Brothers
Chapter 6 – Tender Touch
พ่อซื้อเครื่องช่างน้ำหนักมาให้พี่เสือ เวลาตื่นนอนพ่อบอกให้พี่เสือช่างน้ำหนักทุกครั้ง เพราะกลัวว่าลูกชายจะน้ำหนักลดฮวบอีก แต่ข่าวดีที่ได้รับก็คือ..พี่เสือน้ำหนักเพิ่มขึ้นสองกิโลกรัม
“พ่อดีใจที่เสืออ้วนขึ้น” ศักดิ์สิทธิ์ยิ้ม ลูกชายของเขาดูหล่อเหลาไม่น้อยเมื่อเทียบกับแต่ก่อน
ร่างผอมสวมเชิ้ตกับกางเกงขายาวเหมือนเคย เขาไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ซ่อนรูปอยู่ในมุมเงียบๆของตัวเองอย่างแนบเนียน
“ผมไปทำงานก่อน” เสือยกมือไหว้แล้วเดินออกจากห้องไป
ยิ่งพ่อทำแบบนี้มากเท่าไหร่ เสือยิ่งตัดใจออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียวไม่ได้..เราควรทิ้งระยะห่างให้มากกว่านี้
ปลายนิ้วผอมกดโทรศัพท์หานิคกี้ “นิคกี้”
‘ว่ายังไง หายป่วยหรือยัง ขอโทษที่ไม่ได้ไปเยี่ยมนะ ฉันมาทำงานที่ฮ่องกงน่ะ’
เสือมุ่นคิ้ว ไปทำงานที่ฮ่องกง แล้วแบบนี้เขาจะนอนไหนดีล่ะ ความรู้สึกไม่อยากกลับมานอนบ้านประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน ไม่ใช่ไม่ชอบเพียงแต่ไม่อยากไว้ใจใครทั้งนั้น
“ไม่มีอะไร”
‘มีเรื่องไม่สบายใจอีกแล้วสิ’
เขาตอบรับในลำคอ เรื่องเดิมๆ หากเป็นเมื่อก่อน เสือสนิทใจนอนที่บ้านมากกว่านี้ “เรื่องเดิมๆ แค่นี้แหละ..ไว้เจอกัน”
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกก่อนก้มดูเวลา อีกชั่วโมงกว่าๆจะถึงเวลานัดแล้ว ขืนไม่ออกตอนนี้มีหวังสายแน่ๆ เขาก้าวขึ้นรถได้ไม่ถึงห้านาที เจ้าเด็กแสบเมษาก็รีบมาเคาะกระจกรถ
เสือเลื่อนกระจกลง “มีอะไร”
เมษายื่นกล่องอาหารให้อย่างกระตือรือร้น “แม่ฝากข้าวกล่องมาให้พี่เสือกับพี่ตุลย์ด้วย”
“ขอบใจ”
เสือออกจากบ้านหกโมงครึ่งของทุกวัน ไม่มีวันไหนสาย เขาทำงานตรงเวลาทุกครั้งแม้จะอดนอนก็ตาม วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เสือออกจากบ้านเช้ามาก เพราะนัดใครบางคนเอาไว้
ตุลา..ตุลย์ คนๆนั้นมีดีกรีเป็นหนุ่มนักเรียนนอก เป็นพี่ชายของเมษา ตั้งแต่กลับมาก็ดูจะวุ่นวายกับเขาเหลือเกิน ท่าทีสุขุมลุ่มลึกแบบนั้น ดวงตาฉายแววเอาเรื่อง..เสือไม่กลัว เพียงแค่ไม่เคยมีใครเข้าประชิดตัวเขาแบบที่ตุลาทำ
ชั่วขณะหนึ่งที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ..
ชายหนุ่มทาบฝ่ามือที่แผ่นอก เขาไม่ควรยุ่งกับผู้ชายที่อันตรายต่อหัวใจตัวเองแบบนี้ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ตั้งใจสลัดทุกความคิดออกให้หมด ในหัวว่างเปล่า..ไม่มีชื่อตุลาอีกเลย
เสือทำงานอิสระ..ที่ทำงานวันนี้ของเขาคือออฟฟิศของตุลา หากขึ้นรถไฟฟ้าไปจะเร็วกว่า แต่เขาไม่ชอบ เมื่อครั้งหนึ่งเคยถูกตาแก่รุ่นพ่อลุงลวนลามโดยการจับสะโพก เสือไม่เข้าใจ..ตัวเขาเล็กนิดเดียว ออกจะผอมแห้งไปด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่ามีดีอะไรถึงได้กล้าทำแบบนั้น
การเลือกมารถตัวเองถือเป็นการดีที่สุดแล้ว..
หนุ่มร่างผอมมาถึงเวลาแปดโมงตรง เขาก้าวออกจากรถ ไม่ลืมถือกระดาษและอุปกรณ์มาด้วย เหตุผลหนึ่งที่ไม่อยากอยู่บ้านเพราะกลัวใจตัวเองทั้งกับพ่อ แม่ และเมษา ล้วนหยิบยื่นความอบอุ่นนั้นมาให้ แต่หากวันหนึ่งเขาไม่ได้รับมันขึ้นมา..หัวใจคงแตกสลาย
“มาแต่เช้าเชียว ผมช่วยถือของไหม” เสือสะดุ้ง เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังอยู่ข้างหลัง เขาหันไปมอง เห็นตุลายืนอยู่ข้างๆรถสีดำสนิท “ผมช่วยไหม”
“ไม่เป็นไร ผมถือเองได้”
“แต่ของคุณเยอะ..” ตุลาไม่พูดเปล่า เขาดึงของจากมือเสือครึ่งหนึ่งมาถือให้ เมื่อเห็นว่ามันใกล้ล้นเต็มทน คนปากแข็ง..ลำบากขนาดนี้ยังไม่ยอมก้มหัวให้ใครอีกหรือ ริมฝีปากบางยกยิ้มน้อยๆเมื่อสังเกตเห็นรอยย่นบนหน้าผาก
กำลังหงุดหงิดใจสิท่า..
เสือเม้มปาก เขาล็อครถแล้วรีบเดินเข้าไปในอาคาร หากเสียงๆหนึ่งก็ฉุดรั้งเขาไว้ ว่าที่นี่..เขาไม่รู้จักทาง
“คุณควรไปพร้อมผมนะ” ตุลาถอนหายใจเฮือก ไม่ได้ตั้งใจขวางคนหัวรั้น แต่ในบางครั้ง..มันมากไปจนเขาอดแกล้งไม่ได้ “โต๊ะทำงานอยู่ใกล้กับผม ผมเป็นคนจัดให้คุณเอง”
“ทำไม”
“ผมจะได้ดูแลคุณสะดวกไงครับ” น้ำเสียงราบเรียบไม่บอกอารมณ์ ทั้งที่ในใจตุลากลั้นขำเต็มทน หากไอ้เปรมได้เห็นหน้าคุณเสือแสนดุของมันแล้วก็..คงอาการไม่ต่างจากเขานักหรอก
จะโชคดีหรือร้ายกันแน่ที่โต๊ะของเสืออยู่ใกล้กับตุลา ในความเป็นจริงเสือไม่ชอบทำงานในที่อึดอัดและไม่สะดวกแบบนี้ ทว่าหากเทียบกับการอยู่บ้านแล้ว..เสือมาทำงานตรงนี้ดีกว่า หนุ่มสถาปนิกมุ่นคิ้วไม่รู้ตัว บางครั้งพ่อ..ก็โลดแล่นในหัวจนไม่เป็นอันทำอะไร
“ตอนสายๆผมจะพาไปดูสถานที่ว่าคุณควรออกแบบแบบไหน”
เสือพยักหน้า ก่อนเหลือบไปมองกล่องอาหารที่เมษาฝากไว้ให้ “เมษาฝากข้าวกล่องมาให้คุณ” เขายื่นให้ทั้งสองกล่อง ทั้งที่เมื่อเช้าเจ้าเด็กแสบบอกว่าอีกกล่องหนึ่งคือของเขา เมื่อก่อนไม่เห็นทำแบบนี้..เสือคิดว่ามันไม่จำเป็นนักหรอก
“หืม..อีกกล่องน่าจะเป็นของคุณนะ”
“ผมไม่ทาน” เขาตอบแค่นั้นก่อนนั่งเหลาดินสอแต่ละแท่ง
“ถือซะว่าผมเก็บไว้ให้คุณก็แล้วกัน ถ้าคิดจะประท้วงโดยการอดข้าว..ผมหวังว่าผมคงไม่ต้องมาป้อนคุณถึงที่หรอกนะ” ตุลาเพิ่งรู้เอาวันนี้ ความใจเย็นและอดทนของเขามันมีขีดจำกัด โดยเฉพาะกับเด็กหัวดื้ออย่างเสือ..สักวันตุลย์คงต้องดัดหลังเสียใหม่
อากาศตอนสายดูร้อนแรงจนเสืออยากลับเข้าไปออฟฟิศอีกครั้ง หากคนข้างกายยังดูเฉยชากับการเดินดูพื้นที่ในการสร้างอาคาร ในทีมไม่ใช่มีแค่เขาหรอก..แต่ยังมีคนอื่นช่วยทำงานอีก นายเปรมอีกคน..ว่าแล้วเชียวว่าคงไม่ออกมาแน่ๆ
ความชื้นแฉะตามแผ่นหลังทำเอาเสือไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“ร้อนหรือเปล่าครับ” ตุลาเห็นอาการคนข้างกายไม่ค่อยดี คิ้วขมวดเป็นปมราวกับอดกลั้นอะไรสักอย่าง
“เปล่า” เสือยกมือปาดเหงื่อบริเวณไรผม หากเขาบอกว่าร้อน..คงเป็นการเสียศักดิ์ศรีน่าดู
ดวงตาสีเข้มลอบมองพวงแก้มแดงจัดของเสือ ไม่ร้อน..คำโกหกที่มีหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ ไล่มาถึงต้นคอที่มีหยดเหงื่อ อากาศคงร้อนจริงๆนั่นแหละ
“คุณไปพักก่อนไหม เดี๋ยวเป็นลมอีก”
“ผมไม่ใช่ผู้หญิง ไม่อ่อนแอขนาดนั้น!”
ตุลาถอนหายใจ บางครั้งเจ้าตัวก็ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เห็นว่าคุณเพิ่งหายป่วย ออกมานานๆแบบนี้เดี๋ยวเข้าโรงพยาบาลอีก” ส่วนหนึ่งเป็นความผิดของเขาเองที่พาคน ‘ป่วยง่าย’ อย่างเสือมาตากแดดตากลม ขืนคุณลุงรู้เข้ามีหวังขับรถมาที่นี่อีกแน่ๆ
“ผมยังไหว แค่นี้ผมคงไม่เข้าโรงพยาบาลซ้ำสองหรอก” เขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น..แค่การที่อดข้าวจนล้มป่วยไม่ได้หมายความว่าเขาขี้โรคเสียหน่อย
หนุ่มนักเรียนนอกเห็นคนอยากเอาชนะเลยได้ปล่อยเลยตามเลยสมใจ ถ้าป่วยขึ้นมาอีกรอบ..อย่ามาโทษเขาล่ะ
ฝนตกในช่วงบ่าย ทั้งเขาและเสือต่างเปียกเป็นลูกหมาทั้งคู่ สำหรับตุลาแล้วเรื่องแค่นี้สบายมาก หากมองไปยังเสือ..คนๆนั้นนั่งตัวสั่นข้างกายเขาภายในรถ ริมฝีปากอิ่มเม้มหากันแน่ บังคับกายไม่ให้สั่นเพราะอากาศที่เริ่มเย็น
“ในรถผมไม่มีผ้าเช็ดตัว เอาเสื้อผมไปห่มก่อนแล้วกัน” ตุลาหยิบสูทท้ายรถยื่นให้เจ้าชายน้ำแข็ง ขอให้ความอบอุ่นนี้ละลายนิสัยเย็นชาออกมาบ้างเถอะ..
ปลายนิ้วสะอาดรับมาแต่โดยดี เสือค่อยๆคลุมทับร่างตัวเอง กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆลอยมาปะทะจมูก ไม่ฉุนไป ไม่เจือจางเกินไป..นับว่าผู้ชายคนนี้มีรสนิยมดีทีเดียว
“ขอบคุณ”
“ฝนตกรถติด ผมว่าอีกนานกว่าจะถึงออฟฟิศ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดผมก่อนแล้วกัน”
เสือเหลือบมองแต่ไม่พูดอะไร ตอนนี้เสืออยากได้ที่อุ่นๆก็พอ..
คอนโดของตุลาติดกับสถานีรถไฟฟ้า กว่าจะฝ่ารถติดมาได้ก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว ความคิดที่จะกลับออฟฟิศเลือนหายไปจากหัวเลย
“ห้องรกหน่อย” ตุลย์เปิดประตูให้คนสั่นเป็นลูกนกเดินเข้าไป ภายในห้องอบอุ่นเสียจนเกือบร้อน
“เดี๋ยวผมไปหยิบผ้าเช็ดตัว เปลี่ยนเสือผ้าก่อนแล้วค่อยทานอะไรอุ่นๆ”
เสือได้แต่เงียบ เขาไม่เคยไปบ้านเพื่อนคนไหนนอกจากนิคกี้เลยสักคน เรียกได้ว่าที่สนิทจริงๆก็มีเพื่อนเขาเพียงคนเดียวนี่แหละ คนอื่นๆ..ก็ไม่ได้คุยอะไรมากแค่ทักทายกันธรรมดา เขารู้ดีว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องมนุษยสัมพันธ์แต่เสือไม่คิดจะแก้ไข
ร่างผอมนั่งห่อตัวน้อยๆ เขาหนาวไปจนถึงกระดูก ริมฝีปากสั่นไปหมด คาดว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงคงได้เป็นหวัดแน่ๆ
“เปลี่ยนเสื้อในห้องนอนได้เลยครับ” ตุลย์ถือผ้าเช็ดตัวมาให้เสือ เจ้าตัวห่อไหล่ บอกถึงความเหน็บหนาวที่เริ่มมากขึ้นแม้อากาศภายในห้องจะอุ่นก็ตาม
“ขอบคุณ”
เสือหยิบผ้าขนหนูสีขาวแล้วรีบเดินเข้าห้องไป ตอนเขาชื้นแฉะไปหมดจนอยากถอดเสื้อเสียเดี๋ยวนั้น หากไม่ติดว่ามีสายตาใครบางคนมองอยู่
ปลายนิ้วผอมกลัดกระดุมเสื้อออก เผยให้เห็นแผ่นอกซีดผมจนเห็นรอยกระดูก เสือค่อยๆถอดกางเกงสีดำ มันปิดรอยสักรูปผีเสื้อไว้อย่างหมิ่นเหม่ก่อนตามมาด้วยกางเกงชั้นใน เมื่ออายุสิบห้า..เขาอยากลองอะไรแปลกๆ ทั้งลองสัก เจาะสะดือ แต่พ่อไม่เคยรู้
พ่อเลิกสนใจเสือมานานแล้ว..
ตอนม.ต้น เสือยอมรับว่าตัวเองเป็นเด็กเกเร เขาติดเพื่อนชายอยู่กลุ่มหนึ่ง คิดว่ามันเท่ดี..ได้ลองบุหรี่ พวกมันหยิบยื่นให้เขา พวกมันมีกัญชา..มันก็เอามาให้เขาลอง มันทำอะไร เขาก็ทำตามจนเกือบเสียคน ถึงอย่างนั้นพ่อก็ไม่เคยรับรู้
จนวันหนึ่งที่เขาเกือบโดนพวกมันข่มขืน.. หากไม่ได้นิคกี้ป่านนี้เขาคงโดนย่ำยีจนกลายเป็นบ้าไปแล้ว
เมื่อหวนนึกไปถึงอดีต เขาเริ่มเจ็บแปลบที่หัวใจ เสือไล่ความคิดนั้นออกทั้งหมด ก่อนพันผ้าขนหนูรอบเอว แต่ใครบางคนก็เปิดประตูพรวดเข้ามา..
“ขอโทษ..” ดวงตาสีเข้มเบิกกว้าง ตุลานิ่งค้างสักพักก่อนตั้งสติแล้วขมวดคิ้วมุ่น เมื่อครู่..รอยสักรูปผีเสื้อตรงบั้นเอวนั่น..เขาคงตาฝาดไปใช่ไหม เทียบกับรูปลักษณ์ภายนอกของเสือแล้ว..เจ้าตัวคงไม่คิดทำอะไรแบบนั้น ตุลย์ยังจ้องร่างผอมบางอยู่ อืม..อย่างเสือคงเรียกว่าเซ็กซี่เล็กๆได้ล่ะมั้ง
“มีอะไร” เสือถามพลางหยิบเสื้อผ้าบนพื้นมากอดไว้ ผู้ชายด้วยกันก็จริง..แต่ไม่สนิทใจให้ก้าวล้ำ
“ผมขอโทษที่เข้ามา ลืมบอกไปว่า..เสื้อผ้าหาเอาในตู้ได้เลย ตามใจคุณ”
ตุลาปิดประตูแผ่วเบา ในบางครั้ง..เขาก็คิดว่าคนอย่างเสือคงมีอะไรมากกว่าสิ่งที่เห็นแน่นอน หากรอยสักนั่นอยู่ที่บั้นเอวจริง ในใจเจ้าตัวคงมีเรื่องเป็นร้อยเป็นพันที่คุณลุงและเขาไม่รู้
เกือบหกโมงเย็นแล้ว คาดว่าคนทั้งบ้านคงไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากรอเสือ
เขากดโทรศัพท์ติดต่อเจ้าเด็กเมษา เผื่อๆเจ้าตัวอาจจะนั่งเป็นหมาหงอยหน้าบ้าน
‘ฮะโหล’
เสียงหงอยเชียว ตุลาหัวเราะน้อยๆ นึกภาพเจ้าตัวเหมือนลูกสุนัขรอเจ้าของกลับบ้านอยู่แน่ๆ “เป็นอะไรไป”
‘พี่เสือยังไม่กลับบ้านเลย โทรไปก็ไม่ติด’
“อืม..เขาอยู่กับพี่ ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวจะไปพาไปส่งถึงบ้านเลย”
เสียงเมษาโวยวายน้อยๆ ตุลาชักไม่มั่นใจแล้วสิว่า..เขาหรือเสือกันแน่ที่เป็นพี่ชายของเจ้าเด็กนี่
‘รีบมาส่งเร็วนะๆ!’ ว่าจบก็ตัดสายกันดื้อๆ
เสียงเปิดประตูเรียกความสนใจจากตุลาเป็นอย่างดี เขาหันหลังขวับ พบกับคนที่อยู่ในห้วงความคิดตลอดบ่าย ทั้งเป็นห่วงและกังวล เกรงว่าคนปากเก่งจะเป็นอะไรไปอีก แต่ดูท่าแล้วคงสบายดี เสือสวมเสื้อยืดสีขาวบางของเขากับกางเกงสีเทาที่ตุลาใส่นอนเป็นประจำ
เขาสบดวงตาคมของเสือแล้วหลุบมองต่ำ ตุลย์รับรองได้ว่าเสื้อของเขาไม่ได้บางขนาดนั้น ทว่าพอมาอยู่บนตัวของเสือแล้ว เขากลับมองเห็นยอดอกดุนดันเนื้อผ้าบางๆ เพียงนิดเดียวเท่านั้นจริงๆ..ตุลาชักสงสัยแล้วว่าเขาเอาใจใส่อีกฝ่ายมากเกินไปหรือเปล่า รายละเอียดเล็กน้อยถึงได้เก็บมาใส่ใจ
“ผมอุ่นนมร้อนให้แล้ว อยู่ในครัว”
ร่างผอมเดินผ่านไป ไร้เสียงตอบ..เมื่อก่อนตุลาคงขุ่นเคืองใจไม่น้อย หากเทียบกับตอนนี้ อย่าตอบอะไรเลยดีกว่า..ในบางครั้งมันอาจทำให้เขาปั่นป่วนก็เป็นได้
อากาศภายในรถค่อนข้างเย็น หากไม่ได้ชุดสูทของตุลาคลุมไว้ กลิ่นน้ำหอมยังติดทนทาน เสือเผลอสูดอย่างเผลอไผลอยู่หลายครั้ง มันเหมือนยาเสพติด..ยิ่งใกล้ยิ่งอยากสัมผัส เสือไม่อยากเป็นแบบนั้น
“เสื้อนี่..ไว้ผมซักเสร็จแล้วจะเอาไปคืนนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก..เดี๋ยวผมจัดการเองก็ได้”
เสือไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร ยิ่งกับตุลาที่ดูเหมือนทำเกินหน้าที่แล้ว เขาไม่ชอบ “ผมทำได้”
ความจริง..เสือไม่เคยซักผ้าเองด้วยซ้ำ ตั้งแต่เกิดมามีพี่เลี้ยงจัดการดูแลให้ทุกเรื่อง เพราะพ่อไม่ดูแล พี่เลี้ยงจึงเปรียบเสมือนพ่อแม่คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ พอมาอยู่บ้านหลังใหม่ แม่ของเมษาจัดการให้ตลอด แต่ครั้งนี้..เสือคงต้องทำเองแล้ว
ไฟในบ้านคุณลุงยังเปิดอยู่ พอได้ยินเสียงรถของตุลา เจ้าเด็กแสบเมษาก็วิ่งโร่เข้ามาหน้าตาตื่น
“พี่เสือ!!”
เสือยืนนิ่ง หากเป็นตุลาเสียเองที่กระแอมสองสามที นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเมษาหนอถึงได้หลงพี่ชายคนใหม่หัวปะหัวปำ เป็นเขาเองที่กลายเป็นหมาหัวเน่า ไม่ใช่เสือหรอก คนๆนี้..ใครๆต่างมารุมรักมากมาย แต่ไม่เคยยอมรับมันเลย
“พี่ก็มานะ นายไม่คิดจะทักพี่หน่อยหรือไงเมษา”
เมษายิ้มแฉ่ง ก่อนตอบออกไปอย่างไม่รู้สึกผิด “ก็เพราะเมษรู้จักพี่ตุลย์ดีไงถึงได้รู้ว่าพี่ไม่โกรธเมษหรอก พี่ตุลย์รักเมษจะตาย” พูดจบก็วิ่งดุกดิกตามหลังเสือไปราวกับสุนัขผู้แสนซื่อสัตย์จนตุลาต้องส่ายหัวกับอาการของน้องชาย
มันคงแก้ไขไม่ได้แล้วแน่ๆ..
“พี่เสือ..แล้วรถพี่เสือล่ะ” ดวงตากลมลอบสำรวจเจ้าชายน้ำแข็ง ผมยังชื้นๆอยู่ เสื้อผ้าที่สวมก็ดูแปลกไป ปกติพี่เสือเคยใส่ซื้อผ้าพวกนี้ที่ไหน ถึงจะเป็นชุดนอนก็เถอะ..เมษจำได้ว่าพี่เสือไม่มีชุดแบบนี้
“อยู่ที่ออฟฟิศ”
“แล้วนี่พี่เสือไปไหนมา ทำไมกลับดึกจัง เมษเป็นห่วง”
เป็นห่วง..เสือชะงัก เขาชักเกลียดคำนี้ขึ้นมาแล้วสิ ใครๆก็อ้างว่าเป็นห่วงเขาทั้งนั้น แต่ความจริงแล้วเป็นเพียงความรู้สึกผิดในใจ เคยละเลย เคยทำไม่ดีกับเขา แล้วอยู่ๆอยากเอาบ่วงมารัดเสือไม่ให้หนีไปไหนรอด
เสือเกลียดคำนี้..
“ถามพี่ชายนายดูแล้วกัน!” ร่างผอมวิ่งขึ้นบันไดไป ไม่สนใจใครหลายคนที่รออยู่ในห้องรับแขก ทั้งพ่อ แม่ และหนักสุดคงเป็นเมษา
เด็กหนุ่มหน้าหงอยเป็นลูกหมาถูกทิ้งอีกครั้ง ไม่เคยเลยจริงๆ..พี่เสือไม่เคยมองเมษเหมือนน้องชายสักครั้ง
ตุลามองอยู่ห่างๆ เขารู้ดีว่าจะห้ามเมษาไปก็ไร้ประโยชน์ เจ้าตัวควรได้รับประสบการณ์จากเจ้าชายน้ำแข็งบ้าง ยิ่งดันทุรังยิ่งเจ็บใจ
“ตอนบ่ายฝนตก พี่เสือตัวเปียก พี่เลยพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโด” เสื้อผ้า..ตุลาคิดไปถึงรูปร่างใต้เสื้อยืดตัวนั้น ยอมรับว่ามันบอบบางราวกับจะแตกได้
“แล้วแบบนี้พี่เสือจะไม่เป็นหวัดเหรอ เดี๋ยวเมษเอายาขึ้นไปให้ดีกว่า”
หนุ่มนักเรียนนอกจับมือน้องไว้ บางครั้งเมษาก็ไม่รู้อะไรเลย การเข้าหาคนอย่างเสือ..บางทีรุกไปก็ไม่ได้อย่างที่เจ้าตัวชอบทำ
“ห้ามเมษทำไม”
“ปล่อยพี่เสือเขาอยู่กับตัวเองบ้าง เราน่ะรุกพี่เขาเกินไปแล้ว”
เมษายู่ปากลง ก็เขาชอบเจ้าชายน้ำแข็งนี่ ไม่ว่าจะทำดีหรือไม่ดีอย่างไร พี่เสือคือคนในครอบครัวเหมือนกัน “พี่ตุลย์ไม่เคยได้ยินเหรอ น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน เมษมั่นใจว่าเมษก็ทำให้พี่เสือใจอ่อนได้เหมือนกัน”
เย่ๆ ดีใจมากกกกกกกกกกก
อัพตามที่บอกไว้ เก่งชิมิ คิกๆ
เค้าว่าพี่เสือต้องมีอะไรเยอะแยะมากมายแน่ๆ
เป็นอะไรที่เค้าคิดไว้แล้ว
แต่ขี้เกียจพิมพ์ตอนที่ 7 ต่อจริง อิอิ เค้าอัพแล้วนะ
ขอหายไปสักอาทิตย์หนึ่ง ไปหลั่นล้าแบ๊วๆสักหน่อย จุ้บคนอ่านทุกคน
เดี๋ยวมาตอบเมนท์ แปบหนึ่ง
ปุจฉา: พี่เสือเซ็กซี่ไหมมมม?
ปล. เห็นคำผิดนะ แต่แก้แล้ว (ในเวิร์ด)