Kiss the Snow
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss the Snow  (อ่าน 30694 ครั้ง)

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่13 (10/5/2562)
«ตอบ #210 เมื่อ10-05-2019 23:58:29 »

อย่าลืมบอกน้องงงงงงง
แต่ทั้งฐาติทั้งธนวัฒน์นี่แบบ  :fire:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Kiss the Snow ตอนที่13 (10/5/2562)
«ตอบ #211 เมื่อ11-05-2019 06:23:17 »

เสือ

สิงห์

กระทิง

แรด

น้องฉัมท์

จะสู้เขาใหวใหม

พี่ธามมั่นคงเข้าใว้

ตาลุงฐาติอย่ามาหลอกกวางเล่นๆนะ

คุณทีมก็จิงใจกับต้อมด้วยอย่ามาเล่นๆ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่13 (10/5/2562)
«ตอบ #212 เมื่อ11-05-2019 15:44:26 »



ห่อจิโระแล้ววิ่งเอากลับมาบ้านได้ไหม  :mew1:


แต่ .... คุณฐาติคะ เจ้าแสบกวางต้องเอาคืนคุณจนคุณคิดไม่ถึงแน่ค่ะ เตรียมตัวไว้  :m31:  :m31:






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: Kiss the Snow ตอนที่13 (10/5/2562)
«ตอบ #213 เมื่อ12-05-2019 02:37:36 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ปีศาจน้อยสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่13 (10/5/2562)
«ตอบ #214 เมื่อ12-05-2019 09:10:49 »

 :L2:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่13 (10/5/2562)
«ตอบ #215 เมื่อ12-05-2019 15:50:02 »

ฝึกความซับซ้อนและสงสัยในตัวคุณ 5555

ธามฉันท์น่ารักมาก ใส่ใจกันดี ดูแลเปิดใจกันเยอะขึ้น
เอ็นดูความสามภาษาของจิโระ และความหวงพี่ของน้อง
ตลกกวาง คือรู้ดีเหลือเกิน ฉลาดมาก ชอบความกวาง
ไม่มีกวาง ฉันท์ก็ไม่มีคนวัยใกล้กันให้พูดคุย

เอิ่มมม แม่ธามต้องการอะไร ไม่เลิกไม่รา แล้วพ่อค่อยส่องอะไรคะ
ต้องการให้ธามออกตัวแบบไหนหรอ บางทีมากไป ธามก็ยิ่งเฉยนะคะ

บ้านใหญ่สุดยอดเลยเนาะ ฝั่งฉันท์ เค้ายังไม่ขนาดนี้เลย
แต่ฝั่งธามคือตัวร้ายที่ไม่ได้มีแค่ในนิยาย

หวังว่าฐาติจะช่วยให้ดีขึ้นนะ ที่พูดกันไป ฐาติคงเข้าใจ
ว่าทำไมธามถึงญาติดีกับทีมแล้วบ้าง
แต่ธามอาจต้องระวังคนบ้านใหญ่มาบุกหาน้องนะ
บอกน้องให้รู้ไว้บ้าง จะได้ตั้งตัวทัน เตรียมใจได้

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Kiss the Snow ตอนที่13 (10/5/2562)
«ตอบ #216 เมื่อ12-05-2019 22:34:36 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่13 (10/5/2562)
«ตอบ #217 เมื่อ14-05-2019 12:06:13 »

บ้านพี่ธามยุ่งเหยิงดีแท้
ยังดีนะเนี่ยที่ 3 คนนี้ได้มาคุยกัน โดยเฉพาะฐาติกับธามอ่ะ ไม่อยากให้ผิดใจกันเลย
พี่ธามอย่าลืมบอกน้องฉันท์ด้วยนะ กลัวน้องจะรู้จากคนอื่นซะก่อน
ไม่อยากให้น้องเสียใจอ่า

ออฟไลน์ adnrak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่13 (10/5/2562)
«ตอบ #218 เมื่อ25-05-2019 21:54:18 »

มารอน้องกวาง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่13 (10/5/2562)
«ตอบ #219 เมื่อ25-05-2019 22:06:13 »

 :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนที่13 (10/5/2562)
« ตอบ #219 เมื่อ: 25-05-2019 22:06:13 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่13 (10/5/2562)
«ตอบ #220 เมื่อ02-06-2019 17:17:49 »

 :katai5:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่ 14 (2/6/2562)
«ตอบ #221 เมื่อ02-06-2019 20:08:05 »

ตอนที่ 14

ฉันท์ไม่เคยอ่านข่าวสังคม และยิ่งไม่ใช่นักท่องเว็บ ดังนั้นการพูดคุยกับพี่เอื้อยที่สำนักงานของตลาด ฉันท์จึงไม่ได้รู้จักชื่อของใครหลายคนในข่าวสังคมที่เอื้อยพูดถึง
“ผมรู้จักชื่อพ่อแม่ของพี่ธาม รวมถึงพี่ชายของเขาทั้ง 2 คนที่พี่เอื้อยพูดถึง แต่ไม่รู้จักคนอื่นครับ”
“เขายังไม่เคยพาแกไปบ้านใช่ไหม”
ฉันท์ยอมรับ
“สรุปคือพวกแกอยู่ด้วยกัน โดยที่ฝั่งนั้นเขาไม่เห็นด้วยละสิ”
“พวกเขาเกลียดเกย์”
“เข้าใจแล้ว” เอื้อยพยักหน้าช้าๆ แล้วหันไปเปิดหน้าเว็บข่าวสังคมจากโทรศัพท์ จากนั้นก็เลื่อนให้ฉันท์ดู
ภาพข่าวที่เห็นเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของบุตรสาวนักธุรกิจฮ่องกงที่มีการร่วมโครงการกับบริษัทก้องเกียรติกิจการ ซึ่งฉันท์คิดว่า...
‘พี่ก็หล่อเหมือนเคย ทั้งที่เป็นงานตอนกลางคืน’
เอื้อยถามนำ “แกคิดว่ายังไง”
ฉันท์เข้าใจแล้วว่าพี่สาวต้องการบอกอะไร “ถ้าแค่เรื่องนี้ ผมไม่คิดอะไรหรอกครับ”
“ทางนั้นเขากำลังจับคู่ผัวแกกับผู้หญิงคนนี้” เอื้อยเป็นห่วง “ไม่กลัวหรือไง”
2 มือกำแน่นขึ้น แต่สีหน้ายังคงมีรอยยิ้มอ่อน “ไม่ได้มั่นใจถึงขนาดที่จะไม่กลัวหรอกครับ แต่ทุกอย่างมันขึ้นกับพี่เขา”
“ถ้าเขาเลือกที่จะทำตามที่ครอบครัวเขาชี้นำ แกก็จะยอมเลิกหรือไง”
“ก็ถ้าเขาตัดสินใจอย่างนั้น แล้วผมพยายามจะรั้งเขาไว้ ก็มีแต่จะทำให้ทุกคนไม่สบายใจด้วยกันทั้งหมด”
ถ้าน้องชายตัดสินใจแบบนี้... “งั้นก็แล้วแต่แกแล้วกัน แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่พี่บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าถ้าพวกเขามาหาแก แกจะต้องไม่เจอกับพวกเขาตามลำพัง ต้องบอกพี่ด้วย เพราะแค่ลุงกับป้าน่ะ จัดการคนแบบนี้ไม่ไหวหรอก” เมื่อเห็นว่าน้องชายหัวเราะ เอื้อยก็ยิ่งขู่ “แกมันไม่รู้อะไรเสียแล้ว พวกมนุษย์แม่นักจัดการชีวิตลูกแบบนี้ งานที่พวกเขาถนัดที่สุดก็คือทำให้ลูกเลิกกับคนรัก”
ในตอนที่ธามันกลับมาบ้านในตอนค่ำ ฉันท์ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ถามเรื่องข่าวพวกนั้น ไม่มีใครรู้ว่าฉันท์มีเรื่องรบกวนใจ แต่พี่รู้แทบจะในทันทีที่เห็นน้องมาเปิดประตูโรงรถให้
“ชิรายูกิ ไม่อะไรหรือเปล่า”
น้องหันมาเลิกคิ้วสูง “ไม่นี่ฮะ”
    “ชิรายูกิ” น้ำเสียงนั้นเข้มงวดมากจนน้องต้องหนีสายตาไปทางอื่น
“ไว้ค่อยคุยกันทีหลังก็ได้ฮะ”
“ชิรายูกิ”
ฉันท์หันมามองหน้าพี่ ยิ้มอ่อนแล้วเดินนำเข้าบ้าน
...น่ากลัวนะเนี่ย คิดไปคิดมาก็มีอยู่เรื่องเดียวที่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องยิ้มแบบนั้น
ที่จริงก็อยากรอคุยกันในเวลาที่อยู่ตามลำพังอยู่เหมือนกัน แต่เพราะรอยยิ้มแบบนี้แท้ ๆ ที่ทำให้รอไม่ได้
“ชิรายูกิ ไม่มีอะไรจริง ๆนะ”
“เข้าบ้านเถอะฮะ คุยกันระหว่างที่กินข้าวก็ได้”
แต่ธามันก็เล่าเรื่องให้ทุกคนฟังก่อนที่จะกินข้าวต้มมื้อดึก
“พี่ทั้ง 3 คนแย่มาก” น้องสรุป ทั้งป้าและกวางที่นั่งฟังจากหน้าโทรทัศน์ก็พยักหน้าเห็นด้วย “เขาเป็นผู้หญิงนะฮะ แล้วพ่อเขาก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ขนาดนั้น”
“ก็เพราะปฏิเสธไปตามตรงไม่ได้ไง แล้ววันนี้ต้อมมาหาน้องหรือยัง” พี่เปลี่ยนเรื่องทันทีที่น้องไม่มีคำถาม
“ต้อมโทรมาคุยเรื่องข่าวแล้วฮะ ทั้งต้อมแล้วก็พี่เอื้อยดูเป็นห่วงผมมาก ผมเข้าใจ ว่าทำไมทุกคนถึงเป็นห่วง”
พี่เลื่อนมือมาจับมือของน้องไว้
แม้จะไม่มีคำพูด แต่ราวกับได้ยินถ้อยคำนับพันนับหมื่นคำที่บอกว่าเป็นห่วง
การที่ต้องตกอยู่ในสายตาของใครบางคนอยู่ตลอดเวลา
การที่ลุงรอง และพี่เอื้อยฝืนกฎเหล็กของครอบครัว
การที่ลุงกับป้าย้ายมาอยู่ด้วยกัน
การที่พี่อยู่ตรงนี้ และร้อนใจ อยากอธิบายเรื่องข่าวให้เข้าใจ
มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น...
“ผมจะไม่ฆ่าตัวตาย” ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ”
จิโระผละจากกวางเดินมาหาพี่ชาย ยกมือขึ้นสูงเพื่อให้พี่อุ้มนั่งตัก พอพี่อุ้มขึ้นมาก็โผเข้ามากอดคอพี่ไว้แน่น
“อย่ากลัวไปเลย สัญญาแล้วนี่นา ว่าจะอยู่ด้วยกัน”
“อื้ม” จิโระยังไม่ยอมคลายมือออก คางกลม ๆ ยังแนบอยู่ที่ไหล่
ฉันท์มองพี่ และทุก ๆ คน “คุณฐาติน่ะฮะ เขาเคยบอกไว้ว่า ให้ค่อยๆ แก้ไขไปทีละเรื่อง ทำทีละอย่าง แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”
ธามันหัวเราะเบา ๆ ขณะที่กวางมีสีหน้าไม่เชื่อคำนี้สักเท่าไหร่
“จริง ๆนะ” ฉันท์บอกกับกวาง
“ถ้าบอกว่าพี่ธามเป็นคนพูดประโยคนี้ยังจะน่าเชื่อเสียมากกว่า” กวางเถียง
ฉันท์หันมาหาพี่ “พี่บอกคุณฐาติให้มาบอกผมอย่างนี้หรือเปล่า”
“บอกมัน...บอกฐาติน่ะแหละ” พี่พูดชัด ๆ “มั่วตลอด”
“ว่าแล้ว....” กวางลากเสียง จิโระก็เลยออกเสียงตามที่กวางพูด
“ว่ะ แหล่ว แลว แล้ว...”
“โธ่ เจ้ากวางนะ เริ่มต้นมาก็ดีอยู่แล้วเชียว” ป้าบ่น
....
พื้นที่ที่เคยเป็นอพาร์ทเม้นท์ ตอนนี้กลายเป็นที่โล่ง และถมสูงกว่าพื้นถนน ทั้งกั้นรั้วรอบ พร้อมด้วยป้ายชื่อบริษัทก้องเกียรติกิจการ
คนงาน 3 คนเริ่มเข้ามาปรับปรุงร้านข้าวต้ม หลังการตกแต่งร้านก็จะเป็นการซื้อของเข้าร้าน ทำให้คาดว่าจะสามารถเปิดร้านได้ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ระหว่างนี้ ฉันท์กับป้าช่วยกันทำแกงเผ็ด กับมัสมั่นหม้อใหญ่วันละ 2 หม้อไปฝากขายที่ร้านข้าวแกงในตลาด คิดราคากันง่าย ๆ ด้วยราคาเหมา ไม่ต้องไปยืนขายเอง
บ่ายวันนี้ฉันท์ขับรถเอาแกงไปส่งที่ตลาด ตอนที่ขับรถกลับมา เห็นรถคันใหญ่จอดอยู่ที่หน้าบ้านกับคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้านท้ายซอย
สตรีสูงวัยเพียงคนเดียวในกลุ่ม ซึ่งต่อให้มองจากระยะไกลก็สามารถคาดเดาได้ว่าต้องเป็นคุณเยาวเรศแม่ของพี่
สตรีที่ดูอาวุโสในลำดับต่อมาและดูมีอายุใกล้เคียงกับธนวัฒน์ การที่เธอสวมรองเท้าส้นแบน และถือไม้เท้า ทำให้เดาได้น่าจะเป็นคุณณภัทร สตรีที่มีอิทธิพลต่อการกระทำของพี่ พี่ทีม และคุณฐาติ
อย่างนั้นหญิงสาวอีกคนที่มีอายุใกล้เคียงกับธามัน น่าจะเป็นธาราลูกสาวคนเล็กของธนดล คนนี้น่าจะชื่อธารา ซึ่งพี่ไม่ค่อยได้พูดถึงเธอสักเท่าไหร่
ทั้ง 3 คนไม่ได้มองบ้านหลังเล็กที่อยู่ทางซ้ายมือของพวกเขา จากทิศทางที่พวกเขามอง คือที่ดินผืนใหญ่ด้านหลังแนวรั้วไม้ที่กั้นปิดท้ายซอยจากฝั่งซ้าย แล้วอ้อมมาฝั่้งขวา
ที่ดินที่ทอดยาวไปถึงชายคลองด้านหลัง...
ป้าเปิดประตูบ้านออกมาทักทั้ง 3 คนจากนั้นก็ชี้มาทางรถฉันท์ที่กำลังแล่นเข้ามาหา
ริมฝีปากสวยขยับยกยิ้มขึ้นช้า ๆ ขณะที่ขับรถเข้าไปจอดที่หน้าบ้าน แล้วลงมาทักทายทั้ง 3 คน
“สวัสดีครับ”
“เธอคือฉันท์ทัตหรือ”
“ครับ” ฉันท์ตอนรับแล้วแนะนำจิโระที่จับชายเสื้อพี่ชายไว้แน่น “นี่คือจิโระ น้องชายผมเอง ส่วนทางนั้นคือลุงกับป้าครับเข้าไปคุยในบ้านก่อนดีไหมครับ”
เยาวเรศพยักหน้า และเดินตามฉันท์เข้าไปในบ้าน ส่วนป้าเดินเลยเข้าไปเตรียมน้ำดื่มมาให้กับทั้ง 3 คน ขณะที่ลุงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะกินข้าว
ดวงตาของทั้ง 3 คนหยุดอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ของธามที่วางอยู่ในบ้าน
“เธอทำอะไร” ธาราถามขึ้น “หมายถึงอาชีพน่ะ”
“ทำแกงไปฝากขายที่ตลาดครับ”
หญิงสาวเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่เยาวเรศขัดขึ้นก่อน
“ธาม...พักที่นี่หรือ”
“ครับ” มือสวยชี้ไปที่ชั้นบน “พี่นอนห้องใหญ่”
“ขึ้นไปดูได้ไหม” เยาวเรศถาม
ฉันท์คลี่ยิ้มสวย “ได้สิครับ” ฉันท์หันไปบอกจิโระให้อยู่กับป้า ส่วนตัวเองเดินนำขึ้นไปที่ชั้นบน
เยาวเรศกวาดตามองไปรอบห้องที่ฉันท์บอกว่าคือห้องนอนใหญ่ จากที่ประเมินด้วยสายตา ห้องนี้มีขนาดเพียง 1 ใน 6 ของห้องนอนธามันในบ้านของเธอ
“แล้วเธอ...”
“ผมนอนกับน้อง แล้วก็พี่เลี้ยงของน้องที่ห้องเดิมของผม” คำตอบนี้เต็มไปด้วยอาการหัวเราะที่ออกมาจากดวงตาคู่นั้น
ฉันท์เดินนำไปที่ห้องนอนเล็ก
ห้องนอนสะอาดเรียบร้อย หนังสือเด็ก 2 เล่มวางอยู่ที่โต๊ะตัวเล็กข้างเตียงนอน หมอน ผ้าห่มพับเรียบร้อย ที่นอนเรียบตึง ไม่มีตุ๊กตาสักตัวในห้องนี้
“มีใครเป็นภูมิแพ้หรือไง” ธาราถามขึ้น
“ไม่มีครับ” ฉันท์ตอบ หันไปมองตามสายตาของหญิงสาว “ผมไม่สะสมพวกตุ๊กตาหรือหมอน น้องผมก็ไม่เล่นเหมือนกัน”
“สะอาดมาก”
“ขอบคุณครับ” 
เมื่อประเมินจากลักษณะการตกแต่งห้อง และการที่มีทั้งผู้ใหญ่และเด็กอยู่ในบ้าน ทำให้เยาวเรศคิดว่าเรื่องนี้ยังมีหนทางแก้ไข
“ออกไปคุยกันที่หน้าบ้านดีกว่า” เธอรู้สึกอึดอัด ไม่ชอบ ไม่พอใจเมื่อต้องอยู่ในบ้านหลังนี้
ฉันท์เดินนำสตรีทั้ง 3 คนลงมาด้านล่าง เห็นลุงกับป้า และจิโระพากันออกไปในสวน ช่วยกันเลือกเก็บผลไม้จัดใส่ตะกร้า
“ขอบคุณที่ท่านให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนพี่เรื่องการซื้ออพาร์ทเม้นท์ของผม ทำให้ผมมีเงินใช้หนี้จนหมด”
เยาวเรศรู้ว่าลูกชายคิดโครงการใหญ่ จึงสนับสนุน แต่ไม่คิดว่าลูกชายจะยิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งฝูงแบบนี้
“ธามเป็นคนมั่นใจในตนเอง คิดแล้วลงมือทำทันที เดิมก็เป็นคนดื้อรั้นอยู่แล้ว แต่ตอนที่เขากลับมาจากอเมริกาครั้งนี้เขาก็ยิ่งพูดยากมากกว่าเดิม ฉันไม่ขัดใจเขาหรอกนะเรื่องที่คิดโครงการใหญ่” ไม่ขัดเรื่องการทำงาน แต่ไม่ชอบใจเรื่องการมาอยู่ที่นี่ “แต่เรื่องที่ย้ายออกมาอยู่ข้างนอกนี่ไม่เห็นด้วย เพราะเขาไม่ยอมบอกว่าจะย้ายไปไหน ขนาดฐาติก็ยังไม่รู้ว่าจะย้ายไปไหน ทำให้ทะเลาะกันจนถึงวันที่เขาย้ายออกมา”
ฉันท์ขมวดคิ้ว ฐาติต้องรู้ว่าพี่ย้ายมาที่นี่ และพี่ก็ไม่ได้บอกเรื่องราวทั้งหมดกับมารดา ฉันท์ไม่รู้ว่าในกลุ่มนี้ใครบอกอะไรกับใครไว้บ้าง บางทีเรื่องนี้อาจมีบางอย่างที่เป็นความลับ
“ตอนแรกยังคิดว่าจะไปอยู่คอนโดฯ ที่อยู่ใกล้กับโครงการนี้ พอรู้ว่าไม่ใช่ ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ฉันก็มองเห็นแต่ปัญหาที่รออยู่ข้างหน้า”
ลำพังเยาวเรศเพียงคนเดียวอาจทำให้ฉันท์ทัตหวั่นไหว แต่เมื่อมองไปยังณภัทร ก็เข้าใจว่าทำไมธนวัฒน์ถึงได้ไม่ชอบพี่สาวคนนี้
เธอเป็นพี่สาวคนโตที่มักจัดการ และควบคุมเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตนเอง จึงไม่ค่อยชอบใจวิธีการ ‘พูดดีๆ’ แบบที่เยาวเรศกำลังพูดอยู่
ในเบื้องต้นนี้เธอมีบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับเอื้อยพี่สาวคนที่คุมตลาดเพิ่มทรัพย์
“เธอ และครอบครัวของเธอเป็นคนดีนะ เรื่องที่เคยดูแลกันในช่วงก่อนหน้านี้จนมาถึงการที่เธอขายที่ดินให้ธามทำโครงการเพื่อพิสูจน์ตัวเองฉันรู้สึกขอบใจมาก แต่เรื่องบางอย่าง เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันจะส่งผลต่อธามอย่างไร” มารดาของธามันยังพูดต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนไปทาง ‘ขอความเห็นใจ’
ฉันท์มีรอยยิ้มจาง ๆ ฟังอีกฝ่ายพูดประโยคปลายเปิดที่ให้คิดต่อเอาเอง
“ก้องเกียรติกิจการเป็นบริษัทใหญ่ ลำพังการเรียนจบปริญญาเอกยังไม่เพียงพอ เขาต้องแข่งขันกับพี่น้องของเขาเอง ธามยังต้องทำให้คณะกรรมการ ผู้ถือหุ้นให้ความเชื่อถือ ต้องไม่ทำให้พ่อของเขาผิดหวัง พ่อของเขาวางความหวังทั้งหมดไว้ที่เขา ธามต้องเป็นที่หนึ่ง ความผิดพลาดไม่ว่าจะเล็กน้อยขนาดไหนก็สามารถเอามาใช้โจมตีกันได้ทั้งนั้น” คนเป็นแม่พูดช้า ๆ “ธามตั้งใจกับโครงการนี้มากขนาดไหน เธอก็เห็นอยู่ ตอนนี้โครงการเริ่มต้นนับหนึ่งไปแล้ว และมีเพียงความสำเร็จแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ทุกคนจะยอมรับ จากที่เห็นก็รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร ฉันหวังว่าเธอจะรู้ว่าควรต้องทำอย่างไร”
“ทีมกับธามเป็นพี่น้องกันก็จริง แต่ทีมพยายามสกัดธามในทุกทาง” ณภัทรพูดขึ้น “เขาทำได้ทุกอย่าง และจะไม่มีทางปล่อยจุดอ่อนของธามแน่ ๆ”
“เธอคงจะรู้มาบ้างใช่ไหมว่า คุณทีมเป็นคนแบบไหน” ธาราถามแบบที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ
ฉันท์ยิ้มไม่เปิดปากขณะที่พยักหน้า
“เพราะอย่างนั้น ถ้าเธอหวังดีกับธาม เธอก็ควรคิดอะไรให้รอบคอบกว่านี้”
เยาวเรศพูดต่อ “เรื่องราวมันซับซ้อน แตะลงไปตรงไหนก็พร้อมที่จะกลายเป็นปัญหาขึ้นมาได้ทุกเรื่อง  เราจึงไม่อยากให้มีปมประเด็นอะไรขึ้นมาอีก”
คนเป็นมารดาสามารถพูดจาอ้อมค้อมต่อไปได้อีกนานหลายนาที ถ้าลุงกับป้า และจิโระไม่ถือตะกร้าผลไม้เล็กๆ มาทางนี้
“ตอนที่พวกเรามีปัญหาไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ก็ได้พี่ธาม คุณทีม รวมถึงคุณฐาติเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ทั้ง 3 คนเป็นผู้ที่บุญคุณกับพวกเรามากครับ” ฉันท์รับกระเช้าผลไม้จากป้าส่งให้กับเยาวเรศ “ขอบคุณที่กรุณาให้พวกเขามาคอยดูแลพวกเราครับ”
ทั้ง 3 คนกลับไปแล้วหลังจากที่พูดมากมาย แต่สรุปใจความสำคัญได้แค่ประโยคเดียว คือฉันท์ทัตคือข้อด้อยของธามัน
เกือบ 10 นาทีถัดมา เอื้อยก็จอดรถกระบะคันเก่งของเธอที่หน้าบ้าน แล้วยืนเท้าเอวตะโกนเรียกฉันท์ให้ออกมาคุยกันที่หน้าบ้าน
“ไม่เข้ามาคุยกันในบ้านหรือพี่” ฉันท์ยิ้มกว้าง
“ไอ้บ้า” ดวงตาของหญิงสาวไม่กล้าเหลือบขึ้นไปมองที่ชั้นบน “แกก็รู้ว่าฉันกลัวอา เข้าเรื่องเลยดีกว่า” ที่ผ่านมา ถ้าพี่สาวคนนี้มีธุระอะไรก็จะโทรมาเรียกให้ฉันท์แวะไปหาที่ตลาด แต่วันนี้เธอออกไปธุระข้างนอก พอรู้ว่ามีคนมาหาฉันท์ถึงบ้านก็เลยรีบกลับมา แต่ก็ยังไม่ทันอยู่ดี
ฉันท์รู้ว่าทำไมญาติพี่น้องหลายคนถึงไม่กล้าเข้าบ้าน และไม่กล้ามาบ้านนี้
เพราะพวกเขากลัวพ่อ
คนที่ตอนอยู่ไม่ชอบกัน ไม่เคยให้อภัย ไม่เคยทำดีต่อกัน ไม่เคยมีใครมาหาพ่อที่บ้าน
วันที่ยังพอขออโหสิกรรมหน้าโลงศพได้ พวกเขาก็ระแวงว่าฉันท์จะไปยืมเงิน และกลัวว่าจะทำให้ป้าเกศรีไม่พอใจ
พอมาถึงวันนี้ ที่ฉันท์ขายทรัพย์สินของพ่อเพื่อที่จะเคลียร์หนี้สินทั้งหมด พวกเขาก็ยิ่งไม่กล้าที่จะมาบ้านนี้
ที่จริงตั้งแต่พ่อตายไปไม่เคยมีใครพบเห็นวิญญาณของพ่อ ไม่เคยมีใครฝันว่าพ่อไปเข้าฝันใครเลยสักครั้ง แต่ทุกคนก็ยังกลัวอยู่ดี
ทุกคนในบ้านนี้ไม่มีใครเคยเห็น ธามันที่ใช้ห้องนอนพ่อนอกจากจะไม่เคยเจอ ยังไม่เคยรู้สึกว่าพ่ออยู่ในห้องนั้นด้วยซ้ำ
เพราะธามันไม่ได้รู้สึกว่าติดค้างอะไรกับพ่อ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไปคือความจริงใจที่อยากช่วยให้ทุกคนมีความสุข แต่กับบรรดาญาติพี่น้องของตนเองเหล่านี้ สำนึกในใจกำลังหลอกหลอนใจของพวกเขา
ฉันท์มักรู้สึกว่า ลุงรองกับพี่เอื้อยน่าจะอยู่ในกลุ่มยกเว้นคือไม่กลัวพ่อ แต่นับจากวันที่ลุงรองเรียกให้ไปหาที่บ้าน ตอนนั้น ก็พบว่าลุงรองจะออกไปทางดูอยู่ห่าง ๆแบบลูกผู้ชาย เรื่องที่ฝากให้ทำก็ทำแล้ว ที่ฝากให้ดูแลอย่างไรก็ทำให้ตามนั้น ถือว่าไม่ติดค้างอะไรกัน แต่การที่เวลามีเรื่องอะไรจะบอกให้ลูกหรือหลานมาเรียกให้ไปหา ก็เพราะเกรงใจลุงวินัยที่ป่วยอยู่กับบ้านนี้ยังมีเด็กเล็ก การที่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอาจไปรบกวนเวลาพักผ่อน
คือต้องเข้าใจว่าลุงรองอยู่ในวัยเกษียณแล้วนะ ก็อาจจะมีเรื่องคิดเป็นห่วงมากสักหน่อย
แต่พี่เอื้อยนี่กลัวพ่อของฉันท์อย่างชัดเจน
อย่างนั้นมารดากับพี่สาว 2 คนของพี่ก็คงกลัวพ่อเหมือนกัน พวกเธอถึงได้ออกมาคุยข้างหน้าบ้านนี่แทนที่จะคุยกันในบ้าน
“ญาติทางผัวแกมาอาละวาดอะไรหรือเปล่า” พี่เอื้อยไม่อ้อมค้อม
“ไม่หรอก” ฉันท์ส่ายหน้า “เขามาดูว่าลูกชายเขาอยู่ยังไงน่ะ  แล้วก็คงรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่พูดอะไรไม่ค่อยเต็มปากเพราะอยากได้ที่แปลงใหญ่”
หญิงสาวมีสีหน้าเหยียดหยาม “เขาบอกตรง ๆเลยหรือ”
“ตอนที่ผมมา เห็นเขากำลังยืนดูที่ เข้าบ้านไปไม่ถึง 5 นาทีออกมาก็ยังมองแต่ที่สวน”
“เขาจะรู้ตัวไหมเนี่ย ความโลภของเขากำลังจะทำให้ลูกชายสุดที่รักราคาตก”
“ลูกชายเขาเป็นดอกเตอร์จากอเมริกานะพี่ ราคาไม่ตกง่าย ๆหรอก”
เอื้อยใช้คางชี้หน้าน้องชาย “แล้วแกล่ะ เป็นนายกระจอกหรือไง” ช่างเถอะ เรื่องมันก็ผ่านมาถึงขั้นนี้แล้ว “อย่าดูถูกตัวเอง แล้วแกก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”
พี่สาวชี้ที่ตัวเองและชี้ไปในบ้าน ที่อีก 3 คนกำลังยืนมองมา
“ก่อนนี้ฉันก็เป็นหนึ่งในคนที่เอาตัวรอด เพราะไม่อยากมีปัญหากับแม่ จนทำให้แกโดดเดี่ยวในวันที่แกต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด แต่พอเห็นแกสู้ไม่ถอย ทำทุกทางเพื่อดูแลน้องชาย และลุงกับป้า เดินเข้าไปหานักเลงคุมบ่อนเพื่อใช้หนี้ให้พ่อแบบนั้น คนแบบนายฉันท์ทัตที่เคยลอยอยู่บนฟ้า วันนี้กลับทำได้ทุกอย่าง แม้แต่ทำแกงหม้อไปฝากขาย ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นพี่ที่แย่มาก”
“ผมเข้าใจ” เข้าใจจริงๆ “ผมลอยอยู่บนฟ้ามาตลอด ถึงจะรู้ว่ามีปัญหา แต่ก็ทำตัวอยู่เหนือปัญหา อย่าโทษตัวเองเลยฮะ ผมรู้ว่าพี่ก็พยายามช่วยเหลือผมมาตลอด”
พี่สาวตบไหล่น้องชายเบาๆ “แกเปลี่ยนไปเยอะ ในทางที่ดีด้วย พ่อกับแม่ของแกต้องภูมิใจในตัวแกมากแน่ ๆ”
เอื้อยกลับไปแล้ว ฉันท์จึงเดินเข้าบ้าน
รอยยิ้มจางๆ ยังคงอยู่
ลุงกับป้ามีท่าทางเหมือนมีเรื่องมากมายที่อยากจะพูด แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นลุงที่พูดขึ้นมาว่า “ดีแล้ว”

จากนั้นวงจรชีวิตในรอบ 1 วันก็ดำเนินต่อไปตามปกติ จนกระทั่งพี่กลับมาถึงบ้านในตอนเกือบ 3 ทุ่ม ซึ่งมีเพียงจิโระเข้านอนไปแล้ว 
“ชิรายูกิ เป็นอะไรหรือเปล่า” พี่ถามทันทีที่เปิดประตูลงมาจากรถ
ฉันท์ยกยิ้มมุมปาก ไม่ได้พูดอะไรแต่เดินนำเข้าไปในบ้าน
ลุงกับป้าหันไปมองหน้ากัน จากนั้นก็สะกิดให้กวางขึ้นไปอยู่กับจิโระ แล้วหันมาบอกว่า จะเข้านอนแล้ว ขอให้คุยกันดีๆ
บรรยากาศรอบตัวช่างน่ากลัวมาก
ระหว่างที่พี่ไปล้างหน้าล้างมือ ฉันท์ก็ทำเกี๊ยวน้ำให้พี่ เตรียมน้ำดื่ม จากนั้นก็เดินไปปิดบ้าน
“ชิรายูกิ พี่เพิ่งรู้ว่าแม่กับพี่ณภัทร กับพี่ธารามาบ้าน ตอนที่กำลังขับรถกลับมาบ้านนี่เอง”
น้องเงยหน้าขึ้นมองพี่ เลิกคิ้วขึ้นสูงข้างหนึ่ง
“จริงๆ” พี่เรียบเรียงลำดับเวลาอีกรอบ “พรุ่งนี้ 2 พ่อลูกเขาจะกลับฮ่องกง วันนี้ก็เลยมีงานเลี้ยง พอ 2 ทุ่มพี่ก็กลับมาก่อน ตอนที่กำลังขับรถกลับมานี่แหละ ฐาติเพิ่งโทรมาบอกว่าเกิดอะไรขึ้น”
น้องใช้ 2 มือเท้าคางมองหน้าอีกฝ่าย
ออกจากงาน 2 ทุ่มตามเวลาปกติและถึงบ้านในเวลาปกติ ร้อนใจและแสดงความเป็นห่วงอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ ยังต้องการอะไรจากคนนี้อีกหรือฉันท์ทัต
“กำลังสงสัยว่าทำไมถึงเป็นฐาติใช่ไหม มันก็ต่อเนื่องจากการที่จู่ๆ ฐาติก็เดินเข้ามาบอกว่าจะจีบอลิซนั่นแหละ พี่ไม่เคยปิดเรื่องของน้องกับแม่มาตั้งแต่แรก แต่เขาไปถามรายละเอียดจากฐาติ เพราะเราสนิทกัน แต่เรื่องในวันนี้ฐาติได้รับคำสั่งมาว่า ให้บอกพี่ตอนที่พี่ออกมาจากงานแล้ว”
น้องหัวเราะเบาๆ ส่ายหน้าแล้วชี้บอกให้พี่กินเกี๊ยวกุ้ง
เวลาที่ยาวนานเปลี่ยนแปลงทุกคนจนไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไหร่ ที่มาวันหนึ่ง พี่ พี่ทีม และคุณฐาติจะต้องมาเผชิญหน้ากันแบบนี้
แต่จากท่าทางของพี่ที่ดูไม่ค่อยสนใจจะเดินไปตามทางที่ทุกคนบอกไว้ ดูท่าฝ่ายนั้นคงเหนื่อยใจไม่น้อยเลย
“พี่ไม่เคยปิดเรื่องผม แต่ทำไมพี่ถึงไม่เคยพาผมไปพบกับครอบครัวพี่” ที่จริงก็ไม่ได้อยากพบหรอกนะ แต่พอพวกเขามาถึงที่แล้วแสดงท่าทีว่า รู้ทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้ มันรู้สึกเสียเปรียบ และอยากพาลเกเรใส่คนกลางให้หนัก “ยิ่งคุณฐาติ กับพี่ทีมรายงานพวกเขาละเอียดจนเหมือนพวกเขากินข้าวร่วมโต๊ะกับ...ผมแบบนี้”
กวางที่แอบฟังอยู่ข้างบนรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ จึงกลับลงมาใหม่
“พี่ฉันท์”
“ไม่มีอะไรหรอกกวาง พี่ต้องเคลียร์กับคุณธามันให้เข้าใจน่ะ”
“แต่หนูคือคนที่รายงานเรื่องพี่ให้น้าฟังนะ”
ธามช่วยอธิบาย “ฐาติทำตามคำสั่งพี่อีกทีหนึ่ง มันเริ่มจากพี่กลับไปแล้ว แต่ยังอยากรู้ความเคลื่อนไหวของทางนี้ แต่เรื่องที่เขาเอาไปบอกทางบ้านพี่กับพี่ณภัทรด้วยนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ธามันบอก
กวางเม้มปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้ จนฉันท์ต้องช่วยย้ำ “เดี๋ยวขอถามทางนี้ให้แน่ใจก่อน ถ้ามีอะไรที่เกี่ยวกับกวาง พี่จะบอก แต่ตอนนี้ช่วยไปอยู่กับจิโระก่อนนะ”
กวางยอมกลับขึ้นไปข้างบน รอจนได้ยินเสียงปิดประตู น้องถึงได้หันมาหาพี่

(มีต่อ)

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่ 14 (2/6/2562)
«ตอบ #222 เมื่อ02-06-2019 20:14:12 »

(ต่อครับ)

“ว่าไง ทำไมถึงไม่เคยพาไป”
“มันหลายๆ เรื่องน่ะ ข้อแรกเลยก็คือพี่ไม่อยากพาชิรายูกิไปดูพวกเขาทะเลาะกัน”
เป็นคำตอบที่เหนือความคาดหมายไปเล็กน้อย
ทุกคนดูเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็อืม...ดูหรู ดูดี มีวุฒิภาวะ น่าจะอยู่ในระดับไม่พอใจ แล้วก็เชือดเฉือนกันนิ่มๆ ไม่น่าจะถึงขั้นทะเลาะกัน
“เฉพาะในบ้านพี่ก่อนนะ แม่พี่กับแม่พี่ทีม ปกติเขาก็อยู่กันคนละบ้าน แต่ถ้าเจอกันเขาจะพูดจาเสียดสี เหน็บแนมกันตลอดเวลา ถ้ามีคุณทีมหรือพี่ณภัทร กับธาราเข้ามา จากที่พูดจาเสียดสีกัน ก็จะกลายเป็นขัดแย้งกันหนัก จุดอ่อนของอีกฝ่ายจะถูกยกขึ้นมาย้ำไปย้ำมาจนน่าเบื่อ แล้วในที่สุดก็กลายเป็นน่ารำคาญ บรรยากาศที่บ้านพี่ออกไปในทางแข่งกันเป็นที่ 1 ไม่ใช่การดูแลกันและกันแบบ...” พี่ชี้ไปที่ห้องนอนของลุงกับป้า “ไม่เหมือนเลยสักนิด หรือตอนก่อนหน้านั้นที่พี่แอบมองตามน้องเข้ามาในบ้าน เห็นพ่อกับแม่ของน้องในช่วงก่อนหน้านั้น ก็ยิ่งห่างกันไกล”
จากที่เจอกันในวันนี้ ไม่สามารถตัดสินได้ว่า ทั้ง 3 คนจะแรงอย่างที่พี่ว่าเลยสักนิด
“ก่อนที่พี่จะย้ายออกมาทั้ง 2 ครั้ง พี่ทะเลาะกับพวกเขาด้วยใช่ไหม”
“ไม่ถึงกับทะเลาะนะ” พี่ต้องเป็นคนดีที่สุดในสายตาของน้องเสมอ “เพราะถ้าบรรยากาศไม่ค่อยดีพี่ก็หลบแล้ว”
น้องหัวเราะเบาๆ ไม่ค่อยอยากยอมรับเลยว่าพี่จะเป็นคนแบบนี้จริงๆ
ยังมีเรื่องราวของคุณโจ ทุกครั้งที่จะพูดชื่อนี้ออกมา จะรู้สึกเกรงใจและสงสารทุกครั้งไป
“แม่พี่ทีมไปเจอกับคุณโจใช่ไหม แล้วเขาไปกับใคร”
พี่ไม่แน่ใจ “นอกจากแม่พี่ทีมก็น่าจะมีพี่ณภัทร ไม่คิดว่าธาราจะไปด้วยเพราะตอนนั้น เรายังเด็ก ธารา ฐาติ กับพี่เกิดปีเดียวกัน น่าจะเป็นญาติคนอื่น”
“แม่พี่ทีมกับพี่ณภัทร เขา...อยู่....” น้องพอจะเดาได้ “พี่ณภัทรพูด หรือยั่วยุให้แม่พี่ทีมจัดการคุณโจสินะ” ผู้หญิงคนนี้ควรเจอกับพี่เอื้อยสักหน “พี่ก็เลยเป็นกังวลเรื่องที่พวกเขาจะมาที่นี่ใช่ไหมฮะ แต่ที่จริงพี่ณภัทรกับพี่ธาราไม่ค่อยได้พูดอะไรนะฮะ เพราะว่าลุงกับป้าแล้วก็จิโระคอยอยู่ใกล้ๆ ตลอด ได้ยินที่คุยกัน พวกเขาก็เลยพอจะเมตตาผมอยู่บ้าง แต่ผมว่าเขาสนใจที่ดินมากกว่า”
“นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง” พี่พูดต่อ “พี่ไม่อยากให้เขาพูดเรื่องที่ดินกับน้องด้วย” แต่มาถึงตอนนี้ทุกคนกลับมาทำให้น้องรู้ทุกเรื่องที่ไม่อยากให้รู้   
“เขาพูดเรื่องที่ดินกับพี่บ่อยหรือ”
“ก็พูดมาตั้งแต่ตอนที่พี่ขอยืมเงินเขามาหมุนซื้อที่นั่นแหละ ผ่านมาหลายเดือนก็ยังพูดอยู่เลย”
“ทั้งพ่อและแม่เลยหรือ”
พี่ยอมรับ
น้องนิ่งคิดตาม “เขารู้...ทั้งหมดหรือเปล่า”
“คิดว่าอาจไม่ทั้งหมด แต่ก็น่าจะรู้มาเยอะ เขาถึงได้เพิ่งมาในวันนี้”
ที่ไม่ได้คิดจะเข้ามาขัดขวางตั้งแต่แรกเพราะไม่อยากให้เกิดการต่อต้านเหมือนในคราวธนวัฒน์ ซึ่งถ้าเป็นธามันอาจรุนแรงกว่า เพราะธามันมีความดื้อรั้นและเชื่อมั่นในตนเองมากกว่า
ในตอนแรกที่เยาวเรศได้ยินเรื่องของฉันท์ทัต หนุ่มคนนี้ยังเป็นเพียงเด็กนักเรียนที่อยู่ในโลกที่พ่อกับแม่สร้างขึ้น จากนั้นโลกก็พังทลายลง กลายเป็นคนที่มีแต่หนี้สินท่วมตัว จนกระทั่งไม่นานมานี้เองที่เรื่องราวอีกส่วนหนึ่งปรากฏขึ้นมา
นายฉันท์ทัต ไม่ใช่คนที่มีแต่หนี้ แต่ยังมีที่ดินแปลงเล็กแปลงน้อยทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา มีทั้งห้องแถว ห้องเช่าในคอนโดฯ ที่พ่อฝากให้ลุงรองช่วยดูแล
ถ้าไม่ทำอย่างนี้ นายฉลองก็คงไม่เหลืออะไรไว้ให้ลูกชาย
ทั้งลุงรองและพี่เอื้อยอยากบอกเรื่องนี้กับฉันท์มาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่อยากให้ป้าแจ่มจิตรู้เรื่อง การปล่อยให้นางแสดงความกังวล หรือไม่พอใจเป็นระยะ คือการส่งข้อความที่ชัดเจนไปยังพวกเจ้าหนี้ นักเลงบ่อนที่มักจะมาด้อมๆ มองๆ แถวบ้านของฉันท์ ว่าฉันท์กำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแก้ไขปัญหา
นอกจากพวกเจ้าหนี้นอกระบบแล้ว ยังมีคนที่ฐาติ กับธนวัฒน์ส่งคอยดูแลฉันท์อยู่ห่าง ๆด้วย แต่เพราะลุงกับพี่เอื้อยไม่รู้ว่าคนเหล่านี้คือใคร จึงเตือนให้ฉันท์ระมัดระวังและรีบเคลียร์หนี้สินออกไปให้เร็วที่สุด
ทั้ง 2 คนไม่ได้เป็นคนใจแข็งมากนัก พอเห็นฉันท์เป็นทุกข์จากการขายอพาร์ทเม้นท์ก็ต้องเรียกให้ฉันท์ไปหาที่บ้านลุงรองและบอกความลับที่เก็บซ่อนไว้
ฉันท์รวบรวมเงินไปโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดมาเป็นชื่อของตนเอง ซึ่งเมื่อมาถึงตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฐาติในการสืบหาทรัพย์สินที่มีอยู่ในครอบครอง และสรุปเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังให้เยาวเรศฟัง
เรื่องราวเหล่านี้ ทำให้คนที่ต้องการกีดกันฉันท์ออกไปจากชีวิตของธามันถึงกับลังเล
การกดดันต่อฉันท์ทัตอาจหมายถึงการสร้างปัญหากับกลุ่มเครือของตลาดเพิ่มทรัพย์
เป็นกลุ่มคนที่เหมือนกองทัพมด ไม่ได้เป็นช้างตัวใหญ่แบบก้องเกียรติมนตรี แต่ก็เป็นกลุ่มที่นักการเมืองท้องถิ่นยังเกรงใจ ตำรวจที่โยกย้ายเข้าไปในพื้นที่ต้องขอความร่วมมือ 
และสำหรับเยาวเรศ ก็ไม่เชิงว่าจะอยากได้ทรัพย์สินอะไรของนายฉันท์ทัต วีนิตาเขาหรอกนะ แต่ถ้าเราจะสามารถตกลงผลประโยชน์อะไรบางอย่างได้ก็น่าจะดีกว่าไหม
อนาคตเป็นเรื่องข้างหน้า อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็คือ จอห์นนี่ และอลิซลูกสาวต่างก็พอใจธามัน แต่ธามันชัดเจนว่า ไม่ได้สนใจลูกสาวของจอห์นนี่เลยสักนิด ทั้งเสียมารยาทส่งต่อหญิงสาวให้พี่ชายที่เป็นคู่แข่งคนสำคัญไปดูแล
เด็กผู้ชายคนนั้น ก็เป็นอย่างที่ฐาติบอกทุกคำ คือภายนอกเหมือนจะเป็นคนหัวอ่อน โลกสวย และว่าง่าย แต่แท้จริงคือดื้อเงียบ ไม่สนใจใคร
“ตอนที่อยู่อเมริกา พี่เคยให้เพื่อนที่เก่งคอมพิวเตอร์ช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวของชิรายูกิ ก็เลยทำให้ได้รู้ว่า พ่อของน้องมีอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวม ขณะที่ฐาติก็บอกว่าน้องคบกับคุณทีม” น้องขยับตัวจะเถียงว่านี่เป็นเรื่องที่พูดกันหลายครั้งแล้วว่าไม่ใช่ พี่ก็รีบแก้ไข “รู้จักกับคุณทีม มีหลายเรื่องให้ต้องระวังและไม่อยากให้เข้าใจผิด พี่ก็เลยไม่กล้ากลับมาหา ได้แต่มองอยู่ห่างๆ จนมาถึงงานศพ เห็นว่าไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ ก็ยังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งพี่เข้าไปซื้ออพาร์ทเม้นท์ ก็เห็นเขายังเฉยกัน พอน้องใช้หนี้หมดแล้ว ถึงได้เห็นว่าไปโอนกรรมสิทธิ์”
พี่มีแหล่งข้อมูลอื่นนอกจากฐาติ และฐาติไม่เคยรู้เรื่องนี้ ถึงได้พูดไปจากน้อง
..ก้องเกียรติมนตรีนี่เขาเป็นครอบครัวแบบไหนกันนะ
“แล้วพี่ล่ะ คิดยังไง”
“แบบไหน”
“พี่ย้ายเข้ามาหลังจากที่ผมโอนกรรมสิทธิ์ได้ไม่กี่วัน เพราะอะไร”
“เพราะแน่ใจว่า คุณทีมไม่ใช่แฟนน้องแน่นอน” พี่รีบยกมือ “ก็ตอนนั้นยังไม่แน่ใจไง เหตุผลที่มาขออยู่ด้วยมีเรื่องนี้เรื่องเดียวจริงๆ แต่พอมาอยู่ด้วยกัน เห็น...” ชี้ไปที่ห้องลุงกับป้า “ก็เลยคิดว่า เขาคงยังไม่รู้ ถ้าอย่างนั้นน้องก็คงมีเหตุผลส่วนตัว”
“พี่คิดว่ากลับมาหาผมเร็วเกินไปจริงหรือเปล่า”
“อันนี้ต้องแยกจากเรื่องคุณทีมแล้วนะ ถึงปัจจัยทุกอย่างจะเหมือนกันก็เถอะ แต่อันนี้คือเจตนาแรกสุดเลยตั้งแต่ตอนที่กลับไปเรียนต่อ คืออยากกลับมาหาน้องแบบพระเอกหล่อๆน่ะ”
ฉันท์หัวเราะคิก ไหนใครบอกว่าพี่เป็นคนเคร่งเครียดจริงจัง อยากให้มาได้ยินคำสารภาพของเขาตอนนี้จริงๆ เลย
“อยากขับรถคันใหญ่ เท่ๆ มารับน้องไปดูห้องทำงานใหญ่ มีป้ายชื่อ ดร.ธามัน ก้องเกียรติมนตรี กรรมการผู้จัดการติดอยู่ที่หน้าประตูห้อง มีบ้านกลางสวนให้น้องอยู่ พาไปเรือนั่งยอร์ช เที่ยวทะเลอันดามัน หรือซื้อตั๋วเฟิร์สคลาส นอนโรงแรมห้าดาวไปทัวร์ยุโรป อะไรแบบนี้ไง”
ยิ่งเห็นว่าน้องหัวเราะมีความสุข พี่ก็ยิ่งฟุ้งไปกันใหญ่
“พอรู้ว่าคุณทีมไม่ใช่แฟน พี่ก็ไม่อยากรอ แทนที่จะเป็นพระเอกระดับ 100 ล้านเลยเป็นได้แค่พระรอง 20 ล้าน”
“ตอนนี้ 20 ล้าน แต่ถ้าขยันขนาดนี้ ผมว่า 100 ล้านก็น่าจะเป็นไปได้นะ”
“ยังให้พี่เป็นพระเอกของชิรายูกิอยู่ใช่ไหม”
ฉันท์จูบหน้าผากของพี่ “ถ้าไม่ใช่พี่แล้วจะเป็นใครได้อีก”
“จริงนะ”
“จริงสิ”
“งั้นก็ยิ้มได้”
“ยิ้มหรือ”
“อื้ม ยิ้มกว้าง ๆด้วย เพราะผมรู้ว่าพี่มีความตั้งใจมาก ทำให้ผมดีใจมากที่เห็นพวกเขาที่นี่” น้องตีที่มือพี่เบาๆ “พวกเราอยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว จนถึงวันนี้เขาถึงได้มา แสดงว่าพี่ต้องเป็นคนสำคัญของพวกเขามากๆ และเขารู้สึกว่ามีความเสี่ยงบางอย่างเกิดขึ้น พวกเขาถึงต้องการมาประเมินผมด้วยตาตนเอง”
“แล้วยังอยากให้พี่พาไปหาพวกเขาไหม”
น้องเอียงคอคิด “พี่ว่าทำแบบนั้นแล้วจะดูเป็นเด็กๆ ชอบประชดประชันไปสักหน่อยไหม รู้ว่าเขาไม่ชอบยังจะไปเสนอหน้า แต่ใจผมน่ะ ก็ยังอยากไปแนะนำตัว อยากให้เขารู้ว่าผมพร้อมที่จะสนับสนุนพี่ ไม่ใช่ข้ดด้อยของดร.ธามัน ก้องเกียรติมนตรี และไม่เป็นภาระของก้องเกียรติกิจการด้วย”
พี่ยิ้มกว้างหน้าบานจนน้องหันมาเอานิ้วจิ้มแก้ม “ดร.ธามันฮะ ไม่รักษาฟอร์มเลย”
พี่พลิกหน้าจูบฝ่ามือน้อง “ไม่เรียกฟอร์ม เขาเรียกว่าอาวุธ เอาไว้จัดการคนอื่น แต่กับคนรักต้องจริงใจเท่านั้น”
น้องทำปากยื่น “ก่อนนี้มีคนไม่ยอมมองหน้าผมด้วยนะ”
“ใคร ไหนบอกมาสิ ไอ้หมอนั่นมั่นโง่ ทำให้เสียเวลาไปเปล่าๆ เสียฟอร์มด้วย น่าอายมาก ไม่เข้าท่าเลยสักนิด”
น้องหัวเราะอยู่นาน จนกระทั่งพี่หันไปมองนาฬิกาเห็นว่าเกือบ 4 ทุ่มแล้ว
“ขอแค่เชื่อพี่ว่าพี่จะจัดการเรื่องนี้เอง”
พอน้องขยับตัวจะลุกขึ้น พี่ก็จับข้อมือไว้เพื่อขอคำยืนยัน
“อย่ากังวลไปเลยฮะ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
“จริงหรือ” พี่ยังเหลือความกังวลว่าพวกเขาพูดอะไรกับน้อง
มันจะเต็มไปด้วยคำเสียดสี ดูหมิ่นและข่มขู่แบบที่ทำให้คุณโจเคยต้องฆ่าตัวตายหรือเปล่า
“แม่ กับพี่สาวของพี่ เขาแค่พูดกว้างๆ ว่าผมควรรู้ว่าต้องทำยังไง ไม่ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรงอะไร บางทีอาจเป็นเพราะตอนนั้น คนที่ไปเจอกับคุณโจ คือแม่ของพี่ทีม เขาคงกังวลเรื่องภายในครอบครัวมากก็เลยใช้คำที่มันรุนแรงมากกว่าตอนที่แม่ของพี่มาคุยกับผม”
ถ้าลำพังแค่พูดก็คงไม่ถึงขนาดต้องฆ่าตัวตาย ยังมีเรื่องอีกมากที่น้องไม่รู้ และพี่ก็รู้สึกละอายเกินกว่าที่จะบอกออกมาทั้งหมด
ทำได้เพียงจับมือของน้องไว้แน่น
“ผมพาเขาขึ้นไปดูที่ห้อง บอกว่าเราไม่ได้นอนห้องเดียวกัน บอกว่า พี่ พี่ทีม และคุณฐาติมีบุญคุญกับพวกเรา” แตะหลังมือพี่เบา ๆ “กินเกี๊ยวเถอะฮะ เสร็จแล้วจะได้อาบน้ำนอน ตอนนี้ดึกมากแล้ว”
“ชิรายูกิ”
“ฮะ”
“ถ้า...วันหนึ่ง ชิรายูกิคิดว่าพี่ไม่คู่ควรก็...”
“พี่มีส่วนร่วมกับการที่คุณโจต้องฆ่าตัวตายหรือฮะ”
พี่ลูบหน้าตัวเอง ทำให้อีกคนรู้สึกใจเสียที่ถามตรงเกินไป
“ไม่ต้องตอบก็ได้ฮะ”
พี่ยกมือปฏิเสธ “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก แต่เพราะพี่ไม่แน่ใจ ตอนนั้นพวกเรายังเด็ก เป็นพี่น้องต่างแม่ ที่แข่งขันกันเพื่อให้ได้ของรางวัลจากพ่อมากกว่าอีกคนหนึ่ง ทำให้แม่มีความสุข พวกเราเรียนโรงเรียนเดียวกัน เห็นเขาไปไหนมาไหนกับคุณโจ บางทีพี่อาจพูดหรือทำอะไรให้แม่ของคุณทีมรู้ แล้วยังเรื่องของพี่ณภัทรอีก ทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์โดยตลอด ก็ยังคิดแต่จะเอาตัวรอด”
น้องขยับเข้าหาพี่ ประคองใบหน้าพี่ไว้ แล้วจูบที่หน้าผาก ลงมาที่ปลายจมูก และริมฝีปาก
“พี่พูดเองว่าตอนนั้นยังเด็ก แต่จากที่โอกาซังสอนผมมา ไม่รู้ว่าจะเอามาใช้ในสถานการณ์ของพี่ได้ไหม” พี่รอฟัง “โอกาซังสอนว่า กับคนที่ร้ายกับเรา เราต้องดีกับเขาให้มาก แก้แค้นเขาด้วยการทำให้เขาละอายใจ ส่วนคนที่ดีกับเรา เรายิ่งต้องดีกับเขาเป็นเท่าตัว เพื่อแสดงความขอบคุณ”
ชิรายูกิก็ไม่ได้ใสซื่อเสียทีเดียวหรอกนะ
“แล้วชิรายูกิจัดให้พี่อยู่ในกลุ่มไหน”
“ถ้าผมไม่มีพี่ ผมก็คงติดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะต่อไปอีกนาน ผมจะไม่ปล่อยมือพี่แน่นอน ต่อให้พี่คิดจะคลายมือจากผม ผมก็จะเอาเชือกผูกมือของเราไว้ด้วยกัน”
พี่โอบเอวน้องเข้ามาใกล้ แล้วจูบริมฝีปากสวย
“แต่ยังมีเรื่องที่ผมขอร้อง พี่ต้องไปคุยกับพี่ทีม พี่ณภัทร และคุณฐาติ ผมจะไปด้วย” พี่เลิกคิ้วสูง “ผมอยากให้เขารู้ว่า ผมเป็นคนของพี่”
พี่พยักหน้า หอมแก้มใสของน้องฟอดใหญ่
“ช่วยนัดวันก่อนเปิดร้านนะฮะ”
พี่แกล้งกลอกตาล้อเลียน “ชิรายูกินะ ขอหวานต่ออีกสัก 5 นาทีก็ไม่ได้”
น้องหัวเราะร่วนลุกขึ้นจากตัก “ดึกมากแล้ว ไปอาบน้ำเข้านอนได้แล้วฮะ” 
“เดี๋ยวก่อน”
“ฮะ”
“นอกจาก 3 คนนั้นแล้วยังอยากไปเจอพ่อกับแม่ของพี่อยู่หรือเปล่า”
น้องเครียดขึ้นมาในทันที ตอนที่พยักหน้ายอมรับยังเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง

...จบตอนที่14...

อีก 3 ตอนก็จะจบแล้ว เพราะเรื่องนี้มี 17 ตอน
เร็วจังเนอะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดครับ
น้ำชาครับ

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่13 (10/5/2562)
«ตอบ #223 เมื่อ02-06-2019 21:07:50 »

  :pig4:

นับวันรอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #224 เมื่อ04-06-2019 11:11:58 »



เป็นไงล่า น้องก็มีดีเย๊อะแยะ   :z2:  :z2:


ว่าแต่น้องงงงงงตอนนี้ทำไมอาหารมันเย๊อะแยะ จนน้ำลายไหลตามเลยอ่ะ   :katai2-1:


ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไปเช่นเดิม






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #225 เมื่อ04-06-2019 12:28:07 »

เห็นเงียบๆใช่ว่าน้องไม่รู้อะไรนา​ คนเขาดูออกนะคะคุณ​ผู้หญิงทั้งหลาย

ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #226 เมื่อ04-06-2019 20:41:24 »

ใกล้จะจบแล้วเหรอ ใจหายจัง รอติดตามค่า

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #227 เมื่อ04-06-2019 22:02:51 »

แหม อ่านงงๆกับความเยอะอยู่พักใหญ่
ทั้งตัวละครเยอะ เรื่องเยอะ ความลับเยอะ
มาคลายเอาตอนนี้ กลายเป็นน้องฉันท์เก่งใช่ย่อย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #228 เมื่อ05-06-2019 01:18:39 »

น้องแบบเก่งมาก
ดูรอบคอบอ่ะ แบบคิดอะไรเป็นขั้นเป็นตอน

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #229 เมื่อ05-06-2019 22:34:35 »

จับมือกันแข็งแกร่งขึ้นทุก ๆ วัน
อ่อนโยนต่อกันและกันขึ้นทุกวัน
รักมากกว่าเดิมทุกวัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
« ตอบ #229 เมื่อ: 05-06-2019 22:34:35 »





ออฟไลน์ ปลายฝน ต้นหนาว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #230 เมื่อ06-06-2019 18:36:55 »

สุดยอดดดดดดดดด สนุกมากๆๆๆๆๆ เพิ่งได้มาอ่าน ดีมากๆๆๆๆ ชอบมากๆๆๆๆๆ ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้อ่าน :hao5:

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #231 เมื่อ07-06-2019 12:14:52 »

ยิ่งอ่านยิ่งรักน้องฉันท์มากขึ้นทุกวันๆ
อ่อนนอกแข็งใน มีเหตุผล ไม่คิดเองเออเอง รับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้ดีมากอ่ะ
กับคนอ่อนกว่าที่ต้องดูแลก็เข้มแข็ง เป็นที่พึ่งได้
กับคนแข็งกว่าที่ต้องพึ่งพิงก็นุ่มนวล เหมือนสายน้ำไหลเย็นไว้ให้พักใจ
ร้ากกกกกกกกกกกกกก  :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #232 เมื่อ08-06-2019 22:46:59 »

อยากให้พี่เอื้อยได้พบปะสนทนากับพี่ณภัทรจังเลย :a11:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #233 เมื่อ09-06-2019 08:57:35 »

ชอบในความซับซ้อนนี้ ที่ฉันท์มองออก และพร้อมสู้
น้องเข้มแข็งและมั่นคงขึ้นเยอะ เพราะเปิดโลก เปิดใจด้วย
เอ็นดูความมุ้งมิ้งของพี่กับน้อง อะไรก็จุ๊บก็จุ๊บนะฉันท์

ธามดูออก แม่นเหมือนจับวาง เดาน้องได้ไม่มากไม่น้อย
ชอบตรงนี้แหละ ที่สำคัญ ธามไม่โกหกน้อง

ฉันท์พร้อมลุยแล้วนะ ทุกคนเตรียมตัวเลย

ขอบคุณญาติฉันท์บางคนที่ไม่ทิ้งกันไป

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #234 เมื่อ13-06-2019 11:25:27 »



ก๊อกๆๆๆ แวะมาทักทายจิโระคุง คิดถึงงงงงงงงง   :กอด1:  :กอด1:


ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #235 เมื่อ16-06-2019 16:22:45 »

รออออ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #236 เมื่อ18-06-2019 20:51:25 »

 :katai5:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #237 เมื่อ19-06-2019 01:00:48 »

คิดถึงแล้ว

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Kiss the Snow ตอนที่14 (2/6/2562)
«ตอบ #238 เมื่อ19-06-2019 07:20:10 »

พี่ขายของจิโร๊ะอ่ะไม่อ่อนนะจ๊ะ

น้องร้ายพอตัวจ้ะ

เรื่องจะยอมแพ้เหมือนรักคร้งแรกอ่ะน้องไม่ยอมหรอก

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่15 (20/6/2562)
«ตอบ #239 เมื่อ20-06-2019 19:07:09 »

ตอนที่ 15

จิโระเห็นพี่ชายเตรียมตัวออกจากบ้านไปพร้อมกับธามันและกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กก็เริ่มใจไม่ดี ทั้งที่พี่ชายก็ทำความเข้าใจมาตั้งแต่ตอนที่จัดกระเป๋าเดินทางเมื่อวานนี้ ว่าต้องไปธุระ แล้วจะกลับมาในวันถัดไป ระหว่างนี้จะโทรศัพท์มาหาเป็นระยะ จิโระพยักหน้าทำความเข้าใจ แต่พอเห็นธามันถือกระเป๋าไปใส่รถก็เริ่มหน้าเสีย
“โอนี...”
พี่ชายอยากเปลี่ยนใจอยู่บ้านกับน้อง แต่วันนี้ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าการไปเที่ยวด้วยกันก็คือการที่ต้องไปไหว้พ่อและแม่ของธามัน
นี่เป็นเรื่องที่สมควรจัดการให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นทุกคนก็จะต้องกังวลเรื่องนี้ไปตลอด
ส่วนเรื่องที่บอกว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน...
ก็โตๆ กันแล้วนะ รู้ว่าความหมายของการไปเที่ยวด้วยกันคืออะไร พี่เองก็ต้องจัดตารางงานใหม่ และจองที่พักเรียบร้อย แล้วถ้าตอนนี้จะมาบอกว่าไม่ไป เพราะห่วงจิโระ หรืออยากพาจิโระไปด้วย มันก็ไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่
“ถ้าโอนีคุยธุระเสร็จจะรีบโทรมาหาจิโระ และจะรีบกลับมาหาจิโระทันทีเลยนะ”
“โอนี” ดวงตาของเด็กน้อยมีหยดน้ำปริ่มขอบตา
“ถ้าจิโระร้องไห้ โอนีก็จะต้องเป็นห่วงจิโระมากๆ ทั้งที่ตอนนี้จิโระมีทั้งคุณลุง คุณป้า กวาง และก็ยังมีโอกาซัง กับคุณพ่อที่คอยมองลงมาจากสวรรค์อีก” พี่ชายเช็ดน้ำตาให้น้อง “โอนีไปแค่คืนเดียวเองก็กลับมาแล้วนะ”
“โอนีไปฮันนีมูนกับฮันซามุซัง แล้วจะมีน้องอีกคน จิโระไม่อยากมีน้องนี่นา”
“ห๊ะ” พี่ชายตกใจ
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าความคิดทำลายความซาบซึ้งนี้มาจากไหน
“กวาง” ป้าเหนื่อยใจมาก “สอนอะไรเนี่ย”
กวางประสานมือท่าทางสำนึกผิดในคำพูดของตนเองแบบ...ไม่ค่อยจริงใจสักเท่าไหร่
เรื่องที่กวางบอกจิโระน่ะมันคือความจริงแค่ครึ่งเดียว เพราะฉันท์ต้องไปที่อื่นก่อนไปฮัน...เอิ่ม...ไปพักผ่อนกับพี่
แต่ถ้าจะอธิบายเรื่องนี้กับเด็กอายุเกือบ 4 ขวบฉันท์ก็ไม่รู้จะอธิบายกับน้องชายอย่างไร ต้องหันไปหาพี่ให้ช่วยอธิบาย
ธามันก็อธิบายง่ายๆ แบบผู้ชายแมน ๆ คุยกัน “จิโระเป็นน้องที่โอนีกับพี่ภาคภูมิใจ และรักมากจนไม่อยากได้น้องอีกคนแล้ว”
จิโระมองหน้าธามันแล้วหันมามองหน้าพี่ชายจากนั้นก็พยักหน้า “ไปฮันนีมูน ให้ สะหนุก นะฮับ”
ที่จริงจิโระยังคงเป็นเด็กที่เข้าอะไรง่ายๆ นะ...ถ้าไม่ถูกเจ้ากวางใส่ข้อมูลอะไรที่มันแปลกๆ ลงไป
พอขึ้นรถได้พี่ก็หัวเราะอารมณ์ดี ขณะที่น้องหน้าแดง บทสนทนาที่ทำให้อารมณ์ดีมีไปจนถึงบ้านของธามัน
บ้านหลังใหญ่รูปแบบสมัยใหม่ แบบมีสนามหญ้ากว้าง
ธามันถือตะกร้าผลไม้เดินนำฉันท์ที่ถือกล่องของขวัญกล่องใหญ่เข้าไปในบ้าน
เวลานั้น ธนากำลังดูรายการกอล์ฟทางโทรทัศน์ ขณะที่เยาวเรศกำลังใช้สมาร์ทโฟนตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมามอง ลูกชายกับฉันท์ที่เดินเข้ามาหาแล้ววางฝากลงที่โต๊ะประดับมุกด้านหน้า “พ่อครับ แม่ครับ นี่คือฉันท์ทัต วีนิตา คนรักของผมเองครับ”
ผู้ใหญ่ทั้ง 2 คนรับไหว้อย่างงงๆ แล้วหันไปมองหน้ากัน
คนแรกที่ลูกชายพามาบ้านไหว้พ่อแม่
คนแรกที่ลูกชายแนะนำว่าคือคนรัก
คือผู้ชาย
คนที่มารดาพูดมากกว่า 10 ครั้งว่าแม่พอรับได้ หากให้เป็นคนในบ้านเล็ก แบบที่ธนวัฒน์เลี้ยงนักศึกษา
เพราะธามันต้องแต่งงานกับสตรีในครอบครัวนักธุรกิจ หรือจะเป็นดาราคนมีชื่อเสียงในสาขาอื่นก็ไม่เกี่ยง ขอเพียงเป็นคนที่จะทำให้ผลประโยชน์ืของครอบครัวเพิ่มพูน
แต่สุดท้ายธามันก็ยังคงพาหนุ่มคนนี้มาแนะนำ
ธามันชี้บอกให้น้องนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ส่วนตนเองนั่งบนที่เท้าแขน
“เมื่อวันก่อนแม่พาพี่ณภัทร กับธารามาหาน้องที่บ้าน ผมว่ามันดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะแม่เป็นผู้ใหญ่ ถ้าอยากพบน้องก็บอกผมสิ เพราะผมน่ะอยากพาน้องมาหาพ่อกับแม่ตั้งนานแล้ว”
เยาวเรศเวลาที่อยู่กับสามีช่างดูเป็นสตรีบอบบาง เหมาะที่จะถูกรังแกเป็นอย่างมาก เธอขยับตัวมาเกาะแขนสามีไว้เพื่อหวังเป็นที่พึ่ง
ฉันท์เลิกคิ้วสูง แล้วยิ้มที่มุมปาก ขณะที่ธามันส่ายหน้า 
“พ่อกับแม่รู้เรื่องของเขาจากคนอื่นมาตลอด วันนี้ผมพามาให้ถามแล้ว อยากรู้อะไรก็ถามเลยครับ”
ฟังลูกชายตัวดีพูดแล้ว อารมณ์ของพ่อเริ่มค่อนไปทางความไม่พอใจ
การที่ธามันพาหนุ่มคนนี้มาที่บ้าน ก็เพราะไม่พอใจที่มารดาไปหาถึงบ้านเช่นนั้นหรือ
“เราคุยกันว่าการที่ท่านไปถึงที่บ้าน อาจเพราะมีความกังวลหลายเรื่อง แต่เราแทบไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมาก ผมเองตอนนั้นก็เครียดมาก ไม่รู้ว่าพูดหรือทำอะไรผิดไปหรือเปล่า และไม่ว่าท่านยังติดใจเรื่องอะไรอยู่ ผมก็พร้อมที่จะชี้แจง” น้องเป็นทางการมากจนพี่ยังแปลกใจ
ความเชื่อดั้งเดิมของเยาวเรศที่มีต่อฉันท์ทัต คือหนุ่มคนนี้เป็นคนดื้อเงียบ และ ‘จืดชืด’ แต่ในเวลานี้ดูเคร่งเครียดและเป็นทางการมาก
หรือธามันจะไปเล่าอะไรไว้ ทำให้หนุ่มคนนี้คิดว่าพ่อกับแม่เป็นคนดุ และน่ากลัว
เยาวเรศไม่เคยเล่าให้สามีฟังว่าพูดจาอะไรกับธามันไปบ้าง ในช่วงก่อนที่ลูกชายเพียงคนเดียวจะย้ายออกไป แต่ก็ใช่ว่าคนเป็นสามีจะเดาไม่ออก ดังนั้นเวลาที่พบกันในที่ทำงาน ธนาจึงมักหลีกเลี่ยงที่จะพูดย้ำหรือบังคับให้กลับบ้าน อย่างมากก็บอกว่าให้กลับมากินข้าวเย็นที่บ้านบ้าง
คนเป็นพ่อเชื่อว่า ธามันที่มีนิสัยขี้รำคาญ จะไม่ทนกับผู้ชายที่มีนิสัยเหมือนผู้หญิง จะไม่ทุ่มเทให้กับสิ่งที่ไม่ใช่เป้าหมายของชีวิต
เป้าหมายของธามันคืออะไร
คือการเป็นที่ยอมรับของก้องเกียรติมนตรี
แล้วฉันท์ทัตคนนี้สามารถสนับสนุนธามันให้ไปได้ไกลขนาดไหน 
เขาเหมือน...คนหนุ่มที่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ และรู้ว่าตำแหน่งของตนเองอยู่ตรงไหน ถ้าธามันไม่พามา เขาก็จะไม่มีวันเดินเข้ามาแนะนำตัวอย่างเด็ดขาด
การเริ่มต้นทำความรู้จักกันในแบบทางการก็ดีเหมือนกัน
“ทำไมถึงคิดว่าเราจะยอมรับ” เมื่อธามันขยับจะตอบ พ่อก็พยักหน้าไปทางฉันท์ทัต “ฉันถามเธอ”
“เพราะพวกเรารักพี่ธามเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้อยากให้ท่านยอมรับผมในฐานะคนรักของพี่นะครับ ผมอยากให้ท่านยอมรับผมแบบที่ผมเป็นรุ่นน้องคนหนึ่งของพี่มากกว่า ผมรู้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับการคบหากันแบบเรา และถ้าผมดึงดัน ก็จะทำให้ท่านและพี่ต้องลำบากใจ ผมขอแค่นี้ครับ”
ธนามองมือขาวที่บีบเข่าทั้ง 2 ข้างตลอดเวลาที่พูดอย่างเป็นการเป็นงาน
ถ้าเด็กคนนี้เป็นหลานชาย หรือเป็นพนักงานในบริษัทก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน น่าเสียดายที่เขาคือคนที่ธามันทุ่มเทให้ และมันกลายเป็นแง่มุมส่วนตัวที่เอามาขยายจนสร้างความเสียหายในภายหลัง
“คนไม่ได้ตัดสินกันด้วยเรื่องที่อยู่ในใจ แต่เราตัดสินกันด้วยการกระทำ คนที่รู้ว่าธามันอยู่กับเธอ จะเอาเรื่องนี้ไปขยายความ ขณะที่ก้องเกียรติกิจการเป็นบริษัทใหญ่ เราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์  มีคณะกรรมการบริหาร 8 ใน 11 คนเป็นคนที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม เขาไม่ทนกับข่าวกอสซิป ไม่ยอมรับความผิดพลาด”
“ผมว่าท่านให้ความสำคัญกับผมมากเกินไป เพราะผมเป็นเพียงคนที่ต้องพึ่งพาพี่เป็นอย่างมาก ตอนที่ผมลำบากที่สุด ผมมีแต่พี่ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ”
“แล้วพี่น้องของเธอไปไหนกัน เพราะเขารู้ว่าเธอเป็นคนที่มีแต่ปัญหาที่มันเกินเยียวยาใช่ไหม แล้วพอธามไปช่วยเหลือ เธอก็รับคว้าเขาไว้ ดึงเขาลงไปหาเธอสินะ” เยาวเรศด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ถ้อยคำล้วนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ครับ ผมมีปัญหามาก และผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร”
“เท่าที่รู้มาก็คือ เธอรู้จักกับทีม เขาไม่บอกอะไรเธอเลยหรือไง” เยาวเรศไม่เปิดช่องให้ฉันท์พูดจบประโยคเลยสักครั้ง จนแม้แต่ธนายังเริ่มรู้สึกอึดอัดใจ
“ผมไม่เคยคุยกับพี่ทีมเรื่องปัญหาของผม”
“เพราะเธอรอธามละสิ”
ฉันท์นิ่งคิดแล้วพยักหน้า “ครับ ผมรอพี่กลับมา”
เมื่อเห็นว่าธามันยิ้มได้กับคำตอบนี้ ธนาก็รู้ว่าภรรยาพลาด จึงพากลับมาที่เรื่องเดิม
“ธามเคยมีประสบการณ์กับเกย์มาบ้างในตอนที่อยู่อเมริกา ซึ่งมันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น”
ถึงพี่จะไม่เคยเล่าเรื่องนี้ตรงๆ แต่น้องพอจะคาดเดาได้ ก็เลยยิ้มรับ
เยาวเรศแทรกขึ้นมาอีกครั้ง “เธอเองก็คบหากับใครหลายคน ทั้งหญิงและชาย ก็คงมีประสบการณ์มาไม่น้อยสินะ”
อาการของคนที่โดนด่าจนหน้าชาเป็นแบบนี้เอง
“ใครๆ เขาก็รู้ว่าคนที่เป็นแบบเธอน่ะ ใช้ชีวิตได้มั่วขนาดไหน”
ฉันท์เงยหน้าขึ้นมองเยาวเรศ ขณะที่ธามันพูดท้วง
“แม่ครับ”
ฉันท์แตะที่เข่าพี่ คลี่ยิ้มแข็งเกร็ง
“ผมทำหลายเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทำให้หลายคนเสียเวลาและทำให้เข้าใจผิด มีอีกหลายเรื่องที่ไม่รู้ว่าควรจะแก้ไขมันได้อย่างไร รู้แต่ว่าในวันที่ผมมีปัญหาที่สุด พี่คือคนที่เข้ามาช่วยผมไว้ และเพิ่งได้มารู้ทีหลังว่าคุณคือผู้ที่ให้ความช่วยเหลือ” ฉันท์ทัตไหว้ขอบคุณแม่ของธามัน “ผมขอโทษที่เสียมารยาท ไม่ได้มาขอบคุณตั้งแต่ที่รู้เรื่อง”
เยาวเรศยักไหล่ ไม่ได้อธิบายความจริง และปล่อยให้ฉันท์รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเธออยู่เช่นนั้น
“ฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าคนแบบเธอจะมีมารยาทอะไรหรอก”
“ปัญหาในครอบครัวใหญ่ ผมก็พอจะรู้อยู่บ้างว่า มันหนักหนาขนาดไหน และมันเกินกำลังที่จะแก้ไข แต่กำลังใจจากคนในบ้านเดียวกันสำคัญที่สุด การที่คุณสนับสนุนให้พี่ได้ทำงานใหญ่ ส่งผลดีมาถึงผมด้วย ทำให้ผมรู้สึกขอบคุณท่านมากครับ” ฉันท์พยายามประคองรอยยิ้มของตนเองให้คงอยู่ “พี่เคยบอกไว้ว่าในครอบครัวของแต่ละคนต่างก็มีความซับซ้อน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทุกคนยอมรับ”
แต่ตอนนี้ความอดทนของธามันใกล้หมดลง
“พ่อแม่ครับ ผมก็แค่อยากอยู่กับน้อง เรื่องที่คนเขากอสซิบอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย เรื่องของผม เราคุยกันไปแล้ว ส่วนเรื่องของน้อง ถ้าแม่เชื่อคำคนนินทามากกว่าสิ่งที่แม่เห็น ก็แล้วแต่แม่ครับ แต่ผมว่า ลำพังในบริษัทเราเนี่ย ตั้งแต่ซีอีโอ” ลุงใหญ่ “ลงมาจนถึงกรรมการบริษัท” รวมถึงพ่อด้วย “ก็น่าจะมากเกินกว่าที่เขาจะมาสนใจคนตำแหน่งเล็ก ๆ อย่างผมนะครับ” ธามันยก 2 มือ “ผมไม่สนับสนุนเรื่องแบล็คเมลนะครับ แต่จากการใช้ชีวิตของผมกับน้องทุกวันนี้ ผมว่าเรามีเรื่องอื่นให้เขาสนใจมากกว่าเรื่องนั้น”
“ธาม” มารดากังวลมาก
“แม่ครับ คนพูดถึงคนอื่นลับหลังกันเป็นปกติ และมันก็ปกติที่จะเป็นเรื่องไม่จริงและสร้างความเสียหายให้เขา เพื่อหวังกลบเรื่องไม่ดีของคนพูด” ธามันหันไปมองพ่อ “มันไม่เกี่ยวกับเพศเลยสักนิด ปัญหาครอบครัวน่ะ จะเพศไหนก็พบเจอปัญหา ถ้าใครสักคนสร้างปัญหา หรือเอาปัญหาเข้าบ้าน ที่พ่อกับแม่กังวล ผมกับน้องก็กังวล แต่ผมกังวลเรื่องความรู้สึกของพ่อกับแม่มากกว่าคนอื่น ผมถึงขอแยกออกไป ถ้าจะมีใครว่าอะไร ก็บอกกับเขาไปว่าผมไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อและแม่แล้ว”
“เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้นนะธาม” เยาวเรศ
“แม่ก็อย่าคิดให้มันยากสิครับ ผมไม่รู้หรอกว่าพรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้าจะเป็นอย่างไร ผมรู้แต่ว่าผมรักคนนี้มาตลอด ต่อให้อยู่ห่างกัน ไม่เจอกันนาน แทนที่ความรู้สึกจะจางลง กลับยิ่งรักเขามากกว่าเดิม” ธามไม่ค่อยอยากซ้ำเติมจุดอ่อนเรื่องนี้ของมารดาสักเท่าไหร่ จะโต้เถียงกันมากมายขนาดไหนก็ไม่เคยพูดออกมา เพราะรู้ว่ามารดาเสียใจ “พ่ออยู่กับแม่ของคุณทีมมาก่อนเรา เคยมีสักวันไหมที่แม่วางใจว่าพ่อรักเราจริง ๆ สามารถหยุดคิดและบอกให้ผมต้องอยู่เหนือคุณทีมได้ไหม ถ้าผมแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนแล้วยังอยู่กับน้อง ก็หมายความว่าจะต้องมีผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นเหมือนแม่ พ่อเองก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยังคงรู้สึกว่าไม่มีความยุติธรรมต่อผู้หญิง 2 คนและลูกทั้ง 2 คน”
เยาวเรศหน้าเจื่อนลง ไม่กล้าหันไปสบตาสามี
“นี่คือสิ่งที่ผมเห็นอยู่ทุกวัน จนผมเบื่อและเลือกที่จะทำในสิ่งที่แม่ตำหนิว่าผมหนีปัญหา ผมไม่ได้หนี แต่ผมรำคาญ” พ่อรู้นิสัยนี้ของธามเป็นอย่างดี “นี่ไม่ใช่ปัญหาของผม มันเป็นเรื่องที่ผมทำอะไรไม่ได้ และผมก็ไม่อยากอยู่กับปัญหาโลกแตกแบบนี้”
ธามันลุกขึ้นยืนและดึงมือฉันท์ให้ลุกขึ้นด้วย
“พวกเราอยู่บ้านเดียวกันแล้ว อย่าแยกเราเลยครับ”
ฉันท์เอียงคอสงสัย เวลาที่เราจะขอร้องใคร เราควรคุกเข่า หรือนั่งในระดับที่ต่ำกว่าคนที่เราไปขอร้องไม่ใช่หรือ แต่ตอนนี้พี่กลับยืนขึ้น และการที่เขาเป็นคนตัวสูงมาก ก็เลยยิ่งทำให้ดูเป็นการข่มขู่
และจากนิสัยของพี่ ถ้าตอนนี้ฉันท์ใช้การอ้อนวอน คุกเข่าลงเพื่อขอคบกับพี่ อาจยิ่งทำให้พี่ไม่พอใจ กลายเป็นยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในครอบครัว
แต่นี่คือพ่อกับแม่นะ
“ท่านครับ ผมไม่ได้มาแย่งชิงพี่ ไม่ต้องการสร้างความเสียหายให้กับครอบครัวและธุรกิจ เพราะผมรู้ว่าทั้งหมดนี้มีความสำคัญกับพี่มาก ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอย่างแน่นอน” หนุ่มตัวเล็กย้ำด้วยความเป็นกังวล “อย่าแยกพวกเราเลยครับ”
เยาวเรศลุกขึ้นยืน “แต่ถ้าเมื่อไหร่ธามพบคนที่ดีกว่าเธอ”
แค่ได้ยินเงื่อนไขนี้ ฉันท์ก็รู้สึกปวดใจ “ผม...จะไม่รั้งพี่ไว้”
“เธอพูดเองนะ เมื่อถึงเวลาก็ต้องทำให้ได้”
“ครับ”
น้องรับคำแต่พี่กำลังเบื่อมาก
“สรุปคือที่ผมพูดมา แม่ไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม ถึงได้ถามแบบนี้”
เป็นการพบกันอย่างเป็นทางการที่ไม่มีรอยยิ้ม และฉันท์ไม่สามารถจินตนาการภาพตนเองในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัวของพี่ได้เลย
แต่นี่คือพ่อกับแม่ของพี่ต่อให้ต่างก็รู้จักเรื่องของอีกฝ่ายผ่านเรื่องเล่าของบุคคลที่ 2 ยังเป็นคนแปลกหน้าที่เราสมควรทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น
ที่ขอให้พี่พามาในวันนี้ก็เพราะอยากทำความรู้จัก เพื่อขอให้ยอมรับ ไม่ใช่การมาเพื่อแสดงความดื้อรั้น  ไม่ได้มาเพื่อทำให้เกิดการโต้เถียงกันขึ้น
ยิ่งคุย สีหน้าของทุกคนก็ยิ่งเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ
แล้วเราควรเปลี่ยนไปคุยเรื่องไหนที่จะสามารถลดความตึงเครียดนี้ลงได้บ้าง
“ขอโทษที่เสียมารยาทครับ มีเรื่องหนึ่งที่ผมสงสัยมาตลอด”
ธนาประหลาดใจแต่ก็พยักหน้าให้ถามได้
“เรื่องอาหารน่ะครับ ผมไม่รู้ว่าพี่ชอบกินอะ...ไร” ท้ายเสียงแผ่วลงด้วยความเก้อเขิน “เคยถามว่าอยากกินอะไร เขาก็มักบอกว่า อะไรก็ได้ กินได้ทุกอย่าง แล้วเขากินได้หมดก็จริง แต่บางทีผมก็สงสัย...”
“สงสัยว่า...”
“เขาเป็นคนกินง่าย อยู่ง่าย อย่างนี้จริงๆ หรือครับ” หรือเพราะไม่เคยกินอาหารแบบนี้ถึงได้รู้สึกว่ามันอร่อยและแปลก
“ยังไงล่ะ” เยาวเรศมีรอยยิ้มแบบเหนือกว่า
“เขาเป็นนักเรียนนอก แล้วก็มีเงินด้วย ตอนที่เขามาเช่าอพาร์ทเม้นท์จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าตั้งหลายเดือน ดูแล้วไม่น่าจะกินกับข้าวพื้นบ้านได้”
“ปลาช่อนทอดน้ำปลาอร่อยมาก” ธามันอวด
“เขา ค่อนข้างเลี้ยงง่ายมากไปสักหน่อย” ฉันท์แตะข้อศอกพี่เชิงบอกว่าอย่าเพิ่งอวด “ในบ้านเรามีทั้งเด็ก คนป่วย และคนชรา เวลาผมทำอาหารก็ทำตามวัยและสุขภาพ บางทีป้า หรือ จิโระน้องชายผมน่ะครับ จะบอกว่าวันนี้อยากกินอะไร เหลือแต่พี่นี่แหละครับที่ไม่เคยบอก”
เยาวเรศมีสีหน้าท่าทางไม่ค่อยอยากบอกสักเท่าไหร่  แต่พอเห็นสีหน้าของสามีกับลูกชายที่กำลังกลั้นหัวเราะก็รู้สึกขำตามไปด้วย เลยบอกไปตามตรง “เขาไม่กินอาหารค้าง ข้ามมื้อ ไม่กินอาหารเหลือจากใคร ไม่ชอบกินอาหารตามร้าน หรือโรงอาหาร ถ้าไม่มีให้เลือกก็กินได้ แต่ถ้าเลือกได้ก็จะเลือกกินอาหารทำใหม่ที่บ้าน”
ต้องทำใหม่ และที่บ้านด้วย
“งั้นอาหารแบบที่เขาเดลิเวอรี่ก็ไม่กินใช่ไหมครับ”
“อย่าสั่งมาเชียวนะ ต่อให้เป็นของโรงแรมดังก็ไม่กิน” เยาวเรศบอก
ฉันท์นึกขึ้นได้ “วันทำบุญที่ตลาดพี่ดื่มแต่น้ำเปล่า” แม่พยักหน้าเชิงบอกว่าถูกต้องแล้ว ลูกชายคนนี้เป็นแบบนี้แหละ “แต่ตอนกลับมาถึงบ้านก็กินกับข้าวที่ตักแบ่งมาจากงานได้นี่”
“ก็เพราะมื้อนั้นมีแต่แบบนั้นไง” พี่เฉลย
น้องมีสีหน้าขอโทษพี่อยู่ชั่ววินาที แล้วหันไปหาแม่
“เอาแต่ใจสินะครับ”
“ใช่” แม่ตอบ ส่วนพ่อหัวเราะเบา ๆพลางพยักหน้า
ฉันท์หันไปหาพี่เมื่อเข้าใจแล้ว “มิน่า 3 ทุ่มก็ยังกลับมากินข้าวบ้าน บางวันมีแค่ผัดผักบุ้งก็กินได้”
ไม่เกี่ยงรสชาติ และวัตถุดิบ ขอเพียงทำใหม่ให้นายธามัน ก้องเกียรติมนตรีก็พอ
เยาวเรศขยับตัวเมื่อได้ยินอาหารมื้อค่ำของลูกชาย “ผัดผักบุ้งหรือ”
“ครับ วันนั้นพี่บอกว่าไปงานเลี้ยง กลับมา 4 ทุ่ม ผมก็คิดว่าเขากินข้าวมาแล้วเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ แต่พอเขาเข้าบ้านมาก็บอกทันทีว่ายังไม่ได้กินอะไรเลย หิวมาก แล้วในครัววันนั้นเหลือแต่ผักบุ้งกับหมูสับ จะออกไปเก็บมะละกอในสวนมาผัดไข่ให้ ก็ไม่เอา บอกว่ามืดแล้ว ผัดผักบุ้งก็พอ”
เยาวเรศรู้ว่าลูกชายกินอาหารแบบนี้ได้ แต่ในฐานะแม่ก็ยังเป็นห่วงไม่ได้ “มื้อนั้นมื้อเดียวหรือยังมีวันอื่นอีก”
“มื้อนั้นมื้อเดียวครับ” น้องรู้สึกผิดในใจ พ่อแม่เขาตามใจและเลี้ยงดีมาขนาดนี้ แต่พออยู่กับเราต้องกินผัดผักบุ้ง “หลังจากนั้นผมจะเตรียมเครื่องไว้ทำอาหารมื้อดึกอย่างข้าวต้มกุ้ง หรือเส้นหมี่ลูกชิ้น เวลาพี่กลับมาก็จะถามว่ากินอะไรมาหรือยัง เขาตอบว่ายังถึงจะทำ แต่ก็บอกว่ายังทุกที ยังคิดอยู่ว่า ทำไมไม่กินข้าวเย็น กลับมากินมื้อดึกทุกวัน ตอนนี้รู้แล้ว”
“เมื่อคืนกินสปาเก็ตตี้ซอสหมู” พี่อวดขึ้นมาอีกครั้ง
“3 ทุ่มกินแล้วก็นอนน่ะนะ” พ่อท้วงขึ้น “ดื่มเหล้า แล้วมาสปาเก็ตตี้ก่อนนอน ถึงจะหนุ่มอยู่ก็ต้องระวังกระเพาะ ลำไส้ตัวเองบ้าง”
“ไม่นะ กินเสร็จก็เดินอยู่ในบ้านสัก 10 นาที หรือไม่ก็ออกไปปัดๆ รถแล้วค่อยกลับมาอาบน้ำนอน” แต่ที่จริงมันคือการเดินตามน้องเก็บบ้าน แล้วก็คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ต่างหาก “ไม่ได้นอนทันทีครับ”
ไม่น่าเชื่อว่าการคุยเรื่องอาหารมื้อค่ำของพี่จะสามารถพลิกบรรยากาศตึงเครียดก่อนหน้านี้ให้กลับมาเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ จนกระทั่งเกือบ 11 โมงพี่ก็บอกว่า จะกลับแล้ว รอยยิ้มและเสียงหัวเราะก็จางหายไปทันที
“จะกลับไปบ้านหลังนั้นหรือ” เยาวเรศถาม
“ครับ”
“ธาม ยอมได้หรือ ถ้าลุงธนดลจะให้ความวางใจทีม หรือฐาติ ขึ้นมาเป็นกรรมการบริษัท ขณะที่ดร.ธามันยังเป็นเพียงผู้ช่วยผู้จัดการน่ะ” เยาวเรศท้วงขึ้น
“แม่ครับ 2 คนนั้นน่ะ...” พี่หันไปมองพ่อแล้วเปลี่ยนคำตอบที่ต้องตอบแม่ “พวกเขามีความชำนาญบางอย่างที่ผมทำไม่ได้ แต่บางอย่างที่ผมทำได้ พวกเขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน”
“ธาม อย่าดื้อรั้นได้ไหมก้องเกียรติกิจการไม่ได้มีพวกเธออยู่ 3 คนเขาสามารถหาคนมาแทนที่ในสิ่งที่พวกเธอทำไม่ได้ คนที่จะไม่ทำให้พวกเขาถูกหัวเราะเยาะ หรือเสียดสีว่ามีลูกหลานเป็น...”
“แล้วผมยังเป็นลูกของแม่อยู่ไหมครับ”
“ธาม”
“พี่” ฉันท์กระตุกแขนเสื้อของพี่ 
“แม่ครับ ผมไม่อยากพูดซ้ำ” พี่หันไปหาพ่อ “เชื่อเถอะครับ แม่พูดประโยคนี้หลายครั้งมากจนผมขี้เกียจจะนับ พอแม่เริ่มพูดคำแรกผมก็รู้แล้วว่าคำต่อไปคืออะไร ผมไม่ได้ต้องการที่จะไปหาน้องในวันที่ผมยังขัดแย้งกับแม่ไม่จบแบบนี้หรอกครับ แต่ยอมรับว่าผมอยากย้ายออกจากบ้านนี้มาตลอด และเพราะว่าผมเป็นคนฉวยโอกาส เพราะเขาไม่มีใคร ผมจึงเสนอตัวไปอยู่กับเขาเอง แม่จะไปตรวจสอบซ้ำเรื่องนี้กับใครก็ได้ ฐาติ คุณทีม หรือจะเป็นนายช่างที่ไปซ่อมบ้าน น้องไม่ได้ชวนผมสักคำ ผมคือคนที่ขอไปอยู่ด้วย”
“ธาม” พ่อเตือน
ตอนนี้พี่ไม่ได้โกรธหัวฟัดหัวเหลี่ยงแล้ว แต่พูดทุกคำด้วยความเบื่อหน่ายและรำคาญอย่างสุดๆ
“แล้วไอ้เรื่องทั้งหลายที่แม่รู้ แม่คิดว่าลุงทั้ง 2 คนไม่รู้หรือครับ แต่เขาไม่เคยเรียกผมไปคุย ไม่ว่าจะเพราะอะไร สำหรับผมแล้วไม่คุยก็คือไม่มีความเห็น และไม่ว่าเขาหรือญาติพี่น้องคนอื่นจะคิดเรื่องคนรักของผมอย่างไร ผมไม่ได้สนใจมากไปว่าความรู้สึกของพ่อกับแม่ เพราะสุดท้ายแล้วผมกับน้องก็แค่อยู่ด้วยกัน ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้”
พี่พูดจบก็ยกมือไหว้ลาพ่อกับแม่แล้วเดินนำออกมา ทำให้น้องต้องวิ่งตามมาดึงแขนไว้
“พี่ อย่าทำอย่างนี้สิ พี่พาผมมาหาพ่อกับแม่ เพื่อที่จะทำแบบนี้หรือฮะ”
“ธาม”  แม่เรียกขณะที่เดินตามมา
ฉันท์หันไปหาพ่อกับแม่ แต่ยังไม่ยอมปล่อยแขนพี่ “ผมขอโทษที่ทำให้เป็นแบบนี้ ทั้งหมดนี้อาจเพราะผมคิดอะไรง่ายเกินไป คิดว่าหากได้พูดคุยกัน เราอาจเข้าใจกันได้ ว่าผมไม่ได้ต้องการแยกพี่มาจากท่าน ผมมองเรื่องนี้จากประสบการณ์ของผมเอง ในครอบครัวของผม พ่อผมมีปัญหากับพี่น้องของเขามาตั้งแต่ก่อนที่ผมจะเกิด แต่แม่ก็บอกอยู่เสมอว่านั่นคือปัญหาของพ่อกับพี่น้องของเขา แต่ผมเป็นหลานผมต้องทำดีกับทุกคน มาถึงพ่อกับแม่ผมเอง ผมก็ไม่เคยรู้เลยว่า เขามีปัญหาอะไรกัน เพราะพ่อมักบอกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ผมมีหน้าที่เรียนหนังสือ รู้ตัวอีกทีก็คือพวกเขาหย่ากัน ผ่านไปหลายปีแม่กลับมารับผมไปอยู่ด้วย ในวันเดียวกันนั้นเองที่ผมรู้ว่าผมมีน้องชาย แล้วผมก็เสียพ่อกับแม่ไป  ผมตกอยู่ในความกลัวตั้งนาน มีแต่พี่คนเดียวที่เข้ามาช่วยจนผมผ่านมาได้” ยิ่งพูดน้ำเสียงก็สั่นจากนั้นหยดน้ำตาก็ร่วงเผาะ “ในตอนที่ทั้งหมดยังสามารถพูดคุยกันได้ ก็คุยกันเถอะฮะ อย่าปล่อยให้เวลานี้ผ่านไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย”
ธามันกับฉันท์ทัตถูกเลี้ยงดูมาต่างกันจนเหมือนโลกคู่ขนาน
“แต่ธามก็ไม่ได้เลือกจะทำในสิ่งที่ฉันพูด” เยาวเรศเน้นคำ
“แม่เองก็ไม่เคยฟังในสิ่งที่ผมพูดเหมือนกัน” พี่พูดแล้วถอนหายใจแรงๆ “ผมอาจยังไม่เป็นที่ 1 ในสายตาของแม่ แต่แม่ลองถามพ่อ หรือลุงทั้ง 2 คนดูก็ได้ ว่าผมกับคุณทีม ใครเหนือกว่า ในกลุ่มคนทำงานรุ่นเดียวกันต่อให้คนรุ่นก่อนผมขึ้นไป 4 รุ่นด้วยก็ได้ ผมอยู่ในลำดับที่เท่าไหร่ ถ้ามีห้องทำงานใหญ่ โต๊ะตัวใหญ่ แล้วต้องเดินตามพ่อทั้งวันแบบนั้นก็ไม่ใช่ผมแล้ว”
พ่อส่ายหน้าโบกมือไล่ เพราะรู้สึกเห็นด้วยที่การพูดคุยเรื่องนี้กับเยาวเรศมักจะวนกลับมาที่เดิมเสมอ “เออ จะกลับแล้วใช่ไหม กลับไปเหอะ ทางนี้พ่อจัดการเอง”
ธามนึกขึ้นได้ “เรากำลังจะไปเที่ยวทะเลกัน พรุ่งนี้พ่อไปเล่นกอล์ฟกับกลุ่มสระบุรีด้วยนะ”
“เออ”
“คุณคะ” เยาวเรศหันมาหาสามี เพราะตามพ่อลูกคู่นี้ไม่ทัน
น้องก็เหมือนกัน
อารมณ์การสนทนาของบ้านนี้ โดยเฉพาะพี่กับพ่อเหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะ วิ่งออกจากสถานีช้าๆ ไต่ทำความสูงเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาขนานกับพื้นดิน ไต่ทำความสูงม้วนตีลังกา  2 รอบแล้วก็พุ่งเข้าจอดที่ชานชาลาแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อธนวัฒน์เลี้ยวรถเข้ามาในบ้าน เยาวเรศก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
ฉันท์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย...จะแข่งขัน หรือจะไม่ชอบกัน ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องแสดงอาการแบบนั้น
เธอกำลังแสดงละครให้ใครดูหรือ
ธามันและฉันท์ยกมือไหว้ธนวัฒน์ที่รับไหว้พร้อมกับถาม “จะเที่ยงอยู่แล้ว ยังไม่ออกเดินทางกันอีกหรือ”
“ทีมไปด้วยหรือ” เยาวเรศถาม
“ไม่เชิงว่าไปด้วยหรอกครับ เพราะพักคนละที่ แต่ที่ผมมาก็เพราะแม่บอกว่าธามพาแฟนมาแนะนำกับพ่อแม่” คุณทีมดูเป็นพี่ชายแสนดี ที่มีความเข้าใจน้องชายอย่างแท้จริง “ราบรื่นดีใช่ไหม”
ธามันยักไหล่ “ไม่ค่อยเท่าไหร่ “ คนตัวใหญ่ชี้มาที่คนที่ยังมีรอยน้ำตา
ธนวัฒน์มีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อหันไปหาเยาวเรศ “พวกเขารอกันมาตั้งหลายปีกว่าจะได้มาอยู่ด้วยกัน ไม่ชอบแม่ผมก็ไม่ควรเดินตามรอยแม่ผม ส่วนผู้หญิงที่เสแสร้งเป็นแม่พระ แต่แท้จริงเป็นพวกยุแยงให้คนแตกกัน ไม่ต้องทำอะไรมาก คนแบบนี้เห็นว่าเรามีความสุขเดี๋ยวก็เส้นเลือดสมองแตกตายไปเอง”
ธนวัฒน์หันมาบอกให้ทั้งคู่ออกเดินทาง

(มีต่อครับ)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด