“ถ้าคุณติรการีบจะไปก่อนก็ได้นะครับ ผมมีรถ เดี๋ยวขับตามไปเองได้ไม่หลงหรอกครับ” นายเหมืองตอบ หญิงสาวสวยจัดในชุดวาบหวิวกำมือแน่นจนเล็บแทบจิกเข้าไปในเนื้อ
...ไอ้ท่าทางกอดกันปานจะจับฟัดอยู่กลางบ้านรอมร่อนี่มันอะไรกัน! อย่าบอกนะว่าข่าวลือบ้าๆนั่นมันจะเป็นจริงน่ะ หล่อนไม่ยอมหรอกนะ!!...
“ไม่เป็นไรค่ะ บิวตี้รอได้ แต่บิวตี้แค่ไม่อยากให้นายเหมืองอิ่มของหวานเสียก่อนจะได้ทาน ‘มื้อใหญ่’ ที่บ้านของบิวตี้น่ะค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างมีจริต ลำขาเพรียวเดินนวยนาดเข้าไปใกล้ชายหนุ่มแล้วสอดแขนเข้าคล้องมือข้างที่นายเหมืองสิงห์เอาล้วงกางเกงไว้แนบแน่น บดเบียดร่างกายเข้าหาอย่างเชิญชวนไม่มีกระดากอาย สายตาจ้องจิกไปที่บัวอย่างไม่เป็นมิตรเห็นได้ชัดเสียจนบัวต้องรีบถอยฉากหลบ ปลดแขนนายเหมืองที่จับตัวเขาไว้ออกอย่างมีมารยาท
“งั้นเดี๋ยวบัวเข้าไปดูเด็กๆก่อนแล้วกันนะครับ เชิญคุณตามสบาย...” ประโยคหลังบัวพูดพร้อมมอง ‘คุณ’ ทั้งสองคนที่ว่าแบบเหลือบๆ ในใจรู้สึกตื้อขึ้นมาอย่างประหลาดเมื่อมองเห็นนายเหมืองยืนเคียงคู่อยู่กับหญิงสาวเช่นนั้น
...ถึงจะไม่ค่อยชอบคุณติรกาเท่าไรนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนอย่างนายเหมืองสิงห์นั้นควรคู่กับหญิงสาวสวยเช่นติรกามากกว่าเขาจริงๆ...
เอ๊ะ...คิดอะไรกันเนี่ยบัว!! ชักจะเลอะเลือนใหญ่แล้ว...เข้าไปดูเด็กๆเถอะ ยิ่งยืนตรงนี้นานหัวใจเขามันยิ่งเจ็บอย่างไรไม่รู้...
“นายเหมือง มองคุณครูเขาตาละห้อยเลยนะคะ” ติรกาอดไม่ได้ที่จะแอบเหน็บสักหน่อยเมื่อเจอสายตาอาลัยอาวรณ์ของนายเหมืองที่มองตามครูบัวไปจนร่างขาวๆนั่นลับสายตาไปหลังบานประตู หล่อนกัดปากอย่างไม่พอใจแล้วก็ต้องคลี่ยิ้มออกมาทันควันเมื่อใบหน้าคมคร้ามหันมองหล่อนด้วยสายตาไว้เชิงอย่างเช่นเคย
“ผมว่าเรารีบไปกันดีกว่า ผมไม่อยากกลับค่ำ...ผมคิดถึงลูก”
...ปากบอกคิดถึงลูก แต่ในใจจริงๆน่ะเป็นลูกหรือครูของลูกกันแน่...
ติรกามองตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของนายเหมืองที่เดินนำหน้าเธอออกจากบ้าน ก่อนจะหันสายตากลับไปมองที่ประตูครัวอีกครั้งอย่างอาฆาตมาดร้าย
...อย่าหวังเลยว่าจะได้ครอบครอง เป็นคนมาทีหลังแท้ๆ ไม่มีทางเสียหรอกที่จะเอาชนะเธอได้...ไม่รู้เสียแล้วว่าเธอน่ะลูกใคร!...
________________________________________________________
บัวกระสับกระส่ายผุดลุกผุดนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น นาฬิการิมผนังบอกเวลาใกล้ตีสองเข้าไปทุกทีแล้ว
นายเหมืองไม่เคยกลับดึกหลังเที่ยงคืนเลยสักครั้ง ปกติถ้าทำงานอยู่ดึกมากจนเลยเที่ยงคืนก็จะต้องโทรมาบอกใครสักคนเอาไว้ก่อน แต่ไม่เคยเลยที่จู่ๆก็จะหายไปจนเกือบตีสองแบบนี้แล้วไม่มีแม้แต่โทรศัพท์มาบอกว่าตัวเองเป็นยังไง อยู่ที่ไหน ปลอดภัยดีหรือเปล่า
บัวไม่รู้หรอกว่าทำไมตัวเองถึงต้องกังวลเรื่องคนคนนั้นมากขนาดนี้ด้วย ตัวและเท้ามันไปเอง แค่มองเห็นฟูกเก่าๆบนพื้นมันว่างเปล่าไม่มีร่างสูงใหญ่นอนห่มผ้าอยู่บนนั้นอย่างเคยแล้วใจบัวมันไม่สงบลงเลยอย่างไรก็ไม่รู้ สุดท้ายเลยต้องระเห็จตัวเองลงมาจากชั้นบน แล้วมานั่งแกร่วรออีกฝ่ายอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นนี่แหละ
...สาธุ ถ้าวิญญาณของคุณแหม่มมีจริงก็ได้โปรดช่วยคุ้มครองนายเหมืองด้วยเถิด ขอให้รอดปากเหยี่ยวปากกากลับมาหาลูกๆโดยเร็วที บัวเป็นห่วงนายเหมืองมากอย่างไรก็ไม่รู้...
คุณครูหนุ่มน้อยอธิษฐานเบาๆในใจพร้อมส่งกระแสจิตไปที่รูปหญิงสาวสวยหวานคนหนึ่งที่แขวนอยู่ข้างผนัง รอยยิ้มอ่อนโยนช่วยทำให้บัวใจเย็นขึ้น กลิ่นหอมอ่อนของดอกโมกที่ปลูกอยู่ข้างหน้าต่างลอยเข้ามาหอมชื่นใจ บัวชะแง้ออกไปมองที่ประตูบ้านอีกครั้ง ก็พบแสงไฟรถยนต์สาดส่องเข้ามา คุณครูตัวขาวดีใจมากเพราะมั่นใจแน่ว่านั่นต้องเป็นนายเหมืองที่เขาคอยอยู่แน่นอน
บัวกระหย่องกระแหย่งเดินไปที่ประตูบ้าน เพราะขายังกะเผลกอยู่บัวเลยใช้เวลามากกว่าปกติ ทำให้ตอนเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายสองคนที่กอดคอกันเดินเข้ามาก็เปิดประตูบ้านเข้ามาพอดี
“พี่พุฒ...นายเหมือง! นี่มันอะไรกันครับเนี่ย...ทำไมนายเหมืองเมาขนาดนี้ล่ะครับ” บัวรีบเข้าไปช่วยพุฒพะยุงร่างสูงใหญ่ผิวคร้ามแดดอีกด้านอย่างไม่เจียมในสังขารตัวเอง พุฒมองเห็นอาการห่วงใยของคุณครูบัวก็ลอบยิ้ม แต่ก็ต้องรีบกลับไปตีหน้าเก็กขรึมอีกเมื่อเห็นครูบัวเงยมองมาทางเขาเพราะนายพุฒไม่ยอมตอบอะไรเสียที
“ผมก็ไม่แน่ใจ คิดว่านายคงโดนนายอำเภอพยายามมอมเหล้าเอาน่ะครับ” นายพุฒตอบ ลอบมองคนที่โดนหิ้วปีกทั้งสองข้างซึ่งพยายามจะเดินด้วยตัวเองแล้วส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่เป็นไรๆ ฉันยังไหว...”
“ไหวอะไรล่ะนายเหมือง เดินจนจะชนตู้อยู่แล้วนะมองไม่เห็นเหรอ” บัวเถียง เมื่อคนมีอาการเมามายเดินเป๋เป็นปูไปตามทางเดินเพื่อขึ้นชั้นสอง
บัวและพุฒช่วยกันพาร่างสูงใหญ่ของนายเหมืองสิงห์ไปวางไว้บนเตียงในห้องนอนของเจ้าตัวที่ชั้นสอง พุฒช่วยนายเหมืองเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงแพร และถอดรองเท้าให้ โดยมีบัวเป็นคนเตรียมผ้าเปียกไว้เช็ดหน้าเช็ดตัวให้นายเหมืองที่มีท่าทางสลึมสะลือกึ่งรู้ตัวไม่รู้ตัวอยู่บนเตียง
“ที่เหลือผมฝากครูด้วยนะครับ...” พุฒเอ่ย บัวพยักหน้ารับพลางค่อยๆนั่งลงบนเตียง สายตาพิจารณาใบหน้าที่รอยเคราเขียวคล้ำอยู่บนคางและข้างจอน ท่าทางอิดโรยบนใบหน้าคมทำให้บัวอดไม่ได้ต้องเอานิ้วไปคลึงเบาๆที่ระหว่างคิ้ว มันจับจีบเรียงตัวกันสวยงาม บ่งบอกว่าคนครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้นคงจะเครียดอยู่ไม่ใช่น้อยแม้จะอยู่ในความฝันก็ตาม
“ปกตินายเหมืองไม่ใช่คนคออ่อนนี่ครับ แล้วทำไมถึงเมาได้” บัวถามอย่างสงสัย พุฒที่ยืนค้างอยู่หน้าประตูจึงหันกลับมาตอบว่า
“คงโดนมอมน่ะครับ คุณติรกาเธอคงหวังอยากรวบหัวรวบหางนาย แต่ดีที่นายรอบคอบเลยสั่งให้ผมคอยตามไปดูคอยหิ้วนายกลับมานี่แหละครับ”
“นี่อยากได้นายเหมืองถึงขนาดทำกันแบบนี้เลยเหรอครับ ผมคิดว่ามีแต่ในละครเสียอีก”
“ครอบครัวนี้ทำได้มากกว่าที่ครูคิดอีกนะครับ ที่ผ่านมาความจริงก็ไม่ได้ขนาดนี้หรอก แต่ไม่รู้ทำไม...ช่วงนี้รุกหนักกันเหลือเกิน”
พุฒเอ่ย แฝงความนัยเอาไว้เล็กๆ บัวหันมามองคนตอบก่อนจะยิ้มเล็กๆแล้วพยักหน้ารับคำอธิบาย ฝ่ามือขาวค่อยๆลูบผ้าไปตามแขนและไหล่ของคนที่นอนอยู่บนเตียง พุฒมองดูความเรียบร้อยจนมั่นใจว่าครูบัวเอาอยู่ก็ค่อยเฟดตัวเองออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ เขายืนคิดอะไรสะระตะอยู่หน้าห้องครู่หนึ่งจึงเดินจากไป บัวได้ยินเสียงฝีเท้าลงบันไดไปข้างล่างแล้วจึงถอนสายตาออกจากหน้าประตูมาที่ภาระชิ้นหนักอึ้งที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง
“นายเหมือง ทำอะไรก็คิดถึงลูกให้มากๆนะ รู้มั้ย” พูดพลางมือก็ลูบผ้าไปให้ทั่วๆ เช็ดคราบเหงื่อไคลให้อย่างไม่รังเกียจ
“อือ...” เสียงอืออาในลำคอดังมาเป็นระยะพร้อมมือและใบหน้าที่หันไปมาอย่างรำคาญนิดๆเมื่อบัวลากผ้าผ่านพื้นผิวแต่ละส่วน
“อยู่นิ่งๆ” บัวเอ่ย แม้รู้ว่าพูดไปเขาก็คงจะไม่มีทางทำตามก็ตาม
“อือ...บัว...บัว...พี่...”
พอเริ่มขยับเขยื้อนร่างกายได้นิดหน่อยมือใหญ่ก็เริ่มมาหยุบหยับอยู่แถวๆต้นขาของบัว พอมือเล็กปัดมันออกขาหนักๆก็ยกมาก่ายอีก คราวนี้พอโดนปัดทิ้งก็เริ่มเอาหัวมาซุก มุดไซร้ไปทั่วทั้งตัวและเอว
“นายเหมือง! นายเหมืองหยุด...เอาอีกแล้วนะ เมาทีไรเลื้อยทุกทีเลย คราวนี้บัวไม่ยอมแล้วนะ นอนดีๆสิ...” คุณครูหนุ่มปัดแข้งปัดขาร่างกายสูงใหญ่บนเตียงที่นอนดิ้นราวหมึกมีชีวิตด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ
...นี่เมาจริงหรือแกล้งเมาอีกแล้วเนี่ย อันตรายทั้งยามหลับและยามตื่นจริงๆผู้ชายคนนี้...
“...บัว...พี่ขอโทษ...อย่าเพิ่งกลับเลยนะ อย่าทิ้งไทกับเกอร์...ลูกผมไม่มีใครเอาอยู่อีกแล้ว...นอกจากบัว...บัว...เขาสองคน...รักบัวมากนะ...รักมาก...พี่เองก็...’รัก’...”
“ห๊ะ...”
...อะไรนะ...เมื่อกี๊...เขาหูฝาดไปใช่หรือเปล่า...
“นะ...นายเหมือง...มะ...เมื่อกี๊...”
“บัว...พี่...”
เสียงครางเครือในลำคอแหบต่ำยังคงดังมาเป็นระยะ แต่ว่าบัวก็ฟังไม่ออกแล้วว่านายเหมืองกำลังพูดอะไร แผ่นหลังบัวพิงประตูห้องตัวเองเอาไว้ ฝ่ามือขาวยกขึ้นกดตรงหัวใจตัวเองแน่นๆ มันเต้นตึกๆจนดังก้องอยู่ในหู ฝ่ามือบัวเย็นเฉียบแต่ใบหน้ากลับร้อนจัด
...นี่เรา...กำลังเขิน...เหรอเนี่ย...
...เพราะคำพูดละเมอนั่นแท้ๆเชียว...
...นายเหมืองนะนายเหมือง...ชักจะมีอิทธิพลต่อหัวใจของบัวมากเกินไปแล้วนะ...
บัวนึกในใจขณะที่สายตามองจ้องตรงไปที่ฟูกนอน ที่เจ้าของของมันกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองเสียแล้ว
_______________________________________________________
แพทมาลงไว้ก่อนนนนนน >_< ขอโทษที่หายหัวไปนานจ้าาาา แต่ตอนนี้เริ่มว่างแล้วล่ะทุกคนนนนนน
น่าจะได้อ่านครูบัวกันบ่อยขึ้นแล้วละตัวเอง
อิอิ
ปล. ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้าทุกคนนะคร้าบบบบบ