาจเฝ้าประตูพยักหน้าหงึกๆ ด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง ลืมไปว่าวันนี้เป็นวันหยุดของพวกเด็กๆ ทีแรกนึกว่าเด็กพวกนี้คิดจะโดดเรียน 

"งั้นพวกเจ้ารีบไปเถอะ เดี๋ยวแถวจะยาว"

"ขะ ขอรับ"

รีบเดินกันต่อทันที

"จริงสิ หรือพวกเจ้าจะให้ข้าเรียกพวกเซนทอร์ให้? พวกนั้นชอบเด็ก คิดราคาไม่แพงหรอก พวกเจ้าสนใจไหม" 

"ขอรับ" กริสเซลตอบเสียงสั่นขณะที่ยืนนิ่งให้พวกสุนัขสามหัวที่ดูจะไม่ค่อยไว้ใจพวกเขาสักเท่าไหร่มาดมฟุดฟิดเกือบๆ ทั้งตัว
 


ทำให้คณะของดัฟฟ์มาถึงร้านขาหมูน้ำแดงอย่างรวดเร็วด้วยบริการจากรถเทียมเซนทอร์ด้วยราคาพิเศษเพราะเซนทอร์ดูจะชอบแก้มย้วยๆ ของดัฟฟ์เป็นพิเศษ แต่พอมาถึงหน้าร้านก็ไม่ได้ทำให้ดัฟฟ์ดีใจเท่าใดนัก

เพราะคิวยาวมากตั้งแต่หน้าร้านคดเคี้ยวไปมาจนตาลายหาไม่เจอว่าท้ายแถวอยู่ที่ไหนและอยู่ๆ ก็มีปีศาจกระต่ายตัวอ้วนสวมชุดสีชมพูลายขาหมูกับบนหัวมีหมวกหูหมูกระโดดดึ๋งๆ มาดัฟฟ์

"พวกเจ้ามากินร้านบีลอสใช่ไหม"
บีลอสคือชื่อเจ้าของร้านขาหมูน้ำแดงชื่อดัง เป็นปีศาจมังกรที่หลงใหลในศาสตร์การทำอาหารมากแต่สิ่งที่ดูจะทำอร่อยที่สุดคงเป็นขาหมูน้ำแดงที่ชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วแดนปีศาจ ซึ่งสมัยที่ท่านคาร์บิลัสยังเรียนอยู่ก็ชอบมากินร้านนี้บ่อยจนได้รับตำแหน่งลูกค้ากิตติมศักดิ์

"ขอรับ มากัน 6 คน" กริสเซลเป็นคนตอบอีกเพราะเป็นคนที่น่าจะดูพูดรู้เรื่องที่สุดในบรรดาเด็กๆ ที่โตแต่ตัว

ปีศาจกระต่ายพยักหน้าหงึกๆ มือที่เป็นขนอุยล้วงหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนยิกๆ และยื่นให้ดัฟฟ์ "นี่ขอรับบัตรคิว คิวท่านอยู่ 1112 ขอรับ"

แค่ได้ยินลำดับคิวกริสเซลก็แทบกรีดร้อง

"แล้วตอนนี้คิวที่? "

ปีศาจกระต่ายขมวดคิ้วมุ่นหันหลังไปมองลำดับเลขที่ลอยเด่นอยู่หน้าร้าน "คิวที่ 876 ขอรับ ไม่ต้องห่วงขอรับ ไม่นานหรอก ท่านหลับแค่สองสามตื่นก็ถึงคิวท่านแล้ว อ้ะ มีลูกค้ามาอีก ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ" ไม่รอคำตอบกระโดดดึ๋งๆ ไปหาลูกค้ากลุ่มใหม่

กริสเซลมองเลขบัตรคิวในมือด้วยความรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ "เห็นไหมดัฟฟ์ ข้าบอกแล้วว่าคิวมันยาวมาก แล้วกฎของร้านนี้คือต้องต่อคิวรออีก ถ้าเจ้าไม่อยู่ก็จะโดนสละสิทธิ์ไปทันทีอีก"

"แง้ แต่ข้าหิวแล้วน้า" ดัฟฟ์พูดเศร้าๆ ขณะที่มองร้านบีลอสที่เป็นร้านขนาดใหญ่มีสองชั้นบนหน้าร้านชั้นสองมีรูปขาหมูน้ำแดงขนาดยักษ์แปะไว้และถูกเขียนตรงกลางไว้ว่าบีลอส 

"โอ๊ยยยยย ข้าไม่อยากกินแล้วโว้ย" ออสการ์โวยวายสติแตกเมื่อเห็นแถวยาวเหยียดของร้านบีลอส พวกนั้นคือพวกที่ใกล้จะถึงคิว ส่วนพวกที่ยังยืนกระ
จัดกระจายอย่างพวกเขาคือพวกที่อีกชาติจะได้กิน

"ข้าขอกลับไปนอนได้ไหม เจอแถวขนาดนี้ไม่ไหว" คาอิสมีสภาพไม่ต่างกัน

เฮย์ถอนหายใจเซ็งๆ "อืมม ข้าน่าจะให้ท่านพ่อจองไว้ก่อน"

ในขณะที่ทุกคนเริ่มมืดแปดด้าน ดัฟฟ์ก็เหลือบไปเห็นร่างคุ้นหน้าคุ้นตากำลังนั่งเซ็งๆ อยู่บนโต๊ะอาหารคนเดียว

"ฟรังก์!!!!"

ดัฟฟ์ร้องลั่นวิ่งแจ้นเข้าไปหาทันที
 

ทำไมเหมือนได้ยินคนเรียกชื่อข้า? แต่ข้าอาจจะคิดไปเองก็ได้

ฟรังก์นั่งคิดเองเออเองเงียบๆ ขณะที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนาที่ว่าด้วยการอ่านสีหน้าผู้อื่นและความคิดภายในใจ

"ฟรังก์!!!!"

อืม...  ข้าไม่ได้หูฝาด

มังกรแสงกลอกตาเซ็งๆ เงยหน้าขึ้นจากหนังสือมองดัฟฟ์ที่ยิ้มกว้างมองมาอย่างตื่นเต้น "มีอะไร"

"พวกข้านั่งด้วยนะ คิวของพวกข้ายาวมากๆ เลย ถ้าต้องรอข้าต้องหิวตายแน่ๆ !" ดัฟฟ์มองฟรังก์อย่างคาดหวัง

บัดซบ ไอ้มังกรปัญญาอ่อนจะมานั่งร่วมโต๊ะกับข้า

ฟรังก์คิดอย่างหงุดหงิด มังกรแสงที่โปรดปรานความสงบอย่างเขา ค่อนข้างเกลียดอะไรที่วุ่นวายๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือดัฟฟ์ มังกรดำเจ้าปัญหาที่ดูจะสนใจเขาซะเหลือเกิน

ใครบอกว่าข้าเป็นเพื่อนเจ้ากัน? เจ้าคิดไปเองทั้งนั้น

"เอาสิ"

นั่นเป็นคำตอบที่ควรจะตอบ ทั้งๆ ที่เจ้าตัวไม่ได้อยากอนุญาตแม้แต่นิดเดียว แต่สีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงทำให้ดัฟฟ์ดูไม่ออกว่าฟรังก์หงุดหงิดขนาดไหน

"เย้! ขอบคุณเจ้ามากนะ ฟรังก์" ดัฟฟ์ยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ฟรังก์ ปล่อยให้คนที่ตามมาทีหลังจับจองที่ที่เหลือไปยกเว้นนาซัสที่ดัฟฟ์ให้มานั่งติดกับตัวเองอีกคน

ฟรังก์มองใบหน้าของดัฟฟ์นิ่งๆ

มุมปากยกแบบนี้ อืม... ยิ้ม? เจ้ามังกรสติปัญญาต่ำต้อยนี่กำลังดีใจ แต่ดีใจเพราะข้าให้นั่งด้วย? ดีใจเรื่องไร้สาระชะมัด แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก..

ฟรังก์พ่นลมหายใจแรงๆ ราวกับตำหนิตัวเองที่คิดอะไรแบบนั้น

ทำเอาคนอื่นๆ ที่ร่วมโต๊ะสะดุ้งกันเป็นแถว เพราะฟรังก์ขึ้นชื่อว่าเป็นมังกรแสงที่หยิ่งมากและหัวดีมาก เป็นปีศาจที่เข้าถึงยากและไม่มีใครอยากยุ่งด้วยสักเท่าไหร่ เพราะคำพูดแรงๆ แต่ละคำที่ดูเหมือนจะตั้งใจมากกว่าเผลอหลุดออกจากปาก ใบหน้าบอกบุญไม่รับตลอดเวลา เวลาคุยด้วยกว่าจะตอบก็แทบลืมไปแล้วว่าพูดอะไรไป โดยรวมแล้วสรุปทำให้ฟรังก์ติดหนึ่งในปีศาจที่ไม่มีใครอยากยุ่งด้วยมากที่สุด

ที่ได้มานั่งร่วมโต๊ะกันนี่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกสะพรึ่งในตัวดัฟฟ์มากแล้วที่ไปผูกมิตรกับคนประเภทนี้เข้า

"ให้ตายสิ ทำไมข้าต้องมานั่งกับไอ้หยิ่งนี้ด้วยเนี่ย" ออสการ์กระซิบกับคาอิสที่กำลังนั่งดูเมนูของหวาน

"พูดเหมือนข้าอยากนั่ง หรือเจ้าจะไปยืนรอแถวอีกเป็นร้อยคิวล่ะ" คาอิสกระซิบตอบ

ฟรังก์ที่ได้ยินทุกคำที่พูดเหลือบมองแต่ไม่ได้พูดอะไร

เพราะพวกเจ้าเป็นแบบนี้ไง ข้าถึงไม่อยากยุ่ง

"แล้วฟรังก์สั่งอะไรรึยัง ถ้ายังไม่สั่งข้าจะสั่งให้นะ!" ดัฟฟ์พูดยิ้มๆ ภายในร้านต่างกับนอกร้านลิบลับ ข้างในร้านนั้นถึกคนจะเยอะแต่ก็ไม่วุ่นวายมาก มีปีศาจพนักงานเดินไปเดินมาเป็นว่าเล่นรอรับรายการอาหาร

"เดี๋ยวก็มา"

ฟรังก์ตอบสั้นๆ ก่อนจะหลุบตาอ่านหนังสือต่อไม่ใส่ใจที่จะขยายความอะไรอีกเพราะขี้เกียจ

ดัฟฟ์ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามต่อก็อ้าปากค้างเมื่อเจอกองทัพอาหารที่ถูกพนักงานนำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นเมนูดังของร้าน แต่จานที่ใหญ่ที่สุดคือขาหมูน้ำแดงขนาดยักษ์ที่สามารถแบ่งกินได้ทั้งโต๊ะ แต่ดัฟฟ์กลับรู้สึกว่าตัวเองสามารถกินหมดได้ด้วยตัวคนเดียว

"ฟะ ฟรังก์ ทำไม ทำไมเจ้าถึงสั่งเยอะขนาดนี้" ดัฟฟ์พยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองน้ำลายไหลขณะที่พูด

ฟรังก์กลอกตาเซ็งๆ แล้วหยิบชาขึ้นมาจิบ

"ข้าไม่ได้สั่ง"

"ไม่ได้สั่งทำไมถึงเอามาให้เจ้าเยอะขนาดนี้ล่ะ" ดัฟฟ์ตาวาวมือที่จับช้อนสั่นเทา

"ข้าเป็นญาติเจ้าของร้าน ถ้าเจ้าจะกินก็กินไป ไม่ต้องมาถามข้าอีก ข้ารำคาญ" ฟรังก์พูดตรงๆ ก้มอ่านหนังสือในมือต่อ

ซึ่งคำพูดของฟรังก์ก็จุดประกายบางอย่างให้แก่ดัฟฟ์

ข้าจะเป็นเพื่อนสนิทของฟรังก์ให้ได้! ข้าจะได้มากินๆๆๆ ที่ร้านนี้บ่อยๆ กับฟรังก์!
 
 
 -------

ตอนนี้มาช้ามาก  :hao5: ขอโทษค่ะ แต่ร้านนี้ไม่ใช่ร้านของท่านโฟเทียสค่ะ 5555

แอบปั่นอะไรบางอย่าง  :m7:

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ  :กอด1: 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 58 16 ต.ค 59 p.17
«ตอบ #479 เมื่อ16-10-2016 23:42:00 »

สงสารคอร์ส ออกโรงทีไรโดนคาร์บิลัสไล่ทุกทีเลย

><

ฟรังก์ชอบดัฟฟ์สิ จงชอบดัฟฟ์~

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด