ตอนที่ 15 :: สำรวจความเสียหาย
[บีทส์]
“อื้อ...” ผมลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนจะรู้ตัวว่ากำลังนอนอยู่บนที่นอนของตัวเอง พี่ซันคงเป็นคนพาขึ้นมาส่ง ผมพยายามจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แต่แค่กระดิกปลายตีน เอ้ย ปลายเท้าก็ปวดร้าวไปทั่วร่างแล้วครับ นอกจากจะเสียซิงแล้วยังต้องทนอึ๊ไม่ได้ไปอีกหลายวัน แย่ชะมัด!
ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกครั้ง ก่อนจะใช้แขนทั้งสองข้างจับยึดกับที่นอนไว้ แล้วดันตัวเองลุกขึ้น
“อึก!”
เจ็บเชี่ยๆ!!
ผมจัดระเบียบร่างกายใหม่ให้อยู่ในท่าที่สบายเพื่อจะขยับไปพิงหัวเตียง พูดง่ายๆ คือทำยังไงก็ได้ให้น้ำหนักไม่ต้องลงไปที่ก้นน่ะครับ ผมเอื้อมมือไปหยิบเอาหมอนอีกใบที่วางอยู่ข้างๆ มาสอดไว้ที่ใต้สะโพก
รู้สึกชุ่มแปลกๆ ผมสอดมือไปแตะที่ช่องทางด้านหลังของตัวเองเพราะคิดว่าเลือดไหลออกมาอีก แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมันไม่ใช่เลือดอย่างที่คิด อะไรวะ ขาวๆ ใสๆ ลองดมดูก็ต้องรีบหันหน้าหนีแทบไม่ทัน กลิ่นฉุนเป็นบ้า!
มองไปที่โต๊ะวางของข้างเตียง เห็นมีถาดอาหารที่มีขนมปังสองแผ่นกับนมและที่ขาดไม่ได้เลยก็คือยาวางอยู่คู่กัน มีกระดาษโน๊ตสีขาวแปะไว้ที่แก้วน้ำด้วยนะครับ
“ตื่นมาแล้วก็กินให้หมด ยาลืมกินยา กินเสร็จก็นอนซะ อยากได้อะไรก็โทรมา”
ผมยิ้ม คนอะไรสั่งได้สั่งดี เจ้ากี้เจ้าการจริงๆ ไม่ใช่ไม่ชอบนะครับ ยิ่งพี่มันแสดงออกว่าเป็นห่วงมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะลอยได้เลยล่ะครับ มันรู้สึกดีมากๆ เลย
จริงๆ นะ...
เมื่อเช้าหลังจากที่โดนพี่ซันบังคับให้กินข้าวกินยา ผมก็เอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมท่าเดียว ก็คนมันเสียใจนี่ครับ ถึงจะไม่ใช่เด็กสาวโดนพรากพรมจรรย์ครั้งแรก แต่ผมก็เป็นเคะหน้าตาดีที่โดนพี่พรากพรมจรรย์เหมือนกันนะ! แถมยังพูดจาเหมือนจะไม่รับผิดชอบกันนั่นอีก ฮึ่ย! ได้เค้าแล้วก็พูดได้สิ!!
พอพี่ซันออกไปจากห้อง ผมก็นั่งน้ำตาไหลในห้องอยู่คนเดียว มันเจ็บใจนี่ครับ แถมยังเจ็บตัวสุดๆ ไม่รู้ว่าผมนั่งร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่ พอได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาผมก็ดึงผ้าห่มมาคลุมโปงทันที
“บีทส์ เป็นไงบ้าง” แต่พอคนที่เข้ามาเอ่ยพูดกับผม จึงได้รู้ว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่พี่ซัน แต่เป็นพี่หมอ ผมยังนอนนิ่งอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ไม่ยอมออกมาสู้หน้ากับพี่หมอ
จนพี่หมอเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผมเองนั่นแหละครับ ไม่ได้อยากงอแงนะ แต่ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน แถมด้านล่างยังไม่ได้ใส่อะไรเลยด้วย มีแค่เสื้อของพี่ซันตัวเดียว
“ได้ยินพี่ใช่มั้ย หยุดร้อง...แล้วก็หันมาคุยกับพี่ดีๆ นะครับ” พี่หมอพูดเสียงนุ่มและพยายามที่จะทำให้ผมหยุดร้องไห้ แต่ผมยังสะอื้นอยู่ หยุดไม่ได้จริงๆ ไม่รู้ด้วยว่าต่อจากนี้อนาคตของผมกับพี่ซันจะเป็นยังไง จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวร้ายลงไปอีกก็ยากที่จะคาดเดา
“ร้องมากๆ เดี๋ยวตาบวมหมด หยุดร้องนะครับ บีทส์ไม่ต้องกลัวนะ ไว้ใจพี่ได้ พี่แค่จะเข้ามาดูอาการของเราว่าเป็นยังไงบ้าง เห็นไอ้ซันบอกว่ามีไข้แถม เอ่อ ตรงนั้นยังช้ำอีก แต่มันไม่อยากพาบีทส์ไปหาหมอ” พี่อาร์ตพูดต่อ
“เขาคงอาย” ผมพยายามเปล่งเสียงออกไป
“เฮ้ย! ไม่ใช่!?!” พี่หมอปฏิเสธเสียงหลง
“มันแค่อยากจะแน่ใจว่าบีทส์ยังโอเคอยู่รึเปล่า ถ้าไม่ไหวมันจะได้พาไปหาหมอ จริงๆ คงไม่อยากจะให้บีทส์ไปไหนมาไหนด้วยสภาพนี้มากกว่า” พี่หมอแก้ตัวให้เพื่อน ผมกัดปาก แม้แต่หัวผมพี่ยังไม่เห็นเลยแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าสภาพของผมตอนนี้มันเป็นยังไง
“...” ผมปวดหัวขึ้นมาอีกแล้ว
“พี่ขอแค่ให้บีทส์เชื่อใจพี่ ถึงพี่จะนิยมชมชอบเด็กผู้ชายอยู่บ้าง แต่พี่ไม่นิยมคนของเพื่อนนะครับ ให้พี่ตรวจดูหน่อย” พี่หมอกล่อม แต่ถึงยังไงผมยังอายอยู่ดี พี่แกเป็นหมอก็จริงแต่ก็เป็นเพื่อนสนิทของพี่ซันนะ
“แต่...”
“ถ้าเราไม่ยอมให้พี่ตรวจ ไอ้หมาบ้าข้างนอกมันได้เข้ามาลากคอพี่ออกไปแน่ครับถ้าพี่เข้ามานานเกินไป” พี่หมอพูดดักคอ ผมคิดหนัก ก่อนจะพยายามข่มความอายไว้ แล้วค่อยๆ เปิดผ้าห่มออก พี่หมอส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ผม
“ตาบวมหมดแล้วเห็นมั้ย” พี่หมอพูด ก่อนจะเอื้อมมือมาวัดไข้ที่หน้าผากผม
“…” ผมเม้มปาก
“พี่ว่าผมง่ายไปมั้ย” ผมพยายามเปล่งเสียงถามพี่หมอ พี่หมอแค่ส่งยิ้มมาให้ผมเหมือนเดิมก่อนจะยีหัวผมอย่างเอ็นดู
“มันเป็นความพึงพอใจของทั้งสองฝ่ายต่างหาก” พี่หมอตอบ ก่อนจะหันไปเปิดกระเป๋าของตัวเองที่ถือเข้ามา ผมคิดว่าคงเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ของพี่เขานั่นแหละครับ
ผมเงียบไม่ได้ถามอะไรไปอีก จริงๆ มันอาจจะเป็นความต้องการแค่ของผมคนเดียวมากกว่า ก่อนที่พี่หมอจะขอตรวจร่างกายของผม ผมอิดออดจะไม่ยอมแต่พี่หมอสัญญาว่าจะขอดูแค่ไม่นาน และขอดูแค่ส่วนนั้นส่วนเดียว โดยให้ผมพลิกตัวแล้วเอาผ้าห่มปิดส่วนอื่นไว้ หลังจากตรวจเสร็จ พี่หมอก็ฉีดยาให้ผมไปหนึ่งเข็ม หลังจากนั้นก็หลับยาว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนอยากเข้าห้องน้ำนั่นแหละครับ
นอนบิดอยู่ตั้งนาน ก่อนจะลองพยายามขยับด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องร้องซี้ด แม้แต่ขมิบยังไม่ได้เลยครับพี่น้อง! ไอ้บีทส์จะสิ้นฤทธิ์ก็คราวนี้แหละ!! ผมลองกัดฟันลองขยับอยู่หลายครั้งจนยอมแพ้นอนอยู่เฉยๆ
เริ่มมีความหวังอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตู แต่ก็ต้องผงะเมื่อคนที่เปิดเข้ามาเป็นพี่ซัน มาถึงก็ดุเอาดุเอา ผมนี่หน้างอจนไม่รู้จะงอยังไง ขี้บ่นชะมัด! แล้วผมก็ร้องเสียงหลงเมื่อพี่ท่านเล่นยกผมขึ้นทั้งอย่างนั้น กลิ่นตัวพี่มันนี่ติดจมูกผมมาเลย แง๊ มันใกล้มากจริงๆ ครับ เลยได้แต่ก้มหน้างุดยอมให้พี่มันอุ้มไปส่งที่ห้องน้ำ
อายก็อาย เขินก็เขิน เจ็บก็เจ็บ มึงช่วยมากันคนละทีจะได้ไหม!?!
กว่าจะนั่งลงได้ก็ทุลักทุเลด้วยกันทั้งคู่ เชื่อแล้วล่ะครับว่ามันลำบากจริงๆ จะเดินจะเหินก็ลำบากไปหมด แต่ไอ้พี่ซันนี่ดันเห็นเป็นเรื่องตลกครับ แซ็วมาได้ ถึงจะมั่นหน้าแต่ก็เสียเซลฟ์และเขินเป็นนะครับ!!
หลังจากไล่พี่ซันออกไปจากห้องน้ำได้แล้ว ผมก็ใช้เวลาไม่นานในการจัดการกิจส่วนตัว ก่อนจะเหลือบไปเห็นกระจกที่วางอยู่ไม่ไกล อดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมาเช็ดดูสภาพของตัวเองตอนนี้ เคยเป็นไหมครับ ‘โรคติดกระจก’ เห็นไม่ได้ต้องยกมาส่อง ที่จริงห้องน้ำพี่ซันมีกระจกบานใหญ่นะครับ
แต่ผมฝืนยืนส่องไม่ไหวน่ะ
อื้อหือ...นั่นคอหรืออะไรวะนั่น เบิกตาค้างกันตั้งแต่จุดแรกที่ใช้กระจกส่องกันเลยทีเดียว รอยเขียวช้ำ เป็นจ้ำๆ มีอยู่ทั่วคอ เรื่อยลงมาจนถึงแผงอก ผมเลิกเสื้อขึ้นก่อนจะมองเห็นรอยที่มีลักษณะคล้ายๆ กันเรียงรายอยู่ตามต้นขา
นี่พี่มันทิ้งรอยไว้เยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!?!
ก้มสำรวจร่างกายตัวเองอยู่ได้ไม่นาน ก็สะดุ้งกระจกแทบหลุดจากมือ เมื่อคนที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำส่งเสียงเรียก คงสิ้นสุดความอดทนในการรอแล้ว ผมขานรับก่อนจะเรียกพี่ซันเข้ามา ผมยอมรับอยู่อย่างหนึ่งนะครับว่าถึงแม้พี่มันจะปากไม่ค่อยดี...
แต่อย่างน้อยก็คอยช่วยป้อน(ยัด)ข้าว ป้อน(บังคับ)ยา ผมไม่รู้หรอกครับว่าที่พี่ซันทำเป็นเพราะโดนบังคับ อยากช่วย หรือรู้สึกผิด แต่ผมบอกตามตรงว่ามันทำให้ผม ‘ชอบ’ พี่ซันมากขึ้นอีกแล้วล่ะ
เป็นไงโคตรนางเอก!
ผมขยับไปหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองมาเปิดดูปรากฏว่ามันปิดเครื่องอยู่ เลยเปิดเครื่องก่อนจะเห็นข้อความเข้ามาว่ามีคนพยายามติดต่อผมอยู่สามสายคือ ‘อิพิงค์’ ครับ เลยกดโทรออกไปหามัน เผื่อว่าจะมีธุระสำคัญอะไร
ตู๊ด...ตู๊ด…
ขนาดเสียงรอสายยังเข้าข้างมึงเลยพิงค์ รอสายอยู่สักพักก็มีเสียงกดรับสาย อิพิงค์นั่นแหละ
“โอ๊ย อิบีทส์ กูโทรไปตั้งหลายสาย ไม่รู้จักเปิดเครื่อง! โดนเอาอยู่รึไงวะอินี่!” บ๊ะ ทักได้แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจกูเลยเพื่อนยาก
“แบตมันหมดเว้ย มึงโทรมามีอะไร” ผมถาม
“ก็ไม่มีอะไรกูแค่อยากโทรมาถามว่ามึงให้ของขวัญพี่ซันไปเรียบร้อยดีใช่มั้ย แหม กูเห็นหายเงียบ นึกว่าเขาถีบหัวส่งออกมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วหนีไปกินเหล้าย้อมใจคนเดียว ฮ่าๆ” อิพิงค์พูดติดตลก แต่มึงช่วยดูน้ำเสียงกูหน่อยได้ไหมแหบแห้งขนาดนี้ จะเอาแรงที่ไหนออกไปตะลอนแบบมึงครับ
“เออ ให้ไปแล้ว พี่มันก็รับไปแล้วกูก็กลับห้องมาตั้งแต่ เอ่อ เมื่อคืน...แล้วแบบรู้สึกไม่ค่อยสบายก็เลยนอน จนตื่นมาโทรหามึงนี่แหละ” ผมพูดบอกไปอีก ไม่อยากให้พวกมันเป็นห่วงผม
“แล้วตอนนี้ดีขึ้นยังวะ” อิพิงค์ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ถ้ากูไม่กลัวว่าเรื่องจะแดงขึ้นมา คนแรกที่กูอยากจะปรึกษาก็คือมึงนี่แหละพิงค์ แต่ถ้ากูบอกมึง...คนทั้งกลุ่มได้รู้กันหมดแน่ๆ
“ก็ดีว่ะแต่ยังปวดหัวอยู่ อ๊ะ! เอ่อ เดี๋ยวกูนอนต่อก่อนนะ จะไปแรดที่ไหนก็ระวังตัวด้วยนะมึง” ผมตอบ ก่อนจะร้องออกมาเพราะขยับตัว เมื่อไหร่จะหายวะเนี่ย ผมรีบตัดบทกับอิพิงค์เพราะเริ่มปวดหัวขึ้นมาแล้วจริงๆ
“โอ๊ย...ระดับกู ‘สวยเลือกได้ แรดแต่เลือกจ้ะ’ อีกอย่างนี่มันยังไม่หนึ่งทุ่มเลยค่ะอิบีทส์” อิพิงค์พูดเสียงแหลมอย่างมั่นใจ ผมหัวเราะมั่นจริงๆ เพื่อนผม จะว่าไปวันนี้มันก็ยังอยู่ในช่วงวันเกิดของพี่ซัน สงสัยคืนนี้พี่มันคงออกไปปาร์ตี้กันยาว เหอะๆ
“ของแบบนี้มัน ‘พลาด’ กันได้น่า” ผมเถียง
“พูดจาแปลกๆ นะมึง เออๆ พักผ่อนเยอะๆ เพื่อนสุดที่เลิฟของกู บ๊ายบายค่ะ” อิพิงค์ถามขึ้นเหมือนผิดสังเกต แล้วก็วางสายไป ผมวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ตัว ก่อนจะตั้งปิดเสียงเอาไว้ ค่อยๆ ไถลตัวลงนอนต่อ ตื่นอีกครั้งค่อยลุกมากินยาก็แล้วกันตอนนี้ปวดหัวไม่ไหวจริงๆ ครับ
++++++++++++++++
ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน ผมขมวดคิ้วรู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆ ไล่วนอยู่ตามแขนตามขา แล้วก็เหมือนมีอะไรหนักๆ วางไว้อยู่บนหน้าผาก ใครแกล้งคนหลับวะเฮ้ย!?!
ผมขยับตัวอย่างรำคาญ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา อยากด่าครับ ไม่ใครสักคนก็คงเป็นผีอำแล้วล่ะครับ ผีก็ผีเถอะเดี๋ยวเจอไอ้บีทส์กระโดดถีบขาคู่!
กึก
พี่ซันนี่หว่า! มาอยู่ในห้องผมได้ยังไง!?! มองเลยไปเห็นพี่หมอ ยืนส่งยิ้มเหมือนโล่งใจอะไรสักอย่างมาให้ผม และที่สำคัญ...
...นั่นมันอิพิงค์!! ใครหอบมันมา!!!?
“ทำไมไม่กินของที่เตรียมไว้ให้ ยาก็ไม่กิน ไข้ขึ้นเลยเห็นมั้ย?!” พี่ซันพูดเสียงดุ ในขณะที่มือยังถือผ้าขนหนูผืนเล็กอยู่ พี่มันนั่งข้างๆ ผมนี่แหละครับ
“...” ยังงงอยู่ หาเสียงไม่เจอ เถียงไม่ออก ประมวลผลออกมาเป็นคำไม่ได้ ผมได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ไปให้ มองเลยไปยังอิพิงค์อีกครั้ง สายตาแม่งโคตรอยากรู้อยากเห็น!
“ใจเย็นๆ” พี่หมอพูดกับพี่ซัน ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ ช็อกครับบอกตรง! ช็อกตั้งแต่มองเห็นอิพิงค์เพื่อนรักแล้วครับ!
“มึงดูแม่งสิ!” พี่ซันสบถอย่างหัวเสีย
“เออๆ กูว่ามึงออกไปก่อนดีกว่า ให้กูตรวจอีกหน่อยแล้วมึงค่อยเข้ามา” พี่หมอว่า พี่ซันพยักหน้ารับนิดๆ ก่อนจะลุกแล้วเดินออกไป เหลือแต่เพื่อนผมที่ยังยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่
“พิงค์ด้วยครับ” พี่หมอว่า อิพิงค์เลิกคิ้วแล้วชี้เข้าหาตัวเอง
“พิงค์ก็ต้องออกไปด้วยเหรอคะพี่หมอ” อิพิงค์พูดเสียงอ้อน พี่หมอหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพยักหน้ายืนยันคำพูดเดิม อิพิงค์เลยสะบัดหน้าเดินบิดตูดออกไป
“อย่าไปถือสาไอ้ซันเลยนะ มันหัวเสียตั้งแต่เข้ามาเห็นเรานอนเหงื่อท่วมแล้วล่ะ” พี่หมออธิบาย ผมพยักหน้าให้น้อยๆ พี่หมอนั่งลงจับชีพจรดูที่ข้อมือผม แล้วยื่นมือมาวัดไข้เหมือนที่เคยทำ
“เรานี่น๊า รู้มั้ยว่าทำวันเกิดไอ้ซันล่ม” พี่หมอพูดกลั้นขำ ผมเลิกคิ้ว
“ทำไมล่ะครับ แค่ก...” ผมถาม
“ก็วันนี้เรานัดว่าจะมาปาร์ตี้กันที่ห้องไอ้ซันเหมือนที่เคยทำกันทุกปี พอถึงเวลาจะเป่าเค้ก ไอ้ซันมันออกไปโทรศัพท์หาเรา ปรากฎว่าโทรมายังไงเราก็ไม่ยอมรับสาย มันเลยพุ่งออกมาจากห้อง มาหาเราไง...” พี่หมออธิบายต่อ ผมนอนฟังนิ่งๆ อย่างไม่ออกความเห็น
“แล้วที่พี่หมอว่ามันล่ม คืออะไรครับ แค่กๆ” ถามต่อด้วยความอยากรู้
“ก็มันมาเห็นคนบางคนที่นอนอยู่ในห้องนี้ตัวร้อนจี๋เลย เหงื่องี้ท่วมตัว ข้าวปลาไม่ยอมกิน แถมยังเบี้ยวไม่กินยาอีก จำได้ว่ามันโทรตามพี่เสียงเข้มเลย ปาร์ตี้ก็ให้ไปจัดกันวันหลัง ไอ้สองเลยต้องเป็นคนเคลียร์พื้นที่แทน” พี่หมอพูดต่อรวดเดียว
“แสดงว่าพี่ซันยังไม่ได้แม้แต่จะเป่าเค้กวันเกิดเลยน่ะสิครับ” ผมพูดต่อด้วยความรู้สึกผิด
“เฮ้ย อย่าคิดแบบนั้นสิ ที่พี่เล่าให้ฟังก็เพราะอยากให้บีทส์รู้ว่าเพื่อนพี่มันเป็นห่วงเราแค่ไหน ไม่ได้พูดให้เรารู้สึกผิดเลยนะ” พี่หมอรีบพูด จริงๆ ก็แอบรู้สึกดีนะครับที่พี่มันยังเป็นห่วงผมอยู่บ้าง แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีทั้งกับตัวพี่ซันและพี่ฟ้า แน่นอนว่าปาร์ตี้วันเกิดของพี่ซัน ว่าที่คู่หมั้นเขาก็ต้องมาอยู่แล้ว
“มันก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีนี่ครับ”
“หึๆ อย่าคิดอะไรมากเลย ตอนพี่มาถึง ก็ฉีดยาลดไข้ให้เราไปอีกหนึ่งเข็มนะ ยังปวดหัวหรือปวดตัวอยู่มั้ย” พี่หมอถาม
“ก็นิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นอะไรมากแล้ว” ผมยิ้มเขินๆ ฉีดตรงไหนวะ คงไม่ใช่…
“ไม่ต้องห่วง ขืนพี่ฉีดที่อื่นที่ไม่ใช่แขนไอ้ซันได้ฆ่าพี่แน่ๆ เล่นนั่งเฝ้าไม่ยอมไปไหนเลย” พี่หมอพูดกลั้นขำ
“ขอบคุณนะครับพี่หมอ” ผมยกมือไหว้ พี่หมอส่งยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะส่งมือมายีหัวผมเบาๆ พี่มันเป็นคนอบอุ่นจังเลยครับ นี่แหละน๊า...คนเจ้าชู้ย่อมรู้จักวิธีเอาใจผู้อื่น
“ไม่เป็นไรหรอก บีทส์ก็เหมือนน้องพี่คนหนึ่ง แค่นี้ไม่ถือเป็นบุญคุณอะไร ว่าแต่เราชอบไอ้ซันมันจริงๆ ใช่มั้ย” พี่หมอถามเสียงนุ่ม ผมมองหน้าพี่มันก่อนจะก้มหน้า แล้วพยักหน้าเบาๆ มาถึงขนาดนี้โกหกไปเขาก็คงไม่เชื่อแล้วล่ะครับ
“หึๆ อยากให้พี่ช่วยอะไรรึเปล่า” พี่หมอถาม ผมขมวดคิ้ว
“พี่หมอจะอยากช่วยผมทำไมล่ะครับ ในเมื่อพี่หมอเองก็น่าจะรู้ว่าพี่ซันเขามีพี่ฟ้าอยู่แล้ว” ผมถามด้วยความสงสัย
“ก็นะ...มาถึงขั้นนี้แล้วพี่คงห้ามอะไรไม่ได้แล้วล่ะ” พี่หมอพูดแล้วก็หัวเราะ
“ผมไม่ได้หวังให้พี่ซันเขาหันมาตอบแทนความรู้สึกที่ผมมีให้หรอกนะครับ แต่ขอแค่ให้ผมได้รักเขาข้างเดียวอยู่แบบนี้โดยที่พี่เขาไม่รังเกียจ ผมก็ดีใจแล้ว จริงๆ นะ” ผมย้ำคำกับพี่หมอ
“เอาเถอะ ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้ พี่คงต้องไปแล้วนะ มีอะไรด่วนก็ให้ไอ้ซันโทรหาพี่ก็แล้วกัน หายไวๆ นะ” พี่หมอพูดบอก ผมพยักหน้ารับ พี่หมอเลยเก็บอุปกรณ์ของตัวเอง แล้วลุกออกไป
ผมหันไปที่ประตูอีกครั้ง ก่อนจะรีบหันหน้าหนี แล้วไถลตัวลงนอนเอาผ้าห่มคลุมโปง โอ๊ย กูนึกว่ามึงจะกลับไปแล้วซะอีก!
“หยุดเลยนะอิบีทส์ ลุกมาพูดกับกูให้รู้เรื่อง!” อิพิงค์ตรงเข้ามานั่งข้างๆ ผม แล้วพยายามดึงผ้าห่มออก อ๊าก มึงอย่าดึงได้ไหม กูขยับมากไม่ได้!!
พรึ่บ!
เสร็จมันจนได้!!
“หึๆ ทำไมมึงไม่ยอมบอกกูฮะ!?!” อิพิงค์แสยะยิ้ม ผมทำหน้าเหรอหรา
“อะ...อะไร กูไม่มีอะไรจะบอกว้อย!” ผมเถียง
“ก็เรื่องที่มึงได้กับพี่สุดหล่อของกูแล้วไง!” อิเชี่ย พูดตรงเกินไปแล้ว T^T
“มึงรู้ได้ไง” ผมถามเสียงอ่อย อิพิงค์แสยะยิ้มเย็น ก่อนจะมองสำรวจร่างกายของผมอีกครั้ง จนต้องยกเอามาห่มมาปิดตัวเองไว้ถึงคอ อิพิงค์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมจนต้องย่นคอหนี
“อิบีทส์~ กูมองปร้าดเดียวก็รู้แล้ว รอยเต็มคอขนาดนั้น พี่ซันแม่งร้อนแรง อร๊าย กูอยากได้ กูอยากโดน!” อิพิงค์พูดเสียงตื่นเต้น ถามเขาก่อนไหมว่าอยากได้มึงหรือเปล่าอิพิงค์!
“พูดอะไรของมึง” ผมพูดเฉไฉ แล้วเบือนหน้าหนีอิพิงค์ที่จ้องมาอย่างคนรู้ทัน
“กูพูดเรื่องจริงบ้างเหอะ สรุปเป็นไง พี่สุดหล่อของกูตอนอยู่บนเตียง เล่าให้กูฟังบ้างสิ อย่าเก็บไว้กินคนเดียวนะเว้ย!” อิพิงค์โวยวาย มึงคิดว่าเพื่อนมึงจะอายเป็นไหมฮะ!?!
“มึงจะบ้าเหรออิพิงค์ ถามมาได้ มึงไม่อายแต่กูอายนะเว้ย!” ผมท้วง
“ก็กูอยากรู้! ถ้าเป็นไปได้กูอยากลองเองด้วยซ้ำ อร๊าย กูอยากโดนๆ มึงรีบบอกมาเลย ไม่งั้นกูประจานมึงแน่!” อิพิงค์ขู่ ผมส่ายหัว มันจะมาอะไรกับกูนักหนา
“มันใช่เรื่องที่ต้องมาเล่าสู่กันฟังมั้ยเนี่ยห๊า” ผมบ่ายเบี่ยง อิพิงค์ลุกขึ้นยืนท้าวเอวด้วยแววตามุ่งมั่น
“ถ้ามึงไม่บอก กูจะโทรฟ้องไอ้นัท! เอาดิ!!” มันชูโทรศัพท์ขึ้นมาขู่ ผมอ้าปากค้าง มึงอย่าเอาไอ้นัทมาขู่กูได้ไหม!?
“โอเค มึงอยากรู้อะไรถามมา!?!” ผมขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ
“พี่สุดหล่อ...เร่าร้อนมั้ยวะ?” อิพิงค์ขยับหน้าเข้ามาใกล้เอ่ยปากถามเสียงเจ้าเล่ห์ ผมกลั้นอายใจ
“เออ!!!!”
สิ้นสุดคำตอบผม ก็มีเสียงหัวเราะอันสะใจของอิพิงค์ตามมาติดๆ อาเมน~