ˢᵐᵃˡˡ ˡᵒᵛᵉ​ "รักใหญ่ไล่รักเล็ก" l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ˢᵐᵃˡˡ ˡᵒᵛᵉ​ "รักใหญ่ไล่รักเล็ก" l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!  (อ่าน 24642 ครั้ง)

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 19 : ศึกชิงเตี้ย
 
 
 
 
“น้องเติ้ล พี่ว่าน้องต้องได้แน่ๆ พี่คอนเฟิร์ม ทั้งหน้าตา ส่วนสูงและบุคคลิก”
 
พี่ช่างแต่งหน้าชมผมระหว่างแต่งหน้าผมในงานประกวดดาวเดือนคณะของผม
 
 
“เว่อร์ไปพี่ ผมว่าคณะเราคนหน้าตาดีเยอะแยะ”
 
มันเรื่องจริงครับ อย่างไอ้นัทก็หล่อไม่แพ้ผม
 
 
แต่ยังไงก็ช่างเถอะครับ เพราะตอนนี้ผมคิดถึงไอ้เตี้ยมากกกกกกกกกกก
 
โคตรคิดถึง…
 
 
หลังจากที่วันเสาร์ผมได้นอนข้างๆเขา ผมก็ไม่เป็นอันทำอะไรเลยตั้งแต่วันนั้น
 
 
รู้ไหมครับ คืนวันเสาร์ที่ผมได้นอนเตียงเดียวกับจิม ผมนอนไม่หลับจริงๆ ไม่ใช่เพราะมันตื่นเต้นอะไรหรอกนะครับแต่แสงจันทร์มันส่องผ่านหน้าต่างห้องจิมเข้าตาผมซะจนนอนไม่หลับเลย
 
 
 
ซะที่ไหนล่ะ ไอ้ตัวเล็กมันนอนอยู่ข้างๆใกล้ขนาดนี้แถมดิ้นมาใกล้เรื่อยๆอีกต่างหาก หน้านี่โคตรจะFull HD เลยครับทั้งปากเล็กๆ จมูกเล็กๆ ขนตายาวๆนั่น โคตรทำลายสมาธิการนอนผมมาก จนผมเกร็งซะไม่เป็นอันหลับอันนอน
 
จ้องหน้าสังเกตุไปซะทุกอย่างแทบจะนับรูขุมขนบนหน้าได้แล้ว เกือบจะหลุดไปจูบหน้าผากตั้งหลายรอบแต่ก็ทำได้แค่แอบดมๆกลิ่นหอมๆของเส้นผม (โรคจิตชิบ แต่มันฟินสุดยอดมาก)
 
 
มันไม่ใช่แค่คืนนั้นที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ มันต่อยอดมาจนถึงวันคืนวันอาทิตย์ที่ผมตั้งใจฝึกซ้อมกีต้าจนแทบไม่ได้หลับได้นอน พอจะนอนพักเอาแรงเพราะวันจันทร์ต้องเตรียมหล่อให้พร้อมสำหรับการประกวดดาวเดือน
 
 
แต่ก็ดันหลับตาไม่ลง กว่าจะได้นอนก็นั้นแหละตี1 ตี2 สรุปได้นอนแค่ 4 ชั่วโมง ก็เพราะพี่เลี้ยง(เดือน) บอกให้ไปเตรียมตัวที่คณะตั้งแต่ 7 โมงเลยทีเดียว ไปแต่หน้าทำผม ซ้อมบล็อคกิ้ง บวกเตรียมคิวต่างๆ งานกว่าจะเริ่มจริงๆ ก็ 6 โมงเย็น
 
แต่ถึงผมจะนอนน้อย ผมว่าวันนี้ผมหล่อที่สุดของทุกวันเลยแหละ เพราะการแต่งหน้าทำผมทำให้ผมดูดีขึ้นตั้งหลายเท่า พี่คอสตูมก็โอ้โห ไม่รู้จะอวยให้ผมลอย หรืออวยให้ผมเพิ่มความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
 
 
 
 
ให้ตายยย อยากจะออกไปเจอไอ้เตี้ยชิบ เห็นบอกว่ามาช่วยพี่บาสทำงานที่เวที แค่นึกก็อยากไปหาแล้ว คิดถึงมากกกกก เมื่อวานวันอาทิตย์ก็อยากนัดไปกินข้าวอะไรบ้าง แต่ก็อยากจะซ้อมกีต้าให้เต็มที่ เพราะการแสดงความสามารถของผม คือเล่นกีต้า วันนี้ผมจะเล่นเพลงที่จะบอกความในของผมที่มีต่อจิมเขา ผมกะไว้แบบนั้นมาพักใหญ่แล้ว…
 
 
ผมฝึกซ้อมเต็มที่ถึงขั้นสละเวลาทั้งหมดทั้งวัน(ที่ทุกทีผมต้องเข้าบริษัทไปดูงานพ่อ) ก็เพื่ออะไรล่ะ ก็เพื่อผมจะต้องเอาตำแหน่งเดือนคณะบริหารธุรกิจมาให้ได้ เพราะผมจะได้ขออะไรจากจิมได้หนึ่งอย่าง เป็นหนึ่งอย่างที่ผมโคตรอยากได้ เป็นหนึ่งอย่างที่ผมคิดว่าผมต้องรีบได้มาก่อนที่คนอื่นจะแย่งผมไป
 
 
“พี่สิน ผมบอกไปซื้ออะไรกินหน่อยได้ไหมพี่”
 
พยายามหาลู่ทางที่จะออกไปข้างนอก แน่นอน (ผมต้องไปแอบหาไอ้เตี้ย) เลยบอกขอพี่แต่งหน้าฝ่ายคอสตูม
 
 
“ก็ได้แหละ นี้ก็เที่ยงและ แต่ที่กองมีข้าวกล่องให้กินนะ ไปเอาได้”
 
เยส ทางสะดวกแล้ว
 
 
“โอเคครับพี่ ขอบคุณมากครับ”
 
 
“แต่ห้ามกินเลอะนะย่ะ ฉันไม่อยากมาแก้งานบนหน้าเธอ”
 
 
“ครับผมมมมม แต่งสวยอย่างนี้ผมก็เกรงใจพี่นะ ไม่ต้องห่วง”
 
จะได้ไปเจอไอ้เตี้ยแล้วครับ
 
 
“เห้ยเติ้ล ไปไหนวะ”
 
ไอ้นัท! แม่งสาระแนดันเห็นผมแน่เลย งานงอกและ
 
 
“ไปหาไรกิน เอาไรป่ะ เดี๋ยวกูซื้อมาให้”
 
ผมยอมออกตังให้เลยเอา อย่ามากับผมเลย ขอร้อง
 
 
“เห้ย ไม่เป็นไรกูไปด้วย แปบ หยิบกระเป๋าตังก่อน”
 
ไม่ได้เว้ยยยย ผมต้องไปเจอจิมคนเดียววววววว
 
 
“เห้ย ไม่เป็นไร มึงอยู่นี้แหละ เดี๋ยวกูซื้อมาให้”
 
 
“ไม่เป็นไร อยากแวะไปหาจิมหน่อย เมื่อกี้เข้าห้องน้ำมาเห็นช่วยพวกพี่บาสทำงานอยู่ อยากไปมองๆหน่อย”
 
นั้นไง ตรงชิบ เห้อออออ เอามีดมาปาดคอผมเถอะ
 
 
“เอ่อ เออๆ”
 
 
 
“อย่าไปนานล่ะ เดี๋ยวเที่ยงครึ่งมีซ้อมเดินแล้ว”
 
 
 
พี่สต๊าฟที่คุมโซนแต่ละจุดพูดขึ้นมา ผมกับนัทก็พยักหน้าก่อนเดิน
 
 
ห่างออกจากห้องแต่งตัวไม่มากนัก ผมก็มาถึงเวทีที่กำลังวุ่นวายทั้งฝ่ายเสียงและฝ่ายอื่น
 
 
 
 
หนึ่งในนั้นเป้าหมายที่เด่นชัดเพราะตัวเตี้ยกว่าใคร เสื้อดำ เซ็ทผมอีกแล้วบอกว่าเอาผมลงน่ารักกว่าเยอะก็ไม่เชื่อ กางเกงวอม (ดูท่าโคตรจะพร้อมกับการลุยงาน มากกว่างานคณะตัวเองอีก)
 
 
“จิม เป็นไงบ้าง”
 
ผมหันไปที่ปลายเสียง ไอ้นัท แม่งทักก่อนผมอีก (นี้ผมมัวพิจารณาจิมอยู่ได้)
 
 
“อ้าว มึงมาก็ดีและ ทำไมไม่ตอบไลน์กู”
 
ห่ะ! ถามไอ้นัทหรอ ….. คุยไลน์กันด้วยหรอ ทำไมสนิทกันแล้วอะ… ผมนี้จ้อยไปเลย
 
 
“ห่ะ จิมถามนัทหรอ นัทไม่มีไลน์จิมนี่”
 
อ้าว…
 
 
“ไม่ จิมถามไอ้สูงๆที่มากับนัทอะ ยืนบื้ออะไรอยู่ไม่ตอบกู ห่ะ!”
 
ยิ้มอ่อนๆของผม ดันโผล่มามองไอ้นัท (อารมณ์เหมือนตอนนี้ผมชนะไอ้นัทไปหนึ่งก้าว แค่นี้ก็พอใจมากแล้ว)
 
 
“โทษทีๆ มัวแต่ซ้อมดนตรีเตรียมการแสดงอยู่อะ เมื่อวานเลยไม่ได้ตอบไลน์เลยขอโทษครับ”
 
 
“แล้วไป ว่าแต่เล่นดนตรีเป็นด้วยหรอมึงเนี่ย”
 
 
“เป็นดิ เล่นกีต้า”
 
 
“เท่ดีเนาะ”
 
ตอนนี้ผมนี้โคตรยึดอกเลย จิมสนใจผมมากกว่าไอ้นัท ตอนนี้มันเป็นฝ่ายจ้อยๆไปเองแล้ว
 
 
“รอฟังด้วยล่ะ”
 
 
“เออ อยู่แล้ว ว่าแต่นัทล่ะ เล่นอะไรโชว์หรอ”
 
แม่งยิ้มโคตรไว
 
 
“นัทร้องเพลงอะจิม ฮ่าๆ เล่นดนตรีไม่เป็น ก็เลยร้องและกัน ฮ่าๆๆ”
 
ร่าเริงเข้าไปจ้า จิมก็ส่ายหน้าหัวเราะรับประโยคไอ้นัทซะ
 
 
“จิมเป็นไงบ้างครับ เหนื่อยไหม ให้อาร์มช่วยอะไรเปล่า”
 
ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆจิมช่วยจิมที่กำลังนั่งคลี่สายไฟที่ม้วนอยู่เป็นกองๆ
 
 
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเหนื่อยเหงื่อออกก็หมดหล่อหรอก”
 
 
“มานัทช่วย”
 
ไอ้นัทก็เสนอตัวมานั่งช่วยจิมอีกคน
 
 
“เหนื่อยไหมครับ”
 
 
“ไม่อะ สนุกดี แต่พี่บาสก็ใช้งานเยอะอยู่เหมือนกันนะ”
 
 
“บ่นอะไรมึง!”
 
เอ้า พี่บาสเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่นี่
 
 
“หวัดดีครับ พี่บาส”
 
ผมยกมื้อไหว้พี่บาส
 
 
“หวัดดีมึง ไง มึงมาช่วยมันทำไมไม่ไปเตรียมตัวอะไรรึ”
 
 
“พักเที่ยงอะครับพี่ เลยออกมาเดินยืดเส้นยืดสายหน่อย”
 
 
“อ่อเออ เดี๋ยวก่อน ห่าจิมเมื่อกี้มึงบ่นอะไรกู”
 
 
“เปล่าพี่ ผมแค่บอกว่าพี่ใช้ผมซะคุ้มเลย”
 
 
“ห่า ทำบ่น กูให้มึงทำแค่นิดหน่อยๆ ทำไมพอไม่มีคนช่วยนี่บ่นเลยไง”
 
 
“โห ผมก็ไม่ได้บ่นอะไรขนาดนั้นเลยยยย บอกว่าทำก็สนุกดีด้วย ชอบนะเนี่ยถึงมาช่วยไงงง โด่ ดุจัง แล้วบอกรักน้องๆ”
 
 
“เออ รักไงถึงได้คะยั้นคะยอให้มึงทำงานเยอะหน่อย จะได้เก่งๆ ไม่สู้งานเลยมึงเนี่ย”
 
เออ ฟังพี่บาสบ่นใส่จิมก็เพลินดีนะครับ เพราะไอ้เตี้ยทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวใส่พี่เขาซะ น่ารักชิบ ผมล่ะหวั่นพี่บาสจะหวั่นไหวอีกจัง
 
 
“ทำหน้าทำตา มึงดูไว้นะไอ้เติ้ล หน้าแบบนี้มึงระวังไว้”
 
ผมเข้าใจพี่ ผมเข้าใจที่พี่จะพูด ผมเองก็ตกหลุมเพราะไอ้หน้าแบบนี้แหละ
 
 
“ทำไมพี่ ง่อววววว พี่ตกหลุมเสน่ห์ผมล่ะเด๊ ว้ายๆๆ ระวังนะพี่ ระวังสาวนิเทศพี่จะเสียใจ”
 
เออ จิมยังไม่รู้นี่ว่า ปอยเป็นคนที่พี่บาสกำลังคบหาด้วย แต่ไอ้การพูดจาแบบนั้น มันอะไรกันนนน อ่อยชาวบ้านไปทั่วเลยเว้ยยยยย
 
 
“หลุมพ่อง ไอ้จิม มึงมานี้ มึงต้องโดนซักตีน”
 
แล้วจิมก็ลุกวิ่งหนีพี่บาสไปทั่วงาน
 
 
“เห้ย ดิวช่วยกูด้วย พี่บาสจะปล้ำกู”
 
ไปกวนดิวกับพี่ตั้วอีกนั่น กวนประสาทพี่เขาแบบนั้น คงจะหยุดหรอกจิมเอ๊ย เอามันเลยพี่บาสจัดการ แม่งอ่อยเก่งชิบ อย่างนี้ผมจะมีคู่แข่งเยอะขนาดไหน
 
 
“ช่วยตัวเองเหอะมึง เรื่องนี้กูจะไม่ยุ่ง”
 
จัดการเลยพี่บาสสสสสสสสสสสสสสสสสสส หมั่นเขี้ยว
 
 
“เติ้ล… กูจริงจัง กูอยากจีบจิม”
 
ห่ะ อยู่ๆไอ้นัทก็พูดข้างผมเบาๆ จีบเชี้ยไร ผมจีบของผมอยู่เว้ยยยย
 
 
“อะไรของมึง กูบอกแล้วไง”
 
 
“มึงนี้น้อ งกชิบหาย ก็รู้ว่ากูชอบแบบนี้ กั๊กหาเตี่ยมึงไง”
 
“กูรู้ แต่คนนี้ไม่ได้เพื่อนกู”
 
 
“กูก็เพื่อนมึง… งั้นเอางี้ ถ้ากูได้เป็นเดือนคณะ กูจะจีบจิม แต่ถ้ามึงได้เป็นเดือน กูจะไม่ยุ่งกับจิม ตกลงไหม?”
 
ตกลงก็บ้าแล้วดิ ไม่เอาด้วยหรอกเว้ย อย่างนี้ถ้าผมแพ้ผมก็ต้องเสียจิมไปอะดิ ไม่เอาอะ ไม่เอาเด็ดขาด
 
 
“มึงบ้าเปล่าเนี่ย”
 
 
“เออกูบ้า แล้วมึงอะกล้า หรือป็อด”
 
...แต่ถ้าผมชนะนัทก็จะเลิกยุ่งกับจิม แถมผมยังขอจิมได้ด้วย มันก็สองต่ออยู่นะ เอาไงดีวะ
 
 
ผมคิดอยู่สักพัก…
 
 
“ว่าไง หรือมึงป็อด หรือว่ามึงชอบจิม?”
 
 
“ห่ะ?”
 
ถามได้จี้จุดมาก
 
 
“ยังไงๆ”
 
 
“เออๆ กูตกลง ถ้ามึงได้เดือนก็ตามมึงว่า แต่ถ้าเป็นกูที่ได้มึงห้ามจีบ”
 
 
“ดิล ตกลงตามนี้ ลูกผู้ชายไม่คืนคำ จอบอ”
 
เอาวะ ยังไงผมก็ต้องเอาตำแหน่งเดือนคณะให้ได้ ศึกชิงนางกำลังจะเริ่มแล้วตอนนี้
 
 
“พี่บาส พอแล้ววว จิมเหนื่อยย ทำงานนน ไม่งั้นจิมไม่ช่วยงานนะ”
 
พี่บาสจับจิมได้เป็นที่เรียบร้อย นี่วิ่งไล่กันไม่ทำงานกันเลยไง
 
 
“เออ ป่วนกูดีนักมาให้กูเตะซักทีเหอะมึง”
 
 
พี่บาสก็ดูเอ็นดูจิมเกินไปอะ เตะเบ๊าเบา (แต่ก็ใช่ว่าผมอยากเห็นจิมเจ็บขนาดนั้นที่ไหนล่ะครับ)
 
 
“ไปซื้อน้ำมาให้พวกกูแดก”
 
ได้ทีให้ผมอยู่กับจิมสองคนและ
 
 
“จิมผมไปด้วย เดี๋ยวไปช่วยถือ”
 
ไอ้นัท! ไวสัดดดดด อะไรวะเนี่ย
 
 
“ผมไปด้วย”
 
 
“เชี้ย! ไปคนเดียวพอแล้ว เติ้ลมึงอะอยู่ช่วยกูแปบ จูนกีต้าให้พวกพี่หน่อย เอาที่มึงถนัดเลย ตอนขึ้นมาเล่นจะได้ไม่ต้องจูนนาน”
 
 
“โอเค งั้นนัทไปกับกูก็ได้ มึงช่วยงานพี่เขาเหอะ”
 
จิมมมมมมมมม อย่าไปกับนัทททททท ทำไมพี่บาสทำกับผมอย่างนี้ ก็ได้ๆ ถ้าผมได้เป็นเดือนเมื่อไหร่ทุกคนจะไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับหัวใจจิม
 
ผมพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะมองไอ้นัทกับจิมเดินออกไปจากงาน ผมนี่โคตรเกียดความรู้สึกนี้เลย หงุดหงิดก็หงุดหงิด แต่ก็ปล่อยออกมาไม่ได้ อึดอัดชิบ
 
 
“ไงมึง หึงอะดิ เหนื่อยหน่อยนะ เจอคนไม่รู้ว่าตัวเองเสน่ห์แบบมันอะ”
 
 
“เออ นั้นดิพี่ แม่งโปรยไปทั่วเลย ผมนี้โคตรอึดอัดหึงก็หึงไม่ได้ ยังไม่ได้เป็นอะไรกับมัน แต่แม่งก็อ่อยไปทั่วจริงๆ อดไม่ได้เลย”
 
 
“เออ กูเข้าใจ ถึงได้ให้มึงอยู่นี้ แล้วให้ไอ้นัทไปแทนไง”
 
 
“เอ้า ไหงงั้นอะพี่”
 
 
“ก็เดี๋ยวมึงหลุดหึงไอ้จิมมันจะไม่รำคาญมึงรึ แฟนก็ไม่ได้เป็นจะหึงทำไม เป็นกู ถ้ามาหึงกูทั้งๆที่ไม่ได้เป็นแฟนกัน กูไม่ชอบว่ะ”
 
จุกเลยพี่ พูดมางี้เล่นเอาผมยิ้มไม่ออก ร่าเริงไม่ได้เลย ก็ไม่ได้เป็นแฟนนี่เนาะ ถ้าได้เป็นแฟนก็คงมีสิทธิ์ที่จะหึงหวงได้อยู่แล้วแหละมั้ง
 
 
“ก็จริงของพี่ครับ เถียงไม่ได้เลย เป็นผมก็คงไม่ชอบ”
 
 
แล้วพี่บาสก็ยื่นกีต้าให้ผมจูน ระหว่างจูนก็มองรอบๆงานก็อืม แม้วันนี้จะมีดาวเดือนนิเทศที่เป็นงานใหญ่สุดในมหาลัย แต่จะว่าไปคณะผมก็ดูยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เล่นแสงสีเสียงอย่างกับคอนเสิร์ตนักร้องเกาหลีมาลงไทยอย่างนั้นแหละ ชักตื่นเต้นแล้วดิเนี่ย อยากได้กำลังใจจากไอ้เตี้ยซะละ จะให้ไหมน้อออ
 
 
 
 
 
 
“โอ๊ย”
 
อยู่ๆก็มีอะไรเย็นๆมาโดนแก้ม ไอ้เตี้ยเล่นยื่นกระป๋องโค้กมาให้อย่างนี้ แอบดีใจเหมือนกันนะครับ
 
 
 
“ไอ้เติ้ล พี่ทิพเรียกไปแสตนบายแล้วว่ะ”
 
นัทบอกผมถึงเส้นตายที่ผมอยู่กับไอ้เตี้ยได้แค่ไม่กี่นาที (แต่แค่นี้ก็พอทำให้หายคิดถึงได้บ้างละ)
 
 
“เหนื่อยไหม?”
 
เสียงทุ้มนิ่งๆจากจิม ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ห่วงผมจริงๆรึ?
 
 
“ไม่ครับ งั้นเดี๋ยวผมไปซ้อมเดินก่อนนะ”
 
 
“เออ เวทีอยู่แค่นี้ มีไรก็เรียกละกัน”
 
ไอ้เตี้ยเสนอตัวให้ผมเรียกได้ตลอดเวลาอย่างนี้มันรู้สึกดีชะมัด แต่ก็นะจะมีช่องให้ผมได้แวะคุยกับไอ้เตี้ยเปล่าเหอะ
 
 
“ครับๆ”
 
ผมลุกเดินไปเตรียมตัวที่หน้าเวที (ผมจะตั้งใจซ้อมเต็มที่เพื่อตำแหน่งเดือนคณะที่ผมต้องแย่งชิงกับนัทให้ได้)
 
 
“เห้ยมึง ไปก่อนเดี๋ยวกูมาลืมของ”
 
ผมบอกนัทที่กำลังจะเดินขึ้นเวทีไปเตรียมพร้อม แล้วเดินกลับเข้าหลังเวทีมาหาจิม
 
 
 
“ตัวเล็ก… ขอกำลังใจหน่อยดิ”
 
 
“อะไรของมึง”
 
 
“เหอะน้า นะๆๆ ขอกำลังใจหน่อย อาร์มตื่นเต้น”
 
 
“เออๆ ตั้งใจนะ เอาเดือนคณะมาให้ได้ กูเชื่อใจมึง”
 
โอ๊ยยยยยย น่ารักกกกกกก เดี๋ยวนี้ตามใจตลอดเลยยย โคตรน่ารักกก
 
 
“แน่นอน ไงอาร์มก็ได้ หล่อระดับอาร์มละไม่ได้ก็แปลก”
 
 
“เนี่ย พอกูให้กำลังใจ มึงก็กวนตีนแบบนี้ มันน่าพูดไหม?”
 
ก็ช่วยไม่ได้ต้องแก้เขินซะหน่อยดิ
 
 
“ก็พูดความจริง หรือไม่จริง ผมไม่หล่อรึ”
 
 
“เออๆ หล่อครับหล่อ รีบไปได้ละ กูจะช่วยพี่บาสทำงานต่อ”
 
 
“ขอบใจนะเตี้ย อย่าลืมนะถ้าอาร์มได้เป็นเดือนอาร์มจะขออะไรเตี้ย เตี้ยห้ามปฏิเสธ”
 
 
“เออออ รีบไปปปป กูรู้แล้วววว เอามาให้ได้ละกันไอ้เดือนคณะมึงอะ”
 
 
“ครับบบบบ”
 
ผมขอลูบหัวไอ้เตี้ยที่เซ็ตมาซะขัดใจผมจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไมหัวไอ้ตัวเล็กมันช่างน่าลูบน่าขย้ำมากเลย เวลาลูบแล้วมันฟินมือมากๆ
 
 
 
 
“อะ น้องเติ้ล มายืนตรงนี้”
 
แล้วพี่ทิพผู้เป็นคนจัดแจงเรื่องบล็อกกิ้งบนเวที ให้ดาวเดือนเดินไปไหนยืนโพสตรงไหน จังหวะไหนหันไปทางไหน ผมเดินซ้อมอยู่ตรงนั้นตั้งหลายรอบเพื่อความแม่นยำ
 
บอกคิวในแต่ละเวลาว่าต้องเตรียมพร้อมขึ้นเวทีกี่รอบ หลายต่อหลายครั้งที่ดาวเดือนต้องลงมาด้านหลังเวทีเพื่อนัดคิวเดินออกทีละคน พูดแนะนำตัวเอง ในเกือบทุกครั้ง เวลาที่ผมลงมาด้านหลังเวลาทีผมจะเห็นจิมหันมามองแถวผมเสมอ และบ่อยครั้งที่ยิ้มส่งมาให้ผม นั้นยิ่งเป็นเหมือนสัญญาให้ผมต้องชนะการประกวดครั้งนี้ให้ได้ และที่ผมคิดไว้การแสดงความสามารถผมว่าน่าจะเป็นคะแนนสำคัญในการซื้อใจจิมและทุกคนได้เยอะแน่ๆ
 
 
 
 
และในที่สุด…
 
 
 
ก็ถึงเวลาที่ผมและดาวเดือนทุกคนก็ต้องลงมาเตรียมตัวเตรียมพร้อมที่จะโชว์ความหล่อสวยให้ทุกคนได้ประจักษ์กัน
 
 
ผู้คนที่มาก็มากมายซะจนพื้นที่บริเวณฮอลของมหาลัย สุดยอดจริงๆ เล่นเอาผมตื่นเต้นจนเกร็งไปทั้งตัวแล้ว (นี่ผมว่างานของคณะใหญ่รองจากนิเทศอย่างบริหารธุรกิจของผมเนี่ยใหญ่มากแล้วนะ อยากเห็นจังว่าคณะที่จัดใหญ่กว่าของนิเทศจะขนาดไหน)
 
 
เริ่มแรกก็เป็นคิวที่ไอ้นัทต้องเดินออกไปโดยที่ไม่นานักก็มีดาวอีกคนเดินออกไปและเดินมากลางเวทีคู่กันและแนะนำตัว ซึ่งนั้นก็เป็นคิวแรกที่ดาวเดือนต้องไปยืนโชว์ตัวกันหน้าเวที
 
 
 
“สวัสดิ์ดีครับ”
 
เสียงกริ๊ดดังพอสมควร ไอ้นัทสงสัยจะฮ็อตไม่แพ้ผม ก็แหงดิ จำนวนคนกดไลค์รูปโปรโมทของมันเฉียดกับผมแค่ ไม่ถึงยี่สิบครับนับตั้งแต่วันลงรูป ตอนนี้รูปผมกับมันก็คงขึ้นราวๆ 5-6 พันไลค์แล้วมั้ง
 
 
“เอ่อ… ผม นัท นาย นภัทร เกียติก้อง สาขาบริหารองกรค์ครับ”
 
 
เสียงกริ๊ดยิ่งดังขึ้นไปอีกทั้งกริ๊ดทั้งตบมือ ผมเริ่มประหม่าแล้วสิ ต่อไปก็เป็นการแนะนำตัวของฝั่งดาวเขา ซึ่งคู่ต่อไปที่จะออกก็ผมเนี่ยล่ะ
 
ผมพยายามเดินไม่สนใจสายตาคนในฮอล (เพราะกลัวเขินเดินไม่ธรรมชาติ) ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองเสียงกริ๊ดทั้งฮอลดังมาก ดังจนผมเกือบจะหลุดฟอร์มเก็กหล่อเลย ดีที่ดึงสติกลับมาได้
 
เพราะอะไรรู้ไหมครับ
 
 
เพราะเตี้ยมันยืนดูผมอยู่ทางลงเวทีฝั่งตรงข้าม (เตือนสติผมว่ามึงต้องชนะ) เท่านั้นแหละความมั่นใจผมขึ้นมาเยอะกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
 
 
“สวัสดิ์ดีครับ…” เอ่อ...เสียงกริ๊ดไม่เว้นช่วงให้ผมได้พูดเลยจน…
 
“แหม… เสียงกริ๊ดดังจังเลยนะครับ ไหนเรามาฟังการแนะนำตัวของน้องเขากันดีกว่า”
 
พี่พิธีกรช่วยผมไว้ ให้ผมได้มีช่องได้พูดแนะนำตัว
 
 
“ผม เติ้ลครับ สุทธิรักษ์ ผ่องอนงค์ สาขาการบริหารองกรค์ครับ ขอบคุณครับ”
 
แล้วผมก็ยกมือไหว้ก่อนจะส่งไมค์ต่อให้ดาวที่คู่กับผม (เพนนี) ผู้หญิงผิวขาวลูกครึ่งฝรั่ง จะว่าสวยก็สวยอยู่นะครับ แต่ตัวสูงเกือบจะเท่าผมเลย หุ่นนางแบบมากๆ ด้วยความสูงของเธอทำให้ต้องมาอยู่คู่กับผมเพราะถ้าอยู่กับผู้ชายอื่นคงจะดูแปลกพิลึก
 
 
“คนเยอะเนาะเติ้ล”
 
เรากระซิบคุยกันผ่านการพูดโดยยิ้มเห็นฟันอยู่ตลอด
 
 
“ใช่ มาจากไหนกันนักหนา เล่นเอาทำตัวไม่ค่อยถูกละเนี่ย”
 
 
“แหม มีกำลังใจอยู่ข้างเวทีแล้วจะกลัวอะไร”
 
สาวที่ไม่น้อยผู้รู้เรื่องเกือบทุกอย่างของผมอย่างเพนนี ผมมักจะปรึกษาเธอเรื่องต่างๆ ที่ผู้ชายๆเขาไม่คุยกัน (เอาง่ายๆ คือเธอรู้เรื่องผมกับจิม) คงไม่ต้องบอกนะครับว่าผมไม่ให้เธอเอาไปบอกใคร (แล้วจะบอกทำไม)
 
 
 
“ขานั้น มายืนดูงานเฉยๆอะมั้ง ไม่ได้มาให้กำลังใจผมหรอก”
 
 
“มองโลกในแง่ดีบ้างก็ได้”
 
 
 
ระหว่างที่ผมกับเพนนีคุยกัน ดาวเดือน ก็ผลัดกันเดินทีละคนเพื่อให้พิธีกรแนะนำสัดส่วนของแต่ละครับจนคิวถัดไปเป็นเพนนีต่อไปก็ผม
 
 
“สู้ๆนะครับเพนนี จัดเต็มไปเลยสวยอยู่แล้ว”
 
 
เธอหายใจเข้าลึกมากๆเพื่อดึงสมาธิของตัวเองก่อนเดิน
 
 
“น้องเพนนี G5 น.ส. เพนนิตา เชอร์แมน ลูกครึ่งอเมกัน ส่วนสูง 178 น้ำหนัก 54 จากสาขาการตลาดค่าาาา”
 
 
เมื่อพิธีกรฝ่ายหญิงพูดจบนั้นเป็นสัญญาให้ผมเริ่มเดินต่อ ความตื่นเต้นเริ่มมาอีกครั้ง
 
 
“น้องเติ้ล B5 นาย สุทธิรัตน์ ผ่องอนงค์ ส่วนสูง 185 น้ำหนัก 76 จากสาขาการบริหารองกรค์ และทรัพยากรมนุษย์ครับ”
 
เสียงกริ๊ดดังมากจนขาผมแทบจะอ่อนแรง มันตื่นเต้นมากก้าวเท้าไม่ค่อยออก ตลอดการเดินผมนึกถึงแต่ไอ้เตี้ยๆๆ เมื่อถึงจุดพอยท์ที่ผมต้องหยุดโพสกลางเวลา ผมเก็กเต็มที่ (แต่ไม่รู้หน้าเหว่อแค่ไหนอะดิ ฮ่าๆๆ) และเมื่อเดินกลับลงไปหลังเวทีฝั่งที่ไอ้เตี้ยอยู่ แต่นั้นก็ทำให้ผมเห็นภาพไอ้เตี้ยคุยกับนัทอย่างเฮฮามาก
 
 
(แอบคิดว่า...ที่เดินเมื่อกี้ได้ดูผมเดินรึเปล่า ไอ้นัทคงไม่ได้ลงเวทีก่อนผมแล้วดึงความสนใจไปหรอกนะ)
 
 
ผมเดินผ่านนัทกับจิมที่คุยเล่นกันอยู่ไปนั่งพักเตรียมตัวสำหรับคิวต่อไปเป็นการโชว์ความสามารถซึ่งผมโชคดีรึเปล่าที่ไปอยู่คนเกือบสุดท้าย คนสุดท้ายก็ไอ้นัทนั้นแหละ โชคดีชะมัดมีเวลาเตรียมใจเยอะกว่าใครๆ แต่ก็นั้นแหละมีเวลาเยอะถึงได้ไปยืนคุยกับจิมอยู่แถวๆทางขึ้นลงด้านหลังเวที
 
 
ไอ้ผมจากที่เหมือนจะมีกำลังใจก็นั่งจ้อยไปดิ
 
 
“นี่ ยังไม่ได้บอกนัทอีกรึ เรื่องจิมอะ”
 
เพนนีเดินมานั่งข้างผมแล้วยื่นน้ำให้กิน
 
 
“จะพูดได้ไงล่ะ…”
 
 
“ทำไมจะพูดไม่ได้ เพนพูดให้เอาไหม จะได้ไม่ต้องมานั่งหึงแบบนี้”
 
 
“เห้ย ไม่เอาเพนนี เดี๋ยวจิมไม่คุยกับผม ยังไม่ได้ขอเป็นแฟนเลย”
 
 
“อ้าว ยังไม่ถึงไหนอีก โห เติ้ลนี้อ่อนหัดจริงๆ เป็นเพนนีนะ วันสองวันก็เรียบร้อยตกลงเป็นแฟนละ”
 
โอ้โห ผมมันไก่อ่อนใช่ไหมที่เพนนีพูดเนี่ย ก็แหงล่ะ นี้มันจีบผู้ชายด้วยกันนะครับ ใครมันจะไปทำตัวถูกเล่า
 
 
“เป็นไงมึง หล่อเชียวนะ”
 
ผมนี่ทึ้งที่จิมเป็นคนเดินเข้ามาทักผมก่อน
 
 
“อ้าว ดูผมด้วยหรอ”
 
 
“เพนไปก่อนนะ”
 
เพนนีเหมือนอยากให้ผมคุยกับจิมสองคน เพราะผมก็มองหาไอ้นัทมันก็ไม่ได้เดินตามมาด้วย
 
 
“เหอะ กูไปยืนอยู่ตรงนั้นมึงไม่เห็นรึไง”
 
เห็นดิ ทำไมจะไม่เห็น
 
 
“อุตส่าไปยืนเตี้ยให้กำลังใจมึง สงสัยกูคงเตี้ยเกินไปมึงเลยมองไม่เห็น”
 
ด้วยมุขและท่าทางทะเล้นหน่อยๆ ทำให้ผมอดขำในลำคอไม่ได้ ว่าแต่ดีเหมือนกันที่นัทไม่มาป่วน
 
 
“เห็นสิครับ ทำไมจะไม่เห็น”
 
 
“สู้ๆนะเว้ย มึงอะหล่ออยู่แล้ว มั่นใจไว้”
 
 
“พูดแบบนี้กับทุกคนไหมเนี่ย”
 
ผมถามแค่ประชดเท่านั้นนะ
 
 
“คิดงั้นก็แล้วแต่มึง กูไปและ”
 
เอ้าเห้ยไปไหนอะ ทำไมงอนง่ายจัง
 
 
“เอ้า โหย แค่ถามเฉยๆก็อยากรู้ งอนทำไม”
 
 
“ใครงอน กูจะไปรอดูมึงโชว์หน้าเวทีต่างหาก ไปละ”
 
ผมนี่อดใจไม่ไหวแล้ววววววว เจอจิมพูดจาแบบนี้ มีความอ่อยเล็กๆ ที่ทำให้ผมโคตรหวั่นไหวอยากจะดึงเข้ามากอดซะให้ชื่นใจเลย ผมรั้งแขนจิมไว้ก่อนจิมจะลุกจากที่นั่งข้างผม
 
 
“เพลงที่อาร์มจะโชว์อะครับ…”
 
 
 
 
“ตั้งใจดูนะ”
 
 
 
 
“เออออออออ มึงก็ตั้งใจเล่นแล้วกัน”
 
 
 
 
 
 
“ต่อไปเป็นการแสดงความสามารถของน้องเติ้ล B5 สาขาการบริหารองค์กรและทรัพยากรมนุษย์ครับ… กับการแสดงเล่นกีต้า cover นะครับ เชิญชมได้เลยครับ”
 
 
 
“สวัสดิ์ดีครับ...เอ่อ..ผมเติ้ลครับ ขอภัยนะครับผมเป็นคนร้องเพลงไม่เพราะ เกรงว่าจะฟังกันไม่ได้ ผมจึงขอเป็นเล่นกีต้าให้ทุกคนฟังอย่างเดียวแทนดีกว่า”
 
ระหว่างเสียงที่กริ๊ดยังไม่หายผมกวาดสายตาไปหน้าเวที มองหาจิมจากฝูงชนมากมาย… แต่ก็คงยังหาไม่เจอเมื่อสิ้นเสียงกริ๊ด
 
 
“เพลงที่ผมเลือกมาในครั้งนี้… เป็นเพลงที่ผมคิดว่าเหมาะกับช่วงเวลาที่ผมกำลังรู้สึกในตอนนี้…”
 
 
“อาจจะฟังดูเชยไปหน่อย แต่ผมอยากเล่นเพลงนี้ให้กับทุกคนที่รู้สึกอยากจะถามคำถามคนๆนึง”
 
 
ถึงตอนนี้ผมก็ยังมองหาจิมไม่เจอ
 
 
“คนๆนึงที่ทำให้เรารู้สึกตัวเล็กจ้อย เล็กจนรู้สึกว่าเราจะมีค่าพอกับเขารึเปล่า เพลงนี้ผมชอมอบให้กับ ตัวเล็ก ทุกคนครับ…”
 
 
 
 
“ร้องได้ช่วยร้องหน่อยนะครับ”
 
 
 
 
 
 
 
“ได้ชิดเพียงลมหายใจ
แค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน
แค่เพื่อนเท่านั้น
แต่มันเกินห้ามใจ


ที่ค้างในความรู้สึก
ลึก ลึกเธอคิดยังไง
รักเธอเท่าไร
แต่ไม่เคยพูดกัน


 
อะไรที่อยู่ในใจก็เก็บเอาไว้
มันมีความสุขแค่นี้
ก็ดีมากมาย”



ผมดีใจมากที่ทุกคนในฮอลเริ่มที่จะร้องเพลงตามที่ผมดีดได้ (ผมก็กลัวว่าทุกคนจะไม่รู้ว่าเพลงที่ผมเล่นคือเพลงอะไรซะอีก)
 
 
“ขอบคุณครับบบ”
 
ผมขอบคุณระหว่างที่ดีดกีต้าอยู่ ขอบคุณที่เขาทุกคนช่วยร้องเพลงให้ผม
 
 
“เธอจะมีใจหรือเปล่า
เธอเคยมองมาที่ฉันหรือเปล่า
ที่เราเป็นอยู่นั้น คืออะไร”

 
เมื่อท่อนฮุกเสียงร้องในฮอลยิ่งดังขึ้น ราวกับว่าทุกคนรับรู้ความรู้สึกผมหมดแล้ว


 
 
“เธอจะมีใจหรือเปล่า
มันคือความจริงที่ฉันอยากรู้
ติดอยู่ในใจแต่ไม่อยากถาม
กลัวว่าเธอเปลี่ยนไป


 
ไม่ถามยังดีเสียกว่า
เพราะฉันรู้ถ้าเราถามกัน
กลัวคำ คำนั้น
อาจ”

 
 
จบเพลงพึ่งจะหาไอ้เตี้ยเจอ… ยืนยิ้มให้ผมอยู่ครู่นึงก่อนจะหันหนีไม่สบตาผม
 
(ที่เห็นก็เพราะผมเห็นกี้เลยเหลือบไปเห็นว่าจิมยืนอยู่ข้างๆ ด้านหน้าเวที)
 
 
 
“ขอบคุณมากครับที่ช่วยร้องให้ผม ผมเติ้ล B5ครับ ขอบคุณครับ”
 
 
“จบไปแล้วครับสำหรับการแสดงของน้องเติ้ล B5 ขอเสียงตบมืออีกครั้งให้น้องหน่อยครับ”
 
แล้วเสียงกริ๊ดกับเสียงตบมือตามให้หลังผมมาอีกระลอก ผมสวนกับนัทระหว่างลงหลังเวที… ก่อนที่มันจะเอามือมายั้งบ่าผมเพื่อให้หยุดเดิน
 
 
 
 
“กูเข้าใจละ ทำไมมึงถึงไม่ให้กูจีบจิม”
 
 
“มึงเล่นงี้ กูยอมก็ได้นะ ถ้ากูแพ้มึง”
 
 
“แต่มันยากมากหรอวะเติ้ล แค่มึงบอกกูว่ามึงก็ชอบจิมเหมือนกัน”
 

 
 
….
 
 
“ยากว่ะ… ก็ผู้ชายคนแรกเลยนี่หว่าที่กูรู้สึกแบบนี้”
 
 
“เออ กูเข้าใจ แต่สัญญาก็ต้องเป็นสัญญานะ มึงอย่าลืม”
 
 
“กูไม่อ่อนให้มึงแน่”
 
นี่มันศึกชิงนาง หรือ สงครามนางงามกันแน่ ทำไมดูโหดร้ายไม่มีใครยอมใคร
 
 
“เต็มที่เลย อย่าให้กูชนะเพราะมึงไม่ใส่เต็มล่ะ เดี๋ยวจะเสียใจที่หลัง”
 
 
แล้วมันก็เดินขึ้นเวทีไปเป็นที่เรียบร้อย และแล้วความรู้สึกที่ผมเหมือนจะแพ้ก็เข้ามาในใจผม เพราะไอ้นัทแม่งร้องเพลงเพราะซะเหลือเกิน เสียงกริ๊ดที่ได้ตอบรับมาก็ดังไม่ต่างอะไรจากผมเท่าไหร่ (จริงๆดาวเดือนคนอื่นก็ดังพอๆกันนะครับแต่ผมรู้สึกถึงความพิเศษจากผมและไอ้นัทมากกว่า)
 
 
แล้วเพลงที่เล่นก็โห เนื้อหาความหมายช่างบอกตรงๆมากว่าอยากจะทำอะไร (เพลง รู้ยัง ของ ต้น ธนษิต อะครับ) อยากจีบ ชักชวนมาคู่กันเหลือเกิน หวังว่าจิมคงไม่ได้ฟังล่ะ เพราะวันนี้ผมคิดไปเองเรียบร้อยแล้วว่า
 
 
วันนี้ผมอยู่ในสายตาจิมคนเดียว…
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“เล่นจีบกูบนเวทีแบบนี้ กูจะปฏิเสธมึงยังไงวะ ไอ้สูง”
 
เสียงกระซิบข้างหูผมจากไอ้เตี้ยที่กำลังเอากุหลาบมาโหวตให้ผม
 
 
เออ… อย่าปฏิเสธผมแล้วกันไอ้เตี้ย…
 
 
 
 
 
 
เพราะผมจะขอคุณเป็นแฟน!!
 
 
 
 
 
 
………………………………………………………………………..
 
 
 
 
 
“ความรักไม่ใช่การแข่งขันอย่าสร้างมันให้บาดหมางจนเกิดแผลในหัวใจ”
 
 
 
 
 
 
 
Talk : ถ้าจิมเป็นผู้หญิงก็คงเป็นดาราหญิงที่ใครๆก็อยากได้ (หรอออออ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2017 11:28:08 โดย keywordz »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ปลายฟ้าใส

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ดีงาม มีความตามใจ มีความส่งเพลงให้กัน มีความขอเป็นแฟน

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 20 : หัวใจ



สายตาหวานซึ้งบอกถึงเป้าหมายที่ต้องการโคตรชัด ไม่ต้องพูดก็แทบจะรู้ใจว่าเดือนคณะบริหารธุรกิจจะขออะไร


ใจเต้นตุบตับ ไม่เป็นจังหวะ…


ดอกกุหลาบแดงที่เดือนบริหารเขาได้รับมาในตำแหน่งป็อปปูล่าโหวตหลายสิบช่อสิบดอกได้ถูกวางอยู่หลังเบาะรถ… แต่มีดอกกุหลาบช่อนึงที่ไม่เหมือนช่อใดๆ เพราะเป็นดอกกุหลาบขาวทั้งช่อ…


“จิมครับ…”

เสียงแผ่วหวานสั่นๆ เรียกผม…   แทบขนลุกไปทั้งตัว (ตื่นเต้นไรขนาดนี้วะ ยังไม่ตั้งตัวเลย)



“หื้ม…”


“อาร์มได้เป็นเดือนแล้วนะครับ…”

มันส่งยิ้มหวานออกมาแบบที่ผมไม่เคยเห็นมา แบบที่ผมว่ามันคงดีใจมากๆที่ได้เป็นเดือนคณะตัวเอง


“แล้วไงเล่า?”

ผมหันหน้าหนี ไม่สบตา ใครจะไม่กล้าสบตาอะ แค่เงยหน้ามองมันนิดเดียวร่างกายผมก็อ่อนไปทั้งตัว เหมือนคนหมดแรง



มือใหญ่ๆได้เลื่อนมาจับแก้มผมเพื่อออกแรงให้ผมหันหน้ามามองกับสายตาดั่ง


“สัญญาแล้วนะ… ว่าจะไม่ปฏิเสธสิ่งที่อาร์มจะขอ…”

แค่การช่วงเวลาที่ผมไม่เคยสัมผัสตอนนี้โผล่เข้ามาในใจผม ก็ไม่รู้จะพูดปฏิเสธยังไงเหมือนกันแหละครับ


“อะ...อืม ว่าไงล่ะ”


“อาร์มขอให้จิมช่วยฟังอาร์มพูดอะไรสักหน่อยได้ไหมครับ”


“...”


“ได้ไหม?”

จะขอแค่นี้หรอ ให้ฟังมันพูดแค่นั้นอะนะ


“อื้ม”


“สัญญาแล้วนะ…”


“อื้อ...”


“ห้ามหนี… ต้องตั้งใจฟังที่อาร์มจะพูด ห้ามหูทวนลม ห้ามพูดจนกว่าอาร์มจะพูดเสร็จนะ”

ห้ามอะไรเยอะแยะวะ จะพูดก็พูดมา นี้ถ้าไม่ติดว่ามันกำลังส่งสายตาหวานจริงจังมานะ ผมคงเตะขามันละ ไม่พูดซักที

“ห้ามเยอะจัง กูถอนตัวทันไหม?”


“ไม่ทันแล้วครับตัวเล็ก หึหึ”

โอ๊ยยย… ขำในลำคอ แล้วลูบหัวเหมือนเอ็นดูผมแบบนี้… มันรู้สึกอบอุ่นเหมือนตัวเองมีพี่ชาย เหมือนตัวเองมีตัวตน เหมือนตัวเองกำลังถูกห่วงใย

เหมือนหัวใจจะหลุดจากร่างอย่างนั้นแหละ…


“...”

ช่างรู้สึกบางอย่างในใจที่บอกไม่ถูก ความเงียบกับใบหน้าจริงจังขนาดที่ มองนัยตาก็เห็นถึงประกายวับวาวในนั้น


“จะพูดอะไรอะ พูดมา”


เสียงผมก็คงสั่นพอกัน คงเป็นเพราะสายตาที่มองมาแบบไม่ลังเลอะไรเลย เหมือนไม่กลัวสิ่งที่จะพูดออกมา


“รู้ใช่ไหม…? ว่าอาร์มชอบจิม”

เชี้ยยยยย… ผมรู้สึกตัวเบา เหมือนตัวเองหลุดออกไปจากโลกแล้วอะตอนนี้ มันหายใจไม่ออก


“อาร์มชอบจิมมาพักใหญ่แล้วนะ จะว่ามันผิดบาปก็ได้ ที่อาร์มดันรู้สึกดีกับจิมตั้งแต่วันที่อาร์มมีเรื่องปอยเข้ามาให้เสียใจ…”

สายตานั้นไม่ละออกจากสายตาผมเลยซักนิด ผมเองก็ไม่ละลดสายตาตัวเองลงเลยซักนิด ไม่รู้เพราะสายตาคู่นั้นบังคับให้ผมหันไปไหนไม่ได้หรือเพราะตัวผมเองที่อยากจะฟังเสียงหัวใจของมัน


“ครั้งแรกที่อาร์มเห็นจิม อาร์มยิ้มทันทีทั้งๆที่อาร์มเพิ่งเจอเรื่องเสียใจ ทำให้อาร์มอยากเห็นหน้า อยากคุย อยากรู้จัก รู้สึกอยากใกล้จิมมากขึ้น…”


“เหี้ยเนอะ…”


“ตอนนั้นก็ยังมีแฟนอยู่แท้ๆ แต่ดันรู้สึกดีกับจิมอีก”


“ตอนแรกคิดว่าได้เป็นเพื่อนก็พอแล้วล่ะ แค่นั้นก็มีความสุขมากพอแล้ว”


“แต่ยิ่งใกล้… ใจอาร์มยิ่งร้องขอให้ใกล้กว่านั้น ใกล้กว่าคำว่าเพื่อน…”

ตอนนี้ผมเริ่มอ่อนแรงเหมือนตัวเองแทบจะยืนไม่ได้ สายตาเริ่มไม่กล้าสบตามัน เพราะทั้งเขิน… ทั้งรู้สึกทำตัวไม่ถูก


“ตอนที่จิมเมาวันเกิดพี่บาส… จิมบอกผมว่า ที่ผ่านมาพฤติกรรมผมเหมือนผมจีบจิมใช่ไหมครับ…”


“จะเรียกว่างั้นก็ได้ เพราะมันไม่มีเพื่อนคนไหนหรอกที่กันแบบนั้น อาร์มอยากใกล้ชิดจิมมากกว่าคำว่าเพื่อน…”


“ร่างกายมันทำตามหัวใจโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ในนี้ที่จิมจมน้ำ… ความรู้สึกอาร์มยิ่งชัดมากขึ้น อาร์มรู้สึกอยากปกป้องจิม อยากดูแล ห่วงใย นั้นก็เป็นจูบแรกของอาร์มเหมือนกันนะ… ที่อาร์มได้จูบผู้ชายน่ะ”

ลืมไปเลย… ว่ามันคือจูบแรกของผม…


เขินจนไม่รู้จะทำอะไรแล้ว จนตัวเองต้องหลบสายตาหวานซึ้งคู่นั้นออก อีกครั้งที่ตอนนี้


ตอนนี้มือของอาร์มเลื่อนมาจับคางผมให้หันมามองหน้ามัน


“จิมครับ…”


โทนเสียงเปลี่ยนไป… ดูอบอวนไปด้วยความจริงจัง… เหมือนสิที่มันกำลังจะพูดต่อไปจะเป็นอะไรที่หนักแน่นมาก


“อาร์มขอเป็นจูบแรกของจิมอีกได้ไหมครับ...”


ประโยคนี้มาพร้อมกับใบหน้านั้น… ที่เข้าใกล้จนผมสัมผัสถึงลมหายใจที่ลดลงบนแก้มผมได้… ใบหน้าที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ… ใกล้จนผมหลับตาเพื่อรับรู้บางอย่างที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตผม…


หวาน… หวานมาก

นิ่ม… ทำไมมันนิ่มแบบนี้…



ทุกอย่างมันอ่อนโยน… อ่อนโยนราวกับว่ามันจะถนุถนอมผมไปตลอดจากนี้…


“เป็นแฟนผมนะ ตัวเล็ก…”


…..



…….





“กู…”

เสียงผมสั่นมาก หลังจากมันถอดริมฝีปากหอมหวานนั้นออก


“จูบอีกได้ไหม… กูเขินอะ”

เชี้ยไรของผมเนี่ยยยย พูดอะไรออกไป (นี่คือคนแบบผมมันมีอยู่อีกไหม เขาขอเป็นแฟนแต่ตัวเองดันพูดจาไม่รู้เรื่องแบบนี้)


แต่มันก็ยังพรมจูบอย่างอ่อนโยนมาให้ผมอีกครั้ง… ครั้งนี้มือข้างซ้ายเลื่อนไปด้านหลังของลำคอลูบด้านหลังหัวไปมาระหว่างพรมจูบลงมาที่ผม… (มันเก่งมาก… ผมระทวยไปผมเลยตอนนี้)


“ขอบคุณนะครับ… แฟนอาร์ม”


แฟนอาร์ม… ทำไมฟังดูแหม่งๆ แต่เขินชะมัด… มันเกิดไรชึ้นเนี่ย ผมมีแฟนแล้วรึ… ตั้งตัวไม่ทันเลยจริงๆ


“เติ้ล…”

เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคย… ทำให้ผมหันไปพบกับสายตาที่อึ้งตึงกับสิ่งท่ีเห็น… ช่อดอกไม้เต็มไม้เต็มมือล่วงหล่น


“ปอย…”

เสียงแผ่วเบาจากอาร์มที่ตอนนี้อยู่ด้านหลังผม


“นี่สองคน...”


“ปอย… จิมขอ…(โทษ)”


แป๊ะ!! เสียงตบหน้าสะเทือนลั่น ...ผมไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยซักนิด ออกจะชาไปด้วยซ้ำ เข้าใจความรู้สึกปอยอยู่นะครับ ที่โมโหมันเพราะอะไร

ก็เพราะ… เป็นผมไงที่สัญญาจะคุยกับอาร์มให้คืนดีกับปอย

เป็นผมไง ที่ปอยไว้ใจที่จะคุยเรื่องอาร์มกับผม

เป็นผมที่ปอยอยากให้ช่วย

เป็นผมที่ทำให้ปอยเสียใจ

เป็นผมที่ทำให้อาร์มนอกใจ



“จะขอโทษหรอ!! แล้วมันช่วยอะไรได้”

ปอยเหมือนจะไม่ยั้งมืออีกรอบ แต่อาร์มหยุดมือที่กำลังจะตบหน้าผมไว้


““ปอย ทำอย่างงี้ทำไม?”

อาร์มตอนนี้อาร์มเอาตัวมาขั้นผมระหว่างปอยไว้


“ปอยต้องถามเติ้ลมากกว่าทำไมถึงทำงี้”


“ผิดเพศ!”

ในที่จอดรถที่แสนเงียบหลังเลิกงานประกวดดาวเดือนคณะของอาร์ม ตอนนี้เริ่มมีทีมงานทะยอยเก็บของออกจากงาน


“ปอย!! เกิดอะไรขึ้น”

พี่บาสวิ่งมาดูเหตุการณ์ พร้อมพี่ตั้ว พี่แตม ดิว และกี้


สิ้นเสียงพี่บาส ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากเจอหน้าใครไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ผมทั้งรู้สึกอายที่ถูกสายตามากมายถูกจ้องมอง ทั้งรู้สึกผิดต่อปอย รู้สึกแย่ที่การที่ผมชอบผู้ชายคนนี้ ทำให้ทุกสายตาไม่ยอมรับผม



ที่สำคัญต่อตัวอาร์มเอง เป็นถึงเดือนคณะ แล้วไหนจะไปต่อเดือนมหาลัย คงเป็นขี้ปากคนไม่น้อย


ทุกอย่างมันเป็นเพราะผม… ผมผิดเอง… ผมเริ่มก้าวเท้าถอยออกทีละนิดและเริ่มวิ่งออกจากวงเกิดเหตุ


ใครจะไปรู้ว่าผมจะเป็นคนที่หนีปัญหาแบบนี้… ผมก็เพิ่งรู้จักตัวเองในมุมนี้ ว่าการที่ผมเผชิญกับความผิดพลาดผมกลับหนีมัน




“มัวยืนทำเชี้ยไรไอ้เติ้ล รีบตามมันไปดิ กูเคลียร์ตรงนี้เอง”

ใครสักคนในกลุ่มเหตุการณ์แหละที่พูดประโยคนี้ออกมา ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะออกมาห่างพอสมควรแล้ว


“จิม รออาร์มก่อน จิมครับ”

เสียงอาร์มตามหลังมา

“ไม่ต้องตามมา มึงไม่อายไงวะ ขอกูเป็นแฟน”


“อายเหี้ยไร!! ก็กูชอบของกู กูไม่แคร์หรอก”

ถึงแม้มันจะตะโกนหยาบใส่ผม ผมยังคงที่จะเดินเร็วเพื่อหนี้ออกห่างจากมัน (มันไม่ใช่เพราะผมจะหนี้ปัญหา แต่มันเป็นเพราะผมก็ชอบมัน ผมถึงไม่อยากให้มันมาอับอายที่เป็นแฟนผม)


“หยุดก่อนได้ไหมตัวเล็ก...”


ไม่ว่าผมจะวิ่งเร็วแค่ไหน ก็คงหนี้มันไม่ได้หรอกครับขาสั้นกับขายาวมันแข่งกันไม่ได้ ตอนนี้ผมถูกรั้งไว้ด้วยมือที่จับแขนผมไว้ไม่ให้ไปไหน


“อาร์ม...ถามจริงเหอะมึง กูผู้ชายนะเว้ย… มึงไม่อับอายเลยหรอที่จะคบกูเป็นแฟนอะ”

มันแย่มากนะครับ ถึงจะพูดว่าสังคมสมัยนี้เขาเริ่มเปิดรับเรื่องนี้กันแล้ว แต่เหตุการณ์วันนี้มันก็บอกให้รู้ว่า มันไม่ใช่ทุกคนที่รับได้ ให้ผมเป็นปอยก็รับไม่ได้ ถามหน่อย ถ้าผู้หญิงมีแฟนถูกผู้ชายบอกเลิกกับตัวเองไปคบกับผู้ชายเป็นใครก็รับไม่ได้



“ตอนแรกก็คิด… แต่ตอนนี้ไม่แล้ว พอเห็นจิมเดินออกมา อาร์มก็รู้ใจตัวเองแล้วว่าอาร์มควรแคร์จิมมากกว่าจะมาแคร์คนอื่น”

ประโยคนี้ทำให้ผมหวนคิดเหมือนกันว่า ถ้าผมเลือกจะยอมรับใจตัวเองก็ต้องไม่อายที่จะมีมันเป็นแฟน… นี้มันแค่วันแรกเองนะ


มันไม่ใช่เรื่องแย่ มันก็แค่เรื่องที่ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ



“อาร์มขอโทษนะ เจ็บไหม? ตัวเล็ก”

มันเอามือมาลูบแก้มข้างที่ผมถูกปอยตบมา


“กูอะไม่เจ็บหรอก แต่ปอยอะดิ…”


“นั้นก็เป็นเรื่องของเขานะตัวเล็ก ถ้าเขาจะยอมรับไม่ได้ เราก็ไปทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”


….


“คนเราจะเปลี่ยนใจใครปุบปับไม่ได้หรอกนะ”

ที่มันพูดก็ถูกนะครับ


“ขนาดกับเตี้ย กว่าอาร์มจะทำให้เตี้ยหันมาเปิดใจกับอาร์มยังใช้เวลาเลย”

อย่างที่มันพูด คงต้องรอเวลา แล้วผมจะมองหน้าทุกคนยังไงระหว่างนี้ จะต้องวางตัวยังไง พรุ่งนี้เช้าผมจะทักไอ้กี้แบบไหน แล้วไอ้ดิวที่ตัวเองมันน่าจะเข้าใจผม มันจะเข้าใจผมไหม ผมคงต้องทำไปเป็นอย่างๆ


“ยังไงตอนนี้กูก็ไม่กล้าไปเจอปอยอะ… กูผิดต่อเขาอะ กูรู้สึกผิด”

ใครจะไปรู้สึกดีที่ผิดสัญญากับคนอื่น


“งั้นเดี๋ยวอาร์มคุยกับปอยเองครับ ยังไงตอนนี้เราทำได้แค่รอปอยใจเย็นลง”


“...อืม”


“ไม่ต้องคิดมากรู้ไหมครับจิม จิมเป็นแฟนอาร์มแล้ว ยังไงอาร์มก็ไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับจิมหรอกนะครับ”

ผมทำหน้ากวนๆใส่มัน เพราะใครมันจะไปชินกับคำพูดห่วงใยหวานๆแบบนี้


“ให้มันจริง”


“คอยดูและกันตัวเล็ก”

ลูบหัวอีกแล้วววว ชอบจังวุ้ยยยย ทำไมมันรู้สึกดีแบบนี้

“ชอบว่ะ…”


“หื้ม?... ตัวเล็กพูดอะไรนะ”


“ก็บอกว่าชอบ”


“ชอบผมหรอ?”


“อืม…”


“พูดไรเนี่ย เขินเป็นนะครับ”


“กูก็เขิน ไปแล้วกูกลับละ”


“งั้นเดี๋ยวอาร์มกลับไปเอารถนะครับ”


“อื้ม จะทิ้งไว้นี้แล้วไปนอนห้องกูก็ได้นะ”

เดี๋ยวๆ พอพูดจบทำไมพึ่งคิดได้ว่า มันเหมือนตัวเองชักชวนเขาไปนอนด้วยยังไงชอบกล


“ไปนอนด้วยได้หรอ?”


“ไม่เว้ย กูพูดเล่น”

อย่าเชียว เป็นแฟนคืนแรกจะทำอย่างนี้ไม่ได้เดี๋ยวจะเกิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง มันไวเกินไป


เห้ยยยยยยย แล้วผมคิดอะไรอยู่เนี่ยยยยยย ไม่ๆๆๆ ภาพไอ้อาร์มถอดเสื้อในหัวผมไม่ควรมีอยู่ ไม่ได้ๆ ต้องไม่เป็นอย่างนั้น


“ไม่รู้แหละอาร์มถือว่าชวนแล้ว”


“เว้ยยยยยยย ไม่เอา คืนนี้กูอยากนอนคนเดียว”


“ถ้าอาร์มไปเรียกที่รักๆหน้าห้อง คนในคอนโดคงไม่ได้ยินหรอกเนาะ”

สัดดดดดด มีขู่ด้วยเว้ยยยยย ไม่ได้ๆ ภาพที่ผมกำลังจะโดนกระทำยังไม่หลุดออกจากหัวผมซักที นี่ผมจะมโนลึกเกินไปแล้วนะ


“งั้นคืนนี้มึงนอนโซฟา”


“อืม ได้ใช่ไหม?”

ห่ะ งั้นจะมานอนด้วยทำไมวะ… นี่ผมแอบงงแล้วนะ


ไม่ได้อยากให้เกิดอะไรขึ้นนะครับ แต่มันงงว่า ถ้าอยากมานอนด้วย มันก็ต้องมีคิดอะไรบ้างนะ แต่นี้ยอมที่จะนอนแยก แล้วจะขอมานอนด้วยทำไม


“เอ้า? แล้วจะมานอนทำไมวะ ไปนอนบ้านดิ”


“นั้นไง แสดงว่าจิมคิดว่าอาร์มจะปล้ำจิมอะดิ”


“ไอ้อาร์มมมมมมมม! เปล่าเว้ยกูไม่ได้คิด”

นี่ผมชักโวยวายเป็นเด็กและนะ


“หน้าแดงทำไม หื่นเหมือนกันนะเรา”


“สัด ไม่ต้องมานอนเลยกูไม่เปิดประตูให้มึงหรอก”


“โอ๋ๆ ล้อเล่นครับ อาร์มบอกกับจิมตั้งแต่ตอนจีบแล้วไง อาร์มไม่ฉวดโอกาสหรอกนะ”


“ถ้าแฟนอาร์มไม่อนุญาต หรือไม่พร้อม อาร์มก็ให้เกียติแฟนอาร์มนะ”


ท่าไม้ตายอ่อนละทวยเหมือนหมามาอีกแล้ว ลูบหัวแล้วยิ้มหวานแบบนี้


“ขอบใจ…”


“ครับ งั้นสรุปอาร์มไปนอนด้วยนะ”

เอ้า นี่นึกว่าเข้าใจตรงกันแล้วนะเนี่ย


“เอ้า ไหนว่าจะไม่ตื้น”


“ก็ใครบอกว่าอาร์มจะทำไรจิมล่ะ แค่อยากนอนด้วยใกล้ๆ อีกอย่างดึกแล้วอาร์มเพลียแล้ว อาร์มไม่อยากขับรถไกล”

อ่อออออ


“อืม งั้นก็ได้ แล้วเจอกันที่ห้อง กูไปและ”


แล้วผมก็เดินกลับเข้าซอยคอนโด







“ตัวเล็ก ขอนอนกอดได้ไหมครับ...”


“อืม”

มันค่อยๆดึงผมไปซุกอกใกล้ๆ


“ขอจูบได้ไหม…”


“อื้ม….”


ริมฝีปากที่ประกบมาเบาๆและนุ่มนวลหวานละมุน ราวกับว่าเป็นผลไม้สดจากไร่ชวนให้ริมรสหวานอย่างไม่เบื่อเลย



คืนนี้แม้จะไม่มีไรเกิดขึ้นอย่างที่ผมมโนไปไกลขนาดนั้น แต่มันเป็นคืนที่ผมรู้สึกดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ… กอดนี้อุ่นจนมั่นใจเลยว่า เนี่ยแหละสิ่งที่หัวใจมองหามานานในที่สุดชีวิต 158ซม. ก็ได้เข้าใจถึงคำว่า “แฟน” ซักที



…………………………………………………..




“หัวใจ รูปธรรม = อวัยวะสำคัญของร่างกาย
 หัวใจ นามธรรม = สถานที่กักเก็บความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวล”









Talk : ผู้เขียนเครียดมากเลยครับกับหน้าที่ในการงาน แต่ไม่รู้ทำไมการเขียนนิยายเรื่องนี้ ทำให้รู้สึกคลายเครียดได้มาก //// รู้สึกตัวเองรักการเขียนมาก จะฝึกฝนเยอะๆนะครับ ผิดพลาดประการใด รบกวนติชมได้เลยนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2017 00:35:00 โดย keywordz »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รำคาญปอย เอาแต่ความต้องการของตัวเอง
คนที่ปอย อยากรัก อยากคืนดีเป็นแฟนอีกคือเติ้ล
เติ้ลเลิกกับปอยแล้ว แม้ปอยไม่อยากเลิก
ปอยฝากฝังให้จิมพูดเรื่องให้เติ้ลกลับมาคืนดีกับปอย

แต่คนที่ตัดสินใจจะคืนดีนั้น คือเติ้ลนะ
จิม อาสาพูดแต่ไม่สำเร็จ
พอเติ้ลชอบจิม จิมชอบเติ้ล มีอะไรดีๆกับจิม กอดจูบจิม
มันใช่เรื่องที่ปอย มีสิทธิ์มาทำร้ายจิมมั้ย
แล้วยังประนามจิมอีกว่าวิปริต
แล้วที่ตัวเองรักกับเติ้ล แต่ไปจูบกับผู้ชาย เพื่อลองใจว่าเติ้ลรักตัวเองมั้ย ไม่วิปริตเลย ประหลาดมาก

อย่างน้อยการกอดจูบของเติ้ลกับจิมก็เกิดจากความต้องการของทั้งคู่
ไม่ใช่แสดงละครหลอกลวงคน
ก็เป็นอันว่า ผู้ชายเขาไม่อยากได้ตัวเองเป็นแฟน แล้วเสียหน้า รับไม่ได้ใช่มั้ย
ต้องถามตัวเองแล้ว ว่าทำไมเติ้ลถึงเลิกกับตัวเอง แล้วไม่คืนดีกับตัวเองอีก     
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
มันก็จะงงนิด ๆ อ่ะนะ

หลังจากปอยเลิกกับเติ้ล  ก็ไปเริ่มคบกับพี่บาสแล้วนิ

นางเป็นอะไรกันกับเติ้ลเหรอ   ถึงมีสิทธิ์ตบจิม?

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
ชอบที่คนอ่าน รู้สึกได้ตรงจุดที่อยากเสนอมาก

ซึ้งใจมากเลยครับ กำลังใจเขียนเพิ่มขึ้นเป็นภูเขา

:hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 21 : ตะวันรุ่ง
 
 
 
 
 
 
แสงสาดส่องของดวงอาทิตย์ผ่านผ้าม่านบางๆที่หน้าต่าง… ปลุกผมให้ตื่นจากความอบอุ่นในอ้อมกอดของร่างใหญ่ที่นอนกอดผมทั้งคืนไม่ไปไหน
 
 
นี่ผมกล้าพูดไม่อายปากเลยว่า ผมโคตรรู้สึกดีกับการมีคนมานอนกอดแบบนี้ อย่างว่าคนมันไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้จากที่ไหนมาก่อน ถึงมันจะคล้ายกับการที่พ่อแม่กอดเราตอนเด็กๆก็เถอะ
 
 
ผมเริ่มขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเลื่อนตัวออกจากกอดมันอย่างช้าๆ แต่….
 
 
“โอ๊ยยยๆๆ หายใจไม่ออก อาร์มมมมกูหายใจไม่ออก”
 
คนห่าอะไรแรงเยอะโคตรๆ กอดหรือรัดกันแน่ เล่นซะกระดูกจะหักตาย (เวอร์)
 
 
 
“ตัวเล็กไปไหน.. นอนด้วยกันก่อน”
 
เสียงงัวเงียเพิ่งตื่นของมันโคตรจะเซ็กซี่น่าฟังมาก
 
 
“ปล่อยกูหายใจไม่ออก…”
 
 
“ก็อย่าดิ้นสิครับ เดี๋ยวปล้ำนะ”
 
 
“พูดเป็นเล่น มึงกล้าทำหรอ?”
 
แค่นั้นสภาพผมก็กลายเป็นเบื้องล่างของมันไปอย่างรวดเร็ว!
 
 
“อย่าท้านะเตี้ย”
 
 
มันเลื่อนใบหน้ามาใกล้ผมมากขึ้นเลื่อนๆ… จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รดต้นคอเบาๆ… เพียงแค่นั้นผมก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว หัวใจเต้นรัวไม่มีช่วงพัก ร่างกายสูบฉีดอย่างรวดเร็วจนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในร่างกาย
 
 
“อ่า”
 
เสียงหายใจแรงขึ้นของผมในขณะที่ลมหายใจมันเริ่มเข้าใกล้ต้นคอผมเรื่อยๆ
 
 
แล้วทุกอย่างก็หยุดอยู่แค่นั้น มันปล่อยมือที่จับผมไว้ไม่ให้ดิ้นออก แล้วลุกออกไปขอบเตียง
 
 
 
ผมต้องกลืนน้ำลายตัวเองบรรเทาอาการคอแห้งเฉียบพลัน
 
 
“ไปอาบน้ำได้แล้วตัวเล็ก… เดี๋ยวเรียนสาย”
 
 
“โห อีกตั้งชั่วโมงกว่า ไม่เอากูจะนอน”
 
 
“ถ้าตัวเล็กนอนต่อแล้วใครจะพาอาร์มไปกินข้าวเช้าอะ”
 
แหม พอพูดถึงเรื่องกินตอนเช้าๆเท่านั้นแหละ ผมก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเองหิว
 
 
“เออๆ ก็ได้”
 
 
 
 
 
 
 
 
ระหว่างที่ผมกำลังแปลงฟันหลังจากชำระล้างร่างกายเรียบร้อย ผมก็พิจารณาตัวเองในกระจก (“นี่ผมหล่อหรือหน้าตาดีตรงไหนเนี่ย”) ทำไมทั้งพี่บาสก็เคยชอบผม ทั้งไอ้นัทก็มาจีบผม… แถมมีไอ้อาร์มมาครองใจผมอีก… คิดไปคิดมาก็ขำตัวเอง เป็นผู้ชายธรรมดามาตั้ง 18 ปี ไหงมีแฟนเป็นผู้ชายได้ภายในข้ามคืน
 
 
 
 
 
พอผมเปิดประตูห้องน้ำ เดินออกมาก็เห็นอาร์มที่นั่งดูทีวีที่โซฟากำลังจ้องผมตาไม่กระพริบ… ใบหน้าแดงก่ำบ่งบอกภาพชวนขนลุกบนเตียงเมื่อครู่ทำให้ผมเขินอายที่ช่วงบนร่างกายผมเปลือยอยู่ ผมจึงเอาผ้าเช็ดผมมาปิดไว้
 
 
“จ้องบ้าอะไร ไอ้หื่น!”
 
ผมด่ามันก่อนจะพุ่งตรงเข้าห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
 
 
นี่เล่นเอาต่อไปผมไม่กล้าแก้ผ้าให้มันเห็นเลย… ที่ผ่านมาก็ไม่รู้สึกเขินหรืออะไรสักนิดไหงมาเขินตอนนเป็นแฟนมันได้ล่ะเนี่ย
 
 
 
“ป่ะ เสร็จและ”
 
ผมเรียกมันให้ลุกจากโซฟา
 
 
แล้วมันก็ลุกขึ้นเดินมาใกล้ๆผม
 
 
“ตัวหอมจังตัวเล็ก ขนาดอยู่ที่โซฟายังได้กลิ่นเลย”
 
 
“โอเวอร์”
 
 
“จริงๆนะ ขอหอมได้เปล่า”
 
 
“เยอะไปและๆ เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่”
 
ผมผลักมันออกเบาๆ ก่อนจะเดินหน้าแดงออกจากห้องคอนโดตัวเอง
 
 
“ปิดทีวียัง...ล็อกประตูด้วย”
 
ผมทำทีสั่งมันกลบเกลื่อนความเขินตัวเอง
 
 
“ทำหมดแล้วครับตัวเล็ก”
 
ละตัวมันก็วิ่งมาเดินขนาบคู่ผมพร้อมลูบหัวผมเล่นก่อนจะกอดคอ
 
 
“เดี๋ยวไปบ้านอาร์มก่อนนะ อาร์มต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
 
 
“ห่ะ!! ไรนะ?”
 
 
“ทำไมอะ ไม่อยากไปเห็นบ้านอาร์มหรอ?”
 
 
“ปะเปล่า…”
 
ไปอะอยากไปอยู่หรอกครับ แต่ทำไมรู้สึกไม่พร้อมยังไงก็ไม่รู้ ทั้งที่ไม่เห็นจะต้องเตรียมตัวอะไรเลย แค่เตรียมใจนั้นแหละ…. หวั่นๆจะทำตัวไม่ถูกตอนเจอพ่อแม่อาร์ม…
 
 
“อีกอย่างนี่กะจะไม่ให้อาร์มไปสภาพที่ยังไม่อาบน้ำเลยไง?เตี้ย”
 
 
“เออๆ ก็ได้”
 
ผมก็ลืมไปเนอะ คิดว่าระหว่างแต่งตัวในห้องนอนอาร์มมันจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วซะอีกอุตส่าแต่งช้าๆ ไม่รีบร้อนอะไร
 
 
 
 
 
 
 
 
บอกเลยว่าเส้นทางมาบ้านอาร์มนั้น ทำให้รู้เลยว่าผมกับมันอยู่คนละเรื่องกับบ้านผมเลย บ้านผมก็แค่หมู่บ้านจัดสรรธรรมดาทั่วไป แต่บ้านอาร์มอยู่ในหมู่บ้านปิดที่ระบบรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านสูงพอสมควร (รู้สึกจะมีแต่คนใหญ่โตอยู่ในหมู่บ้านที่มีพื้นที่ใหญ่ขนาดนี้)
 
 
ทั้งกล้องวงจรตามทาง ทั้งยามเฝ้าทั้งหน้าทางเข้า และยามประจำตำแหน่งทั่วหมู่บ้าน โจรขโมยคนไหนจะมาหมู่บ้านนี้ก็ต้องคิดหนักหน่อยล่ะ​ ฮ่าๆๆ ละบ้านแต่ละหลังก็ไม่ต้องพูดถึง ไม่รวยจริงคงอยู่ไม่ได้ เอาเป็นว่าพอจะเรียกคฤหาสน์ได้เลยมั้ง
 
 
 
“บ้านผ่องอนงค์”
 
….อาการคิดดังเกิดอีกแล้ว แค่เห็นหินอ่อนสลักชื่อที่หน้าบ้านก็เผลออ่านออกเสียง
 
 
“หื้ม… ทำไมครับ”
 
 
“อ่อ เปล่า… รวยดิเนอะ”
 
 
“ก็น้า กว่าจะมาถึงจุดนี้พ่อแม่อาร์มก็เหนื่อยมามากเลยอะ อาร์มเองก็สัมผัสการทำงานของพวกเขามาบ้าง ที่เห็นอยู่นี้ก็น้ำพักน้ำแรงของเขาสองคนอะครับ”
 
(นี่แค่ผมพูดว่ารวยแค่นี้ก็พล่ำซะยาว)
 
 
“ไม่ได้ถามซักหน่อย พูดซะยาวเลย”
 
 
“ก็กลัวจิมจะมองว่า บ้านอาร์มคุณหนูกัน อันที่จริงก็คนติดดินเนี่ยแหละ”
 
แหมคนติดดินบ้านหลังบะเร่อ (ผมสิติดดิน ถ้ามันจะว่างั้นอะ)
 
 
“ครับๆ ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
 
 
“ไม่ต้องห่วงนะ ทำตัวปกติได้บ้านอาร์มกันเองสุดๆ”
 
กับอีแค่ทางเข้ายังมียามเฝ้าเปิดประตูถึงสามคน จะให้ทำตัวปกติก็จะดูไม่เกรงใจไปมั้ง แค่เห็นรถอาร์มเข้ามา เส้นทางเข้าบ้านก็ถูกเคลียร์ทันที
 
 
“โห มีสระว่ายน้ำด้วย”
 
ธรรมดาที่ไหน ห้องฟิตเนสติดกระจกสไตล์โมเดิลก็อยู่ข้างๆสระว่ายน้ำ สวนก็กว้างพอจะเล่นบอลได้ทีมนึงเลยมั้ง มีคนดูแลต้นไม้ตั้งหลายคน
 
 
“พูดถึงสระว่ายน้ำ ไว้อาร์มพาตัวเล็กมาสอนที่บ้านดีไหมครับ?”
 
เกือบลืมแล้วนะครับ อาร์มมันเคยสัญญาว่าจะสอนผมว่ายน้ำ
 
 
“ไม่เอาอะ…”
 
ที่ปฏิเสธไม่ใช่เพราะไม่อยากนะครับ แต่ให้มาบ้านอาร์มบ่อยๆ ผมอึดอัดแย่ ดูท่าทางทุกอย่างคงเข้มงวดน่าดู
 
 
“เอ้า ทำไมอะ อาร์มสัญญากับจิมแล้วนะ”
 
 
“เออน่ะ ไว้ค่อยว่ากัน รีบเข้าไปอาบน้ำเถอะ”
 
แค่ทางเข้าไปโรงจอดรถก็ยังไกลจากตัวประตูทางเข้าบ้านเลยครับ รถก็มีเยอะโคตร ดูๆไปแต่ละคันก็แพงๆทั้งนั้น เอาเถอะผมคงไม่กล้าไปแตะข้าวของในบ้านแล้วแหละ แค่ตัวนอกบ้านยังขนาดนี้ ถ้าทำอะไรของเขาพังคงไม่มีปัญญาชดใช้
 
 
“นี้…”
 
อยู่ๆ อาร์มก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆผมที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ
 
 
“เห้ย จะทำไร”
 
 
“เปล่า แค่อยากจะให้ตั้งสติ จะเกร็งอะไรขนาดนั้น บ้านอาร์มไม่ใช่บ้านนายกซักหน่อย พ่อแม่อาร์มใจดีจะตาย”
 
 
“พูดง่ายทำยากนะเว้ย บรรยากาศมันคนละเรื่องกันเลยนะ”
 
ยิ้มกระชากใจมาอีกแล้ว ก่อนที่มือใหญ่ๆจะมาลูบหัวผมราวกับเอ็นดูผมมาก
 
 
“หึหึ ไอ้ตัวเล็กครับบบ ไว้เข้าไปสัมผัสเองละกันนะ”
 
ผมหายใจแรงๆเฮือกสุดท้ายเพื่อตั้งสติก่อนจะลุกออกจากรถตามอาร์มเดินไปทางเข้าบ้าน
 
 
“นี่อาร์ม… บ้านมึงทำธุรกิจอะไรหรอ”
 
มึงหยุดมองผมที่กำลังสอดส่องทางเข้าบ้านที่กับแค่ทางเข้าบ้านอะครับ แต่มันดูโคตรแพง
 
 
“เห้ย ขอโทษถามไม่ได้ใช่เปล่า”
 
มันยิ้มมุมปากมาอีกและ ผมเกลียดยิ้มกระชากใจของมันชะมัด (ไอ้เกลียดนี้คือผมหวั่นไหวทุกครั้งที่เห็นมันยิ้มนะครับ)
 
 
“เปล่า แค่สงสัยว่าทำไมจิมดูเป็นกังวล”
 
 
“ก็เปล่า แค่สงสัยเฉยๆ ไม่ได้กังวลอะไรหรอก”
 
 
“เอาให้แน่… ไม่กังวลอะดีแล้วครับ บ้านอาร์มอะกันเองจะตาย”
 
 
 
“พี่อาร์มมมมมมมมมม!”
 
 
โอ้โห น้องแก้วที่น้องสาวอาร์มผู้ที่ผมไม่เจอตั้งนานนนนน ตั้งแต่วันแรกที่ผมไปทานข้าวมื้อแรกกับมัน… พอเห็นหน้าน้องแก้วก็มีภาพความรู้สึกแรกที่ผมมีต่ออาร์มในวันนั้นก็ลอยมาทันที (ตอนนั้นจะว่าไปผมก็แอบรู้สึกสับสนตัวเองพอควรก็วันนั้นมันเล่นหอมแก้มผมโดยไม่ตั้งใจนี่เนอะ)
 
 
“เอ่อ… ใครอะคะพี่อาร์ม?”
 
น้องแก้วทำหน้าตาสงสัยได้น่ารักมากครับ
 
 
“นี่พี่จิมไง?”
 
 
“คนนี้หรอคะ? ตัวจริงน่ารักกว่าที่คิดนะเนี่ย สวัสดีค่ะพี่จิม ในที่สุดก็ได้เจอตัวจริงซักทีนะคะ ได้แต่ฟังพี่อาร์มเพ้อๆ บ่นๆให้ฟังอยู่บ่อยๆได้เจอซักที”
 
เดี๋ยวๆ อะไรกัน มีนินทาลับหลังด้วย แล้วมีแต่เรื่องแย่ๆรึเปล่าเนี่ย แต่น้องชมผมน่ารักนี่ก็โอเคแล้วครับ
 
 
“แก้วววว เล่นพูดต่อหน้าพี่จิมอย่างงี้ละพี่จะทำตัวไงล่ะครับ?”
 
 
“น้องแก้วครับ จริงๆแล้วน้องเคยเจอพี่แล้วน้าา จำไม่ได้หรอครับ วันที่น้องไปเจอพี่อาร์มกินบาร์บีคิวอะครับ”
 
น้องแก้วทำท่านึกซักพักก่อนจะทำหน้าอ้อ
 
 
“อ้ออออออออ จำได้แล้วคะ คนนั้นนี่เอง ว่าแต่พี่อาร์มคะ…”
 
 
“หื้ม?”
 
 
“พาพี่จิมมาบ้านอย่างงี้ แสดงว่า…”
 
น้องแก้วทำท่าชี้เหมือนให้สัญญาณอะไรกันซักอย่าง
 
 
“อื้ม… อย่างที่คิดแหละ”
 
มันพยักหน้า ส่วนน้องแก้วก็ทำท่าเขินอะไรไม่รู้
 
 
“เง้ออออออออออ”
 
 
“อะไรกัน บอกให้กูฟังมั้งดิ อยากรู้”
 
ผมขยับไปกระซิบมัน
 
 
“ไม่บอก”
 
แค่นั้น… คงไม่ใช่ แต่ทำหน้าพออกพอใจกับการมีความลับซะเหลือเกิน
 
 
“เออ จำไว้นะ”
 
เออ ผมก็มีมุมงอนกับเขาเป็นด้วยแหะ
 
 
“งอนหรอ? อย่านะ งอนน่ารักแบบนี้ไม่ง้อนะ”
 
 
“โอ๊ยยย พี่คะ อย่าหวานกันตรงนี้เดี๋ยวพ่อแม่มาเห็นจะแย่นะ”
 
เออนั้นดิ พูดจาไม่ระวังปากเลย น้องแก้วต้องจัดการ
 
 
“ไงเรา… กลับบ้านเช้าเชียวนะ”
 
เสียงผู้ชายมีอายุกำลังเดินลงมาจากบันไดชั้นสอง
 
 
“ไปนอนห้องเพื่อนบ่อยไปและนะลูก”
 
และเสียงที่ตามมาคือเสียงแม่ที่กำลังเดินตามมาติดๆ
 
 
“พ่อแม่สวัสดีครับ พ่อครับแม่ครับนี่จิมครับเอ่อ…”
 
มันมองหน้าผมสักพัก (ไม่ต้องลังเลถ้าไม่อยากมีปัญหาก็บอกไปว่าเพื่อน ผมเองก็ยังไม่พร้อม)
 
 
“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่ ผมเพื่อนอาร์มครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคร้าบบ”
 
ผมไหว้พ่อแม่อาร์มก่อนจะทำแนะนำตัวแบบ (แบบเชี้ยไรเนี่ยยยยย มันควรไหมมมม) ที่ควรจะเรียบร้อยกว่านี้
 
 
“แม่ พ่อว่าไอ้หนูเนี้ยแหละตัวการทำให้ลูกเราไม่กลับบ้านหลายครั้ง”
 
เวรละ… ไหงพูดกันแบบนี้ ผมซวยแน่ๆ พ่อแม่อาร์มต้องตำหนิผมแน่ๆ
 
 
“เติ้ล ไปรบกวนเราบ่อยใช่ไหมลูกจิม ถ้าเติ้ลรังแกหนูบอกแม่ได้เลยนะลูก เดี๋ยวแม่จะจัดการให้”
 
โอ้โห… กันเองจริงๆ ดูอบอุ่นมาก นี่เจอกันครั้งแรกผมรู้สึกเหมือนท่านเข้าหาง่ายมาก เล่นเอาผมปรับตัวไม่ถูกซะละ
 
 
“ไม่รบกวนเลยครับแม่ แต่เรื่องรังแกนี่ไม่แน่นะครับ ฮ่าๆ”
 
ผมเล่ไปหาอาร์ม มันมองด้วยความงงๆอยู่ (โดนแน่)
 
 
“พ่อ คนนี้ไงพ่อ ที่เติ้ลว่าเติ้ลเจอคนทำผัดกระเพาเนื้ออร่อยพอๆกับแม่แล้วอะครับ”
 
พ่ออาร์มมองผมแบบไม่เชื่อสายตา แต่ก็นั้นแหละครับ รูปร่างผมมันดูเหมือนคนทำกับข้าวเป็นซะที่ไหน
 
 
“จริงรึเรา สงสัยต้องทำให้พ่อชิมบ้างละ ว่าอร่อยจริงอย่างที่เติ้ลมันอวยเปล่า”
 
พ่ออาร์มพูด
 
 
“ไว้ว่างๆ ลองทำให้พ่อกับแม่กินบ้างได้ไหมลูก?”
 
แม่อาร์มถามผม
 
 
“โหย ไม่ขนาดนั้นหรอกครับพ่อ แม่ แต่จิมยินดีทำให้พ่อแม่ทานนะครับ แต่ผมกลัวจะทำของไม่อร่อยให้พ่อกับแม่ทานสิครับ”
 
 
“ถ้าเติ้ลมันว่าอร่อยก็ถือว่าผ่านระดับนึงแล้วลูก พ่อเชื่อใจ”
 
ครอบครัวนี้กันเองดีจริงๆครับ พอยให้ผมผ่อนคลายขึ้นเยอะเลย
 
 
“อุ้ย พ่อ เดี๋ยวเข้าประชุมไม่ทันนะ”
 
แม่อาร์มพูดก่อนจะเริ่มหยิบของ
 
 
“งั้นเดี๋ยวพ่อรีบไปก่อนนะ แก้วตั้งใจเรียนนะคนเก่ง เย็นนี้เดี๋ยวพ่อมากินข้าวด้วยนะครับ”
 
พ่ออาร์มคุยกับน้องแก้ว ดูอบอุ่นมากครับ เล่นเอาผมคิดถึงบ้านเลย
 
 
“แก้วตั้งใจอยู่แล้วค่ะ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงงงงง”
 
เสียงใสๆ แบ๋วๆ เรียกรอยยิ้มให้คนรอบข้าง
 
 
“พ่อช่วงนี้บริษัทยุ่งไหมครับ?”
 
อาร์มถามไถ่ถึงบริษัทของตัวเอง
 
 
“นิดหน่อย ตัวเลขเริ่มเป็นไปตามที่คาดไว้ละ เราน่ะ ตั้งใจนะ จะได้แวะเข้ามาช่วยพ่อคุมงานได้บ้าง”
 
 
“ครับพ่อ”
 
 
“จิมพ่อไปก่อนนะลูก ไม่ต้องเกรงใจคิดซะว่าบ้านนี้เป็นบ้านหลังที่สองของเราได้เลยนะลูก พ่อไปและ”
 
ผมยกมือไหว้พ่อกับแม่อีกครับ
 
 
“พากันตั้งใจเรียนนะ แม่ไปก่อน เจอกันตอนเย็นนะลูกแก้ว เติ้ล”
 
แม่อาร์มทิ้งท้ายก่อนจะเดินกันออกไป
 
 
“พี่อาร์ม พี่จิม งั้นแก้วไปเรียนก่อนนะคะ ลุงคำรอไปส่งแก้วนานแล้ว”
 
 
“สู้ๆนะครับน้องแก้ว ตั้งใจเรียนนะครับ”
 
ผมสั่งลาน้องแก้วเรียบร้อย แต่ไอ้สูงเดินไปส่งน้องข้างนอกแถมใส่รองเท้าให้น้องตัวเองอีก (แม่งจะโชว์สุภาพบุรุษไปไหน จากมุมนี้แม่งโคตรพระเอก โคตรหล่อ โคตรใช่!!)
 
 
“มึงนี้เท่เกินไปละ หมั่นไส้”
 
ผมพูดใส่ไอ้สูงที่ทำตัวพระเอกซะ
 
 
“แน่นอนครับ ว่าแต่ตัวเล็กก็น่ารักเกินไปละ”
 
หะ? อยู่ๆมาชมอะไร
 
 
“ไรของมึง?”
 
 
“ก็นะ เจอกับพ่อแม่อาร์มครั้งแรกก็ทำพวกท่านยิ้มซะขนาดนั้นละอะ น่ารักเกินไปละ รู้ตัวบ้างไหม”
 
พูดปากเปล่าที่ไหน เอาหน้ายื่นมาใกล้ๆขนาดนี้ ต้องการอะไรมิทราบ
 
 
“เว่อร์ๆ รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวเข้าเรียนสายกูจะโทษมึง”
 
 
“คร้าบๆ ปะ”
 
 
และอาร์มก็จับแขนผมพาไปที่ห้องนอนมันบนชั้นสอง
 
 
(เดี๋ยวก่อนนะครับ มันจะรู้สึกเหมือนผมไหมที่พอมาอยู่ห้องคนที่เราชอบสองต่อสองเนี่ย มันตื่นเต้นอยู่ตลอดเลย)
 
เอาเป็นว่ามันจะต้องไม่เกิดฉากโรแมนติกอะไรเทือกนั้นแน่นอนครับ ผมว่าแค่เช้านี้ผมก็หายใจไม่ทั่วท้องแล้ว อย่ามากไปกว่านี้เลยละกันผมขอล่ะ
 
 
 
 
 
 
 
 
“จะทำอะไร…”
 
 
“เล่นน่ารักต่อหน้าพ่อแม่อาร์มแบบนั้น มันอดไม่ไหวนะจิม…”
 
เอาเลยยยย ถ้ามันจะถล่มเสน่ห์มาขนาดนี้ผมก็มีลิมิตความอดทนนะเว้ยยยย
 
 
“ไม่รีบไปเรียนไง”
 
“นาา ขอจุ๊ฟทีเดียวเอง อาร์มอาบน้ำแล้วนะหอมจะตาย”
 
ไอ้หอมอะหอม หอมมากด้วยครับ มันหอมตั้งแต่มันนอนอยู่ห้องผมแล้วเหอะ กลิ่นประจำตัวมันผมดมจนจำได้แล้ว (เดี๋ยวๆ ผมไม่ได้โรคจิตขนาดนั้น แค่กลิ่นมันคุ้นเคยเฉยๆนะครับ)
 
 
“ทีเดียวนะ ห้ามต่อรองอีก หิวข้าวแล้วปวดท้อง”
 
ผมไม่ได้ยื่นหน้าหรืออะไรให้สัญญาณมันมาจูบปาก (ใครมันจะไปหน้าด้านยื่นหน้าให้เขาจุ๊ฟปากเล่น มันคงจะดูน่ารักจุ๋มจิ๋มพิลึก) เพียงแต่มันก้มมาจูบปากผมที่กำลังเขินอยู่ ไม่ว่าจะปากโดนปากกันกี่ครั้งผมก็รู้สึกดีทุกครั้ง…
 
 
 
แม้จะเป็นการ CPR ในครั้งนั้น ผมยังรู้สึกโกหกตัวเองไม่ลงว่าผมชอบริมฝีปากนี้เอามากๆ
 
 
 
 
 
 
“จูบนานไปแล้วอาร์ม... กูหิวแล้วนะ”
 
ร่างสูงโปร่งยืดตัวขึ้นจากการก้มมาจูบปากผมอยู่พักนึง อมยิ้มมีสเน่ห์ส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาทางผม
 
 
 
 
“หิวมากหรอ… ลองกินอาร์มดูไหม?”
 
 
 
 
 
ไอ้หื่นนนนนนนนนนนนนนนนน!
 
 
 


………………...………………...………………...………………...…………………
 
 
 
 
 
“ตะวันรุ่งเช้า...เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นวันใหม่ วันนี้จะเป็นวันที่ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับเราจะเลือกทำ”
 
 
 
 
 
 
 
Talk : นี้แค่ควานหวานช่วงเช้าก็กินไปทั้งตอนเลยนะเนี่ยยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ปลายฟ้าใส

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อาร์ม พาจิมไปบ้านแล้ว คนนี้แหละตัวจริง  :mew1:
 
อาร์ม จิม  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 22 : ความเข้าใจ
 
 
 
 
 
 
 
“กินเลอะจริงตัวเล็ก”
 
นิ้วโป้งไอ้อาร์มแทบไม่ต้องเลื่อนไปมาเช็ดปากผมเลย แค่นิ้วโป้งมันก็ใหญ่เท่าปากผมแล้ว
 
 
“เห้ย ทำไรเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
 
 
“สนทำไมอะ”
 
 
“มึงเป็นถึงเดือนคณะบริหาร วางตัวหน่อยดิวะ”
 
 
“ถ้าอาร์มต้องวางตัวแล้วพลาดความสุขที่ได้อยู่กับแฟน อาร์มไม่เอาอะ”
 
โอ้โห ผมอ้วกได้ไหมมมมมมม
 
 
“แหวะ จะอ้วก”
 
 
“จริงจัง หรือเตี้ยไม่คิดงั้น?”
 
ก็… ไม่รู้วุ้ย
 
 
“เออๆ แล้วแต่ มีข่าวเสียๆหายๆ มาอย่ามาว่ากูละกัน”
 
 
“ไม่สน อาร์มมีสิ่งที่อาร์มต้องการละ เดือนคณะเดือนมหาลัย ไม่สนแล้ว”
 
 
“เอ่อ… ใช่น้องเติ้ลเดือนบริหารใช่ไหมคะ?”
 
ผู้หญิงสองคนเข้ามาทัก น่ารักพอสมควรเลยครับ ที่สำคัญจ้องไอ้สูงไม่ละสายตาเลย
 
 
“ใช่ครับ”
 
แหม… ต้องเก็กหน้าอะไรขนาดนั้น หมั่นไส้
 
 
“เห็นไหมแก ฉันบอกแล้ว”
 
เธอหันไปคุยกับเพื่อนกัน
 
 
“ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ?”
 
นั้นไง ตรงประเด็น
 
 
“ได้ครับ”
 
แล้วมันก็ลุกไปยืนกับพวกเทอสองคน
 
 
“เอ่อ… น้อง ช่วยถ่ายรูปให้พวกพี่หน่อยได้ไหมคะ?”
 
และแล้วก็เห็นผมในสายตา (ตอนผมมีประโยชน์)
 
 
“ครับๆ”
 
พวกเธอยื่นโทรศัพให้ผมถ่าย แต่ไอ้ท่าเอคของผู้หญิงสองคนนี้ ทำเอาผมหงุดหงิดมาก คนนึงควงแขน อีกคนเอาหัวพิงแขน
 
 
“อะ หนึ่ง… สอง… ซั่ม”
 
 
“ขออีกรูปนะคะ”
 
แล้วพวกเธอก็เปลี่ยนท่า ทีนี้เลื่อนมาพิงอกพิงแขนกันอย่างสนุกสนานตา
 
 
“เอานะครับ หนึ่ง...สอง...ซั่ม”
 
 
“ขออีกนะคะ”
 
เยอะจริงผู้หญิงสองคนนี้ ผมล่ะหงุดหงิด คนในร้านก๋วยเตี๋ยวเริ่มมองเยอะแล้วนะ
 
 
“อะครับ เอาเลยนะครับ หนึ่ง สอง ซั่ม”
 
พอสักทีนะ
 
 
“เอ่อ… ผมขอตัวก่อนนะครับ”
 
อาร์มเอ่ยปากหยุดการให้ถ่ายรูปกับแฟนคลับมัน (จะเรียกว่าแฟนคลับได้รึแค่สองคนเอง)
 
 
“งั้นพี่ขอไอดีไลน์เราไว้ได้ไหมคะ? เผื่อพี่จะได้ส่งรูปไปให้”
 
ผมก็ทำได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวที่เหลือไป… (ในใจก็โคตรร้อนรุ่ม ถ้าไอ้อาร์มให้มันก็คงจะเปิดกว้างหน้าดู ผมก็คงต้องยอมรับ)
 
 
“ตัวเล็ก…”
 
 
“หื้ม”
 
ผมสะดุ้งนิดนึงเพราะมันเลื่อนมือมาเช็ดปากผมอีกแล้ว ว่าแต่สาวๆสองคนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ
 
 
“กินเลอะเก่งจัง อยากให้อาร์มเช็ดปากให้อะดิ”
 
 
“อะไร เปล่าเว้ย กูเช็ดเองได้”
 
ผมมองหาผู้หญิงสองคนนั้นสักพัก
 
 
“นี่ไม่ต้องไปมองหาหรอก เขาไปแล้ว อาร์มไม่ได้ให้ไอดีไลน์หรอกนะ”
 
 
“บอกกูทำไม”
 
 
“ก็เตี้ยหึงไม่ใช่หรอ”
 
 
“ใครบอกมึง มั่ว”
 
“เหรอออออออออออ ไม่หึงอะ หน้าตาออกซะขนาดนั้น”
 
…มันออกเพราะใครล่ะ
 
 
“ไม่ต้องห่วง อาร์มรู้ว่าต้องทำไงให้เตี้ยสบายใจเรื่องนี้”
 
 
“อะไร?”
 
 
“จิมครับ จิมแฟนอาร์มแล้วนะ ไว้ใจสิ อาร์มไม่นอกลู่นอกทางหรอก สาบานครับผม!”
 
ปัญญาอ่อนสัดดดดดดดดดดด คิดว่าตัวเองอยู่กลมทหารรึ
 
 
“เออๆ รีบๆกินจะได้ไปเรียน”
 
 
 
ผมพูดเลยว่าเป็นเช้าที่ใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าที่คุ้มมาก ทั้งกินข้าวทั้งไปเจอพ่อแม่อาร์ม มีช่วงเวลาหวาน มีช่วงเวลาหึง มีช่วงมันหึง เยอะดีครับ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“ไงมึง”
 
คำทักทายจากเพื่อนกี้ในห้องเรียนคลาส 2D
 
 
“ไง…”
 
นั้นคือคำทักทาย… ที่ผมไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง (งงตัวเองแปลกๆ พอตอนนี้ผมเป็นแฟนอาร์มผมกลับทำตัวเวลาอยู่กับเพื่อนไม่ถูก ไม่รู้ว่ามันคิดยังไง)
 
 
“ไอ้เติ้ลมาส่งหรอ?”
 
 
“มึง… รู้ได้ไง ว่าแต่ไอ้ดิวอะยังไม่มาหรอ”
 
เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องหรอวะ… ทำไมผมชอบหนี
 
 
“ยังอะ แหม ในที่สุดไอ้เติ้ลก็จับมึงได้ซักที”
 
เดี๋ยวๆอะไรของมึง
 
 
“จับอะไรกู?”
 
 
“เอ้า มันไม่ได้กับมันไม่ได้เป็นแฟนกันละไง”
 
 
“เอ่อ…”
 
 
“ไม่ต้องปิดบังกูหรอก กูล่ะเหนื่อยชิบหายเป็นพ่อสื่อให้มึงสองคนเนี่ย”
 
ห่ะ!?
 
 
“ห่ะ มึงเนี่ยนะพ่อสื่อ”
 
 
“เออดิ เชี้ยเติ้ลเล่นให้กูรายงานเกือบทุกอย่างว่ามึงทำไรอยู่ไหน ชอบอะไรอยากไปไหน อารมณ์ตอนนี้เป็นไง สนุกละดิ”
 
หนุกห่าไรละครับบบบบบ แต่ผมก็พอเดาได้นะ แค่คิดว่าเติ้ลกับกี้มันต้องคุยกันแน่ๆ
 
 
“หรอไอ้สัสสสสส มึงนี่เองที่ทำให้กูหนีมันไม่พ้น”
 
ผมล็อกคอไอ้กี้เล่น
 
 
“โอ๊ยยย ไอ้สัสมึงก็อยากเหอะ สีหน้าบ่งบอกขนาดนั้น ปล่อยกู”
 
 
“อยากพ่อง”
 
หันหนีอย่างเดียวคงกลบเกลือนไม่อยู่ ทำเป็นหยิบกระดาษมาวาดรูปเล่น
 
 
“ทำเขิน มึงอะปิดคนอื่นได้แต่ปิดกูไม่ได้หรอก”
 
 
“จ้าาา พ่อคนเก่ง เงียบปากไป”
 
 
“ไอ้ดิวไม่มาหรอวะ มึงไลน์ตามมันยังอาจารย์เข้าละเนี่ย”
 
 
“นั้นไงมาละ”
 
ดิวเดินทำหน้ากวนตีนมองมาทางผมอย่างไว… (สรุปแล้วทุกคนคงรู้เรื่องผมกับอาร์มเรียบร้อยแล้ว)
 
 
“ไงมึง ได้ข่าวว่ามึงกับอาร์มได้กันแล้ว”
 
 
“ได้พ่อง พวกมึงนี่ กูแค่ดูๆกันอยู่”
 
 
“ไง รู้สึกเป็นไง”
 
ตอนนี้ไอ้ดิวไอ้กี้ดูรุมๆผมยังไงไม่รู้
 
“รู้สึกเรื่อง?”
 
 
“มีผัวครั้งแรกไง?”
 
 
“สัด! กูยังไม่ได้กัน”
 
อาจารย์เริ่มมองมาทางพวกเราผมเลยพยายามเบาเสียงลง
 
 
“นั้นแหละรู้สึกไง”
 
 
“ก็ไม่ไงอะ รู้สึกแปลกๆ แต่รู้สึกดี เห้ย ถามทำพ่อง เรียนได้แล้วสัส เดี๋ยวจารย์ด่า”
 
ละพวกมึงก็ขำส่ายหน้ากันไปเตรียมตัวเรียน ถึงผมจะอยากจบบทสนทนาพวกมึงตอนนี้ แต่ผมก็ยังรู้สึกอยากจะถามอะไรดิวซักอย่าง… มันคงเป็นคนเดียวที่รู้ว่าควรทำไง
 
 
“ดิว...มึง”
 
ผมขยับเก้าอี้ไปกระซิบข้างมัน
 
 
“เวลามึงคบกับพี่ตั้ว มึงต้องปกปิดความสัมพันธ์เปล่าวะ”
 
 
“คุยไรกันวะ”
 
ไอ้กี้ขยับมาเสือกอีกคน ห่านี้สาระแนทุกเรื่อง
 
 
“กูไม่รู้ว่ะ แล้วแต่”
 
 
“แล้วแต่ไรวะ ให้กูรู้เรื่องด้วยดิ”
 
เสือกจริงไอ้กี้
 
 
“กูเข้าใจมึงนะจิม แรกๆกูก็เป็นมึงรู้สึกว่าอายที่ตัวเองเป็นแฟนผู้ชาย มึงรู้สึกว่าต้องปกปิดไม่ให้ใครความสัมพันธ์ของมึงกับเติ้ลมัน”
 
….
 
 
“โห กูนึกว่าเรื่องอะไร”
 
ไอ้กี้เริ่มพอเข้าใจว่าคุยกันเรื่องอะไร
 
 
“ถ้ามึงรักกันชอบกัน กูบอกเลยนะเว้ย อย่าไปแคร์คนอื่นมาก แคร์คนที่เขาแคร์มึงดีกว่า มึงลองคิดกลับกัน ถ้าอาร์มมันรู้ว่า มึงอายที่เป็นแฟนมัน มึงอายที่มีแฟนเป็นผู้ชาย มึงรู้สึกว่าความรู้สึกมึงเปิดเผยกับมันให้คนอื่นรู้ไม่ได้ มันเสียใจแย่ เพราะเป็นกูก็เสียใจ พี่ตั้วก็เคยเป็น สุดท้ายมันก็ไม่สนใจใคร จะมองมันกับกูยังไง”
 
นั้นสิ… ถ้าเป็นผมก็รู้สึกแย่ถ้าอาร์มมันอายที่จะมีผมเป็นแฟน เมื่อเช้ามันยังไม่สนสายตาคนอื่นเลย ผมจะสนทำไม
 
 
“แล้วพ่อแม่มึงอะ”
 
ผมถาม
 
 
“ก็รู้นะ เรื่องกูกับพี่ตั้วอะ”
 
 
“มึงบอกยังไงวะ”
 
 
“ก็ไม่ได้บอกนะ แค่เขารู้เอง ผู้ใหญ่เขาดูออกอยู่แล้วมึง อยู่ที่เขาจะพูดไม่พูด”
 
 
“เห้อ…”
 
 
“คิดมาก ไอ้ควาย เดี๋ยวมึงก็จะรู้เองแหละว่าควรทำอะไร อย่าคิดเยอะ เรียนได้ละ”
 
 
“ใจมากมึง”
 
 
 
นี่ผมโง่มากนะ… ลืมคิดไปได้ไง ไอ้ดิวเองก็มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน มันก็ต้องยอมรับได้อยู่แล้วดิว่าผมจะเป็นยังไง ไอ้กี้เองก็เป็นพ่อสื่อให้ผม มันจะรับไม่ได้ได้ไง โง่ชิบหาย มัวแต่กังวลอะไรบ้าๆบอๆ
 
 
ด่านต่อไปก็คงจะเป็นพี่บาสกับปอย… พี่บาสคงโกรธผมแน่ๆที่ทำให้เกิดเรื่องกับปอย แต่ตอนนี้ผมไม่อยากคิดอะไรไปเองเท่าไหร่เพราะรู้สึกช่วงนี้ไม่ค่อยเป็นไปตามที่คิดเท่าไหร่
 
 
 
“ตึ๊ด...ตึ๊ด”
 
โทรศัพท์สั่น…
 
 
“My arms : พักเที่ยงอาร์มไปกินข้าวที่คณะจิมนะครับ”
 
ผมเปลี่ยนชื่อมันจากเบอร์มือถือ… (เขินว่ะ ฮ่าๆ)
 
 
“Jimmy : มาทำไมไกลจะตาย”
 
 
“My arms : คิดถึง ไม่คิดถึงอาร์มบ้างไง”
 
 
“Jimmy : เออๆ แล้วแต่”
 
 
“My arms : ตอบก่อนดิ คิดถึงเปล่า”
 
 
“Jimmy : เรียนแปบ อาจารย์มองแล้ว”
 
 
“My arms : ไม่เอาบอกอาร์มก่อน”
 
 
“Jimmy : เออ คิดถึงครับไอ้สูง”
 
 
“My arms : น่ารักที่สุดเลยครับตัวเล็ก แล้วเจอกันนะ”
 
 
“Jimmy : เจอกัน”

 
 
 
 
 
พอถึงเวลาพักเที่ยง… แน่นอนว่าไอ้กี้ไอ้ดิวเตรียมพร้อมจะวิ่งเข้าใส่โรงอาหารแล้วล่ะ บ่นหิวกันแต่เช้า เสือกตื่นสายกินข้าวไม่ทันเอง พอออกไปนอกห้องเรียน
 
 
ผมก็ต้องหยุดนิ่งกับสิ่งที่รออยู่ตรงหน้า… ปอย…
 
 
“ขอคุยกับจิมหน่อยได้ไหม”
 
ดิวกับกี้มองกันและมองผม ผมผยักหน้าให้มันไปก่อนไม่ต้องห่วงผม มันต้องรู้สิเพื่อนผมนะ
 
ไอ้กี้รู้ดีว่าพี่บาสกับปอยกำลังคุยๆกันและยังเป็นแฟนเก่าอาร์มอีก ส่วนไอ้ดิวไม่ต้องพูดถึงมันมีพี่ตั้วยังไงก็คุยกันเรื่องผมอยู่แล้ว เพราะงั้นที่มันห่วงผม มันไม่แปลกหรอกครับ
 
 
“งั้นพวกกูไปรอท่ีโรงอาหารนะ”
 
 
“โอเคมึง”
 
ผมบอกเพื่อนๆก่อนที่จะเริ่มบทสนทนาที่ผมเดาทางไม่ได้เลย
 
 
“ปอย… จิมขอโทษนะครับ”
 
 
“อะไร… ปอยสิต้องขอโทษ ขอโทษจริงๆนะคะ ที่ปอยทำร้ายจิม เจ็บใช่ไหม”
 
 
“จิมควรโดนแล้วครับ...”
 
 
“ปอยนิสัยแย่มาก ปอยเลิกกับเติ้ลไปแล้ว ปอยยังจะรู้สึกอะไรอีกก็ไม่รู้ ปอยขอโทษนะคะจิม ตอนนั้นปอยงี่เง่ามาก แทนที่ปอยจะยินดีกลับรู้สึกโกรธ…”
 
ใบหน้ารู้สึกผิดจนผมรู้สึกผิดไปด้วยเลย ที่ตัวเองทำให้ผู้หญิงคนนึงรู้สึกแบบนี้
 
 
“เป็นจิมก็โกรธครับปอย จิมบอกจะช่วยปอย แต่จิมดันหักหลังปอย”
 
 
“บ้า ไม่เกี่ยวซักหน่อย มันไม่เกี่ยวอะไรกับจิมมาหักหลังอะไรปอยเลย”
 
 
“ตั้งแต่คืนนั้นปอยก็คิดอะไรหลายๆอย่าง จริงๆแล้วมันเป็นความผิดปอยเอง ที่เลิกไม่เป็นเลิก ปอยไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเติ้ลอยู่แล้วยังจะทำแบบนั้น”
 
หน้าตาของผู้หญิงที่ยอมรับความผิด...ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่มีความผิดเลยซักนิด การที่แฟนเก่าที่ยังมีความรู้สึกต่ออีกฝ่ายจะรู้สึกแบบนั้นก็ไม่แปลก
 
 
“ปอยไม่ผิดหรอกครับ ทุกอย่างมันผิดที่ผิดเวลาไปหน่อย จิมเข้าใจนะครับถ้าปอยรู้สึกแบบนั้น จิมขอโทษเหมือนกันที่จิมช่วยปอยไม่ได้”
 
 
“น่ะ ขอโทษอีกและ ปอยบอกว่าปอยผิดเองไง”
 
เริ่มยิ้มกันได้นิดๆละครับ เป็นสัญญาณที่ดี
 
 
“งั้นเอาเป็นเราผิดทั้งคู่ เท่ากับเราเจ๊ากันนะครับ”
 
 
“จิมเป็นคนดีนะ รู้ตัวไหม น่ารัก นิสัยดี แคร์คนรอบข้าง แต่จิมอย่าลืมแคร์ตัวเองบ้างนะคะ รู้สึกอะไรพูดออกมาเลย อย่ามัวเกรงใจคนรอบข้าง”
 
ปอย...เองก็ดีครับ เป็นผู้หญิงตรงๆ คิดอะไรก็พูดออกมาเลย
 
 
“ชมกันรึเปล่าครับเนี่ย”
 
 
“ชมสิ ปอยเข้าใจเลยแหละ ว่าทำไมเติ้ลถึงชอบจิม ทั้งๆที่จิมเป็นผู้ชาย ไม่ต้องห่วงนะคะ ปอยสนับสนุนเต็มที่เรื่องจิมกับเติ้ล พอมาคิดดีๆแล้ว จิมกับเติ้ลเวลาอยู่ด้วยกันก็น่ารักดี มันเป็นมุมที่ปอยไม่เคยได้เห็นมาก่อนกับเติ้ลเลย”
 
 
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับปอย จิมก็ไม่ได้ดีอะไรเลย ปากหมาจะตาย ฮ่าๆ”
 
เราเริ่มขำให้กัน… นั้นทำให้รู้สึกว่าตอนนี้ผมและเธอเริ่มเปิดใจให้กัน
 
 
“จริงๆนะ นี่ ดูแลกันดีๆนะรู้ไหม”
 
 
“ครับปอย ขอบคุณนะครับ”
 
 
“ปอยต่างหากที่ต้องขอบคุณ ถ้าคนที่เติ้ลชอบเป็นคนอื่น ปอยคงรู้สึกแย่ ดีที่เป็นจิม ปอยถึงเข้าใจว่าเติ้ลชอบจิมเพราะอะไร”
 
 
“งั้นนน ปอยไปกินข้าวกับพวกจิมไหมครับ เดี๋ยวจิมเลี้ยงข้าว”
 
 
“โหยย คราวหน้าได้ไหมงะ พี่บาสจะพาไปกินข้างนอก”
 
 
“เอ้าหรอครับ”
 
พี่บาส…
 
 
“งั้นปอยขอตัวนะคะพี่บาสรอปอยนานเดี๋ยวพี่บาสงอน”
 
มีงอนง้อกันด้วยรึ… พี่บาสจะยังดีกับผมอยู่ไหมนะ คงดีแล้วล่ะมั้ง
 
 
“เอ๊ยลืม พี่บาสฝากมาบอกว่า อย่าหวานกันให้มากนัก พี่บาสใจไม่ดี จิมเนี่ยนะเสน่ห์แรงจริงๆ ได้ข่าวว่าพี่บาสก็เคยชอบจิมใช่ไหมละ อย่านะคนนี้ปอยขอ”
 
ถึงเธอพูดติดเล่นขำๆ แต่ผมว่าในใจเธอก็คงพูดจริงจังล่ะครับ
 
 
“ไม่ต้องห่วงเลยครับปอย จิมไม่ใช่เกย์...ผู้ชายคนเดียวที่ทำให้จิมหวั่นไหวได้ก็มีแต่ไอ้สูงนั้นแหละครับ”
 
แล้วเธอก็ขำออกมาพร้อมมองเลยหัวไปนิดนึง… อย่าบอกนะ
 
 
“จริงหรอไอ้เตี้ย…”
 
นั้นไง แม่งมาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่
 
 
“งั้นปอยไปก่อนนะคะ เติ้ล จิม สู้ๆ บายๆ”
 
“ขอบคุณนะครับปอย”
 
ผมพูด ส่วนไอ้อาร์มก็แค่โบกมือลา
 
 
“ให้มันจริงนะที่พูดเมื่อกี้อะ”
 
 
“พูดอะไร ไม่รู้เรื่องเล๊ยยยย ไปกินข้าวดีกว่า เพื่อนกูรอนานและ”
 
ผมทำไม่รู้ไม่ชี้ใส่
 
 
“โห เตี้ยครับบบบ ไม่หวานให้กันมั้งเลย”
 
คิดว่าก้มมาจ้องหน้าทำเสียงออดอ้อนจะยอมไง… ไอ้วิธีการอ้อนแบบนี้ มันไม่หวั่นไหวง่ายๆหรอกเว้ย
 
 
“ก็ได้ครับๆ พ่อคนหล่อมาๆ เอาหูมามีไรจะบอก”
 
ละมันก็หันข้างยื่นหูมาทางผม… พอทุกอย่างเข้าทางผม
 
 
ซัก ฟอด และกัน… และเมื่อหอมเสร็จผมก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินออกห่างจากคนที่กำลังยืนงงหรือเขินอยู่ด้านหลังผมอยู่
 
 
 
 
แล้วมันยอมผมที่ไหน…
 
 
 
วิ่งมาหอมจนผมตั้งหลักไม่ทัน… เชี้ยยย นี้มันบนตึกคณะผมนะ ไม่อายคนบ้างรึไง
 
 
(ต้องบอกตัวเองรึเปล่า ฮ่าๆๆ)
 
 
 
“อยากกินอะไร”
 
 
“แล้วแต่มึงเลือกเลย”
 
 
“ไม่เอาอะ อาร์มอยากตามใจตัวเล็ก กินบาร์บีคิวไหม?”
 
เอาบาร์บีคิวมาล่ออีกแล้ววววว จะอ้วนตาย
 
 
“ไม่เอาอะ เดี๋ยวอ้วน”
 
 
“อ้วนดิดี จะได้ไม่ต้องมีใครสนใจเตี้ยของอาร์ม”
 
ตรรกะบ้าๆ
 
 
“ใครจะมาชอบกูก็มีแต่มึงนั้นแหละ”
 
 
“น้อยๆหน่อย ยังจะทำเป็นไม่รู้ตัวอีก”
 
 
 
 
…..


“มึงอะแหละ... ยังจะทำเป็นไม่รู้ตัว...”
 
….
 
…...
 
 
“ก็มีแต่มึงที่กูชอบ มึงจะกลัวอะไร”
 
 
 
 
 
………………………………………………………………………………
 
 
 
 
“ความเข้าใจขึ้นอยู่กับการพูดคุย หากไม่พูดออกไป ความเข้าใจก็ไม่ต่างอะไรกับอากาศเลย”
 
 
 
Talk : ปัญหาเริ่มถูกแก้ไปเรื่อยๆแล้วน้า////ขอบคุณนะครับที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุรทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านนะครับ 55555

ออฟไลน์ ปลายฟ้าใส

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 10 : ได้ยินไหม




“มาบ้านอาร์มครั้งที่สองแล้วนะยังเกร็งอีกหรอ”

วันนี้เป็นวันที่ผมได้มาบ้านอาร์มในครั้งที่สอง


มันย่อเข่าตรงหน้าผม เอาหน้ามาจ้องผมที่นั่งเกร็งอยู่ในโซฟาห้องมัน จ้องมองความไม่เป็นตัวเองของผม แล้วขำเล็กๆ มืออุ่นๆนั้นเริ่มก็จับแก้มผมเล่น


“ตัวเล็กน่ารักดีนะครับ เวลาทำตัวไม่ถูกแบบนี้”

ผมปัดมือมันออก


“ปากดี พากูมาทำไมเนี่ย ไหนบอกว่าเลิกเรียนจะพามาเรียนว่ายน้ำ”


“ก็เนี่ยพามาเรียนว่ายน้ำบ้านอาร์มไง”

อ่อหรอ


“แล้วจิมเตรียมกางเกงมารึเปล่า ยืมของอาร์มไหม?”


“เอามาดิ ใส่ของมึงมีหวังหลวมจนแทบไม่ต้องใส่ ตัวมึงใหญ่ขนาดนั้น”


“น่ารักจะตาย ตัวเล็กๆใส่กางเกงใหญ่ๆ คงดูน่ารักพิลึก”

กวนประสาทจริงเว้ย มาเล่นกับขนาดตัวผมอยู่ได้ แถมยังมาลูบหัวผมเล่นอีก


“ไม่ด่ากูแคระเลยล่ะ”

มันเริ่มเอาหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง


“แคระของอาร์ม ขอจูบได้ไหมครับ”

… กับบ้านตัวเองยังไม่เว้น… นับวันแต๊ะอั๋งมากขึ้นเรื่อยๆ


“หยุดเลย ชักเอาใหญ่ละเดี๋ยวนี้ บ่อยขึ้นทุกวัน”


“บ่อยอะไร ตั้งแต่ประกวดดาวเดือนเสร็จจูบครั้งนั้นก็ไม่ได้จูบอีกเลย”

ก็จริงนั้นแหละครับ ผมให้มันแค่กอดเต็มที่ก็แค่หอม แต่รู้ไหมครับไอ้หอมเนี่ยมันก็ขโมยเอาทั้งนั้นอะครับ ผู้ชายที่ไม่เคยรักใครมาก่อนแบบผมจะหวงเนื้อหวงตัวก็ไม่แปลกหรอกมั้ง (หรือแปลกวะ?)


“ได้คืบจะเอาศอก และบอกให้เกียติถ้าไม่ให้ก็จะไม่บังคับจิตใจไง”


“หูว แค่อยากใกล้ชิดจิมมากขึ้นเท่านั้นเอง พูดขนาดนี้อาร์มไม่ทำก็ได้ครับตัวเล็ก”

โห หน้าตาโคตรเศร้าอย่างกับเด็กไม่ได้ของขวัญวันเกิด

ซักหน่อยละกัน...


ในใจจริงๆก็อยากจูบมันจะตายห่า ถ้ามัวทำให้คนรักทุกข์ใจแบบนี้มันก็คงไม่ดี ยิ่งใบหน้าเศร้าเว้าวอนขนาดนั้นปฏิเสธก็คงจะดูแย่มาก


ผมดึงแขนที่กำลังหันหลังจะเดินออกห่างผมไป… กระชากให้มันนั่งลงบนโซฟา


“เห้ย!”

เสียงตกใจของมันที่ถูกผมดึงทำเอาผมเกือบอดขำไม่ได้แต่ใบหน้าตกใจนั้นมันทำให้ผมหมั่นเขี้ยวซะเหลือเกิน ผมเลื่อนตัวมานั่งคร่อมบนตักมัน…


ฟังไม่ผิดหรอกครับ คร่อมบนตัวไอ้อาร์มมันจริงๆ จนตอนนี้มันแข็งทื่อเป็นหินไปหมดแล้ว


“ตะ...เตี้ย จะทำอะไรครับ ไม่พร้อมไม่ใช่หรอ”


“เออ… กูไม่พร้อม แต่กูอยาก”

ผมเอามือสองข้างจับแก้มอาร์มเบาๆ ก่อนจะยื่นใบหน้าของตัวเองไปจนเห็นทุกอย่างชัดเจนหมด ทั้งขนตา ทั้งนัยตา แค่นั้นผมก็พร้อมที่จะหลับตาลงพรมริมฝีปากของตัวเองลงบนนุ่นชมพูของปากมัน

“ก๊อกๆ”

ผมยังคงเข้าใกล้ริมฝีปากนั้นเรื่อยๆเพื่อที่จะสัมผัสมัน


“ก๊อกๆ พี่อาร์มคะ อยู่ไหม?”

เสียงน้องแก้วเคาะประตูเรียกมาจากหน้าห้อง


“เชี้ย! กูทำอะไรของกูวะ”

สติผมคืนกลับมาเพราะเสียงเรียกของน้องแก้ว มองดูตัวเองนั่งคร่อมตักไอ้อาร์มมันซะ หน้าอายชะมัด นี่ผมทำอะไรของผมเนี่ย น่าอับอายๆ

“อาร์ม ลุก น้องแก้วเรียก”

...อาร์มน่าจะหนักกว่าผมตอนนี้ตัวยังแข็งทื่อนั่งอยู่ที่โซฟาจ้องผมไม่หยุด
ทั้งๆที่ตายังลุกวาวก็ยังพูดออกมา


"ลุกดิวะ"


“เชี้ยยย ตัวเล็กมุมนี้แม่งโคตรเซ็กซี่ แพ้เลยว่ะตัวเล็ก”

ผมหลุดขำนิดๆ ป่นเขินหน่อยๆ


“พอแล้ว กูอายนะ น้องแก้วเรียกอะให้กูไปเปิดให้ไหม?”


“ห่ะ เอ้าหรอ เดี๋ยวผมไปเปิดเองครับ”

ละมันก็ลุกขึ้นมาหอมแก้มผมก่อนจะไปเปิดประตูให้น้องตัวเอง

นี่ไม่รู้ผมทำอะไรลงไป เมื่อกี้มันเหมือนกึ่งรู้ตัวไม่รู้ตัว เอาจริงๆก็แอบงงตัวเองที่ทำออกไป (เริ่มหื่นกามและผม แย่ๆ)


“ว่าไงคะ น้องแก้ว”

อาร์มนี้มันช่างเป็นคนอบอุ่นอะไรขนาดนี้...ลูบหัวเอ็นดูทั้งผมและน้องมัน มันดูเป็นคนที่รักครอบครัวเอามากๆ เสน่ห์ของมันเลยตรงนี้…

“พี่อาร์มมมม อะอ้าว พี่จิมก็อยู่หรอค่ะ หวัดดีคะ”

น้องแก้วครับ ถึงพี่จะเตี้ย แต่พี่ว่าพี่ก็อยู่ในระดับสายตาที่น้องจะเห็นนะครับ เพราะน้องก็เตี้ยกว่าพี่อีก เดินเข้าห้องมาถึงจะเห็นผม

“หวัดดีครับ น้องแก้วคนสวย เรียนเป็นไงบ้างครับ”

ผมทักทายน้องเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้นในห้องเมื่อกี้


“เหนื่อยดีค่ะพี่จิม เนี่ยกะจะมาหาพี่อาร์มแก้เบื่อ มีพี่จิมมาแก้วน่าจะหายเบื่อกว่าที่คิด”

ไหงงั้น พี่น่ารักใช่ไหมล่ะ เหมือนเด็กอายุเท่ากันงี้อะดิ ฮ่าๆๆๆ


“แหม พอพี่จิมมาก็ไม่อยากคุยกับพี่เลยนะ งั้นพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแปบนะครับ”

“งั้นเดี๋ยวหนูนั่งไปนั่งเล่นกับพี่จิมที่โซฟาน้า”

น้องแก้วไม่พูดเปล่ามาวิ่งมากระโดดขึ้นโซฟานั่งข้างผม ไอ้อาร์มเห็นก็ยิ้มซะ

“จ้า”

น้องแก้วทำตามีพิรุจดูพี่ชายตัวเองเข้าห้องเสื้อผ้าไปเปลี่ยนเสื้อ


“พี่จิมๆ มานี้ค่ะ แก้วมีอะไรจะให้ดู… รูปพี่อาร์มตอนเด็ก”

ดูทำหน้าทำตา เด็กคนนี้แบ๋วดีจริงแหะ



“ฮ่าๆ ไหนๆ”

แล้วน้องแก้วก็พาไปตรงชั้นวางรูปวัยต่างๆของอาร์ม มีทั้งยังเป็นทารก
มีทั้งรูปที่เพิ่งคลานได้ จนไปถึงรูปสมัยมัธยมปลายกับเพื่อนๆ มี...รูปปอยถ่ายคู่กับอาร์มตอนวันจบการศึกษาด้วย


“นี้ๆ พี่จิมนี่ รูปพี่อาร์มตอนแก้ผ้า เห็นช้างน้อยเลย”

ผมตกใจที่น้องแก้วทะลึ่งตึงตัง...เลยรีบดึงมาปิดๆ… แต่อันที่จริงก็ขำอยู่นะครับ



“ว่าแต่น้องแก้วค่ะ ทำไมน้องแก้วเรียกพี่อาร์มว่าอาร์มหละค่ะ คุณแม่กับคนอื่นๆก็เรียกเติ้ลกันหมดนี่นา”

“อ่อ มันเป็นคล้ายรหัสลับอะค่ะ งั้นหนูบอกความลับพี่จิมให้เอาม๊าาาาา”

เอาดิน้องแก้ว พี่ละเรื่องชาวบ้านขอให้บอกพี่เถอะ ยุ่งทุกเรื่อง ฮ่าๆๆ


“อาร์มแปลว่าแขนไงคะ”

อื้อ...น้องแก้วอันนี้พี่ก็รู้อะนะครับ



“หนูบอกใบ้แค่นี้แหละ ไม่งั้นมันก็ไม่ใช่รหัสลับอะเนาะ อันที่จริงพี่จิมก็เรียกพี่อาร์มว่าอาร์มเหมือนกันใช่ไหมคะ งั้นพี่จิมไปถามเอาเลยค่ะ”

ไงล่ะครับ ผมก็ได้แค่งงอะสิ


“เสร็จแล้วครับบบบ ทั้งสองคนทำไรกันหืม...เมาท์พี่ชายหรอเรา”

“เปล่าน้า หนูแค่พาพี่จิมมาดูรูปตอนเด็กๆของพี่อาร์มเฉยๆ หิวข้าวแล้วงะพี่อาร์ม”


“อืม… ออกไปกินข้างนอกกันไหมครับแก้ว เดี๋ยวพี่กับพี่จิมพาไป”


“เอ้า… แล้วพ่อกับแม่อาร์มอะ ไม่กินด้วยกันหรอ?”

ผมถามด้วยความสงสัย เพราะคิดว่าบ้านนี้เขากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนบ้านผมซะอีก


“คงกลับดึกน่ะ นานทีถึงจะได้กินข้าวเย็นพร้อมกัน”

อืม… ไงดีล่ะ จริงๆแล้วผมก็แค่อยากมาว่ายนำ้และก็กลับนะ แต่ก็อยากเจอพ่อแม่อาร์มอยู่เหมือนกัน ไม่อยากให้เขาคิดว่าเรามาบ้านเขาโดยพละการ

“งั้นเอางี้… น้องแก้วคะมาเล่นทำอาหารกับพี่ไหมคะ”

ได้ยินแค่นั้นน้องแก้วก็หันควั๊บมาทางผม


“เย้ๆๆ เอาสิคะพี่จิม ทำอาหารกันเถอะ”


“งั้น… ตามนี้นะ ทำกับข้าวรอพ่อกับแม่กลับมาด้วย โอเคไหมอาร์ม กูจะได้อยู่รอกินข้าวพร้อมกับพ่อแม่ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่บอกไม่กล่าว”

อาร์มมันอมยิ้มมองผมอย่างงี้น้องแก้วจะไม่สงสัยเอารึเนี่ย


“งั้น เดี๋ยวหนูไปเตรียมชุดทำครัวก่อนนะคะ”

ห่ะ มีชุดทำครัวด้วยหรอเนี่ย? น้องแก้วนี้สุดยอดจริงๆ สงสัยจะชอบแต่งตัว

ก่อนน้องแก้วจะออกจากประตูห้องนอนอาร์ม น้องแก้วก็หันมาหาผมแล้วพูดว่า

“พี่จิม อย่าลืมนะค่ะ อาร์มแปลว่าแขน”

น้องจะเน้นย้ำพี่ทำไมเนี่ย พี่ไม่ได้ตกอังกฤษนะคร้าบ…

แล้วไอ้อาร์มก็หันมายิ้มอย่างมีเลศนัย อะไรกันว๊าสองคนนี้


“น้องแก้วนี้น่ารักเนอะ ท่าทางจะซน”



“ดื้อจะตาย แต่ดูแววแล้ว จิมคงเอาน้องแก้วอยู่เหมือนกันนะ”


"อื้อ อาร์ม ที่น้องแก้วพูดว่าชื่ออาร์มคือแขนหมายความว่าไงหรอ"

ด้วยความที่ผมสงสัยเกี่ยวกับชื่ออาร์ม


"อยากรู้จริงอะ"

อ้าว ไม่อยากกูจะถามไหมมมมม


"อื้อ บอกได้ใช่ป่ะ"


"จริงๆก็บอกได้นะ แต่ว่าถ้าบอกไปจะขำอะเปล่า"


"ทำไมต้องขำด้วยวะ"

ยิ่งทำให้ผมสงสัยเข้าไปทุกที


"ก็อาร์มอะ แปลว่าแขนใช่ป่ะ ตอนเด็กๆ ผมเคยสัญญากับน้องแก้วว่าจะทำให้น้องรู้สึกปลอดภัยด้วยอ้อมแขนทั้งสองข้างของอาร์ม"

แหว๊ก มึงแม่งพระเอกเกินไปละ ผมจะอ้วกตาย


"ถ้างั้นทำไมยังให้กูเรียกอาร์มอยู่วะ"


"ก็เพราะอาร์มอยากปกป้องจิมไง ถึงได้ให้จิมเรียกผมว่าอาร์ม"

อื้มหืม ถ้าจะหวานขนาดนี้ ผมว่ามดทำรังอยู่ในห้องมันเรียบร้อยแล้วมั้ง ผมทำทีเดินออกจากห้องนอนมันแก้เขินไม่รู้ไม่ชี้ไป


"ไปทำกับข้าวดีกว่า"

ขออนุญาตเปลี่ยนเรื่องแก้เขินนะครับ



“รอผมด้วยดิเตี้ย...”



คราวนี้เราก็มาถึงหน้าห้องครัว ใหญ่ใช้ได้เลยครับ นี้ถ้าไปวิ่งออกกำลังกายในครัวได้ คงผอมน่าดู

แล้วจู่ๆน้องแก้วก็หยิบผ้าอะไรไม่รู้มาจากตู้...อ้อ ที่แท้ก็ผ้ากันเปื้อนสีขาว สีดำ สีชมพู ซึ่งแปลกมากครับไซส์มันมี เล็ก กลางใหญ่ แล้วไม่ใช่แค่นั้น… ไซส์เล็กสีขาว ไซส์กลางสีชมพู ไซส์ใหญ่สีดำ แล้วให้ทาย ผมใส่ไซส์อะไร
(ผิดแล้วครับ ไซส์เล็กมันของน้องแก้วเพราะเขาตัวเล็กกว่าผมอีก)

ใช่แล้ว!! ผมใส่สีชมพู โอ๊ยยย จะบ้าตาย มันจะหวานไปไหมน้องแก้ว ไอ้คนได้ผ้ากันเปื้อนสีดำก็ขำก๊ากเข้าไป ผมเลยทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวใส่มันอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่

อาร์มมันก็จับผมหันหลังแล้วมัดเชือกข้างหลังให้ผม.. ส่วนผมเลยไปมัดเชือกให้น้องแก้ว… แต่เท่านั้นยังไม่พอ หมวกพ่อครัวแม่ครัว ตามสีเลยครับพี่น้อง ปวดขมับตึ๊บๆ! จะให้ผมหวานแหววไปไหมม น้องแก้ว

แต่อาร์มก็บอกว่าที่เป็นแบบนี้เพราะว่า ไซส์ใหญ่สุดจะเป็นของอาร์ม ส่วน เล็ก กับ กลาง ของน้องแก้ว อันกลางน้องแก้วซื้อไว้ โตขึ้นจะเปลี่ยนมาใส่อันกลาง ซึ่งตอนนี้ผมกลายเป็นผู้โชคดี(หรือโชคร้าย)ได้ใส่ก่อน


“แล้วซื้อมาใส่กันครบแบบนี้ ทำอาหารกันด้วยหรอครับน้องแก้ว”

เห็นอาร์มเคยบอกว่า บ้านนี้หลังจากแม่ไม่ทำก็ให้ป้าชื้นผู้เป็นเหมือนแม่เลี้ยงเป็นคนทำตลอด


“เฉพาะเวลาน้องแก้วอยากทำขนมน่ะ”

อาร์มตอบให้ผมหายข้องใจ


“แสดงว่า น้องแก้วทำอร่อยอะดิ”

ผมกระซิบกับมัน เพราะอยากฟังจากปากพี่ชายมันมากกว่า เดี๋ยวน้องแก้วจะอวยตัวเอง


“อย่ากินเลย ขนาดอาร์มยังนอนป่วย 3 วัน”

มันก็พูดเวอร์ไปมั้งงงงง


“พี่อาร์มพูดไร แก้วได้ยินนะ ของน้องแก้วอร่อยจะตาย พี่จิมอย่าไปเชื่อ แม่กับพ่อยังบอกว่าอร่อยเลย ตอนนั้นพี่อาร์มอาหารเป็นพิษเองหรอก แบร่”

เอ้าไอ้นี้ไปแกล้งให้น้องมันงอนตุบป๋องอีก


“จ้าๆ อร่อยอยู่แล้วเนอะ”


ระหว่างคุยๆกันเราก็เดินเข้ามาในห้องครัว เห็นป้าชื้นกำลังแกะสลักผัก


“ป้าชื้นครับ มาๆจิมช่วย”

มีผมสนิทกับป้าเขาไวเพราะครั้งแรกที่ผมมาบ้านอาร์ม ผมก็เจอป้าชื้นแล้ว


“อ้าวหนูจิม มาด้วยหรอค่ะ”

อ้าวนึกว่าป้ารู้แล้วซะอีก


“ใช่ครับบ ผมมาช่วยป้าทำกับข้าวไงครับ”


“แหม หนูจิมน่ารักจังนะลูก ไม่เป็นไรหรอกตรงนี้ป้าทำเองได้”


“ทำไมป้าต้องแกะสลักผักด้วยอะครับ”



“ป้าชื้น วันนี้ให้พวกผมทำกับข้าวนะครับ วันนี้จิมเขาอยากทำกับข้าวให้พ่อแม่เติ้ลอะครับ”

เสียงร่าเริงป่นอ้อนๆ บอกป้าชื้นให้ละจากการเข้าครัว


“รบกวนหน่อยน้าครับป้าชื้น ผมขอยืมห้องครัวซักหน่อย เดี๋ยวทำเสร็จผมจะรบกวนป้าช่วยชิมให้ผมด้วยน้าครับ ว่าผ่านไม่ผ่าน


“ต้องผ่านสิคะพี่จิม ป้าชื้น… วันนี้หนูกับพวกพี่ๆจะช่วยกันลงมือทำอาหารอร่อยที่สุดในโลกเอง”


“จ้าๆ ระวังกันด้วยนะค่ะคุณหนู”


แล้วป้าก็เดินออกไป พอผมหันไปมอง อาร์มกับน้องแก้ว ทุกคนก็ เย้! หื้ม เย้อะไรกันนิ ดีใจที่กล่อมป้าชื้นสำเร็จละมั้ง


“มาเริ่มกันดีกว่าค่ะพี่จิม..ให้น้องแก้วทำอะไรบ้าง”

“ไหนพี่ดูก่อนว่าเรามีอะไรบ้าง…”

ผมเห็นข้าวของที่ป้าชื้นหยิบมาเหมือนจะทำอะไรซักอย่างที่เป็นกระเพา สงสัยทำของโปรดไอ้อาร์มแน่ๆ (ผัดกระเพาเนื้อ) แล้วพอผมเปิดตู้อุปกรณ์และตู้เย็นก็ต้องตะลึง ทุกอย่างพร้อมไปหมด จะทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น


“ของน้องแก้วต้องทำอะไรน่ารักๆ ไม่เจ็บตัว”


“พี่มีไข่ไก่ 5 ฟองให้ น้องแก้วเจียว ถ้วยนึง 2 ถ้วยนึง 3 ฟองนะค่ะ”


“แล้วอาร์มอะ”

นั้น กลัวไม่ได้ทำ ไม่ต้องห่วง งานคนตัวสูงมีแน่


“ตำพริกแกงไปเดี๋ยวใส่เครื่องให้จะทำแกงป่าไก่ กินได้ใช่ป่ะ”


“ได้ครับ แต่ แล้วใครหั่นผัก หั่นหอมอะ” ห่วงอีกและ


“กูเอง เชื่อใจกูสัญญา คราวนี้ไม่เหม่อแล้ว โอเคนะ”

มันคงจำภาพที่ผมถูกมีดบาดผมซุ่มซ่าม เลยอดห่วงไม่ได้ แต่มันก็ยอมให้ผมทำ

แต่ตอนนี้ผมต้องล้างเนื้อไก่ ตั้งไฟเตรียมต้มน้ำ เพื่อที่จะต้มไก่


“ว่าแต่ น้องแก้วค่ะ เครื่องปั่นผักผลไม้มีไหมค่ะ” ผมถามหาเครื่องปั่นจากน้องแก้ว


“บนตู้สีดำตู้นั้นอ่าค่ะ”

แล้วน้องแก้วก็ชี้ๆ ไปที่ตู้ชั้นลอยเหนือหัวผม เยี่ยมครับ งานสูงอีกแล้ว ผมเปิดตู้เข้าไป เวรกำ มีอีกสองชั้นข้างใน เครื่องปั่นอยู่ชั้นสอง

ผมเลยพยายามเอื้อม หึ๊บๆ แต่ก็ไม่มีแววว่าจะถึง แล้วพระเอกขี่ม้าขาวก็มาช่วย แต่ช่วยบอกก่อนได้ไหมม เล่นมายืนชิดข้างหลังงี้ แล้วนั้นอะไรดมหัวกูหรอ ห่าลาก น้องแก้วเห็นเดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดหรอก


“หึยยยย พี่อาร์มกับพี่จิมนี้หวานกันจังเลยเนอะ”

ห่ะ!! น้องแก้วพูดอะไร


“ก็ต้องแน่อยู่แล้วสิค่ะ เราแฟนกันนิเนอะ เนอะจิมเนอะ”

เห้ย มึงพูดอะไร


“แหม แต่ไม่เห็นต้องหวานขนาดนี้เลยนี่นา แก้วเขินจนตีไข่กระจายหมดแล้วเนี่ย ฟินมาก อ๊ากก”

เดี๋ยวๆๆ น้องแก้วเป็นอะไร อาร์มเป็นอะไร เห้ย ตอนนี้ผมงงมาก ทำไมจู่ๆ อาร์มกล้าพูดว่าเราเป็นแฟนกันต่อหน้าน้อง ผมเลยไปกระซิบถามอาร์ม

“เห้ยมึง พูดไรว่ะ น้องแก้วรู้แล้วหรอ”

ผมกระซิบกับอาร์มที่กำลังขำเล็กๆอยู่ระหว่างการดูผมหั่นเนื้อ


“เออดิ น้องเขารู้นานแล้ว เขาสนับสนุนด้วยน้า เนอะแก้วเนอะ น้องแก้วชอบให้พี่จิมเป็นแฟนพี่ใช่ไหมค่ะ”


“ใช่ๆ พี่จิมนะ ออกจะน่ารัก นิสัยดี พี่อาร์มอะเลือกถูกคนแล้ว”

แต่พี่เป็นผู้ชายนะน้อง นี้น้องไม่รู้สึกหยึย อะไรเลยหรอเนี่ย แปลกคน


“หนูนะ ทั้งจิ้น ทั้งฟิน ชอบมากเวลาเห็นพี่อาร์มกับพี่จิมอยู่ใกล้กัน”


“ห่ะ ผู้ชายกับผู้ชายเนี่ยนะ น้องแก้วไม่รู้สึกแปลกเลยหรอคะ”

ผมถามเพราะงงกับพฤติกรรมน้อง


“โหย พี่จิมอะไม่อินเทรนเลย เดี๋ยวนี้เขาฮิตแบบนี้ทั้งนั้นแหละ”

ผมก็ได้แต่อึ้ง งงกับสิ่งที่น้องบอกสิครับ เอาเป็นว่ารู้แล้วก็รู้


“แต่น้องแก้วบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ไม่ได้นะค่ะ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ให้พี่เป็นคนพูดเองรู้ไหม”

แล้วนายอาร์มก็ขยี้หัวน้อง อืม..ใช่ จริง เห้ย มึงจะบอกพ่อ แม่หรอ… หรือมันจะพูดวันนี้… เอาละ เริ่มหวั่นและสิ กลับบ้านก่อนได้ไหมเนี่ย… ไม่นะไม่ๆ


“อาร์ม… จะบอกพ่อแม่เรื่องเราหรอ”


“ต้องบอกสิแต่ไม่ใช่วันนี้หรอกนะ ไม่ต้องห่วง”

เห่ออ ค่อยยังชั่ว งั้นทำอาหารต่อ ตอนนี้ก็ใกล้เสร็จละ ตอนนี้แกงป่าไก่กับไข่เจียวก็เข้าที่เรียบร้อย ผัดกระเพาเนื้ออย่างสุดท้าย




เมื่อผัดกระเพาได้ถูกเทลงบนจาน ทีนี้ก็ตั้งโต๊ะเตรียมกับข้าว ที่เหลือก็แค่รอผู้ใหญ่มาพร้อมหน้าพอตา พ่อกับแม่อาร์มไปออกงานกันมาเลยกลับมาดึกหน่อย





“หื้ม แม่วันนี้ป้าชื้นทำกับข้าวหอมพิเศษเลยนะ”

เสียงหัวหน้าครอบครัวตระกูลผ่องอนงค์พูดกับภรรยาแสนสวยของเขา มาพอดีกับการตั้งโต๊ะอาหารเย็นพอดีเลย


“หอมเนาะพ่อ”


“พ่อ แม่ มาแล้ววววววว!!”

น้องแก้ววิ่งไปหาพ่อแม่ ผมกับอาร์มเลยเดินตามไปสวัสดีท่านสองคน


“หวัดดีครับพ่อ แม่ เหนื่อยไหมครับ วันนี้พ่อกับแม่ต้องชอบแน่ มื้อนี้จิมเป็นคนพ่อครัว”

มึงไปอวยสรรพคุณกูเกินไปละ ถ้ามันไม่อร่อยขึ้นมากูซวยพอดี


“หวัดดีครับ พ่อ แม่”

แล้วพ่อกับแม่ของอาร์มก็เอามือแตะไหล่ผมเบาๆ เป็นการรับไหว้


“งั้นแสดงว่า มื้อนี้ เราให้จิมเป็นคนลงมือทำสิเนี่ย ใช้ไม่ได้เลยนะเติ้ล ใช้เพื่อนได้ไงลูก”

นั้นแหละแม่ เอาเลย จัดการ มันทั้งใช้ ทั้งรังแกผม ทั้งทำให้ผมคลั่งตายอยู่แล้ว ฆ่ามันนนนน เห้ยไม่ใช่แ


“เปล่านะค่ะ หนูกับพี่อาร์มก็ช่วย วันนี้เราช่วยกันสามคน หนูสนุกมากเลย หนูทั้งเจียวไข่ ทั้งเด็ดผัก เล่นไปด้วยทำไปด้วยสนุกมากเลยค่ะแม่”


“จ้าๆ กลิ่นหอมเชียวนะลูกจิม พ่อ เราไปทานข้าวฝีมือลูกๆไหม”

คุณพ่อของอาร์มกับน้องแก้วก็ไม่รอช้า วางกระเป๋าทำงานไว้บนโต๊ะรับแขกแล้วเดินไปที่โต๊ะอาหาร


“หึย แม่ มีของโปรดพ่อด้วย ผัดกระเพาเนื้อ เสียดาย ไม่มีมันเนื้อเลยแหะ”

ผมเลยมองหน้าอาร์ม มันคงชอบผัดกระเพาเหมือนพ่อ

“จริงๆมีนะครับพ่อ แต่จิมตัดออกหมดเลย เพราะกลัวจะเสียสุขภาพ ทานมันมากจะป่วยนะครับ แถมแค่นั้นก็มีมันพอสมควร พ่ออ้วนเดี๋ยวไม่หล่อนะครับ หล่อๆแบบตอนนี้ดีแล้วนะครับพ่อ”

พ่อแม่หล่อสวย ลูกๆเลยหน้าตาดีกันทั้งบ้าน


“แหม ไอ้หนุ่มนี้มัน ปากร้ายแหะ สาวๆคงติดเพียบ”

ผมเลยได้แต่ยิ้ม เพราะที่พ่อ พูดมาผิดสุดๆเลยครับฮ่าๆ สาวๆไม่ติด แต่ดันติดแต่ผู้ชาย โอ๊ย พ่อ ลูกชายพ่อมันทำหน้าหื่นกามใส่ผมครับ


“เข้ากับคนง่ายดีเนอะพ่อเนอะ”

คุณแม่เอ่ยปากชมผมต้องยิ้มกว้างขึ้นอีก เพราะมีแต่คนเอ็นดูผมไปหมด จนตอนนี้ผมเขินตัวจะระเบิดแล้วครับ


“มาๆ ทานข้าวกันลูก เดี๋ยวแม่ตักข้าวให้”

ผมได้ยินอย่างนั้นเลยเสียมารยาท วิ่งไปแย่งหน้าที่แม่ของอาร์ม


“คุณแม่ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมตักให้ แม่นั่งเลยครับ น้องแก้ว นั่งข้างๆพี่นะ เดี๋ยวพี่ตักกับให้”


“ค่าาาาา”

แล้วผมก็เดินตักข้าวรอบโต๊ะ แล้วก็ไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเอง ซึ่งเรานั่งกันสามคน ผมอยู่กลางระหว่างน้องแก้วกับอาร์ม แล้วพ่อแม่นั่งฝั่งตรงข้าม แต่ผมนึกออกว่าลืมบางอย่าง


“ขออนุญาตนะครับ ทานกันเลยนะครับ”

พอพูดอย่างนั้นผมเลยเดินเข้าไปในครัว เพราะผมลืมเอากับข้าวที่ตักไว้อีกส่วนหนึ่งให้ ลุงคำกับป้าชื้นกับลูกจ้างอีก


“ป้าชื้นครับ จิมทำเสร็จแล้ว ทานได้เลยนะครับ”



“ตายแล้ว งั้นป้าไม่เกรงใจละนะหนู หน้าตาน่ากินมากเลย”

จากนั้นป้าชื้นก็ชิมน้ำแกงของผม


“หูย หนูจิม!! อร่อยมากเลยค่ะ ทำได้ไงค่ะเนี่ย อร่อยกว่าป้าทำอีกนะเนี่ย ป้าจะกินให้หมดเลย ขอบคุณนะค่ะ”


“ไม่เป็นไรครับ ผมสิครับต้องขอบคุณป้า ผัดกระเพาก็แซ่บอย่าบอกใครเลยนะป้าชื้น”


“แหมเชื่อแล้วค่ะเชื่อ ใครสอนค่ะเนี่ย”


“แม่สอนหนะครับ ป้าชื้น งั้นผมไปทานก่อนนะครับ เดี๋ยวผู้ใหญ่เขารอ”


“จ้า ขอบคุณนะค่ะคุณหนู”

แล้วผมก็โบกมือพร้อมส่งยิ้ม


“มาแล้วครับบบบ”


“ไปไหนมาหรอลูกจิม อาหารอร่อยมากเลยนะลูก มารีบกินเข้าเดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย”

คุณพ่อของอาร์มพูดกับผม


“ผมไปเอาอีกส่วนนึงให้ป้าชื้นกับลุงคำหนะครับ”

แล้วพ่อ กับ แม่ของอาร์มก็หันไปมองหน้ากัน ผมเลยหวั่นๆว่าทำถูกรึเปล่า หรือบ้านนี้เขาจะแบ่งแยก


“นิสัยเหมือนแม่เปี๊ยบเลยนะแม่”


“นั้นสิพ่อ… ว่าแต่ลูกจิม ทำอร่อยแบบนี้ใครสอนหรอลูก ให้แม่เดานะ แม่จิมสอนใช่ไหมลูก”


“ใช่ครับ ตอนเด็กๆ เวลาแม่ทำกับข้าวให้พ่อกิน ผมก็ชอบไปเล่นใกล้ๆแม่ก็เลย ชินกับห้องครัว โตขึ้นแม่ก็เลยสอนๆทำ เผื่อมาเรียนอยู่กรุงเทพคนเดียวจะได้ทำกับข้าวกิน แต่ผมว่าเป็นข้ออ้างของแม่มากกว่าครับ อยากให้ลูกชายทำกับข้าวเผื่อจะคิดถึงแม่ จะได้กลับไปหาแม่บ่อยๆ ฮ่าๆ”

แล้วพ่อกับแม่อาร์มก็ขำกัน


“อ่ะนี้น้องแก้ว ไข่เจียว”

ผมตักไข่เจียวที่อยู่ไม่ไกลจากน้องแก้วเท่าไหร่


ผมแปลกใจอย่างนึงนะครับ บ้านนี้กินเผ็ดเหมือนผมเลย ที่ผมแปลกใจเพราะผมคิดว่าคนรวยส่วนใหญ่จะกินของจืดๆ แต่บ้านนี้กลับชอบกินแต่ของจัดๆทั้งนั้น

จู่ๆ ไอ้คนข้างๆอีกคนของผมตักเนื้อไก่มาใส่จานผมต่อหน้า ทุกคน แต่กลับไม่มีใครในโต๊ะนี้ทำหน้าประหลาดใจกับพฤติกรรมอาร์มเลยสักคน


ครอบครัวนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่เกร็ง ไม่กังวลที่จะทำอะไรเลย ไม่ต้องระวังกริยามากมาย เพราะดูเหมือนเขาจะเอ็นดูผมกันทั้งนั้น ดีโคตรๆ คิดว่าคนรวยจะต้องวางตัวให้สมฐานะซะอีก

“เห่ออ อิ่มจัง”

เสียงคุณพ่อพูดก่อนคนอื่นเลย


“อร่อยไหมครับพ่อ” อาร์มถามพ่อของเขา


“อร่อยสิ นี้ถ้ามีข้าวอีกมีหวังพ่อท้องแตกแน่ๆ อิ่มแค่ไหนก็ยังกินได้”


“ใช่ค่ะ แก้วว่าแก้วต้องอ้วนแน่เลย พี่จิมห้ามมาทำกับข้าวอีกนะ แก้วจะไม่สวยเพราะพี่จิมแน่ๆ”

เออ..จะชมหรือจะว่ากันเนี่ยน้องแก้ว

“เดี๋ยวแม่ช่วยเก็บจานนะลูก”

เมื่อเรากินเสร็จก็เตรียมลุก แต่คุณแม่ของอาร์มกลับจะอาสาจะช่วยเก็บจาน


“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมทำเอง แม่อาบน้ำพักผ่อนเถอะครับ เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ”

ตอนอยู่บ้านตัวเองผมก็ทำเองทุกวันจนชินซะด้วย


“งั้นแม่ไปนะลูก ลูกเติ้ลช่วยลูกจิมนะลูก แม่ไปก่อน”

“ครับแม่ ฝันดีนะครับ”


“พ่อไปด้วยนะ ลูกเติ้ล ลูกแก้วอย่าลืมทำการบ้านนะ”


“หนูทำอยู่แล้วค่าา”



“แต่พี่จิมกับพี่อาร์มหนูว่าคงไม่ได้ทำ”

น้องแก้วจะมากระซิบพี่ทำไม พี่ไม่มีการบ้าน


“ว่าแต่ลูกจิมจะกลับยังไง นอนนี้ไหมลูก”

   
“อ่อไม่หรอกครับ เดี๋ยวเสร็จนี้ จิมนั่งแท็กซี่กลับเลยครับพ่อ”

   
“ได้ไง อาร์มดูแลเพื่อนดีๆนะ แล้วอย่าไปแกล้งเพื่อนละ ตัวเล็กแค่นั้นสู้ไม่ได้หรอก ฮ่าๆ”

พ่ออ่ะ อย่าไปกระตุ้นมันดิ ดูหน้ามัน แค่มองก็รู้และว่ากำลังคิดจะทำอะไรต่อไป มึงอย่าหวัง


“รับทราบครับพ่อ ฝันดีครับแม่”


“พ่อครับ แม่ครับ ฝันดีครับ”

แล้วผมก็ไหว้ท่านสองคน ก่อนท่านจะเดินขึ้นบันไดไปพักผ่อนที่ห้องตัวเอง


“แล้วน้องแก้วละคะ” พี่ชายถามน้องแก้วที่ตอนนี้กำลังช่วยผมเก็บจาน


“เดี๋ยวน้องแก้วก็ไปนอนแล้ว แต่น้องแก้วอยากอยู่กับพี่จิมก่อน”


“ไม่ได้นะ ไหนบอกพ่อเมื่อกี้จะไปทำการบ้าน”

เตรียมจะดุน้องอีกและ


“น้องแก้วคะ ทำการบ้านก่อนดีกว่าเนอะ เดี๋ยวคราวหน้าเรามาเล่นกันใหม่ คราวหน้าพี่จะซื้อขนมมาฝากด้วย”

ผมพยายามปลอบน้อง


“ถ้าพี่จิมพูดขนาดนั้น ก็ได้ค่ะ แต่ต้องซื้อขนมอร่อยๆมาฝากนะ”


“สัญญาก๊าบป๋ม”

แล้วเราก็เกี่ยวก้อยกัน จากนั้นน้องแก้วก็วิ่งขึ้นห้องไปทำการบ้านของตัวเอง

ตอนนี้ผมก็เก็บจานล้างจานอยู่กับอาร์มสองคน.. เอาแต่ยิ้มมองผมอยู่นั้นละ


“ยิ้มอะไรวะ”


“ก็ตัวเล็กอะ หน้าหมั่นไส้”

อยู่ๆมาพูดอะไร

“หมั่นไส้ยังไงวะ งง”


“เข้ากับคนในบ้านอาร์มอย่างกะเป็นลูกเป็นหลานบ้านนี้”


“แล้วไม่ดีไง? หรือกูตีสนิทเกินไป มันไม่สุภาพใช่ป่ะ ขอโทษๆ”

“มันดีเกินไปอะดิ อาร์มเกือบหลุดจะพลอดรักหลายทีละ ดีนะที่ตอนตักข้าวให้ไม่มีใครสังเกตุ”

อ่อ แสดงว่าตอนมันตักแกงให้ผม มันลืมตัวนี้เอง


“อ่อ งั้นต่อไปจะไม่ทำอีกดีไหม”


“ไม่เอา เป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้วรู้ไหมครับ”

มันจะเอามือมาขยี้หัวผม แต่ช้าก่อน เปื้อนน้ำยาล้างจานขนาดนั้น


“เห้ยๆๆ อย่าๆ สกปรก”


“อะไร รังเกียจหรอ”


“เออดิวะ มันมีน้ำยาล้างจานนะ มาโดนหัวได้ไงเล่า”


“กล้ารังเกียจคนที่รักจิมหรอ”


“ห่ะ มึงพูดอะไรนะ เอาใหม่ดิ๊”


“บอกว่า...จิมอะกล้ารังเกียจคนที่รักจิมหรอ”

หื้ม.. มันพูดอะไรของมัน ผมรู้สึกหยิวๆหูมาก แต่มันทำให้ผมใจละลายมากครับ รู้สึกขนลุก รู้สึกจะดิ้นตาย รู้สึกเหมือนไปอยู่บ่อออนเซ็นญี่ปุ่นทั้งร้อนรุ่มทั้งสบาย





“ห่ะ… พูดไรว่ะ”

แล้วมันก็ยื่นปากมาใกล้ๆหูผม




“กูบอกว่ากูรักมึงไง”



………..เป็นคำที่ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็ก กับ ญาติๆ พี่น้อง และพ่อแม่ แต่ไม่เคย จะได้ยินจากคนที่เคยเป็นคนแปลกหน้ามาก่อน มันเป็นคนแรก คนแปลกหน้าคนแรกเลยที่พูดคำนี้ ทำให้หัวใจผมเต้นช้าเร็วในเวลาไล่เลี่ยกัน จนเกือบคิดไปว่า โลกมันหยุดหมุนหรอ


“บอกรักกูตอนล้างจาน..โรแมนติกมากมั้ง ล้างไปคนเดียวเลยมึงอะ กูไปเข้าห้องน้ำละ”


แล้วผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ… แต่ก็น่าจะรู้ใช่ไหมครับ ว่าไม่ได้เข้าห้องน้ำไปทำธุระหรอก แต่เป็นเพราะ ทำแก้เขินมากกว่า ช่วยไม่ได้นิครับ ครั้งแรกที่ได้ยินคำว่ารัก...จากแฟนคนแรก




พวกคุณก็คงจำได้ใช่ไหมครับ…
ความรู้สึกนั้น ได้ยินคำว่ารักครั้งแรก จากแฟนคนแรก คนที่เรา ...รัก คนแรก…






…………………………………………………….


“บางคำของความรู้สึกในใจถ้าพูดหรือทำมันออกมาให้อีกฝ่ายรับรู้มันอาจเปลี่ยนชีวิตของทั้งสองฝ่ายได้ในทันที”






Talk : หวานเข้าไป เป็นพาร์ทที่หวานยันครอบครัว

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ปลายฟ้าใส

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หวานลืมแล้วไหมว่าตัวเองอยู่บ้านพ่อแม่แฟน  :ling1:

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 24 : หื่น : หน้า 4 (18/07/17)
«ตอบ #111 เมื่อ18-07-2017 21:22:57 »

Chapter 24 : หื่น






"อาร์ม... กูเจ็บ เบาๆดิวะ โอ๊ย.. อย่างงั้นแหละค่อยๆ"


"อย่างนี้หรอครับ... แบบนี้ชอบใช่ป่ะ..."


"เออนั้นแหละ โอ๊ย แรงเยอะว่ะ ค่อยๆดิ



“ตัวกูเล็กจะตาย เบาแรงหน่อยก็ได้ นั้นแหละๆดีมาก อ่าาา ดีจังครับ”


"รู้สึกดีไหมตัวเล็ก..."


"ดีมากอะ มึงโคตรเก่งเลย"


"เมื่อยมากไหมครับ อาร์มนวดให้ต่อก็ได้น้าไม่ต้องเกรงใจ อุตส่าทำกับข้าวให้ครอบครัวอาร์มกิน"

(แหนะ...คิดไรกัน รู้นะ) ผมแค่นวดให้จิมเท่านั้นเองนะครับ วันนี้ผมโคตรหลงจิมเป็นพิเศษเลย


"ไม่เป็นไร มากูนวดให้มึงบ้าง"


"เปลี่ยนจากนวดเป็นนาบได้ไหมละ"

นี่ผมพูดไปได้ไงเนี่ยยย คงเป็นเพราะฤิทธิ์การนั่งคร่อมบนตักผมเมื่อเย็นนี้ของจิม ทำให้ผมรู้สึกเกิดความต้องการอย่างอื่นเข้ามา


"ไม่... ไปอาบน้ำและขอผ้าเช็ดตัวหน่อย"

เวลาเขินก็โคตรจะน่ารัก ทำเอาภาพเมื่อเย็นตีกลับมาโคตรชัดเจน มือคู่นั้นที่จับหน้าผม ร่างกายนั้นที่นั่งคร่อมตัวผม โอ๊ยยยย ผมเดินเข้าไปประชันหน้ากับไอ้เตี้ยที่ตอนนี้ดูตื่นๆที่ผมลุกเข้าหา เล่นถอยหลังจนติดประตูห้องน้ำเลย น่ารักจริงครับ


“อยู่ในห้องน้ำแล้วครับไอ้เตี้ย”

แล้วผมก็ขยี้หัวจิมเล่น พยายามตั้งสมาธิ...แต่ก็ดูเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ผมเปิดประตูแล้วดันจิมเข้าห้องน้ำ


"ขออาบด้วยคน"

เห้ย ผมจะหื่นอะไรขนาดนี้ ไอ้เตี้ยมันต้องกลัวผมแน่ๆ ดูสิ เล่นปิดตาหันหน้าหนีไปใหญ่



“เห้ยมึง อาร์มจะเอาในห้องน้ำเลยหรอวะ เดี๋ยวๆ เชี้ยกูยังไม่พร้อม เร็วไปเปล่า”

เอาวะ แค่ได้อาบน้ำด้วยก็นับเป็นโมเม้นที่ดีละ ผมเลือกที่จะไม่ถอดบ็อกเซอร์แล้วเดินขึ้นไปบนอ่างน้ำแล้วเปิดฝักบัว


“อะไร คนเขาแค่อยากจะอาบน้ำด้วยเฉยๆ คิดไรอยู่”

“ใส่บ็อกเซอร์อาบน้ำไม่รู้สึกแปลกๆหรอวะ อาร์ม”

ในที่สุดก็ลืมตามาสบตาผมละ ชักเขินๆแล้วสิ ไม่เคยอาบน้ำกับแฟนเลยซักครั้ง


“ไม่หรอก อาร์มให้เกียติแฟนอยู่ละ หรือจะให้แก้ผ้าตรงนี้เลย"

ผมพูดไปงั้น เพราะกลัวว่าจิมจะกังวลบางอย่าง


“อ่อหรอ”


“ถูหลังให้หน่อย”

ผมยื่นสบู่มาให้จิม ซึ่งจิมก็ดูลังเลซักพัก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจถอดเสื้อกับกางเกงเหลือบ็อกเซอร์เอาไว้เช่นกัน…


เชี้ย… ฟุ้งซ่านแน่ๆ หุ่นไอ้เตี้ย บางหน้ากอดขนาดนี้ หัวนมชมพูกึ่งคล่ำนั้นมีขนาดเล็กพอๆกับดอกเข็มเลย

เชี้ย อาร์ม… อย่าคิดไปไกล ตั้งสติ มึงต้องสร้างโมเม้นอาบน้ำด้วยกันเท่านั้น อย่าเพิ่งเลยเถิด เพราะจิมยังไม่พร้อม


จิมเริ่มเดินขึ้นมาอยู่ในอ่างน้ำกับผมและเอาสบู่ไปถูหลังให้ผม


“แรงๆดิเตี้ย ถูแบบนั้นคงสะอาดหรอก”

พอผมหันหลังให้จิมถูหลัง มันก็พอจะทำให้ผมควบคุมสติได้บ้าง


"โอ๊ยๆ เจ็บนะ เดี๋ยวเป็นรอยนะเตี้ย"

จิมถูโคตรแรง สงสัยจะประชดที่ผมสั่งนู้นนี้


"แกล้งดีนักมานี้เลยตัวเล็ก"

แล้วผมจับหันหลัง…


เอายสระผม มาสระผมจิม เกาแรงๆเป็นการเอาคืนที่เกาหลังผมซะแสบเลย



"โอ๊ย สระเบาๆดิว่ะ เลือดออกหัวแล้วมั้ง"

เสียงโวยวายน่ารักมาอีกแล้ว


"ก็อยากแกล้งทำไม ทีทำคืนมาโวยวาย"

เห้ยๆ… อะไรกันหันมาด้วยสายตาแบบนั้น ทำไมมันดูเย้ายวนขนาดนั้น


“อาร์ม… ทำแบบนี้ จิมไม่ไหวแล้วนะ…”

จู่ๆ จิมก็ใช้มือตัวเอง ค่อยๆลูบไปทั่วตัวมัน เริ่มจากแก้ม ไปยังลำคอผ่านกล้ามกว้างๆของไหล่ ลูบผ่านไปจนถึงกล้ามอกจนเกือถึงยอด ผ่านสายตาเย้ายวนและน้ำเสียงที่โคตรจะเซ็กซี่…


นี่เล่นเอาผมระทวยไปหมด… ใจผมเต้นรัวๆ เลือดมันสูดฉีดแรงมาก รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่มันกำลังจะเริ่มลุกซู่


ผมได้แต่ตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่ไอ้เตี้ยกำลังทำ ไม่เคยเห็นจิมในมุมนี้มาก่อนเลย แพ้ทางเลยครับ เล่นเอาผมตื่นตัวเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังคงต้องเตือนสติตัวเอง


“เชี้ย! ตัวเล็ก อย่าทำแบบนี้ดิครับ”


ถอยออกจากอ่างน้ำฝักบัว หยิบผ้าเช็ดตัวไปห่อบ็อกเซอร์ หวังว่าจิมคงไม่สังเกตุเห็น น้องชายผมตื่นขึ้นมาเป็นภาพสามมิติหรอกนะ



“อาร์ม… ไม่อาบน้ำด้วยกันแล้วหรอครับ”

ยังๆ ยังจะทำเสียงยั่วยวนอีก เก่งจังวะ ไม่ธรรมดาแล้วคนนี้ อยู่ไม่ได้ละ ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด

“จะ..จิม… เห้ย! เดี๋ยวอาร์มไปรอข้างนอกและ รีบอาบนะครับเดี๋ยวไม่สบาย”

พูดเสร็จผมก็รีบเดินออกไป ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามรวบรวมอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลง เพราะมันจะเร่าร้อนเกินไปแล้ว

ผมรู้ว่าตอนนี้จิมยังคงไม่พร้อมที่จะทำอะไรแบบนั้น ถึงผมเองจะรู้สึกต้องการจิมมากขนาดไหน แต่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเร็วอย่างนี้ อย่างน้อยๆ ผมก็อยากเป็นคนขอเริ่มมากกว่า


แต่เล่นเจอแบบนี้ก็เกือบตายเหมือนกันนะครับ เอาซะจับทางไม่ถูกเลย ปกติ ผมมักจะเป็นฝ่ายรุกเข้าหา เพิ่งเจอจิมคนแรกที่รุกเข้ามาแบบนี้ แทบใจผมยังต้อนรับขับสู้ซะสูดฉีดเลือดซะผมรู้สึกได้เลย



ระหว่างที่ผมนั่งดูโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย (ต้องหาอะไรดูคลายความคิดหื่นๆของตัวเองออกไป) สักพักจิมก็ออกจากห้องน้ำ

“อาบเสร็จแล้วหรอ ตัวเล็ก”

โอ๊ย สภาพก็เล่นเอาความคิดเดิมๆกลับมาอีกแล้ว ผิวสีน้ำผึ้งจะเนียนอะไรขนาดนี้ ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าออกมาก่อนครับตัวเล็ก

“ใส่เสื้อได้แล้ว เดี๋ยวไม่สบายหรอกครับ”

อันที่จริงก็แค่อยากจะให้ปกปิดเรือนร่างเท่านั้นเองแหละครับ


“อ่อ อืมๆ”

ค่อยยังชั่ว


“เมื่อกี้ขอโทษทีนะ”


“เรื่องไรหรอครับ?”


“ก็เรื่องในห้องน้ำอะ…”

ขอโทษทำไมครับจิม ผมเป็นคนเริ่มเองแท้ๆ ผมนี้แหละที่อารมณ์หื่นขึ้นเองคนเดียว


“เอ่อ…” พูดไงดี


“จิมรู้ไหม เมื่อกี้จิมโคตรเซ็กซี่เลยอะ อาร์มโคตรชอบเลยนะ แต่อาร์มรู้ว่า จิมยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนั้น อาร์มไม่รีบหรอกนะ แต่ช่วยๆกันหน่อย อ่อยแบบนั้นบ่อยๆ เดี๋ยวอาร์มจะอดใจไม่ไหว”


โอ้โห… แฟนใครเขินได้โคตรน่ารัก เดินมาใกล้ๆนั่งข้างๆผมแล้วจับมือแบบนี้ ทำไมเดี๋ยวนี้กล้าขึ้นขนาดนี้นะ


“ขอโทษ แต่กูก็รู้สึกดีนะ… ขอบคุณนะที่ยังไม่ทำอะไร”


“ครับตัวเล็ก”

คำนี้ให้สำหรับลีลายั่วยวนเมื่อกี้นะ ฮ่าๆๆๆ เล่นเอาหลงเลย


“รอหน่อยนะ”


“คร้าบบบบบบ”

ตัวเล็กของผมโคตรน่าเอ็นดูเลยครับตอนนี้ นับวันผมยิ่งหลงไหลคนน่ารักของจิมมากขึ้นทุกวัน


“ปะ… พร้อมยัง”


“หะ… มึงรีบหรออาร์ม เรื่องแบบนี้มันใช้เวลานะเว้ย ไม่ใช่ชั่วโมงสองชั่วโมง”

ผมขำที่ไอ้เตี้ยยังคงคิดลึกอยู่กับเรื่องนั้นอยู่


“เดี๋ยวๆๆ นี่คิดอะไรอยู่ อาร์มหมายถึงว่ายน้ำ ไม่อยากเรียนไง?”


“อ้าว หรอ จะเปลี่ยนเรื่องก็บอกด้วยดิ อยู่ๆพูดมาก็คิดว่าหมายถึงเรื่องเดิม”

ผมส่ายหน้าให้กับความใสของเตี้ย…


“แล้วไหวเปล่า ยังอยากฝึกอยู่ไหม”

ใบหน้าเขินอายเมื่อกี้เปลี่ยนอย่างรวดเร็วพอเป็นเรื่องที่จิมกลัวนักกลัวหนาแต่ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองกลัว


“อือ… เอาดิยังไงซักวันก็ต้องว่ายให้เป็น”

เพราะอะไรจิมถึงกลัวการว่ายน้ำนะ ผมอยากรู้จัง ไม่เคยถามด้วย จะถามดีไหมนะ เออ มันเป็นเรื่องที่ควรถามเปล่า


“อาร์มถามได้ไหม?”


“ว่า”


“ทำไมจิมกลัวน้ำอะ”

คิ้วขมวดเหมือนไม่อยากตอบยังไงไม่รู้


“ก็บอกว่าไม่ได้กลัว แค่ว่ายน้ำไม่เป็น”

อ่อออ แต่ตอนจมน้ำตอนนั้นอาการหวาดกลัวออกมาชัดมากนะครับผม


“อะ งั้นเพราะอะไรหรอครับ”


“จริงๆก็ไม่อยากเล่าเหตุการณ์ที่ตัวเองฝังใจหรอกนะ”

โห พูดงี้ ผมรู้สึกผิดเลยครับ


“แต่คนเป็นแฟนกันก็ควรรู้อะเนอะ”

เหยด… พูดคำว่าแฟนเต็มปากเต็มคำ น่ารักสุดๆ


“ก็ตอนเด็กๆอะ แม่พาไปเรียนว่ายน้ำ จะว่าไปก็กลัวนั้นแหละ ตอนเด็กๆไม่ชอบเลยอะน้ำลึกๆ ขาไม่ถึงพื้น”

ก็เตี้ยนี่ครับ ดีนะที่ผมไม่พูดออกไปเพราะมันเป็นเรื่องซีเรียสอยู่ เดี๋ยวจะผิดจังหวะเปล่าๆ


“ตอนไปเรียนก็เจออาจารย์ดุมากอะ บังคับให้ฝึกกลั้นหายใจใต้น้ำ แต่เราก็ทำไม่เป็นไงสำลักตลอดเลย เลวอะ ไม่อยากจะพูดเลย ตอนนั้นอาจารย์เขาโมโหที่กูทำไม่ได้ซักที จับปิดจมูกแล้วกดหัวกู จมน้ำเกือบตาย เข้ารพ.นอนเป็นอาทิตย์ ปอดติดเชื้อ นั้นแหละ แต่นั้นมากูก็ไม่กล้าเล่นน้ำอีกเลย อย่างมากก็ได้แค่นั่งริมน้ำแกว่งเท้าเล่น”


“โห ทำไมน่ากลัวงั้นอะ ขอโทษนะครับจิม ที่ตอนนั้นอาร์มทำจิมจมน้ำ รู้สึกผิดเลยอะ”

ผมนี่หงอยเลยทั้งน่าสงสาร น่าถนุถนอมอย่างงี้ คงต้องสอนแบบค่อยเป็นค่อยไป อีกใจก็ไม่กล้าสอน กลัวเป็นอะไรมาจิตใจจิมคงแย่ลงอีก


“อาร์ม… มันผ่านไปแล้วนะเว้ย ตอนนั้นมึงก็ไม่รู้ว่ากูว่ายน้ำไม่เป็น ถ้ามึงรู้มึงก็ไม่ทำหรอกถูกไหม…”

ผมผยักหน้าตาม


“อย่าเก็บมาคิด มึงคิดมากมึงทุกข์กูจะมีความสุขได้ไง”

โห… โคตรน่าฟัง พูดจาได้หวานมาก ทำไมน่ารักแบบนี้ หน้าตาหวาน ปากก็หวาน วาจาก็หวาน มันน่านัก หมั่นเขี้ยวอยากจะปล้ำซะแล้ว (เดี๋ยวๆ… ไม่ใช่ละ)


“ไม่คิดครับไม่คิด ไหวเปล่า ถ้าจิมไม่พร้อม อาร์มยังไม่สอนก็ได้นะครับ”


“ไม่ว่าจะตอนนี้ตอนไหน ยังไงก็ควรฝึก งั้นก็วันนี้ล่ะ”

ง่อววว กล้าหาญมากแฟนผม


“ปะ งั้นไปกัน เดี๋ยวอาร์มจัดของให้ตัวเล็กไปเปลี่ยนกางเกงก่อนนะ”


แล้วผมก็จัดแจงเสื้อคลุมอาบน้ำ ผ้าขนหนู กับแว่นตากันน้ำไว้เผื่อจิมเรียบร้อย






พอมาถึงสระ ไอ้ตัวเล็กก็ดูลังเลกล้าๆกลัวๆซะละ

แต่ผมก็ไม่รีรอ ถอดเสื้อเหลือแต่กางเกงชายหาด ส่วนจิมก็ยังคงดูลีลาไม่กล้าที่จะลงสระไม่ยอมถอดเสื้อยืดที่ตัวเองใส่ซักที


“ไหวไหมเนี่ยตัวเล็ก”


“ไหวดิ ไม่ต้องห่วงหรอก”

คอยดูคนอวดเก่งนะครับ


“งั้นมาลงน้ำกัน”


“ไม่มีห่วงยางหรอ?”

ผมหลุดขำออกมา ถ้าเอาห่วงยางให้จิมใส่ คงดูเหมือนเด็กน่าดูนะครับ


“อะไรกันจิมไม่ไว้ใจอาร์มหรอ?”


“เปล่าไม่ไว้ใจ แต่กูก็กลัวจมไหมวะ”

เห็นไหมครับ ดูคนอวดเก่งสุดท้ายก็กลัวอยู่ดี แต่นะคิดว่าผมจะทำให้จิมจมหรอ ไม่มีวัน


“ถามอีกที… จิมไม่ไว้ใจอาร์มจริงๆหรอ คิดว่าอาร์มจะทำให้จิมจมน้ำรึไง”

หลบตากันอีก แต่สุดท้ายก็ถอดเสื้อตัวเองวางไว้ข้างสระ ผมเห็นงั้นก็ลงสระก่อนไปรอก่อนเลย


“ค่อยๆลงมานะครับ ตั้งสติหายใจเข้าลึกๆ ไม่ต้องห่วงนะครับอาร์มอยู่ข้างๆ”

ผมพยายามพูดให้จิมเชื่อใจผมว่าผมจะไม่ทำให้จิมต้องเป็นอันตราย

“อย่าทำกูจมนะอาร์ม…”

เหลือเชื่อไอ้ตัวเล็กเสียงสั่นทันทีที่ค่อยๆจับราวบันไดลงสระมาเรื่อยๆ ผมจับตัวจิมประคองไว้เบาๆ เพื่อให้ตัวจิมลอยน้ำได้อยู่ แน่นอนว่าขาจิมต้องไม่ถึงพื้น ถ้าผมไม่ประคองมีหวังจมแน่


“ทีนี้จับขอบสระไว้นะครับ”


“น้ำเย็นจัง”

จริงมันก็ไม่เย็นเท่าไหร่นะครับ แต่ผมว่าที่จิมรู้สึกเย็นอาจเป็นเพราะความกลัวทำให้ร่างกายรู้สึกหนาวเย็นมากกว่า


“จับราวสระไว้แน่นๆนะเตี้ย”


“สุดยอดเลยว่ะ กล้าลงน้ำเฉยเลย ปกติแค่คิดจะลงก็ป็อดแล้ว”

แค่เห็นรอยยิ้มดีใจที่ตัวเองก้าวข้ามความกลัวมาหน่อย ผมก็ดีใจแล้วเหมือนกัน


“ชินยังครับ หายกลัวไหม”


“กลัวดิ ไม่งั้นกูไม่จับราวแน่นขนาดนี้หรอก”


“ไหวไหม พอแค่นี้ก่อนก็ได้นะ แค่นี้จิมก็เก่งแล้วนะครับ กล้าลงน้ำมาทั้งตัวแถมKคุมสติได้อีกต่างหาก”

ไม่ทันขาดคำ จิมรีบปีนขึ้นบันสระออกเลย ผมนี่ขำคนขี้กลัวอะไรขนาดนี้ น่ารักก็น่ารักหรอกครับ แต่มันดูตลกยังไงไม่รู้


แล้วจิมก็นั่งลงที่ริมขอบสระ

“งั้นพอแค่นี้ก่อน นั่งเล่นดีกว่า”


“กลัวหรอเตี้ย”


“เออดิวะ ขำอะไรดิ หัวเราะก็ได้นะ กูรู้ว่ามันตลก”

ตลกบ้าอะไร ที่ยิ้มเพราะมันดูน่ารักต่างหาก กับคนอื่นเวลากลัวอาจจะดูตลกบ้าง แต่กับจิมมันดูน่ารักเหมาะกับจิมดี


“ตลกอะไร ไม่ตลกนะคนว่ายน้ำไม่เป็นไม่ตลกนะจิม อย่าคิดงั้นดิครับ”

เมินหน้าหนีแกว่งเท้าเล่นไปเล่นมาอีก ส่วนผมก็ลอยตัวไปมาอยู่ในสระข้างๆจิม มองดูหุ่นบางๆ หัวนมดอกเข็มเพลินๆเนี่ยละ


“ขึ้นห้องดีกว่า วันนี้กูขอแค่นี้พอละ ไม่ไหว”

เดี๋ยวก่อนนนน นี่ผมเอาแต่มองหุ่นจิมตลอดเลยไม่ไหวเลยผม อาการหื่นขึ้นมาอีกแล้ว


“จิมขึ้นห้องไปก่อนเลยก็ได้ครับเดี๋ยวอาร์มตามไป”

ผมขยับๆตัวเข้ามาริมสระเพื่อไม่ให้จิมเห็นอะไรที่มันชัดเจนใต้น้ำ


“เอ้า อาร์มจะเล่นต่อหรอ ไม่เอาอ่า ขึ้นไปด้วยกันดิ บ้านออกกว้างให้เดินคนเดียวมันเหงานะเว้ย”

โหยจิม ยิ่งพูดอ้อนขนาดนี้ยิ่งเกิดอารมณ์ ตอนนี้ร่างกายผมมันอยู่ไม่สุขละ


“เปล่าครับ เดี๋ยวอาร์มตามไปนะครับอาร์มขอเวลานอก”


“เออไปก็ได้วะ เดินคนเดียวก็ได้”

เอ้าเห้ย อย่างอนดิ โหไรกันนน เข้าใจผมบ้างสิ ถ้าขึ้นไปตอนนี้ก็เห็นหมดว่ามันชี้โด่ชี้เด่ขนาดไหน


“เดี๋ยวสิจิม อย่างอนอาร์มดิครับ แปบเดียวเองนะ”


“เปล่างอนเว้ย ไปละ”

เอาวะ เป็นไงเป็น ตอนขึ้นไปอาจจะไปหยิบผ้าคลุมมาปิดทันก็ได้


“เชี้ย!!” นั้นไง ว่าแล้ว จะหันกลับมาทำไมตอนนี้


“เห้ย… อย่ามองดิ”


“ทำไมมันโด่ขนาดนั้นอะ”

จะบ้าหรอ พูดกันตรงๆขนาดนี้ผมก็เขินนะจิม


“ก็เอ่อ… นั้นแหละ หันไปก่อน มามองอะไรเล่า”

“นี้...อาร์ม อยู่กับกูต้องอดทนขนาดนั้นเลยหรอ”


“เออน่ะ เลิกทำตัวน่ารักสิจะได้ไม่ต้องทน หันไปนะครับ”

แล้วจิมก็หันไปผมเลยรีบที่จะคุมผ้าให้เรียบร้อย


“เสร็จยัง”

ผมเดินไปข้างหลังจิม


“เสร็จละครับ”


“ป่ะ หวังว่าคืนนี้นอนกับมึง มึงคงไม่ปล้ำกูกลางดึกนะ”


“พูดเป็นเล่น อาร์มไม่ทำจิมหรอกครับ อาร์มให้เกียติแฟนนะอย่าลืม คืนนี้อาร์มนอนโซฟาก็ได้”


“ตลกละ บ้านอาร์มนะ นอนเตียงนั้นแหละ”


“ไว้ใจใช่ไหม”


“ไว้ใจดิ มึงไม่ทำไรกูอยู่แล้วใช่ไหมละ ถ้าต้องให้แฟนนอนลำบาก มันก็คงไม่โอเคเปล่าวะ”


“ก็กลัวจิมจะคิดว่าอาร์มจะแอบปล้ำตอนกลางดึก”


“อะๆๆ งั้นคืนนี้ให้กอดเต็มที่เลย เคไหม กูไม่กลัวมึงปล้ำหรอก จะปล้ำก็ไม่ว่าแต่ตอนนี้กูไม่พร้อม”


“ครับๆ”

ผมลูบหัวจิมเล่นระหว่างที่เราสนทนากันระหว่างเราเดินเข้าบ้าน




ผมไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับเรื่องบนเตียง… แต่ผมกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างความรัก เพราะฉะนั้นผมต้องให้เกียติคนที่ผมรัก



แต่จะว่าไป คืนนี้รู้สึกดีโคตร มีหมอนข้างอุ่นๆให้กอดทั้งคืน โคตรจะเป็นคืนที่สุขสุดๆ






……………………………………………………..



“บางเวลาเราระงับความรู้สึกบางอย่างไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมมันได้”







Talk : มีความหื่นกามเบาๆ ความสัมพันธ์เริ่มพัฒนาใกล้ความเป็นผัวเมียเข้าไปทุกที 55555

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 24 : หื่น : หน้า 4 (18/07/17)
«ตอบ #112 เมื่อ18-07-2017 21:36:15 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 24 : หื่น : หน้า 4 (18/07/17)
«ตอบ #113 เมื่อ18-07-2017 22:43:29 »

 :mew1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 24 : หื่น : หน้า 4 (18/07/17)
«ตอบ #114 เมื่อ18-07-2017 23:16:28 »

 :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 24 : หื่น : หน้า 4 (18/07/17)
«ตอบ #115 เมื่อ18-07-2017 23:18:28 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 25 : ติด : หน้า 4 (29/07/17)
«ตอบ #116 เมื่อ29-07-2017 22:30:06 »

Chapter 25 : ติด



นี่ก็ผ่านมาหลายวันละครับ…



ที่ผมคบกับไอ้อาร์มเป็นแฟน…


ผมมีบางอย่างที่อยากจะฟ้องมากๆ หมู่นี้ไอ้อาร์มแม่งหื่นขึ้นทุกวัน แต๊งอั่งบ่อยมากครับ

(ประเด็นคือเอาเรื่องนี้ไปฟ้องใครไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าเอาไปบอกใคร)

เมื่อเช้าก็โดนไปหนึ่งดอกขึ้นค่อมเพราะแค่ผมไม่ยอมอ่านน้ำ เอะอะจะปล้ำกันอย่างเดียว

แต่ยังดีครับที่มันก็ยังคงระงับความหื่นตัวเองได้อยู่ตลอดเลย แต่เวลามันหื่นที่ไรนะ โคตรเซ็กซี่เลย… แม่งเล่นเอาซะใจละลาย

อย่าสงสัยนะครับว่าทำไมจู่ๆผมถึงมาพูดเรื่องความหื่นของมัน เพราะตอนนี้ผมนั่งดูรูปมันในเฟสบุ๊คเพจดาวเดือนมหาลัยที่ตอนนี้การเตรียมพร้อมกำลังเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทุกเย็นมันต้องคอยไปเข้าซ้อมการแสดงและเทรนบุคลิกภาพของตัวเอง

ไม่แปลกเลยที่ทุกวันนี้มันหล่อขึ้นจนบางทีไอ้เรื่องหื่นที่ว่า มันทำให้ผมหวั่นไหวหลายต่อหลายครั้ง



“จิมน้อง”

เสียงไอ้พี่บาสเดินมาระหว่างที่ผมกำลังเดินไปโรงอาหารหากี้กับดิว


“อ้าวพี่บาส หวัดดีครับ เป็นไงบ้างพี่”


“เรื่อยๆน้อง มึงอะเป็นไง”


“ก็ดีครับพี่ การบ้านเยอะดี พึ่งเรียนเรื่อง composition ไป ซีดีหนึ่งโหดดีพี่”


“มึงว่าซีดีหนึ่งโหด เดี๋ยวมึงเจอซีดีสามอาจารย์นนท์มึงจะร้อง ออกแบบโลโก้สามร้อยตัวภายในอาทิตย์เดียวอะ โหดสัด”


“อย่าเพิ่งขู่ดิพี่”

เรียนสายออกแบบมันต้องใจถึง...แน่นอนว่าสายอาชีพผมการอดหลับอดนอนคือเรื่องปกติอยู่แล้ว ต่อไปผมต้องทำตัวให้ชิน


“ไม่ได้ขู่ ตั้งใจเรียนไว้มึงอะ เออนี้ มีเรื่องจะถาม ไม่ดิกูจะชวนมึงไปออกทริปต่างจังหวัด”

เห้ยยย อยากไปนะ อย่าชวนเล่นๆ ไปจริงมาจะยุ่ง (เดี๋ยวจิม การบ้านมึงเพียบ)

“ทริปอะไรหรอครับพี่”

ผมถามด้วยน้ำเสียงใส แบบโคตรอยากไปอะ เหนื่อยล้าโคตรต้องการการพักผ่อน


“จริงๆไม่มีไรหรอก พวกชมรมดนตรีอะปีนี้จับฉลากได้ไปดูแลร่วมทริปละลายพฤติกรรมดาวเดือนมหาลัย”

แค่นั้นผมก็แว๊บหน้าไอ้อาร์มขึ้นมาทันทีแสดงว่ามันก็ต้องไปทริปนี้แน่นอน และผมจะปฏิเสธได้ไง


“ไปพี่”


“โห ไม่คิดเลยไงมึง แหม ไอ้เติ้ลใช่ไหม มึงถึงไป”

ผมผยักหน้ารัวๆ


“กูไม่ให้ไปเว้ย หมั่นไส้”

โหไรวะพี่ แล้วจะชวนผมทำไมมม งี้ต้องอ้อนหน่อยละ


“โหพี่บาสอ่า พี่ชวนผมละน้า ให้จิมไปด้วยนะพี่นะ น้าครับน้าาาพี่บาสพี่รหัสสุดที่รักของจิมมมม”

ผมเล่นมาสายแบ๋วซึ่งก็ดูจะขำๆตัวเองอยู่หน่อยๆ แต่ก็นะ เล่นซะหน่อยคงไม่เป็นไรชีวิตจะได้มีสีสัน ฮ่าๆๆ


“ไอ้จิม มึงเอาอีกแล้วนะ อ่อยไปทั่ว กูจะฟ้องผัวมึง”

“เห้ยพี่ อ่อยอะไร ผมแค่อ้อนเฉยๆเอง”


“นั้นแหละไอ้สัส ห้าม! เดี๋ยวกูหวั่นไหวอีก”

กำ พูดงี้นี่ผมก็ชะงักเลยครับ


“แล้วปอยอะครับพี่ ตอนนี้เป็นไงบ้าง”

ถ้าเปลี่ยนมาเรื่องนี้คงดีกว่า

“ดี... ก็ดี”


“เป็นไรพี่ ทำไมพูดไม่มั่นใจเลย”


“เออ ดีอยู่แล้ว ตอนนี้กูโดนทำโทษอยู่”


“อ้าวไมอะพี่”

“เรื่องของกูเว้ย ตกลงไปไหมทริปนี้”


“ไปครับบบบบบ วันไหน”


“พรุ่งนี้หนึ่งทุ่ม หน้ามอ”

เห้ย ทำไมกระชันชิดแบบนี้ ไอ้อาร์มมันไม่บอกอะไรผมเลย


“ทำไมไวจังพี่ ไอ้อาร์มไม่เห็นพูดอะไรเลย พี่จำผิดวันเปล่า”


“ตีนดิ กูเป็นคนดูแล กูไม่มั่วหรอก ผัวมึงอะมัวทำไรอยู่”


“ไม่รู้พี่ ว่าแต่จะคุยกันนานแบบนี้ หาที่นั่งไหมพี่”

ฮ่าๆๆๆ ผมว่าผมเริ่มเมื่อยและยืนคุยหน้าบันไดทางลงนานเกิน


“กูจะไปและ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ เตรียมเสื้อผ้าข้าวของให้พอสี่วันสามคืนด้วย”


“เคครับ แล้วเจอกันครับพี่ หวัดดีครับ”

ผมยกมือไหว้ก่อนจะเดินลงไปข้างล่างไปโรงอาหาร







“ไงพวกมึง”

ผมเดินเข้ามาทัก กี้กับดิว แหมมีพี่ตั้วอยู่ด้วยนะดิว ผมพึ่งสังเกต


“เอ้า หวัดดีครับพี่ตั้ว”

พี่ตั้วรับไหว้ผมและยังคงจู้จี้กับไอ้ดิวไม่สนโลก ผมยิ้มๆละวางกระเป๋าแล้วเดินไปหาข้าวกิน ที่ผมมาช้ากว่าเพื่อนหลายครั้งผมมักจะเป็นคนที่สเก็ตงานช้ากว่าเพื่อน และด้วยความรักเพื่อนผมก็ไม่อยากให้มันรอจนหิว เลยให้มันมากินข้าวกันก่อน


“หวัดดีครับ”

เสียงทุ้มมาจากด้านหลังผมหันไป… ไอ้นัท


“เอ้า นัท มาทำไร”


“มากินข้าวกับพวกเติ้ลอะ นู้น”

มันชั่งรู้ใจผมซะจริง พอผมเห็นมันผมก็มองหาไอ้อาร์มจอมหื่นของผมทันที แม่งนั่งเม้านั่งคุยอยู่กับพวกไอ้กี้


“ว่าแต่จิมกินไรหรอครับ”


“ข้าวมันไก่”


“แล้วนัทอะ จะกินไร”


“ไม่รู้ดิ คงข้าวมันไก่เหมือนกันมั้ง ไม่ค่อยได้มาโรงอาหารคณะนี้เท่าไหร่ ไม่รู้อะไรอร่อยพอจะแนะนำได้ไหมละ?”

อะไรดี อร่อยทั้งนั้นอะ แต่ก็เดี๋ยวจะหาว่ายอโรงอาหารคณะตัวเอง


“โหย อร่อยหมดแหละ ถ้านัทชอบกินอะ ข้าวมันไก่ก็ได้นะลองดูดิ อร่อยจะตาย เนอะป้าเนอะ”

ผมทีเล่นไปทางป้าคนขายด้วย ป้าแกก็ขำแล้วก็ผยักหน้าตอบรับ


“ร่าเริงจริงน้า เพราะเติ้ลมาหาหรอ?”

โห… ไอ้หน้ากับน้ำเสียงโคตรต่างกัน ถ้าชัดๆก็คงจะอารมณ์ตัดพ้อล่ะมั้ง


“บ้า เพราะวันนี้ได้คะแนนสเก็ตงานดีต่างหาก”

จริงๆแล้วก็คงเพราะไอ้อาร์มมันมาหาผมนั้นแหละ


“เตี้ย… กินไร”

เสียงแข็งมาแต่ไกล แถมจ้องไอ้นัทตาเขม่ง


“กินข้าวมันไก่ มึงอะมาทำอะไรโรงอาหารนี้”

ไม่ทันไร มันก็มากอดคอผม


“พอดีคิดถึงเตี้ยเลยชวนเพื่อนมากินข้าวโรงอาหารนี้ พี่ครับเอาแบบแฟนผมจานนึง”

ชัดเจนไปไหมเล่าาาาา ป้ายิ้มหลบๆเลย ไอ้นัทตอนนี้ก็หน้านิ่งและหันเตรียมจะเดินออกจากร้าน


“เอ้านัท ไม่กินข้าวมันไก่แล้วหรอ?”

ตอนแรกยังบอกจะกินอยู่เลย


“ไม่ล่ะ เดี๋ยวว่าจะไปลองของร้านอาหารญี่ปุ่นซักหน่อย”

ละทันทีที่นัทเดินออกไปจากร้าน ผมก็ศอกเข้าไปที่ท้องของไอ้ตัวการ


“มึงนะ เกินไปละ”


“อะไร ก็มันจ้องแฟนอาร์มขนาดนั้นก็หึงเป็นนะ”

จะว่าไงดี รู้สึกดีที่ได้ยินว่ามันหึงผม แต่ก็ห่วงความรู้สึกไอ้นัทมัน


“ไม่ต้องมาพูดเลยมึงอะ ชวนเขามาแล้วจะมาหึงเขาทำไม อีกอย่างจะห่วงทำไม มึงก็ได้ใจกูแล้วนะ”


“ห่ะ เตี้ยว่าไงนะ?”

ชิบหายละ ผมพูดอะไรออกไป…


“ตามนั้น ไม่พูดละ”

เขินเป็นจะเว้ยยยย


“เออ… เดี๋ยวขอเคลียร์เรื่องนี้ก่อน”

ผมมีเรื่องจะเคลียร์กับมันพอดี ไหนๆก็เจอและ ถามระหว่างรอข้าวมันไก่จากป้าเลยและกัน


“เมื้อกี้พี่บาส มาชวนให้ไปออกทริปกับพวกดาวเดือนมหาลัย ทำไมมึงไม่เห็นชวนกู?”


“ทริป?....อ่อออออออ โห ลืมเลย มัวแต่วุ่นเรื่องซ้อมการแสดง ขอโทษครับบบ ว่าจะบอกเตี้ยอยู่เหมือนกันพวกรุ่นพี่ที่จัดการเรื่องดาวเดือนก็เพิ่งบอกในกลุ่มไลน์เมื่อเย็นหลังเลิกซ้อมเหมือนกัน”

แล้วไป ที่ผมจู้จี้ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมเป็นห่วงนะ ถ้าสมมุติพี่บาสไม่มาชวนแล้วผมไม่รู้เรื่อง จู่ๆมันก็ไปผมก็คงเป็นห่วงแย่ แต่จะว่าไปก็คงไม่หรอกยังไงมันก็บอกผมอยู่ดีแหละ


“เออ กูไปด้วยนะ… พี่บาสชวนอะ ให้ไปช่วยดูแลทางฝั่งกิจกรรม”


“จริงงะ ดีเลยอาร์มจะได้ไม่เหงา”


“ไรมึง กูไปอยู่กับไอ้กี้ มั่วแล้ว”

“ข้าวมันไก่ได้แล้วจ้า”


“ขอบคุณครับป้า นี่ครับเงิน”


“โหเตี้ยอะ อย่าแกล้งกันดิ”

ผมเดินออกมาจากการปล่อยให้แฟนตัวเองกระวนกระวายว่าผมจะงอนมันไหม
(แล้วผมงอนมันที่ไหนล่ะครับก็แค่อยากจะแกล้งเฉยๆ)


“จิมครับ อย่างอนเลยน้า อาร์มขอโทษ”

มันเดินตามมาง้อผมแบบโคตรหมดลุคความหล่อของตัวเอง



“แกๆ นั้นไงเดือนคณะบริหารที่เค้าว่าเป็นเกย์อะ”

ชิบหายละ ดันไปได้ยินอะไรที่ไม่น่าฟังเข้าให้… แก๊งผู้หญิงสามสี่คนนั่งเม้าผมตรงโต๊ะที่ผมกำลังเดินผ่าน


“คนตัวเล็กๆนั้นคงเป็นแฟนเขาใช่ป่ะ”

จะนินทาอะไรกันวะ ระยะเผาขนเลยกระซิบแบบนั้นคิดว่าผมไม่ได้ยินหรอ อย่าเพิ่งงั้นเลย อาร์มมันได้ยินจะรู้สึกอะไร


“น่ารักกันดีเนอะ แก ดูถ้าจะงอนง้อกันด้วยอะ โอ๊ย ชะนีไม่มีที่ยืนจ้า”

อ้าว…


“โอ๊ย ชะนีอย่างเราๆ คงทำได้แค่ยืนมองผู้ชายได้กัน แต่แบบนี้ก็ฟินดีนะแก”

โธ่เอ้ย ก็คิดว่าจะนินทาเรื่องไม่ดีซักอีก ไหงมากริ๊ดกร๊าดผมกับไอ้อาร์มได้


“เตี้ยคร้าบบบ หายงอนน้าาาา!”

เชี้ย เสียงดังทำไม ผมชู่ปากให้มันเบาเสียงลง เพราะผมรู้เรื่องว่าไอ้รอยยิ้มที่แกล้งพูดเสียงดังนั้น มันพอใจกับคำนินทาของแก๊งผู้หญิงที่เราเพิ่งเดินผ่าน


“เออไม่ได้งอน เดินเร็วๆเหอะมึงอะ”




“พี่ตั้ว พรุ่งนี้ต้องเตรียมอะไรไปบ้างอะครับ”

ผมถามเพื่อความแน่ใจและจะได้เตรียมกระเป๋าถูก ตอนนี้ผมมาอยู่ที่โต๊ะกลุ่มพวกผมแล้วซึ่งคนที่เพิ่มมาตอนนี้ก็เป็นพี่บาส พี่ตั้ว แฝดปอเปิ้ล และนัท กลายเป็นกลุ่มใหญ่ๆขึ้นมาซะงั้นจากสามคน


“เสื้อ กางเกง ให้พอสี่วันสามคืนอะ แล้วก็ของใช้ส่วนตัว”


“ว่าแต่ไปจังหวัดอะไรหรอครับ”


“หัวหินอะ เตรียมชุดเล่นน้ำมาด้วยก็ดีนะเผื่อลงน้ำ แต่เอ่อ…”

พอพูดเรื่องสระน้ำปุ๊บผมก็หงอยขึ้นมาทันที… อยากเล่นแต่ก็คงทำไม่ได้


“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเล่นอยู่กับจิมเอง ไม่ต้องห่วงนะพี่”


“ไอ้บาส น้องรหัสมึงมีบอดี้การ์ดด้วยว่ะ”

พี่ตั้วก็แซวซะ ทั้งโต๊ะก็หวิดหวิวกันซะเสียงดัง ผมก็เขินเป็นนะเฟ้ยยย



“เอออ ดูแลมันดีๆละกันเรื่องนี้อะ พวกมึงก็คอยๆช่วยกันด้วย ไม่ใช่ให้เติ้ลมันดูแลคนเดียว เป็นหูเป็นตากัน”

พี่บาสเริ่มกำชับเรื่องนี้กับคนอื่นๆบนโต๊ะด้วย เอาซะผมหงอยหนักกว่าเดิมอีก ตอนนี้ผมรู้สึกตัวเองเป็นทั้งเด็กและภาระให้คนอื่นคอยดูแลอีก


“อาร์ม… หรือจิมจะไม่ไปดี เป็นภาระคนอื่นเปล่าๆ”

ผมกระซิบข้างหูมัน แค่นั้นแหละผมก็โดนพี่บาสตบหัวเอาซะป๊าบ “โอ๊ยพี่”

งงดิครับ


“กูได้ยินไอ้สัส ไม่ต้องเลยมึงอะ คิดมาก กูพูดให้ดูแลกันในฐานะเพื่อน ฐานะพี่ ถึงกูไม่พูด แม่งก็รู้งานกันอยู่ดีถูกไหม?”

ละทุกคนก็ยักหน้า… อืม ภาระชัดๆ…


“ใครจะปล่อยให้มึงเป็นไรวะ อย่างน้อยๆกูจะปล่อยให้มึงจมพักนึงก่อน จะได้เมาท์ทูเมาท์กับผัวมึงดีไหม?”

สิ้นคำปากหมาของกี้ผมก็เอื้อมมือไปตบหัวมันทันที


“ส้นตีน ไม่ต้องจมน้ำกูก็จูบกันได้เว้ย”

ชิบหาย… พูดไม่คิด


“อื้อหือออออออ จ้า”

ทุกคนนี้ดิ้นโฮเสียงแซวผมกันใหญ่


ไอ้อาร์มก็หน้าแดงซะชัดเลย วันนี้ผมคงโดนแซวเรื่องนี้ไม่หยุดแน่ๆ


ไม่สิ ผมอาจจะโดนแซวกันจนลูกบวชเลยก็ได้ แหมรักกับคนที่เมาท์ทูเมาท์ตอนเราจมน้ำเนี่ย เรื่องนี้เป็นใครก็ดิ้น











“น้องๆดาวเดือน กับ น้องๆปีหนึ่งทั้งหมดมาต่อแถวรวมกันค่ะ พี่จะให้ป้ายชื่อแต่ละคนนะค่ะ เข้ามาทีละคนละบอกชื่อพี่ด้วยค่ะ”

วันนี้เป็นวันศุกร์เวลา 1 ทุ่ม ที่ผมกับคนอื่นที่เป็นดาวเดือนและอาสา มาทริปเก็บตัวของดาวเดือนกัน ซึ่งตอนนี้ผมกลายมาเป็นน้องปีหนึ่งที่ต้องมาเข้าร่วมกิจกรรมแทนที่จะได้ช่วยพี่บาสเป็นสตาฟดูแลคนอื่นๆอย่างที่พี่บาสเคยพูดเมื่อวาน


ตอนนี้พวกพี่บาสกับพี่ๆคณะอื่นให้พวกเราเข้าแถวรับป้ายชื่อของแต่ละคน เท่าที่ผมสังเกตุ แต่ละคนได้ป้ายสีไม่เหมือนกันมาก ผมว่าคงให้แบ่งกลุ่มตามสีเหมือนตอนรับน้องเหมือนเคยแน่ๆ ซึ่งผมกับอาร์ม ดิวแล้วก็กี้ก็ได้คนละสีกันเลย ผมได้สีเขียว อาร์มได้สีน้ำเงิน ไอ้กี้ได้สีส้ม ไอ้ดิวได้สีเหลือง

ผมพยายามมองหาคนที่มีสีเดียวกัน เผื่อจะเจอคนรู้จักบ้าง ละที่เจอก็คือไอ้นัท

เอ… ไม่ยักจะรู้ว่ามันก็มาด้วย เมื่อวานเห็นนั่งเงียบไม่พูดอะไร สงสัยมีคนชวนมันล่ะมั้ง


“เอาแหละ ต่อไปให้น้องๆที่อยู่สีเดียวกัน รวมกลุ่มกันค่ะ พี่จะแบ่ง รุ่นพี่ไปสีละคนนะค่ะ”

แล้วในที่สุด… ผมก็มีพี่บาสเป็นคนดูแลสีผม แจ่มเลย สบายละทีนี้ ส่วนไอ้กี้ก็ได้พี่แตมไปดูแลในทีมก็คงสุขใจมันและ ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าพวกพี่ๆเขา แบ่งกันดูแลแบบตามใจชอบ เพราะพี่ตั้วเองก็ไปอยู่สีไอ้ดิว ไอ้อาร์มก็ได้พี่แนนไป ส่วนพี่คนอื่นๆก็ไปอยู่สีอื่นกัน


แหมดาวเดือนแต่ละคนหน้าตาดีทั้งนั้นปีนี้งานประกวดท่าทางจะร้อนน่าดู จะว่าไปทริปนี้คงหมดสวยหมดหล่อกันแน่ เจอพวกพี่บาสขี้แกล้ง มาคุมด้วยแบบนี้

ผมอะดิยิ่งซวยกว่า พี่แกมาคุมสีผมอย่างงี้ผมจะโดนอะไรไหม


“นัทมานี้ด้วยหรอ”


“ใช่ครับ นัทเพิ่งเข้ามาอยู่ชมรมดนตรีกับปอเปิ้ลอะ วันนี้ไอ้สองคนนั้นมาไม่ได้ ติดทำงานกับที่บ้าน นัทเลยมากับเติ้ลสองคน”


ตอนช่วงแรกๆผมมองเติ้ลกับนัท น่าจะสนิทกันพอดู… แต่รู้ไหมครับผมแอบรู้สึกผิดนิดๆทีทำให้สองคนเหมือนไม่ค่อยถูกคอกันขึ้นมา แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ด้วย ไม่สิไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีกว่า เพราะสุดท้ายมันก็คือทางที่แต่ละคนจะเลือก


“แล้วนัทโอเคหรอ”


“โอเคดิ ทำไมจะไม่โอเค ถ้าหมายถึงเรื่องจิมกับเติ้ลอะนะ”


“โห อย่าพูดงั้นดิ จิมรู้สึกผิดนะ”


“จริงงงง ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก”

มันก็ยิ้มให้ผมสบายใจไปเปราะนึง ก็แค่เปราะเดียวจริงๆแหละครับ เพราะลึกๆก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันรู้สึกอะไรกับผม


“อะน้องๆ ขึ้นรถกันได้เลยค่ะ พี่ๆจะจัดการสัมภาระให้นะคะ”

พี่แตมโทรโข่งประกาศบอกให้ทุกคนขึ้นรถเตรียมพร้อมออกเดินทาง ซึ่งผม อาร์ม นัท กี้ และดิว ก็นั่งโซนเดียวกัน


“อยู่สีเดียวกับนัทหรอ”

“อืม อย่าคิดมากล่ะ กูไม่มีอะไรอยู่แล้ว”

ผมพูดดักกันคนบางคนหึงหวงผมไม่ก่อนเลย



“คร้าบๆ”

“ของีบหน่อยนะ ง่วงๆไงไม่รู้”

เมื่อผมพูดอย่างนั้น อาร์มก็เอามือมาประคองหัวผมเบาๆให้พิงบ่ามัน…

โคตรจะอบอุ่นเลย หลายต่อหลายพฤติกรรมที่ผมรู้สึกดีเอาซะเว่อเพราะตัวเองไม่เคยสัมผัสมาก่อน พอมาเจอก็โคตรจะรู้สึกดีเลย


“เห้ย… พวกมึงก็หวานกันตลอดเลยเนอะ..”

ยังไม่ทันจะหลับเลย ไอ้กี้ก็แซวซะและ ไอ้อาร์มก็ยิ้มรับคำแซวไม่พูดอะไรเลย

“เงียบดิ กูจะนอน ง่วง”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงห้าวใส่ตัดบทมันไป เดี๋ยวแม่งก็แซวไม่เลิก จะรบกวนคนในรถเอา แล้วผมก็นอนพิงบ่าอาร์มต่อ สักพักมันก็แอบเอามือมาจับมือผมไว้ระหว่างตัวเราสองคน เห้อออ อยู่แบบนี้ อุ่นใจดีชะมัด
 

   
ตลอดทางมานี้ ทุกคนก็ร้องเล่นเต้นกันอย่างสนุกสนาน ผมก็หลับบ้างตื่นมากินบ้าง ส่วนอาร์มบางทีก็หลับกับผมบ้างหัวพิงบ่า หัวพิงหัว บางทีก็เอาแขนมาโอบผม นึกๆดูแล้ว ก็ตลกตัวเองที่ดันชอบการกระทำที่มันทำให้ รู้สึกดี ใกล้มันก็อุ่นใจ


ละพอมาถึงจุดพักรถที่ปั้มระหว่างทาง

ผมก็ตื่นขึ้นมาพบว่าทุกคนลงจากรถกันหมดแล้ว ไอ้อาร์มเองก็เช่นกัน

แปลกดีที่ผมรู้สึกหวิวนิดๆ นิดๆจริงๆครับ ที่ตื่นมาไม่มีอาร์มอยู่ข้างๆ แว๊บเดียวเท่านั้นแหละ ผมก็ลงมายืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจบ้าง ก้มเอามือแตะเท้าบ้าง แต่ไอ้เชี้ยกี้ดันกวนตีน เอานิ้วดัชนีมาจิ้มตูดผมเต็มๆ

“โอ๊ย!! เชี้ยกี้เล่นไรว่ะ จุกๆ”

ผมมองหาไอ้อาร์มหวังจะให้ช่วย แม่งเดินไปไหนก็ไม่รู้

   
“ก็ก้นมึง มันงอนน่าจิ้มนิหว่า ฮ่าๆ”

ไอ้สัส น่าจิ้มเชี้ยไร จังไรละ


“พ่อมึงอ่ะ มึงมานี้ อย่าหนีกูนะ”

มันฟังที่ไหน วิ่งไปรอบสถานีรถไฟ แถมไปอ้อนพี่แตมอีก


“พี่แตมช่วยด้วย เชี้ยกี้ แกล้งจิม”

ลูกอ้อนกูชนะมึงอยู่แล้วไอ้กี้ หึหึ สายแบ๋วผมไม่น่าจะแพ้ใครง่ายๆ


“ตัวเองอย่าไปเชื่อ เค้าไม่ได้ทำไรเลยนะ”

อื้อหื้อ ตัวเอง เค้า อะไรกัน ทำไมไอ้กี้กับพี่แตมพูดจากันแปลกๆ


“อะไรกัน หยุดทั้งคู่หนะแหละ น้องจิมก็เลิกไล่มันสิคะ มันจะได้ไม่แกล้ง”

ห่ะ อะไรกันว่ะเนี่ยยยยย พลังแบ๋วไม่ได้ผล ไอ้กี้มึง ต้องอัพเดทสถานะมันกับพี่แตมแล้วแหละ


ละไอ้อาร์มก็มา ผมไปอ้อนแฟนผมมั้งดีกว่า


“ไปไหนมา”

“มีไรเตี้ย อาร์มไปเข้าห้องน้ำมา คิดถึงหรอ”


“ไม่บอกกันบ้างเลย ทิ้งให้กูอยู่คนเดียว”

ได้ผล ไอ้อาร์มยิ้มให้ไม่พอแถมลูบหัวผมอย่างเอ็นดูเลย


“อ้อนแบบนี้จะเอาอะไรครับที่รัก”

จั้กกะจี้หูทุกครั้งที่มันพูดคำว่า ที่รัก


“แค่อยากกินขนม พาไปเซเว่นหน่อยได้เปล่า”

แล้วไอ้สูงของผมก็เดินกอดคอผมไปเซเว่นหาของกิน


จริงๆก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ


ไม่รู้สิ… บางทีนะ


ผมอาจจะติดอาร์มมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


แย่จัง คนมีรักครั้งแรกนี้มักจะควบคุมความรู้สึกไม่อยู่เลยจริงๆใช่ไหมครับ?






“อาร์ม ใช่อาร์มรึเปล่า”

เสียงผู้หญิงใสๆ เรียกชื่อที่มีแค่สองคนที่จะเรียก คนที่ชื่อเติ้ลว่า “อาร์ม” ระหว่างที่ผมกำลังยกสัมภาระเข้าห้องพักกับอาร์ม


ผู้หญิงสวยลูกครึ่งฝรั่ง คงจะเป็นดาวจากคณะไหนแน่ๆ

ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน ทำไมเรียกเติ้ลว่าอาร์ม แล้วรอยยิ้มที่เปื้อนบนหน้าอาร์มหลังจากหันไปมองนั้นคืออะไร ผมไม่เข้าใจ



“มีนา มีนาหรอ?”



….



……







……………………………………………………………………..



“ความรักก็เหมือนตะเกียบ…ขาดกันไม่ได้
แต่ก็ต้องมีบางครั้งที่ต้องห่างกันเพื่อจะคลีบสิ่งต่างๆเข้ามาในชีวิต”




Talk : ขออภัยที่เว้นช่วงนานไปหน่อยนะครับ เพราะว่าเตรียมตัวทำกิจกรรมในคณะด้วย ขอโทษจริงๆครับบ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 25 : ติด : หน้า 4 (29/07/17)
«ตอบ #117 เมื่อ30-07-2017 01:13:00 »

ใครหว่าาา

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 25 : ติด : หน้า 4 (29/07/17)
«ตอบ #118 เมื่อ30-07-2017 16:11:29 »

 :mew1:

ออฟไลน์ ปลายฟ้าใส

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 25 : ติด : หน้า 4 (29/07/17)
«ตอบ #119 เมื่อ01-08-2017 03:29:10 »

มีตัวการมาให้หึงหวงอีกแล้ว อ๊ากกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด