เสียงเฮลั่นที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ภูธิปชะงักเล็กน้อย ก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นเหล่านักรบวกะที่เคยถูกพวกเขาจับเป็นตัวประกันกว่าสองร้อยชีวิต บัดนี้ต่างเฮโลยกพลกันออกมาร่วมรบกับพวกตน ส่วนพิภพหน้าซีดเล็กน้อย พร้อมกับหลุดพึมพำกับตัวเองออกมาอย่างลืมตัว
“บ้าน่า...จะมาทำไมกัน...ทำไมไม่หนีไปให้หมด”
“มีอะไรหรือพิภพ... ผิดแผนไปหน่อยหรือไง”
พิภพชะงักและตวัดสายตามองภูธิป ก่อนจะหันไปมองเผ่าวกะที่กำลังมุ่งมายังที่พวกเขาอยู่ เจ้าตัวเม้มปากแน่น แล้วจึงตะโกนย้อนกลับไปดังลั่น
“เจ้าพวกวกะโง่เง่า! ถ้ายังรักตัวกลัวตายก็หนีไปให้พ้น ไม่ต้องมาร่วมรบไร้สาระแบบนี้ เข้าใจไหม!”
วกะตนอื่น ๆ พากันชะงักเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะได้พวกกฤตช่วย จึงได้รู้ว่าต่อให้พวกธามไม่มาชิงตัวประกัน แต่ตัวพิภพเองก็ได้แอบวางแผนลักลอบปล่อยตัวประกันออกไปทีละน้อยในอนาคตอยู่แล้ว และที่ต้องยอมเป็นอาณานิคมของเผ่าครุโฬ เนื่องจากมั่นใจและได้ข่าวภายในมาว่า ยังไงเผ่าครุโฬก็เล็งโจมตีเผ่าของตนเองเป็นแน่ จึงตัดสินใจชิงร่วมมือและยอมยกเผ่าเป็นอาณานิคมให้กับภูธิปเสียก่อน แม้จะอ้างบังหน้ากับทุกคนว่าเพื่อแก้แค้นบิดาก็จริง แต่สาเหตุหลักก็คือเขาต้องการหลีกเลี่ยงการสู้รบและบาดเจ็บล้มตายโดยไม่จำเป็นนั่นเอง
“ลูกจะคิดยังไงมันก็เรื่องของลูก แต่พวกเราก็มีเกียรติและศักดิ์ศรีของเราเช่นกัน!”
ปุริมบอก แล้วกระจายวงล้อมกรอบพวกนักรบครุโฬ ที่แม้ยามนี้ก็ยังคงไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
“เกียรติและศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ...ของพรรค์นั้นมันช่วยอะไรได้บ้าง! มันทำให้ทุกคนรอดพ้นได้อย่างนั้นหรือ! ผมขอย้ำอีกครั้ง ว่าให้รีบไปเดี๋ยวนี้ ก่อนที่พวกนี้จะ...”
พิภพสะดุ้ง เมื่อมือใหญ่ของภูธิปในร่างอมนุษย์ตะปบปิดปากของเขา พร้อมกับแขนอีกข้างที่รัดร่างเขากอดค่อนข้างแน่น
“ชู่...อย่าเพิ่งบอกพวกมันสิ พิภพ ...เรื่องเซอร์ไพรส์ ก็ต้องเอาไว้ดูด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่หรือ”
พิภพพยายามดิ้นรนจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย ทว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อภูธิปหันไปบอกกับคนของตน
“เรียกพวกนั้นมาได้แล้ว...ปล่อยให้ซ่อนตัวกันอยู่เสียนาน ป่านนี้คงหงุดหงิดแย่”
คนของภูธิป รับคำแล้วจึงนำแตรเขาสัตว์มาเป่ายาวเป็นสัญญาณ และพอสิ้นเสียงเป่าเขา เสียงโห่ร้องยินดีและพื้นดินสะเทือนเลือนลั่นก็ดังขึ้น จนพวกวกะและมโคพากันตื่นตระหนกกันยกใหญ่
“เกิดอะไรขึ้น!”
“กฤต! หรือว่าพวกนั้นมีพรรคพวกซ่อนอยู่อีกกันแน่!”
ปุริมหันไปถามกฤต ส่วนธามนั้นรีบตรงไปสมทบกับวิรัลทันทีที่ช่วยบิดาออกมาได้
“ผมก็ไม่ทราบครับท่านประมุข... แต่เมื่อก่อนหน้าที่จะออกมารบ หัวหน้าเผ่าครุโฬพูดเหมือนกับว่าเขามีไม้ตายซ่อนอยู่ แต่ผมไม่ได้อยู่รับฟัง ...ผมได้รับคำสั่งก่อนหน้านั้นแต่เพียงว่า ถ้ามีการบุกชิงตัวประกันเกิดขึ้นจากภายนอกเมื่อไหร่ ก็ให้ร่วมมือช่วยทุกคนแล้วพาหนีไป อย่าหวนกลับมาอีกเพียงแค่นั้น...”
กฤตตอบคำถามนั้นด้วยความรู้สึกผิด ที่ไม่อาจจะทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายได้สำเร็จ ทีแรกนั้นหลังจากช่วยทุกคนเสร็จ เขาก็พยายามอธิบายให้ทุกคนได้รับรู้เหตุผลของพิภพ และบอกว่าชายหนุ่มต้องการให้ทุกคนหนีไปให้ไกลจากที่นี่และอย่าได้ย้อนหวนมาอีก หากแต่ทุกคนที่ได้รับรู้เรื่องราว ต่างไม่ยอมรับฟังข้อเสนอนั้น แม้พวกเขาจะเข้าใจแนวคิดของพิภพดีแล้วก็ตาม ทว่าด้วยสายเลือดอันหยิ่งทระนงในตัวเองของพวกวกะ จึงทำให้ทุกคนตัดสินใจสู้ตายเพื่อชิงเผ่ากลับคืนมามากกว่า
“ช่วยไม่ได้...ในเมื่อเป็นแบบนี้ยังไงก็ต้องสู้จนถึงที่สุด!”
ปุริมให้กำลังใจตัวเองและพวกพ้อง และตัดสินใจบุกโจมตีภูธิปเพื่อชิงตัวลูกชายคนโตกลับคืนมา ทว่าก่อนที่พวกเขาจะรุกคืบไปถึงตัวภูธิปและพิภพ แต่ละรายก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อได้เห็นร่างที่ค่อย ๆ ทยอยเดินออกจากป่าทึบ และปรากฏต่อสายตาทุกคน ซึ่งนั่นก็สร้างความตกตะลึงให้กับพวกวกะและมโคในที่นั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งพิภพที่รู้ตัวอยู่แล้วก็ตาม
“หึ ๆ เป็นไง ...เธอคงไม่คิดว่าฉันจะมาบุกยึดครองพวกวกะที่ชำนาญการสู้รบ ด้วยคนแค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้นหรอกนะ ใช่ไหม”
ภูธิปบอกกับคนในอ้อมกอด พร้อมกับปล่อยมือที่ปิดปากอีกฝ่ายอยู่ให้เป็นอิสระ พิภพพึมพำเสียงแทบไม่พ้นลำคออย่างไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง
“เป็นไปไม่ได้ ...จำนวนขนาดนั้น หลบซ่อนอยู่ได้ยังไงจนถึงป่านนี้ ...”
ชนเผ่านักรบครุโฬกว่าสามร้อยชีวิตค่อย ๆ ทยอยออกมาจากที่ซ่อนตัวอยู่บริเวณนั้นอย่างไม่รีบร้อนนัก และต่างพากันยืนเรียงรายล้อมเหล่านักรบวกะและมโคอยู่รอบ ๆ
“ฉันชอบสถานที่ลับของเผ่าเธอจัง... มีภูมิประเทศเอื้อต่อการซุ่มโจมตีศัตรูได้ดีนะ...เสร็จศึกนี้ ฉันคงต้องขอยึดเอาไว้เสียแล้วล่ะ”
ภูธิปบอกอีกฝ่ายยิ้ม ๆ แต่คนในอ้อมแขนเขายิ้มไม่ออก
“คงคิดว่าผมโง่มากสินะ...”
พิภพพึมพำกับตัวเอง ทว่าคนฟังกลับหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงเอ่ยตอบ
“ใครว่าล่ะ...เพราะเธอฉลาดต่างหาก ฉันถึงต้องได้วุ่นวายระแวงเตรียมโน่นเตรียมนี่ให้ยิ่งกว่าเดิม เพราะกลัวจะเสียท่าเธอจริง ๆ ยังไงล่ะ”
เจ้าตัวชะโงกจูบเส้นผมอีกฝ่ายอย่างยังคงเอ็นดู แล้วจึงสั่งลูกน้องซึ่งเป็นมือขวาของเขาให้คุมการสู้รบในครั้งนี้
“ไปสิ สิทธา! ไปแสดงพลังของเผ่าพวกเราให้พวกนั้นได้เห็นหน่อย ...แล้วอย่าลงมือรุนแรงนักล่ะ ไม่อย่างนั้นเรื่องสนุก ๆ มันจะจบไวเสียก่อน”
“ขอรับท่านประมุข!”
คนสนิทของภูธิปโค้งรับ และจึงออกคำสั่งประจัญบานทันที ทำให้พวกวกะและมโค ตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าอมนุษย์ผู้แข็งแกร่ง ด้วยจำนวนนักรบวกะเพียงแค่สองร้อยกว่าชีวิต และเหล่ามโครวมถึงพันธมิตรกว่าอีกร้อยชีวิต แม้ด้วยจำนวนคนจะพอ ๆ กัน ทว่าศักยภาพที่มีนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“บ้าชะมัด! ติดต่อพวกข้างในให้มาช่วยรบดีไหมนะ!”
หนึ่งในพรรคพวกของกฤตสถบพึมพำ เมื่อเห็นจำนวนของศัตรูที่มากมายแตกต่างกับพวกตน แต่กฤตรีบปรามไว้ก่อน
“ไม่ได้! พวกนั้นมีแค่ผู้หญิง เด็ก แล้วก็วกะวัยรุ่นไร้ประสบการณ์สู้รบ ขืนเอามาก็รังแต่จะให้มาถูกฆ่าโดยเปล่าประโยชน์! กับพวกครุโฬ แค่จำนวนมากกว่า ก็ใช่ว่าจะได้เปรียบ!”
คนฟังชะงักก่อนจะมีสีหน้าเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้น ส่วนวกะตนอื่น ๆ นั้นก็คิดเช่นเดียวกับกฤต พวกเขาหันหน้าเผชิญกับเหล่าครุโฬ ที่เดินบีบล้อมเข้ามาอย่างย่ามใจเรื่อย ๆ
“หยุดนะ! กฤต! บอกให้คนของเรายอมแพ้เดี๋ยวนี้! อย่าต่อสู้เด็ดขาด!”
เสียงพิภพที่ถูกกักด้วยอ้อมแขนแกร่งตะโกนแว่วมา กฤตชะงัก เขาเองก็อยากทำตามคำสั่งของพิภพ แต่มาถึงขั้นนี้ ต่อให้พวกเขายอมแพ้ ชายหนุ่มก็เชื่อว่าภูธิปย่อมจะไม่มีวันอภัยให้คนที่หักหลังตนซ้ำสองเป็นแน่
“หึ ๆ เอาไงดีนะ ...คุกเข่าขอร้องและจูบเท้าฉันต่อหน้าพวกวกะทุกคนสิ พิภพ...บางทีฉันอาจจะละเว้นโทษตายให้คนในเผ่าของเธอก็ได้นะ”
ภูธิปเปรยเสียงดัง ให้ทั้งพิภพและทุกคนในเผ่าวกะได้ยิน ทางด้านพิภพชะงักกึก และเมื่อภูธิปปล่อยอ้อมกอดที่กักร่างเขาออก ชายหนุ่มก็เหลือบมองคนที่ยืนยิ้มน้อย ๆ ตรงหน้า แล้วจึงค่อย ๆ คุกเข่าลงช้า ๆ ท่ามกลางสายตาเจ็บปวดของกฤตและคนของพิภพ รวมไปถึงปุริมที่มองอยู่
“หยุดนะลูก! อย่าไปฟังมัน! ต่อให้ลูกทำแบบนั้น มันก็ฆ่าพวกเราทิ้งอยู่ดี เพราะพวกพ่อจะไม่มีวันยอมก้มหัวให้พวกมันเด็ดขาด!”
พิภพที่เตรียมโน้มศีรษะลงต่ำชะงัก แล้วจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เบือนหน้าไปมองบิดาของตน ด้วยสายตาที่ทั้งชิงชังตัดพ้อแต่ลึก ๆ แล้ว ภายในแววตาคู่นั้น มันยังคงมีความเคารพรักคนตรงหน้าแฝงอยู่ให้สัมผัส
“ผมเกลียดพ่อ ...เกลียดเผ่าวกะ ...มาถึงตอนนี้ก็ยังคงเกลียดอยู่ดี ...”
พิภพบอกกับอีกฝ่ายเสียงสั่นเครือ เขาจ้องตาปุริมนิ่งสักพัก แล้วจึงหันกลับ เป็นจังหวะเดียวกับที่ปุริมนั้นนึกเอะใจในบางสิ่งที่ลูกชายของตนกำลังทำ
“พิภพ หรือว่าลูกจะ...”
“...แต่ถึงเกลียดยังไง การที่จะเห็นมันสลายไปต่อหน้าต่อตา ...มันก็ทำใจไม่ลงอยู่ดีนั่นล่ะ!”
พิภพตะโกนพร้อมกับกลายร่างและเตรียมลงมือเล่นงานหมายตำแหน่งหัวใจของภูธิป ทว่าอีกฝ่ายก็จับข้อมือของเขาไว้ได้ก่อน เจ้าตัวบีบมันค่อนข้างแรงจนได้ยินเสียงคล้ายกระดูกแตก พิภพกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่คนลงมือแย้มยิ้มเย็นเป็นปกติ
“ไม่น่าเลยพิภพ...ต่อให้เธอหักหลังฉันจริง ๆ ฉันก็ยังรักเธออยู่ดี ...แต่มาลงมือกับฉันแบบนี้ ต่อให้ฉันรักเธอขนาดไหน แต่ในฐานะประมุขของเผ่า ฉันก็คงต้องลงโทษเธอ เพื่อไม่ให้ใครจดจำเป็นเยี่ยงอย่างเสียแล้วล่ะนะ”
เอ่ยจบภูธิปก็ต่อยท้องของอีกฝ่ายเต็มแรง จนพิภพตัวงอ จากนั้นก็เตะอัดข้างลำตัวของวกะหนุ่มซ้ำ แม้ไม่ออกแรงจริงจังเต็มที่ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายถึงกับซี่โครงหักบาดเจ็บหนัก
“ฉันจะหักแขนหักขาเธอให้หมด เธอจะได้อยู่เฉย ๆ รอดูพวกพ้องของเธอโดนฆ่ายังไงล่ะ... แต่สำหรับเธอ ฉันฆ่าเธอไม่ลงหรอกนะพิภพ ...ความรักที่ฉันมีให้กับเธอมันเป็นของจริงรู้ไหม”
ภูธิปบอกพลางเหยียบไปที่ขาซ้ายของอีกฝ่ายเต็มแรง พิภพสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ ทางด้านกฤตนั้นหมายจะมุ่งเข้าไปช่วยผู้เป็นนาย แต่ก็ถูกนักรบครุโฬตนอื่น ๆ ขวางไว้ก่อน พวกวกะแต่ละตนในกลุ่มของพิภพกลายร่างพร้อมเข้าสู้อย่างบ้าคลั่งเพื่อช่วยนายของพวกตน ทว่าก็ถูกเล่นงานกลับคืนอย่างง่ายดาย จนพิภพที่เห็นต้องตะโกนห้าม
“อย่าเข้ามา! ช่างฉัน! หนีเอาตัวรอดกันให้ได้ก็พอ!”
ภูธิปยกยิ้มน้อย ๆ แล้วบีบคออีกฝ่ายยกร่างลอยขึ้นเผชิญหน้ากับเขา
“อย่าทำแบบนี้สิพิภพ...เธอกำลังทำให้ฉันหึงนะ ที่เห็นคนอื่นดีกว่าฉันน่ะ...หือ”
ภูธิปมองแขนข้างของอีกฝ่ายที่ไม่ได้หัก ยกจับที่แขนของเขาแล้วบีบมันแน่น เจ้าตัวหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงเอ่ยขึ้น พร้อมกับใช้มือที่ว่าง จับมือข้างนั้นยกขึ้นบีบแรง ๆ จนพิภพต้องปล่อยมือออกอย่างง่ายดาย
“เด็กดื้อ อย่างนี้ฉันต้องลงโทษเธออีกแล้วสินะ”
ภูธิปเตรียมที่จะบีบแขนอีกข้างของพิภพให้แหลก ทว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อมีบางสิ่งพุ่งตรงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว และพอจะหันไปป้องกันตัว ร่างนั้นก็กระแทกชน จนเขาเซไป และปล่อยให้ร่างของพิภพเป็นอิสระ
“ธาม... ทำไมนาย...”
พิภพอุทานเมื่อเห็นร่างหมาป่าของน้องชายคนเล็กพุ่งตัวเข้ามาช่วยเขา ส่วนคนอื่น ๆ ก็รบกับพวกครุโฬ อย่างไม่มีใครยอมแพ้หรือท้อถอย และมีหลายคนที่พยายามบุกเข้ามาช่วยเขาอย่างที่ธามทำอยู่
“ก็แค่มีหนี้แค้นที่ต้องเคลียร์กับนายตัวต่อตัวเท่านั้น ....ไม่ปล่อยให้โดนคนอื่นฆ่าตัดหน้าหรอก!”
ธามบอกกับพิภพด้วยสายตาเย็นชา คำบอกเล่าของมาลุตก่อนหน้านั้นยังคงอยู่ในความทรงจำเขา เรื่องที่ว่าพิภพเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการตายของมารดาของเขาด้วย
“...นายรู้มาจากมาลุตแล้วสินะ...”
พิภพพึมพำ ก่อนจะแค่นยิ้มน้อย ๆ แล้วแสร้งทำเป็นหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
“หึ ๆ แล้วนายรู้ไหมว่า คนที่บงการวกะบ้าคลั่งนั่นที่ฆ่าแม่ของนาย มันเป็นใครกัน....”
ร่างที่บอบช้ำเปรยขึ้นอย่างคิดยั่วโมโหคนฟัง เขาคิดว่า บางทีการที่ถูกคนในเผ่าแถมยังมีสายเลือดเดียวกันฆ่า ยังดีกว่าตายด้วยน้ำมือของภูธิปนั่นเอง
ธามชะงัก ต่อให้พิภพไม่พูด เขาก็อดคิดไม่ได้อยู่แล้วว่า อีกฝ่ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
“แก...”
ธามกัดฟันกรอด ทว่ายังไม่ทันทำอะไร เสียงวิรัลที่พุ่งฝ่าเข้ามาหา ก็ตะโกนเตือนดังลั่น
“คุณธามระวัง!”
ธามกระโดดถอยหลบตามที่ได้ยินเสียงเตือน ทำให้แรงเตะที่ควรได้รับเต็ม ๆ ลดทอนลงไปมาก แต่ถึงขั้นนั้น เขาก็ยังคงจุกอยู่ดี
“วิรัลถอยออกไป อย่าเข้ามา! ชาคร ดูแลวิรัลด้วย!”
ธามหันไปสั่งคนรักและคนสนิท ก่อนจะยืนเผชิญหน้ากับภูธิป ที่ยืนขวางร่างบอบช้ำของพิภพเอาไว้
“หึ ๆ เด็กไม่ดี... เธอเป็นของฉันนะ ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้นอกจากฉันหรอก...ถึงเธอจะพยายามยั่วโมโหเขายังไงก็ตาม”
คำพูดของภูธิปที่มีต่อพิภพทำให้ธามชะงักแล้วได้สติ พลางสบถเบา ๆ กับตัวเอง เขาไม่ควรให้ความโกรธเข้าครอบงำยามนี้ อีกอย่างเขายอมอโหสิเรื่องแม่ให้มาลุตไปแล้ว ถ้าเขาจะยกโทษให้กับพิภพบ้าง มันก็คงไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่ ...ยังไงชายหนุ่มก็กำลังรับกรรมที่ตัวเองก่อหนักหนามากอยู่แล้วในตอนนี้
“...ถอยไปจากเขา ต่อให้เขาทำเรื่องผิดขนาดไหน พวกเราวกะก็มีบทลงโทษตัดสินกันเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาพวกต่างเผ่าอย่างแก!”
ธามตวาดใส่ แล้วจ้องหน้าพิภพที่กำลังจ้องมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน
“ฉันทำให้พ่อเสียใจเรื่องมาลุตมาแล้ว ...ฉันจะไม่ทำผิดซ้ำ ๆ ในเรื่องเดิมอีกหรอกนะ...พี่ชาย”
ธามบอกแล้วพุ่งเข้าปะทะกับภูธิปอีกครั้ง แม้พลังกายที่อ่อนด้อยกว่า แต่ความว่องไวก็ทำให้ประมุขเผ่าครุโฬชักเริ่มรำคาญขึ้นทุกที ส่วนคนอื่น ๆ เมื่อเห็นประมุขเผ่าศัตรูกำลังเสียท่า กำลังใจของฝั่งมโคและวกะก็มีมากขึ้น ทว่า...
“เลิกเล่นกันสักที ไอ้หนู!”
ภูธิปเอ่ยเสียงห้าวลั่น มือใหญ่ที่ตะปบขาข้างหนึ่งของธามได้ จับร่างนั้นเหวี่ยงไปฟาดพื้นดินเต็มแรง จนพื้นดินบริเวณนั้นยุบตัวเป็นหลุมใหญ่ เลือดจากร่างสาดกระเด็น ส่วนเจ้าของร่างยังคงพยายามยันกายลุกขึ้น ทว่าก็ต้องกระอักเลือดล้มตัวลงไปนอนกองกับพื้นอีกรอบ วิรัลตะโกนเรียกชื่อคนรักด้วยความตกใจและสลัดจากการป้องกันของชาคร ตรงมาที่ธาม พลางยืนขวางหน้าคนรักเอาไว้ ทางด้านชาครพยายามจะเข้าไปช่วย แต่ก็ถูกนับรบเผ่าครุโฬตนอื่น ๆ ขวางทางเอาไว้ ทำให้วิรัลต้องเผชิญหน้ากับภูธิปเพียงลำพัง
“หึ ๆ นี่หรือมฤคมาศ ...กลิ่นกายหอมน่ากินดีแท้ หัวใจนั่นก็คงรสเลิศใช่ย่อยล่ะสิท่า”
วิรัลตัวสั่นเทาด้วยความกลัว แต่ก็ยังคงยืนขวางร่างธามไม่ยอมขยับไปไหน แต่พอภูธิปจะขยับเข้าใกล้ทั้งคู่ พิภพก็ใช้มือของตนข้างที่ขยับได้ จับขาอีกฝ่ายล็อกเอาไว้แน่น
“พาหมอนั่น...หนีไป”
วิรัลชะงัก เช่นเดียวกับภูธิป ที่มีสีหน้าเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทีละนิด
“ปล่อยน่าพิภพ...เธอก็รู้นี่ว่าฉันความอดทนต่ำ ฉันไม่อยากทำร้ายเธอโดยไม่จำเป็นรู้ไหม”
พิภพแค่นยิ้ม แล้วจึงโต้ตอบกลับไป
“งั้นก็ฆ่าผมเสียเลยสิ...ผมรู้ว่าคุณทำได้สบาย ๆ อยู่แล้ว...”
ภูธิปมองร่างมนุษย์หมาป่าผู้บอบช้ำตรงหน้า แล้วจึงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
“ใช่...ฉันทำได้ ...แต่บอกแล้วไง ฉันรักเธอนะพิภพ เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่ลงมือฆ่าเธอ ต่อให้เธอจะยั่วโมโหฉันหนักกว่านี้ก็ตาม”
ภูธิปยอบกายคุกเข่าลง แล้วบิดแขนข้างที่เกาะกุมขาเขาหักดังกรอบ พิภพสะดุ้งเฮือก แม้จะเจ็บสักเพียงใด ทว่ากลับไม่มีเสียงกรีดร้องทรมานออกมาให้ได้ยินสักนิด
“หึ ๆ เก่งมาก เด็กดี....ทำไมเธอถึงไม่เกิดมาเป็นพรรคพวกของเราแต่แรกนะ”
เมื่อพิภพขยับไม่ได้ เป้าหมายต่อไปของภูธิปก็คือวิรัล...กวางทองตรงหน้าเนื้อตัวสั่นเทา แต่ก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนหนีไปลำพัง ส่วนธามก็พยายามบอกให้คนรักหนีไปโดยทิ้งเขาไว้
“วิรัล...หนีไป...เธอช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก...”
“ไม่ครับ! ถ้าจะต้องตาย ก็จะขอตายด้วยกัน!”
วิรัลโต้กลับ โดยยังคงเผชิญหน้าสบตากับภูธิปนิ่งอย่างพร้อมต่อสู้แลกชีวิตทุกเมื่อ
“หึ ๆ เป็นกวางน้อยที่น่าสนใจ ...น่าเสียดาย ถ้าไม่เพราะอยากกินหัวใจ ก็คงจะเลี้ยงไว้ดูเล่นหรอกนะ”
ภูธิปหัวเราะอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ทางด้านชาครกัดฟันกรอด แต่ก็ไม่อาจบุกฝ่าพวกนักรบครุโฬตรงหน้าที่ทยอยเพิ่มขึ้น เพราะสมาชิกทั้งมโคและวกะที่เสียท่าไปมาก ทำให้จำนวนสู้รบที่เคยได้เปรียบเริ่มเสียเปรียบ แม้แต่พวกปุริม ตอนนี้ยังตึงมือ จนไม่อาจฝ่าเข้าไปช่วยลูกชายทั้งสองของเขาได้
“ไม่ต้องห่วงนะ...หลังจากกินหัวใจเธอแล้ว ฉันจะสงเคราะห์ส่งคนรักของเธอตามไปด้วยทันที”
ภูธิปเอ่ยพร้อมกับขยับร่างสูงใหญ่แข็งแกร่งเข้าใกล้วิรัลมากขึ้นทุกที ธามพยายามฮึดจนลุกขึ้นได้ ร่างโชกเลือดของหมาป่าสีเงินก้าวเดินช้า ๆ มาขวางหน้าคนรักเอาไว้ วิรัลอุทานเบา ๆ แล้วยืนเคียงข้างกับธามไม่ถอยไปไหน
“ใจเด็ดดีนี่ ...เอาเถอะ จะช่วยสงเคราะห์ลงมือฆ่าแบบไม่ให้ทรมานนักแล้วกัน”
วิรัลกับธามกัดฟันกรอด ทว่าในขณะที่พวกเขากำลังเข้าตาจน เสียงเป่าแตรเขาก็ดังขึ้นลั่นมาจากป่าทิศหนึ่ง พร้อมกับพื้นดินที่สั่นสะเทือนไปทั่ว สร้างความตกตะลึงให้กับทุกชีวิตที่กำลังสู้รบกันอยู่ยิ่งนัก
“ไม่จริง...ไอ้พวกเผ่านากา ...มันมาได้ยังไง!”
ภูธิปสบถออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นศัตรูคู่แค้นของเขาปรากฏขึ้น นักรบเผ่านากาในร่างอมนุษย์หลากหลายสีสันกว่าร้อยชีวิต รุมล้อมพวกเขาอยู่รอบนอก และที่ยืนอยู่เคียงข้างหัวหน้าเผ่านากา ซึ่งเป็นงูเผือกยักษ์ตัวใหญ่ที่สุดในเผ่า นั่นก็คือกวางดำผู้สง่างาม หรือก็คือประมุขเงาของเผ่ามโคนั่นเอง
“พิชญ์! นายทำสำเร็จ! นายชักชวนพวกเผ่านากาเป็นพันธมิตรของเราจนได้สินะ!”
วิรัลตะโกนอย่างดีใจ ซึ่งชาครก็อาศัยจังหวะที่ทุกคนตะลึงงัน พุ่งเข้ามาขวางทางภูธิปและพวกวิรัลเอาไว้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับปุริมที่ตั้งสติได้ ก็พุ่งตรงมายังร่างบาดเจ็บของลูกชายคนโต เพื่อช่วยเหลือทันที
“เจ้าเด็กน้อยหัวหน้าเผ่าครุโฬ...ข้ามาให้เจ้าล้างอายหนี้แค้นครั้งเก่าแล้วยังไงล่ะ ...อย่ามัวแต่แกล้งเด็ก ๆ พวกนั้นอยู่เลย มาสู้กันตัวต่อตัวกับข้าไม่ดีกว่าหรือ”
เสียงงูเผือกตะโกนก้องท้าทาย ทำให้ภูธิปกัดฟันกรอด เลิกที่จะคิดสนใจพวกวิรัล แล้วหันไปทางประมุขของเผ่านากาแทน
“ได้สิไอ้แก่เผ่านากา! วันนี้ล่ะ ที่ข้าจะทำให้แกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และคุกเข่าร้องขอชีวิตต่อหน้าข้าบ้าง!”
ภูธิปตวาดกลับ แล้วเดินตรงไปที่หัวหน้าเผ่านากาอยู่ โดยไม่มีใครกล้าขวางทาง ส่วนด้านพิชญ์ที่อยู่กับเผ่านากามองสำรวจไปรอบ ๆ แล้วก็ถึงกับต้องนิ่วหน้า เพราะสภาพความเสียหายของพวกเขามีมากกว่า นี่ถ้าเขาพาเผ่านากามาช้ากว่านี้อีกนิด เห็นทีพรรคพวกของเขาและพวกวกะคงจะพ่ายแพ้ราบคาบเป็นแน่
“ผมขอตัวก่อนนะครับท่านอุรค*” (*อ่านว่า อุ-ระ-คะ)
งูเผือกยักษ์หันมามองกวางดำ แล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มห้วน
“อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ ...หวังว่าเจ้าคงจะไม่บอกใครเรื่องนั้นสินะ”
พิชญ์ถอนหายใจแล้วจึงเอ่ยตอบ
“ครับ...ถ้าท่านเวทิตเต็มใจอยู่ด้วยตัวเอง ผมก็คงคัดค้านอะไรไม่ได้... อีกอย่าง ผมไม่อยากให้ท่านวิรัล กับนายหญิงต้องโศกเศร้าซ้ำสอง เพราะฉะนั้นสู้ปล่อยให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงจะดีกับทุกฝ่ายมากกว่า”
พิชญ์เอ่ยสรุป แล้วจึงโค้งศีรษะนิด ๆ ก่อนจะวิ่งไปรวมพลกับพรรคพวกของเขา ส่วนงูเผือกยักษ์นั้นหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พลางหันไปมองประมุขเผ่าครุโฬที่เดินมาทางตนอย่างช้า ๆ
“ไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายปี ร่างกายมันติด ๆ ขัด ๆ ไปหมด ...ช่วยไม่ได้นี่นะ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าขอร้องล่ะก็ ข้าไม่มีทางลงทุนเปลืองแรงแบบนี้หรอกนะ เวทิต!”
อุรคเปรยกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะชูคอยาวจ้องอมนุษย์เผ่าครุโฬนิ่ง ทั้งคู่จ้องกันอยู่สักพัก และเมื่อต่างฝ่ายเริ่มขยับ การปะทะกันระหว่างประมุข รวมไปถึงพวกลูกน้องในเผ่า ก็เริ่มต้นขึ้นทันที!
... TBC ....
**ตอนหน้าเข้าสู่ช่วงท้ายของเรื่องแล้วค่ะ ใกล้จบแล้วนะจ๊ะ ^^