-- ตอนที่ 16 --
คาร์บิลัสสส !
ข้าเกลียดเจ้า !
ตูม !
เอลล์ขมวดคิ้วและงัวเงียตื่นขึ้นมา ใช้มือเช็ดน้ำตาที่ติดที่หางตาและเผลอหาวหวอดออกมาอีกครั้ง แย่ชะมัดการร้องไห้เหมือนดูดพลังชีวิตข้าไปอย่างไงอย่างงั้น เอลล์ลงไปนอนกองอีกครั้งเพราะทนความงัวเงียของตัวเองไม่ไหว
ช่างมันเถอะ อะไรสักอย่างที่อยู่ข้างนอก
ข้าง่วง..
เอลล์หนุนหัวลงกับหมอนอีกครั้งและเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มที่โดนผลักไปกองข้างๆ
ฟู่ ~
เสียงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่าใส่มือเอลล์จนเอลล์ชักมือกลับแทบไม่ทัน เอลล์หายง่วงเป็นปลิดทิ้งทันทีเอื้อมมือไปแปะกับที่มาของลมหายใจอุ่นๆ นั้น
สัมผัสขรุขระคมๆ แบบนี้มีอย่างเดียวเท่านั้น
มังกรไฟ !
เอลล์ยิ้มกว้าง ลุกซ์ในร่างมังกรนี่เอง เอลล์จับไปทั่วอย่างนึกสนุก มันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ยามที่ได้จับรับรู้ถึงตัวตนอีกฝ่ายจริงๆ ไม่ใช่การบรรยายและจินตนการเอาเอง อีกอย่างที่ข้าจินตนาการออกก็มีเพียงความมืดเท่านั้น
ลุกซ์ลืมตาขึ้นหาวหวอดจนเผยให้เห็นเขี้ยวคมๆ ลุกซ์ใช้ดวงตาสีนัยน์เพลิงจดจ้องเอลล์ที่กำลังจับปีกของตัวเองอยู่ ที่ข้าตื่นเพราะเสียงวุ่นวายข้างนอกนั่นก็ส่วนนึงแต่ส่วนใหญ่ก็คือสัมผัสซุกซนของเอลล์ซะมากกว่า ลุกซ์ขยับหัวเข้าไปหาเอลล์อย่างเงียบเชียบและใช้เขี้ยวแหลม งับเข้าที่ต้นคอเอลล์เบาๆ
เอลล์สะดุ้งโหยง “ ทำอะไรของเจ้าน่ะ ลุกซ์ ” เพราะข้ารู้สึกเหมือนถูกอะไรแหลมๆ กัดเข้าที่คอ และมันคงไม่ใช่ยุงแน่ๆ
“ ทักทายน่ะ ” ลุกซ์พ่นไฟฟู่ๆ ใส่ทั้งเอลล์
เอลล์ใช้มือปัดออกไปอย่างง่ายดาย
ลุกซ์เบ้หน้าเซ็งๆ “ ให้ตายเถอะ นี่เจ้าจะเก่งเกินไปแล้วนะเอลล์ ”
เอลล์ยิ้มบางลูบจมูกมังกรของลุกซ์
“ แง้ เสียงดังกันง้า ” ดัฟฟ์กลิ้งลงมาจากหลังลุกซ์วิ่งวนรอบห้องโวยวาย “ เสียงฆ่าบี้ลัส ! ข้างนอกง้า ”
ลุกซ์พ่นลมหายใจยาวเหยียดแล้วกลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิม “ ท่านคาร์บิลัสไม่เป็นอะไรหรอก ดัฟฟ์ ” แต่ออกไปดูก็น่าจะดีเหมือนกัน
“ ไม่เป็นไรได้ไงง้า แก๊ซ ! โดนแม่ใช้อีกาจิกด้วย ”
อีกา ? ท่านคาร์บิลัสเนี่ยนะ โดนอีกาจิก ลุกซ์คิดอย่างงุนงง คงจะเกี่ยวกับเจ้าปีศาจอีกานั่นแหละ ลุกซ์ลูบหัวเอลล์เบาๆ “ เจ้าจะรออยู่ข้างในก็ได้นะ ” และพูดอย่างอ่อนโยนกับเอลล์
เอลล์หยิบหน้ากากของตัวเองขึ้นมาสวม “ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าที่เป็นถึงราชาของดินแดนนี่ย่อมต้องเข้มแข็งเพื่อที่จะอยู่กับมัน ”
“ งั้นมังกรอย่างข้าก็รอราชาอย่างเจ้ามาซบอกร้องไห้ล่ะนะ ” ลุกซ์พูดขำๆ และยิ้มบาง ถึงแม้ว่าเอลล์จะเสียใจเรื่องโดนสาปจากครอบครัวแต่เอลล์ก็เข้มแข็งมากพอที่จะใช้ชีวิตเหมือนดังปกติต่อไปเช่นกัน แม้ลึกๆ อาจจะกำลังร้องไห้ก็ตาม แต่ยังไงมังกรงี่เง่าก็ต้องรู้อยู่แล้ว
เอลล์หน้าแดงก่ำ “ ไปเถอะ ข้างนอกเหมือนจะเกิดสงครามแล้ว ”
“ กว่าจะไป ง้า แก๊ซ ” ดัฟฟ์มุ่ยหน้า
“ เฮ้อ ข้าไม่แปลกใจเลย ที่ท่านคาร์บิลัสไล่เจ้ามา ” ลุกซ์ผลักหัวดัฟฟ์เชิงหยอก และเปิดประตูออกไปเพื่อดูสภาพแวดล้อม
ภายนอกที่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วขนานใหญ่เพราะเสีบงดังกัมปนาทที่ดังเป็นระยะๆ แต่ข้ากับเอลล์เลือกที่จะปล่อยผ่านมันไป
ดังที่คาด..
ราบเป็นหน้ากลอง..
หลังจากที่คาร์บิลัสทำการเตะเมเออร์ออกไปข้างนอกทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามาเพราะความแค้นที่อยู่ในใจ คาร์บิลัสเรียกปีกกับหางตัวเองออกมาปาเวทง่ายๆ ใส่แต่อนุภาพของมันกลับไม่ง่ายตามทำให้มีหลุมบ่อเป็นหย่อมๆ บนพื้น
มาเวลาไหน ไม่มานะ ไอ้เมเออร์ !!
คาร์บิลัสคิดอย่างหงุดหงิด เขาไม่สามารถฆ่าเมเออร์ได้เพราะปัญหาที่ตามมามันมากเกินไปและไม่ใช่อะไรที่สนุกเท่าไหร่ที่ต้องมานั่งตามแก้
“ คาร์บิลัสส ! ” เมเออร์ตะโกนดังลั่นในมือกระชากด้ายทองอย่างรุนแรงเรียกให้อากาศรอบๆ หมุนริ้วเหมือนกับเกิดพายุรุนแรง
“ อะไร ! มีอะไรรีบพูดๆ มา ข้าหงุดหงิดโว้ยยย ” คาร์บิลัสตะคอกตอบโยนลูกพลังในมือใส่อากาศเรียกเสียงระเบิดตูมทำให้อากาศรอบๆ กลับกลายมาเป็นเหมือนเดิม
“ เจ้ากล้าดียังไงถึงมาบุกทำลายคุกที่ข้าภูมิใจ ! ” เมเออร์ร่ายเวทเรียกธนูสีทองประจำกาย รอบๆ เมเออร์นั่นเกิดประกายสีทองระยิบระยับและค่อยๆ ประกอบเป็นคันธนูที่คล้ายเถาไม้เลื้อยสานกันอย่างสวยงาม ดูสูงค่าเกินจะใช้ในการเข่นฆ่าใคร
“ ใครใช้ให้เจ้าจับลูกน้องข้าล่ะ ! ” คาร์บิลัสคำรามลั่นหยิบหอกสีดำอัดด้วยมวลพลังเวทย์ขว้างใส่เมเออร์อย่างไม่รีรอ
เมเออร์รีบกระโดดหลบทันทีเหมือนเช่นทุกครั้ง เพราะรู้ตัวดีว่าไม่อาจต้านพลังของคาร์บิลัสตรงๆ ได้ เพราะเหตุนี้ถึงได้มีหลุมบ่อเต็มพื้นที่นี้ไปหมด นัยน์ตาสีอำพันของเมเออร์ทอประกายโกรธขึ้ง “ เจ้าบุกรุกดินแดนข้าเอง ! ” และยิงธนูใส่ผู้ติดตามของคาร์บิลัสทันที ข้ามั่นใจว่า อีกฝ่ายไม่มีทางตั้งรับศรของข้าได้แน่ !
“ อย่าให้ข้าโมโหจริงๆ นะเมเออร์ ! ” คาร์บิลัสคำรามลั่นจนพื้นดินสะเทือน เตรียมจะเรียกดาบของตัวเองอย่างขาดสติ แต่กลับถูกขนปีกของฟาร์คัสจิ้มจึกเข้าที่หน้าผากซะก่อน อารมณ์ถึงค่อยเย็นลง
ฟาร์คัสเหลือบมองศรที่เข้ามาใกล้ด้วยสายตาเฉยชา ใช้มือหยิบปลายคันศรธนูอย่างง่ายดายราวกับว่ามันถูกร่อนมาให้หยิบ ฟาร์คัสยกยิ้มและขว้างมันคืนใส่เมเออร์ทันที พลังของปีศาจอีกาคือดวงตาที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถมองสิ่งที่เข้ามาหาอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่เคลื่อนที่ช้าๆ ยังมีอีกพลังคือพวกสาปแช่งอะไรนิดหน่อยทำนองนั้น ซึ่งข้าคงไม่ใช้มันหรอก มันไร้สาระเกินไป ส่วนพลังของนกส่งสารอีกาที่เด่นๆ ก็คงจะเป็นการที่ข้าสามารถใช้พลังการเคลื่อนย้ายไปที่ต่างๆ อย่างง่ายดายกับการพรางตัวเข้ากับความมืดนั่นแหละ แต่ข้าก็ไม่ได้ใช้มันอยู่ดีเพราะมันกินพลังเวทของข้าเกินไป
เมเออร์เบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง ศรที่ข้าภาคภูมิใจแม้แต่ผู้ติดตามของคาร์บิลัสยังสามารถรับได้ง่ายๆ แล้วยังขว้างใส่ข้าได้อีก
คาร์บิลัสยิ้มสะใจเมื่อเห็นเมเออร์อึ้งไป คงจะดูถูกฟาร์คัสของข้าล่ะสิ เป็นไงล่ะ ฮ่าๆ สมกับเป็นฟาร์คัสของข้าจริงๆ
เมเออร์ใช้คันธนูปดป้องลูกธนูของตัวเองออกไปและง้างธนูอีกครั้งเตรียมจะยิง ไม่มีวัน ! ที่ข้าจะยอมพวกปีศาจอย่างเด็ดขาด ดวงตาของเมเออร์ทอประกายเด็ดเดี่ยวออกมา แต่กลับต้องดับวูบในภายหลัง เมื่อถูกอีกาของฟาร์คัสใช้ปีกตบเข้าที่ต้นคออย่างแรง
แต่บางทียอมเปลืองพลังเวทเพื่อประหยัดเวลา ข้าสะบัดมืดเบาๆ เรียกให้อีกาของข้ากลับคืนสู่ข้าเช่นดังเดิม
“ ท่านคาร์บิลัส ใจคอท่านจะไม่ให้ข้านอนสักหน่อยเหรอ ” ลุกซ์ก้าวเข้าไปใกล้ฟาร์คัสโดยหลบเลี่ยงหลุมบ่อบนดินอย่างหวาดๆ พลังทำลายของท่านคาร์บิลัสดูกี่ทีก็น่าสะพรึงเหมือนเดิม
คาร์บิลัสไม่สนใจลุกซ์หันไปยิ้มกว้างให้ฟาร์คัส “ เจ้าเก่งจังเลย ฟาร์คัส ” และก้าวเข้าไปใกล้ด้วยท่าทีประจบประแจง
ฟาร์คัสถอนหายใจเฮือกโต นี่มันการกระทำของราชาปีศาจแน่งั้นเหรอ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ตอนเมเออร์จะยิงธนูใส่ข้าน่ากลัวยังกับอะไร แต่ข้าไม่กลัวหรอกนะเพราะตอนปกติคาร์บิลัสมันก็สุนัขดีๆ นี่เอง
เอลล์ก้าวขาเดินอย่างมั่นคงไม่ก้าวพลาดเลยแม้แต่นิด จนลุกซ์รู้สึกหดหู่กับตัวเองไม่ได้ นี้ขนาดข้ามีตายังเกือบลงไปล้มกลิ้งตั้งหลายรอบ เอลล์ขมวดคิ้วแน่นเมื่อรู้สึกถึงพลังที่คุ้นเคย “ ฟาร์คัส นั่นท่านพ่อของข้างั้นเหรอ ? ” เอลล์ถามเมื่อมาหยุดยืนใกล้ๆ ฟาร์คัส
“ อืม ” ฟาร์คัสตอบสั้นๆ และถอยหลังหลบบางสิ่งบางอย่าง
โครม !
ฝุ่นลอยฟุ้งกระจายจนรอบๆ นั้นเต็มไปด้วยฝุ่น ภายในฝุ่นฟุ้งๆ มีเสียงเล็กแหลมงอแง “ แง้ แม่ใจร้าย แก๊ซ ”
ฟาร์คัสกลอกตาร่ายเวทลมสั้นๆ ให้พัดฝุ่นออกไปจนหมด เผยให้เห็นสัตว์เลี้ยงงี่เง่าตัวย่อมนอนคลุกฝุ่นอยู่ “ จะมาก็มา ”
ดัฟฟ์ยิ้มกว้างลุกพรวดขึ้นวิ่งมาเกาะขาฟาร์คัสทันที
เมื่อกลับมาสงบอีกครั้งเอลล์ถึงถามคำถามต่อไป “ เจ้าจะทำอะไรต่องั้นเหรอ ฟาร์คัส ” น้ำเสียงของเอลล์ไม่มีความโกรธเคืองแต่อย่างใด ไม่ใช่เพราะรู้สึกแค้นครอบครัวตัวเองแต่เป็นเพราะรู้ว่าพ่อของตัวเองยังไงก็ไม่ยอมอยู่เฉยและตามมาอาละวาดใส่แน่ๆ ท่านพ่อของข้าเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองมาก ถูกทำลายคุกตัวเองก็ต้องโมโหเป็นธรรมดาแล้วยิ่งเป็นคาร์บิลัสอีก ผลของเรื่องนี้ก็คือสภาพรอบๆ ในตอนนี้นั่นเอง
“ ฟาร์คัสแล้วข้าล่ะๆ ”
“ ... ” ฟาร์คัสไม่สนใจคาร์บิลัสหยิบขวดแก้วน้ำตาเงือกออกมา “ พอยซ์บอกว่าคำสาปของเจ้ามาจากคนใกล้ชิด ไหนๆ ท่านพ่อของเจ้ามาแล้วก็ลองสำรวจความทรงจำแล้วกัน ”
เอลล์ยิ้มบาง “ เอาสิ ”
ลุกซ์หาวหวอด “ แล้วถ้ากรอกน้ำนี้ใส่ปากตอนนอนแบบนี้ เมเออร์จะไม่สำลักน้ำตายเลยรึไง ”
“ งั้นก็ทำให้ตื่นซะสิ ” ฟาร์คัสพูดเหมือนเรื่องง่ายๆ
“ แล้วจะทำยังไงล่ะขอรับ ท่านอีกา ” ลุกซ์ถามด้วยน้ำเสียงติดจะเซ็ง
“ ให้ข้าช่วยทำให้ตื่นไหม ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสเสนอตัว
“ รอให้ตื่นเองดีกว่า ตอนนี้ก็มัดไปก่อนแล้วกัน ” ฟาร์คัสสรุปออกมา เพราะรู้สึกสงสารเมเออร์นิดหน่อยถ้าจะถูกคาร์บิลัสกระทืบให้ตื่นขึ้นมา “ คาร์บิลัสเจ้าไปมัด ”
“ ได้เลย ~ ” คาร์บิลัสขานรับมัดเมเออร์ด้วยเชือกเวทสีดำอย่างกระตือรือร้น
“ ใส่ตรวนด้วยสิ ท่านคาร์บิลัส ” ลุกซ์เชียร์
คาร์บิลัสหันมาส่งสายตาเย็นชาใส่ลุกซ์แต่ก็เพิ่มตรวนใส่ขาเมเออร์อยู่ดี “ เห็นแก่ที่เจ้าโดนไอ้เจ้าบ้านี้จับไว้หลายปีดีดักแล้วกัน ”
ลุกซ์ส่งสีหน้าซาบซึ้งใส่นายของตัวเอง “ แล้วเมเออร์มาคนเดียวงั้นเหรอ ท่านคาร์บิลัส ”
“ ท่านพ่อไม่ชอบพาใครมาช่วยหรอก ลุกซ์ ” เอลล์เป็นฝ่ายตอบคำถามนี้เองถึงแม้ลุกซ์จะไม่ได้ถามตนก็ตาม “ ท่านพ่อไม่อยากให้ภูตตนอื่นต้องมาบาดเจ็บกับเรื่องพวกนี้ ”
คาร์บิลัสแค่นเสียงหึใส่เอลล์ “ ข้าก็ไม่ได้อยากบุกดินแดนเจ้านักหรอก ข้าเคยส่งทูตมาเจรจาดีๆ เจ้าเมเออร์บ้านี้ก็ไล่กลับ พอข้าให้ลูกน้องข้าแอบลอบมาสืบข่าวก็จับลูกน้องข้าอีก ”
เอลล์ยิ้มบาง “ ขอบคุณท่านที่ส่งลูกน้องของท่านมานะ ท่านคาร์บิลัส ”
“ ข้าส่งมันมาหาข่าว พามันกลับก็ไม่กลับ เจ้าเอาไปก็ดีแล้ว ข้าเบื่อพวกได้หน้าแล้วลืมหลัง ” คาร์บิลัสบอกอย่างไม่จริงจังนัก
“ ท่านคาร์บิลัส ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านพูดซะหน่อย ! ” ลุกซ์เรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองอย่างเต็มที่ แม้ว่าสิ่งที่คาร์บิลัสพูดมาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นความจริง
“ เสร็จแล้วล่ะ ฟารคัส ” คาร์บิลัสถอยห่างออกจากผลงานตัวเองและยิ้มอย่างภูมิใจ เมเออร์ถูกมัดทบไปทบมาจนไม่สามารถมองเห็นภายในได้นอกจากบริเวณศีรษะเท่านั้นที่ไม่ถูกพันธนาการซึ่งบริเวณขาที่ถูกมัดก็มีตรวนโซ่ตรวนไว้อีกหนึ่งขั้น
นับว่าเป็นโชคของเอลล์ที่มองไม่เห็นสภาพพ่อของตัวเองในตอนนี้
บรรยายอย่างสุภาพคือ
เหมือนกับช่วงชีวิตหนึ่งของผีเสื้อยังไงยังงั้น
บรรยายหยาบๆ คือ
ตัวอ่อนดักแด้แมลงชัดๆ
“ คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสเรียกคาร์บิลัสขณะที่เอามือนวดขมับตัวเองเบาๆ “ ถ้าเจ้ากล้ามัดข้าแบบนี้ ข้าจะไม่คุยกับเจ้าอีก ” ฟาร์คัสบอกดักเพื่อป้องกันตัวเองไว้ก่อน ใครจะไปรู้ว่าสุนัขอย่างคาร์บิลัสวันดีคืนดีอาจจะจับข้ามัดแบบนี้ก็ได้
“ ข้าไม่มีวันทำกับเจ้าแบบนี้แน่นอน ! ” คาร์บิลัสตะเบ๊ะใส่ฟาร์คัส แต่ข้าจะมัดแบบอื่นต่างหากล่ะ ฮ่าๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ข้าคิดไว้แต่ไม่ได้พูดออกไป
“ ดูเหมือนเจ้าจะยังหงุดหงิดไม่หายนะ คาร์บิลัส ”
“ ใช่ ”
ลุกซ์มองหน้านายเหนือหัวของตัวเองสลับกับอีกา ดูเหมือนว่าจะลืมว่าข้าเอลล์อยู่ในที่นี้ด้วยแล้วล่ะมั้ง เอาเถอะ ลุกซ์หาวอีกครั้งจนน้ำตาเล็ด ข้าก็ไปนอนต่อดีกว่า “ ข้าขอตัวนะขอรับท่านคาร์บิลัส ” และพูดประโยคที่ไม่หวังการตอบรับจากคาร์บิลัส
“ งั้นข้าไปนอนต่อแล้วนะ ฟาร์คัส ” เอลล์บอกกับฟาร์คัสบ้าง
“ เจ้าจะหงุดหงิดอะไรนัก คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสขมวดคิ้วมุ่น
“ เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าเสียใจแค่ไหน ที่พลาดโอกาสนี้ไป ฮือๆ ” คาร์บิลัสแสร้งเช็ดน้ำตา แต่ไอ้ความเสียใจคือของจริง ซึ่งมันก็มีมากด้วย
ลุกซ์กับเอลล์ตัดสินใจกลับห้องของตัวเองเงียบๆ โดยไม่ลืมที่ท่านคาร์บิลัสสั่งไว้ ลุกซ์จัดการแงะดัฟฟ์ออกจากขาของฟาร์คัส แม้ว่าดัฟฟ์จะร้องเหมือนถูกเชือดก็ตาม
“ แง้ ! โฮฮฮ ฆ่าบี้ลัสต้องแกล้งแม่แน่ ง้า ” ดัฟฟ์ที่หลับไปตั้งแต่เกาะขาของฟาร์คัสและงัวเงียตื่นขึ้นมาตอนถูกแงะอออกจากขาฟาร์คัสเป็นที่เรียบร้อย ร้องโหยหวนแต่ก็ถูกลุกซ์เอามืออุดปากไว้
“ เงียบๆ น่า ” ลุกซ์บอกแต่ในใจก็รู้สึกสงสารดัฟฟ์ไม่น้อย ดูเหมือนว่าทั้งพ่อทั้งแม่คนปัจจุบันของดัฟฟ์จะไม่สนใจดัฟฟ์สักเท่าไหร่
“ โฮ ทำไมลุ๊กต้องพามาด้วยง้า ” ดัฟฟ์งอแงสลัดมืดลุกซ์ออกวิ่งไปเกาะขาเออล์แทน
“ เฮ้อ ก็ข้ายังไม่อยากถูกท่านคาร์บิลัสบั่นคอนี่หว่า ”
เอลล์หยุดเดินทันทีที่ถูกเกาะ เอลล์ใช้มือยีหัวดัฟฟ์อย่างเอ็นดู “ มาอยู่กับมังกรไฟแล้วก็ราชาภูตสักวันนะ ดัฟฟ์ ”
ดัฟฟ์หยุดร้องไห้ใช้มือเล็กๆ ขยี้ตาจะตาแดง “ อื้อ ! เยล ! ” และยิ้มน่ารักใส่เอลล์
เอลล์ชะงักมือที่ขยี้หัวดัฟฟ์ “ เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ ? ”
“ แยม ! อร่อย ”
“ ... ”
ฟาร์คัสขมวดคิ้วแน่นเมื่อหันมาสนใจรอบข้างอีกครั้งพบว่าไปกันหมดแล้ว เหลือแต่คาร์บิลัสที่ยืนทำหน้าน่าสงสารใส่ข้าอยู่
“ ต้องการอะไรกันแน่ คาร์บิลัส ”
“ ... ” คาร์บิลัสไม่ตอบส่งสายตาให้ฟาร์คัส เคยมีปีศาจโบราณกล่าวไว้ว่าดวงตาคือหน้าต่างแห่งหัวใจ ฉะนั้นข้าจะไม่พูดตรงๆ ว่า ข้า-ต้อง-การ-ทำต่อ-จาก-เมื่อ-กี้ ! เพราะหากพูดออกไปไม่วายถูกฟาร์คัสที่เขินจัดสั่งสอนเป็นแน่
“ เจ้าง่วงนอนสินะ ” ฟาร์คัสสรุปออกมา และเดินกลับไปยังห้องพักทันที ไม่สนใจจะรอคาร์บิลัสแต่อย่างใด
พวกเจ้าเคยได้ยินคำว่าร้องไห้ทั้งๆ ที่ไม่มีน้ำตาไหม ข้ารีบวิ่งตามฟาร์คัสไปติดๆ และส่งสีหน้าจะร้องไห้ใส่ฟาร์คัส ข้าเสียใจอย่างสุดซึ้งจริงๆ นะ
“ ทำหน้าบ้าอะไรของเจ้ากัน เจ้าไม่ได้ง่วงนอนหรือไง ”
“ ข้าไม่ได้ง่วงนอนซะหน่อย ”
“ แล้วมันจะเรื่องอะไ—” ฟาร์คัสถามและคิดไปพลาง แต่ยังไม่ถามได้จบประโยคก็รู้สิ่งที่คาร์บิลัสต้องการ ฟาร์คัสหน้าแดง “ เจ้าไม่ง่วงแต่ข้าง่วง ”
“ ฟาร์คัส.. ”
“ ไม่ ! ”
สุดท้ายฟาร์คัสก็นอนต่ออย่างสบายใจ มีแต่คาร์บิลัสที่โดนไล่ให้นอนข้างล่างยืนทำหน้าเสียใจ ถ้าหากคาร์บิลัสมีหูคงไม่วายลู่ลงอย่างน่าสงสาร
ทำไมราชาปีศาจอย่างข้ากินอีกาสักตัวก็ยังทำไม่ได้กัน
เป็นเรื่องที่น่าเสียใจชะมัด
คาร์บิลัสถอนหายใจเฮือกๆ เตรียมจะลงไปนอนบนพื้นตามที่ฟาร์คัสสั่ง แต่กลับรู้สึกถึงร่างบนเตียงที่ขยับที่บนเตียงให้ครึ่งหนึ่ง
คาร์บิลัสยิ้มกว้างนอนลงบนเตียงใช้แขนของตัวเองดึงตัวอีกาเข้ามากอดและยอมหลับอย่างสบายใจ
น่าแปลกที่ฟาร์คัสไม่สลัดข้าออก..
บางทีข้าก็รู้สึกว่าอาชีพผู้ควบคุมกาลเวลานี่น่าเบื่อชะมัด
บางทีก็ว่างจนเกินไป บางทีก็ยุ่งจนจะบ้า
ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมวารันต้องเลือกหนีเที่ยวในเวลาที่งานยุ่งด้วย
ทั้งๆ ที่ข้าเตือนแล้วแท้ๆ แต่กลับยังดันทุรังอยู่ดี
สุดท้ายก็มาโดนจับขังลืมในต้นไม้ในดินแดนอะไรสักอย่างที่ข้าไม่ใส่ใจที่จะจำ เรื่องที่ข้าจำได้ก็คงเรื่องที่วารันอยากกินอะไรสักอย่างที่ข้าจำชื่อไม่ได้ที่มันหวานๆ และเย็นในเมืองมนุษย์
ข้าไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมข้าต้องมาปลอมตัวเป็นมนุษย์และมายืนต่อแถวยาวเหยียดที่ถ้าจะต่อคงรอไม่ต่ำกว่าชั่วโมง
ข้าอยากจะใช้เคียวของข้าหยุดเวลาแล้วแย่งไอ้เย็นๆ ในมือมนุษย์พวกนั้นและรีบๆ กลับซะ
แต่ประเด็นคือข้าทำมันไม่ได้
เพราะนั่นจะทำให้ทั้งข้าถูกจับของในต้นไม้บ้านั่น
และข้าก็ยอมไม่ได้หรอกนะ ที่วันๆ จะอยู่แต่ในต้นไม้คอยส่งสารให้พวกนกอะไรสักอย่างในดินแดนที่ฟาร์คัสอยู่
ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอยู่
อย่างการนำไอ้แท่งเย็นๆ นี่ไปให้กับวารัน
ถึงแม้มันจะทำให้ข้ายืนจนกระดูกหดลงไปหน่อยก็เถอะ ข้าลอบกลับบริเวณที่ลับตาเพื่อไม่ให้เป็นที่ตื่นตนใจเท่าไรนัก
ผู้ควบคุมการเวลา ไม่ใช่ความลับแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรป่าวประกาศไปทั่วเช่นกัน
ข้าก้าวขาเข้าไปใกล้วารันที่นอนอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว วารันนอนขดตัวเพื่อให้ขานั้นใม่เลยออกไปจากเก้าอี้และยิ้มน้อยๆ ราวกับว่ากำลังฝันดีอยู่
ข้าใช้มือข้างที่ว่างปัดปอยผมสีเหลืองอ่อนเหมือนกับกลีบดอกไม้ที่บังใบหน้าเอลล์ออกไปทัดหูแทน ข้าจ้องใบหน้าที่ข้าหลงรักและเผลอยิ้มจางๆ ออกมา
น่ารักชะมัด
จู่ๆ วารันกลับขมวดคิ้วแน่นจนโซแวนเผลอขมวดตามอย่างงุนงง และวารันก็ลืมตาเบิกโพรงขึ้นมาทันทีจนโซแวนสะดุ้งถอยหลังไปหลายก้าวในมือเดิมที่ปัดปอยผมมีเคียวที่ส่งกลิ่นอายแปลกๆ
วารันหัวเราะลั่นกับท่าทางของโซแวน
“ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ แกล้งเจ้านี่มันสนุกจริง ” วารันเอามือกุมท้องหัวเราะ
โซแวนกลอกตา เอาอีกแล้ว ข้าโดนวารันแกล้งอีกแล้ว เอาเถอะ ถ้ามันเป็นความสุขเล็กๆ ของวารัน ข้าจะยอมแล้วกัน โซแวนยื่นสิ่งที่ซื้อมาให้วารัน
วารันยิ้มกว้างรับมาเลียกินแผล่บๆ ทันที “ ขอบคุณนะโซแวน ! ที่เจ้าไปต่อคิวซื้อไอติมให้ข้า แต่ว่าที่ข้าจะบอกคือ.. ”
โซแวนตั้งใจฟัง
“ ในถุงข้าก็มีตุนไว้เยอะแยะ ”
โซแวนคิ้วกระตุกรู้สึกเสียดายเวลาที่ไปเข้าแถวหลายชั่วโมง
ทั้งๆ ที่ข้าเป็นผู้ควบคุมกาลเวลา
แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้เวลาอยู่ดี
-----------------------
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ
อยากรู้ว่าใครโหวตว่า แล้วแต่วันแล้วแต่อารมณ์ค่ะ 5555555 ยกมือหน่อยค่ะ
* เปลี่ยนโหวตใหม่
โหวตเก่าโหวตว่า : วารันเป็นรับ ถูกต้องค่ะ วารันเป็นรับ