ตอนที่ 12
..ไฟ..
"คุณไฟคะ"
"คุณไฟ" ผมชะงัก ได้ยินเสียงของป้าอิ่มยืนเรียกอยู่ข้าง ๆ จึงละสายตาจากสมุทรหันไปมองเธอ
"ครับ" ผมตอบ
"คุณไฟอยากได้อะไรเหรอคะ" ป้าอิ่มถาม
"คุณมีอะไรจะใช้ผมเหรอ" สมุทรถามแทรก มือของเขายังคงเปื้อนเต็มไปด้วยแป้งที่กำลังทำอาหารอยู่
"เปล่าหรอก เตรียมอาหารกลางวันให้ฉันด้วย" ผมสั่ง สมุทรพยักหน้ารับ
"ของนายด้วย" ผมหันกลับไปสั่งอีกครั้ง
"ที่ห้องนั่งเล่นนะครับ" ผมบอกป้าอิ่มอย่างรวบรัดก่อนเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่น เปิดโทรทัศน์ดูฆ่าเวลา ผ่านไปประมาณสิบนาทีอาหารก็นำมาตั้งโต๊ะให้ถึงที่ห้อง สมุทรเดินเข้ามา เขายืนมองผมอยู่ตรงปากประตูเหมือนกับไม่กล้าเข้ามานั่งถ้าผมไม่อนุญาตเสียก่อน ผู้ชายตัวสูงโปร่ง ท่าทางหน่วยก้านดีที่กำลังมีสีหน้าเกรงใจและประหม่าลึก ๆ แบบนี้ พอเห็นแล้วอดนึกสนุกไม่ได้จริง ๆ
"มาสิ" ผมเรียกไม่ได้มองหน้าเขาแล้วเดินนำไปที่โต๊ะอาหารก่อน ป้าอิ่มรินน้ำให้เราทั้งสองแก้วก่อนจะทิ้งเราสองคนไว้ให้เป็นส่วนตัว ผมนั่งลง สมุทรเดินมาเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับผมแล้วนั่งลงเงียบ ๆ โต๊ะนี้เป็นโต๊ะเล็ก ๆ เพียงรองรับได้แค่สี่ที่นั่งเท่านั้น ปกติผมจะใช้มันเป็นที่ทำงานหรือเวลาอยากเปลี่ยนบรรยากาศระหว่างกินอาหาร ท่ามกลางความเงียบของเราสอง ผมสำรวจมองอาหารตรงหน้า มีแกงมัสมั่นไก่ ห่อหมกและไข่เจียวทรงเครื่องตามสูตรของป๋าอิ่มที่มักจะรู้ดีว่าผมชอบกินแบบไหนอย่างไร
สมุทรเลื่อนมือหยิบช้อนส้อมก่อนอย่างช้า ๆ ผมเอื้อมมือไปตักมัสมั่นมาวางไว้บนจานตัวเอง เริ่มลงมือกิน ทุกอย่างเคลื่อนไหวไปอย่างเรียบง่ายและเงียบเฉียบ มันเงียบเสียจนผมรับรู้ได้ทุกสัมผัสของลิ้นที่กำลังลิ้มรสอยู่ในขณะนี้ ผมเหลือบสายตามองไปที่สมุทรหลังจากที่ก้มหน้าก้มตาสนใจแต่อาหารมาพักหนึ่ง อีกฝ่ายหันหน้ามามองผมพอดี
"ป้าอิ่ม..ใจดีใช่ไหมล่ะ" ผมชวนคุย สมุทรอมยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบอย่างเห็นด้วยว่า
"ครับ" เสียงเบา หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอีกจนข้าวหมดไปได้เกือบครึ่งจาน ที่เพราะอีกฝ่ายไม่พูดถามอะไรก่อนเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปกติเขาไม่ค่อยชอบพูดระหว่างกินอาหารหรือเปล่าไม่ทราบ หรืออาจเพราะไม่มีเรื่องจะชวนผมพูด แต่มองอีกมุมหนึ่ง ดูเหมือนเวลาที่เขาอยู่กับคนอื่น เขาก็พูดได้เป็นปกติและธรรมชาติดีกว่านี้ ส่วนตัวผมเองก็ไม่ค่อยพูดระหว่างกินข้าวเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่พายุกับดินจะชวนคุยมากกว่า แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไม ผมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าอยากหาคำถามอะไรมาถามสักหัวข้อ..
"น้องนายรู้รึยังว่าต้องย้ายโรงเรียน" ผมถามขึ้น
"ครับ..รู้แล้ว" สมุทรตอบ ผมพยักหน้า เราต่างยังคงไม่หยุดกินและไม่มองหน้ากันเท่าที่ควร
"แล้ว..น้องสาวนายรู้รึเปล่า เรื่องระหว่างครอบครัวเรา"
"ไม่ครับ ผมยังไม่ได้เล่า" สมุทรตอบ
"ทำไม" ผมถาม เงยหน้ามองเขา อดไม่ได้ที่จะมีน้ำเสียงกวน ๆ ทิ้งไว้ที่หางเสียงอย่างเคยชิน
"มันยังไม่ถึงเวลา" เขาตอบ สายตาที่จ้องมาที่ผมเหมือนกับกำลังบอกว่า
"ผมจะจัดการเอง" อย่างนั้น
"เย็นนี้..ต้องไปรับเมฆรึเปล่า นายต้องอยู่กับฉัน วันนี้ต้องไปเก็บเงิน..นายต้องไปด้วย" ผมบอก ผมต้องการให้เขาไปดูการทำงานและรับรู้ว่าวัน ๆ หนึ่งโดยปกติแล้วพวกผมทำงานอะไรกันบ้าง ซึ่งถ้าภายในหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปสมุทรจะรู้ได้ทันทีว่าการทำงานของผมเป็นประมาณไหน แทบทุกอาทิตย์ก็จะทำงานตามตารางซ้ำ ๆ อาจมีบางครั้งที่ตารางจะไม่ค่อยแน่นอนบ้าง อย่างเช่น..การไปเก็บเงินกับลูกหนี้ในเย็นวันนี้ อาจเป็นกรณีนาน ๆ ครั้งที่จะได้เห็นก็เป็นได้ และถ้าบางกรณีอยู่ขั้นเลวร้าย เขาก็ควรทำใจยอมรับไว้ให้พร้อมด้วย
"ถึงกี่โมงครับ" สมุทรเงยหน้าถาม สีหน้ากังวลเริ่มปรากฏให้เห็นอีกครั้ง
"ไม่แน่นอน..ฉันให้คำตอบไม่ได้ แต่ถ้าเสร็จงานแล้วนายก็กลับได้เลย" ผมตอบ ความมั่นใจเดียวที่น่าจะมีให้กับเขาในตอนนี้ได้คือถ้าเสร็จงานแล้วผมจะไม่รั้งเขาไว้
"ครับ" สมุทรผงกหัวเข้าใจ เขาก้มหน้าตักห่อหมกกินต่อ ผมนั่งมอง
"ทำงานอะไรเป็นบ้าง..นายน่ะ" ผมถาม สมุทรเงยหน้ามองผมอีกครั้ง
"อย่างเช่น บัญชี บันทึกการประชุม อะไรทำนองนี้" ผมยกตัวอย่างให้ฟัง
"หึ.." สมุทรหัวเราะออกมา เรามองหน้ากัน ผมค้างมือที่ถือช้อนส้อมเอาไว้ไม่ขยับเพราะจะตั้งใจฟังคำตอบ สงสัยว่าอีกฝ่ายหัวเราะทำไม
"ผมทำงานใช้แรงงานมาตลอดตั้งแต่เด็ก พวกบันทึกการประชุมอะไรคงไม่ไหว" สมุทรอมยิ้มพูด รอยยิ้มสุภาพทำให้คำพูดดูไม่ประชดประชันอย่างที่ควร
"บัญชีก็พอทำได้บ้าง ผมเคยช่วยพ่อเลี้ยงทำสมัยที่เค้ายังมีชีวิตอยู่น่ะ" สมุทรพูด ผมพยักหน้ารับฟัง
"เคยทำงานร้านอาหาร เป็นเด็กเสิร์ฟ..เด็กยกกระเป๋า รับจ้างเก็บพริก สวนลำไย..ไร่สตรอว์เบอร์รี ฟาร์มโคนม งานจิปาถะตามบ้านผมก็รับหมด แล้วก็..งานประจำก่อนที่จะมาเจอคุณก็รับเหมาก่อสร้างอย่างที่เห็น" เขาอธิบายอย่างไม่อาย
"จิปาถะตามบ้างคืออะไร" ผมถามอย่างอยากรู้
"ก็..เอ่อ ประมาณว่า บางบ้านมีแต่คนแก่ อยากให้ไปเปลี่ยนหลอดไฟให้ ซ่อมท่อประปา ย้ายกระถางต้นไม้ ประมาณนี้" สมุทรตอบแกมหัวเราะ
"แล้วมาตรฐานการคิดเงินอยู่ตรงไหน" ผมพอจะเดาความได้ไม่ผิด
"แล้วแต่ลูกค้าจะให้" สมุทรหลบสายตาไปอีกทาง
"ฉันขอเดา ยี่สิบบาทนายก็คงเคยได้มาแล้ว" ผมว่า มันมีอยู่แล้วไอ้คนประเภทที่คิดว่า "แค่นี้ก็พอ" "จ่ายเท่านี้ก็แพงมากแล้ว" ฯลฯ สำหรับผมคนที่คิดแบบนี้ได้อยู่ในกลุ่มที่ไม่เห็นใจคนอื่น ถ้าพูดกันตามตรงแล้วสมัยนี้อะไรก็อยากไปหมด จะจ้างให้ช่างไฟมาที่บ้านเพียงเพื่อมาเปลี่ยนหลอดไฟเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ก็คงจะไม่มีใครมาให้หรอกครับ มันเสียเวลาทำมาหากิน การจ้างคนประเภทสมุทร เป็นการหยิบมาใช้สอยได้ง่าย ๆ ตลอดเวลาและผมคิดว่ามันเป็นการจ้างอย่างซื้อใจ ถ้าเขาพูดว่า
"แล้วแต่ลูกค้าจะให้" แสดงว่าเขาเกรงใจฝั่งตรงข้ามอยู่พอดู ดังนั้น..ผมคิดว่าฝั่งตรงข้ามก็ควรจะให้เกียรติเขาด้วยน่ะนะ
"หึ..ก็นะ" สมุทรหัวเราะน้อย ๆ อย่างไม่ปฏิเสธ
"ชอบอันไหนมากที่สุด" ผมยิงคำถามอีก
"อันไหนได้เงินก็ชอบหมดนั่นแหละ" เขาตอบทันที
"หึ.." ผมแสยะปากหัวเราะชอบใจในคำตอบ
"ฟาร์มโคนมมั้ง" สมุทรพูดขึ้นเหมือนเมื่อกี้เพียงแค่หยอกเล่น
"งั้นหวังว่าทำงานกับฉันก็คงจะชอบด้วย" ผมเบะปากพูดประชด สมุทรมองผมนิ่งลง
"งั้นคงเป็นงานแรกละมังครับที่อาจจะไม่ชอบ" สมุทรย้อนตอบด้วยสายตากวนอยู่ลึก ๆ ผมอมยิ้มมุมปากทีละนิดจนสมุทรเบือนหน้าหนีไปอีกทาง สายตาทอดมองออกไปที่วิวทิวทัศน์ทางด้านนอก ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าผมยังจ้องเขาอยู่ไม่ขยับเขยื้อน สมุทรจึงไม่ยอมหันกลับมาเลย
"ทำงานกับฉัน มีตรงไหนไม่ดีไม่ทราบ..สบายกว่านี้ไม่มีอีกแล้วนะ" ผมเริ่มตักอาหารกินต่อ
"หึ เหรอครับ" สมุทรหัวเราะในลำคออย่างเสียไม่ได้
"..หรือไง ชอบแบบตากแดดตากลมว่างั้น" ผมเลิกคิ้วกวน
"คงงั้น" สมุทรเบะปากกวนตอบ
"อ๋อ นายคงชอบแบบ Outdoor สินะ" ผมแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์เป็นนัยยะให้เขาตีความเอาเองว่าผมกำลังเปลี่ยนมุมเป็นทะลึ่งตึงตัง สมุทรมองมาที่ผมเขม็งคงเพราะตีความต่ำ ๆ ของผมได้ออก
"หรือที่จริง นายคงหงุดหงิดใจที่ไม่ใช่งานคู่นอนอย่างที่ฉันบอกไว้ตอนแรกรึเปล่า" ผมเย้าจนอีกฝ่ายช้อนตาขึ้นมองหน้าผมตาขวาง ผมนิ่งมองปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้และยิ้มกวนอารมณ์อย่างไม่แคร์ว่าเมื่อกี้ได้พูดอะไรออกไป
"นายอยากรู้ไหมล่ะว่างานไหนสบายกว่า จะลองฝึกงานคู่นอนดูก่อนก็ได้นะ เผื่อชอบ ส่วน..จะชอบแบบไหน นายค่อยเลือก" ผมยิ้มกวนไม่หยุด อยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะโต้ตอบกลับอย่างไร
"........." สมุทรนั่งเงียบ เราต่างเงียบจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละ ผมนำเท้าที่อยู่ใต้โต๊ะเขี่ยไปโดนปลายเท้าของเขา สมุทรสะดุ้งเล็กน้อยด้วยท่าทางตกใจ อีกฝ่ายชักเท้าหนีกลับไปทันที
"หึ" ผมแสยะปากหัวเราะแล้วยักคิ้วให้
"ดูจากท่าทาง และการใช้ชีวิตของคุณ..คุณก็ไม่น่าจะใช่คนเก็บกดทางเพศนะ" สมุทรพูดแกมว่าด้วยสีหน้าเรียบ ๆ น้ำเสียงยังคงไม่สั่นไหวให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว ผมตั้งใจฟังและมองเขาไม่วางตา ใจเต้นแรงอย่างตื่นเต้นว่าเขาจะพูดว่าอะไรผมบ้าง
"เพราะน่าจะลูบแล้วไม่มีหางก็คงจะเอาหมด" อีกฝ่ายพูดเชิงต่อว่าอีก คำพูดที่เจ้าตัวคงจะคิดว่ามันคงจะทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดอะไรละมัง
"นายด้วยงั้นเหรอ" ผมย้อนหน้าตาย กวาดตาเจ้าเล่ห์มอง สมุทรเงียบปากไปเลย
"นายมีหางรึเปล่าล่ะ..ยังไม่เคยลูบซะด้วยสิ" ผมเอนหลังพิงเก้าอี้ เท้าศอกไปที่พนักวางแขนพร้อมกับนำมือเท้าคางมองเขายิ้ม ๆ สมุทรเบนหน้าหนีและถอนหายใจเบา ๆ คล้ายเหนื่อยหน่ายใจที่จะต่อปากต่อคำกับผม
"หึหึ เอาน่า..พูดเล่น" ผมตัดบท ตั้งใจจะกินต่อ สมุทรเหล่สายตามองมาเหมือนยังไม่ไว้ใจ
"ถ้ายังไม่กิน ฉันอาจจะเอาจริงก็ได้" ผมปรับสีหน้ากลับมาขู่เหมือนเคย สมุทรส่ายหัว จ้องมองมาที่ผม ผมมองตาเขาและยิ้มให้ เราตั้งหน้าตั้งตากินอีกครั้ง ระหว่างที่กินผมก็อดอมยิ้มไปไม่ได้ ดูเหมือนว่าผมอาจจะคาดเดาอะไรผิดไป ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้ดูจะไม่ตกใจกับการกระทำของผมเลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นผู้ชายปกติอย่างคนอื่น ๆ คงตกใจหน้าเสียไปแล้ว หรือไม่ผมอาจโดนโกรธจนถูกชกปากไปแล้วก็เป็นได้ ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะเขาผ่านโลกมาเยอะพอที่จะทำให้เขานิ่งได้มากขนาดนี้ ที่จริงแล้วโดยพื้นฐานสมุทรคงไม่ใช่ผู้ชายที่จะตกใจอะไรง่าย ๆ หรือเปล่า ตอนนี้มีคำถามที่ผมอยากได้คำตอบเต็มหัวไปหมดเพราะจากข้อมูลที่พี่ธานนำมาให้ผมทราบก่อนหน้า ก็ไม่ได้มีข้อมูลในเรื่องเพศหรือนิสัยนอกลู่นอกทางของเขาที่ปกติผู้ชายทั่วไปควรจะมีติดตัวไว้บ้างน่ะนะ บอกตามตรงว่าผมยังคงยืนยันในคำเดิม ว่าถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะไม่ใช่ลูกชายของลุงยอดก็ตาม ถ้าผมได้เจอกับเขาในกรณีอื่น ๆ สิ่งที่เขาเป็นก็ยังสามารถดึงดูดผมได้อยู่ไม่น้อย
- - - - - - - - - - - - - - -
16:45 น. ณ ตลาดชโนทัย
หลังจากที่กินข้าวเสร็จเมื่อตอนเที่ยง พี่สาวได้โทรหาผมและบอกว่าน้ำที่ตลาดท่วมเจิ่งนองเต็มไปหมด ผม ไอ้เด่นและสมุทรเลยต้องเดินทางมาดูพร้อมกันเพราะเย็นนี้จะได้ออกไปทำธุระทีเดียว ระหว่างทางผมหยิบสมุดจดของผมมาดู พบว่าที่ตลาดเพิ่งลอกท่อไปเมื่อสองเดือนก่อน ซึ่งเป็นการลอกท่อครั้งใหญ่หมดทั้งตลาด และมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้น้ำท่วมขังแบบนี้
"ท่อแตกเหรอ" ผมพูดบ่นไปอย่างนั้นเพราะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เราทุกคนเดินตามมาดูเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้น้ำขัง ตลาดของผมเป็นตลาดที่เปิดตั้งแต่เช้ามืดจนถึงสามทุ่ม เวลาบ่าย ๆ แบบนี้เป็นเวลาที่คนมาซื้อของพลุกพล่านพอสมควร ตอนนี้น้ำขังเกือบทั่วบริเวณรอบนอกและด้านในตลาดส่วนหนึ่ง
"ใครแกล้งรึเปล่า" ไอ้เด่นบ่นพึมพำขึ้นหน้าเซ็ง ผมพูดไม่ออก ยืนนิ่งเท้าเอวมองสภาพเพราะก็คิดแบบที่ไอ้เด่นว่าอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดบ่นออกมาเท่านั้น พี่สาวที่ยืนอยู่ด้วยยืนเงียบหน้าสลด ผมหันไปมองสมุทรที่ยืนนิ่ง ตาจับจ้องมองไปที่น้ำที่ไหลผ่านตนเอง อยู่ ๆ เขาก็เดินตามฝาปิดท่อประปาไปตามทาง พอถึงจุดหนึ่งอีกฝ่ายก็นั่งยอง ๆ ลงตรงท่อส่งน้ำ พับแขนเสื้อขึ้นก่อนก้มลงงัดฝาท่อขึ้นมาอย่างไม่กลัวว่าจะสกปรก ไอ้เด่นรีบเข้าไปช่วยยกฝาออกอีกแรง ผมเดินตรงไปหาเขาแล้วนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ เราต่างไม่พูดอะไร สมุทรวางฝาท่อลงก่อนก้มลงมองและล้วงมือเข้าไปในนั้น ผมเอื้อมมือไป ช่วยหยิบขยะในนั้นออกก็พบว่าท่อด้านในแตกเป็นเสี่ยง ๆ เราทั้งสองคนมองหน้ากันในทันที สมุทรนำนิ้วแตะลงบนท่อที่แตกเป็นรอยยาวและน้ำไหลทะลักออกมาไม่หยุด
"รอยแบบนี้ เอ่อ..แตกเองไม่ได้ครับ ปกติ..ถ้าท่อแตก จะหาจุดรั่วค่อนข้างยาก" สมุทรวิเคราะห์เนื้องานด้วยใบหน้าที่เหมือนไม่อยากจะพูดความจริง ดูเหมือนเขาจะเชี่ยวชาญทางด้านนี้เป็นอย่างดี ผมพยักหน้าเข้าใจเพราะก็คิดแบบเดียวกัน
"คุณเพิ่งให้คนมาลอกท่อไปใช่ไหม" สมุทรถาม
"ใช่" ผมตอบ สมุทรเงียบไปอย่างใช้ความคิด
"ขยะนี่..เหมือนมีคนตั้งใจเอามายัด แล้วน้ำมันไม่ไหลลงในทางที่ควรจะไหล" เขาพูด เรามองไปที่ท่อรับน้ำ ผม ไอ้เด่นและสมุทรลุกไปดูต้นทางของท่อระบายน้ำ พอก้มลงมองก็เห็นขยะเต็มแน่นไปหมด
"ดี!" ผมสบถ สะบัดหัวอย่างหงุดหงิดเพราะขยะแน่นมากจนเหมือนประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างที่สมุทรว่า ผมเงยหน้ามองสำรวจจุดที่ติดกล้องวงจรปิดไว้ก็พบว่าตรงส่วนนี้ไม่มีกล้องสักตัว กล้องที่อยู่ใกล้ที่สุดดันหันไปทางที่ทิ้งขยะที่อยู่ข้าง ๆ กับตลาดทางด้านหลัง
"โทรตามบริษัทมาจัดการซ่อมท่อประปา..แล้วก็ ให้คนมาติดกล้องวงจรปิดตรงนี้ด้วย มีช่องโหว่ตรงไหน สั่งติดให้หมด" ผมหันไปสั่งพี่สาว
"ได้ค่ะ" พี่สาวรีบรับปากทันที
"มีใครในตลาดมีปัญหาอะไรกับผมรึเปล่า" ผมถามพี่สาวตรง ๆ พี่สาวยิ้มแหย
"หรือใครมีปัญหาเรื่องขึ้นค่าเช่าแผง" ผมขมวดคิ้วว่า
"ไม่นี่คะ คือ..สาวก็เห็นว่าทุกอย่างก็ปกติดี" พี่สาวตอบเสียงเบาเหมือนเกรงความผิด ผมจ้องหน้าเธอครู่หนึ่ง
"ไปเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว" ผมปัดมือไล่เธอเพราะถึงถามเอาความไปตอนนี้ก็คงจับมือใครดมไม่ได้ พี่สาวขานรับก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าสำนักงานไป ผมเดินนำไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างมือ สมุทรและไอ้เด่นเดินตามเข้ามาล้างด้วย เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็ออกมายืนอยู่หน้าห้องน้ำอยู่ครู่หนึ่งเพื่อมองสำรวจไปรอบ ๆ บริเวณตลาด ในหัวผมกำลังนึกว่าผมได้ไปขัดขาใครไว้นอกจากเขม่นกับไอ้กริดและสมัครหรือไม่ ถ้านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุหรือความมักง่ายของคนในตลาด มันก็อาจจะเป็นไปได้ที่ใครจะมาเล่นอะไรปัญญาอ่อนเหมือนกับต้องการเตือนผมว่าอย่าไปลองดีด้วยอะไรทำนองนั้น
"ค่าเช่าก็ขึ้นอีกละ..แค่นี้ก็แพงไม่พอรึไง" เสียงบ่นออกมาจากอีกฟากหนึ่งของห้องน้ำ ไอ้เด่นที่ยืนอยู่ตรงหน้าหันมามองหน้าผม
"ใช่..ก็ฉันบอกแกแล้ว ว่าให้ย้ายไปทำที่หนึ่งมิตรด้วยกัน" เสียงหนึ่งพูดถึงตลาดหนึ่งมิตร ตลาดสดเปิดใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันกับตลาดของผม
"ที่นั่นนะ ใหม่..แล้วก็เย็นด้วย เห็นว่าจะให้แม่ค้าที่ขายอาหารสด เข้าไปขายในห้องติดแอร์เลยล่ะ" เสียงเดิมพูดทับถมอย่างตื่นเต้น หลังจากนั้นเสียงอื่น ๆ ก็พลอยเห็นด้วยตามมาติด ๆ ไอ้เด่นที่ดูจะหงุดหงิดแทนผมที่ได้ยินอย่างนั้น มันฟึดฟัดทำท่าจะเข้าไปทำให้วงกระจาย ผมเอามือรั้งห้ามมันไว้
"แต่ว่านายครับ" ไอ้เด่นพูดหน้าเครียด ผมส่ายหัวให้มันเป็นการบอกว่า..
นี่ไม่ใช่เรื่องของเรา "กลับ" ผมบอกแล้วเดินนำออกมา ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมีเรื่องกับใครไม่ไว้หน้า ผมต้องเคลียร์ทุกอย่างให้เป็นเรื่อง ๆ ไปและผมคิดว่าถ้าปัญหาจะเข้ามา มันจะคืบคลานเข้ามาหาเราเองโดยที่เราไม่อยากแม้จะเอาตัวเข้าไปก้าวก่ายด้วยซ้ำ เราจึงมีหน้าที่เพียงแค่เตรียมพร้อมตั้งรับไว้ก็เท่านั้น
- - - - - - - - - - - - - - -
"กิน" ผมสั่งเสียงห้วนเป็นการอนุญาตก่อนลงมือกินอาหาร ตอนนี้เราสามคนอยู่กันที่ร้านอาหารตามสั่งข้างทางที่รสชาติไม่แย่และไม่ได้ดีอะไรนัก ผมหยิบสมุดบัญชีขนาดเล็กสำหรับพกพาออกมากางออกข้าง ๆ กับจานข้าวโดยกินไปดูไป สมุทรที่นั่งอยู่ข้างผมเหลือบมอง เมื่อสบตากับผมเข้าเขาก็เหสายตาหันไปตั้งใจกินข้าวต่ออย่างกลัวเสียมารยาท ผมเปิดกระดาษออกทีละหน้าเพื่อดูรายการดอกเบี้ยของลูกหนี้ทั้งหมด
".........." ผมนั่งกินไปเงียบ ๆ แอบเหลือบมองไปที่สมุทรบ้าง เมื่อเห็นรายชื่อที่ต้องจัดการในเวลาอันใกล้ข้างหน้านี้และจดจำได้ทั้งหมดแล้ว ผมจึงปิดสมุดลง สมุทรหันมามองหน้าผมเพราะคงสังเกตเห็นว่าผมมองหน้าเขาอยู่ นิ้วของผมเคาะอยู่บนสมุดโน้ตอยู่อย่างนั้นอย่างเคยชิน สายตาจับจ้องที่สมุทรไม่วางตาและกำลังคิดว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรไม่คาดคิดขึ้นมาอีกฝ่ายจะรับไหวรึเปล่า สมุทรเหสายตาต่ำลงมามองที่นิ้วของผมอยู่ครู่หนึ่ง
"เสื้อสวยนี่" ผมอมยิ้มชมมุมปากแล้วกินต่อ คนที่ถูกชมใส่เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดา ๆ แต่กลับดูเข้ากับหุ่น ดูน่ามองและเข้ากับบุคลิกของเขาดีแบบไม่ต้องเติมเสริมอะไร
ตืด ๆ ๆ ๆ ...ผมเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ส่วนตัวที่วางอยู่บนโต๊ะ สายโทรเข้าจากพี่ธาน
"ครับ" ผมทักปลายสาย
"เสี่ยหลงเพิ่งออกมาจากโรงแรมไปกับเมียน้อยครับ" พี่ธานรายงานถึงเป้าหมายแรกของผมในวันนี้
"ดูเหมือนกำลังจะไปบ่อน"
"ตามมันไป" ผมสั่ง
"ครับ" พี่ธานรับปากก่อนที่ผมจะตัดสาย สมุทรจ้องมองหน้าผมอยู่ พอผมหันไป อีกฝ่ายก็หลบสายตาในทันที สีหน้าของเขาเหมือนคนที่กำลังระแวงเหมือนรู้ว่าตัวเองกำลังจะไปพบเจออะไร จากการสังเกตของผมคิดว่าเขาเป็นคนปากหนัก หลายครั้งจึงไม่เคยถามอะไรอย่างที่ควร
สมุทรก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อ ผมกินคำสุดท้ายก่อนรวบช้อนส้อมเข้าด้วยกัน ครู่หนึ่งสมุทรนิ่งไป อาหารที่เพิ่งเข้าปากไปก็หยุดเคี้ยวไปดื้อ ๆ มือของเขาไม่ขยับแม้สักนิดเดียว ผมไม่ทักและไม่หันไปมองตรง ๆ อีกด้วย หลังจากนั้นให้หลังประมาณหนึ่งนาที ปากของเขาก็เริ่มขยับเคี้ยวอาหารไปอย่างช้า ๆ อีกครั้ง ผิดกับไอ้เด่นที่สวาปามอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เอาแต่ตั้งใจกินลูกเดียว ผมนั่งเงียบ ไม่ทัก ไม่พูดบอกรายละเอียด รวมถึงไม่คิดจะพูดปลอบอะไรด้วย เพราะสิ่งที่เขากำลังจะเจอมันคือหนึ่งในงาน ถึงแม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องเรียนรู้แต่สักวันก็ต้องได้เห็นอยู่ดี
- - - - - - - - - - - - - - -
20:02 น. บ่อน T.O
"ไง.." ผมทักพี่ธานที่ยืนอยู่ที่รถยนต์พร้อมกับไอ้เข้ม พี่เขาเฝ้าอยู่หน้าบ่อนนานแล้วตั้งแต่ผมกินข้าวเย็นเมื่อหลายชั่วโมงก่อน ผมเดินมาคุยกับพี่ธานโดยส่วนตัว ไอ้เด่นกับไอ้เข้มถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่ สมุทรเห็นอย่างนั้นจึงทำตามมันสองคนเช่นกัน
"ดอกเบี้ย รับจำนำทอง เห็นว่าค่ากำเหน็จก็ขึ้นด้วยครับ..แล้วก็ได้กำไรจากหุ้นของบริษัทลูกชายด้วย" พี่ธานรีบรายงานถึงรายรับของเสี่ยหลง หนึ่งในลูกหนี้ตัวปัญหาของผม
"สายจากไอ้เข้มไปรู้มาว่า มันแอบไปเล่นเลขวิ่งบนกับเสี่ยซ้งไว้ ได้มาเกือบสามล้านแน่ะครับ..คุณจะลองโทรถามเสี่ยซ้งดูไหม" พี่ธานถาม
"ไม่ล่ะ" ผมเบะปากอย่างไม่สน
"มันไปกับเมียน้อยตั้งแต่กี่โมง" ผมยืนสบาย ๆ ถามคนละเรื่องเพราะอยากรู้ นำมือล้วงกระเป๋าอย่างเคยชิน วันนี้ใส่สูทมาพร้อมเพราะคาดไว้อยู่แล้วว่าคนอย่างเสี่ยหลงคงจะไม่พ้นเข้าบ่อน และบ่อน T.O ก็เป็นบ่อนของเฮียกานต์ บ่อนดังเปิดเฉพาะคนมีฐานะและหน้าตาทางสังคม ที่นี่สืบประวัติลูกค้าก่อนเข้าใช้บริการเป็นอย่างดี ดังนั้น..มันก็ควรเป็นการทวงหนี้ที่ให้เกียรติสถานที่เขาหน่อย ลูกหนี้ของผมที่ผ่านมาส่วนใหญ่แล้วแทบไม่มีคนไหนที่กู้เงินต่ำกว่าสองล้านบาท จึงเรียกได้ว่าเกือบทุกคนเป็นที่นับหน้าถือตาเป็นอย่างดีในวงสังคม การมากู้เงินจากผมจึงเป็นการเข้าหาได้ง่าย ๆ และที่สำคัญคือไม่เป็นข่าว ผมไม่ออกเงินกู้ให้กับพวกชาวบ้านทั่ว ๆ ไปเพราะเวลาทวงเงินมันไม่สนุก ปกติผมเป็นคนทำงานเงียบ ๆ ประนีประนอมให้ได้ก็ทำ ใครจะจนหรือใครจะรวยไม่ว่ากัน ผมคิดว่าคนเราก็มีสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้และบอกใครอื่นไม่ได้ต่างกันออกไป
"สิบโมงครับ" พี่ธานบอกเวลาที่แน่นอน
"หึ..หึหึ" ผมก้มหน้าหัวเราะ เราต่างมองหน้ากันยิ้ม ๆ
"ไอ้แก่หลงนี่นะ ไปกับเมียน้อยตั้งแต่สิบโมง แล้วออกจากโรงแรมเกือบหกโมง" ผมขมวดคิ้วว่า พี่ธานยิ้มกว้างกว่าเดิม
"มันกินยาอะไรวะ" ผมเบะปากถาม พี่ธานมองผมและไร้คำตอบ
"ให้ทาย..มันคงเล่นเกมปิดตาซ่อนแอบแน่ ๆ แล้วก็คงสีหลายท่ากว่าจะเสร็จได้น่ะนะ" ผมเดา พี่ธานก้มหน้า หลุดหัวเราะอย่างมีมาดตามเคย
"ไอ้ระยำ..วันก่อนนั้นมันบอกผมว่าร้านมันขาดทุน" ผมดุนลิ้นออกมากัดยิ้มบ่นอย่างไม่คิดมาก มือล้วงลูกอมในเสื้อสูทออกมาแกะออกช้า ๆ อย่างสบายใจ ผมว่าลูกอม Coryfin C นี่มันในตำนานดีจริง ๆ รสชาติดีถูกปากผมเสมอต้นเสมอปลาย ผมถอนหายใจก่อนยืนอมลูกอมไว้ในปากเงียบ ๆ
"คุณไฟ.." พี่ธานเรียกเหมือนต้องการจะพูดอะไร อีกฝ่ายเหลือบมองไปทางด้านหลังของผมที่สมุทรและคนอื่น ๆ ยืนอยู่
"ใจเย็น ผมไม่รีบหรอก" ผมยิ้มบอกอย่างรู้ทันความคิดของพี่เขา
"ผมว่า มันจะไม่แรงไปสำหรับเค้าเหรอครับ" พี่ธานหันมามองหน้าผม ผมนิ่งมองพี่ธานกลับเพราะรู้ดีว่าพี่ธานหมายถึงเรื่องอะไร
"ที่ผ่านมา..ผมเคยอยากใช้กำลังจัดการใครหน้าไหนเหรอฮะ" ผมย้อนถามตาไม่กะพริบเพราะคำถามนี้มันสะกิดใจ พี่ธานหลบสายตา ผมไม่เคยอยากใช้กำลังจัดการใครเลย ถ้าไม่สุดทนจริง ๆ ผมจะไม่ทำ พี่ธานน่าจะเป็นคนที่รู้จักผมได้ดีที่สุด
"พี่รู้ไหมอะไรที่ยังไม่ถูกดึงออกมาจากหมอนั่น" ผมถาม พี่ธานไม่ตอบ
"ผมดูคลิปนั่นหมดแล้ว" ผมดุนลูกอมที่ใกล้จะหมดออกมากัดไว้แล้วแสยะยิ้มให้พี่ธาน อีกฝ่ายจ้องมองผมด้วยสายตาเหมือนอ่านความหมายของรอยยิ้มนี้ของผมออกเช่นกัน
"ชกอย่างกับราชสีห์ใกล้ตาย..ฮึ ขนาดนั้นบางยกยังชนะ" ผมบอกอย่างแปลกใจ มองพี่ธานด้วยสายตาวางเปล่า พี่เขาจ้องหน้าผมนิ่งและดูเหมือนจะไม่ขอปฏิเสธต่อคำพูดของผมด้วย
"บางครั้งก็พยายามยื้อไว้ไม่เอาชนะ มีแต่ควายเท่านั้นแหละที่ดูไม่ออก" ผมมองหน้าพี่ธานเขม็ง
"ถ้าที่จริงฝีมือของเค้าจะเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร..แต่ถ้าไม่ พี่ไม่คิดว่าหมอนั่นมันบ้าเหรอที่ชกสไตล์นั้นมาได้จนอายุปูนนี้น่ะ" ผมเบะปาก ขมวดคิ้ว อายุสำหรับผมและสมุทรในตอนนี้ เรียกว่าใกล้ปิดเกมสำหรับวงการชกมวยเต็มทีแล้ว ซึ่งมันน่าขันที่ว่าสมุทรชกแบบนั้นมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น
"ถ้าเค้าไม่อยากเปิดอะไรออกมา คุณก็ไม่ควรแงะมันออกมาไหมครับ..ทุกคนก็มีด้านมืดของตัวเองทั้งนั้น" พี่ธานอมยิ้มมองผมอย่างห้ามปราม
"เวลาที่เราจะต้องแงะห่อของขวัญน่ะ มันตื่นเต้นดีออกไม่ใช่เหรอครับ" ผมกวนกลับ พี่ธานส่ายหัว
"บางกล่องของขวัญ อาจไม่ใช่กล่องสำหรับคุณก็ได้นะครับ" พี่ธานยังไม่หยุดต้อนผม
"หึ..หึหึ พี่ว่าผมเสือกเหรอ เอาน่า..ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นที่ไหน ผมชอบแกะกล่องของขวัญของคนอื่นนี่..พี่ก็รู้" ผมยิ้มเจ้าเล่ห์พูดเป็นนัยยะไปอย่างนั้น คิดว่าพี่ธานเองก็คงเข้าใจดี เพราะสมัยเป็นเด็กผมมักจะมือบอนแกะกล่องของขวัญของพี่ธานและพายุเสมอ ๆ ทั้งที่รู้ว่าพายุจะโกรธเอาน่ะนะ
"งานคืองาน บางอย่าง..มันก็จำเป็นต้องทำ" ผมพูดเรียบ ๆ พลิกนาฬิกาข้อมือดู
"พี่ว่าไอ้แก่นั่นได้หรือเสีย" ผมเปลี่ยนเรื่องโต้ง ๆ พร้อมกับเท้าแขนไปที่หลังคารถ มองหน้าพี่ธานอย่างกวนอารมณ์ พี่ธานอมยิ้ม
"หมื่นนึง" ผมยักคิ้วเสนอ
"เสียครับ..เพราะมันได้มาทั้งวันแล้ว" ผมก้มหน้าหัวเราะเพราะชอบคำตอบซ่อนความหมายจากพี่เขา ก่อนส่งสัญญาณมือให้ทุกคนเดินตามเข้าไปในผับ พนักงานให้พวกผมเข้าไปอย่างง่ายดายเพราะพวกมันรู้จักพวกผมเป็นอย่างดี เมื่อเข้าไปด้านในของตัวผับแล้วก็เดินไปทางลับที่จะรู้กันเฉพาะในหมู่นักเล่นเท่านั้น
"สวัสดีครับ รบกวนขอบัตรสมาชิกด้วยครับ" พนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าประตูถามด้วยท่าทางสุภาพ พี่ธานกำลังจะหยิบให้แต่ยังเสร็จดีก็มีพนักงานเดินปรี่เข้ามาหน้าตาตื่น
"เฮ้ย ทำอะไรวะ" มันดันตัวเพื่อนร่วมงานออก
"สวัสดีครับคุณไฟ..ขอโทษด้วยครับ เด็กใหม่น่ะครับ..มันเพิ่งเข้ามาทำงาน" อีกฝ่ายรีบก้มหัวขอโทษขอโพยยกใหญ่ทั้งที่จริงผมไม่ได้คิดมากด้วยซ้ำ ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง ผมเองก็มาในแบบของผม มาเพื่อทำหน้าที่ของผม ดังนั้น..การกร่างเพราะคิดว่าตัวเองมีอำนาจกว่าคนอื่น บางครั้งมันจะยิ่งทำให้เรื่องวุ่นวายไปอีก
"ไม่เป็นไร ฉันมาตามคนน่ะ" ผมบอกหลักการเดิม ไม่บ่อยนักที่ผมจะมาเพื่อเล่น
"เชิญครับ" เขาพูดพร้อมกับพยักหน้าให้พนักงานเปิดประตูให้เข้าไป ผมและทุกคนเดินเข้ามา เมื่อมองไปรอบ ๆ บ่อนของเฮียกานต์ วันนี้ก็คงทำเงินได้ดีอีกวัน ผมเห็นเสี่ยหลงนั่งอยู่ที่โต๊ะบาคาร่า ดูท่าคงกำลังมือขึ้นเพราะสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสดี แบงค์เกอร์สังเกตเห็นผมแล้ว ผงกหัวให้ผมครั้งหนึ่งและยังคงทำหน้าที่ของเขาต่อไป ผมเดินไปทางด้านหลังเสี่ยหลงก่อนแตะมือลงที่บ่ามันเบา ๆ และก้มตัวลงไปหา
"ไงครับเสี่ย มือขึ้นน่าดูเลยนี่ครับ" ผมยิ้มกว้างทักทาย