บทที่ 5 ไม่รู้..กูเมา (2)
“กู รัก เมิง” อ๊ากกก ผมพูดไปแล้ววววว
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงเบรกรถที่แทบจะอัญเชิญยมบาลขึ้นมาของไอ้คนข้างๆ ทำเอาผมเหงื่อตก ถึงจะแกล้งหลับตาจิตหลุดลอย แต่ผมก็พอจะเดาสีหน้ามันออกว่า มันจะอึ้ง ทึ่ง สยองขนาดไหน อยู่ๆ เพื่อนที่เป็นเพศเดียวจะกับมันเสือกบอกรักมันซะงั้น เอาไงดีวะกู เอาไงดี จะแกล้งเมาต่อไปไม่รู้เรื่อง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หรือว่าละเมอว่าชอบคนอื่น งืมๆ ไม่ดีว่ะ เดี๋ยวต้องมานั่งหาแฟนปลอมๆ หลอกมันอีก จะยุ่งนะเว้ย หรือว่า...อืม ละเมอว่า เหล้าจ๋า กูรักเมิงว่ะ เอิ้กๆ ใส่โซดาด้วยน้า จะดูโง่ไปไหมวะ แม่งง หรือว่ากูจะยอมรับไปเลย ใส่แม่งเลยดีไหมวะ ลูกผู้ชายอยู่แล้ว แถมตอนนี้เมิงกำลังอยากจะเป็นชายเหนือชายด้วยนะเมิง ไอ้เวย์ เอาไงๆ โอ๊ยยย อย่าเพิ่งถามอะไรกูนะ ขอกูแอบโทรไปปรึกษาเทพธิดาพยากรณ์ก่อนนะเมิง
ขณะที่ความคิดกำลังสับสนวุ่นวายอยู่ในหัว ผมก็พลันรู้สึกถึงลมหายใจที่คลอเคลียอยู่ไม่ห่างจากใบหู ก่อนที่เจ้าของมันจะพ่นลมออกมาอย่างแรงราวกับต้องการระบายความอึดอัดในใจ ผมยังคงหลับตาแน่น แกล้งหัวเราะเอิ้กๆ ราวคนไม่มีสติ ที่จริงแล้วกูสติเต็มร้อยโว้ยยยย (อย่าลืมว่า..คนเมามักจะคิดว่าตัวเองไม่เมา เหอๆ)
“หึ ละเมออย่างนี้ตอนกูขับรถ กลัวจะไม่ได้ตายพร้อมกันรึไง” เสียงที่เอ่ยบางเบาราวเสียงกระซิบ ก่อนที่ความอบอุ่นข้างแก้มจะค่อยๆ จางไป ทว่าเสียงกระซิบแหบพร่านั้นแทบจะทำให้คนแกล้งสติหลุดเกือบจะสำลักเสียงหัวเราะของตัวเอง
อ่ะ..ไอ้ไนท์ มันพูดบ้าอะไรของมันวะ หรือ..หรือว่ามันรู้อยู่แล้ว เฮ้ย! จะเป็นไปได้ไงอ่ะ เหอๆ ไม่มีทาง หรือว่ามัน....มันฟังผิด เมิงได้ยินที่กูพูดไม่ใช่ชัดไหม อ๊ากกกกกกกกกก เกิดอะไรขึ้นโว้ยยย ทำไมกูงง งงไปหมดอย่างนี้ว้า แม่งง สรุปแล้วกูกำลังลองใจมึง หรือว่ามึงกำลังลองใจกูอยู่เนี่ย แม่งง เทพธิดาพยากอนนนนนนน
ไม่รู้ไม่ชี้แล้วโว้ยยยยย กูมึน กูเมา กูจะนอนนนนนน
อือ แม่ง อะไรหนักๆ บนท้องกูวะ ทำไมลุกไม่ขึ้น แม่ง หรือว่ากูถูกผีอำ สาดดด ไม่จริง ผีที่ไหนจะกล้ามาอำคนอย่างกู เดี๋ยวพ่อก็บีบคอให้ตายอีกรอบหรอกมึง ผมปรือเปลือกตาที่หนักอึ้งมองที่ไปที่เอวตัวเองช้าๆ ท่อนแขนแข็งแกร่งสีน้ำผึ้งกำลังพาดอยู่ตรงนั้นอย่างไม่มีทีท่าจะปล่อย ไล่สายตาตามลำแขนนั้นไป ก่อนจะหยุดอยู่ที่ใบหน้าไร้พิษสงของใครบางคน ใบหน้าคมเข้มเจือรอยยิ้มจางๆ ราวโลกนี้มีแต่ความสุข เฮ้อ สบายจริงนะมึง อูยย ปวดหัวชิบหาย
ผมสะบัดหัวไล่ความมึนงงก่อนจะดึงหมอนข้างมาให้ไอ้คุณชายมันกอดแทน แล้วลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจอย่างเคยตัว อืมม เมื่อยอีหลี (- -,,) ผมจัดการถอดเสื้อยืดกับบ็อกเซอร์(ของไอ้ไนท์) ออกแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ ทำตัวราวกับเป็นเจ้าของห้อง อ่ะ แน่นอน เดี๋ยวต้องได้เป็น กร๊ากก ปลงซะเถอะครับกับคำพูดของผม เอาน่า ขอผมให้กำลังใจตัวเองมั่งสิ ฮ่าๆ ที่จริงผมก็ชินแล้วล่ะครับ เวลาเมาทีไรก็มานอนห้องนี้ทุกที ก็เด็กดีไงครับ ไม่อยากให้แม่เห็น เดี๋ยวท่านจะเสียใจ น่านน พระเอกโคตรเลยกรู รู้ใช่ไหมครับว่าที่จริงมันเป็นข้ออ้างที่ทำให้ผมได้ใกล้ชิดมันมากขึ้น เหอๆ
น้ำเย็นๆ ที่กระทบตัวผม ทำให้สมองเริ่มแจ่มใส จิตใจปลอดโปร่ง เอ๊ะ มันสลับกันป่าววะ? เออ ช่างมันเหอะ เอาเป็นว่าบังเกิดปัญญาเริ่มจะทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืน ไปอาบเหล้ากับพวกไอ้นุแล้วก็เมาเป็นหมากลับมากับไอ้ไนท์ งืมม แล้วทำอะไรไปอีกมั่งวะ เหมือนๆ จะลืมอะไรไปบางอย่าง ขึ้นไปแหกปากร้องเพลง ซดเหล้า พ่นคำหยาบคาย แล้ว...แล้ว...อ๋อ..แล้วก็ซดเหล้าฟรีจากโต๊ะอื่น แล้วก็...อะไรวะ เหมือนทำอะไรไปแต่จำไม่ได้ เหมือน..เหมือนจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ฮ่วย!! ไม่ใช่มั้ง? ถ้าเรื่องสำคัญก็ต้องจำได้ดิ แม่งง ช่างมันเว้ย อุตส่าห์สระผมให้สมองโล่งแล้วจะสรรหาเรื่องมาให้รกสมองอีกเพื่อ? แต่ทำไมมันค้างๆ คาๆ อย่างงี้ว้า ฮ่วยยย
“เฮ้ย! เปิดดิ๊ กูขออาบด้วย” เสียงขออนุญาตที่ติดเหมือนคำสั่งเสียมากกว่าดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะถี่ๆ ที่บานประตู ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วรำคาญ อ่ะ! อย่าบอกนะครับว่าลุ้นให้ผมเปิดประตูแล้วลากไอ้คนสั่งเข้ามา จากนั้นก็...เผด็จศึกมันซะ อ่า ใช่ว่าไม่อยากทำหรอกนะ
“เปิดให้โง่ดิ เดี๋ยวเมิงก็ถีบกูลงอ่างอีก” งงกันรึเปล่า ถ้างง ผมจะขยายความให้ฟัง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไอ้คุณชายนี่เสือกนึกสนุกลากผมเข้าห้องน้ำไปอาบด้วยกัน มันว่าอยากมีคนขัดหลังให้ แต่ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร พ่อเจ้าประคุณก็จัดการเอาฝ่าเท้างามๆ ของมันถีบผมที่เปลือยเกือบทั้งตัวลงอ่าง แล้ววิ่งหนีออกไปดูดบุหรี่นอกห้องเฉยเลย พอผมออกมามันยังเสือกมีหน้ามาหัวเราะท้องแข็งอีก หาว่าผมโง่ที่เชื่อมัน ดู๊มันทำ แสบไหมล่ะ
“ฮ่าๆ ฉลาดขึ้นนี่หว่า” เออ กูอยู่กับเมิงมานาน มันก็ต้องมีการพัฒนามั่งดิวะ
‘แกร๊ก’ ผมเปิดประตูออกจากห้องน้ำ ก็เจอมันยืนโชว์หุ่นชวนให้คลั่งอยู่ แถมยังมองผมแปลกๆ สาดด กูหล่อขึ้นรึไงวะวันนี้
“เป็นเอี้ยไรของเมิง มองกูทำไม” ผมถามมันเสียงดัง ก็คนมันเขินนี่ครับ เห็นก็บ่อย แต่มันยังไม่ชินซะทีอ่ะ ฮ่วยย พุธโธ ธัมโม สังโฆ สงบไว้ลูก สงบไว้
“หึหึ กูว่านะ...วันนี้ตอนเย็นมึงอย่าเล่นบาสเลย” หน้ามันตอนที่พูดนี่วอนตีนมากเลยครับ เหมือนหมาเจ้าเล่ห์ไม่มีผิด
“ทำไมวะ”
“หึ” สาดดด กูถามให้เมิงตอบ ไอ้ ‘หึ’ ของเมิงนี่ ถ้ากูเข้าใจได้ ป่านนี้กูไม่มานั่งเรียนให้เมื่อยก้น ออกไปเปิดสำนักทรงเจ้าดังไปทั่วเมืองไทยแล้วโว้ยยย
ขณะนี้พวกผมมารวมตัวกันอยู่ในโรงยิมซึ่งแน่นขนัดไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา แต่ส่วนใหญ่ก็คงหนีไม่พ้นสาวๆ แหล่ะครับ ผมว่ามันคงเป็นเรื่องธรรมดาที่สมาชิกทีมบาส(เกือบ) ทุกคนจะเป็นคนมีเจ้าของ บ้างมีเจ้าของคนเดียวมานานแรมปี เทิดทูนบูชาราวกับแม่คนที่สอง (ไอ้นุไงครับ) บ้างเปลี่ยนเจ้าของบ่อยๆ บ้างแอบหนีเจ้าของไปแสวงหาโลกใหม่ ส่วนไอ้ผมก็คนที่แอบหลงรักคนทีเจ้าของไง กร๊ากกกก
“ไอ้กัปตันครับ จะยืนพ่นเสน่ห์แย่งหญิงพวกกูอีกนานไหม” ผมหันไปทำตามเสียงเรียกที่โคตรเคารพของไอ้อ้น ชูตติ้ง การ์ดของทีมเรา ไอ้คนนี้เป็นพวกชอบแสวงหาโลกใหม่ครับ แต่ฝีมือมันนี่รับประกันได้ เพราะผมคัดมาเองกับมือ ฮ่าๆ ไม่อยากจะคุยว่าผมเป็นถึงกัปตันทีมบาส ฝีมือระดับเทพ ฮ่าๆ ไม่ได้คุยนะครับ ผมโม้เท่านั้นเอง ผมเป็นพอตท์ การ์ดครับ นี่ถ้าไอ้ไนท์ซึ่งมันเป็นเซ็นเตอร์ไม่มัวแต่ทำตัวลอยไปลอยมา ผมคงไม่ต้องมารับหน้าที่เหนื่อยอยู่คนเดียวหรอก พูดแล้วก็แค้น ตอนเลือกกัปตันมันเลือกหนีไปเที่ยวกับสาวเฉยเลย ไอ้เวรนี่
“สาด กูนี่ยังโสด มีโอกาส ส่วนเมิงอ่ะ มีแม่มาคุมไม่ใช่เหรอวะ” ผมหันไปยักคิ้วกวนตีนมัน ตอนนี้เราจัดการแบ่งสองทีม ผม ไอ้ไนท์ ไอ้อ้น ไอ้แชมป์ (สมอล์ ฟอร์เวิร์ด) และไอ้นุ(พอวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด) อยู่ทีมเดียวกัน ส่วนอีกทีมเป็นเด็กปีหนึ่งกับปีสอง เห็นชัดๆ ว่าไม่ได้เอาเปรียบรุ่นน้อง - - ก็แค่อยากดูความพร้อมของเด็กมันน่ะครับ เชื่อดิ
“โหยย กูไม่ใช่ไอ้นุนะ จะได้กลัวแต่เมียอ่ะ กร๊ากก”
“ก๊ากๆ”
ป้าบ!! เสียงฝ่ามืออรหันต์ของไอ้คนกลัวเมียตบแสกหน้าคนช่างพูด เล่นเอาไอ้อ้นหุบปากสนิทยิ่งกว่ารูดซิบ จ้องไอ้นุที่หัวเราะอ้าปากกว้างอย่างเคืองๆ ทำเอาผมกลั้นหัวเราะไม่อยู่
“หุบปากไปเลยเมิง อย่านึกว่าเป็นกัปตันแล้วกูไม่กล้านะเว้ย” สาดนุ ลามปามๆ ไอ้นี่ล้อเรื่องกลัวเมียหน่อยทำเป็นขึ้น ฮ่วย กูพูดเรื่องจริงแท้ๆ
“อ้าว อยู่ๆ มาลงกับกูอ่ะ กูบอกแล้วให้อยู่เป็นโสดอย่างกู ตัวเลือกเพียบ” ว่าพลางยืดอกอย่างภูมิใจครับ หนุ่มโสด หน้าตาดี ฝีมือเทพอย่างผม ย่อมต้องมีสาวน้อยสาวใหญ่มาหลงใหลเป็นธรรมดา
“ใครบอกว่าเมิงโสด เมิงเป็นเมียไอ้คนที่ยืนตำแหน่งเซ็นเตอร์อยู่โน่นไม่ใช่รึ” อ๊ากกก เมิงรู้ได้ยังไงว่านั่นคือความต้องการสูงสุดของกู ถ้าจะให้ดี ช่วยกล่อมมันให้ยอมกูหน่อยดิวะ
“ไอ้ฟาย เมิงอยากลองของมะ กูเห็นไอ้ส้มเพิ่งเดินมา กูว่ากูไปบอกเรื่องดีๆ กับมันหน่อยดีกว่า” ว่าแล้วผมก็ตั้งท่าจะเดินออกไป
“เฮ้ย!! อย่านะเว้ย แม่งง เมิงจะฆ่ากูหรือไง สาดด อยากได้อะไรบอกกูมาเลยเพื่อน” แน่ะ ทีตอนนี้มาทำเสียงอ่อนเสียงหวาน เฮอะ
“เฮ้ย! ทำอะไรกันวะ” เสียงฉุนๆ ดังขึ้นขัดคอการสนทนาของพวกผม พร้อมกับเสียงดัง ปึก!! จากการที่ลูกบาสพุ่งมาปะทะอกของไอ้นุอย่างแรงจนมันแทบจะทรุด สายตาจ้องเขม็งที่บ่งบอกอาการโมโหของเจ้าตัวทำให้เดาได้ไม่ยากว่าฝีมือใคร ไอ้เวรไนท์
“อูยย แม่ง แรงดีชิบหาย” ไอ้นุมันลุกขึ้นมาเดาะลูกบาสหน้าตาเฉย จะมีก็แค่อากรเบ้ปากเล็กน้อย เฮอะ ว่าแต่มันแรงดี เมิงก็อึดไม่ใช่น้อย
จากการนั้นเราก็เริ่มเข้าสู่สนามรบระหว่างรุนพี่รุ่นน้องอย่างเต็มรูปแบบ แต่แน่นอนครับว่าการแข่งขันไหนเลยจะมีคำว่าพี่น้อง เช่นเดียวกับเรื่องเงินทองที่ไม่มีคำว่าญาติมิตร ฮ่าๆ สำนวนดีไหม ผมเนี่ย
เปิดเกมส์มาพวกผมก็อาศัยความเก๋า เข้าขากันเป็นอย่างดีนำไปก่อนเลยครับ เล่นไปผมก็ต้องคอยดูจุดอ่อนของพวกน้องๆ ไป เพื่อนำไปแก้ไขกันทีหลัง ไม่นานพวกรุ่นน้องที่คาดว่าคงจะซ้อมกันมาไม่ใช่น้อยก็เล่นเข้าขากันจนได้ เริ่มรีบาวด์ทำคะแนนเร็วตีขึ้นมาบ้างแล้ว ท่านกลางเสียงเชียร์ที่ดังขึ้นไม่ขาดสาย ครึ่งแรกผ่านไปด้วยความสนุก ผลัดกันรุกผลัดกันรับตลอด ซึ่งทำให้ผมค่อนข้างพอใจกับผลการฝึกซ้อม
พักครึ่ง ผมเรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ข้างสนามไม่เว้นแม้กระทั่งตัวสำรอง และผู้จัดการทีม ( ไอ้ป้อน้อย ซื่อ เซ่อ และเชื่อง คนโปรดผมทีเดียวครับ สั่งอะไรได้อย่างนั้น การจะสั่งคนอย่างมัน ต้องทบทวนคำสั่งอย่างรัดกุม ไม่มีช่องโหว่ วันหลังจะเอาผลของการสั่งไม่รัดกุม มาเล่าให้ฟังนะครับ)
“พวกมึงเตรียมตัวมาดี เข้าขากันเร็ว ไอ้โอมมึงต้องดีเฟนซ์ให้แน่นกว่านี้ ถ้าจับกูหรือไอ้อ้นไม่อยู่ เมิงก็แมนทูแมนไปเลย แล้วปล่อยให้ไอ้เก่งมันจัดการอีกคน”
“ครับพี่” เวลาเป็นการเป็นงานอย่างนี้ ไม่มีใครพูดแทรก ขาดคนกวนตีน ไร้รสชาติเสียจริง ฮ่าๆ ว่าแต่ไอ้ไนท์มันยิ้มแปลกๆ อีกแล้วนะเว้ยย เป็นเอี้ยไรวะ
“น้องเนม เมิงกับไอ้เป้ ลูกล่อลูกชนแพรวพราว แต่อย่ามากไป จะเสียโอกาสทำคะแนน”
“ครับ กัปตัน” เด็กปีหนึ่งสองคนในทีมที่ผมยอมรับให้เป็นตัวจริง ส่วนเหตุที่ผมเรียกมันว่าน้องเนม ไม่ใช่เพราะว่าน่าเอ็นดูแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะถ้าเรียกอย่างอื่น มันไม่หัน ไอ้นี่มันกวนตีนเงียบ แถมดื้อเงียบไม่แพ้ไอ้เซ็นเตอร์ของผมด้วย
“ส่วนเมิง ไอ้เชน มึงจงมาเป็นเสาหลักของเซซุนซะ”
ป้าบ!! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบรรดาเพื่อนๆ ที่อุตส่าห์หุบปากไม่พูดแทรก ไม่กวน มันจะต้องหมดความอดทนสามัคคีฝ่ามือบนหลังผม
“สาดด กูเจ็บ”
“ก็เสือกเล่นทำไมล่ะเมิง ดูการ์ตูนมากไปรึไงวะ เซซุนพ่อเมิงดิเล่นบาส เขาเล่นเทนนิสกันเว้ย แม่งงง กูล่ะโคตรชอบเล่นเทสซึกะเนี่ย โคตรจะหน้าตาเหมือนกูยังกะคลานตามกูออกมา แล้วยังมี.....”
ป้าบ!!! สามัคคีฝ่ามืออีกครั้ง มอบให้เป็นที่ระลึกแก่ศีรษะงามๆ ของไอ้แชมป์
“อูยย แม่งงง ทีกูทำไมตีที่หัววะ แม่งง ยิ่งโง่ๆ อยู่”
“ไม่ต้องบ่นเลยเมิง กูนี่เต็มหลัง แดงเป็นรอยมือชัวร์”
“ไหนๆ ขอดูหน่อยดิ พวกกูไม่ได้เห็นเมิงแก้ผ้ามาตั้งนานแล้ว” อ้าวๆ เวรแล้วไงพวกเมิง อยู่ดีไม่ว่าดีเสือกอยากเห็นกูแก้ผ้า ไอ้พวกบ้า ปัญญาอ่อน
“เฮ้ย อย่ามาบ้านะเมิง ไอ้พวกเอี้ย” โดยไม่รอฟังเสียงผม ผู้ซึ่งเป็นใหญ่ในสนาม - - พวกมันจัดการถอดเสื้อนิสิตผม ไอ้ครั้นจะดิ้นก็กลัวกระดุมขาด เลยได้แต่สบถด่าพวกมัน แน่นอนว่าไอ้ด้านๆ อย่างนี้ไม่มีสะดุ้งสะเทือน
“ว้ายย แก้แล้วๆ กรี๊ดดด”
“โว้! ขาวจังเลยครับ วิ๊ววว”
“ว้าววว เนียนโคตร”
หนึ่งเหตุผลที่ผมไม่อยากถอดเสื้อในยิม แต่ละคำที่ได้ยินล้วนน่าฟังทั้งน้านนนนนน
“เฮ้ย!! ไอ้เวย์ เมิง เมิงงงงง” ไอ้นุร้องแล้วมองหน้าผมอึ้งๆ ไม่ต่างจากคนที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังผมอยู่ เป็นเอี้ยอะไรของพวกมัน
“พี่เวย์ พี่ โธ่ ไม่น่าเลย” ไอ้เนมมึงทำหน้าเสียดายอย่างนั้นหมายความว่าไงวะ
“เป็นอะไรกันวะ มันแดงมากเลยเหรอ” พวกมันพร้อมใจกันพยักหน้า เว้นก็แต่...ไอ้ไนท์ที่ทำเป็นอมยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ มองนั่นมองนี่ไปเรื่อย สาดดด เมิงก็ตบกูนะ ไม่เคยใส่ใจเลยใช่ไหม
“เออ แดง แดงทั่วทั้งหลังเลย แดงเป็นจุดๆ ด้วย” ง่า จะเป็นไปได้ไงวะ รอยตบจะแดงเป็นจุดๆ ได้ไง
“เมิงบอกพวกกูมาซะดีๆ เมื่อคืนเมิงไปนอนกับใครมา”
-----------------------------------------------
ตอนนี้มันยาวยังไม่จบนะคะ
เดี๋ยวไวท์มาต่อน่าจะเป็นงันพรุ่งนี้ ไม่ก็วันอาทิตย์ค่า