“น้องเมฆคะ!”เจ้าของเสียงเรียกคือพี่แต้วช่างแต่งหน้าประจำตัวภาคินนั่นเอง ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้เจอคนที่รู้จัก ถึงจะเคยเจอแค่ไม่กี่ครั้งก็เถอะ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากอยู่กลางดงนี่แล้ว ผมเพ่งสายตาไปกลางสนามเห็นเริ่มเตะบอลกันแล้ว
“สวัสดีครับพี่แต้ว”ผมรีบเดินไปหาอีกฝ่ายที่กวักมือเรียกผมอย่างกระตือรือร้น
“หวัดดีจ้ะ มาเชียร์ภาคินล่ะสิ มานั่งกับพี่ดีกว่า”พี่แต้วรีบพาผมไปยังเต้นท์ที่ติดป้ายว่าสต๊าฟ ผมเดินไปแบบกล้าๆกลัวๆ
“ผมเข้าไปได้แน่นะครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ มีแต่พวกทีมงาน”พี่แต้วกระตุกชายเสื้อให้ผมเข้ามา มีเหล่าบรรดาทีมงานจริงๆด้วย บางคนผมก็เคยเห็น
หน้าค่าตามาบ้างแล้ว
“ทางนี้ค่ะ”พี่แต้วชี้ไปที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่สองตัว ผมนั่งลงพร้อมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ พี่แต้วกำลังจะนั่งลงข้างๆผม แต่ก็ต้องเบรกเอี๊ยดเมื่อใครบางคนมานั่งแทน ผมชะงักกึกเมื่ออีกฝ่ายหันมายิ้มให้ผม พี่มิวนั่นเอง พี่แต้วทำหน้าไม่ถูก
“อ้าว เมฆ ไม่เจอกันตั้งนาน สบายดีสินะ”พี่แต้วจึงจำต้องหลบฉากออกไปเพราะเห็นเจ๊แกถูกสายตาจ้องมองของผู้จัดการกดดัน
“ผมก็เรื่อยๆแหละครับ”
“พี่ก็กะว่าจะหาเมฆตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีเวลาสักที ช่วงนี้งานพี่ยุ่งๆ คินก็เหมือนกัน แต่รายนั้นชอบดื้อทำตัวเหมือนว่าง พี่ล่ะเป็นห่วง เรื่องภาพลักษณ์ของภาคิน”ผมได้แต่คิดอยู่ในใจ ภาพลักษณ์ของภาคินมันยังเหลืออยู่เหรอ
“เหนื่อยหน่อยนะครับ”
“วันก่อนก็ไม่เข้าบริษัท ทั้งๆที่ผู้ใหญ่จะเรียกคุยเรื่องงาน เมฆรู้ไหมว่าภาคินมันไปไหน”ผมเลิกคิ้วน้อยๆ ไม่มีทางที่พี่มิวจะไม่รู้ว่าภาคินอยู่กับผม นี่พี่เขาตั้งใจจะกระแหนะกระแหนผมใช่ไหม
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”ในเมื่อพี่เขาตีมึนทำไม่รู้ ผมก็จะทำเหมือนกัน พี่มิวมองหน้าผมครู่หนึ่งก่อนจะยิ้ม
“เอาเถอะ พี่ไม่ได้ต่อต้านเรื่องนี้นะ ไม่ว่าคินจะคบกับใคร พี่ก็ไม่ได้ห้าม …”พี่มิวยังคงดูมีท่าทีสงสัยอยู่ อาจจะยังไม่เชื่อว่าภาคินมันคบกับผมจริง ๆ
“พี่แค่อยากเตือน อย่าเข้าใจผิดล่ะ ตอนแรกพี่แค่คิดว่าคินทำไปเพราะประชด หรือเล่นสนุกไปตามประสา แต่มาถึงตอนนี้ …ก็คบกันยืดดี แต่คินเป็นดาราไม่เหมือนเมฆ เพราะฉะนั้นทำอะไรก็ต้องระวัง พี่อยากให้เมฆช่วยดึงๆคินมันบ้าง พักนี้โชคดีแค่ไหนที่ไม่มีข่าวแย่ๆเกี่ยวกับคินอีก พี่หวังว่าเมฆจะเข้าใจนะ เพราะเมฆเองก็เป็นคนฉลาดน่าจะรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควร”
“ขอบคุณที่เตือนนะครับ ผมจะจำไว้ก็แล้วกัน”ผมยิ้ม มีเสียงเฮลั่นเมื่อน้ำเพชรยิงประตูได้
“แล้วก็พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”คุยด้วยงั้นเหรอ คงไม่พ้นเรื่องแสดงหนัง หรือไม่ก็เรื่องสัญญาของภาคินแน่ๆ ผมมั่นใจว่ามันยังไม่ได้
เข้าไปคุยเรื่องนี้ ผมได้แต่นั่งฟังเงียบๆ
“พี่รู้ว่าเมฆไม่สนใจเข้าวงการ แต่ลองไปคิดดูหน่อยนะ ทางค่ายสนใจอยากดึงเมฆมาร่วมงานด้วย พี่เองก็ลำบากใจ ขัดผู้ใหญ่ไม่
ได้--”
“อ้าว เมฆ เจอกันอีกแล้ว มาเชียร์คินใช่ไหม!”พี่มิวพูดยังไม่ทันจบดี ก็มีคนแทรกพูดเข้ามาก่อน น้ำหอมกลิ่นแอปเปิ้ลลอยฟุ้งเข้ามา เจ้าของน้ำเสียงกระตือรือร้นไม่ใช่ใคร พี่ลูกน้ำนั่นเอง นักร้องสาวอยู่ในชุดกีฬากางเกงขายาว
“พี่คุยกับเมฆอยู่นะ น้ำ อย่าทำตัวเสียมารยาทสิ”น้ำเสียงของอีกฝ่ายแข็งและเจือความไม่พอใจและพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นทำให้ได้ยินไปทั่วเต้นท์ พี่ลูกน้ำยืดตัวขึ้น ผมสังเกตคนรอบข้างสีหน้าไม่ค่อยดีนัก พี่แต้วที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทำสีหน้าไม่ถูก
“งั้นก็ขอโทษด้วยค่ะ พอดีน้ำไม่ทันได้สังเกต เห็นเมฆก็เลยรีบพุ่งเข้ามา แต่ตอนนี้น้ำขอยืมตัวเมฆก่อนนะ สีหน้าเมฆดูไม่ดีเลย เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิด คิดว่าพี่พูดไม่ดีกับเมฆ”อีกฝ่ายโต้กลับด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน ผมมองนักร้องสลับกับผู้จัดการไปมา สองคนนี้ไม่กินเส้นกันเหรอเนี่ย
“เมฆมาเถอะ ออกไปสูดอากาศกัน แถวนี้อึดอัด”พี่ลูกน้ำคว้าหมับเข้าที่แขนผมก่อนจะกึ่งดึงกึ่งลากให้ผมเดินออกมา ผมเหลือบมองสีหน้าของพี่มิวที่ดูโกรธเคืองแต่ก็พยายามจะสงวนท่าทีไว้เพราะมีหลายคนมองอยู่ พี่แต้วส่งสายตาขอโทษขอโพยมาให้เมื่อผมเดินผ่าน พี่ลูกน้ำพาผมไปที่อีกเต้นท์ ดูเป็นส่วนตัวมากกว่า อาจจะเพราะเป็นเต้นท์ของดาราชายที่ตอนนี้ลงไปเตะบอลกันหมด ผมนี่เหมือนตุ๊กตาผ้าเลย ถูกลากไปนู่นมานี่ แต่มางานครั้งนี้ก็ถือว่าไม่เสียเปล่า
“เชอะ ยัยป้าอสรพิษ”ผมได้ยินพี่ลูกน้ำพึมพำก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ทำแบบนี้ไม่กลัวคนมองไม่ดีเหรอครับ”มีคนอยู่ในเหตุการณ์เยอะเหมือนกัน และอีกฝ่ายก็เป็นผู้ใหญ่กว่าด้วย พี่ลูกน้ำไหวไหล่
“ช่างเถอะ พี่ก็ลืมคิดไป แต่เมฆต้องระวังตัวไว้ล่ะ ยัยป้านี้ร้ายจะตาย อย่าเผลอเชียว ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นล่ะ”พี่ลูกน้ำส่ายหัวไปมา แล้วเบ้ปากด้วยท่าทางเหมือนตัวร้ายในละคร
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”ผมทำเสียงแปลกใจ ก็คิดอยู่แหละว่าพี่มิวต้องไม่ธรรมดา แต่ดูท่าทีของพี่เขาแล้วผมคงต้องคิดใหม่
“ไม่อยากจะพูด ยัยป้านี่นะได้เป็นผจก.ได้ก็เพราะเฮียเปรมหรอก”อีกฝ่ายพูดใส่อารมณ์ …อืม…ผมครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหนแต่พี่ลูกน้ำเองก็สนิทกับภาคินมาก่อน ก็น่าจะรู้เรื่องของภาคินแน่ๆ
“อย่าหาว่าพี่พูดแรงเลยนะ แต่ป้าเขาเนี่ยเสแสร้งทำเป็นคบกับคินก็เพื่อผลประโยชน์ เมฆคงเคยได้ยินข่าวเมาท์ใช่ไหมว่าสองคนนี้เคยคบกัน แต่ใครจะรู้ว่าป้ามิวน่ะ แค่อยากให้คินมาเป็นเด็กในสังกัดเฮียเปรม ไม่รู้เข้าหน้าคินติดได้ไง หลังจากทำเรื่องไป
แล้ว”ผมมองไปรอบๆเพราะกลัวใครมาได้ยินเข้า จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตามแต่ถ้าแพร่ออกไปคงไม่ดีแน่
“เบาๆหน่อยครับ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า มันจะดูไม่ดีเอานะ”
“โทษทีสงสัยพี่ลืมตัว เจอหน้าทีไรต้องปรี๊ดแตกทุกที ถือว่าไม่ได้ยินที่พี่พูดก็แล้วกันเนอะ”
“จะพยายามครับ”ผมความจำดีด้วยสิ
“โอ๊ย คุณน้อง ไปทำเรื่องอีกแล้วเหรอคะ พี่ไม่อยู่แป๊บเดียวก็สร้างเรื่องเลยนะ”คนที่คาดว่าเป็น ผจกส่วนตัวของพี่ลูกน้ำกระวีกระวาดเข้ามาด้วยสีหน้ายุ่งๆ
“ช่วยไม่ได้ พี่นิ่มอยากหนีน้ำไปเมาท์เองนี่”
“แล้วนี่มาอยู่เต้นท์ผู้ชายได้ไงคะ เดี๋ยวก็โดนซุบซิบเสียๆหายๆหรอกค่ะ”คุณพี่นิ่มเหลือบมองมาทางผมแบบไม่สนใจแวบนึง แต่ก็สะบัดหน้ามามองผมอีกครั้งเมื่อพอจะจำหน้าผมได้
“อุ้ย นี่น้องเมฆแฟนภาคินรึเปล่า ไหนๆ ก็เจอกันแล้วไปนั่งเมาท์กับพวกพี่ดีไหมคะ แอบกระซิบนะคะเต้นท์พี่หนุ่มๆแซ่บๆทั้งนั้น”พี่นิ่มกระซิบกับผมด้วยเสียงที่ไม่เบานัก
“อย่าหาเรื่องสิพี่ เดี๋ยวก็โดนภาคินมาเช็คบิลหรอก มันหวงของมันจะตาย มานั่งกับพวกเราก็ได้นะเมฆ หรือว่าจะกลับก่อน”
“ผมกลับก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวจะมีเรื่องยุ่งตามมาอีก ถ้าเจอภาคินฝากบอกมันด้วยนะครับ”
“บอกเองเถอะ มันเดินมานู่นแล้วเห็นไหม”พี่ลูกน้ำพยักเพยิดไปทางสนาม ภาคินโดนเปลี่ยนตัวออก มันมีท่าทีหงุดหงิดไม่รู้เพราะแดดร้อนหรือว่ายิงไม่เข้าสักลูกกันแน่ พี่ลูกน้ำกับผู้จัดการโบกมือลาผมแล้วควงแขนกันออกไป ภาคินเดินเหงื่อไหล หอบแฮ่ก ๆเป็นลูกหมามายังเต้นท์ที่ผมยืนเก้ๆ กังๆอยู่
“จะกลับแล้วเหรอ”มันกระดิกนิ้วให้ผมเดินตามไปตรงที่นั่งมัน มีป้ายชื่อแปะไว้ตรงเก้าอี้ ภาคินดึงชายเสื้อมาเช็ดหน้า
“อืม ก็ว่าจะไปแล้ว ไหนๆนายก็โดนเปลี่ยนตัวแล้วนี่”
“อือ แล้ว…พี่มิวเขาคุยอะไรกับนาย ฉันเห็นตอนอยู่ในสนาม”มันถามด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ แต่ดูสนใจมากกว่าปกติ
“ไม่มีอะไรหรอก ก็บ่นเรื่องนายแล้วก็คุยเรื่องที่อยากดึงตัวฉันไปเล่นหนัง”ภาคินพยักหน้าก่อนจะถอดเสื้อที่เปียกเหงื่อออก เอ้า มาถอดตรงนี้เลยเหรอ ผมมองไปรอบๆอย่างตกใจ ไอ้ภาคินรื้อเอาเสื้ออีกตัวออกมาจากกระเป๋า
“อยากได้เป็นที่ระลึกไหม”มันโยนเสื้อเปียกเหงื่อมาให้ผมที่เบ้หน้าแล้วเบี่ยงตัวหลบแทบไม่ทัน
“สกปรกว่ะ”ผมทำหน้าขยะแขยง ไอ้ภาคินทำตาโตมองผม
“อย่าเวอร์ได้ป่ะ แค่เหงื่อเอง”มันดูจะโกรธแต่ก็ขำก่อนจะพูดต่อ
“ฉันก็ว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน รายการต่อไปมีแข่งชักเย่อ”
“ก็อยู่ให้จบงานสิ ออกไปพร้อมฉันมันดูไม่ดี”ผมเริ่มจะนึกถึงคำพูดของพี่มิวแล้วสิ
“ขี้เกียจ เหนื่อยด้วย”มันพิงเก้าอี้เหมือนคนหมดแรง ไม่รู้ว่าเหนื่อยจริงหรือแกล้งสำออยกันแน่
“ก็บอกแล้ว ให้ออกกำลังกาย อยู่ให้จบงานด้วยนะ”ผมทำเสียงเด็ดขาด
“โอเค๊”
“เดี๋ยวจะเชียร์อยู่หน้าจอแล้วกัน บ๊ายบาย”ผมโบกมือลามันที่ทำหน้ายุ่งๆใส่ผมเหมือนมันจะอยากให้ผมอยู่ต่อ แต่ตามใจมากไปก็ไม่ดี แต่ที่รู้ๆวันนี้ผมเก็บข้อมูลอะไรได้เยอะเลยล่ะ
=======================================
“ปวดหลังชิบ”ไอ้ภาคินบ่นประโยคเดิมมาสองสามรอบแล้ว ผมเงยหน้าจากหนังสือการ์ตูนมามองมันที่นั่งทุบเอวตัวเองด้วยท่าทางที่ไม่ถนัดนัก สายตามันจับจ้องอยู่ที่ผม ผมเขวี้ยงสายตาดุๆไปให้มัน
เหตุผลที่ทำให้ผมรีบบึ่งมาหามันที่คอนโดเพราะมันโทรมาหาผมพร้อมทำเสียงเจ็บปวดบอกว่า ‘ฉันปวดหลังมากเลยเมฆ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร สงสัยจะล้มตอนที่แข่งชักเย่อแพ้…’มันทำเสียงโอดครวญได้เหมือนจริงมาก ไอ้ผมก็ลืมไปว่ามันแสดงละครออกจะเก่งนี่นา และพอผมมาถึงมันก็ส่งยิ้มร้ายกาจมาให้ผม ที่หลอกผมได้สำเร็จ
“เมฆ ทายาให้หน่อย”มันเดินหน้ามึนมาหาผมที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนพรมข้างๆโซฟา มันถือยานวดหลังกลิ่นแรงมาด้วยจนผมต้องย่นจมูก
“นี่ปวดหลังจริงๆนะ ทาไม่ถึงไง เลยให้ช่วย”มันยื่นหลอดยาให้ก่อนจะหันหลังเปลือยเปล่าขาววิ้งมาให้ผม จะว่าไปมันเป็นคนผิวดีมากๆ ผมบีบยาใส่หลังมัน
“จะให้ทาตรงไหน”
“ตรงนี้”มันชี้มาตรงบริเวณเอว ผมป้ายยาไปจนทั่ว กลิ่นยาฟุ้งไปทั่วห้อง ผมทุบๆตรงที่มันปวด
“เออ ตรงนั้นแหละ”มันทำเสียงพอใจ
“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้ล้ม”ผมเพิ่งสังเกตว่าหลังมันมีรอยข่วนด้วย เดี๋ยวนะ…มันไปทำอะไรมา ผมตบหลังมันดังเพี๊ยะ จนมันสะดุ้ง
“อะไร แมว”มันทำเสียงหงุดหงิด
“รอยข่วนนี่มาจากไหนอ่ะ”
“อ้อ แฟนคลับทำ”ห้ะ แฟนคลับทำ…อย่าบอกนะว่ามันนอนกับแฟนคลับตัวเอง
“เฮ้ยๆ อย่าคิดอะไรแปลกๆนะ”มันรีบพูดเมื่อเห็นผมเงียบไปนาน
“ก็ตอนเลิกงาน เสื้อเปียกเหงื่อ ฉันเลยถอดเสื้อแล้วทีนี้แฟนคลับที่อยู่ใกล้ ๆก็มารุมไง เลยโดนข่วนมานิดหน่อย”
“อ้อ”ก็พูดไม่เคลียร์
“เห็นแล้วหวั่นไหวไหม ขนาดแฟนคลับฉันยังทนไม่ไหวเลย นายเห็นแล้วเป็นไง”มันหันมาหาผม
“ก็เฉยๆ”
“จริงอ่ะ งั้นถ้าถอดด้านล่างด้วย…”มันหรี่ตาทำท่าเหมือนจะถอดกางเกง
“เฮ้ย พอเลย เลอะเทอะ”ผมถลึงตาใส่มัน ภาคินหัวเราะเสียงดัง
“มีคำถาม คิดให้ดีก่อนตอบ คราวนี้จริงจังนะ อย่าตอบแบบไม่คิดเหมือนคราวที่แล้ว”ภาคินจ้องตาผมตรงๆ สีหน้าขึงขัง
“คืนนี้ค้างกับฉันไหม คิดดีๆนะ คราวนี้ฉันไม่ปล่อยนายไปเหมือนคราวนั้นแน่”อืม…ผมเม้มปาก ความจริงผมก็ไม่ได้กังวลอะไรมากหรอก แต่ภาคินมันก็พิสูจน์แล้วว่ามันรักษาคำพูดที่ว่ามันจะไม่กินผมถ้าผมไม่เต็มใจ
“นับหนึ่งถึงสาม…”
“ก็ได้ ฉันตกลง”ขอเวลาไปเก็บนอก่อนนะครับ
TBC.
========================
เมฆไม่ได้เล่นตัวนะ เเค่คิดมากไปหน่อย
เจอกันตอนหน้านะคะ (หลบรองเท้า)