ตอนที่ 25 ผมนั่งยิ้มเหมือนคนบ้า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าไอ้กันจะว่านอนสอนง่ายอะไรอย่างนี้ บอกให้พูดอะไรก็หมดตามหมด ดูๆ แล้วเจ้าตัวเองก็เขินไม่แพ้กันหรอก แต่ทั้งหมดนั้นก็เก๊กไว้ได้ภายใต้หน้านิ่งๆ นั่น
พอเห็นผมนั่งเขินหนักเข้าร่างสูงก็หลุดยิ้มออกมา มือหนาอีกข้างที่ว่างเลื่อนมากุมแก้มผมแล้วบีบๆ บี้ๆ เล่น นอกจากจะไม่ทำให้ผมหายเขินแล้ว ยังทำให้ผมหน้าแดงหนักกว่าเดิมอีก พอบีบแก้มจนพอใจแล้วก็เลื่อนมือไปที่หูแดงๆ ของผมแทน
“มึงหูแดงนะ”
“ก็เขินอะเฮ้ย!”
“หึๆ” ยังๆ ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก
ร่างสูงดูสนุกที่ทำให้ผมเขินก้มหน้าก้มตาได้ ขอพูดบ้างเถอะคำนี้ ได้ทีนี่เอาใหญ่เลยนะ ไอ้ผมก็เลยต้องรีบสะบัดความเขินของตัวเองทิ้งไปแล้วเขยิบเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมาขึ้น ซึ่งคราวนี้…ดูมันจะชอบใจเป็นพิเศษ
“นี่ ขอพูดอะไรหน่อยได้มั้ย”
“ว่ามาสิ” ปากก็ตอบแต่มือก็ยังไม่ละออกไปจากหูจากหน้าผม
“อยู่กับกูมึงไม่ต้องเก๊กแล้วนะ อยากพูดอะไรกับกู อยากทำอะไรก็ตามที่มึงต้องการเลย กูไม่ล้อมึงแน่นอน สัญญา อย่ามาฟอร์มเยอะอีก โอเคมั้ย” เราต้องตกลงกันก่อน เพราะผมเกรงว่ามันจะเก๊กหน้านิ่งเหมือนอย่างเคย ร่างหนานิ่งไปนิดกับคำพูดของผม เหมือนแทงเข้ากลางใจจังๆ
“…ก็ได้”
ดีมากกกก~
พรึ่บ
“เฮ้ยๆ อะไรเนี่ย” ผมย่นคอหนีนิดๆ เมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็ยื่นหน้าเข้ามาหาซะงั้น เล่นเอาตกใจเลยเฮ้ย ไอ้กันเลิกคิ้วกลับมาแต่ก็ยังไม่ยอมดึงหน้ากลับไป
“ก็บอกให้ทำตามที่กูต้องการไม่ใช่เหรอ” อื้อหื้อ~ มึงก็ทำเร็วปายยยย~ บางทีก็ให้กูตั้งหลักบ้างนิดนึงก็ดีนะ ผมล่ะโคตรเขินกับสายตาของไอ้บ้านี่เลย ทุกทีจะเจอแต่ดุๆ แต่คราวนี้…ระยะประชิด มองด้วยสายตาวาววับ ในจะยิ้มน้อยๆ นั่นของมันอีก ตายดิ!
“ไอ้วิปที่เก่งๆ ไปไหนซะแล้วล่ะ” มันแซว
“เฮ้ย! ก็ให้กูเขินบ้างเถอะ! มึงคิดว่าสายตามึงธรรมดามากเลยงั้นสิ เคยส่องกระจกแล้วมองตัวเองมั้ยว่ามันเป็นยังไง” ผมโวยวายกลบเกลื่อน ไอ้บ้าหื้ออออ~ แหย่กูอยู่นั่นแหละ และดูเหมือนว่าผมจะคิดผิดนะที่พูดออกไปแบบนั้น เพราะไม่ได้ทำให้มันผละออกไปเลย แถมยังทำให้มันเลิกคิ้วกวนๆ ยื่นหน้าเข้ามาจนปลายจมูกแตะกัน
“แววตากู…เป็นยังไงล่ะ” กระซิบถามเสียงแหบแต่ชวนให้หลง ผมกัดริมฝีปากหักห้ามใจตัวเอง เล่นยื่นหน้าเข้ามาซะใกล้อย่างนี้ ริมฝีปากสวยนั่นก็ลอยเด่นล่อใจเหลือเกิน แทนที่ผมจะมองตาไอ้กัน ผมกลับจ้องไปที่ริมฝีปากของมันแทน
“มองอะไร”
“มองปาก” ถามมาก็ตอบตามตรง คราวก่อนนู้นจำได้ว่านั่งมองมันกินข้าวด้วยความเคลิบเคลิ้มกับริมฝีปาก คราวนี้ได้มองระยะใกล้อย่างนี้มีหรือที่ผมจะพลาด จ้องวนไปสิ
“วิป”
“ครับผม”
“กูจะไม่เก๊กแล้วนะ”
“เต็มที่เลยครับ” ผมยิ้มตอบ
เมื่อเราเข้าใจตรงกัน ร่างสูงก็เผยยิ้มออกมา มันช่างน่ามองอะไรอย่างเน้~ ผมตาพร่าไปนิดกับรอยยิ้มที่ได้รับ ร่างสูงอาศัยจังหวะที่ผมค้างอยู่นั้นแนบริมฝีปากลงมา ผมตาโตแต่ไม่ถอยหนี ไอ้กันไม่เก๊กอย่างที่บอกจริงๆ อยากทำก็ทำเลยอย่างที่เห็น กดจูบย้ำๆ อยู่หลายครั้ง ทุกครั้งที่อีกฝ่ายเม้มริมฝีปากลงมา ผมรู้สึกได้ถึงขนที่ลุกซู่ทั้งร่าง
หมับ
อ้อมแขนแกร่งรั้งผมเข้าไปกอด ในใจที่แทบจะโบนบินไปร้องเฮดังๆ ในที่สุดผมก็มีวันนี้ ฝันเป็นจริงแล้วครับ ฮืออออ กอดแน่นด้วยไม่ใช่กอดธรรมดาด้วย ปากก็ยิ่งบดเบียดเข้ามาแนบแน่น ไม่ได้หนักหน่วงแต่ก็ทำให้ผมเคลิบเคลิ้มหลับตาพริ้ม
โอ๊ยเคลิ้ม~
ผมแบบเสียดายนิดหน่อย เฮียกันเสือกมีความเป็นสุภาพบุรุษขึ้นมาซะอย่างงั้น จูบนิดๆ หน่อยๆ ก็ผละออกไปแล้ว ผมทำหน้าเซ็งแวบหนึ่ง ไอ้บ้า~ เราอยากได้มากกว่านี้ เราปล้ำนายได้มั้ย
“หน้าเคลิ้มเลยนะ”
“แน่นอน กูชอบ~”
“หึๆ” มึงเองก็ชอบกูรู้ สิ้นเสียงหัวเราะไอ้กันก็ปล่อยผมแล้วขยับถอยไปนิด ผมหน้าเซ็งอีกรอบ อะไรวะ ไม่สวีทเลยแบบนี้ แต่เอาเถอะ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ยังมีเวลาอีกนาน
“มึงบอกว่าพ่อมึงไม่ยอมให้คุยกับกูไม่ใช่เหรอ แล้วออกมาได้ยังไง”
“ก็บอกว่าจะออกมาหาอะไรกิน” ว่าไปแล้วก็เกือบลืม ต้องดูเวลาไว้ด้วย ถ้านานเกินไปเดี๋ยวพ่อจะสงสัยเอาได้ ไอ้กันพยักหน้ารับรู้แล้วไม่ได้ถามอะไรต่อ นั่งจ้องหน้าผมอยู่อย่างนี้ แรกๆ ผมก็ปล่อยให้มันจ้องไป อยากทำอะไรทำ บอกไปแล้ว แต่พอนานๆ เข้าก็เริ่มรู้สึกเขินแปลกๆ
“มึง…อย่าจ้องได้มั้ยวะ”
“กูไม่เข้าใจ ทำไมก่อนหน้านี้กูไม่มองว่ามึงน่ารัก”
ไอ้บ้า~ นี่กำลังชมอยู่ใช่มั้ย
“เพราะก่อนหน้านี้มึงเกลียดขี้หน้ากูไง มึงไล่กูไง มึงไม่ชอบกูไง” ไหนๆ ถามมาละก็ตอบซะหน่อย ไอ้กันทำหน้าไม่ถูกไปแวบหนึ่ง สะใจนะนี่บอกเลย เอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ถือว่าไม่ผิด
“มึงจะแค้นกูอีกนานเลยใช่มั้ยวิป”
“เปล่าเลยที่รัก เราแค่ตอบนายเฉยๆ เราไม่มีเจตนาอย่างนั้น” ทำตาใสซื่อเข้าไว้ ไอ้กันหรี่ตามองแบบไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ผมยิ้มแล้วขยับเข้าไปชิด ไอ้กันเป็นสุภาพบุรุษแต่ผมไม่ใช่ หาเรื่องลวนลามมันดีกว่า
“กันๆ”
“ว่าไง”
“อยากกอด” ทำหน้าอ้อนไป และก็ไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต ผมกอดมันทันทีเลย แต่โคตรจะลำบาก เพราะด้วยร่างกายของมันที่ใหญ่มาก แต่ตัวผมก็เล็กนิดเดียว การที่รวบตัวควายๆ อย่างนั้นมากอดเป็นอะไรที่ลำบากมาก ไอ้กันเลยเปลี่ยนให้ มาเป็นรวบผมเข้าอ้อมกอดอุ่นๆ ของมันแทน ผมยิ้มกริ่ม
แฮปปี้~
“มึงออกมามึงกินอะไรหรือยังวิป”
“แน่ะ ทีก่อนหน้านี้มาหาไม่เคยถาม”
“อีกทีกูจะถีบมึงกลับบ้านแน่วิป” ฮ่าๆ พี่กันของขึ้นเว้ยเฮ้ย ผมยิ้มล้อเลียน อะๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้ ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ตื่นมาก็พุ่งมาหาผู้ชายเลย นี่ถ้าเป็นผู้หญิงนะกูโดนด่าไม่เหลือแล้ว
“งั้นไปหาอะไรกินกัน”
“ไปดี้~”
ผมตอบกลับไป ไอ้กันก็พาออกมากินข้าว ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่หรอก ตลาดใกล้ๆ นี่แหละ อย่างนี้ก็ดีเลยจะได้เนียนซื้อขนมไปฝากพ่ออย่างที่บอกไว้ด้วย เราเลือกร้านอาหารตามสั่งที่อร่อยที่สุดในแถวนี้ ปกติผมไม่ค่อยได้ออกมากินข้าวนอกบ้านอย่างนี้หรอกนะ ปู่จะทำให้กินตลอด และผมก็ติดรสมือปู่ด้วย
“อยากกินอะไรก็สั่ง เดี๋ยวกูจ่ายเอง” พี่กันโชว์ความป๋าทันที ผมส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร กูเลี้ยงเอง มึงกินให้สบายใจเถอะ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูดูแลเอง” ผมตบอกแล้วยักคิ้วตอบ ไอ้กันทำหน้าเลี่ยนๆ เมื่อผมบอกว่าจะดูแลเอง อะไรวะ ไม่ชอบเหรอ นี่พูดจากใจเลยนะ
“มึงหยุดแสดงท่าทีแบบนั้นใส่กูสักทีเหอะวิป”
“ทำไม มีคนดูแลมึงไม่ชอบเหรอ”
“อยู่เฉยๆ ให้กูดูแลก็พอ” มันตัดบท ก็ยังคงความเป็นไอ้กันหมาบ้าเอาไว้อยู่ ยังขี้หงุดหงิดเหมือนเดิม ผมทำปากยื่นใส่ อุตส่าห์จะดูแลกลับไม่เอาซะงั้น แต่ก็อดยิ้มในใจไม่ได้ที่มันบอกว่าอยู่เฉยๆ ให้ดูแลก็พอ น่ารักไปอีกหมาบ้าของผม
“แล้วพ่อจะอยู่ยาวเลยเหรอ” ระหว่างที่นั่งรอข้าวไอ้กันก็ถามขึ้นมา พอได้ยินคำถามก็เกิดอาการเซ็ง ดูเป็นลูกที่แย่มากอยากให้พ่อกลับไปเร็วๆ แทนที่จะดีใจที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ถ้าอยู่แล้วเป็นแบบนี้ไม่เอาด้วยหรอก
“กูก็ไม่รู้ แต่ดูท่าจะยาว เพราะมึงเรื่องมึงไง”
“เข้าไปคุยกับพ่อมึงตรงๆ เลยมั้ย” ผมเกือบสะลักน้ำลายกับคำพูดของไอ้กัน ส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ เลย มึงจะบ้าเรอะ เดี๋ยวพ่อกูก็ได้ไล่มึงออกมาอีกหรอก
“อยากหัวแตกหรือไง”
“ก็คุยให้รู้เรื่อง กูจะได้เข้าไปหามึงที่บ้านได้ตลอด” ไอ้กันยักไหล่ ดูมันไม่ค่อยแคร์อะไรเท่าไหร่เลย เป็นคนไม่คิดมากก็ดีเนอะ…หรือเปล่าวะ จริงๆ เรื่องนี้มันควรต้องคิดไม่ใช่เหรอ
“กูจะได้คุมมึงด้วย เดี๋ยวแรดไปหาผู้ชายคนอื่นอีก” ร่างสูงยิ้มเหี้ยม ผมขนลุกซู่เลย ผมก็เชิดหน้ากลับไป แรดบ้าอะไร เรามีนายในใจแค่คนเดียวหรอก
“ทำไมหยาบคายอย่างนั้นล่ะหื้ออออ~ กูมีมึงคนเดียวอยู่ในหัวใจนะ ไม่เชื่อลองจับใจดูมั้ย”
“กูก็มีมึงคนเดียวเหมือนกัน” มันยิ้ม
อั้ยยะ!
“แต่คนรอบตัวมึงมันเชื่อไม่ได้ โดยเฉพาะไอ้เหี้ยอาร์ค จ้องจะงาบมึงตลอดเวลา ไหนจะไอ้คนที่ให้เบอร์มึงอีก เยอะนะมึงน่ะ” พูดไปก็อารมณ์ขึ้นเองโดยที่ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย ผมนั่งหน้าเหวอ อยู่ๆ ก็มาพลาดใส่กูซะงั้น
“ไม่ต้องหึง”
“ห้ามไม่ได้”
ผมก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม ไอ้บ้า~ พูดตรงๆ เราก็เขินนะเว้ย หรือนี่จะเป็นนิสัยอีกมุมหนึ่งของกันๆ น่ารักน่าหยิกชวนให้หลงหนักกว่าเดิม ดูคำพูดคำจา พอปากตรงกับใจแล้วอะไรๆ ก็น่ารักไปหมด เราจะไม่เอ่ยถึงเรื่องก่อนหน้านี้นะ
กินข้าวกันเสร็จก็เดินหาซื้อขนมกลับไปเซ่นพ่อสุดที่รัก โดยที่ข้าวมื้อนี้ป๋ากันเป็นคนเลี้ยง และขนมป๋าก็เป็นคนซื้อให้อีก ดูแลดีอย่างนี้เดี๋ยวจุ๊บๆ ให้เป็นรางวัล พอได้ขนมเยอะพอแล้วก็เดินกลับบ้าน
“วันนี้มึงน่ารักมากๆ เลยนะกันๆ”
“ก็รักกูสิ” ร่างสูงตอบกลับมา ดวงตาก็มองตรงไปข้างหน้า ถึงจะไม่ชินกับกันๆ เวอร์ชั่นนี้ แต่มันดีกับใจจริงๆ พูดอะไรน่ารักตลอด เมื่อก่อนหยอดไปจะได้รับสายตาเอือมๆ ใช่มั้ย แต่ตอนนี้หยอดอะไรไปพี่แกตบกลับคำหยอดมาตลอด ผมแม่งก็ยิ้มไม่หุบเลย
“กูชอบที่มึงพูดแบบนี้นะกัน น่ารักกว่าเยอะเลย”
“ถ้ามึงชอบ กูก็จะเป็นอย่างนี้แหละ” ร่างหนาหันมายิ้มให้นิดๆ ผมคิดว่าถ้ามือของมันว่าง ไม่ได้ถือของให้ผม พี่แกคงยื่นมาบีบๆ แก้มผมอย่างที่ทำตอนอยู่ที่บ้านแน่ ดูสายตาสิ เหมือนกับว่าอยากจับผมฟัดงั้นแหละ
พอเดินใกล้ถึงบ้านก็รู้สึกหวั่นใจนิดๆ พ่อจะรู้มั้ยว่าลูกหนีไปหาผู้ชายมา ก่อนจะเดินถึงหน้าบ้านผมก็หยุดแล้วกระตุกเสื้อไอ้กันให้หยุดตาม ร่างสูงเลิกคิ้วสงสัย
“มึงไม่ต้องเดินส่งถึงหน้าบ้าน เดี๋ยวพ่อเห็น เอาขนมมา” ผมยื่นมือไปถึงถุงในมือไอ้กันมาถือไว้เอง หมาบ้าชักสีหน้าไม่พอใจ มึงนี่ก็เอาใหญ่เลยนะ
“บ้านกูยังไงก็ต้องเดินผ่านบ้านมึงก่อน”
“แต่อย่ามาเดินพร้อมกูสิ เกิดพ่อเห็นทำไงเล่า!” จะพูดยังไงให้มันยอม บทจะดื้อก็ดื้อขึ้นมาซะอย่างนั้น
“แล้วต้องทำยังไงให้พ่อมึงยอมรับกู จับมึงปล้ำทำเมียเลยมั้ยแล้วคอยไปรับโทษทีเดียว” ร่างสูงสวนกลับมาอย่างหัวเสีย ผมยืนอึ้งหน้าแดงก่ำ ปากพะงาบๆ ทำเมีย!! ไอ้บ้าเอ้ยยยยยย~ มึงคิดว่าคนฟังจะล้มตายกับคำของมึงบ้างมั้ยห้ะ
“พอ! ไม่ว่ายังไงก็เถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน ตอนนี้แยกย้ายก่อน ถ้าแวบได้กูจะไปหามึงที่บ้านเอง” ผมตัดบท ไม่งั้นก็ยืดเยื้อ ไอ้กันมันไม่ยอมอยู่แล้ว ผมเดินมาที่บ้าน โดยมีไอ้กันเดินตามหลังมาด้วย แม่ง แยกไปเดินฝั่งนู้นก็ไม่ได้นะ ต้องตามหลังมาติดๆ อย่างนี้อีก
“พ่ออยู่บ้านแป๊บนึงก่อนนะ เดี๋ยวผมออกไปตามลูกก่อน หายออกไปนานแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้” จังหวะที่เดินถึงหน้าบ้านพอดี พ่อก็เปิดประตูออกมาแล้วตะโกนคุยกับปู่ที่อยู่ด้านในไปด้วย
ผมยืนตัวแข็งทื่อ ใจนี่หล่นวูบเลย ไอ้บ้าเอ้ย! พ่อออกมาตอนไหนไม่ออก มาออกตอนที่ผมเดินถึงหน้าบ้านพอดี กำลังจะหันไปไล่ไอ้กันให้เดินห่างออกไปก็ไม่ทันแล้ว พี่แกก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างหลังผมแล้ว
เอ่อ…จะรอดมั้ย
พ่อตะโกนคุยกับปู่เสร็จก็หันมา ท่าทางผมจะออกมานานเกินไปพ่อเลยเป็นห่วง โทรศัพท์ผมก็ไม่ได้หยิบออกมาซะด้วย แล้วก็เจอฉากเด็ดเลย แวบแรกพ่อยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าผมกลับบ้านมาได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่รอยยิ้มสว่างไสวนั่นจะค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อหันไปพบกันร่างสูงข้างๆ ผม
“เฮ้ย!! มาด้วยกันได้ยังไง!!”
พ่อชี้หน้าไอ้กันแล้วรีบวิ่งดุ๊กๆ เปิดประตูรั้วออกมา ดึงผมไปหลบอยู่ข้างหลังอย่างกับกลัวว่าไอ้กันจะทำร้ายผมงั้นแหละ พ่อๆ ลูกพ่อนี่แหละที่จะทำมัน
“เอ็งมาล่อลวงอะไรลูกข้าอีก!”
“พ่อ ใจเย็นก่อน ผมนี่แหละล่อลวงมัน” ผมดึงพ่อไว้ ไอ้กันหลุดขำออกมาเมื่อผมบอกแบบนั้น ไอ้บ้า มึงยังมีหน้ามาขำอีกเนอะ ผมแยกเขี้ยวใส่ร่างสูง มันใช่เวลาขำมั้ยที่รัก
“สวัสดีครับ” ร่างสูงเมินคำด่าของพ่อแล้วยกมือไหว้อย่างเด็กมารยาทดี ผมยิ้มนิดๆ ไอ้กันมุมนี้ก็ดูน่ารักเหมือนกันนะ ดูเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย
“ไม่รับไหว้ ไม่อยากรู้จัก โอ๊ยพ่อจะเป็นลม” เล่นใหญ่มาอีกแล้ว บางทีก็ขำพ่อตัวเอง อย่างเช่นตอนนี้ ผมต้องกลั้นขำไว้ไม่ให้หลุดออกมา พ่อแกเล่นยกมือใช้หลังมือแตะหน้าผาก นี่ถ้าสะเทือนใจแล้วเอามือแนบออกถอยเซๆ หน่อยนี่จะส่งพ่อไปเล่นลิเกแล้วนะ
“เข้าบ้านมั้ยพ่อ แดดมันแรงเห็นมั้ยจะเป็นลมเลย”
“พ่อเป็นลมเพราะลูกนั่นแหละ!”
“อ้าวเหรอ ไม่รู้ววววว~” ผมตีหน้าซื่อ ไอ้กันยิ้มเอ็นดูให้ผม มึงอย่าๆ ตอนนี้ยังไม่ได้ พ่ออยู่เห็นมั้ย มายงมายิ้มเดี๋ยวก็หนีพ่อไปบ้านมึงซะเลยหนิ
“วิป เข้าบ้าน!”
“จ้ะพ่อ เข้าบ้านกัน” ไอ้เข้าน่ะเข้าอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมเข้าคนเดียวแน่ เดี๋ยวพ่อไปตีกับไอ้กันล่ะยุ่งเลย ตัวพ่อใช่ว่าจะใหญ่อะไรมาก มันดีดทีเดียวก็ปลิวแล้วมั้ง แต่พ่อใจใหญ่ครับ ไม่เกรงกลัว
ผมลากพ่อเข้าบ้าน พ่อแกก็พยายามยื้อจะเอาเรื่องไอ้กันให้ได้ ก็บอกแล้วไงพ่อว่าผมนี่แหละที่ล่อลวงมัน พ่อชี้หน้าร่างสูงอย่างไม่ยอม ดีนะที่พี่แกไม่ติดใจอะไร หันมายิ้มให้ผมนิดๆ แล้วขยับปากแบบไม่ออกเสียงว่าเดี๋ยวเจอกัน
เจอยังไงหื้ออ~
ตุบ!
พอลากผมกลับเข้ามาในบ้านได้แกก็สะบัดตัวออกแล้วเดินไปนั่งลงอย่างแรง ใบหน้ายุ่งๆ ขัดใจ แถมด้วยการกอดอกเชิดหน้า ปู่ส่ายหน้าให้กับลูกตัวเองที่ดูเหมือนเด็กไม่โต
“พ่ออออ~”
“งอน!”
ไม่ง้อได้ปะ? ฮ่าๆ ล้อเล่นน่า ผมยิ้มกว้างแล้วนั่งลงข้างๆ พ่อ กอดแขนอ้อนเอาหน้าซุกลงไป ถูๆ ไถๆ นิดหน่อย เพียงแค่นั้นพ่อก็ยอมใจอ่อนดึงผมเข้าไปกอดแล้ว
“เลิกยุ่งกับมันไม่ได้เหรอ” ผมอ้อนไปพ่อก็อ้อนกลับ ขอร้องเสียงอ่อนอ่อย ปู่ลอบมองหน้าผมเพื่อดูอาการ แกเลี้ยงของแกมา รู้อยู่แล้วแหละว่าผมไม่ยอมหรอก ผมก็เนียนไม่ตอบ ยื่นมือไปหยิบขนมที่ซื้อขึ้นมาแทน
“กินขนมดีกว่าพ่อ เจ้านี้ทำอร่อยมาก” เนียนนนนน~
“จริงเหรอ ไหนๆ ลองหน่อย” พ่อก็เหมือนเด็ก หลอกง่ายซะ พอชวนเปลี่ยนเรื่องเข้าหน่อยก็ตามโดยง่าย ผมลุกไปหยิบจานหยิบช้อนมาให้ พ่อก็แกะยิ้มตักเข้าปากด้วยความฟิน
“อร่อยจริงๆ ด้วย น่ารักมากเลยลูกพ่อ”
“จริงเหรอ”
“จริงสิ ไหนจุ๊บเหม่งที” ว่าแล้วก็ยื่นหน้ามาจุ๊บ พ่อๆ พ่อกินขนมอยู่ปะ หน้าลูกจะเป็นสิวมั้ยเนี่ย
“อร่อยก็ดีแล้วพ่อ ไอ้กันซื้อให้ทั้งนั้นเลย มันน่ารักเนอะ”
พรวด!!
“แค่กๆๆ…ว่าไงนะ” พ่อถึงกับสะลัก ไอหน้าดำหน้าแดง ปล่อยช้อนปล่อยจานในมือลงทันที ผมกะพริบตาปริบๆ หน้าใสซื่อ อะไรง่า~ เราก็แค่อยากให้พ่อเห็นความดีงามของกันๆ ก็เท่านั้นเอง พ่อทำหน้ารับไม่ได้
“ไม่กิน! ไม่กินมันแล้วววว~”
“พ่อมึงบ้าไปแล้ววิป”
เห็นด้วยเลยปู่
…………………..
หลังจากที่พ่อคลุ้มคลั่งไปนั่น ผมก็โดนสั่งให้อยู่แต่ในบ้านห้ามออกไปไหน ส่วนขนมที่ซื้อมาพ่อก็ไม่แตะอีกเลย ปู่ก็กินหวานๆ มากไม่ได้ หน้าที่กินเลยตกมาอยู่ที่ผมแทน ผมก็โอเคนะ สุดที่รักซื้อให้ทั้งที
และตลอดทั้งวันก็ได้แต่นอนเล่นอยู่บ้าน มีโทรคุยกับไอ้นานานิดหน่อย ไอ้อาร์คก็โทรมาแต่ผมไม่ได้รับ ตอนนั้นเข้าห้องน้ำอยู่ และยังไม่ได้โทรกลับไปด้วย ไอ้กันก็มีคุยไลน์บ้าง แต่พี่แกมีงานต้องทำ เลยไม่ค่อยว่างคุย
พอตกดึกใกล้เวลานอนผมก็ไปอาบน้ำ พ่อเองก็คงเห็นว่าดึกแล้วเลยไม่ได้นั่งคุมอยู่ข้างล่าง เข้าห้องนอนไปแล้ว แต่พ่อหารู้ไม่ ไอ้ลูกคนนี้น่ะ ดึกๆ ดื่นๆ ก็วิ่งไปหาไอ้กันที่บ้านมาแล้ว ไม่เชื่อถามปู่ดูสิ
แต่งตัวเสร็จผมก็โดนขึ้นเตียง กลิ้งๆ ม้วนๆ อยู่อย่างนั้นสักพักแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น เปิดไลน์หาไอ้กันแล้วส่งความความรู้สึกออกไป
VIP : คิดถึงงงงง
G’ : ยังไม่นอนเหรอ
VIP : กำลังจะนอน แต่คิดถึงมึงไง ดีใจปะ ไหนพูดดดดด~
G’ : อืม
อืมพ่อง~ สั้นๆ แค่เนี้ยะ? ผมหน้าเซ็งนิดหน่อย ชีวิตเราต้องการความหวานอะนาย นายให้เราได้มั้ย แต่เอาเถอะ ได้แค่นี้ก็ดีละ
G’ : ให้ไปหามั้ย
ห้ะ!
VIP : เวลานี้เนี่ยนะ มึงจะบ้าเหรอ มาให้พ่อกูสับหัวเล่นหรือไง
พ่อผมไม่โหดขนาดนั้นหรอกผมก็พูดเปรียบๆ ไป แต่ไม่ว่าจะยังไง มาตอนนี้ก็ไม่ปลอดภัย จะเจอกันยังไงวะ นี่ถ้าแอบย่องออกไปแล้วเกิดพ่อมาเจออีก คะแนนเฮียกันยิ่งติดลบแน่ๆ
ไอ้กันมันเงียบหายไปอ่านแต่ไม่ตอบ ผมเบะปากใส่โทรศัพท์ ไอ้บ้าเอ้ย อยู่ๆ ก็หาย จะไปทำอะไรก็บอกกูก่อนมั้ย เป็นอย่างนี้กูก็นึกว่ามึงไม่อยากคุยกะกูน่ะสิ ช่างมัน ไปคุยกับไอ้ตองก่อนก็ได้
ระหว่างที่กำลังนอนคุยเล่นนู้นนี้กับไอ้ตองไปเรื่อยๆ ผมก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กๆ ที่หน้าต่าง เหี้ย! ตัวอะไรวะ แมวหรือเปล่า หรือโจรขึ้นบ้าน ผมลุกขึ้นมานั่งมองไปที่หน้าต่างด้วยความหวาดระแวง
ที่คิดอย่างแรกเลยถ้าเป็นโจรจะตะโกนเรียกปู่ ฮ่าๆ เอาน่า หน้าต่างผมมีลูกกรงอยู่มันเข้ามาไม่ได้หรอก แล้วก็นะ มึงจะบ้าเหรอ ห้องกูยังเปิดไฟอยู่เลย เลือกผิดห้องแล้วลูก
นั่งมองไปสักพักก็ต้องเบิดตากว้างกับสิ่งที่ได้เห็น รีบเด้งตัวทิ้งโทรศัพท์ไปชิดที่หน้าต่างทันที ไอ้บ้าเอ้ย! ไอ้กัน! มันปีนบ้านผม มึงจะมาขโมยของกูหรือเปล่าวะเฮ้ย
“มาได้ยังไง!” ผมเปิดหน้าต่างออกพร้อมกับร้องถาม แม่งกูขัดใจลูกกรงก็วันนี้แหละ ปกติก็ไม่เคยอะไรกับมันหรอกนะ วันนี้มึงขัดขวางกู แต่อะไรก็ตามเถอะ ไอ้บ้า! ไม่เคยคิดมาก่อนว่าร่างสูงจะทำอะไรอย่างนี้ อย่างเช่น…ปีนหน้าต่างหาแบบนี้ ผมไม่ห่วงมันอยู่แล้ว ร่างกายพี่แกแข็งแรง ตกลงไปไม่เจ็บอะไรมากหรอก
“ไหนบอกคิดถึง” พอเกาะได้มั่นแล้วก็เลิกคิ้วถามกวนๆ ผมถอนหายใจ เออใช่บอกว่าคิดถึง แต่ไม่ได้บอกให้มาหาอย่างนี้นะหื้ออออ
“ก็ใช่ แต่ไม่ได้บอกให้มาปีนบ้านกูอย่างนี้ พ่อรู้เขาเอามึงตายแน่” ผมบอกแล้วมองออกไปข้างนอก กลัวใครมาเห็นและกลัวว่าอีกฝ่ายจะร่วงลงไปด้วย บ้าระห่ำเกินไปแล้ว ร่างสูงดูไม่สลด ทำหน้าไม่แคร์ เออ…เอาเหอะ กูก็ไม่คิดว่ามึงจะกล้าขนาดนี้ ไอ้กันที่นิ่งๆ นั่นเป็นเพียงฉากหน้าสินะ
“กูดีใจนะเนี่ย ทำถึงขนาดนี้” ผมเท้าคางลงกับขอบหน้าต่าง คุยกันผ่านลูกกรงอย่างนี้แหละ
“เพราะกูก็คิดถึง” พูดจบก็ตบท้ายด้วยรอยยิ้ม ผมก้มหน้าเขินๆ ดวงตาคมนั่นเป็นประกายวิบวับเลย ผมต้องเลื่อนกระบองเพชรสุดน่ารักของพี่พลุออกห่างๆ เดี๋ยวเขินมากเผลอไปปัดตกล่ะยุ่งเลย
“ดูน่าตื่นเต้นดีเนอะปีนหน้าต่างอย่างนี้ แหมะ…อยากลองปีนหามึงแบบนี้บ้างจัง” ผมทำหน้าเพ้อฝัน แค่คิดเล่นๆ นะ ไม่ได้จะเอาจริง
“หึ ปีนได้เหรอ ขาสั้นแบบนั้น”
“ถ้าไม่ถึงมึงก็อุ้มกูสิ”
“อืม เดี๋ยวอุ้ม” พี่กันยิ้มเอ็นดูให้ ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเลย อยากพุ่งตัวเข้าไปจูบมากแต่ติดที่ลูกกรงสุดที่รักนี่แหละ เลยได้แต่ทำหน้าอ้อนใส่เท่านั้น
“ไม่คิดว่าก่อนเลยว่ากูจะบ้าได้ขนาดนี้” มือหนายื่นมาแตะแก้มผมเบาๆ แล้วก็ต้องรีบดึงกลับไปจับไว้ ไม่งั้นตัวเองได้ร่วงลงไปแน่น
“ที่บ้าเพราะตอนนี้มึงชอบกูใช่ม้า~”
“อืม ชอบมาก”
กูจะแทะขอบหน้าต่างแก้เขินแล้วนะถ้าจะหยอดกลับขนาดนี้ ผมก็ระแวงอยู่บ้าง หันมองประตูห้องตัวเองตลอดเลย ดีนะที่มาตอนดึกแล้ว ไม่งั้นมึงได้โดนกล่าวหาว่าเป็นโจรแน่ๆ
“มึงเมื่อยมั้ยเนี่ย กลับบ้านแล้วโทรคุยกันก็ได้นะ” เฟซไทม์ก็ได้นะพ่อ
“เมื่อย แต่อยากเห็นหน้า”
จ้า
“เฟซไทม์ไง”
“อยากเจอตัวเป็นๆ” เอากูไปนอนกกที่บ้านเลยมั้ยล่ะ ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่า ต่อไปนี้เฮียกันๆ ของเราจะเป็นโรคคลั่งวิป หึๆ หล่อไปอีกกู
แกร๊ก
“วิป”
เหี้ย!!
ผมขวับหันไปมองที่ประตูเมื่อมันถูกเปิดออก ใจหล่นวูบทันที คนที่เกาะอยู่ข้างนอกก็ผงะตกใจไปเหมือนกัน เบี่ยงตัวหลบให้พ้นขอบหน้าต่าง แต่พอเห็นว่าเป็นใครที่เปิดเข้ามาผมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไอ้เราก็นึกว่าพ่อ ที่แท้ก็ปู่ ปู่แกเห็นไอ้กันแล้วแหละ มันเองก็รู้เลยไม่แอบ แกจ้องมองพวกเรานิ่งๆ ผมรีบบีบตาอ้อนไปก่อนเลย
“รีบๆ คุยกันซะ ก่อนที่พ่อมึงจะมาเห็น”
ผมยิ้มกว้างเมื่อปู่ไม่ว่าอะไร ดีนะที่เป็นปู่ เห็นแต่ว่าปล่อยผ่านไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าปู่รู้อยู่แล้วว่าไอ้กันอยู่ที่หน้าต่างหรือเปล่า เพราะครั้งนี้ปู่แกเล่นเปิดประตูเข้ามาเลยทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยทำ แต่ถึงจะไม่ว่าแต่ดูจากสีหน้าแล้วก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน
“แล้วอย่าให้มีอีก” คราวนี้หันไปบอกกับคนที่เกาะหน้าต่างอยู่
“ครับ”
ไอ้กันรับคำ จากนั้นปู่ก็เดินออกไป ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก ไอ้บ้าเอ้ย! เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้กัน เป็นไงล่ะมึงงงงง~
“เหี้ย กูใจหายหมด”
“ตื่นเต้นดีใช่มั้ยล่ะ” มันยังไม่สลด เดี๋ยวกูก็ดีดตกหน้าต่างซะเลยหนิ
“คราวหลังไม่เอาแล้วนะเว้ย บ่อยๆ กูช็อกตายขึ้นมาทำไง” ถึงจะชอบที่ลงทุนปีนมาหาแบบนี้ก็เถอะ แต่อย่าเลย เดี๋ยวรอให้พ่อกลับไปก็ได้เจอกันเหมือนปกติแล้ว
“ไม่รับปาก ถ้ากูคิดถึงกูก็จะมา”
เหี้ยนี่ก็ดื้อ!
แกร๊ก
“วิป เมื่อกี้พ่อลงไปกินน้ำ ได้ยินเสียงอะไรที่นอกบ้านก็ไม่รู้ เราได้ยินหรือเปล่า”
พรึ่บ! ตุบ!!
เหี้ยแล้ว
“เอ่อ…ไม่เห็นได้ยินเลยพ่อ สงสัยแมวมั้ง มันชอบเดินเล่นแถวๆ นี้แหละ” ผมหันไปตอบพ่อแล้วยิ้มแห้งๆ มองหน้าพ่อได้แป๊บเดี๋ยวก็ต้องหันกลับไปที่หน้าต่าง ไอ้บ้าเอ้ย! เมื่อกี้ผมก็นึกว่าเป็นปู่ คงลืมบอกอะไรสักอย่าง แต่ปรากฏว่าไม่ใช่! พ่อเปิดประตูเข้ามา พอผมได้ยินเสียงพ่อ ผมก็รีบยื่นมือผ่านลูกกรงออกไปผลักไอ้กันจนร่วงลงไปข้างล่าง เฮ้ย! ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายมึงนะกัน กูตกใจ! และกูกลัวพ่อเห็น
ให้ผมเดานะ ถ้าผมไม่ผลัก ไอ้กันก็ไม่หนีหรอก ไอ้นี่มันเปรี้ยว ท้าทายพ่อตลอด
“แต่เมื่อกี้พ่อได้ยิน…”
“แมววววว~”
“เหรอ เออ คงเป็นแมวมั้ง แล้วหน้าต่างมีอะไรลูก มองหลายทีละ แล้วไปนั่งทำไมชิดหน้าต่างแบบนั้น” นี่ก็สงสัยไม่เลิก ผมยิ้มเก้อๆ แล้วรีบปิดหน้าต่างเดินกลับมานั่งที่เตียง
“รับลมไงพ่อ นี่จะนอนละ ง่วงแล้ว” ตบท้ายด้วยการหาวปลอมๆ ไปให้ พ่อก็เหมือนอย่างเคย ว่าง่าย พอบอกว่าง่วงนอนก็ยอมถอยออกไปแต่โดยดี แต่ก็ไม่วายมองที่หน้าต่างเหมือนสงสัย
อย่าสงสัยเลยครับ เพราะพรุ่งนี้ผมจะเจอไอ้กันมันเล่นงานยังไงผมยังไม่กล้าสงสัยตัวเองเลย
______________________________________
มาต่อแล้วค่าาาาาา หายไปหลายวันเลยต้องกราบขอโทษด้วยจริมๆ ฮึกก
คราวนี้พระเอกเริ่มเป็นพระเอกขึ้นมาแล้ว นี่ลืมพี่อาร์คไปละ 55555 เอาพี่กันแทน ><
เราลงไม่สม่ำเสมอแต่ก็ยังมีคนตามอ่าน ขอบคุณมากเลยนะคะ ขอบคุณที่ชอบนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณที่ยังรอไม่ทิ้งไปไหน
ไม่ว่าจะเพิ่งเข้ามาอ่าน หรืออ่านนานแล้ว ก็อยู่กับเราก่อนนะคะ #อ้อน #ทำตาปิ๊งๆ
แล้วเจอกันตอนหน้าจ้าาา