ก็จะดื้อ 24
ช่วงเวลาหนึ่งวันสำหรับตะนิด ปกติแล้วมันจะผ่านไปค่อนข้างช้า ได้แต่ภาวนาให้หมดเวลาทำงานไวๆ แต่เข็มนาฬิกาก็เดินแต่กๆ ช้าเหมือนเดิม
แต่ทว่า
ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น หนึ่งวันของเขามันช่างมันไปอย่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน เผลอแปปเดียวพรุ่งนี้ก็จะครบสองอาทิตย์แล้ว
ตะนิดได้ยืนมองตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ แขนเล็กยกขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ พูดก็พูดเถอะว่าตั้งแต่วันที่กินยาคุมเขาก็เริ่มวิตกว่าตัวเองท้อง สุดท้ายพอเข้าห้องน้ำปุ๋งก้อนอึสุขภาพดีออก ท้องก็ยุบลงมาตามเดิม พอกินอะไรเยอะหน่อยก็เริ่มคิดว่าตัวเองท้องหรือเปล่าเลยกินจุแต่สุดท้ายอัลฟ่าหน้าดุก็ส่ายหัวบอกว่าเขาน่ะกินเยอะเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่แปลกหรอกที่จะกินจนท้องยื่น
เห้อ...
จะท้องไหมวะเนี่ย
ดวงตากลมเงยขึ้นมองตัวเองผ่านกระจกอีกครั้ง เขาพิจารณามองตัวเองก่อนจะเม้มปาก กระจกตรงหน้าสะท้อนเงาของผู้ชายคนหนึ่งที่รู้ตัวเองดีว่ามีนิสัยเหมือนเด็กไม่โต คนรอบตัวเขามักบ่นอยู่เสมอ
เขาเป็นเด็กไม่มีความรับผิดชอบ เอาแต่ใจ ทำอะไรไม่คิด โตไม่เท่าอายุ
ทุกอย่างนั่นเขารู้ดี เขารับฟังมาตลอดตั้งแต่เด็กยันโต บางอย่างเขาก็พยายามแก้ไขมันแต่พอติดเป็นนิสัยมันก็แอบทำไปไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนโดนบ่นนั่นแหละ
...คนอย่างเขา
จะรับผิดชอบหนึ่งชีวิตไหวได้อย่างที่ปากพูดบอกอีกคนไปได้จริงเหรอ?
ก่อนจะไปถึงขั้นตอนมีเด็ก แค่ตอนท้องจะไหวหรือเปล่า จะเจ็บไหม ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง จะแพ้ท้องหนักเหมือนในละครไหม จะอ้วกไม่หยุด จะเหม็นสามีเหมือนในกระทู้ที่อ่านไหมนะ
“ทำอะไร” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับแรงสะกิดเบาๆ ที่หลัง แมวดื้อสะดุ้งเฮือกตัวโยนก่อนจะหันตัวกลับไปเผชิญหน้าอีกฝ่าย
“นิดเปล่า!!!”
“ตอนแรกก็คิดว่าไม่ได้มีอะไร แต่พอเราเสียงดังแบบนี้ก็รู้สึกมีพิรุธแปลกๆ”
“เห้ย พี่ภาส ใส่ร้ายเนี่ยใส่ร้าย”
“เดี๋ยวพี่จะออกไปคุยงานที่ห้าง เราจะออกไปด้วยไหม” ภาสวาดแขนจับเอวบางไว้เบาๆ ก่อนจะก้มซุกจมูกลงกับเนินไหล่คนตัวเล็ก ตะนิดหดคอหนีสัมผัสจั๊กจี้พร้อมกับยกมือดันหน้าอีกคนออก
“พี่ภาสไม่วุ่นวาย”
“ทำไม่ได้ พี่บอกเราแล้วนี่” ตอบหน้าตายแถมยังตอแยต่ออีก
“มันจั๊กจี้!!!”
“อืม”
“พี่ภาสไม่ดื้อ” “หึ”
ตะนิดขมวดคิ้วให้กับภาพสะท้อนในกระจก อีกฝ่ายน่ะตัวสูงกว่าเขาเยอะมากแต่ก็ยังพยายามในการก้มตัวมาวุ่นวาย เอาจมูกมาถูๆ ดมๆ แต่พอมองขึ้นไปเห็นว่าดวงตาที่มองเขาผ่านแว่นกรอบเหลี่ยมนั่นเต็มไปด้วยความเอ็นดูขนาดไหนก็อดที่จะรีบเมินหน้าเสียไม่ได้
บ้าเอ๊ย...
มามองกันด้วยสายตาลวนลามขนาดนั้นได้ยังไงกันเล่า!!!!
“ไปด้วยก็ได้ นิดอยากซื้อสตอเบอร์รี่มาลองทำนมสตอเบอเบอร์รี่ที่เขาฮิตกันอยู่พอดี”
“อืม” ภาสกดจูบลงบนเนินไหล่ขาวก่อนจะผละออกไปเซทผม ถึงแม้จะใช้มือจับเจลเซทผมให้เป็นทรง แต่ดวงตาใต้กรอบแว่นก็ยังคงเหลือบไปมองเจ้าก้อนแป้งที่เดินไปเลือกชุด
เขาติดตะนิดมากแบบที่ตัวเองรู้ว่าผิดปกติ
ช่วงที่ปล่อยตะนิดไปทำงานเขากลับเป็นฝ่ายหงุดหงิดจนแทบทำงานทำการไม่ได้จนวินเซนต์ต้องมาช่วยจัดการงานบางส่วนให้ เขายังไม่อยากจะคอนเฟิร์มอะไรมากนัก เพราะยังไม่มั่นใจว่าเป็นอาการหวงคู่หลังจากการร่วมรักกับคู่แห่งโชคชะตาครั้งแรกหรือเพราะเป็นสัญญาณหวงคู่ที่ตั้งครรภ์
...เดี๋ยววันพรุ่งนี้ก็คงรู้
“เสื้อยืดลายปลาฉลามนิดไปไหนแล้วอ่ะ”
“...”
“จะว่าไปคุณนุ่มเบอร์ห้าตัวนุ่มขึ้นเยอะเลยช่วงนี้ พี่ภาสจับซักเหรอ” แมวดื้อเอียงคอมองไปที่เจ้าตุ๊กตาฉลามลูกรักที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง จะว่าชอบก็ชอบหรอกนะ แต่สงสัยเฉยๆ ว่าน้องไปนิ่มขนาดนั้นได้ยังไง ปกติหงอนคุณนุ่มน่ะจะแข็งนิดหน่อยแต่ช่วงนี้น้องตัวเหลวจนหงอกหัก
...แน่นอนว่าภาสเลือกที่จะไม่ตอบ
ขืนบอกไปว่าเขาน่ะจับมันฟาดนู่นฟาดนี่ทุกครั้งที่มีโอกาส แมวดื้อคงได้พองแก้มงอนไปอีกหลายวันแน่ อัลฟ่าหนุ่มแกล้งทำเป็นตั้งใจเซทผมแต่ก็ยังมิวายเหลือบตามองโอเมก้าตัวน้อยที่หยิบเสื้อยืดตัวโคร่งสีขาวมาสวม
มาอีกแล้วแฟชั่นเสื้อพ่อของแมวดื้อ
เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ตะนิดน่ะชอบใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ทั้งเสื้อยืดตัวใหญ่ กางเกงที่เอวดูเล็กแต่ช่วงขาใหญ่หลวมโพรก เสื้อบางตัวที่มีก็ใหญ่มากขนาดเขาใส่ยังหลวม ข้อดีคือมันไม่รัดรูป ข้อเสียคือเวลาก้มตัวจะเกิดช่องว่างขนาดใหญที่คอเสื้อจนเห็นอะไรต่อมิอะไรไปหมด
“ไมวันนี้พี่ภาสเซทผมนาน”
“...” พอถูกทักเข้าเลยต้องรีบดึงสติกลับมาปาดผมเซทอีกสองสามที วันนี้อัลฟ่าหนุ่มเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวผ้าฝ้ายกับกางเกงสแลคสีน้ำตาลเข้มและไม่ลืมหยิบนาฬิกาเรือนเก่งมาสวมในขั้นตอนสุดท้าย
“พี่ภาส”
“หืม?”
“นิดชอบเวลาพี่ภาสใส่เสื้อเชิ้ตนะ” แมวดื้อจ้องนิ่งที่เสื้อผ้าอีกฝ่าย พี่ภาสน่ะไหล่กว้างเวลาใส่เสื้อเชิ้ตเลยดูแสนคูล
“พี่ก็ชอบเวลาเราใส่เสื้อเชิ้ต”
“เรอะ นิดแสนเท่เหรอ”
“...”
เปล่า...
ดูน่ารัก ยิ่งถ้าใส่เสื้อเชิ้ตของเขาก็จะยิ่งน่ารัก
ภาสเลือกที่จะตอบในใจ กลัวคำตอบจะขัดใจเสือร้ายแห่งยุคแล้วอีกฝ่ายจะหันมาตะปบ ดีที่แมวดื้อเองก็ไม่ได้สนใจคำตอบอะไรมาก
พอแต่งตัวเสร็จก็เตรียมเดินออกไปจากห้องไปหาอะไรกินรองท้อง ซึ่งภาสเองก็ผละตัวเดินออกตามไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจตัวเองมากนัก ไม่ได้อยากจะตัวติดกับแมวดื้อขนาดนี้หรอก กลัวอีกฝ่ายอึดอัด แต่บางครั้งก็ห้ามตัวเองไม่อยู่เลยจริงๆ
ตะนิดเดินลงมาหยิบซีเรียลฟรุ๊ตลูปและนมสดเทลงถ้วยก่อนจะตักกินกร้วมๆ รออัลฟ่าหน้าดุชงกาแฟ จะว่าไปวิถีชีวิตก็เป็นแบบนี้จนชินตาแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนยังเป็นคนแปลกหน้าอยู่เลย ตอนนี้ดันกลายเป็นชีวิตประจำวันไปเสียอย่างนั้น
ระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนั่นเอง ตะนิดก็สะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงจมูกที่มาคลอเคลียแถวหลังคอ ไหนจะความเย็นจากกรอบแว่นที่มาชนๆ อยู่แถวแก้มอีก
“เอ้ย พี่ภาส!!!”
“หอมนม”
“มันตกใจนะ!!!” แมวดื้อโวยวายลั่นห้องพร้อมกับใช้ช้อนฟาดจมูกคมที่มาซุกไซร้อยู่
“อีกตั้งสองชั่วโมงกว่าจะเวลานัด”
“แล้วไงอ่ะ”
“ถูๆ ไหม?”
“พี่ภาส!!!” จ๊ากเลยจ๊าก เปิดโหมดเสี่ยโรคจิตแล้ว!!! พี่ภาสเปิดโหมดลามกอีกแล้ว!!!!
“แมวดื้อ”
“พี่ภาสต้องหาหมอแล้วนะ มันแปลกแล้วเนี่ย” ตะนิดดิ้นดุ๊กๆ หนีสันจมูกคม ในช่วงสองอาทิตย์นี้อีกฝ่ายเปิดโหมดออโต้ลามกไว้ตอลด โดยเฉพาะก่อนนอนได้มีลูบนั่นลูบนี่ให้ต้องโวยวายดุทุกวัน แต่แน่นอนว่าด้วยชั่วโมงบินที่สูงกว่าสุดท้ายก็กลายเป็นเขาเองที่นอนตัวแดงให้อีกฝ่ายถูๆ จนเสร็จอยู่ทุกคืน
“นั่นสิ...”
“นั่นสิอะไรครับเนี่ยยยยย”
“แมวดื้อ จูบหน่อย”
“พี่ภาส นิดกินซีเรียลอยู่”
“เคี้ยวให้เสร็จก่อน”
โอ๊ยยยยยย พี่ภาสเหมือนเด็กเลยยยยยยย
ตะนิดได้แต่กรีดร้องในใจแต่สุดท้ายก็เคี้ยวซีเรียลในปากให้หมดพร้อมกับซดนมจนเกลี้ยงถ้วยถึงค่อย ลุกขึ้นนั่งบนโต๊ะเพื่อยื่หน้าไปให้อีกฝ่ายจูบ และก็เหมือนกับทุกครั้งที่จูบกัน ตะนิดมักจะเป็นฝ่ายหายใจไม่ทันอยู่เสมอ อุตส่าห์พยายามงับปากสู้สุดใจในตอนแรกแต่สุดท้ายก็ระทวยตัวอ่อนจนต้องทุบบ่าให้อีกคนหยุดพัก ตอนนั้นเองที่เพิ่งรู้ว่า
โดนดันหลังจนนอนราบไปกับโต๊ะอีกแล้ว!!!
ท่าสุ่มเสี่ยงที่สุด!!!
“พะ พอก่อนพี่ภาส”
“อีกนิด”
“ไม่เอาแล้ว”
“...”
“...เดี๋ยวเลยเถิด” ตะนิดดันหน้าดุที่ซุกอยู่ตรงคอออก
“ไม่หรอก”
“หรอพี่ภาสหรอ มือตัวเองอยู่ไหนเอ่ย”
อยู่ไหนล่ะ?
ภาสขยับมือตัวเองถึงได้รู้ว่าข้างซ้ายสอดอยู่ในขากางเกงขาสั้นส่วนข้างขวาสอดอยู่ใต้เสื้อยืดตัวใหญ่ของแมวดื้อ
อ่า...
ไม่รู้ตัวเลยแฮะ ว่ามือไวขนาดนี้
“พอก่อนพี่ภาส มีคุยงาน” ตะนิดดึงหูคนด้านบนไปมาอย่างหยอกล้อ คนแก่ลามกได้ทีก็ลามกไม่หยุดเลย แล้วไอ้หน้าเหมือนจะงอนๆ นิดหน่อยนี่มันอะไรกัน
“...”
“อะไร มองแบบนี้ทำไมเนี่ย”
“อยากแต่งงานไหม”
“ห๊ะ... เดี๋ยวพี่ภาส เดี๋ยว อารมณ์ไหนเนี่ย”
“นั่นสิ...” ภาสหัวเราะในลำคอ ตลกตัวเองเหมือนกันที่จู่ๆ พูดเรื่องแต่งงานออกไปเสียอย่างนั้น เขาก้มลงไปจุ๊บปากเล็กหนึ่งครั้งก่อนจะผละตัวออกมาเกาท้ายทอยแก้เก้อ ตะนิดผุดตัวลุกขึ้นนั่งพลางลูบผมที่ฟูฟ่องให้เข้าที่ ดวงตากลมกะพริบปริบๆ มองคนแก่กว่าที่ยืนตัวงอๆ
“พี่ภาส”
“หืม”
“ทำไมยืนตัวงอ” ภาสถอนหายใจยาวเหยียดให้กับคำถาม
“ปวดน่ะ”
“ปวดหลังเหรอ?”
“อืม ประมาณนั้น” อัลฟ่าหนุ่มขยับมือปลดกระดุมกางเกงคลายความคับแน่นก่อนจะเดินเลี่ยงตัวไปเข้าห้องน้ำ
กว่าจะได้ออกจริงๆ บวกกับรถติดบนถนนจนแทบไม่ขยับกว่าจะถึงจุดหมายได้ก็เกือบจะได้เวลานัด ภาสนัดคุยงานไว้ที่ร้านกาแฟ หากเป็นปกติเขาคงปล่อยให้ตะนิดไปเดินเล่นแล้วค่อยนัดมาเจอหลังคุยงานเสร็จ แต่ด้วยอารมณ์ปัจจุบันที่รู้สึกอยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา เขาเลยตัดสินใจหิ้วแมวดื้อเข้ามานั่งคุยงานด้วย ตอนนั้นเองเขาก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมีปัญหาอะไรเพราะวินเซนต์เองก็พาลี่มาด้วย ดีที่แมวดื้อจะได้มีเพื่อนนั่งคุย
จนกระทั่งเห็นสายตาของลูกค้าที่เหลือบมองแมวดื้อเขาเป็นจังหวะนั่นแหละ
...ดูท่าทางจะมีคนอยากมีปัญหาเสียแล้ว
“คุณวีครับ” ภาสยกนิ้วชี้ขึ้นเคาะโต๊ะสองครั้งเพื่อเรียกสติคู่สนทนา
“คุณภาส สงสัยตรงไหนหรือเปล่าครับ”
“รบกวนอธิบายเรื่องแผนช่วงปลายปีของฝั่งคุณทีนะครับ”
“อ๋อ ได้ครับ” คู่สนทนารับคำเขาด้วยรอยยิ้มก่อนที่ตาจะเหลือบไปมองแมวดื้อของเขาที่นั่งดูดน้ำส้มเล่นมือถืออยู่ข้างๆ ภาสกำหมัดแน่นพลางพยายามสูดลมหายใจดึงความอดทนของตัวเองไว้
“เอ๊อะ... พี่ภาส” แมวดื้อสะดุ้งเฮือกก่อนจะรีบยกมือกระตุกชายเสื้ออัลฟ่าข้างตัว
“หืม?”
“พี่ภาสขู่เหรอ”
“เปล่านี่”
“...” แต่กลิ่นเหมือนเลยนี่นา ตะนิดขมวดคิ้วมุ่น ขนาดพี่ลี่ที่นั่งอยู่อีกโต๊ะยังชะงักตัวเลย เขามั่นใจว่าพี่ภาสเพิ่งปล่อยฟีโรโมนขู่ออกมาชัดๆ
“ว่าแต่นี่น้องชายคุณภาสเหรอครับ ไม่เคยเห็นเลย”
“...”
“ผมวีนะครับ แล้วนี่ถ้าเป็นน้องชายคุณภาส ใช่คุณภูเขา ลูกคนเล็กรึเปล่าครับ?”
“อ๋อ ไม่ใช่ครับ”
“อ๋า งั้นคุณภีม”
“ไม่ใช่ครับ”
“อ้าว งั้น-“
“ไม่ใช่น้องครับ... เป็นฟะ แฟน” ตะนิดเกาหัวเสียงอ่อยก่อนจะกระเถิบก้นดึ๊บๆ เข้าไปหาอัลฟ่าข้างกายที่ตอนนี้หน้านิ่งออกอาการดุอย่างเต็มที่ จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไง บ้านเขาเป็นอัลฟ่าทั้งตระกูล รู้ชื่อน้องชายครบขนาดนี้ก็คงจะพอรู้จักประวัติครอบครัวเขาอยู่พอตัว
สมกับที่เป็นลูกค้าที่รู้จักวินเซนต์
... กวนประสาท
“ไปนั่งเล่นกับลี่ตรงนั้นก่อนไป” ภาสตัดสินใจให้ตะนิดออกไปนั่งเล่นกับลี่ที่นั่ง ซึ่งแมวดื้อก็ลุกไปอย่างงงๆ แต่ก็ดีแล้ว นั่งฟังนักธุรกิจคุยงานเข้าไม่ถึง ชวนพี่ลี่เล่นฟรีไฟร์ดีกว่าเยอะ ถึงจะแยกออกมานั่งแต่เขาก็พอจะรู้ว่าพี่ภาสหงุดหงิดเสียแล้ว ปกติหน้าก็ดุอยู่แล้ว พออารมณ์เสียยิ่งดูดุเข้าไปใหญ่
นั่งเล่นอยู่กับลี่ไปสักพัก ตะนิดก็เรอเอิ้กน้ำส้มออเรนจิน่าผสมราสเบอร์รี่ไซรัปที่กินไปสามแก้ว พุ่งน้อยเริ่มตุ่ยน้ำออกมาเล็กน้อย
“พี่ลี่ นิดไปเข้าห้องน้ำนะ”
“หือ? อีกแล้วเหรอ เหมือนเพิ่งพาไปเข้าเอง ให้พี่ไปด้วยไหม”
“ไม่เป็นไรครับ” ตะนิดโบกมือปฏิเสธ ดีที่ห้องน้ำไม่ได้อยู่ไกลจากร้านกาแฟมากนักแถมยังลากพี่ลี่ไปเข้ามาแล้วสองรอบ รู้ทางเดินไปกลับอะไรอย่างดี เขาเลยเดินชิวฮัมเพลงยูเมคมีฟิลสเปเชี่ยลของทไวซ์
“เอ่อ ขอโทษนะครับ”
“ยูเมคมีฟีลโซสเปเชี่ยววว นานาดาดาบุลบลุ๊กๆ บุงทาโก ดะบุมบุ๋มๆๆๆเยชิลาโด ทะชิบุ่งๆนาชิชิโซ้ แดดวอทยูดู้”
“ขอโทษนะครับ”
“โอะ” ตะนิดสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกสะกดเบาๆ ที่ไหล่ เมื่อหันกลับไปก็พบว่าเป็นผู้ชายร่างสูงกำลังยิ้มตาปิดอยู่
“ตกใจเหรอครับ พอดีเรียกแล้วสงสัยไม่ได้ยิน”
“อ้อ ครับ”
“น้องทำของหล่นไว้ครับ” อีกฝ่ายยื่นหูฟังแอร์พอตมา ตะนิดเลยรีบคลำหูตัวเองก่อนจะค้นพบว่า
...เราไม่มีแอร์พอตนี่หว่า
คลำทำไมวะ
“เอ๊ะ ไม่ใช่ของผมครับ”
“อ้าว งั้นเหรอครับ แต่เห็นตกมาจากกางเกงน้องเมื่อกี้เลย”
“ห๊ะ เอ๊ะ หรือใช่” หรือนั่งทับหูฟังพี่ลี่มาหว่า ตะนิดขมวดคิ้วมุ่น
“อ้าว ยังไงเนี่ย”
“เอ่อ ผมอาจจะนั่งทับของพี่มามั้งครับ” ตะนิดเอื้อมมือจะไปหยิบแต่อีกฝ่ายก็ดึงมือหนี
“ก่อนเอาไปบอกชื่อก่อนได้ไหมครับ”
“ผม? อ่อ ผมตะนิดครับ”
“ของพี่ที่ว่านี่ของแฟนรึเปล่า”
“เอ้ย ไม่ใช่ครับ” ถึงจะเคยจูบกับพี่ีลี่ไปแล้วก็เถอะ ตะนิดหัวเราะในใจ
“งั้นดีเลย พี่ชื่อ-“
“แมวดื้อ” เสียงเข้มดังขึ้นมาจากฝั่งด้านหลังของคนแปลกหน้า ซึ่งตะนิดชะเง้อคอมองตามเสียงเรียก
“พี่ภาส คุยงานเสร็จแล้วเหรอ” ตะนิดยิ้มกว้างพร้อมกับรีบวิ่งเข้าไปหาคนหน้าดุที่ยืนมองอยู่ ภาสอ้าแขนโอบตะนิดเข้ามากอดไว้ก่อนจะตวัดตามองเบต้าที่ยืนอยู่ไม่ไกล ซึ่งอีกฝ่ายก็สะดุ้งเฮือกก่อนจะรีบหันหลังเดินหนีไป
“จะไปไหน”
“ปวดฉี่ ฉี่จะแตกแล้วววว”
“ไป” ภาสปล่อยแมวดื้อออกจากอ้อมกอดแต่ยังคงพาดแขนไว้ที่บ่าเล็ก
“อ้าว พี่คนนั้นไปไหนแล้ว”
“เห็นวิ่งไปแล้ว ป่ะ ไปห้องน้ำ” ตะนิดขมวดคิ้วงงเล็กน้อย
“อ้าว งี้พี่คนนั้นก็เอาแอร์พอตพี่ลี่ไปด้วยดิ ขโมยรึเปล่า!!! ขโมย!!!!”
“ช่างมัน วินเซนต์ซื้อใหม่ให้ลี่สักร้อยอันก็ได้”
“เอามาทำไมร้อยอัน มีแค่สองหู พี่ภาสเพ้อเจ้อ” ภาสไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ดันหลังเล็กให้ออกตัวเดินไปเข้าห้องน้ำ เขาทิ้งลูกค้าไว้ที่โต๊ะทันทีหลังจากที่เงยหน้ามาไม่เจอแมวดื้อนั่งอยู่ พอถามจากลี่ก็ได้ความว่าออกไปเข้าห้องน้ำ
ทั้งๆ ที่แค่ไปเข้าห้องน้ำ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแต่ใจเขามันก็ว้าวุ่นไปหมดเมื่ออีกฝ่ายไม่อยู่ในสายตา ยิ่งหลังจากตามออกมาเห็นยืนคุยกับคนอื่นเขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดเสียจนอยากกระชากเบต้าเหวี่ยงไปให้ไกลจากโอเมก้าของเขาให้ได้มากที่สุด
“ไอ้หยาาาา ปวดฉี่นะเนี่ยน้าา” ตะนิดเดินห่อไหล่เข้าไปยืนประจำโถ เตรียมจะปลดปล่อยน้ำส้มออเรนจิน่าออกจากพุงน้ำ แต่ตากลมก็เหลือบเห็นเงาใหญ่ที่ซ้อนมาจากด้านหลัง
เห้ยๆ...
เดี๋ยวนะเดี๋ยว
“ทำธุระไปสิ”
“พะ พี่ภาส มายืนซ้อนทำไมเนี่ย”
“รีบทำธุระไป”
“จะบ้าเรอะ ให้นิดเยี่ยวให้พี่ภาสดูรึไง”
“ใช่”
“จ๊ากพี่ภาส” ตะนิดอ้าปากพะงาบๆ
“หรือจะเข้าห้องน้ำล่ะ”
ภาสเหลือบตามองไปที่ห้องน้ำห้องที่ว่างอยู่ ซึ่งตะนิดก็มองตามไปก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ถ้าเลือกเข้าห้องน้ำแบบปิดประตูได้นี่ ไอ้ลุงโรคจิตคนนี้ต้องมุดตัวตามเข้าไปแหง ดูทรงแล้วห้องน้ำอันตรายกว่าโถยืนอีก
“พี่ภาส...”
“ไม่ปวดแล้วเหรอ?”
“ฮือ พี่ภาสลามก พี่ภาสลามก” ตะนิดเบะปาก มือเล็กกำแน่นด้วยความปวดฉี่จนขาต้องกระทืบพื้นดุ๊กดิ๊ก สุดท้ายก็ทนไม่ไหวรีบปลดกางเกงทำธุระทั้งๆ ที่แก้มแดงจนเกือบระเบิด
เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตะนิดได้แต่ภาวนาให้ของเสียของตัวเองรีบๆ หยุดทำการเขื่อนแตก แต่น้ำส้มสามแก้วก็ไม่มีเห็นใจ ทำเอากว่าจะเสร็จธุระ แมวดื้อก็ตัวเองเป็นกุ้งต้ม ตะนิดรีบเก็บมังกรยักษ์เข้าที่ก่อนจะมุดตัวหนีกำแพงอัลฟ่ายักษ์ไปล้างมือ ระหว่างถูสบู่ที่มือไปตะนิดก็เงยหน้าขึ้นมองอัลฟ่าหน้าดุที่ยืนอยู่ข้างหลังผ่านกระจก
“ตะนิด”
“หืม?”
“จูบไหม”
จ๊าก...
โอเมก้าตัวน้อยสะดุ้งโหยง เตรียมมุดหนีคนลากมก แต่ก็ถูกแขนแกร่งรั้งเข้ามากอดไว้เบาๆ ภาสค่อยๆ ดันคนตัวเล็กกว่าเข้าห้องน้ำพร้อมกับลงกลอนล็อคประตู
“พะ พี่ภาส”
“จูบหน่อยเด็กดื้อ”
“พี่ภาสนี่มันห้องน้ำนะ”
“แค่จูบ”
“ตะ แต่...”
“นะ เด็กดี”แง
ตะนิดเบะปากแต่สุดท้ายก็ยอมยกมือขึ้นคล้องคอคนตัวสูงไว้
ยอมเพราะเรียกว่าเด็กดีหรอกนะ!!!
ว่าแต่
เมื่อไหร่พี่ภาสจะหยุดติดกลิ่นสักทีเนี่ย ปากช้ำไปหมดแล้ว!!!!!
---