Embrasse-moi the Series
Mon Fiancé
Chapter 4.2 แพ้ท้อง?
All through the night
by Sleeping at lasthttps://www.youtube.com/watch?v=bfe7l-cX2YM&list=PLMwbKombrNUZH1zz6gSBYq8cEaUseyF5t&index=5 (ftp://www.youtube.com/watch?v=bfe7l-cX2YM&list=PLMwbKombrNUZH1zz6gSBYq8cEaUseyF5t&index=5)
ชายหนุ่มเปิดประตูรถแล้วดันให้นาวาเข้าไปนั่งข้างในนาวาเห็นตรีเพชรปิดประตูรถและเดินอ้อมไปหมายจะเข้าประตูอีกฝั่ง เลยอาศัยช่วงเวลานั้นเปิดประตูรถออกและเตรียมตัววิ่งหนี แต่เด็กหนุ่มก็หนีไม่ทันเงื้อมมือของคนตัวโตอยู่ดี
“หึหึ กะแล้วว่านายต้องมาไม้นี้” ตรีเพชรรวบแขนของนาวาไว้ได้
“ไอ้ผีดิบ มึงเป็นญาติกับปลาหมึกหรือไง ปล่อยดิวะ จับแน่นเกินไปแล้ว จะพากูไปไหน กูไม่ไปกับมึง” นาวาโวยวายเมื่อถูกดันเข้าไปในรถ
คราวนี้ตรีเพชรไม่เดินอ้อมรถให้เสียเวลา เขาเข้าไปพร้อมกับนาวา พยายามแทรกตัวเข้าไปที่นั่งคนขับ ถึงจะทุลักทุเลไปหน่อยแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ไอ้เตี้ยหลุดมือไป
“นี่ ออกไปนะอย่าเบียดเข้ามาชิดนักสิ” นาวาพยายามผลักตรีเพชรให้ออกห่างเมื่อชายหนุ่มเบียดตัวเข้ามา
“อยากเบียดตายล่ะ โดนแล้วจะคันหรือเปล่าก็ไม่รู้” ตรีเพชรเถียงกลับอย่างไม่ยอมกัน
“คันหูสิไอ้หอก คนโว้ยไม่ใช่ตัวบุ้งจะโดนแล้วคัน ปล่อยมือได้แล้ว เจ็บ” นาวาโวยวายออกไปเพราะเจ็บจริงๆ
เมื่อนั่งตรงตำแหน่งคนขับและล็อครถไม่ให้นาวาเปิดหนีไปได้ ตรีเพชรปล่อยข้อมือบางแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ ชายหนุ่มเหลือบเห็นข้อมือของคนร่างเล็กมีรอยนิ้วของเขาอยู่ รอยแดงตรงข้อมือทำให้ตรีเพชรรับรู้ว่าที่นาวาบ่นว่าเจ็บเพราะเด็กหนุ่มรู้สึกเจ็บจริงๆ แม้จะรู้สึกผิดแต่คุณเพชรก็ปากหนักเกินจะเอ่ยคำขอโทษหรือปลอบประโลม
“จอดรถนะเว้ย คนมีเรียนลากมาได้ จะไปกินข้าวกับเพื่อนด้วย” นาวาเริ่มบ่นเมื่อล้อรถเริ่มบดเบียดกับพื้นถนน
“หึ จอดให้ก็โง่ นายน่ะต้องรับผิดชอบฉัน” ตรีเพชรว่า
“รับผิดชอบ? กูทำมึงท้องเหรอไอ้ตี๋ ทำไมต้องรับผิดชอบ”
“ไอ้เตี้ย เรื่องมือถือโว้ย ไม่ได้ให้มารับผิดชอบเรื่องอย่างว่า แค่คิดว่านาย… โว้ยไม่อยากจะคิด”
“ทำไม คิดเรื่องกูแล้วมันทำไม” นาวากอดอก “คนออกจะดี”
“อย่างนายเนี่ยทำใครท้องไม่ได้หรอก ท้องเองล่ะสิไม่ว่า ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้ตี๋ เงียบปากไปเลยมึง ”
“ฮ่าๆๆ รับความจริงไม่ได้?”
“ความจริงห่าอะไรล่ะ กูไม่ใช่ผู้หญิง ท้องไม่ได้เว่ย” นาวากอดอก คิ้วขมวดมุ่น สายตาดุปราดมองตรีเพชรที่กำลังขับรถ
“ฮ่าๆๆ เสียดายเนาะ” ตรีเพชรกล่าวล้ออีกฝ่าย
“ไม่น่าเสียดายเหอะ คนออกจะหล่อ”
“ที่บ้านมีกระจกหรือเปล่า ส่องดูแล้วเหรอที่ว่าหล่อน่ะ แบบนี้เขาเรียกสวยต่างหาก”
นาวาหน้าแดงเพราะความโมโห “สวยบ้านแกสิไอ้ตาต่ำ ไม่ต้องมาเฉไฉเปลี่ยนเรื่องเลยนะ จะพาไปไหนเนี่ยไอ้ตี๋”
“ก็อย่างที่บอกไง นายต้องรับผิดชอบฉัน”
รับผิดชอบที่ทำให้ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน ไอ้เด็กบ้าห้างหรูใจกลางเมืองคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา คนเหล่านี้ต่างมาจับจ่ายใช้สอย บางคนมาคนเดียว หลายคนมากับเพื่อน แฟน หรือกับครอบครัว สิ่งที่คนพวกนี้มีเหมือนกันคือสีหน้ายิ้มแย้มที่ต่างมีให้แก่กัน ผิดกับนาวาและตรีเพชรที่ไม่ได้เป็นทั้งเพื่อน แฟนหรือครอบครัว ดังนั้นใบหน้าเฉยเมยของตรีเพชรกับดวงหน้าบูดบึ้งของนาวาที่มอบให้แก่กันบ่งบอกสถานะของกันและกันได้เป็นอย่างดี
แขนข้างขวาของนาวาโดนชายหนุ่มลากให้เดินตามอย่างไม่แยแส เสียงบ่นกระปอดกระแปดหรือจะเป็นเสียงขู่ของนาวาก็ไม่สามารถสั่งให้คุณเพชรหยุดฉุดกระชากร่างบางได้ นาวาจึงได้แต่จำใจเดินตามแรงดึงของคนตัวโตเบื้องหน้า คนตัวเล็กมิวายก่นด่าตรีเพชรในใจเพื่อระบายความเคียดแค้น
ทั้งคู่หยุดอยู่หน้าร้านมือถือ โทรศัพท์รุ่นใหม่ตั้งเรียงรายให้เลือกมากมายหลากหลายยี่ห้อ นาวาเหลือบเห็นป้ายราคามือถือรุ่นล่าสุดของตรีเพชรที่ตัวเองมีส่วนทำให้มันพังไปถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ ใครจะบ้าไปชดใช้ค่ามือถือให้แก นั่นมันเงินเดือนที่ฉันทำงานทั้งเดือนเลยนะเว่ย
ชายหนุ่มควักโทรศัพท์ที่หน้าจอดับสนิทและมีรอยร้าวให้พนักงานตรงเคาท์เตอร์ “เอารุ่นนี้แหละ เก็บเงินที่คนนี้” ตรีเพชรดันนาวามายืนตรงเคาท์เตอร์ พร้อมทั้งผลักภาระการใช้จ่ายให้เด็กหนุ่ม
“เฮ้ย ใครบอกจะจ่ายให้แก” นาวาโวยแล้วหันไปพูดกับพนักงาน “พี่ครับ มันสั่ง มันจ่ายครับ ผมไม่เกี่ยว”
“เกี่ยวสิทำไมจะไม่เกี่ยว นายทำมือถือฉันพังนะไอ้เตี้ย สมองกลวงเรอะลืมเร็วจัง” คุณเพชรเอานิ้วจิ้วหน้าฝากนาวาเสมือนเรียกสติ
มือบางปัดนิ้วของตรีเพชรออกไป “สมองกูไม่กลวงเว่ย ไม่ได้ขี้เลื่อยเหมือนใครบางคน มือถือเครื่องเดียวรักษาไม่ได้ ดันมาโทษคนอื่นเขาอีก”
“อย่ามาตีมึนเลยเตี้ย นายต้องรับผิดชอบ” ตรีเพชรกอดอกยืนยันหนักแน่น วันนี้เขาต้องเอาชนะเด็กกวนประสาทคนนี้ให้ได้ ชายหนุ่มหมายมั่นเอาไว้ในใจตั้งแต่คืนนั้น คืนที่เขาพร่ำเพ้อจนนอนไม่หลับ ตรีเพชรหันไปสั่งกับพนักงานโดยไม่สนคำทัดทานของนาวา “เอาตามที่ผมสั่ง แล้วคิดเงินกับคนนี้”
“นี่แกจะเอาให้ได้ใช่ไหมไอ้ตี๋ บ้าเรอะ แพงไปเว้ย”
“ไม่รู้แหละ เอ.. หรือถ้านายเดือดร้อนฉันจะปล่อยกู้ให้ก่อนก็ได้นะ”
“ฝันไปเถอะ ใครจะไปขอความช่วยเหลือจากเด็กไม่รู้จักโตแบบนายกัน” นาวาทำตาโตใส่ตรีเพชรด้วยความเหลืออด
“เด็ก?” ตรีเพชรร้อง
“เออ เด็ก” นาวาเอานิ้วจิ้มหน้าอกของตรีเพชรแม้เด็กหนุ่มจะรู้สึกถึงความแน่นของกล้ามอกและรู้ดีว่าแรงกดของเขาจะเบาเหมือนอุ้งเท้าแมวเขี่ย “คนอย่างนายความคิดโคตรเด็กเลย ไอ้ตี๋งี่เง่า”
ตรีเพชรดึงข้อมือของเด็กหนุ่มมากุมไว้ เขารู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ แต่กระนั้นก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าเพราะเหตุใด “คนที่งี่เง่าคือนายต่างตากไอ้แว่น เด็กอย่างนายทำผิดแล้วไม่รู้จักรับผิดชอบ ขอโทษคนอื่นก็ไม่เคย ทั้งรถทั้งมือถือฉัน นายต้องชดใช้”
“อยากได้มากใช่ไหมมือถือน่ะ ได้!” นาวาสะบัดมือ
ตรีเพชรไม่ตอบ ได้แต่กอดอกลอยหน้าลอยตาอย่างผู้มีชัย
“พี่ครับ” นาวาหันไปคุยกับพนักงาตรงเค้าท์เตอร์ซึ่งมีท่าทีประหม่าและวางตัวไม่ถูกเมื่อเห็นลูกค้าทะเลาะกัน เกี่ยงจ่ายเงินทั้งที่ยังไม่ซื้อของอยู่หน้าร้าน นาวากวักมือทำท่าทางบอกให้พนักงานหญิงคนนั้นเอียงหูมาฟัง แล้วเด็กหนุ่มก็กระซิบกับพนักงาน ปล่อยให้ตรีเพชรยืนมองด้วยความสงสัย “เอาตามที่ผมบอกนะครับ ห่อให้ด้วยนะ”
“หึหึ แค่นี้ก็หมดเรื่อง” ตรีเพชรยืดอกและเหยียดยิ้ม
“เออ ได้มือถือแล้วก็ต่างคนต่างอยู่นะไอ้ตี๋”
สักพักพนักงานกลับมาพร้อมกับยื่นถุงพลาสติกสีฟ้าขุ่นที่มีโลโก้ร้านให้นาวา “เจ็ดร้อยห้าสิบบาทค่ะ”
“ห๊ะ?” ตรีเพชรร้องออกมาอย่างไม่เข้าใจ ทำไมไอ้เตี้ยถึงซื้อได้ถูกกว่าที่เขาสั่งหลายเท่านัก
“นี่ครับ ขอบคุณครับ” นาวายื่นเงินให้และรีบเดินออกมาพร้อมถุงมือถือ
“เฮ้ยเตี้ย รีบเดินไปไหน รอก่อน”
“อะไรอีกล่ะ”
“ทำไมมันแค่เจ็ดร้อยกว่าบาทเองล่ะ อ่อรู้ละ นี่มันแค่ราคาดาวน์ใช่มะ บอกแล้วว่าปล่อยกู้ทำไมไม่ใช้ฉันช่วยล่ะ จ่ายผ่อนแบบนั้นมันแพงนะ”
“ใครว่าฉันผ่อน คนอย่านาวาซื้อสดเว่ย”
“ห๊ะ?!” ตรีเพชรตกใจ
นาวาหยุดเดิน เด็กหนุ่มดันถุงใส่มือตรีเพชร “เอามือถือของนายไป ตอนนี้เราเจ๊ากันแล้ว ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก” ตรีเพชรยืนอึ้งกับคำพูดของนาวา นี่หรือชัยชนะที่ชายหนุ่มต้องการ ชนะแล้วก็ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกันแล้ว ทำไมเขาไม่ดีใจเลยล่ะ สายไปแล้วสำหรับตรีเพชรที่จะหาคำตอบเพราะนาวาเดินลิ่วทำตัวกลืนหายไปกับฝูงชนเป็นที่เรียบร้อย
ชายหนุ่มมองถุงพลาสติกในมือและเริ่มแกะกล่อง คิ้วเรียวของเขาเริ่มขมวดเข้าหากันเรื่อยๆ มือหนาสั่นน้อยๆขณะแกะโทรศัพท์ออกมา
“ไอเตี้ย!!! แสบนักนะ” หนอย… โทรศัพท์จอสีแบบดูโอ้สองซิม ฟังวิทยุได้ พร้อมปุ่มกดแบบดั้งเดิม?!?
นาวาแอบวิ่งเข้าห้องน้ำในช่วงที่ตรีเพชรกำลังอึ้งรับของไป เด็กหนุ่มรู้ดีถ้าชายหนุ่มรู้ว่าโทรศัพท์ที่ซื้อชดให้ไม่ใช่รุ่นที่คุณชายอยากได้จะเป็นอย่างไร
“ฮ่าๆ ไอ้ตี๋บ้านั่นต้องร้องจ๊ากแน่ๆ” นาวายืนหอบอยู่ตรงหน้ากระจก มือบางเปิดก๊อกน้ำ ก้มหน้าลงเพื่อล้างหน้า ใจของเด็กหนุ่มยังเต้นรัวเพราะความเหนื่อยจากการวิ่งหนี รอยยิ้มของผู้ชนะเหยียดขึ้นระใบหน้าคมสันของเขา ก๊อกน้ำทางซ้ายของนาวากำลัง
ปล่อยน้ำลงซิ้งค์ทำให้เด็กหนุ่มรับรู้ว่ากำลังมีอีกคนมาเยือน
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองกระจก รอยยิ้มบนใบหน้ากลับจางหายทันทีเหลือไว้แต่ใบหน้าเย็นชากับแววตาไร้อารมณ์
“Well, look who’s here.” เสียงของผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น ปากบางเรียวรีของเขาเหยียดยิ้ม แขนเรียวปิดน้ำและจัดเส้นผมสีน้ำตาลของตัวเองให้เข้าที่ ดวงตาสีดำมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกและชายหางตามองเงาสะท้อนอันเย็นชานาวา “Long time no see, DEARY. How’s life?”
นาวากอดอก เด็กหนุ่มยิ้มเหยียด นัยน์ตาฉายแววดุดัน “ก็ดี”
“หึๆฮ่าๆ” ผู้มาใหม่หัวเราะให้กับเงาสะท้อนของนาวา ร่างโปร่งหันมาทางเจ้าของเงาสะท้อนนั้น “นั่นสินะ I bet so far your life must be real GOOD.” สายตาเชือดเฉือนของฝ่ายตรงข้ามทำให้เลือดในกายของนาวาเดือดพล่าน
“ชีวิตที่ไม่มีปรสิตก็ย่อมดีเป็นธรรมดา” เสียงเย็นชาราบเรียบของนาวาเอ่ยตอบ เด็กหนุ่มกระแทกไหล่อีกฝ่ายเดินออกมา
“Oh, I guess I just pissed you off.” แขนเรียวของอีกฝ่ายรั้งนาวาไว้ “โกรธง่ายเหมือนเดิมเลยนะ ไม่คิดจะฟังข่าวอัพเดท
อะไรบ้างหรือไง”
“ปล่อย” นาวาสะบัดไหล่ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบเย็น อารมณ์ของเด็กหนุ่มกำลังจะเดือดพล่าน และเขาไม่รับรองความปลอดภัยของใครๆที่ขวางทางเขาทั้งนั้น “เรื่องของพวกปลิง ไม่จำเป็นต้องรับฟังให้เสียหู”
อีกฝ่ายเหมือนรับรู้ความโกรธของนาวาจึงปล่อยนาวาไปแต่โดยดี ทว่ามิวายที่จะตะโกนให้นาวาที่กำลังเดินออกไปได้ยิน “She’s dead and we will get everything. You hear me? We’ll take it all!!!”
She’s dead… dead… คำพูดเหล่านั้นยังวนเวียนอยู่ในหัว ไม่จริง รอยยิ้มนั้น ฝ่ามืออบอุ่นนั้น จะไม่มีอีกแล้วใช่ไหม
ความตายพรากทุกอย่างไปจากเรา พรากคนที่เราคิดถึง พรากอ้อมกอดอุ่นๆของคนนั้นไป
คิดถึงเหลือเกิน…
เด็กหนุ่มหลีกหนีความวุ่นวาย หนีผู้คนมายังลานจอดรถ น้ำตาที่เขากลั้นเก็บไว้ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย เด็กหนุ่มสะอื้นและทรุดลงเอาหน้าซุกเข่า ไหล่บางของหนุ่มน้อยไหวเบาๆราวขาดใจ
นาวาคิดถึงวันวาน คิดถึงเธอคนนั้น
“หึ คิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอเตี้ย ไปไหนไม่ได้ใช่ไหมเลยต้องมารอฉันขับรถไปส่งล่ะสิ แล้วมานั่งทำไมตรงนี้เนี่ย”
น้ำเสียงอันคุ้นเคยของตรีเพชรดังขึ้น นาวาไม่ได้ได้ฟังสิ่งที่ชายหนุ่มพูด ในความคิดของเขาตอนนี้มีเพียงความคิดถึงและความรู้สึกผิดที่กัดกินใจ
“อ๋อ รู้แล้ว ติดใจรถฉันใช่ไหมล่ะ นั่งสบายล่ะสิ ฮ่าๆถึงกับมานั่งรอ” ชายหนุ่มก้มมองนาวาที่กำลังซุกหน้านั่งอยู่คนเดียว “เงียบเว้ย แสดงว่าไม่ใช่ เอ หรือว่านายจะมาอ้อนให้ฉันยกโทษเรื่องมือถือซิมดูโอ้นั่น ไม่มีวันหรอกนะเตี้ย”
นาวายังจำครั้งล่าสุดที่เจอกับเธอคนนั้นได้ ร่างกายของอีกฝ่ายผ่ายผอมไปมากนัก คำพูดในตอนนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัว กลับมาเถอะ แต่เขากลับเดินจากมา อีกฝ่ายคงเสียใจ คงจะต้องโดดเดี่ยวมากเหลือเกิน วาผิดไปแล้ว
“…วาขอโทษ วาขอโทษ…” ไหล่ของเด็กหนุ่มสั่นพร้อมเสียงสะอื้นไห้
“เฮ้ย เป็นไรเนี่ยเตี้ย” ตรีเพชรตกใจกับเด็กหนุ่มร่างบาง เด็กคนนี้กำลังร้องไห้ ร้องไห้อีกแล้ว ชายหนุ่มเริ่มใจคอไม่ดี “ที่ว่าไม่ยกโทษให้ฉันพูดเล่นเว่ย ยะ… ยกโทษให้ก็ได้… อย่าร้องไห้สิ ยังไม่ได้ทำไรเลยนะ” ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเขาก็วางผ่ามือลงบนเส้นผมของนาวาและลูบหัวของเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน
ผ่ามืออุ่นลูบหัวทำให้นาวาต้องเงยหน้ามอง หยาดน้ำตาทำให้มองภาพของคนตรงหน้าไม่ชัดนัก แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับ
ชัดเจนขึ้นในใจ
“…ไอ้ตี๋” นาวาปาดน้ำตา ร่างบางลุกขึ้นก้มหน้าลงด้วยความอาย นี่เราร้องไห้ให้หมอนี่เห็นสองครั้งแล้วเหรอเนี่ย บ้าจริง
มือหนาของตรีเพชรเชยคางของนาวาขึ้นแล้วปาดคราบน้ำตาบนพวงแก้มออกอย่างอ่อนโยน “เด็กขี้แยชอบร้องไห้ตอนทำผิด” เสียงนุ่มเอ่ยอย่างปลอบโยน มือหนาลูบหัวคนตัวเตี้ยกว่าอย่างทะนุถนอม “แต่เด็กขี้แยที่ขอโทษคือ..เด็กดี” รอยยิ้มอ่อนโยนของตรีเพชรที่ไม่มีใครเคยเห็นฉายชัดอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลทองของนาวา
เด็กหนุ่มไม่สามารถละสายตาจากรอยยิ้มอ่อนโยนนั้นได้ นาวารู้สึกเหมือนความผิดทั้งหลายของตัวเองได้รับการยกโทษ ความเสียใจของตัวเองเหมือนมีใครคอยปลอบประโลม รอยยิ้มบางของนาวาจึงระบายขึ้นบนใบหน้า
“นั่นไง ยิ้มได้แล้ว บอกแล้วว่ายกโทษให้เรื่องมือถือ” ตรีเพชรเอ่ยขึ้นอย่างสบายใจ
“มือถือ? อ๋อ ใครจะไปสนใจเรื่องมือถือนายกัน”
“อ้าวที่ร้องไห้เนี่ย ไม่ได้เสียใจที่ทำกับฉันแย่ๆเรื่องมือถือเหรอ” ตรีเพชรรั้งตัวนาวาไว้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินหนี
“ทำไมต้องเอาเรื่องของนายมาคิดให้รกสมอง”
“หึ ไม่เป็นไร ไม่ยอมรับก็ไม่ว่าอะไร เด็กปากแข็ง” ตรีเพชรเริ่มลากนาวาไปที่รถ
“ไอ้คนขี้ตู่ เอาเถอะคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็เชิญ จะลากไปไหนอีก มือถือก็ได้สมใจแล้วสองซิมด้วยนะ ตอนแรกจะเอาจอขาว
ดำแต่บังเอิญเค้าเลิกผลิตแล้วโชคดีของนายนะที่ได้จอสีไปเปลืองเงินหน่อยแต่ก็ถือว่าเราหายกัน”
“ไมพูดมากจังห๊ะไอ้เตี้ย ขึ้นรถไป” ตรีเพชรเปิดประตูรถรอให้นาวาเข้าไปนั่ง
“จะไปไหนเล่า”
“ก็ไปกินข้าวไง ไหนบอกจะไปกินข้าวไม่ใช่หรือไง เร็วๆหิวแล้วอย่าลีลา”
นาวากอดอก เด็กหนุ่มแกล้งทำแก้มป่อง
“ถ้ายอมเข้าไปนั่งดีๆจะเลี้ยง ถ้าต้องให้ลากไปนายเลี้ยง”
“โด่ววว นั่งก็ได้ เห็นแก่ของฟรีหรอกนะ” นาวาเข้าไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถแต่โดยดี
“หึหึ” ตรีเพชรได้แต่หัวเราะกับท่าทีของเด็กเห็นแก่กิน
“ขำอะไร” นาวาปั้นหน้าบึ้งถาม
“ขำเด็กดื้อ”
ร้านอาหารเกาหลีบรรยากาศดีตกแต่งสไตล์เรียบหรู มีเพลงบรรเลงเปิดคลอเบาๆ เป็นร้านแบบที่นาวาไม่คิดจะเข้ามานั่ง เพราะทุกอย่างในเมนูดูแพงเกินที่เด็กน้อยจะจ่ายไหว อาหารและซุปมากมายตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะไม้มะฮอกกานีสีดำ นาวามองอาหารหน้าตาแปลกตาอย่างสนใจ
“ดูอย่างเดียวไม่ช่วยให้อิ่มหรอกนะ” ตรีเพชรแหย่ “กินซะสิ”
“บ้าอำนาจ สั่งคนอื่นบ่อยหรือไง”
“อือ…ก็บ่อย” ตรีเพชรตอบ “เปลี่ยนเรื่องทำไม กินดิ”
“โว้ยสั่งจิง”
“นี่ซุปสาหร่ายอร่อยนะ กินดีๆหรือจะให้ป้อน”
“กินเองได้น่า” นาวาตักซุปตามที่คุณเพชรแนะนำ “รสชาติแปลกๆ”
“แปลกยังไงก็แค่สาหร่าย อ่อถ้าไม่เคยกินก็จะคาวๆหน่อย กินไปเถอะเดี๋ยวก็ชิน ตัวเล็กจะตายชักกินเยอะๆเลย”
การทานข้าวของคนทั้งคู่เป็นไปด้วยความเงียบ มีเพียงสายตาของทั้งสองที่ลอบสังเกตฝ่ายตรงข้ามและจมอยู่ในห้วงคิดของตัวเอง
นาวาสุดหายใจลึกๆเข้าปอด เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากของตัวเองจนเกือบห้อเลือด ตรีเพชรเห็นเรียวปากแดงๆของนาวาแล้วกลับ
ทำให้เขานึกถึงตอนที่ริมฝีปากเขาประทับเรียวปากบางของเด็กน้อย
“ถอนหายใจทำไม” ตรีเพชรถาม
“ไม่ได้ถอนหายใจ สูดลมหายใจต่างหาก”
“เหรอ กลิ่นอาหารมันหอมขนาดนั้นเชียว?”
“..นี่ถามจริง ไอ้ซุปที่นายบังคับให้กินนี่รสชาติไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”
“เคลียร์ก่อนนะเตี้ยไม่ได้บังคับเว่ย อีกอย่างรสชาติไม่เห็นจะแปลกกะแค่สาหร่าย กินๆไปเถอะ สาหร่ายน่ะกินเยอะๆได้โตไวๆ”
แล้วตรีเพชรก็สั่งให้นาวากินต่อไป
นาวาเอ่ยถามขึ้นหลังจากนั่งเงียบครู่ใหญ่ “ห้องน้ำอยู่ไหน”
“อ่อ ข้างใน เห็นป้ายไหม ทางนั้นแหละ” ตรีเพชรที่กำลังชี้บอกทางถึงกับตกใจเมื่อเห็นนาวารีบวิ่งไปห้องน้ำ ชายหนุ่มจึงตัดสิน
ใจรีบตามไป
ภาพที่คุณเพชรเห็นคือนาวากำลังอ้วกอยู่ในห้องน้ำ ชายหนุ่มตกใจได้แต่ลูบหลังนาวาอย่างแผ่วเบา
“ไปท้องกับใครมาวะเตี้ย แพ้ท้องหนักไปนะ”
นาวาไม่ตอบคำพูดเชิงล้อของคุณชาย เขารู้สึกเวียนหัวและหายใจติดขัดขึ้นทุกที ตรีเพชรค่อยๆพยุงนาวามาที่อ่างล้างหน้า ได้เห็นหน้าซีดๆของนาวาแล้วตรีเพชรถึงกับใจไม่ดี
“เป็นอะไรมากไหม ไปโรงพยาบาลเถอะ”
“มะ…ไม่ ไม่ไปนะ นอนพักสักหน่อยก็หายแล้ว เวียนหัวจัง อยากนอนพัก”
ตรีเพชรประคองนาวาไปที่รถ ชายหนุ่มรีบขับ ตั้งใจจะไปส่งนาวาที่หอแต่การจราจรในยามเย็นทำให้ทั้งคู่ต้องติดอยู่บนถนนอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไอ้ซุปนั่นของนาย แน่ๆ” นาวาเอ่ยขึ้นทั้งๆที่ยังหลับตา
“ซุปสาหร่าย? แค่สาหร่ายกับหอยไม่ได้พิสดารตรงไหนเลย รสชาติมันแปลกมากเลยเหรอถึงกับแพ้ท้อง”
“ว่าแล้ว” นาวาถอนใจพลางสะบัดศีรษะสกัดความวิงเวียน
“ว่าแล้วอะไรเตี้ย”
“ก็หอยของแกไง”
“หอยฉัน?” ตรีเพชรชี้หน้าตัวเอง ชายหนุ่มมีสีหน้างุนงง
“ไม่ใช่อย่างนั้นโว้ย หอยอ่ะ หอยในซุป”
“อือ อร่อยดดี ทำไม?”
“ก็ดีหรอกถ้าคนมันไม่แพ้หอย”
“แพ้มากไหม” น้ำเสียงของตรีเพชรอ่อนโยนขึ้นทันที ชายหนุ่มรู้ว่านี่เป็นความผิดของเขาที่ทำให้นาวาต้องเป็นแบบนี้
แพ้ท้องเพราะฉันเหรอเตี้ย เร็วจังยังไม่ได้ทำอะไรเลย เอ นี่กูคิดอะไรของกูหว่า…“นอนแปปก็หาย” นาวาตอบ แล้วความเงียบก็เข้ามาแทรกกลางระหว่างคนทั้งสอง คุณเพชรขับรถตั้งใจจะให้ถึงที่หมายโดยเร็ว ส่วนนาวาก็เข้าสู่ห้วงนิทราของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
“เตี้ยถึงตรงนี้แล้วเลี้ยวไปทางไหนต่อ” ตรีเพชรถามนาวา “เตี้ยว่าไง” ชายหนุ่มหันไปมองร่างบางที่ยังคงหลับอยู่บนเบาะรถ แวว
ตาอ่อนโยนของชายหนุ่มทอดมองลงบนเรือนร่างของนาวาอย่างใคร่ครวญ “ถามแล้วนะ ตื่นขึ้นมาก็อย่าโวยวายละกัน”
คืนนี้พระจันทร์ยังคงลอยเด่นอยู่บนฟ้า แสงจันทร์บดบังแสงริบหรี่ของดวงดาวทำให้แสงสีเงินยวงของพระจันทร์สาดย้อมผืนฟ้าสีดำให้สว่างไสว ตรีเพชรละสายตาจากหน้าต่างห้องนอนมาสนใจคนร่างเล็กที่หลับใหลอยู่บนเตียงกว้าง ร่างบางในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งกำลังกระสับกระส่าย ฝ่ามือของคุณเพชรแตะหน้าฝากของนาวา เด็กหนุ่มเริ่มมีไข้
All through the night, i'll be awake and i'll be with you.
All through the night, this precious time, when time is new.
ตลอดคืนนี้…จะไม่ยอมหลับ และจะอยู่กับเธอทั้งคืน
ตลอดคืนนี้… ห้วงเวลานี้ล้ำค่า เพราะเป็นเวลาที่เดินหน้าเรื่อยไปตอนนี้เวลาเลยมาจนถึงเที่ยงคืน ชายหนุ่มหลับไม่ลง คงเพราะเขาไม่คุ้นชินที่จะมีคนนอนอยู่ข้างๆหรือเพราะเขาใช้เวลาเกือบครึ่งคืนในการจ้องมองใบหน้าของเด็กหนุ่ม คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวเขา คำถามที่เขาไม่อยากได้คำตอบ
All, all through the night today, knowing that we feel
the same, without saying, the same without saying
ตลอดคืนของวันนี้ เรารู้ว่าเรา…
รู้สึกเหมือนกัน…เราไม่ได้พูด… รู้สึกตรงกันโดยไม่ต้องกล่าวคำใด
ตรีเพชรหวนคิดถึงตอนที่เห็นนาวาร้องไห้ ตอนที่คำปลอบโยนของเขาเข้าไปถึงเด็กคนนั้น ตอนที่ทั้งสองมองตากัน แววตาสีน้ำตาลทองของเด็กคนนี้กับรอยยิ้มในตอนนั้น รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด รอยยิ้มของเด็กคนนี้ทำให้ความรู้สึกบางอย่างชัดขึ้นในใจของเขา เป็นความรู้สึกที่เรียงร้อยเป็นถ้อยคำไม่ได้…
นาวาพลิกตัวกระสับกระส่าย เด็กน้อยกระซิบบางอย่างทั้งๆที่ยังหลับตา ละเมอ? ตรีเพชรนั่งลงบนเตียง มือหนาของเขาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าของนาวาออกไป เรียวคิ้วของเด็กหนุ่มตอนนี้ขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากบางกระซิบถ้อยคำบางอย่างไม่เป็นภาษา
“..วา ขอ.. ขอโทษ…” น้ำตาของนาวาไหลออกมา “อย่าทิ้งไป ..อย่าไป”
ตรีเพชรทำตัวไม่ถูก ทำไมคนที่เขาเห็นว่าเก่งกล้านักถึงกลับต้องร้องไห้ในตอนหลับฝัน ชายหนุ่มได้แต่ปาดน้ำตาและกอดปลอบโยน
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่มีใครโทษวาหรอก… เด็กดี”
All through the night a stray cat is crying, stray cat sings back.
ตลอดคืนนี้… แมวน้อยหลงทางร่ำร้องโหยหา
แมวหลงผ่านมาร้องเพลงกล่อมกลับไป
นาวากัดริมฝีปากของตัวเองราวจะขาดใจ ริมฝีปากของเด็กน้อยแดงระเรื่อ ตรีเพชรไม่สามารถละสายตาจากปากบางนั้นได้ เขาหวนหามัน อยากสัมผัสอีกสักครั้ง
เมื่อริมฝีปากของตรีเพชรทาบทับเรียวปากของหนุ่มน้อย ราวจุมพิตจากเจ้าชายที่ปลุกสโนว์ไวท์ให้ตื่นจากฝันร้าย ดวงตาของทั้งคู่สบกันเนิ่นนาน และรสจูบของเจ้าชายก็ไม่มีใครสามารถทัดทานได้เหมือนเป็นจุมพิตสิ้นสุดพร้อมกาลเวลา
We have no past we won't reach back,
Keep with me forward all through the night
and once we start a meter clicks,
and it goes running all through the night.
Until it ends, there is no end.
เราไม่มีอดีต เราไม่หวนกลับไป
ตลอดคืนนี้… จดจ่อจิตใจไปข้างหน้ากับฉัน
ครั้นเราเริ่มสตาร์ท เข็มไมล์เริ่มนับ
และมันจะขับแบบนี้ไปทั้งคืน
จนกระทั่งสิ้นสุด ที่นั่นไม่มีจุดจบ“ไอ้ตี๋ลามก มึงตายซะเถอะ!”
เจ้าชายถูกฟาดด้วยหมอนใบใหญ่ แต่ไม่วายลำแขนของเขาก็หอบเอาคนร่างเล็กติดมือไปด้วย
“แค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นแหละ…” แล้วเสียงทักท้วงใดๆก็กลืนหายไปกับเรียวลิ้นของเจ้าชายทรงเสน่ห์