✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ  (อ่าน 181530 ครั้ง)

ออฟไลน์ MimoreQ

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ร้องโอ้วดังมากกกกกก ชอบค่า

ออฟไลน์ natt teng

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-3

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :freeze: :o11: ยังรออยู่นะคะ

ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
คิดถึงเรื่องนี้นะคะเนี่ย น้องมารอพี่ที่หน้าเล้าทุกวันเลย :hao5:

ออฟไลน์ nisaday

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คิดถึงแล้ววว
รออยู้นะคะ o22

ออฟไลน์ yokibear

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 สนุกมากเลยค่ะ รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยังรออยู่น้าาาาา  :hao5:

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
 บทสิบหก เสิ่นจิ้งเฟย


เสียงกู่ฉินหยุดลงไปนานแล้ว ทำให้บริเวณศาลาเงียบสงัด มีเพียงสายลมเย็นบางเบาพัดเอื่อย แม้ไม่พบวี่แววของผู้ใดแต่จื่อฟางรู้ดีว่าในสวนแห่งนี้ย่อมมีคนของฮ่องเต้จับตามองอยู่ เหตุนี้ทั้งเขาและเสิ่นจิ้งเฟยจึงได้แต่มองหน้ากันไปมาอยู่ครู่ใหญ่ เด็กหนุ่มหมุนพัดในมือเล่นระหว่างที่ทำใจให้สงบ เสิ่นจิ้งเฟยอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ไม่คิดว่าจะได้พบอีกฝ่ายในวังหลวงทั้งยังอยู่ในร่างชายงามของฮ่องเต้อีก ชะตาของเสิ่นจิ้งเฟยหนีฮ่องเต้เจี่ยผิงไม่พ้นจริง ๆ

“ว่าอย่างไรเล่า เจ้ามีความสุขหรือไม่ที่ได้อยู่ในร่างของข้า”เสิ่นจิ้งเฟยในร่างชายงามยังคงถามด้วยรอยยิ้ม ทำให้จื่อฟางรู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา เขาต้องพบเจอกับเรื่องยากลำบากก็เพราะคนผู้นี้ ยังจะมาทำลอยหน้าลอยตาใส่เขาอีกหรือ

จื่อฟางยิ้ม ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกดต่ำ “คำถามนี้…ข้าว่าตัวเจ้าน่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว”เห็นสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนของอีกฝ่ายก็ยิ่งขุ่นเคือง แต่ในยามนี้เขามีเรื่องที่ต้องถามให้กระจ่าง ไม่รู้ว่าฮ่องเต้เจี่ยผิงจะมาตอนไหน เขามีเรื่องที่อยากถามและต้องการคำตอบ เขากวาดตามองไปรอบ ๆเมื่อเห็นว่าบริเวณศาลาไม่มีผู้ใดก็รีบเอ่ยอย่างไม่รอช้า

“เสิ่นจิ้งเฟย ข้ารู้ว่าเจ้ากับข้าต่างก็เป็นคนแปลกหน้าต่อกัน แต่ตอนนี้ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”

เสิ่นจิ้งเฟยปล่อยเสียงหัวเราะไร้อารมณ์ออกมา แววตาเป็นประกายแค้นเคือง “เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้า?เหตุใดข้าต้องช่วยเจ้าด้วย ในเมื่อข้าต้องฝืนทนอยู่ในร่างกายสกปรกของเจ้า ต้องทนกล้ำกลืนเห็นหน้าคนผู้นั้นทุกวัน ให้เจ้าได้ทรมานอยู่ในร่างของข้าบ้างก็ถือว่าเท่าเทียมกันแล้วไม่ใช่รึ เจาเฟิง”จื่อฟางกระพริบตาเมื่อได้ยินชื่อที่อีกฝ่ายเรียก เจาเฟิงงั้นหรือ ทั้งยังบอกว่าร่างกายสกปรกของเจ้าอีก เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว หรือเสิ่นจิ้งเฟยคิดว่าเขาคือชายงามเจาเฟิงอะไรนั่น

“ข้าไม่ใช่เจาเฟิง”เขาเอ่ยแย้ง เริ่มเข้าใจเรื่องราวได้ลาง ๆ 

“เจ้าพูดเรื่องใด”เสิ่นจิ้งเฟยตัวจริงปรายตามองด้วยสีหน้ากังขา ท่าทางระวังตัวแจของอีกฝ่ายทำให้อยากหัวเราะ ไม่ใช่เขาหรือที่ต้องเป็นฝ่ายระแวง

“ข้าชื่อจื่อฟาง ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้าคือเจาเฟิงชายงามของฮ่องเต้ล่ะก็ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนโชคร้ายที่บังเอิญเข้าร่างเจ้าเท่านั้น”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแม้ในใจจะสั่นไหวไปด้วยความไม่มั่นใจ คนอย่างเสิ่นจิ้งเฟยไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาง่ายๆแน่ เด็กหนุ่มมองดวงหน้างดงามของเจาเฟิง แม้จะไม่ปรากฏสีหน้าใด แต่นัยน์ตาคู่นั้นสั่นไหวระลอกหนึ่ง

“คิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดหลักลอยของเจ้าอย่างนั้นหรือ”

“ข้าพูดเรื่องจริง ข้าไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหก ข้ามาจากสถานที่ห่างไกลมากแห่งหนึ่ง ไม่แปลกหากเจ้าไม่เคยได้ยินชื่อของข้า ตอนที่ข้าฟื้นก็พบว่าเมาสุราอยู่ที่หอผูเยว่”จื่อฟางยังคงพูดต่อ ความคิดหวนถึงเหตุการณ์วันนั้นอีกครั้ง ภาพในความทรงจำยังคงแจ่มชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

หอผูเยว่
 
เสิ่นจิ้งเฟยในร่างชายงามใจกระตุกวูบ ก่อนปรายตาจับจ้องร่างผอมบางเบื้องหน้าอย่างไตร่ตรอง เขามองออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก จื่อฟางผู้นี้ดูไม่มีพิษมีภัย แต่เขาไม่ใช่คนที่จะไว้ใจคนง่าย ๆ เขาหวนนึกไปถึงค่ำคืนที่ฟื้นในร่างของเจาเฟิง เจาเฟิงที่น่าสงสารสมควรตายไปแล้วด้วยซ้ำจากบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ ในวันนั้นเสิ่นจิ้งเฟยดื่มสุราอยู่ที่หอผูเยว่หลังจากที่สืบเรื่องของท่านพ่อจนกระจ่างและได้พบกับหญิงนางนั้น…เขากำมือแน่นก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ใช้สายตากวาดมองร่างผอมบางที่เคยเป็นของตนอย่างเย็นชา ข้าดูอ่อนแอเช่นนี้เสมอเลยหรือ

 “ข้าจะพูดอย่างไรดี ข้าไม่มีสิ่งพิสูจน์ให้เจ้าเชื่อว่าข้าไม่ใช่เจาเฟิง”ร่างนั้นกล่าว ขบริมฝีปากอย่างว้าวุ่นใจ เสิ่นจิ้งเฟยในร่างเจาเฟิงตัดสินใจทดสอบบางอย่าง มือเรียวข้างหนึ่งยกแหวกเส้นผมบริเวณศีรษะข้างขวาออก เผยให้เห็นรอยแผลยาวน่ากลัว รอยแผลนี้เป็นฝีมือของเจาเฟิงที่เลือกจบชีวิตตัวเอง เขาจึงอยากเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ร่างผอมบางตรงหน้ามองมาด้วยสายตานิ่งงันเท่านั้น เสิ่นจิ้งเฟยถอนหายใจ หรือคนผู้นี้จะเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนโชคร้ายจริงๆ 

“แผลที่เจ้าเห็นเป็นฝีมือของเจาเฟิง เขาไม่อยากเป็นหนึ่งในชายงามของฮ่องเต้ จึงพยายามปลิดชีพตัวเองด้วยการโขกศีรษะ ตอนที่ข้าฟื้น ร่างของเขาเย็นเฉียบหมดลมหายใจไปแล้ว”บุรุษงามกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย ไม่เพียงแต่เข้ามาอยู่ในร่างนี้แต่เขายังได้รับความทรงจำและความรู้สึกของเจาเฟิงมาด้วย

“โอ้…”จื่อฟางปล่อยเสียงอุทานเบา ๆ “เจ้าหมายความว่าเจาเฟิงตายแล้วงั้นหรือ”เขานึกไปถึงร่างของตัวเอง ร่างกายของเขาก็เปรียบเสมือนคนตายไปแล้วงั้นหรือ

“ใช่ บางทีอาจเป็นเหตุผลที่วิญญาณของเจ้าเข้ามาในร่างของข้าแทน”เสิ่นจิ้งเฟยสำรวจมองจื่อฟางด้วยสายตาราบเรียบ เป็นความรู้สึกที่ออกจะแปลกอยู่บ้าง เพราะเขาสัมผัสได้ว่าร่างกายที่เคยเป็นของเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน…มิใช่หมายถึงรูปร่าง แต่เป็นจิตวิญญาณ เสิ่นจิ้งเฟยสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวา นึกสงสัยว่าจื่อฟางผู้นี้จะแสดงละครตบตาหลิวอ๋องเจี่ยซินได้อย่างไร ผู้คนที่สนิทชิดเชื้อกับเสิ่นจิ้งเฟยจะสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เชียวหรือ

“ข้าจะบอกก็ได้ ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ในวันที่เกิดเรื่อง ข้าดื่มสุราที่หอผูเยว่ อยู่ ๆก็เกิดอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกจนหน้ามืด…ข้าฟื้นอีกครั้งในร่างของเจาเฟิง”เสิ่นจิ้งเฟยเล่าถึงตรงนี้ก็หยุด คล้ายกับจำสาเหตุที่เมาอยู่ที่หอนางโลมได้ ใบหน้างดงามแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ท่านพ่อไม่เพียงมีหญิงใหม่ แต่ยังมีบุตรชายเพิ่มมาอีกคนด้วย! ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโกรธแค้นเสิ่นมู่หยาง เขาไม่อยากได้ร่างคืน ไม่มีเหตุผลให้เขาเป็นเสิ่นจิ้งเฟยอีกต่อไปแล้ว 

ในมุมมองของจื่อฟางกลับเข้าใจไปว่าเสิ่นจิ้งเฟยเจ็บปวดใจเรื่องคุณหนูฉิน ความเจ็บปวดในแววตาคู่นั้นทำให้เขาหนาวเหน็บไปด้วย แต่เขานึกภาพชายงามนิสัยเหย่อหยิ่งอย่างเสิ่นจิ้งเฟยไปตามตื้อคุณหนูฉินไม่ออก แล้วกับฟู่เทียนสือเล่า ความรู้สึกที่จื่อฟางรับรู้คืออะไร เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเสิ่นจิ้งเฟยชมชอบชายมากเสน่ห์ผู้นั้น แต่เป็นความชอบแบบไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง

 “เสิ่นจิ้งเฟย…”จื่อฟางลังเลอยู่ชั่วขณะ ชั่งใจว่าควรพูดสิ่งที่คิดออกไปดีหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีอย่างไร “อาจฟังดูประหลาดแต่ดูเหมือนว่าความทรงจำบางส่วนของเจ้ายังหลงเหลืออยู่ในร่างนี้ ทำให้ข้าพอจะรู้เรื่องราวของเจ้านิดหน่อย”

เสิ่นจิ้งเฟยชะงัก เผยสีหน้าซับซ้อนออกมา ความทรงจำบางส่วนยังหลงเหลืออยู่งั้นเหรอ บางอย่างในน้ำเสียงของจื่อฟางทำให้ชายงามไม่สบายใจ คำถามที่เขาเคยสงสัยได้รับคำตอบแล้ว เป็นเพราะความทรงจำส่วนหนึ่งฝังอยู่ในร่างจริงของเขา ทำให้เสิ่นจิ้งเฟยจำเรื่องราวบางอย่างไม่ได้ นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก

“จื่อฟาง มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องบอกเจ้า ตั้งแต่อยู่ในร่างของเจาเฟิง ความทรงจำของข้าดูเหมือนจะมีปัญหา ข้าจดจำเรื่องราวได้เพียงบางส่วนเท่านั้น”เสิ่นจิ้งเฟยบอกไปตามตรง แม้จะบอกไม่หมด แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าผู้นี้ นึกสงสัยอยู่ว่าจื่อฟางรู้เรื่องราวของเขามากน้อยเพียงใด ยามที่อยู่ในจวนสกุลเสิ่น เสิ่นจิ้งเฟยไม่เคยเขียนบันทึก จะมีก็แต่บทความวิพากษ์ฮ่องเต้ที่ซุกซ่อนอยู่ในหีบเก็บพัด บทกวีพร่ำเพ้อ ร่องรอยการติดต่อกับหลิวอ๋อง เสิ่นจิ้งเฟยแน่ใจว่านอกจากคนสนิทชิดใกล้แล้วไม่มีผู้ใดล่วงรู้เรื่องราววัยเด็กระหว่างเขากับฮ่องเต้ 

“ความทรงจำของเจ้าหายไป”เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าเสียงดัง พยายามกดเสียงพูดให้เบาที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่คิดว่าจะได้ยินข้อแก้ตัวที่เคยใช้มาก่อนออกมาจากปากของเสิ่นจิ้งเฟย 

“ถูกแล้ว”เขาผงกศีรษะอย่างสงบ จื่อฟางชั่งใจ มีท่าทีลังเลก่ำกึ่งระหว่างเชื่อและไม่เชื่อก่อนทิ้งไหล่ลงอย่างห่อเหี่ยว

“ดูเหมือนเจ้าจะไม่เชื่อข้า”เสิ่นจิ้งเฟยเผยรอยยิ้มคลุมเครือ ดีแล้ว

“เจ้าควรบอกข้ามา เรื่องหลิวอ๋องเจ้าวางแผนทำอะไร”จื่อฟางกระซิบอย่างหมดความอดทน เหลียวมองไปรอบตัวอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าพูดคุยเรื่องนี้ในวังหลวงค่อนข้างเสี่ยง แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น ใช่ว่าจะได้เข้าวังมาพูดคุยกับชายงามของฮ่องเต้ได้บ่อย ๆเสียเมื่อไหร่ ในเมื่อมีโอกาสได้เจอเสิ่นจิ้งเฟยตัวจริง เขาก็ต้องรีบคว้าไว้

เสิ่นจิ้งเฟยสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อยเมื่อถูกถามถึงหลิวอ๋อง “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”

“ไม่จำเป็นต้องรู้...” จื่อฟางขบฟัน ความโกรธเคืองฉายชัดบนใบหน้า “ผายลมอันใดออกมา ข้าอยู่ในร่างของเจ้า ต้องเผชิญกับเรื่องที่ไม่ได้ก่อ เจ้าน่าจะรู้ว่าชีวิตของเจ้าเป็นอย่างไร ผู้คนปฏิบัติต่อเจ้าแบบไหน เจ้าว่ายังไม่เกี่ยวอีกหรือ”

เสิ่นจิ้งเฟยตวัดสายตาคมปราดมองเด็กหนุ่ม จื่อฟางจะเป็นหรือตายไม่ใช่เรื่องของเขา ร่างกายก็เป็นเพียงร่างกาย มนุษย์ย่อมต้องแตกสลาย ชีวิตในร่างเก่าก็ไม่ได้ดีเสียจนเขาต้องโหยหวนอยากได้ร่างคืน เขาออกจะรังเกียจความอ่อนแอของร่างกายตัวเองเสียด้วยซ้ำ เขาอยากบินหนีให้ไกลจากจวนสกุลเสิ่น ทิ้งชื่อของเสิ่นจิ้งเฟยไว้เบื้องหลัง แต่โชคชะตากลับกลั่นแกล้ง ในยามนี้กลับถูกกักขังอยู่ในวังหลวง ติดอยู่ในร่างชายงามของฮ่องเต้ คนที่เขาไม่อยากเห็นหน้าที่สุด

มีเพียงเรื่องดีเรื่องเดียว การที่เจาเฟิงพยายามปลิดชีพ ทำให้ฮ่องเต้ไม่กล้าทำเกินเลยกับร่างนี้เพราะกลัวว่าบุรุษงามจะฆ่าตัวตายอีก แต่ถึงกระนั้นฮ่องเต้เจี่ยผิงก็ยังหน้าด้านมาฟังเขาบรรเลงกู่เจิงที่ตำหนักบ่อยครั้ง ไม่ได้ทำการล่วงเกินแต่อย่างใด แต่เสิ่นจิ้งเฟยค่อนข้างมั่นใจว่าฮ่องเต้ได้ล่วงเกินร่างนี้ไปแล้ว เพราะตอนที่เขาเข้ามาในร่างของเจาเฟิง เขาตรวจพบร่องรอยการร่วมรักกระจายอยู่ตามเรือนร่าง เพราะเหตุนี้เจาเฟิงถึงได้เลือกจบชีวิตตัวเองกระมัง บุรุษงามแค่นเสียงในลำคอ ความรู้สึกชิงชังที่มีต่อฮ่องเต้ยิ่งรุนแรงมากขึ้นทั้งจากของเขาและเจาเฟิง

แต่คิดจะบินหนี อย่างไรก็ต้องมีแผน ตอนนี้กระดานหมากเปลี่ยนไปแล้ว เสิ่นจิ้งเฟยแค่ต้องรอเวลา รอให้หลิวอ๋องก่อกบฏ องค์ชายใหญ่เคลื่อนไหวจัดการฮ่องเต้ จากนั้นเขาจะบินหนีให้ไกล มีชีวิตใหม่ ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกลอบฆ่า ไม่ต้องพะวงเรื่องหลิวอ๋อง หลุดจากวงเวียนความแค้นขององค์ชายใหญ่ เขาจะเป็นอิสระ เสิ่นจิ้งเฟยคลี่รอยยิ้ม ทำให้ใบหน้างดงามของเจาเฟิงดูลึกลับน่ากลัว 

จื่อฟางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ แต่เขาพลันรู้สึกหนาวเหน็บที่สันหลัง ลางสังหรณ์กระตุ้นเตือนว่าอย่าไว้ใจคนผู้นี้เด็ดขาด
    
“เจ้าคนโชคร้าย ระวังคำพูดหน่อย เรื่องของหลิวอ๋อง ข้าจำได้รางๆว่ามีคนผู้หนึ่ง สหายของข้า หากเอ่ยปากขอ เขาอาจช่วยเจ้าได้”เสิ่นจิ้งเฟยกล่าวช้า ๆพลางยกมือนวดขมับที่เริ่มปวดตุบๆ…คนผู้หนึ่ง…ชื่อติดอยู่ที่ปลายลิ้น เขาพูดไม่ออก ใบหน้าเลือนรางอยู่ในความทรงจำแต่เขารู้สึกได้ว่าต้องเป็นคนสำคัญ เพราะจังหวะการเต้นของหัวใจถี่เร็วขึ้น 

“คนผู้หนึ่งหรือ ข้าอ่านใจเจ้าไม่ได้หรอก ช่วยข้าได้มากเลย”จื่อฟางหัวเราะเบา ๆ หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เสิ่นจิ้งเฟยก็คงตายไปแล้ว บุรุษงามเพียงยิ้มหวาน ได้ยินอีกฝ่ายพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “ได้เจอเสิ่นจิ้งเฟยทั้งทีทำไมถึงเป็นเช่นนี้ หรือดวงชะตาของข้ามันอับโชคจริง ๆ”

“ข้าจำไม่ได้จะให้ทำอย่างไร แต่ดูแล้วหลิวอ๋องยังวางใจเจ้าอยู่ เจ้าก็แสดงละครต่อไป เจ้าเล่นบทของเจ้า ข้าเล่นบทของข้า หากมีโอกาสข้าจะหาทางติดต่อเจ้าไปเอง”เสิ่นจิ้งเฟยเอ่ยอย่างขอไปที

“เจ้าพูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย…”จื่อฟางกัดฟันกรอด ๆ

‘มิใช่เรื่องของข้าเสียหน่อย’

เสิ่นจิ้งเฟยตอบโต้อยู่ในใจ แต่ใบหน้าประดับรอยยิ้มงามอ่อนหวาน เรื่องของหลิวอ๋องจะว่าไปก็ซับซ้อน เขารู้ดีว่าคนผู้นั้นไม่มีทางปล่อยให้เขารอดเงื้อมมือไปแน่ แม้ครั้งหนึ่งหลิวอ๋องจะเคยช่วยเหลือจนเสิ่นจิ้งเฟยเชื่อใจยอมเอ่ยคำสาบานเป็นพี่น้อง ‘ยามสุขร่วมเสพ ยามทุกข์ร่วมเผชิญ’ ข้าช่างโง่เขลานัก หลิวอ๋องถึงได้เอาคำสาบานมาผูกมัดเช่นนี้

“ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ องค์ชายใหญ่เคยส่งคนมาเล่นงานข้า ในตอนนั้นข้าเกือบถูกข่มเหง แต่หลิวอ๋องช่วยข้าไว้ ข้าถึงได้ยอมเอ่ยคำสาบานกับเขา”เสิ่นจิ้งเฟยกำมือ เมื่อนึกถึงความทรงจำลางเลือนที่อยากลืม เจ้าช่างอิ่นผู้นั้นจงเกลียดจงชังสกุลเสิ่นจนใช้วิธีสกปรก

จื่อฟางได้ยินที่อีกฝ่ายบอกก็ได้แต่ตระหนกอยู่ในใจ ไม่คิดว่าองค์ชายใหญ่จะลงมือด้วยวิธีการเช่นนี้ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกสงสารเสิ่นจิ้งเฟยขึ้นมา ทันใดนั้นอยู่ ๆเขาก็หายใจไม่สะดวก จนต้องยกมือกุมหน้าอก ภาพบางอย่างเลือนลางวูบวาบอยู่ในความทรงจำ เสิ่นจิ้งเฟยในร่างเจาเฟิงมองมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แต่ก็เพียงครู่เดียว ใบหน้าของชายงามกลับมาเย็นชาเช่นเดิม จื่อฟางสูดหายใจเข้าออกช้า ๆเมื่ออาการเมื่อครู่จางหายไปจึงเอ่ยต่อ

 “เรื่ององค์ชายใหญ่…เจ้ารู้หรือไม่ว่าปู่ของเจ้าเป็นคนใส่ร้ายจนเขาหลุดจากตำแหน่งรัชทายาท เขาถึงได้แค้นเคืองสกุลเสิ่นถึงเพียงนี้” เด็กหนุ่มเฝ้ามองปฏิกิริยาของอีกร่าง ไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการตกใจกับเรื่องนี้ คนอย่างเสิ่นจิ้งเฟยคงคาดเดาเรื่องราวได้อยู่แล้วกระมัง

ร่างนั้นฉีกยิ้มหวาน “อยู่ในร่างของข้า เจ้าคงลำบากน่าดู แต่ว่าเจ้าควรห่วงเรื่องของตัวเองจะดีกว่า เสิ่นจิ้งเฟย เป็นข้า ข้าจะระวังตัวไว้ ท่านอ๋องจะฆ่าเจ้าเมื่อไหร่ก็ย่อมได้”เสิ่นจิ้งเฟยอยู่ในร่างของเจาเฟิง ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกลอบฆ่าอีกต่อไปแล้ว ทั้งท่านอ๋อง องค์ชายใหญ่ ถึงจะรู้สึกสะใจในโชคร้ายของจื่อฟาง แต่ลึกๆแล้วก็แอบเห็นใจคนผู้นี้อยู่เล็กน้อย เล็กน้อยเท่านั้น

จื่อฟาง…อย่าถือโทษโกรธเคืองกันเลย สวรรค์คงกำหนดให้เจ้ามารับเคราะห์แทนข้ากระมัง
 
“ขอบคุณที่เตือน”จื่อฟางกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินฝ่ายนั้นเรียกเขาด้วยชื่อตัวเอง เสิ่นจิ้งเฟยโยนปัญหามาให้เขา  เด็กหนุ่มโกรธเสียจนอยากเข้าไปเขย่าร่างงดงามเย้ายวนตรงหน้าให้สั่นคลอน ความอัดอั้นที่อยู่ในอกทำให้ผุดลุกเดินไปเดินมาอย่างว้าวุ่น แต่ก็ชะงักฝีเท้าเมื่อเหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดสีม่วงเข้มลายมังกรสะดุดตาเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณทางเดินทอดยาวมายังศาลาริมสระบัว

…ฮ่องเต้เจี่ยผิง ร่างนั้นถือดอกกุหลายเย่ว์จี้สีแดงสดมาด้วยสองดอก มองไกล ๆยังสัมผัสได้ว่าเจ้าของร่างกำลังอยู่ในอารมณ์เบิกบานใจ จื่อฟางพลันรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี เด็กหนุ่มเหลือบมองเสิ่นจิ้งเฟยหรือเจาเฟิงนั่งลูบคลำเครื่องดนตรีด้วยท่าทางเย็นชาเศร้าหมองประหนึ่งคนงามผู้ถูกรังแกได้อย่างไม่ติดขัด มุมปากของร่างบางยกเป็นรอยยิ้มคล้ายกำลังขบขัน อันที่จริงเสิ่นจิ้งเฟยก็อยากรู้ว่าจื่อฟางผู้นี้จะเล่นละครตบตาฮ่องเต้อย่างไร เขาจึงรอชมเสมือนเห็นเป็นละครงิ้วฉากหนึ่ง

ฮ่องเต้เจี่ยผิงก้าวเข้ามาในศาลา นำพากลิ่นกายหอมอ่อน ๆมาด้วย สายตาจ้องมองคนงามทั้งสองด้วยนัยน์ตาเป็นประกายพอใจ ทั้งเจาเฟิงและเสิ่นจิ้งเฟยต่างก็รูปงามด้วยกันทั้งคู่ ยิ่งทำให้ศาลาแห่งนี้น่ามองราวกับถูกแต่งแต้มสีสัน แม้ชายหนุ่มจะสัมผัสได้ว่าคนงามทั้งสองมีเรื่องอยู่ในใจก็ตาม บุรุษหนุ่มหัวเราะในลำคอเบา ๆเมื่อเห็นว่าจื่อฟางทำตัวไม่ถูก

“เจ้าทำตัวตามสบายเถอะ”ฮ่องเต้โบกมือไปมา ก่อนหันมองชายงามที่ปั้นสีหน้าเรียบเฉยอันเป็นเอกลักษณ์ เจี่ยผิงเคยชินกับท่าทีดื้อดึงของเจาเฟิงเสียแล้ว เขายกยิ้มมุมปาก ถ้าเจ้าใช่เจาเฟิงน่ะนะ

“เจาเฟิง จำที่ข้าเคยบอกได้หรือไม่ นี่คือเสิ่นจิ้งเฟย บุตรชายของเสนาบดีเสิ่นที่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง ฝีมือการบรรเลงกู่เจิงของเขาเป็นที่เลื่องลือไปทั่วฉางอัน แม้ว่าจะถูกเรื่องแย่ๆ กลบไปเสียส่วนใหญ่จนทำให้ผู้คนลืมเลือนไปบ้างว่าเขามีความสามารถซ่อนอยู่ ฝีมือการบรรเลงกู่ฉินของเจ้าอาจไพเราะสู้เสิ่นจิ้งเฟยไม่ได้ แต่เจาเฟิง บทเพลงของเจ้ามักทำให้ข้านึกถึงคนผู้หนึ่งอยู่เสมอ เจ้าว่าแปลกหรือไม่”เจี่ยผิงกล่าวเหมือนคุยเรื่องทั่วไป ก้มมองดอกกุหลาบในมือด้วยสายตาเป็นประกายลึกลับ ทำให้คนงามทั้งสองคนรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ลมหนาวพัดเข้ามาจนม่านสีทองสะบัดไหว

คนผู้หนึ่งที่ท่านเอ่ยถึงนั่งอยู่ตรงหน้านั่นอย่างไร จื่อฟางนึกอยู่ในใจ รู้สึกว่าฮ่องเต้เจี่ยผิงมีจุดประสงค์บางอย่าง

“ข้าเห็นว่าดอกกุหลาบดอกนี้สีสันงดงามเหมาะกับเจ้าทั้งสองยิ่งนัก”ฮ่องเต้หนุ่มกล่าวทำลายความเงียบ ขยับกายเข้าใกล้จื่อฟาง ลมวูบหนึ่งพัดกลิ่นหอมต้องจมูก ก่อนจะเสียบดอกไม้ทัดหูให้เด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว   

“เจาเฟิง เจ้าก็เหมาะกับกุหลาบดอกนี้เช่นกัน”ฮ่องเต้หมุนกายไปทางบุรุษงามอีกคน

“กระหม่อมไม่เหมาะกับดอกไม้สวยงาม พระองค์เก็บไว้มอบให้ผู้อื่นเถิด”เสิ่นจิ้งเฟยในร่างเจาเฟิงบอกปัด แต่ก็รู้ดีว่าไม่เป็นผลเพราะสัมผัสได้ถึงลมวูบหนึ่ง รับรู้ว่าฮ่องเต้เอื้อมมือมาทัดดอกกุหลาบให้เขาเช่นกัน มือหนาปัดผ่านเส้นผมดำขลับทำให้ร่างบางตัวสั่นน้อย ๆ น่ารังเกียจนัก คนผู้นี้มักมากเหลือเกิน

“บรรเลงเพลงให้ข้าฟังสักบท”ฮ่องเต้หนุ่มกล่าวเสียงนุ่ม ก่อนยืดตัวเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนตั่งไม้ตัวยาวที่สลักลายสวยงาม

“เสิ่นจิ้งเฟย เจ้ามานั่งเป็นเพื่อนข้า”ฮ่องเต้เอ่ยเรียกระหว่างที่นางกำนัลหน้าตาจิ้มลิ้มยกถาดน้ำชาหอมกรุ่นเข้ามาในศาลา จื่อฟางลอบถอนหายใจแต่ก็นั่งลงตามคำเชิญ ทิ้งช่วงห่างไว้พอเหมาะพอควร เสียงดีดสายกู่ฉินดังขึ้นเบา ๆ ถึงแม้จื่อฟางจะไม่มีความรู้ด้านดนตรี แต่ก็พอฟังออกว่าเสิ่นจิ้งเฟยมีพรสวรรค์ นิ้วมือเรียวกรีดกรายไปตามจังหวะ เขาสังเกตุว่าอีกฝ่ายใช้จังหวะการเล่นไม่เหมือนกับที่เขาเคยได้ยินในความฝัน 

ข้าอยากรู้นักว่าสวรรค์ต้องการสิ่งใด ไยไม่ส่งข้าไปเข้าร่างผู้อื่น เหตุใดต้องเป็นชายงามเจาเฟิงผู้นี้ด้วย เจ้าของร่างตัวจริงคิดอย่างขุ่นเคืองระหว่างที่ใช้มือดีดไปตามสายกู่ฉิน ร่างบางเงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาจับจ้องของเจ้าแผ่นดิน นึกอยากก่นด่าว่ามองอะไร แต่ก็ทำได้เพียงยิ้มเย็นชาตามแบบฉบับของร่างนี้ส่งไปให้

“ไม่เจอเจ้าเสียนาน ดูเหมือนเจ้าจะมีน้ำมีนวลกว่าครั้งก่อนที่ได้พบกันเสียอีก”ฮ่องเต้เจี่ยผิงกวาดตามองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ห่างออกไปตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับกำลังสำรวจว่ามีส่วนไหนที่สึกหรอหายไป จื่อฟางกลั้นหายใจกับสายตาที่อาบทั่วร่าง เขาหมุนพัดในมือเล่น เป็นอุปนิสัยอย่างหนึ่งของเสิ่นจิ้งเฟยที่เขานำมาใช้จนชินแม้กระทั่งเจ้าของร่างตัวจริงยังแปลกใจที่ได้เห็นพฤติกรรมเคยชินของตนจากร่างนั้น ครุ่นคิดอยู่ในใจว่าจื่อฟางเล่นละครได้ไม่เลวทีเดียว

“คงเป็นเพราะข้าหลับสบาย ไม่มีคนมารบกวนบนหลังคาเรือนกระมัง”จื่อฟางลืมตัวไปครู่หนึ่ง ตอบอย่างไม่จริงจังนัก 

“ข้าสั่งคนพวกนั้นให้เฝ้าอยู่นอกจวน เจ้ายังไม่หายโกรธอีกหรือ”

“ข้าไม่ได้โกรธฝ่าบาท”จื่อฟางตอบ อึดอัดอยู่บ้างเพราะรู้ดีว่าการสนทนาครั้งนี้เสิ่นจิ้งเฟยตัวจริงก็นั่งฟังอยู่ ทำให้เขารู้สึกแปลกพิกล เด็กหนุ่มมองมือเรียวขาวของนางกำนัลที่รินน้ำชาให้อย่างอ่อนช้อย ได้กลิ่นชาก็นึกไปถึงไป๋ผูอวี้ ในใจภาวนาให้ฮ่องเต้รีบๆพูดธุระมาเสีย เขาจะได้รีบกลับ จื่อฟางยกจอกชามากุมในมือ รับรู้ว่ากำลังถูกฮ่องเต้พินิจมอง เสียงกู่ฉินยังคงดังคลอเบา ๆ   

เสิ่นจิ้งเฟยในร่างของเจาเฟิงดีดกู่ฉินระหว่างที่นั่งฟังบทสนทนาอยู่เงียบๆแม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยนแปลงแต่ในใจเต็มไปด้วยคำถาม เขาไม่ได้รับรู้ข่าวสารจากภายนอกมาระยะหนึ่งแล้วจึงไม่รู้ว่ามีเรื่องใดเกิดขึ้นบ้าง แต่ฟังจากบทสนทนาพวกนี้หมายความว่าฮ่องเต้ส่งคนไปเฝ้าตัวเขาที่จวนอย่างนั้นหรือ?ไร้สาระเหลือเกิน นี่หรือคนเป็นฮ่องเต้ เอาเวลามาใส่ใจเรื่องไร้สาระอยู่ได้ ไม่แปลกหากหลิวอ๋องจะก่อกบฏสำเร็จ เสิ่นจิ้งเฟยปวดหัวจี๊ดๆ พยายามนึกให้ออกว่าหลิวอ๋องมีแผนก่อกบฏอย่างไร นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก เรื่องต่อจากนี้คงแล้วแต่ลิขิตสวรรค์ก็แล้วกัน ขึ้นอยู่ว่าจื่อฟางจะได้รับความทรงจำของเขาไปรึเปล่า เสิ่นจิ้งเฟยขนลุกซู่ไปหมดเมื่อเห็นสายตาของฮ่องเต้ยามที่มองร่างที่เคยเป็นของตนราวกับอยากฉีกกระชากเสื้อผ้าออก ไอ้คนโรคจิต

“ว่าแต่ก่อนหน้านี้พวกเจ้าสองคนคุยเรื่องใดกันอยู่รึ ท่าทางถูกคอ ข้าเห็นแล้วไม่อยากเข้ามาขัดจังหวะ”ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยถาม มองสลับไปมาระหว่างชายงามทั้งสอง แต่ทั้งคู่กลับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่คล้ายกัน จนทำให้เจี่ยผิงรู้สึกคันยุบยิบตามเนื้อตามตัวชอบกลจึงเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา

“ข้าได้ยินว่าเจ้าเข้าสอบระดับอำเภอ เป็นอย่างไร พอทำได้หรือไม่”ฮ่องเต้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใส่ใจ ไม่แปลกใจนักที่รู้ว่าบุตรชายเสนาบดีเสิ่นเข้าสอบด้วย เขาเองก็อยากรู้ว่าคุณชายอย่างเสิ่นจิ้งเฟยจะอดทนได้อีกเท่าไหร่   

“ข้าทำได้ค่อนข้างดี”จื่อฟางตอบไปตามที่คิด

“ไยสีหน้าเจ้าไม่ค่อยดี หรือเจ้าไม่พอใจที่ข้าเรียกเจาเฟิงมาบรรเลงกู่ฉินให้เจ้าฟัง”เจี่ยผิงกล่าวหยอกล้อ ปรายตามองเจาเฟิงครู่หนึ่ง บุรุษงามยังคงจดจ่ออยู่กับการดีดกู่ฉิน แต่เขารู้ว่าฝ่ายนั้นฟังบทสนทนาของพวกเขาอยู่ 

“เปล่า ข้าแค่อ่อนเพลียจากการสอบเท่านั้น ฝ่าบาทไม่ต้องใส่ใจ”

ฮ่องเต้เจี่ยผิงหลุบสายตามองใบชาในถ้วยที่มีควันอ่อน ๆลอยกรุน แววตาเป็นระลอกคลื่นเดาไม่ออก “ข้าเห็นว่าพักนี้เจ้าแวะเวียนไปที่โรงน้ำชาหลิวซื่อบ่อยครั้ง เจ้าคงชื่นชอบการดื่มชามากกว่าที่ข้าคิดไว้ ชานี้เป็นชาอู่หลงชั้นดี คิดว่าเจ้าคงถูกใจ”จื่อฟางใจหล่นวูบเมื่อได้ยินฮ่องเต้กล่าวถึงโรงน้ำชาหลิวซื่อ   

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
 

บุรุษหนุ่มยังคงมีรอยยิ้มจาง “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสนิทสนมกับบุตรชายสกุลไป๋เป็นพิเศษ น่าแปลกนัก ข้าคิดว่าเจ้าไม่ชอบเขาเสียอีก ไหนจะคุณหนูฉิน นางไม่อยู่ในสายตาของเจ้าแล้วหรือเสิ่นจิ้งเฟย”

เสิ่นจิ้งเฟยตัวจริงใจกระตุกวูบ เขารู้จักฮ่องเต้เจี่ยผิงดีพอจนรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยถามธรรมดา ทั้งยังเน้นคำว่าสนิทสนมเป็นพิเศษ ว่าแต่เขาได้ยินถูกต้องหรือไม่ สนิทสนมกับบุตรชายสกุลไป๋?ไป๋ผูอวี้ผู้นั้นน่ะรึ จื่อฟางไปตีสนิทกับเจ้านั่นได้อย่างไร ชายงามเผลอดีดกู่ฉินผิดสายจนเสียงเพี้ยนแต่รีบกลบเกลื่อนอย่างแนบเนียน เขาเงยมองฉากเบื้องหน้า พบว่าฮ่องเต้นั่งดื่มชาด้วยท่วงท่าสบายใจ ส่วนจื่อฟางยังคงอยู่ในท่าทีปกติไม่ได้แตกตื่นแต่อย่างใด เสิ่นจิ้งเฟยเบาใจเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่คลายใจเรื่องของไป๋ผูอวี้ เหตุใดต้องไปสนิทสนมกับคนแซ่ไป๋ด้วย แค่คิดเขาก็คันคะเยอไปทั้งร่าง

“ข้ายอมรับว่าเคยไม่ชอบเขา แต่มาคิดดูแล้ว ไป๋ผูอวี้ก็ไม่ได้มีพิษสงใด ข้าเพียงใช้ความเป็นมิตรให้เป็นประโยชน์เท่านั้น”จื่อฟางตอบพยายามให้เหตุผลทั้งกับตัวเองและฮ่องเต้ ไม่รู้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยคิดเห็นกับเรื่องนี้ว่าอย่างไร เด็กหนุ่มเหลือบมองร่างบุรุษงามที่ยังคงสนใจเครื่องดนตรี แต่เขามั่นใจว่าไม่ได้หูฟาดไปกับโน้ตเพี้ยนๆเมื่อครู่แน่

“อะแฮ่ม ส่วนเรื่องคุณหนูฉิน…ข้าบังคับใจนางไม่ได้ หากสวรรค์อยากให้ข้าคู่กับนาง ก็คงทำไปนานแล้ว”จื่อฟางแสร้งเอ่ยด้วยเสียงท้อใจประหนึ่งคนที่ปล่อยวางเรื่องความรัก   

เจี่ยผิงพยักหน้าช้า ๆ “ข้าได้ยินว่าคุณหนูฉินชอบพอกับไป๋ผูอวี้ ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่”

จื่อฟางขบฟัน รู้ดีว่าฮ่องเต้จงใจพูดถึง เขาสัมผัสได้ถึงความขุ่นเคืองเจือจางของร่างนี้ก่อตัวอยู่ในก้นบึ้งหัวใจ เสิ่นจิ้งเฟยคงมีความรู้สึกดี ๆให้คุณหนูฉินจริง ๆ เด็กหนุ่มกุมถ้วยชาในมือเมื่อได้ยินเสิ่นจิ้งเฟยตัวจริงเล่นโน้ตเพี้ยนอีกรอบ เจ้านั่นเป็นอะไรไปแล้ว

“ผู้คนเล่าลือกันเช่นนั้น”จื่อฟางตอบ ฮ่องเต้หนุ่มขยับตัวดื่มชาอีกอึกหนึ่งก่อนลุกเดินเอามือไพล่หลัง สายตาทอดมองไปยังสระบัวด้วยใบหน้าไม่ปรากฏอารมณ์

“ตอนที่เจ้าไปเยี่ยมสกุลโหยว ข้าได้ยินว่าเจ้าได้พบสหายเก่าแก่ผู้หนึ่ง”เจี่ยผิงเอ่ยถามถึงบุคคลหนึ่งที่เขาได้รับรายงานจากองครักษ์ ฟู่เทียนสือ ใช่ว่าเจี่ยผิงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

จื่อฟางหวังว่าฮ่องเต้จะไม่ได้คิดร้ายใดกับฟู่เทียนสือ จะให้ฮ่องเต้รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเสิ่นจิ้งเฟยชื่นชอบคนผู้นั้น

“เขาเป็นสหายวัยเด็กของข้า”

“เจ้าของกระต่ายฮ่าวฮ่าวตัวนั้นสินะ”ฮ่องเต้เจี่ยผิงยังจำกระต่ายตัวนั้นได้ แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่ชายหนุ่มไม่มีทางลืมในเมื่อเขาเป็นคนทำให้เจ้ากระต่ายนั่นตายเอง ในตอนนั้นเขาไม่ต้องการให้เสิ่นจิ้งเฟยยึดติดกับผู้ใดนอกจากตัวเขา จื่อฟางลอบแปลกใจไม่คิดว่าฮ่องเต้จะยังจำได้ สายกู่ฉินถูกดีดเพี้ยนอีกรอบ เสิ่นจิ้งเฟยตัวจริงเผลอขมวดคิ้วมุ่นแต่เมื่อรู้ตัวก็รีบคลาย กระต่ายฮ่าวฮ่าว คุ้นนัก สหายเก่าแก่ที่สองคนนั่นพูดถึงเป็นเรื่องใดกัน

นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวข้ามิใช่หรือ ไยถึงจำไม่ได้!เสิ่นจิ้งเฟยรู้สึกอึดอัดกับความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์ เจ้าจื่อฟางนั่นได้รับความทรงจำของเขาไปมากเท่าใดกัน เรื่องของเขาถูกคนแปลกหน้ารับรู้หมดเลยหรือ

“ท่านเรียกข้ามาด้วยเรื่องนี้หรือ”จื่อฟางเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากพูดถึงเรื่องในอดีตอีกเพราะเขารับรู้ได้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยในร่างเจาเฟิงกำลังตัวสั่นน้อย ๆ สีหน้าที่เคยเย็นชาเริ่มเคร่งเครียด หากพูดต่อมีหวังได้มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นแน่

“ข้าย่อมมีธุระสำคัญกับเจ้า”เจี่ยผิงกล่าว ก่อนเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าเจาเฟิง

“เจ้ากลับไปก่อน คืนนี้ข้าจะแวะไปคุยเล่นกับเจ้า”เจี่ยผิงมองร่างบางที่เกร็งขึ้นมาอย่างกะทันหัน รู้สึกพอใจที่คำพูดของตนมีผลต่ออีกฝ่าย เจาเฟิงลุกยืนอย่างเชื่องช้า กลิ่นหอมเย้ายวนลอยอวลอยู่ใกล้ ๆ บุรุษหนุ่มยื่นมือออกไปแตะใบหน้างามอย่างลืมตัว 

เพี๊ยะ!

ฝามือเรียวฟาดลงบนมือของฮ่องเต้ ทำเอาจื่อฟางสะดุ้งสุดตัว องครักษ์ชุดดำโผล่มาจากที่ใดก็ไม่ทราบได้ เงาสายหนึ่งพุ่งรวบคอบอบบางของเจาเฟิงด้วยมือหนาเพียงแค่มือเดียวแต่ชายงามเอาแต่ใช้สายตาเย็นชามองฮ่องเต้ ใบหน้าเป็นสีแดงก่ำจากความโกรธ ฮ่องเต้เจี่ยผิงตวัดสายตาใส่องครักษ์ปราดเดียว ชายชุดดำก็ล่าถอยยอมปล่อยมือจากลำคอของชายงามโดยไม่พูดสิ่งใด 

“เจ้าไปได้แล้ว”เจี่ยผิงยกยิ้ม ร่างนั้นหมุนตัวจากไปโดยไม่หันมอง จื่อฟางผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ รับรู้ว่ากุมจอกชาไว้แน่น เขาคลายมือออก สบตากับบุรุษเบื้องหน้า ร่างของชายหนุ่มยังคงมีรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เขาเดาไม่ออก นัยน์ตาแฝงแววบางอย่างที่ทำให้จื่อฟางหวาดหวั่น เกิดความเงียบอีกระลอก เขากับเจ้าแผ่นดินแลกเปลี่ยนสายตากันอยู่ครู่ใหญ่ เด็กหนุ่มขบฟันสู้สายตาลึกลับคู่นั้นอย่างไม่ยอมแพ้

“เจ้าทำให้ข้าแปลกใจ”ฮ่องเต้หนุ่มหัวเราะเบา ๆระหว่างที่ก้าวเข้ามาย่นระยะห่าง “เจ้าไม่เหมือนเสิ่นจิ้งเฟย แต่ก็แสดงได้ดีเยี่ยมทีเดียว”

ว่าอะไรนะ

จื่อฟางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของฮ่องเต้ด้วยสีหน้าว่างเปล่า ความคิดตีกันวุ่นอยู่ในหัว 

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใดก็ตาม ข้าพอใจมาก”เจี่ยผิงพินิจมองเด็กหนุ่มตรงหน้า เปลือกนอกคือเสิ่นจิ้งเฟย แต่แววตากระจ่างใสกลับมีผู้อื่นอยู่ คำพูดของนักพรตหลินดังก้องอยู่ในหัว ‘ทั้งท่านและเด็กคนนั้นไม่สามารถหลีกหนีโชคชะตาได้พ้น ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใดหรือเป็นผู้ใดก็ตาม อีกไม่นานจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น วิญญาณของเขาจะมิใช่ของเขา กายเนื้อเป็นเพียงกายเนื้อ’

“ท่านพูดเรื่องใด ข้าไม่เข้าใจ”จื่อฟางเอ่ยขึ้นเมื่อควานหาเสียงเจอ คนผู้นี้พูดเหมือนรู้ว่าเขาไม่ใช่เสิ่นจิ้งเฟย ความคิดนี้ทำให้เขาตัวสั่นเล็กน้อย

ฮ่องเต้เจี่ยผิงหัวเราะในลำคอ “ไม่เอาน่า อย่าตีหน้าซื่อ เจ้ามิใช่เสิ่นจิ้งเฟย แต่เป็นผู้อื่นต่างหากที่อยู่ในร่างนี้”กล่าวจบก็ยื่นมือไปแตะบริเวณหน้าอกซ้ายของเสิ่นจิ้งเฟย

“บอกชื่อของเจ้ามา...”

“ท่านกล่าวเหลวไหล”จื่อฟางยังไม่ยอมแพ้ เขาไม่ชอบบรรยากาศเช่นนี้ เหมือนกับว่ารอบตัวกดดันเสียจนหายใจไม่ออก

“ข้าเปล่า”เจี่ยผิงพอใจที่ได้เห็นปฏิกิริยาจากร่างตรงหน้า ไม่ว่าคนผู้นี้จะเป็นใครก็ตามแต่ก็ทำให้เขาสนุกมากทีเดียว แม้จะหวาดกลัวแต่ก็ยังไม่ลดละ เหมือนกระต่ายฮ่าวฮ่าวตัวนั้น

“เพราะข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่เสิ่นจิ้งเฟย ข้าถึงยอมไว้ใจให้เจ้าทำงานสืบเรื่องหลิวอ๋อง ข้ารู้ว่าเจ้าต้องตอบตกลงเพราะไม่มีทางเลือกอื่น”

จื่อฟางนิ่งงันไปเพราะอับจนคำพูด เรื่องที่เขาสงสัยมาตลอดได้รับคำตอบแล้ว ที่ผ่านมาเขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดฮ่องเต้ถึงยอมไว้ใจให้เขาทำงานสืบเรื่องหลิวอ๋องทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าร่างนี้เคยร่วมมือก่อกบฏ ถ้าหากเป็นจื่อฟาง เขาไม่มีทางทรยศหักหลังอยู่แล้ว

“ฝ่าบาท...”อยู่ๆจื่อฟางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“บอกชื่อของเจ้ามา ข้าจะไม่เอ่ยถามเป็นครั้งที่สามหรอกนะ” ถึงแม้อีกฝ่ายมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา แต่จื่อฟางรู้ดีว่าเป็นเพียงเปลือกนอก 

“ข้าชื่อจื่อฟาง”เด็กหนุ่มพึมพำตอบ

“จื่อฟาง…”ฮ่องเต้พึมพำ ดวงตาเป็นประกายวูบหนึ่ง “เจ้าคงสงสัยว่าเพราะเหตุใดข้าถึงรู้ว่าเจ้าไม่ใช่เสิ่นจิ้งเฟย”เด็กหนุ่มพยักหน้าช้า ๆ

“เจ้าเชื่อในโชคชะตาหรือไม่”ชายหนุ่มเอ่ยถาม 

“ข้าไม่เชื่อ”จื่อฟางตอบไปตามตรง เจี่ยผิงก้มมองด้วยดวงตาดำลึกแน่วแน่ “แต่ข้าเชื่อ สวรรค์เข้าข้างข้า เจ้าไม่เห็นหรือ ร่างของเสิ่นจิ้งเฟยอยู่ที่นี่”ชายหนุ่มละมือจากบริเวณอกซ้าย เลื่อนมาสัมผัสใบหน้าของจื่อฟางเบาๆ ขนอ่อนที่ต้นคอลุกวูบวาบกับสัมผัสนั้น

“กระทั่งวิญญาณของเสิ่นจิ้งเฟยก็ยังอยู่ใกล้ตัวข้า เจาเฟิงตัวจริงไม่มีทางเล่นกู่ฉินได้ลื่นหูเพียงนี้”

คลื่นความตระหนกพุ่งชนจื่อฟางอีกรอบ ฮ่องเต้เจี่ยผิงรู้แม้กระทั่งเรื่องนี้หรือ ชายคนนี้รู้ได้อย่างไร เจี่ยผิงหัวเราะเบา ๆราวกับล่วงรู้ความคิดของเขา

“คำทำนายของท่านนักพรต ข้าที่เป็นโอรสสวรรค์ไม่มีทางเชื่อคำพูดล่องลอยโดยไม่ไตร่ตรอง แม้กระทั่งกับผู้อาวุโสก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นสอดคล้องกับคำทำนาย เมื่อหลายเดือนก่อน เจาเฟิงโขกศีรษะฆ่าตัวตาย เขาสิ้นลมไปหลายนาทีแต่อยู่ๆก็ฟื้นขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ ข้ามาเยี่ยมตอนที่เจาเฟิงไม่ได้สติ เขาเพ้อถึงเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่มีเพียงข้าและเสิ่นจิ้งเฟยเท่านั้นที่ล่วงรู้ ทีแรกข้ายังไม่แน่ใจนัก จึงตัดสินใจไปตรวจดูเสิ่นจิ้งเฟยที่โรงน้ำชาหลิวซื่อ...ถึงได้รู้ว่าร่างนั้นทำตัวประหลาดผิดแปลกไปจากทุกที ยิ่งได้พูดคุยก็ยิ่งแน่ชัด”สายตาของฮ่องเต้กวาดมองร่างของจื่อฟาง เด็กหนุ่มฟังด้วยใจที่เต้นระส่ำ จดจำเรื่องราวในวันนั้นได้เป็นอย่างดี

“เจ้าเป็นบุตรชายสกุลไหน”

“ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา มาจากสถานที่ไกลมากแห่งหนึ่ง”

“เท่านี้?”เจี่ยผิงเลิกคิ้ว สถานที่ไกลมากแห่งหนึ่งอย่างนั้นหรือ

“ใช่ เท่านี้ ข้าไม่ใช่คนนอกด่าน หรือชนเผ่าไหน สถานที่ที่ข้าจากมา...จะว่าอย่างไรดีต่างจากที่นี่ลิบลับ”จื่อฟางเหม่อมองออกไปมองสระบัว คิดถึงโลกที่เคยอยู่ แม้จะไม่สะดวกสบายเท่าจวนสกุลเสิ่น แต่เขาก็หลับได้อย่างสบายใจ นึกถึงร่างที่ไม่รู้ชะตากรรมของตนแล้วก็ปวดใจ จื่อฟางคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เจี่ยผิงเฝ้ามองอีกฝ่ายจมอยู่ในห้วงความคิด สีหน้าเศร้าหมองปรากฏอย่างไม่ปิดบัง เขามองเห็นความโดดเดี่ยวจากเด็กหนุ่มตรงหน้า ฮ่องเต้นั่งลงข้างกาย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“จื่อฟาง หากเจ้าอยู่กับข้า เจ้าจะไม่โดดเดี่ยว”ถ้าหากได้จื่อฟางมาอยู่ใกล้ตัว เท่านี้เสิ่นจิ้งเฟยก็ตกอยู่ในกำมือของเขาอย่างสมบูรณ์ ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ

“ฝ่าบาท”เด็กหนุ่มชะงักเมื่อมืออุ่นของฮ่องเต้เกลี่ยริมฝีปากบางอย่างเบามือ เขาขมวดคิ้ว ผลักมือของอีกฝ่ายออกแต่ร่างนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว คว้าข้อมือทั้งสองข้างของร่างผอมบางไว้ได้ อีกมือคว้าหลังคอของเด็กหนุ่ม ตามด้วยริมฝีปากของร่างใหญ่ที่กดจูบลงมา จื่อฟางดิ้นสุดแรง แต่ก็หนีไม่พ้น ถูกริมฝีปากของฮ่องเต้ขบกัดรุนแรงราวกับสัตว์ป่า ข้อมือถูกบีบจนเจ็บ เขาส่งเสียงร้องได้แต่เม้มริมฝีปากไม่ให้ปลายลิ้นของอีกฝ่ายสอดเข้ามา แต่ฮ่องเต้ดูเหมือนจะพอใจแค่การขบจูบ เจี่ยผิงรีบปล่อยร่างของเสิ่นจิ้งเฟยเมื่อได้สติ 

จื่อฟางลุกพรวดจากที่นั่ง ลูบข้อมือที่เป็นรอยแดง อกสะท้อนขึ้นลง อารมณ์โกรธพลุ่งพล่านอยู่ในอก เขาเข้าใจความรู้สึกของเสิ่นจิ้งเฟยแล้ว เขาตวัดสายตามองฮ่องเต้ที่อยู่ในอาการสงบ แววตาคล้ายกับกล่าวขอโทษแต่จื่อฟางคงตาฝาดไปเอง
 
“ท่านแค่อยากครอบครองเสิ่นจิ้งเฟย เขาไม่ใช่สิ่งของสวยงามที่ท่านอยากได้ ฝ่าบาท หากท่านทำเช่นนี้ ท่านจะไม่มีวันได้ความรักจากเขา ท่านมีความสุขหรือ”จื่อฟางขึ้นเสียงอย่างลืมตัว ความรู้สึกขุ่นเคืองปะทุขึ้น เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆพยายามหักห้ามอารมณ์ของตัวเอง

เจี่ยผิงเผยรอยยิ้มอ่อนโยนขัดกับแววตาแข็งกร้าว “ข้าอยากได้สิ่งใดก็ต้องได้ ข้าต้องการเสิ่นจิ้งเฟย ต่อให้เจ้าเป็นคนแปลกหน้าอยู่ในร่างของเขา ข้าหาได้สนไม่ ข้าต้องการร่างกายของเขา ต้องการจิตวิญญาณของเขา เท่านี้ก็พอแล้ว เรื่องความรักเป็นเรื่องไร้สาระ ข้าไม่ต้องการ”

จื่อฟางไม่มีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงกับฮ่องเต้  เขาใช้แขนเสื้อเช็ดริมฝีปาก ค้อมตัวให้ฮ่องเต้เล็กน้อย

“ข้าขอตัว”เด็กหนุ่มหมุนตัวกลับ เดินไม่ทันพ้นศาลา เสียงของฮ่องเต้เจี่ยผิงก็ดังไล่หลังมา 

“จื่อฟาง จำเอาไว้ว่าเจ้าสาบานกับเราไว้อย่างไร เราคงไม่ต้องเอ่ยเตือนเจ้ากระมังว่าร่างกายของเสิ่นจิ้งเฟยไม่ใช่ของเจ้า”ฮ่องเต้เอ่ยเสียงเรียบ

“ร่างกายของเขา ไม่ใช่ของท่านเช่นกัน”จื่อฟางตอบกลับโดยไม่หันมอง รีบก้าวออกมาจากศาลาลมทันที เจ้าแผ่นดินถอนหายใจ ไม่คิดว่าการพบเจอกับชายงามทั้งสองจะลงเอยเช่นนี้ ทั้งเสิ่นจิ้งเฟยและจื่อฟางรับมือยากด้วยกันทั้งคู่ แต่ไม่ว่าอย่างไรชะตาของทั้งสองก็อยู่ในกำมือของเขา ไม่มีผู้ใดหนีพ้นกงล้อของโชคชะตา เจี่ยผิงลุกจากตั่งไม้ ทอดสายตามองสระบัว นึกไปถึงคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับเสิ่นจิ้งเฟย

“เสิ่นจิ้งเฟย ข้าผิดคำพูดต่อเจ้า”เจี่ยผิงนึกไปถึงคำพูดที่เคยบอกฝ่ายนั้นว่าจะไม่ใช้กำลังบังคับ แต่เมื่อครู่เขากลับปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ชายหนุ่มก้มมองฝามือทั้งสองข้างของตัวเอง ในใจครุ่นคิดไปถึงคำพูดของจื่อฟาง ความรักหรือ  แม้แต่ฮองเฮาก็ให้เขาไม่ได้ เขาไม่ได้รักนาง นางไม่ได้รักเขา เป็นเพียงหน้าที่เท่านั้น ฮ่องเต้ไม่จำเป็นต้องมีความรัก เขาไม่ต้องการ



~~



จื่อฟางก้าวเร็ว ๆตามทางเดิน กำมืออยู่ในแขนเสื้อ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืด เป็นวันที่ยาวนานเหลือเกิน เริ่มจากการสอบ ความจริงของท่านปู่ เสิ่นจิ้งเฟยตัวจริง ฮ่องเต้เจี่ยผิง คิดแล้วเขาก็รู้สึกหมดแรงขึ้นมา ร่างบางเดินลากขาออกมาจากสวน พบกับกงกงคนเดิมยืนรออยู่ กงกงไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงแค่นำทางจื่อฟางออกมาที่ประตูวังหลวง รถม้าของสกุลเสิ่นจอดรออยู่ห่างออกไปไม่ไกล ร่างสูงใหญ่ของหยางชวีปรากฏทันที ถึงสีหน้าของหยางชวีจะไม่ปรากฏอารมณ์ใด แต่เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง ผู้ติดตามสบตาคุณชายเสิ่น สายตาสะดุดเข้ากับริมฝีปากแดงเรื่อทันที เกิดอะไรขึ้น?ฮ่องเต้เจี่ยผิงแตะต้องคุณชายอย่างนั้นหรือ ความโกรธไม่มีทีมาปะทุขึ้นทันที หยางชวีก้าวเข้าไปหาเสิ่นจิ้งเฟย

“คุณชาย...”

“ไม่มีอะไรหรอก รีบกลับจวนดีกว่า”จื่อฟางไม่อยากพูดถึง รู้สึกว่าริมฝีปากยังแสบ ๆร้อนๆจากรอยขบกัด เขาตีหน้าเรียบนิ่งเมื่อเห็นสายตาของหยางชวีจ้องมองริมฝีปากของเขาไม่วางตา เด็กหนุ่มรีบผลุบหายเข้าไปในรถม้าหยางชวีเข้ามานั่งโดยไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใด จื่อฟางเอนพิงผนังรถม้า หลับตาไม่รับรู้สิ่งใด ในระหว่างที่รถม้าเริ่มเคลื่อนตัวช้า ๆ   

“เจ้าอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อเด็ดขาด”จื่อฟางสั่งเสียงเบา

“...”เกิดความเงียบอยู่นาน จนเขาลืมตามอง พบว่าหยางชวียังคงมองอยู่ สีหน้าและแววตาไม่ปรากฏอารมณ์ใด ทำให้นึกไปถึงวันแรกที่เจออีกฝ่าย

“คุณชายเสิ่น...ข้าน้อยขออภัย”ผู้ติดตามพึมพำ ชั่วพริบตาร่างกำยำนั้นก็ขยับเข้าประชิดพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าที่เช็ดริมฝีปากของเขาเบา ๆ สายตาของหยางชวีหลุบต่ำ จื่อฟางกลั้นหายใจ กระพริบตาปริบ ๆ เจ้านี่...เขายกยิ้ม  ปล่อยให้อีกฝ่ายทำอย่างที่ต้องการ จนกระทั่งเริ่มเจ็บปากจึงแตะข้อมือของอีกคนเบาๆ

“ข้าว่าคงสะอาดแล้วกระมัง”

“คุณชาย ข้าน้อยขออภัยจริง ๆที่ปกป้องคุณชายไม่ได้”หยางชวีมองผ้าเช็ดหน้าในมือ

“ช่างเถอะ ข้าไม่ถือสา”จะปกป้องอะไรกันเล่า

“ถ้าหากว่าคนผู้นั้นต้องการมากกว่านี้ ท่านจะยังไม่ถือสาอีกหรือ!”หยางชวีเผลอตัวขึ้นเสียงใส่คุณชายเป็นครั้งแรก

“เจ้าจะเสียงดังทำไม”จื่อฟางดุ ขมวดคิ้วใส่ผู้ติดตามที่ทำตัวผิดแปลกไปจากทุกที

“คุณชายใจเย็นอยู่ได้อย่างไร ถ้าหากฮ่องเต้...”หยางชวีหยุดพูด พ่นลมหายใจออกมา เขาไม่เข้าใจเช่นกัน แค่เห็นคุณชายเสิ่นออกมาจากประตูวังด้วยริมฝีปากแดงเรื่อแบบนั้น เขาก็โมโหขึ้นมาดื้อ ๆ

“ใจเย็นน่าหยางชวี เขาไม่บังคับข้าหรอก”ถึงแม้เรื่องวันนี้จะสวนทางกับคำพูดของเขาก็เถอะ ฮ่องเต้เจี่ยผิงดูจะเสียความควบคุมไปชั่วขณะ ฝ่าบาทไม่ได้มีความรู้สึกใดให้เขา ก็แค่ความต้องการอยากครอบครองเสิ่นจิ้งเฟย เขาถอนหายใจ

“เขาไม่ลงมือเร็ว ๆนี้หรอก”จื่อฟางรู้สึกเช่นนั้น ผู้ติดตามยังคงมองหน้าเขาอยู่

“หรือคุณชายชอบฝ่าบาท”

เด็กหนุ่มตวัดสายตามอง “เจ้าพูดเหลวไหล ข้าไม่ได้ชอบเขา”เพียงเข้าใจส่วนหนึ่ง เรื่องของเสิ่นจิ้งเฟยไม่รู้ว่าชาตินี้ฮ่องเต้จะเข้าใจหรือไม่ เขาหลุดอยู่ในห้วงความคิดอยู่นานสองนาน เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง รถม้าผ่านถนนซอกซอยคุ้นตา เขาคิดถึงไป๋ผูอวี้   

“แวะที่คฤหาสน์สกุลไป๋”จื่อฟางร้องบอกข้ารับใช้นอกรถ เคาะผนังรถม้าบอกเบา ๆ

“คุณชาย นายท่านรออยู่ที่จวนขอรับ”หยางชวีเอ่ยเตือนเสียงเรียบ 

“ข้าแวะไปครู่เดียวเท่านั้น”ผู้ติดตามไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก ผ่านไปไม่นานนัก รถม้าก็แล่นมาจอดที่หน้าคฤหาสน์สกุลไป๋ จื่อฟางลงจากรถม้าได้ไม่นาน เงาร่างของเว่ยหลงก็ปรากฏตัวที่หน้าประตู อีกฝ่ายดูไม่แปลกใจนักที่เห็นเขา มีเพียงสีหน้าเบื่อหน่ายปรากฏอยู่ 

“ข้ามาหาไป๋ผูอวี้ เขาอยู่ไหม”เขาถามพอเป็นพิธี

“ตามข้ามา”ผู้ติดตามร่างกำยำถอนหายใจ ปรายตามองหยางชวีที่ยืนอยู่เบื้องหลัง ก่อนหมุนตัวเดินนำไปยังทางเดินที่มุ่งหน้าสู่เขตเรือนของไป๋ผูอวี้ สายลมอ่อน ๆพัดต้องร่าง เสียงขลุ่ยดังมาจากบริเวณศาลานั่งเล่นที่ล้อมไปด้วยต้นไผ่เงินเรียงรายเป็นแถว ร่างสูงของไป๋ผูอวี้สวมชุดสีเทาอ่อนเรียบง่าย เส้นผมปล่อยยาวสยาย ร่างนั้นหลับตาเป่าขลุ่ยด้วยท่วงท่าธรรมชาติ บทเพลงธรรมดาแต่ฟังแล้วชวนให้ผ่อนคลาย จื่อฟางยืนฟังเงียบ ๆ เว่ยหลงและหยางชวีปลีกตัวออกไปได้สักพักแล้ว ต้องบอกว่าเว่ยหลงลากหยางชวีออกไปจึงจะถูก

เสียงขลุ่ยหยุดลง ไป๋ผูอวี้ลืมตามองคุณชายเสิ่น ใช้สายตากวาดมองทั่วทั้งร่างเพื่อเก็บรายละเอียด ไม่ได้เจอคุณชายท่านนี้สักพักเพราะเรื่องพลอดรักยามวิกาลคราวก่อน เสิ่นจิ้งเฟยมีสีหน้าเหนื่อยอ่อน

“ข้าได้ยินว่าฮ่องเต้เจี่ยผิงเรียกเจ้าเข้าพบ”ไป๋ผูอวี้เอ่ย วางขลุ่ยลงบนโต๊ะ ก่อนก้าวเดินไปหาชายรูปงามที่ยืนมองเขาทุกอย่างก้าว เขามองเห็นริมฝีปากที่บวมแดงกว่าปกติ เมื่อเข้าไปใกล้พอจึงเห็นรอยขบกัด เขาเพ่งมองจนเสิ่นจิ้งเฟยเลียริมฝีปาก แววตากระจ่างใสสบกับเขา

“เจ้ายังไม่ได้ตอบข้า”

“อืม ข้าบังเอิญเจอชายงามของเขาเลยได้คุยกันนิดหน่อย”จื่อฟางเล่า มองหน้าไป๋ผูอวี้ที่อยู่ใกล้จนได้กลิ่นชาอ่อนๆ

“เขาจูบเจ้า”ไป๋ผูอวี้เอ่ย สายตาจับจ้องริมฝีปากของเขาอีกครั้ง เด็กหนุ่มถอนหายใจ ยกมือลูบโดยไม่ตั้งใจ อีกฝ่ายขมวดคิ้ว คว้าข้อมือของเขาไปดู รอยแดงปรากฏชัดเจนบนข้อมือขาวผ่องของเสิ่นจิ้งเฟย ไป๋ผูอวี้ลูบรอยแดงบนข้อมือของร่างบางอย่างไม่ชอบใจ

“วันนี้ข้าเจอแต่เรื่องยุ่ง”คุณชายเสิ่นเอนตัวพิงแผ่นอกของเขา ไป๋ผูอวี้จึงโอบกอดอีกฝ่ายหลวม ๆ คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อได้กลิ่นอ่อน ๆของคนไร้ยางอายผู้นั้นติดเสื้อผ้าของเสิ่นจิ้งเฟยมาด้วยก็เผลอออกแรงกอดร่างผอมแห้งโดยไม่รู้ตัว เสิ่นจิ้งเฟยส่งเสียงร้องเบา ๆ 

“เจ้าจะฆ่าข้ารึ”คุณชายเสิ่นผละออกมาเมื่อชายหนุ่มคลายอ้อมกอด ไป๋ผูอวี้จับใบหน้าของอีกฝ่ายพลิกไปมาเพื่อหาความผิดปกติ เมื่อไม่พบก็วกกลับมาจับจ้องริมฝีปากของเสิ่นจิ้งเฟยด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก 

“ข้าจะทายาให้คุณชายก็แล้วกัน”ไม่ทันได้บอกกล่าว ไป๋ผูอวี้ก็ออกแรงอุ้มจื่อฟางพาดบ่าอย่างง่ายดายทันที

“ไป๋ผูอวี้เจ้าทำอะไร ข้าเดินเองได้”เขาส่งเสียงอย่างตื่นตระหนก โลกแกว่งไปครู่หนึ่ง เขามองเห็นบ่าวรับใช้พากันหลบหน้าหลบตาอย่างรวดเร็ว คนพวกนี้ก็รู้หน้าที่ดีเหมือนกัน

“ทายาให้เจ้าอย่างไรล่ะ”จื่อฟางไม่ได้เอ่ยแย้ง ปล่อยให้ไป๋ผูอวี้พาเขาไปในเรือนนอน ชายหนุ่มปล่อยเขาลง ก่อนที่จะไปหยิบกระปุกยามาอย่างรวดเร็ว จื่อฟางนั่งลงอย่างหมิ่นเหม่บนเตียง

“ยื่นมือออกมา”ไป๋ผูอวี้สั่ง คุณชายเสิ่นทำคามอย่างว่าง่าย เขาเปิดกระปุก กลิ่นหอมอ่อนๆแตะจมูก เขาป้ายยาลงบริเวณรอยแดงตรงข้อมือ ใช้มือเกลี่ยอย่างเบามือจนแล้วเสร็จ เสิ่นจิ้งเฟยชะงักเหมือนเพิ่งนึกได้ ร่างบางเอี้ยวตัวไปด้านข้างเล็กน้อย ใช้มือจับเส้นผมไปอีกข้างจนลำคอขาว ๆปรากฏให้เห็น แต่รอยแดงช้ำดึงดูดสายตาของเขาได้อย่างดี ไป๋ผูอวี้พ่นลมหายใจออกมา ก่อนทายาให้

“คิดว่าเป็นเจ้าแผ่นดินแล้วจะแตะต้องผู้อื่นได้ตามใจชอบหรือ...”ไป๋ผูอวี้ทายาให้เสร็จก็โน้มตัวมาประกบจูบที่ริมฝีปาก จื่อฟางหลับตาปล่อยให้อีกฝ่ายขบเม้มช้า ๆ เผยอริมฝีปากรับปลายลิ้นที่สอดแทรกเข้ามา จูบเม้มอยู่นานจนจื่อฟางรู้สึกเจ็บแปลบๆ เพราะฟันของอีกฝ่ายขบกัดเบา ๆ จื่อฟางกุมใบหน้าของไป๋ผูอวี้ก่อนบดจูบลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอก่อนค่อย ๆถอนริมฝีปากออกมา

“สอบเป็นอย่างไรบ้าง”

“ก็พอทำได้”จื่อฟางตอบ อีกหลายวันกว่าผลสอบจะออก

“อืม”ไป๋ผูอวี้ก้มหน้ามองใบหน้าหมดจดของร่างตรงหน้าแล้วรู้สึกอยากขบกัดอีกรอบ แต่ริมฝีปากของเสิ่นจิ้งเฟยบวมแดงจนเขารังแกไม่ลง

“เจ้าควรกลับจวนได้แล้ว เสนาบดีเสิ่นคงรอเจ้าอยู่”ชายหนุ่มเอ่ย ถอนหายใจเบา ๆ

“ข้าคิดถึงเจ้า”จื่อฟางพึมพำ เขาตั้งใจแวะมาเติมพลังเท่านั้น ไป๋ผูอวี้ยื่นมือมาแตะแก้มของเขาเบา ๆ

“หากเจ้าสอบได้ ข้ามีของจะให้”จื่อฟางเลิกคิ้ว แย้มรอยยิ้มซุกซน

“ถ้าหากว่าข้าสอบไม่ได้เล่า”

“ข้ามีบทลงโทษ”ไป๋ผูอวี้ยัดกระปุกยาใส่มือของเสิ่นจิ้งเฟย ก่อนเดินนำอีกฝ่ายออกมาจากเรือนนอน เมื่อออกมาด้านนอกก็พบว่าหยางชวีอยู่ที่ลานบานกำลังประมือกับเว่ยหลงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เช่นเคย ต่างจากเว่ยหลงที่สบถพึมพำ หน้านิ่วคิ้วขมวด การเคลื่อนไหวของทั้งคู่ก่อให้เกิดลมวูบใหญ่ เงาร่างของหยางชวีหยุดตรงหน้าจื่อฟาง

“คุณชายเสิ่น กลับกันเถอะขอรับ”จื่อฟางพยักหน้าหันมองไป๋ผูอวี้อีกครั้ง

“ระวังตัวด้วย”เขาพึมพำบอก

“เจ้าก็เช่นกัน”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงสุภาพ รู้ดีว่าเสิ่นจิ้งเฟยมีเรื่องในใจถึงได้แวะมาหาเขา ฮ่องเต้เจี่ยผิง…
 

   -------------------------------------------------------
   มาอัพแล้วว >_< จุดพลุฉลอง สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคะ
   ตอนนี้ก็เฉลยไปอีกตอน เจอกันตอนหน้าค่ะ :กอด1: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เย้ มาต่อแล้ววว

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
กลับมาแล้ววววว
เย้เย้

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
HAPPY NEW YEAR 2019  :mew1:
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๒   :mew1:

ดีใจไรท์มา   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ที่แท้ชายงามเจาฟาง ก็คือคุณชายเสิ่นตัวจริง  :z3:
ฮ่องเต้ตัวร้าย รู้หมดแล้วด้วยว่าเจาฟางคือเสิ่น
และรู้ว่าคุณชายเสิ่นไม่ใช่ตัวจริง
แถมบังคับจนจื่อฟางต้องบอกชื่อไป   :z3: :z3: :z3:
ไม่พอเท่านั้น ยังบังคับจูบจื่อฟางอีก  o22 :z6: :serius2:
ไป๋ผูอวี้จูบลบรอยมากๆเลย  :impress2:

ไป๋ผูอวี้  จื่อฟาง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2019 06:13:17 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ฮองเต้ น่ากลัวอ่ะ  :ling3:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :o12: โฮววววว ผู้แต่งมาต่อแล้ว ขอบคุณนะคะ ฮืออ

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ ขอบคุณสำหรับของขวัญปีใหม่นะคะ ///

ฮ่องเต้นี่ร้ายกาจจริงๆ  :katai1:  +1 ค่ะ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เย่ มาต่อแล้ว hny นะคะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ฮ่องเต้น่ากลัวจริง จื่อฟางจะหนีได้หรือเปล่าเนี่ย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
สวัสดีปีใหม่นะคะคนเขียน
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ วันนี้รู้สึกว่าคลายปมแล้วแต่ยังคาใจค่ะ โอ้ยสงสารทั้งสองคนนั่นแหละ ซวยจริง

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
มายาวจุใจมากๆค่ะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ฮือ เป็นของขวัญพอดีเลย คิดถึงมาก ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สวัสดีปีใหม่ค่า

ท่านพ่อมีคนใหม่จริงๆด้วย ฮือออ ;w; ทำให้นึกถึงกรณีของน้องโหยวเหมี่ยว จากปราชญ์กู้บัลลังก์ ถ้าจื่อฟางยังไม่ได้ถูกตั้งเป็นผู้สืบทอด หนีไปอยู่กับไป๋ผูอวี๋เลยดีไหม สงสารน้อง ยิ่งทำให้เข้าใจความรู้สึกของเสิ่นจิ้งเฟย TT

ตอนนี้ดีที่ท้ายๆตอนมีความหวานมาปลอบประโลม  :hao5:

ขอบคุณมากนะคะ รอตอนต่อไปนะคะ~

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
กลับมาต่อแล้ว ดีใจจัง แถมเฉลยเรื่องราวบางอย่าง แต่ก็ยังเดาอะไรไม่ได้อยู่ดี พ่อพระเอกของเราออกมานิดเดียวแต่ดีมาก หลงเลย

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
Happy new year  2019. ฮ่องเต้รู้ความจริงทั้งหมด จื่อฟางต้องสมหวังกับไป๋ผูอวี้

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เย้ กลับมาแล้ว เป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีมากๆเลยค่ะ!! สวัสดีปีใหม่นะคะ ตอนนี้เข้มข้นมากเลยย ทุกคนรู้หมดแล้วบยกเว้นคุณชายไป๋ ถ้าเจ้าตัวรู้ทีหลังจะโอเคมั้ยนะ ; - ;

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
เย้ รอค่าาาปมเยอะมากเลย เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ใครเป็น​ลูกชายสกุลเสิ่นอีกคนกัน  แวะมาลบรอยจูบที่จวนน้ำชา​ อร้ายยย​ แสดงว่าเสินจิ้งเฟยตัวจริง​คงไม่แคล้วต้องมีชะตาลงเอยกับฮ่องเต้แน่ๆเลยขนาดวิญญาณ​มาอยู่ในร่างคนใกล้ตัวห้องเต้ได้แบบนี้

ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
 :z3: เอาหัวโขกเพื่อเช็คว่าไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยยยย นิยายอัพพพพพพ ดีใจมากเวอร์ :heaven ฮือ ฮ่องเต้ เจ้าคนชั่ว จะเอาทุกคนไม่ได้เฟ้ยยย นี่ไม่ใช่นิยายฮาเร็ม
รอตอนต่อไปค่ะ :sad4: เมื่อไหร่พี่ไป๋จะรู้ความจริงว่าน้องไม่ใช่เสิ่น อยากอ่านต่อมากๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
รอมานาน กลับมาแล้ว ขอบคุณนะคะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ฮ่องเต้จะสร้างฮาเร็มเหรอคะ  :hao7:

ออฟไลน์ mijimaria

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เย้ มาอัพแล้ว สารภาพเลยค่ะว่าลืมๆไปแล้ว แต่เดี๋ยวจะกลับไปอ่านใหม่อีกรอบนึง HNY2019 นะคะ :L1: :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด