[4]
“แม่. . .”
“พัฒน์!! ตื่นแล้วหรอลูก หิวน้ำมั้ยคะ” แม่ถาม แต่ไม่ได้รอคำตอบจากผมเพราะไอ้ตี๋มันรินน้ำใส่แก้วส่งให้แม่ป้อนผมถึงปาก ผมดื่มอย่างไม่อิดออดเพราะผมเห็น. . .เห็นคราบน้ำตาที่สองแก้มของแม่. . .เห็นความเสียใจในดวงตาคู่นี้ของแม่
“แม่. . .” ผมเรียกแม่อย่างรู้สึกผิด ผมไม่น่าทำให้แม่เสียใจขนาดนี้เลย
“ไม่เป็นไรแล้วนะคะ หายแล้วนะ ลูกไม่เป็นไรแล้วนะ” น้ำตาแม่ไหลออกมาอีกครั้ง ผมยกมือที่สั่นเทาของตัวเองค่อยๆ ปาดน้ำตาให้ โดยที่ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองก็น้ำตาไหลออกมาเหมือนกัน
“แม่ครับ. . .พัฒน์ขอโทษ”“ไม่เป็นไรนะลูก แม่ไม่โทษพัฒน์นะคะ แค่ลูกไม่เป็นไรแม่ก็ดีใจแล้ว” เสียงแม่สั่น. . .สั่นพอๆ กับมือที่คอยเช็ดน้ำตาให้ผม
“ครับ”
“แม่. . .เรื่องนนท์. . .”
“เรื่องเด็กคนนั้น. . .แฟนของลูก. . .แม่. . .” แม่เหมือนคนพูดไม่ออก ผมก็พูดไม่ออกเหมือนกัน ได้แต่รอฟังคำพูดของแม่อย่างใจจดใจจ่อ หัวใจเริ่มเต้นอย่างมีความหวังว่าแม่อาจจะ. . .เห็นใจ ถึงแม้ว่าจะยัง. . .ไม่ยอมรับ “แม่ขอเวลาหน่อยนะคะ เด็กคนนั้นไม่ได้หมดอนาคต เขากำลังมีอนาคตที่ดี แค่ลูกอดทน เชื่อแม่ได้มั้ย”
“แม่. . .หมายความว่ายังไงครับ”
“แม่ยังบอกไม่ได้ แม่ขอแค่พัฒน์เรียนจบ ทำตามความฝันของตัวเองให้สำเร็จ ถ้าถึงวันนั้นทั้งลูกและเด็กคนนั้นยังเหมือนเดิม แม่ก็จะยอมรับ”
“แสดงว่าตอนนี้นนท์ยังได้เรียนใช่มั้ยครับ” ผมถามอย่างมีความหวัง. . .มีความหวังว่านนท์จะยังได้เรียนแพทย์และได้เป็นหมออย่างที่ตัวเองฝันไว้
“ค่ะ. . .เด็กคนนั้นจะไม่ลำบากอะไร แม่สัญญา ขอแค่พัฒน์ยอมทำตามเงื่อนไขของแม่”
“เงื่อนไข?”
“ค่ะ. . .ห้ามลูกติดต่อ ห้ามตามหา ห้ามอะไรทั้งสิ้น จนกว่าทั้งลูกและน้องนนท์จะเรียนจบและทำตามความฝันของตัวเองสำเร็จแล้ว” แม่พูดออกมา มือก็ลูบหัวผมอย่างที่ผมสามารถสัมผัสได้ถึงความรักอย่างเต็มเปี่ยม
“สามปี?” อาจจะสามปีเพราะตอนนี้ผมอยู่ปีสอง นนท์อยู่ปีสี่ ผมต้องใช้เวลาสามปี ส่วนนท์ต้องใช้สองปีถึงจะเรียนจบ
“สี่ปีค่ะ. . .ลูกเรียนจบแล้วต้องออกมาช่วยงานแม่ก่อนหนึ่งปี ส่วนน้องนนท์เรียนจบแล้วก็ต้องใช้ทุนอีกสองปีไงคะ ที่ตอนแรกแม่ไม่บอกเพราะแม่อยากจะพิสูจน์ แต่พอเห็นพัฒน์เป็นแบบนี้แม่ก็ทนไม่ได้. . .อีกแค่สี่ปีรอหน่อยนะลูก ถ้าถึงวันนั้นลูกทั้งสองคนยังเหมือนเดิม แม่ก็จะยอมรับแต่โดยดี” แม่พูดจบก็หอมแก้มผมทั้งสองข้าง แล้วเดินออกไปจากห้องบอกว่าจะออกไปทำซุปมาให้ ทิ้งให้ผมนอนอึ้งอยู่กับที่เพราะระยะเวลาที่ได้ยิน
สี่ปี. . .
สี่ปี. . .ที่จะทำให้แม่ยอมรับความรักของผม“ไม่เป็นไรนะมึง สี่ปีหายใจพรืดเดียวก็หมดแล้ว” ไอ้ตี๋ตบไหล่ผมปุๆ แล้วมันก็เดินออกจากห้องผมไปอีกคน
.
.
.
ปีที่หนึ่ง. . .
ตอนนี้ผมอยู่ปีสามแล้ว ที่มหาวิทยาลัยค่อนข้างวุ่นวายเพราะมีข่าวว่าผมกับนนท์เลิกกันแล้ว นนท์เสียใจจนต้องออกจากมหาวิทยาลัย มีทั้งผู้หญิงผู้ชายเข้าหาผมไม่ได้ขาด แต่ผมไม่สนใจ ไม่สานต่อ ไม่แม้แต่จะมีสัมพันธ์ชั่วคราวกับใคร เพราะผมรู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง
สิ่งที่ผมทำก็คือตั้งใจเรียนมากกว่าเดิม(จากที่ตั้งใจมากอยู่แล้ว) เพราะผมสัญญากับแม่ไว้ว่าผมจะทำเกรดให้ได้มากกว่าสามในแต่ละเทอม ถ้าเทอมไหนผมทำได้ แม่จะอนุญาตให้ผมเห็นนนท์ได้ (เห็นผ่านรูปภาพที่แม่ให้คนเอามาให้ดู) แต่ก็ยังไม่ยอมบอกว่านนท์อยู่ที่ไหนอยู่ดี รู้แค่ว่าเป็นต่างประเทศ
และวันนี้. . .ผลการเรียนออก
และผลปรากฏว่า. . .
3.68 ครับผม!!
ผมยิ้มทั้งวัน นั่งที่ห้องรับแขกที่บ้านรอเวลาแม่กลับจากบริษัท แล้วผมจะรีบเอาผลการเรียนให้แม่ดู
ผมจะได้เห็นนนท์แล้ว. . .
“แม่!!” ผมรีบลุกขึ้นกางใบประกาศผลการเรียนที่ผมปริ้นท์เองกับมือแล้ววิ่งไปหาแม่ที่เข้ามาในบ้านแล้วมองผมยิ้มๆ เหมือนจะรู้อยู่แล้ว
“ว่าไงคะ” แม่แกล้งถาม
“ผลการเรียนของผม” ผมยิ้มกว้างยื่นแผ่นผลการเรียนให้แม่ ตื่นเต้นเหมือนกลับไปตอนประถมตอนที่ยื่นผลการเรียนเทอมแรกให้แม่ดูยังไงอย่างงั้น แม่รีบวางกระเป๋าแบรนด์เนมใบแพงลงกับพื้นอย่างไม่นึกห่วง กวาดสายตามองทั่วแผ่นกระดาษก่อนจะหันมายิ้มให้ผมและคว้าตัวผมไปกอดจนแน่น ผมเองก็กอดแม่กลับเหมือนกัน
“ตามสัญญาค่ะ แม่เตรียมไว้เพราะรู้ว่ายังไงพัฒน์ก็ต้องทำได้” แม่ยื่นซองสีน้ำตาลซองหนึ่งให้ผม ผมไว้ขอบคุณแม่ รับมาถือไว้ กอดแม่อีกครั้ง ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นห้องตัวเองเพื่อดูรูปคนที่ผมคิดถึงตลอดปีที่ผ่านมา
ผมนั่งลงบนเตียง วางซองภาพลงข้างหนาตัวเองแต่กลับนั่งจ้องมันอยู่อย่างนั้น. . .
ไม่กล้าเปิดทั้งๆ ที่คิดว่าพอขึ้นมาบนห้องแล้วจะรีบเปิดดูทันที พอถึงเวลาจริงๆ กลับไม่กล้าซะอย่างนั้น. . .มันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แต่ความคิดถึงที่มีต่อนนท์ทำให้ผมเอาชนะความตื่นเต้นเหล่านั้น ค่อยๆ เปิดซองออกอย่างเบามือ รูปภาพในซองมีประมาณสิบภาพ ผมค่อยๆ หยิบภาพใบแรกออกมา ไอ้เหี้ย!! มือสั่นทำไมวะ!! ผมตั้งสติอีกครั้ง ระงับความตื่นเต้นของตัวเอง แล้วค่อยๆ ดูทีละรูป
ภาพแรก. . .นนท์ในชุดกาวน์ ยังใส่แว่นเหมือนเดิม ยังมีรอยยิ้มให้คนรอบข้างเหมือนเดิม เปลี่ยนแค่สีเหล็กดัดฟันที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำแทน เขาหอบหนังสือพะรุงพะรัง ท่าทางเหมือนกำลังรีบไปไหนสักที่ ถ้าให้ผมเดาเขาคงจะออกมาจากห้องสมุด และกำลังจะกลับที่พักเพื่ออ่านหนังสือนั่นแหละ ตอนเขาอยู่กับผมเขาก็เป็นแบบนี้ นนท์มักจะอ่านหนังสือเกือบตลอดเวลาที่ว่าง แต่ผมไม่เคยน้อยใจอะไร ขอแค่นนท์อยู่ในสายตา ผมก็มีความสุขแล้ว
ภาพที่สอง. . .
เป็นภาพที่ทำให้ผมยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่รู้ตัว ในรูปไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย แค่นนท์นั่งเล่นอยู่กับแมวพันทางธรรมดาๆ อยู่ที่ไหนสักที่ แต่สิ่งที่ทำให้ผมยิ้มออกมาเหมือนคนบ้าก็คือ เสื้อผ้าที่นนท์ใส่. . .เสื้อเชิ้ตเน่าๆ ของผมที่นนท์ชอบเอาไปใส่นอน แบบนี้ผมจะขอตีความเอาเองว่าเขาเองก็คิดถึงผมเหมือนกันใช่มั้ย
ภาพที่สาม. . .นนท์นั่งอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนใต้ต้นไม้ ไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว แต่นั่งอยู่กับเพื่อนหลายคน แต่ละคนหน้านิ่วคิ้วขมวด นนท์เองก็เหมือนกัน เดาว่าคงเครียดกับเรื่องเรียนของเขานั่นแหละ. . .อ่า ถ้านนท์อยู่ใกล้ๆ ผมจะดึงเขามากอดปลอบแล้วกระซิบถ้อยคำให้กำลังใจข้างๆ หู . . .แต่ก็ไม่ได้ ตอนนี้ผมคงได้แต่หวังว่านนท์คงจะหายเครียดแล้ว
ภาพที่สี่. . .
ภาพที่ห้า. . .
ไปจนถึงภาพที่เก้า. . .เป็นภาพของนนท์ในอิริยาบถต่างๆ รูปไหนที่เขายิ้ม ผมก็ยิ้มตาม รูปไหนที่เขาเครียด ผมก็อยากให้กำลังใจ ภาพไหนที่เขาดูเหงาๆ ผมก็เหงาไปด้วย ผมอยากให้เวลาสี่ปีผ่านไปเร็วๆ จัง
ยิ่งดูก็ยิ่งคิดถึงผมไม่ได้เห็นเขามานานแค่ไหนแล้วนะ กี่เดือน กี่สัปดาห์ กี่วัน กี่ชั่วโมง กี่นาที กี่วินาที ทำไมผมถึงคิดถึงเขาได้มากขนาดนี้แต่ภาพที่ทำให้ผมยิ่งคิดถึง ยิ่งรัก และยิ่งอยากให้เวลาสี่ปีผ่านไปแค่พริบตาเดียวอย่างที่หลายๆ คนบอกก็คือภาพที่นนท์นอนอยู่บนเปลญวน ยกมือข้างซ้ายขึ้นมาในระดับสายตา จุดโฟกัสของดวงตาทั้งสองข้างอยู่ที่นิ้วนาง ที่นิ้วนางของนนท์. . .ยังมีแหวนของผมอยู่ เขายังใส่มันอยู่ตลอดเวลา. . .เหมือนผมที่ไม่เคยถอดเลยสักวันเดียว
นั่นแปลว่าเราสองคนยังใจตรงกันไม่มีใครเปลี่ยนไป . . .
.
.
.
ปีที่สอง. . .
สองปีแล้วที่ผมกับนนท์ไม่ได้เจอกัน ตอนนี้ผมอยู่ปีสี่แล้ว ทั้งเรียนหนัก โปรเจ็คหิน ไหนจะต้องฝึกงาน แทบจะหาเวลาพักผ่อนไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคิดถึงนนท์ตลอดเวลา ไม่มีตอนไหนที่จะลืมเขาเลย นนท์เองก็กำลังเรียนแพทย์ปีสุดท้าย เขาคงจะทั้งเรียนหนัก ทั้งเครียด คงจะไม่ค่อยได้พักผ่อนแน่ๆ ผมเป็นห่วงเขามากแต่ก็ทำได้แค่ให้กำลังใจอยู่ห่างๆ แบบนี้ เมื่อวานผลการเรียนออก แน่นอนว่ามันเป็นที่น่าพอใจ วันนี้ผมเลยมีรูปนนท์คอลเล็คชั่นใหม่เป็นที่เรียบร้อย ดูครบแล้วทุกรูป ดูแล้วดูอีกซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นหวังว่าจะบรรเทาความคิดถึงได้บ้าง แต่เปล่าเลย. . .กลับยิ่งคิดถึงกว่าเดิม
สุดท้ายแล้วคืนนี้ผมก็หลับไปพร้อมๆ กับรูปถ่ายของนนท์ .
.
.
ปีที่สาม. . .
ปีสุดท้ายแล้วในชีวิตรั้วมหาวิทยาลัยของผม ตอนนี้ผมวุ่นวายมากๆ กับโปรเจ็คจบ ด้วยผลการเรียนของผมดีมาตลอด ถ้าโปรเจ็คจบนี้ผมทำได้ดี เกียรตินิยมอันดับหนึ่งไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน
ผมเตรียมตัวอย่างดี ทั้งหาข้อมูล วาดแบบ ตัดกระดาษแต่ละครั้งไม่ให้พลาดแม้แต่องศาเดียว ผมตั้งใจกับมันมาก จนแม่เป็นห่วงคอยมาดูแลผมที่คอนโดบ่อยๆ แต่ผมเห็น. . .เห็นแววตาภาคภูมิใจของแม่เวลาที่ท่านดูผลการเรียนของผม แม่ดูมีความสุขมากจริงๆ
ผมอยากให้แม่มีความสุขมากกว่านี้อีกในวันรับปริญญาของผม แต่มันคงจะดีกว่าถ้ามีนนท์มาอยู่ด้วย. . .
..
.
ปีที่สี่. . .
ในที่สุดวันรับปริญญาของผมก็มาถึง วันนี้พ่อแม่ผมดูตื่นเต้นมาก ท่านทั้งสองตื่นแต่เช้า แม่ดูแลผมทุกอย่างทั้งเสื้อผ้าหน้าผม พาผมไปที่มหาวิทยาลัย ตอนนี้ใกล้เวลาต้องเข้าหอประชุมแล้ว ผม ไอ้ตี๋ ไอ้เกล นั่งรออยู่ที่หน้าคณะ พ่อแม่ผมรวมถึงพ่อแม่ไอ้สองตัวนี่ก็อยู่ด้วย
“พี่พัฒน์คะ. . .” ผมหันไปตามเสียงเรียก เจอน้องปีสองคนหนึ่ง น้องคณะผมนั่นแหละ น้องเขาหน้าแดงยื่นดอกกุหลาบขาวช่อใหญ่มาให้ผม “ยินดีด้วยนะคะ เป็นบัณฑิตแล้ว” ผมก็รับมางงๆ
“ขอบคุณครับ” ผมบอก เลิกคิ้วมองน้องเขาเป็นเชิงถามเพราะน้องยังไม่ยอมไปไหน ยืนมองผมอยู่อย่างนั้น
“เอ่อ. . .คือว่า”
“พี่พัฒน์คะ!!” ไม่ทันที่น้องจะพูดอะไร เสียงแหลมๆ ของ ‘กี้’ ยัยน้องรหัสสุดแสบของผมก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“ว่าไงตัวแสบ” ผมหันไปถามยิ้มๆ น้องรหัสผมเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันทีเดียว แต่ก็นั่นแหละ น้องนางเมินผู้ชาย เพราะน้องชอบดนตรีไทย (เก็ทป่ะ?) ถ้าไม่เก็ทผมบอกให้ก็ได้ว่าไอ้กี้น่ะ มันเป็นดี้ หึหึ
“วันนี้ฤกษ์งามยามดี น้องกี้สุดสวยขอเป็นไปรษณีย์ส่งความรักความห่วงใยจากคนไกลมาให้พี่รหัสสุดหล่อค่ะ” ยัยน้องกี้พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างส่งดอกไม้เพียงดอกเดียวมาให้ผม แต่มันเป็นดอกไม้ดอกเดียวที่ทำให้ผมแทบน้ำตาไหลออกมา
ดอกเยอบีร่าสีชมพูมีแค่คนเดียวที่รู้ว่าผมชอบดอกไม้ชนิดนี้ คนๆ นั้น. . .
. . .นนท์งั้นแสดงว่าดอกไม้ดอกนี้มาจาก. . .
ผมมองกี้อย่างอึ้งๆมันยักคิ้วให้ผมอย่างกวนๆ ยื่นดอกไม้มาให้อีกเมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมรับมาสักที ผมเลยยื่นมือไปรับดอกเยอบีร่าเพียงดอกเดียวที่มีโบว์สีชมพูเล็กๆ ผูกอยู่ตรงก้าน ไม่มีข้อความหรืออะไรทั้งสิ้น แค่ดอกไม้ดอกเดียว. . .ดอกเดียวจริงๆ
ดอกเยอบีร่า ดอกไม้ที่ผมชอบที่สุด. . .
ดอกไม้ที่ผมใช้จีบนนท์. . .
ดอกไม้ที่ผมใช้ขอนนท์เป็นแฟน. . .
“ได้เวลาแล้วลูก” แม่เดินเข้ามาหาผม บีบไหล่เบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ ผมยื่นดอกเยอบีร่าให้แม่ แม่รับไปถือไว้ยิ้มๆ
“ผมฝากด้วยนะครับ”
“ค่ะ แม่จะดูให้อย่างดีเลย” ผมไหว้แม่ หันไปกอดพ่อแล้วเดินเข้าหอประชุมไปพร้อมกับไอ้ตี๋ ไอ้เกล วันนี้เป็นวันที่ผมภูมิใจที่สุดในชีวิต แม้นนท์จะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ แต่ดอกไม้ดอกนั้นก็ยืนยันได้ว่านนท์ได้มาเป็นในส่วนหนึ่งในวันที่ผมภาคภูมิใจในตัวเองที่สุด ยืนยันได้ว่านนท์ไม่ได้ลืมผม. . .เหมือนกับที่ผมไม่เคยลืมเขา
.
.
.
TBC
.
.
.
ตอนนี้ช้านิดหน่อย (ไม่นิดล่ะมั้ง ) เอาล่ะค่ะ เจอกันตอนหน้าเลยเนอะ ตอนจบแล้ว เย้ๆ ขอให้สนุกกับการอ่านค่าาา