“ซัน…อ๊ะ..ซะ...ซัน....”
ภรัณยูรู้ว่าความใจอ่อนจะย้อนกลับมาแว้งกัดตนทีหลังตั้งแต่ครั้งที่เขายอมให้เด็กหนุ่มทำตามอำเภอใจได้ก่อนหน้านี้ แต่บางครั้งเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าเด็กบ้านี่จะไม่มียางอายกับคนอื่นเขาบ้างจริงๆเหรอ?
เจ้าของชื่อที่ทำให้เขาครวญครางเสียงสั่นอยู่บนเตียงยอมผละจากส่วนอ่อนไหวที่ตนปลุกเร้าจนไวต่อสัมผัส ทินกรเลียริมฝีปากของตนขณะดวงตาสีควันบุหรี่โลมเลียร่างเปลือยเปล่าของภรัณยูอย่างหิวกระหาย นิ้วเรียวยาวที่ขยับเข้าออกจากช่องทางสีหวานเป็นจังหวะยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างขยันขันแข็ง กระแทกย้ำในจุดที่ทำให้ร่างโปร่งร่อนสะโพกตามเกมส์รักอย่างห้ามไม่อยู่
“พี่ภัทร...อย่ายั่วผมสิครับ”
“ฮะ…อ๊ะ…พี่ทำ...อะไร...อ๊ะ...”
คนโดนกล่าวหาตวัดดวงตาที่หวานเชื่อมจากบทรักเนิบช้าที่บรรเลงติดต่อกันมาไม่รู้กี่ชั่วโมงค้อนใส่เด็กหนุ่มเมื่อทินกรถอนนิ้วทั้งสามออกไปกลางคัน ในตอนนี้ร่างกายของเขาถูกอีกฝ่ายกระตุ้นไปทุกส่วนเสียจนหากร่างสูงจะผิดสัญญาในตอนนี้ ภรัณยูก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตนคงจะไม่ขัดขืน
“ทำตัวน่ารักแบบนี้ไงครับ...”
ทินกรแทรกกายระหว่างขาเปลือยเปล่า ยกขาเรียวทั้งสองข้างขึ้นพาดไหล่ของตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะได้ทันทักท้วงอะไร เสียงหวานก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงน่าอายจากลิ้นร้อนที่แทรกเข้าไปแทนที่นิ้วทั้งสามเมื่อครู่ ความรู้สึกวาบหวามเกินกว่าจะรับได้ทำให้สะโพกมนพยายามกระถดหนีแต่กลับถูกมือใหญ่ทั้งสองข้างยึดไว้กับที่ ร่างโปร่งทำได้เพียงกระตุกเฮือกรับความรู้สึกเสียวซ่านที่ถูกอีกฝ่ายปรนเปรอจนแทบสำลักความสุข
“ซัน…ซัน…อ๊า!!!”
ในที่สุดทินกรก็ปล่อยให้เขาเป็นอิสระจากห้วงราคะที่ฉุดให้ภรัณยูจมดิ่งลึกลงไปก่อนหน้านี้เมื่อเห็นร่างโปร่งหอบหายใจอย่างอ่อนเพลีย โดยที่ตัวเองเดินเข้าไปจัดการธุระของตนต่อในห้องน้ำ แม้ว่าของรางวัลหลังจากทำแบบฝึกหัดได้คะแนนเต็มของอีกฝ่ายจะไม่เคยพ้นเรื่องแบบนี้หลังจะที่ภรัณยูเผลอตัวไปตอนนั้น แต่นอกจากขอเป็นคนดูแลและมอบความสุขให้กับภรัณยูแล้ว ทินกรไม่เคยร้องขอให้เขาทำอะไรให้ตัวเองเลย
แม้จะนึกสงสาร แต่ร่างโปร่งก็ไม่อยากที่จะให้อารมณ์ของตัวเองเลยเถิดไปมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ ภรัณยูจึงเลือกที่จะไม่เสนอตัวไปช่วย ซึ่งทินกรก็ดูจะไม่ได้หวังให้เป็นเช่นนั้น
ไม่รู้ว่าทำไมนั่นกลับทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“พี่ภัทรอยากเช็ดตัวมั้ยครับ? หรือจะให้ผมพาไปอาบน้ำ?”
คนที่ออกมาจากห้องน้ำในผ้าเช็ดตัวผืนเดียวทรุดตัวลงบนเตียงข้างกายร่างที่ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวไว้บางส่วน ภรัณยูถอนหายใจอย่างอ่อนเพลีย
“…อาบน้ำแล้วกัน”
ทินกรพยุงร่างที่ตวัดขาลุกขึ้นจากเตียงอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อมาถึงห้องอาบน้ำ เด็กหนุ่มกลับไม่ยอมออกไปรอด้านนอกเสียอย่างนั้น
“ผมเป็นห่วงนี่ครับ...กลัวพี่ภัทรเป็นลม” ทินกรยิ้มแฉ่ง ภรัณยูทำได้เพียงถอนหายใจกับบทสนทนาที่ชักจะเกิดบ่อยขึ้นทุกวันนี้
“ดูแต่ตามืออย่าต้องแล้วกัน”
คิดดูว่าบ่อยจนถึงขั้นที่ทินกรจำความหมายของสำนวนนี้ได้ขึ้นใจแล้วถึงแม้ร่างสูงจะไม่ชอบแค่ไหนก็ตาม
ทินกรกอดอกเอนพิงผนังห้องน้ำขณะที่ร่างโปร่งก้าวเข้าไปในห้องอาบน้ำที่มีกระจกใสกั้นรอบทิศ ภรัณยูปล่อยให้น้ำอุ่นไหลผ่านร่างที่เมื่อยขบจากความเอาแต่ใจของคนอายุน้อยกว่า ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองคนที่กลืนน้ำลายเอื้อกจ้องเขาไม่วางตา ความคิดนึกสนุกที่เขาไม่ค่อยได้มีนักพลันผุดขึ้นมาในหัว
มือเรียวกดสบู่เหลวมาถูจนเกิดฟองแล้วลูบไล้ไปตามเรือนร่างของตัวเองอย่างเชื่องช้า ภรัณยูก้มลงลูบไล้ฟองสบู่ไปตามเรียวขาขาว ก้อนเนื้อเนียนกลมกลึงลอยเด่นให้คนที่จ้องเขาตาไม่กระพริบก่อนหน้านี้ถึงกับหายใจหายคอไม่สะดวก
“พะ..พี่ภัทร....”
“หืม?”
เจ้าของชื่อขานรับราวกับไม่รู้ว่าตนกำลังทำอะไรผิด ทินกรลูบใบหน้าของตัวเองเรียกสติ
“ผะ...ผมไปรอข้างนอกนะครับ”
ร่างเปลือยเปล่าเกือบหลุดขำออกมาเมื่อเห็นเจ้าของห้องเผ่นแน่บออกไปแทบไม่ทัน ดวงตาเรียวสีน้ำตาลมองตามร่างของทินกรไปก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
เมื่อไหร่กันนะที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเลยเถิดมาถึงขึ้นขั้นนี้
บ่อยครั้งที่ภรัณยูเคยถามตัวเองว่า‘ขั้นนี้’ที่พวกเขาเป็นอยู่นั้น มันคือความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่ แต่ทุกครั้งร่างโปร่งเพียงแค่ปัดความคิดนั้นออกไปจากหัวด้วยกลัวว่าจะรับคำตอบของตัวเองไม่ได้
เขายังคงยืนยันคำเดิม เขายังไม่พร้อมที่จะมีภาระชิ้นใหญ่อย่างทินกรเข้ามาในชีวิต
ถึงแม้การอยู่กับเด็กหนุ่มจะทำให้เขามีความสุข ทำให้หัวใจของภรัณยูพองโตและทำให้ทุกวันของเขาดูมีสีสันให้ตั้งหน้าตั้งตารอ แต่ภรัณยูเคยผ่านความรู้สึกแบบนั้นมาแล้ว และความสัมพันธ์ในครั้งนั้นลงท้ายด้วยการที่ชายหนุ่มที่บอกว่ารักเขาหนักหนากลับเลือกที่จะจูงมือลูกสาวของเจ้าของบริษัทที่เขาเคยทำงานอยู่ในตอนนั้นเข้าประตูวิวาห์ พร้อมกับประโยคทิ้งท้ายที่ทำให้ภรัณยูรู้สึกเหมือนถูกตบจนหน้าชา
‘ผู้ชายกับผู้ชายน่ะมันไม่มีความรักที่ยั่งยืนหรอก เซ็กส์กับภัทรมันก็ดี แต่ต่อจากนี้พี่ต้องสร้างครอบครัวจริงๆกับผู้หญิงที่พี่พาออกหน้าออกตาในสังคมได้ ภัทรเข้าใจพี่ใช่มั้ย? ’
ที่เจ็บกว่านั้นคือเขาเข้าใจดี
นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ภรัณยูถูกคนรักทิ้งด้วยเหตุผลเรื่องสายตาของคนในสังคม หรือเหตุผลที่ว่าอีกฝ่ายเพียงแค่สับสน แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินความคิดของอีกฝ่ายถ่ายทอดผ่านคำพูดออกมาอย่างชัดเจน
เขาไม่ต้องการความสัมพันธ์เพียงแค่ร่างกาย...
แต่เขาก็เหนื่อยกับการถูกทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นกัน ก้อนเนื้อในอกบอบช้ำจนเขาไม่คิดว่าจะสามารถรับความเจ็บปวดแบบนั้นได้อีก
“พี่ภัทรครับ ผมวางเสื้อผ้าไว้ตรงนี้นะครับ”
ทินกรกลับเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับกระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้าสะอาดที่ภรัณยูเตรียมมาเผื่อได้ค้างที่คฤหาสน์ทรัพย์ดำรงซึ่งกลายเป็นที่นอนของเขาบ่อยกว่าห้องของตัวเองไปเสียแล้ว ร่างโปร่งพยักหน้าให้อีกฝ่ายแล้วปิดน้ำจากฝักบัว คว้าผ้าเช็ดตัวมาซับเอาหยดน้ำออกจากร่างของตนแล้วเริ่มแต่งตัวโดยไม่พูดอะไร ทินกรเหลือบมองเขาอย่างงุนงงกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของคนอายุมากกว่า แต่เด็กหนุ่มเลือกที่จะก้าวออกไปรอหน้าห้องน้ำด้วยไม่อยากละลาบละล้วงถามให้อีกฝ่ายรำคาญ
“….”
ภรัณยูต้องยอมรับว่าการใส่เสื้อผ้าที่เหนือฟ้าเลือกให้ในบ้านที่มีเพียงเขากับทินกรเท่านั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่นัก แต่ดวงตาสีควันบุหรี่ที่เบิกโตเท่าไข่ห่านกับปากที่อ้ากว้างอย่างตกตะลึงนั้นทำให้ภรัณยูรู้สึกว่ามันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
“ทะ..ทำไมเสื้อมันบางอย่างนั้นครับพี่ภัทร...”
“ก็พี่ร้อน” ชายหนุ่มตอบหน้าตาย เป็นอีกครั้งที่เครื่องปรับอากาศที่น่าสงสารถูกปรักปรำทั้งที่มันยังคงทำหน้าที่ของมันอย่าง
แข็งขัน นอกจากเสื้อแขนกุดตัวโคร่งบางที่เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว กางเกงของเหนือฟ้าก็ยังคงคอนเซ็ปท์ ‘ฟิตไว้ก่อน เรื่องอื่นช่างมัน’ ไว้อย่างเหนียวแน่น ภรัณยูนั่งลงบนเตียงข้างเด็กหนุ่มร่างสูงที่ยังนิ่งอึ้งไม่หาย “หิวมั้ย? ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่กลับมาเลยนี่?”
“..ครับ ผมว่าจะชวนพี่ภัทรออกไปกินข้างนอก ป้าแต้วป่วย ผมเลยให้แกกลับไปนอน พี่ๆคนอื่นก็ไม่ได้มีหน้าที่ทำกับข้าว ผมไม่อยากกวน” เด็กหนุ่มอธิบายเมื่อหายจากการตกตะลึง ภรัณยูอดยิ้มเล็กๆกับความขี้เกรงใจของทินกรไม่ได้ ทำไมกันนะ ลูกคนเล็กของบ้านเศรษฐีที่ควรจะเอาแต่ใจกลับกลัวตัวเองเป็นภาระของคนอื่นอยู่ตลอดเวลาแบบนี้
“เอาสิ อยากไปไหน...”
“ไม่เอาครับ!”ทินกรเอ่ยขัดเสียงแข็งก่อนที่ภรัณยูจะได้พูดจบประโยค “ผมไม่ให้พี่ภัทรออกไปไหนทั้งนั้น แต่งตัวแบบนี้เกิดถูกฉกจะทำไงครับ?!”
“ฉก? แถวนี้มีงูด้วยเหรอ?” ร่างโปร่งถามงงๆ
“เปล่าครับ เดี๋ยวผู้ชายฉกพี่ภัทร”
“อ๋อ…’ฉุด’ ไม่ใช่ ‘ฉก’...เฮ้ย!” ภรัณยูร้องลั่นเมื่อเข้าใจความหมาย “จะบ้าเหรอซัน ใครเขาจะอยากมาฉุดพี่กัน”
“ผมไง” ทินกรเอ่ยเสียงจริงจัง เล่นเอาคนถามไปไม่เป็น
“เอ่อ...งั้นให้พี่ทำอะไรให้กินมั้ย ถ้าอาหารง่ายๆก็พอทำเป็นอยู่”คนอายุมากกว่าเสนออย่างต้องการเปลี่ยนเรื่องคุย
“ให้ผมช่วยทำนะครับ! ผมอยากช่วย!”เจ้าลูกบอลเด้งดึ๋งตรงหน้าเขาออดอ้อน
“อย่าซนแล้วกัน” ภรัณยูยิ้มน้อยๆอย่างเหนื่อยใจกับคนที่ชอบช่วยเหลือเขาไปเสียทุกอย่าง ทินกรพยักหน้าหงึกหงัก เดินตามคนอายุมากกว่าออกไปจากห้องอย่างเชื่อฟัง
กลายเป็นว่าเด็กหนุ่มเป็นลูกมือทำครัวที่ดีทีเดียว
“โห ไข่เจียวฟูเชียว เก่งนะเรา”
ร่างโปร่งชมคนที่โยกซ้ายโยกขวาหลบน้ำมันไข่เจียวราวกับนักมวยกำลังหลบหมัดคู่ต่อสู้ ทินกรหันมายิ้มกับคำชมของเขาก่อนจะร้องจ๊ากออกมาเมื่อละอองน้ำมันกระเด็นใส่ผิว เรียกเสียงหัวเราะจากคนมองได้เป็นอย่างดี
“พี่ภัทร...เป่าให้ผมหน่อยจิ”
หลังจากวางจานไข่เจียวและยำปลากระป๋องลงบนโต๊ะทานข้าว เจ้าเด็กยักษ์ก็หันมาเรียกคะแนนสงสารจากคนข้างกาย ภรัณยูแสร้งส่ายหน้าอย่างเอือมระอาแม้ว่าจะไม่สามารถสะกดกลั้นรอยยิ้มที่มุมปากของตัวเองได้
“ไหน เอามือมาดูซิ”
ภรัณยูดึงข้อมือขาวของเด็กหนุ่มลูกเสี้ยวรัสเซียมาพินิจพิจารณาใกล้ๆ นอกจากรอยแดงเล็กๆจากละอองน้ำมันเมื่อครู่แล้วมือของร่างสูงยังคงดูสมบูรณ์ดีทุกประการ
“พี่ภัทรเป่า...” คนตัวสูงกว่าอ้อนเป็นเด็กๆ ภรัณยูทาบริมฝีปากลงบนข้อมือของทินกร แล้วเงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่หน้าขึ้นสีจากการกระทำของเขา
“มีแผลตรงไหนอีกมั้ย?”
“อ่า…เมื่อกี้ที่ปากก็โดนครับ...โอ๊ย!”
คนโกหกโดนดีดที่ริมฝีปากเป็นการลงโทษ ทินกรลูบปากป้อยๆแล้วนั่งลงข้างภรัณยูที่โต๊ะทานข้าว คนอายุมากกว่าตักไข่เจียวฝีมือทินกรใส่จานของเจ้าตัวโดยไม่พูดอะไร ร่างสูงหันไปมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง
“ถ้ากินแล้วตายพี่จะได้ไม่กิน” ภรัณยูตอบเสียงเรียบ
“โธ่ พี่ภัทรอ่า...”
ทินกรทำเป็นโอดครวญเกินจริง แต่รอยยิ้มมุมปากจากคนแกล้งหยอกทำให้เขารู้สึกว่าอยากโดนอีกฝ่ายแกล้งแบบนี้ไปตลอดชีวิต
ใช่ว่าเด็กหนุ่มจะไม่อึดอัดกับสถานะที่ไม่ชัดเจนของพวกเขาในตอนนี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่ภรัณยูโอนอ่อนตามคำขอของเขาในหลายๆครั้งเป็นเพราะอีกฝ่ายเริ่มเปิดใจให้เขา เพราะสงสารเด็กน่าสมเพชที่คอยตามตื๊ออย่างไม่ย่อท้อ หรือเพราะอีกฝ่ายเป็นคนหัวอ่อนอย่างที่ใครๆว่าไว้กันแน่
เขาอยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ยิ่งคิดทบทวนกลับไปเขายิ่งไม่มั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงการเออออตามของคนที่ไม่เคยปฏิเสธคำขอของใครได้อย่างภรัณยูหรือไม่
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ทินกรก็เลือกที่จะมีความสุขกับช่วงเวลาสั้นๆที่เขาสามารถหลอกตัวเองได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังก้าวไปยังทิศทางที่ดี การเติบโตมาพร้อมการเฝ้ามองมารดาที่นาฬิกาชีวิตนับเวลาถอยหลังทำให้ทินกรเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันโดยไม่สนใจว่าอนาคตจะออกมาในรูปแบบใด
ภรัณยูรู้ตัวว่าตอนนี้เขากำลังเผลอไผลไปกับความสดใสดั่งดวงตะวันของทินกร แต่ร่างโปร่งทำได้เพียงบอกตัวเองว่าครั้งนี้เขาจะไม่ยอมวางหัวใจทั้งดวงของเขาไว้ในมือของเด็กหนุ่ม...
“พี่ภัทร ซอสเลอะครับ” ทินกรทัก เอื้อมมือไปหามุมปากของร่างโปร่งหวังเช็ดเอาคราบซอสปลากระป๋องสีส้มออก
ภรัณยูขยับหนีมือของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“ไม่เป็นไร พี่เช็ดเอง”
“พี่ภัทรทานเยอะๆนะครับ”
ร่างสูงที่ไม่ยอมแสดงให้เขาเห็นว่ากิริยาของเขาเมื่อครู่ทำให้ตัวเองรู้สึกอย่างไรเอ่ยขึ้นพร้อมตักกับข้าวบริการคนข้างกาย แววตาของเด็กหนุ่มดูมีความสุขเพียงแค่ภรัณยูยอมให้ตนทำอะไรให้ ภรัณยูไม่อยากเคยชินกับความเอาใจใส่นี้ เขาไม่อยากรู้สึกว่าจะต้องพึ่งพาใครแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน
ใช่...เขาจะไม่ยอมวางหัวใจทั้งดวงของตัวเองไว้ในมือของใครอีก
ภรัณยูตักอาหารเข้าปาก ก่อนจะแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาเมื่อไข่เจียวของทินกรจัดอยู่ในข่ายอร่อยมากทีเดียว
“ผมตั้งใจทำให้พี่ภัทรสุดฝีมือเลยนะครับ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนข้างกาย รอยยิ้มสดใสดุจดวงตะวันนั้นทำให้ภรัณยูอดขยับยิ้มตามไม่ได้
แต่ว่า...ถ้าแค่ครึ่งหัวใจ คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง?
-------------
ปั่นๆๆๆๆ