ตอนที่ ๒๗.๕...รัศมีจันทร์เจ้า (ครึ่งแรก)
...ยามแรกรักรักนั้นช่างหอมหวล
ดุจแสงนวลของจันทร์เจ้าจรัสฉาย
ทอแสงจ้าอุ่นไอล้อมโอบรอบกาย
ชื่นฤทัยเพียงใกล้ชิดจิตผูกพัน...
...เด็กหญิงตัวเล็กนั่งพับเพียบสงบนิ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้พบเห็นยิ่งนัก ด้วยว่ากิริยามารยาทของเธอเมื่อประเมินด้วยสายตานั้นช่างเรียบร้อยงดงามผิดกับเด็กวัยใกล้เคียงทั่วไป...แต่ใครเล่าจะรู้ว่าภายใต้ท่าทีสงบนิ่งนั้น เธอทั้งเหนื่อยและเมื่อยล้าเพียงใด...ถ้าไม่เพราะถูกผู้เป็นพ่อกำชับไว้เป็นหนักหนาเรื่องกิริยามารยาทเมื่อมาเยือนเรือนของเจ้านาย มีหรือที่เด็กหญิงวัย๑๐ขวบปีอย่างเธอจะยอมอยู่เฉยเช่นนี้ได้
"พ่อยอดมิต้องเป็นกังวลไป แม่พิกุลเองก็ถึงวัยต้องเรียนรู้การบ้านการเรือน ดีเสียอีก คุณหญิงแกได้มีลูกศิษย์เพิ่มขึ้นอีกคน"เจ้าของเรือนกล่าวอย่างอารมณ์ดีเมื่อคุณพระคนสนิทพาลูกสาวเพียงคนเดียวมาฝากฝังให้เรียนรู้กิริยามารยาทและการบ้านการเรือนจากคุณหญิงผู้เป็นภรรยา ด้วยว่าภรรยาของเขานั้นเสียไปเมื่อหลายปีก่อน ส่วนตัวเขาเองก็มีงานราชการที่ต้องรับผิดชอบ ไม่มีเวลาดูแลอบรมลูกสาวที่กำลังเติบโตเป็นสาวได้อย่างเต็มที่
"กระผมต้องรบกวนเจ้าคุณท่านแลคุณหญิงแล้วขอรับ"พระพินิจภักดีกล่าวอย่างนอบน้อม
"รบกวนที่ใดกันเล่า ดีเสียอีกที่แม่พิกุลจักได้มีเพื่อน"คุณหญิงของเรือนรีบสำทับทันที เธอเองก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กมาตั้งแต่เด็กและยังรู้จักสนิทสนมกับภรรยาของคุณพระเป็นอย่างดีก่อนที่จะเสียชีวิต ในสายตาของเธอเด็กคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกกับหลาน ยิ่งในเวลาที่ลูกสาวคนโตของเธอกำลังจะเข้าไปรับใช้เจ้านายในวังด้วยแล้วยิ่งทำให้เธอเอ็นดูเด็กหญิงคนนี้มากขึ้นอีก
"แม่เดือน เข้ามาใกล้ๆป้าซี"เมื่อถูกเรียกถึงได้ค่อยๆคลานเข่าเข้าไปหาอย่างนอบน้อม ทั้งที่ตอนนี้เธอรู้สึกชาที่ขาไปหมดเพราะนั่งนิ่งอยู่เสียนาน
"ผิวพรรณงามเหมือนแม่แต่หน้าตากระเดียดไปทางพ่อยอดเสียมากกว่านะเจ้าคะ"คุณหญิงหันไปหาเจ้าของเรือนหลังได้พินิจใบหน้าของเด็กหญิงอย่างใกล้ชิด...เพราะไม่ได้พบกันเสียนานถึงได้ดูแปลกตาไปบ้าง
"ลูกสาวเหมือนพ่อโบราณเขาว่ามีบุญนัก"เจ้าของเรือนตอบกลับผู้เป็นภรรยาพลางส่งสายตาเอ็นดูมาให้ ขณะที่ผู้เป็นพ่อได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความภูมิใจก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบไปทำงานเพราะมัวแต่เสียเวลาฝากฝังกันอยู่เสียนาน
"อยู่เรือนท่านอย่าทำให้ท่านลำบากใจเสียเล่า"พระพินิจภักดีกล่าวทิ้งท้ายขณะลงมารอเจ้าของเรือนอยู่ด้านล่าง
"โถ คุณพ่อเจ้าขา ลูกรึจักทำอะไรให้คุณหญิงท่านลำบากใจ"พอลับตาผู้ใหญ่ อาการเกร็งเมื่อครู่ก็หายไปหมดเหลือแต่เพียงใบหน้ายิ้มแย้มสดใสสมวัย
"เป็นเสียเช่นนี้พ่อถึงได้เป็นกังวล"เพราะรู้นิสัยซุกซนของลูกสาวดีถึงได้ปรามไว้...เมื่อครู่ก็กังวลแทบแย่กลัวว่าจะแสดงอาการพิเรนทร์อะไรออกมาหรือเปล่า...ถึงกระนั้นก็ยังอุ่นใจว่าลูกสาวคนสวยจะได้เรียนรู้วิชาการบ้านการเรือนจากคุณหญิงด้วยตัวเองคงช่วยขัดเกลานิสัยได้บ้างไม่มากก็น้อย
...หากแต่คุณพระคงลืมคิดไปว่าของแบบนี้มันต้องใช้เวลา...
"คุณเดือนเจ้าขา ลงมาเถิดเจ้าค่ะ!"เสียงบ่าวคนสนิทแผดลั่น ลนลานจนพาลจะเป็นลมเอาเสียให้ได้...เหลือกตามองมะขามต้นใหญ่ตรงหน้าที่ยอดด้านบนไหวยุกยิก
"ประเดี๋ยวพลัดตกลงมาบ่าวโดนลงหวายเป็นแน่แท้"ทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่นกับตัวเอง...เพราะถูกมอบหมายให้ติดตามมาเป็นบ่าวคนสนิทคอยดูแลลูกสาวของคุณพระ...แม้จะรู้นิสัยใจคอดีแต่ก็ไม่คิดว่าเพียงแค่อาทิตย์แรกก็จะสำแดงฤทธิ์เสียแล้ว
"คุณเดือนเจ้าขา!"ตะโกนเรียกอีกครั้งแต่เพราะไม่ทันระวังถึงได้โดนฝักมะขามที่ถูกโยนมาจากด้านบนตกใส่หน้าผากเข้าให้จนร้องเสียงหลง
"อู้ยยย! บ่าวเจ็บนะเจ้าคะ"แว่วเสียงหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี แต่คนข้างล่างสนุกไปด้วยเสียเมื่อไหร่...ทั้งเจ็บตัว ทั้งกังวล ถ้าคุณหญิงท่านมาเห็นเข้าคนถูกเอ็ดจะเป็นใครได้นอกจากตัวเธอเอง
"ได้มะขามมากแล้ว ลงมาได้แล้วเจ้าค่ะ"
"เสียงดังเสียจริงพี่แย้ม ประเดี๋ยวคุณหญิงท่านได้ยินเข้าได้ถูกเอ็ดกันทั้งคู่"บ่นงึมงำขณะค่อยๆหย่อนขาลงด้วยความระมัดระวัง...เพราะเมื่อครู่เห็นมะขามฝักใหญ่บนต้นจนอดปีนขึ้นมาเก็บเสียไม่ได้...เรื่องปีนต้นไม้นี่ก็ของถนัดนักเพราะหัดปีนตั้งแต่ยังเล็ก
"ระวังนะเจ้าคะคุณเดือน"ยังไม่ทันขาดคำดี เท้าที่เหยียบลงบนกิ่งมะขามใหญ่กลับลื่นพรืดจนตัวเองเสียหลัก หมายจะเอื้อมมือคว้ากิ่งที่อยู่ใกล้ตัวก็ไม่ทันเสียแล้ว
"โอ๊ยยยย!"ลงมานั่งร้องโอดโอยเสียงดังเพราะก้นกระแทกเข้ากับพื้นเต็มแรงจนปวดไปหมด เดือดร้อนบ่าวต้องรีบเข้ามาประคอง
"ปัดโถ่! บ่าวห้ามก็มิฟัง เจ็บตรงไหนหรือเจ้าคะ"ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมาเพียงแค่บ่นอุบอิบไม่เป็นภาษา
"ขึ้นเรือนก่อนเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวบ่าวไปหายามาใส่ให้นะเจ้าคะ"รีบประคองคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นพลางปัดฝุ่นที่ติดตามเสื้อผ้าออก...โจงกระเบนสีน้ำเงินเปื้อนฝุ่นจนเปลี่ยนสีแล้วยังเสื้อคอกลมติดลูกไม้สีอ่อนนี่อีก เห็นทีคราวนี้จะปิดคุณหญิงท่านยากเต็มที...แต่ก็ต้องรีบกลับขึ้นเรือนเพราะได้ยินเสียงเจ้าของเรือนเรียกมาแต่ไกลจนลืมสำรวจตัวเองอีกครั้งว่ามาลัยดอกมะลิที่คล้องกับผมมวยนั้นหล่นหายตอนที่ตกลงมาจากต้นไม้
"แม่เดือน! ไปเล่นพิเรนทร์อะไรมาเนื้อตัวถึงได้สกปรกมอมแมมเยี่ยงนี้"กลายเป็นคำบ่นจนเกือบติดปากของคุณหญิงเจ้าของเรือนไปเสียแล้วเมื่อได้เห็นสภาพของเด็กหญิงที่เพิ่งเดินขึ้นเรือนมา...ครั้งแรกที่คุณพระคนสนิทพามาฝากฝังก็ดูว่าเรียบร้อยดีแต่เพียงแค่อาทิตย์แรกก็ได้เห็นว่าความจริงแล้วเหมือนท่านรับเลี้ยงลูกลิงตัวเล็กๆเสียมากกว่า...ก็เจ้าหล่อนทั้งซนทั้งแก่นเกินเด็กผู้หญิงวัยเดียวกันจนบางครั้งคุณหญิงท่านยังเกือบถอดใจ...ยังดีที่เวลาสั่งสอนอะไรยังยอมฟังกัน มิเช่นนั้นคงต้องให้ผู้เป็นพ่อพาไปฝากฝังกับคนอื่นเป็นแน่...จะมีก็แต่เรื่องเล่นซนเกินเด็กทั่วไปนี่ล่ะที่ตักเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟัง
"เดือนหกล้มเจ้าค่ะคุณหญิง"อ้อมแอ้มแก้ตัวไม่เต็มเสียงแต่มีหรือที่คนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างคุณหญิงสร้อยจะดูไม่ออก...นึกแล้วก็อดเป็นห่วงลูกสาวตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆไม่ได้ ด้วยเกรงว่าจะติดนิสัยแก่นแก้วแบบนี้ไปด้วยอีกคน
"ไปล้างหน้าล้างตาเสียก่อน ประเดี๋ยวจักสอนร้อยมาลัย"เพราะรู้ว่าบ่นไปอีกฝ่ายก็ไม่ฟังถึงทำได้เพียงถอนหายใจยาว...เห็นทีเรื่องนี้จะสอนกันยาก
"คุณหญิงขอรับ คุณแก้วมาขอรับ"เสียงบ่าวท้วงขึ้นก่อนที่เด็กหญิงจะทันลุกไปไหน...เหลือบไปมองต้นเสียงพร้อมกับคุณหญิงเจ้าของเรือนและลูกสาวคนเล็กที่อายุน้อยกว่ากันเพียงสามปี
"พ่อแก้ว จักมามิบอกกล่าว"เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เพิ่งเดินขึ้นเรือนมายกมือไหว้อย่างนอบน้อม...แม้อายุเพียง๑๕ปีแต่กลับมีบุคคลิกมารยาทดีกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก
"เจ้าคุณไพศาลให้กระผมมารับของจากเจ้าคุณท่านขอรับ"เสียงทุ้มทว่าแหบพร่าเอ่ยตอบ เพราะเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มได้ไม่นานทั้งน้ำเสียงและรูปร่างถึงได้อยู่ในช่วงกำลังเปลี่ยนแปลง
"ให้บ่าวมันมาเอาก็ได้มิเห็นต้องลำบากมาเอง"
"มิได้ขอรับ เอกสารราชการจักให้บ่าวมารับไปคงไม่เหมาะ"เจ้าของเรือนเพียงพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย...แม้อายุเพียงเท่านี้แต่กลับรู้จักช่วยเหลืองานเจ้าคุณผู้รับอุปการะเป็นอย่างดี
"แม่พิกุล แม่เดือน ไหว้พี่เขาเสียซี"สิ้นเสียง ลูกสาวคนเล็กก็รีบวางมือจากมาลัยดอกมะลิตรงหน้าแล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม...เช่นเดียวกันกับเด็กหญิงเจ้าของชื่ออีกคน
"พ่อแก้วจำแม่เดือนได้หรือไม่"คนถูกถามเพียงมองตาม...เด็กหญิงตัวเล็กผิวขาวแต่เนื้อตัวกลับมอมแมม...ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อยๆเมื่อได้เห็นเพราะนึกขันสภาพของคนตรงหน้า
"ลูกสาวคุณพระพินิจหรือขอรับ ได้พบเมื่อครั้งยังเล็กนัก"ดวงตาคมที่จดจ้องมาทำให้เธอหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะเกรงคุณหญิงเจ้าของเรือนอยู่บ้าง
"นั่นถืออะไรมาด้วยเล่าพ่อ"เพราะสังเกตเห็นของในมือผู้มาเยือนจึงถามขึ้น...เจ้าตัวขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆคลายมือออกเผยให้เห็นมาลัยดอกมะลิสีขาวนวลวงขนาดไม่ใหญ่นัก...หากแต่เมื่อเจ้าของตัวจริงได้เห็นถึงเพิ่งรู้ตัวรีบยกมือขึ้นจับมวยผมตัวเองเป็นพัลวัน
"เห็นตกอยู่ใต้ต้นมะขามหน้าเรือน สงสัยมีคนทำหล่นไว้ขอรับ"อาการยุกยิกผิดสังเกตจนอีกฝ่ายจับได้...ดวงตาคมชำเลืองมองเพียงเล็กน้อยพลางยกยิ้มบางอย่างเอ็นดูแต่กลับยิ่งทำให้เจ้าของมาลัยหงุดหงิดหนักเพราะเข้าใจว่าถูกแกล้งเข้าให้เสียแล้ว...ดูท่าคุณหญิงสร้อยเองก็รู้ดีเช่นกันเพราะเธอเพียงเหลือบมองเด็กหญิงที่นั่งยุกยิกอยู่ข้างๆแต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ต่อความอะไร เพียงแค่ชักชวนผู้มาเยือนให้อยู่รับมื้อกลางวันด้วยกันตามมารยาท
"ขอคืนได้หรือไม่เจ้าคะ"เสียงหวานเจื้อยแจ้วเมื่อคุณหญิงคล้อยหลังลงจากเรือนไปดูแลเรื่องสำรับได้ไม่นาน...ลูกสาวคนเล็กที่นั่งอยู่ด้วยเพียงชะงักมือจากของเล่นตรงหน้า...ส่วนคู่กรณีหันกลับมามองมือเล็กที่แบยื่นออกมา
"อะไรรึ"แสร้งถามทั้งที่รู้ความ แต่เพราะสีหน้าไม่พอใจของเด็กหญิงตัวเล็กเลยนึกสนุกอยากแกล้งขึ้นมา
"มาลัยวงนั้นเจ้าค่ะ"
"ของหล่อนรึ"ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อยๆอย่างอารมณ์ดี...คนตัวเล็กเพียงพยักหน้ารับ
"ของหล่อนแล้วทำไมถึงมาอยู่ในมือพี่เล่า"
"เดือนทำหล่น ขอคืนได้หรือไม่เจ้าคะ"คิ้วบางขมวดมุ่นเพราะความหงุดหงิด
"มิมีหลักฐาน จักบอกว่าเป็นของหล่อนได้อย่างไร"
"ก็มันเป็นของเดือนนี่เจ้าคะ"ความอดทนเริ่มหมดเพราะความยียวนของคนตรงหน้า...แว่วเสียงหัวเราะเบาจากลูกสาวคนเล็กของเรือนเพราะรู้นิสัยใจคอพี่ชายคนสนิทดี
"พี่ถามเท่านี้มิเห็นต้องขึ้นเสียง"น้ำเสียงแหบกลั้วเสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกับมือที่ยื่นมาลัยสีขาวนวลวงน้อยคืนให้เจ้าของ...เด็กหญิงเพียงยกมือไหว้แบบขอไปทีก่อนจะรับมันมาคาดทับบนมวยผมเช่นเดิม
"เล่นอะไรอยู่รึแม่พิกุล"เพราะคนที่เพิ่งต่อปากต่อคำด้วยยังวุ่นอยู่กับมวยผมถึงได้หันมาถามลูกสาวคนเล็กที่นั่งเงียบอยู่นานแทน
"หม้อข้าวหม้อแกงเจ้าค่ะ"เสียงเจื้อยแจ้วตอบกลับพร้อมรอยยิ้มหวาน
"เล่นคนเดียวมิเบื่อรึ"
"อยู่เฉยๆมิมีอะไรให้ทำนี่เจ้าคะ"คนถูกถามส่ายหน้าตอบ กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอไปเสียแล้วเพราะช่วงนี้พี่สาวต้องเตรียมตัวเข้าไปรับใช้เจ้านายในวัง ส่วนผู้เป็นแม่ก็วุ่นวายกับการสอนลูกศิษย์ตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอจึงมักหาอะไรมานั่งเล่นแก้เหงาคนเดียวเสมอ
"เช่นนั้นอยากเรียนหนังสือหรือไม่ พี่จักสอน"ได้ยินแบบนั้นถึงได้วางมือจากของเล่นตรงหน้าหันมายิ้มหวานตาเป็นประกายให้ทันที เพราะคนสนิทของเจ้าคุณไพศาลมาเยี่ยมเยียนทีไรตัวเองเป็นต้องขอให้สอนหนังสือให้ทุกครั้งไป
"แล้วหล่อนเล่า อยากเรียนด้วยกันหรือไม่"หันกลับมาถามอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก แต่อีกฝ่ายรีบส่ายหน้าหวือปฏิเสธ...แค่คุยด้วยยังเถียงกันเสียขนาดนี้ให้มาสอนหนังสือจะไม่ยียวนจนไม่เป็นอันเรียนหรือ
"แล้วกัน มีแต่คนเขาอยากเรียนจักได้มิวิชาความรู้ติดตัว"
"อยากเรียนเจ้าค่ะ แต่มิอยากเรียนกับครูคนนี้"ตอบเสียตรงจนคนฟังชะงักไป
"พี่เดือน!"แม้แต่ลูกสาวเจ้าของเรือนเองยังตกใจจนต้องร้องเรียก
"ประเดี๋ยวต้องเรียนร้อยมาลัยกับคุณหญิงท่านเจ้าค่ะ"เพราะรู้ตัวว่าเสียมารยาทถึงได้อ้อมแอ้มตอบกลับไป...แต่ถ้าจะให้ขอโทษล่ะก็...ไม่มีทางเสียล่ะ...แว่วเสียงหัวเราะเบาจากเด็กหนุ่มถึงได้พอโล่งใจว่าอีกฝ่ายคงไม่ติดใจกับคำพูดของเด็กหญิงตัวเล็กๆอย่างเธอ
"หัดเรียนร้อยมาลัยแล้วก็อย่าไปทำหล่นที่ไหนอีกเล่า เดือดร้อนคนเก็บได้เขาต้องเอามาคืน"นึกว่าจะสงบศึกกันไปแล้วแต่ยังถูกย้อนเอาเสียได้ แต่เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำเลยได้แต่นั่งหน้ามุ่ยด้วยความหงุดหงิดแทน
...นั่นเป็นการพบกันครั้งแรกที่เธอจำได้...เด็กหนุ่มคนสนิทของเจ้านายของผู้เป็นพ่อ...ท่าทางนิ่งๆแต่เมื่อได้พูดกลับยียวนไม่ยอมใคร แม้แต่กับเด็กหญิงตัวเล็กอย่างเธอ...เพราะไม่ถูกชะตาถึงได้คิดว่าไม่อยากเจอหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เพราะหลังจากนั้นเธอก็ยังต้องพบเด็กหนุ่มคนที่ว่าเป็นประจำ...ถ้าไม่เพราะติดสอยห้อยตามเจ้าคุณไพศาลมาที่เรือนนี้บ้างเป็นบางครั้ง ก็เป็นเจ้าตัวที่มาเองเพราะถูกลูกสาวคนเล็กของเรือนขอร้องให้สอนหนังสือให้เมื่อมีเวลาว่าง...เจ้าคุณผู้เป็นเจ้าของเรือนก็ดูจะเห็นดีเห็นงามไปด้วยที่ลูกสาวคนเล็กจะได้มีวิชาความรู้ติดตัวกับเขาบ้าง...แต่สำหรับเด็กหญิงแก่นแก้วแบบเธอที่ต้องมาเจอกับคนที่ดูเหนือกว่าเช่นนี้...
...นี่ไม่ใช่เรื่องสนุก...
"เป็นอะไรของหล่อน นั่งบิดไปบิดมาน่ารำคาญเสียจริง"คุณหญิงเจ้าของเรือนเอ็ดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นอาการยุกยิกของนักเรียนตัวเล็ก...ห้าเดือนแล้วที่เด็กหญิงตัวน้อยมาเรียนรู้การบ้านการเรือนจากคุณหญิงสร้อย แม้โดยรวมจะดูดีขึ้นกว่าตอนแรกที่มา แต่อาการซุกซนอยู่ไม่สุขเช่นนี้แก้เท่าไหร่ก็ไม่หายเสียที
"เมื่อยขาเจ้าค่ะ"ลูกศิษย์ตัวน้อยอ้อมแอ้มตอบพลางยกมือที่ถือเข็มปักผ้าแกว่งไปมาบิดขี้เกียจ เดือดร้อนคุณหญิงสร้อยต้องร้องปรามเสียงดัง
"วันนี้พอเท่านี้ก่อน ให้หล่อนนั่งนานกว่านี้ประเดี๋ยวได้เอาเข็มแทงใครเข้าให้"ถูกบ่นอีกรอบเลยได้แต่หัวเราะแก้เก้อตอบไป ก่อนจะขอตัวลงไปนั่งเล่นข้างล่างแทนแต่ก็ไม่ลืมที่จะชวนลูกสาวคนเล็กที่วัยใกล้เคียงกันลงไปด้วย
"แม่พิกุลมิเบื่อรึทำแบบเดิมทุกวันๆ"บ่นอุบเมื่อเดินลงมาจากเรือน เพราะปกติไม่เคยต้องทำเช่นนี้มาก่อนถึงได้รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิตประจำวันแบบนี้
"มิเบื่อหรอกจ้ะ พี่เดือนเบื่อรึ"คำถามที่คนฟังรีบพยักหน้ารับทันที
"คุณแม่ท่านสอนว่าเป็นหญิงต้องเรียนรู้การบ้านการเรือนต่อไปภายหน้าเมื่อออกเรือนจักได้ดูแลสามี"
"โถแม่คุณ หล่อนเพิ่งอายุเพียงเจ็ดปี กว่าจักได้ออกเรือนอีกกี่ปีกันเชียว"
"แต่เรียนรู้ไว้ก็มิเสียหายมิใช่หรือจ๊ะ"ท่าทีไร้เดียงสาของคนตัวเล็กกว่าจนเธอต้องยอมแพ้ ไม่อยากต่อปากต่อคำอะไรเพราะอีกฝ่ายก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี...เด็กที่โตมาในกรอบของครอบครัวที่อบอุ่นอย่างพิกุลคงไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นแน่ เพราะตัวเธอนั้นถูกเลี้ยงมาด้วยพ่อเพียงคนเดียวทำให้ความอ่อนโยนแบบสตรีที่พึงมีขาดหายไปบ้าง การที่ถูกจับมาอยู่ในกรอบเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ
"ไปเล่นที่ท่าน้ำหน้าเรือนกันเถิด มาแข่งกันใครถึงก่อนคนนั้นชนะ"พูดถึงการบ้านการเรือนเข้าถึงกับหน้ามุ่ย แต่พอคิดถึงเรื่องเล่นซนกลับยิ้มร่าออกมาได้ทันที แต่คนตัวเล็กกว่ายังมีท่าทีอิดออดด้วยกลัวจะถูกผู้เป็นแม่เอ็ดเอาเพราะท่านเคยสั่งห้ามไม่ให้ไปเล่นแถวท่าน้ำตามลำพัง ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทันได้ท้วงอะไรเพราะถูกอีกฝ่ายกึ่งดึงกึ่งลากให้ตามไปเสียก่อน
สองขาเร่งก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ทันระวังจนสะดุดล้มลงไปกองไม่เป็นท่าอยู่กับพื้น เดือดร้อนคนตัวเล็กกว่าต้องช่วยฉุดขึ้นมาแต่อีกฝ่ายกลับร้องโอดโอยเพราะแผลถลอกที่หัวเข่า...เลือดแดงสดเริ่มซึมออกมาจากปากแผลจนเจ้าตัวนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ
"ประเดี๋ยวพิกุลขึ้นไปตามคุณแม่ให้นะจ๊ะ"พูดจบก็รีบวิ่งกลับขึ้นเรือนไปทันทีเพราะความตกใจ ปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งโอดโอยอยู่บนพื้นใกล้กับท่าน้ำ...เจ็บจนน้ำตาซึมออกมาแถมยังทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้คุณหญิงสร้อยลงมาดูอาการ
"แม่เดือน"หันกลับไปมองที่ท่าน้ำเห็นผู้มาเยือนสองคนที่ช่วงหลังกลายเป็นคนคุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี
"เป็นอะไร ทำไมเลือดออกเช่นนี้"เจ้าคุณไพศาลรีบเดินเข้ามาดูอาการเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวนั่งหมดท่าอยู่กับพื้น
"เดือนหกล้มเจ้าค่ะ"พยายามกลั้นน้ำตาเพราะว่าเจ็บแผลจนเริ่มทนไม่ไหว
"พ่อแก้ว พาน้องขี้นเรือนก่อน ของในเรือประเดี๋ยวเราให้บ่าวมันช่วยยกขึ้นไป"เด็กหนุ่มคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆพยักหน้ารับก่อนจะก้มลงประคองอีกฝ่ายให้ยืนขึ้น
"ลุกไหวหรือไม่"คนตัวเล็กส่ายหน้าตอบเพราะเจ็บขาจนลงน้ำหนักไม่ได้ เลือดก็ยิ่งซึมออกมากกว่าเดิมจนตัวเองไม่กล้าก้มลงมอง...เด็กหนุ่มตัวสูงเห็นท่าไม่ดีจึงค่อยย่อตัวลงนั่งตรงหน้ายิ่งทำให้คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร มือหนาก็เอื้อมมาคว้ามือของเด็กหญิงตัวเล็กให้เข้ามากอดไว้ที่คอของตัวเอง
"จับให้มั่นประเดี๋ยวตก"ว่าพลางเอื้อมมือช้อนเข้าที่ขาทั้งสองก่อนจะยกตัวขึ้น...อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวรีบกอดคอคนข้างหน้าเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าจะตก...น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มเพราะแสบแผลจนทนไม่ไหว แว่วเสียงสะอื้นดังอยู่ข้างหู
"มิต้องร้อง ประเดี๋ยวทำแผลเสร็จก็หายเจ็บ"คำปลอบใจที่ทำเอาคนข้างหลังพยักหน้ารับทั้งที่ยังร้องไห้อยู่...ยังไม่ทันถึงเรือนดี คุณหญิงสร้อยก็เดินลงมาเสียก่อน ท่าทางร้อนใจเพราะถึงแม้จะคอยบ่นคอยปรามเรื่องความซนของลูกศิษย์ตัวน้อยแต่ในเวลาเช่นนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
"ไปทำอีท่าไหนถึงได้เจ็บตัวเยี่ยงนี้"คุณหญิงเจ้าของเรือนบ่นอุบเมื่อขึ้นมาถึงด้านบน...เด็กหนุ่มตัวสูงค่อยๆย่อตัวลงให้คนข้างบนนั่งลงกับพื้นก่อนจะหันกลับมาดูแผลถลอกที่หัวเข่าของอีกฝ่าย
"แผลไม่ลึกมากขอรับ ล้างแผลแลพันผ้าไว้ประเดี๋ยวก็หาย"หันไปบอกเจ้าของเรือนที่ยืนมองด้วยความเป็นห่วง
"ขอบใจพ่อแก้วมาก"เจ้าของชื่อเพียงพยักหน้ารับก่อนจะหันกลับมาช่วยดูแผลของเด็กหญิงตัวเล็กอีกครั้ง
"คราวหน้าระวังให้มาก เป็นผู้หญิงแท้ๆเอาแต่วิ่งเล่นซุกซนไม่น่ามองรู้หรือไม่"แม้จะถูกบ่นแต่ก็ไม่มีแรงจะเถียงกลับเพราะมัวแต่พะวงกับแผลที่หัวเข่า ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไรทั้งยังเก็บคำสอนเมื่อครู่มาคิดเสียมากกว่า
...หลังจากพบกันหลายต่อหลายครั้ง นี่คงเป็นครั้งแรกที่เด็กหญิงตัวเล็กเริ่มมองอีกฝ่ายในทางที่ดีขึ้นมาบ้าง...อย่างน้อยอาการไม่ถูกชะตาโดยไม่ทราบสาเหตุอย่างเช่นก่อนหน้านั้นก็หายไป...