กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10
1
EP.70 ดิว แอ้ ไปหาลูกๆ

   Part’s ดิว ผมกับแอ้ขับรถไปที่บ้านเลย จะไปรับแฝดของผมและพากันไปหาอะไรทานกันหลังจากที่เยี่ยมแม่ของปูแล้ว ส่วนปูไปกับเดี่ยว ผมกับแอ้ขนของที่แอ้ไปซื้อมา เสื้อผ้าของลูกๆของผมทั้งนั้น ลูกชายฝาแฝดของผม อัยย์ ไอซ์ และมาริโอ้ สามคนนี้เป็นแฝดอายุสี่ขวบ น้องมีน คนนั้สองขวบครึ่งและอีกคนเล็กสุดขวบหนึ่งแล้ว กำลังหัดเดินเตาะแตะ คนเล็กนี้ได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะว่า ถุงแตก แต่ก็เลี้ยงอย่างตั้งใจ ผมยอมรับว่าผมสองคนมีลูกกันตั้งแต่อายุย่างสิบห้าปี เรียกได้ว่าแอ้เริ่มที่ท้องได้ผมก็จัดเลย(แต่ไม่รู้ในตอนนั้นว่าแอ้ท้องได้จริง)
   “แอ้ ดิวยกกระเป๋าไปเองดีกว่า” ผมบอกแอ้ แอ้เดินไปอุ้มน้องมีน ผมไปรับน้องมีนมาจากพี่เลี้ยงส่วนมิ้นน่ะไปอยู่พี่เลี้ยง วันนี้ฝากเลี้ยงแค่ครึ่งวันเท่านันและผมก็ได้โทรบอกพี่ดิมแล้วด้วยว่าจะมารับลูกแฝดไปเที่ยว  ปีหน้าลูกแฝดของผมก็ต้องย้ายไปเรียนที่กรุงเทพพร้อมกับผมแล้ว
   “พ่อแอ้….”น้องมีนก็เดินคุยกับแอ้ ผมหันไปเหลียวมองเป็นระยะๆ ผมแปลกใจทำไมบ้านเงียบจัง ทั้งที่แฝดของผมอยู่บ้าน ส่วนน้องมิ้นนั้นไปฝากเลี้ยงไว้ที่ศูนย์เนอสเซอรี่เด็กเล็กที่โรงพยาบาลแทน พ่อผมทำงานวันนี้ด้วย
   “ปึก” ผมเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ผมลากกระเป๋าเข้าไปถึงด้านในก่อน ผมยืนมองกวาดสายไปรอบๆ สิ่งที่ผมเห็นคือ บ้านผมเกิดสงครามอะไรไรขั้นในบ้านแบบนี้  ผมยืนกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะมาหยุดที่พี่ดิมที่ยืนมองผมพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นคำตอบว่า ผลงานทั้งหมดนี้ไม่ใช่ใครอื่น ลูกๆผมเอง ลูกแฝดของผมแน่ๆ
        "พี่ดิมดีครับพี่” ผมหันไปยกมือไหว้พี่ดิมแต่ก็ยังตกใจกับสิ่งทีเกิดขึ้นในบ้านของพ่อผม พ่อกลับมานี้เม้งแตกแน่ๆแต่คงเป็นพี่ผมนี้แหละที่จะโดนเม้ง
          “นี่พี่ทำอะไรกับบ้านอะ เล่นกันยังกับเป็นเด็กๆ เนอะ” ผมถามพี่ชาย พี่ดิมหันมามองหน้าผม
         “ไอ้พ่อลูกดก มึงลืมไปเหรอครับว่ามึงมีลูกแล้วน่ะครับและลูกๆ มึงนี้ก็น้องลิงดีดีนี่เอง” พี่ดิมพูดปนหัวเราะ
          "ลูกๆ มึงเขามีปาร์ตี้กันแต่จัดหนักไปนะเล่นซะกูไม่รู้ว่าคนความสะอาดเขาจะปวดหัวกันไหม"พี่ดิมพูด
          "ลูกผมเหรอ สุดยอด"ผมพูด พีดิมหันมาเหล่ตามอง
         "แอ้ไม่มาเหรอดิว"พี่ดิมถามผม
         "นั้นไง "ดิวชี้ให้ผมมอง แอ้กำลังจูงมือน้องมีน ทั้งคู่เขาเดินคุยกันกะหนุงกะหนิงแถมยังชี้นิ้วดูนั้นดูนี้ตามประสาเด็กวัยกำลังอยากรู้อยากเห็น พี่ดิมหันไปมองพร้อมรอยยิ้ม พี่ว่าพี่ดิมก็คิดเหมือนผมนีแหละ แอ้คือแม่ที่ดีที่สุดของผม
         "คิดอะไรกับแม่ของหลานพี่อ่ะ...” ผมถามพี่ดิมเห็นมองแอ้นานไปหน่อย
         “ปึด!!”ดึงขนจมูกผมซะนี้
         “โอ๊ย!! พี่ดิมดึงขนจมูกเขาอะ"ผมบอกพี่ดิม
         "มองเพราะคิดถึงตอนที่เรากำลังหัดเดินจนเราเดินได้พ่อก็ยังอยู่เคียงข้างเรา หนุนเรา พี่รักพ่อมากขึ้นไปอีกเลยน่ะดิว ที่เห็นภาพดิวกับแอ้รักลูกๆ มันก็ยิ่งทำให้มองเห็นภาพความรักของพ่อได้มากขึ้น"พี่ดิมบอกผม
          "ดิวรักพ่ออยู่แล้วแต่ตอนนี้รักมากขึ้นไปอีก ดิวจะทำตามที่พ่อบอกดิวและดิวก็เชื่อมันคือสิ่งที่พ่อคิดว่าดีที่สุด"ผมพูด ผมมองแอ้กับน้องมีน ทันทีที่น้องมีนเข้ามาในบ้านและเจอลุงดิมเข้า
         "ลุงดิม"น้องมีนทักพี่ชายของผม
         “พี่ดิมสวัสดีครับ"ทักทายพี่ดิม
         "ผมกับดิวผ่านที่ศูนย์เลยแวะเข้าไปรับน้องมีนออกมาเลยนะครับ “แอ้บอกพี่ดิม
         “ไม่รู้ว่าพ่อเสร็จหรือยังเพราะว่าผมกับดิวไม่เจอพ่อภาครับ”แอ้พูด
          "พ่อโทรหาพี่แล้วแหละ พ่อบอกว่าใกล้จะกลับแล้วล่ะแอ้ เห็นพ่อบอกว่ามีประชุมด่วน แต่เดี๋ยวพี่ดูแลให้แอ้” พี่ดิมพูดก่อนจะย่อตัวลง
          “น้องมีน ลุงลูก พ่อแอ้พ่อดิวจะไปทำธุระน่ะครีบ ฟ๊อด!” พี่ดิมอุ้มน้องมีนขึ้น หอมน้องมีนด้วย น้องมีนเขาน่ารัก ตาเขาหวานเหมือนแอ้ ยิ้มนี้ละม้ายคล้ายแอ้มาก คิ้วโค้งสวยได้รูป ปากนิด จมูกหน่อยแถมได้ผิวหอมมาจากแอ้เต็มๆ
        "เออ เกิดอะไรขึ้นกับบ้านอะดิว"แอ้หันมาถามผมทันที ที่หันไปมองรอบๆบ้าน ที่เต็มไปด้วยซอสมะเขือเทศ
        "ผลงานลูกๆ เราไงแอ้"ผมพูดด้วยความภาคภูมิใจ แอ้หันขวับมามองหน้าผมทันที อู้ย!!! สะดุ้งสุดตัวเลยเมียทำหน้าดุใส่ทันที
        "จริงเหรอพี่ดิม แอ้ขอโทษนะพี่ แอ้ช่วยเก็บ"แอ้ทำหน้าตกใจทันทีที่รู้ว่าทั้งหมดคือผลงานลูกแฝดตัวเอง
         "ไม่เป็นไรแอ้พี่มีคนมาช่วยทำความสะอาด เดี๋ยวเขาพาทีมงานมาและเรื่องแค่นี้จิ๊บๆ ครับ และพวกพี่ซิต้องขอบใจแอ้ ที่ทำให้บ้านพี่สมบูรณ์ มันมีความสุขมากกว่า เรื่องเออ….” พี่ดิมพูด
         “ดูเล็กลงไปถนัดตาแอ้"พี่ดิมบอกแอ้
          “ผมอยากรู้ว่าพ่อภีมกับพี่อ้น เขาจะคิดแบบพี่ไหมอ่ะพี่ดิม "แอ้พูด ผมหันมามองพี่ดิม
           "แอ้ พี่เชื่อว่าไอ้อ้นนะถ้ามันรู้ มันจะดีใจ ดูภายนอกมันเหมือนคนไม่รักเด็กแต่จริงๆ มันก็ต้องรักหลานมันเชื่อพี่ซิแอ้ "พี่ดิมบอกแอ้
            "พ่อแอ้ พ่อดิว"มาริโอ้วิ่งมาโดยสวมมาแค่ กกน. วิ่งลงมาหาแอ้ทันที เขาถือเสื้อผ้ามาด้วย
            "ฟ้อดๆๆๆ "คงคิดถึงมาก      
           "พ่อดิวหอมมั้งครับ" ผมบอกลูกชายก่อนจะย่อตัวลงและหอมแก้มเสียงดัง
           " ฟ๊อด! " ผมหอมมาริโอ้เสียงดัง
           "หอมจริงลูกใครหว่า "ผมแย่งแอ้หอมมาริโอ้ มาริโอ้ก็พยายามดันหน้าผมออก
           "คิก คิก คิก พ่อดิว หนวดพ่อดิวอ่ะ คิก คิก คิก"มาริโอ้พูด ผมเอามือคลำดู ลืมโกนหนวดเลยเมื่อวาน
           "ดิว เดี๋ยวลูกคัน บอกให้โกนก่อนมาก็ไม่ยอมโกน “แอ้หันมาเอ็ดผมทันที
           “มาครับพ่อแอ้ใส่ชุดให้ นะครับโอ้ นี้ชุดที่พ่อแอ้ซื้อให้นี้ครับ "แอ้พูดพร้อมกับมองหน้ามาริโอ้ ตอนนี้เขากำลังติด มาริโอ้ ตัวการ์ตูนที่เป็นเกมที่พวกผมชอบเล่นกันตอนเด็กๆ
            "เขาชอบมากพ่อแอ้"มาริโอ้บอกแอ้ว่าเขาชอบชุดที่แอ้สั่งซื้อมาให้เขา
           "พ่อพี่ซักแทบทุกวัน ใส่วันเว้นวันเลยแอ้ "พี่ดิมพูด แอ้ก็อมยิ้มให้ลูกชายฝาแฝดคนที่สาม
           "พ่อจะซื้อให้อีกนะครับ จะได้มีใส่ทุกวันเลย "แอ้พูดดูมาริโอ้ดีใจใหญ่เลยที่ได้ยินแบบนั้น
            "น้อง มีน หอม หอม"มาริโอ้หันมาหาน้องมีนที่ผมอุ้มอยู่ คู่นี้เขารักกันยกเว้นมิ้นเพราะว่าทะเลาะกันประจำกับมาริโอ้ น้องมีนดีดตัวจะโผไปกอดพี่ชาย ผมก็ต้องย่อตัวลงให้พี่น้องกอดกันได้ มันเป็นภาพที่พวกผมเห็นกันประจำ พวกผมรักใคร่ปรองดองกันมากจริงๆ ผิดใจกันแทบจะไม่ค่อยมี งอนกันก็มีบ้างแต่ไม่นานก็ดีกัน
           "พ่อดิว พ่อแอ้ ฟ๊อด"อัยย์ ลูกชายแฝดคนโตดิว แค่วิ่งมากอดแอ้และกอดดิวทันที คนนี้ผมเขาสอนให้เข้มแข็งมาก ร้องไห้นับครั้งได้เลย
           "พ่อดิว ฟ๊อด! พ่อแอ้ ฟ๊อด! ไอซ์คิดถึงพ่อที่สุด"น้องไอซ์แฝดคนที่สอง ทั้งกอดทั้งหอม กอดไม่ยอมปล่อยเลย แต่ละคนพากันกอดกันคงคิดถึงมากจริงๆ นี้ขนาดไปไม่กี่เดือนเอง
         "พี่ดิวดีครับ พี่แอ้ดีครับ หมับ? ฟ้อด! " อันนี้ไอ้เดียร์กอดและหอมอีกด้วย แต่ว่ามันทำเพื่อ???
         "-_? "ผมกับพี่ดิมหันไปมองหน้าไอ้เดียร์ อันนี้ใครบอกให้มันทำนิ
         "ไอ้ดิวน้องมึงเป็นอะไรนี่"แอ้พูดพร้อมดันหน้ามันออกและผมเองก็ก็ถลกแขนเสื้อแล้ว
         "ไอ้เดียร์นั้นเมียกู"ผมพูด
           "อู้ย! เห็นหลานกอด เลยกอดมั้ง แหะๆๆๆ "น้องเดียร์มันพูด และเอามือเกาหัวแก้เขินจนน่าโดนเตะน่ะผมว่า
           "อืมม "แอ้ ดันไอ้เดียร์ออก
           "ขี้ตู่อย่ามากอดพ่อเขานะ"มาริโอ้ รีบออกมายืนขวางทันที น่ารักมาที่หวงพ่อแอ้ทันที
          "ห้ามหอมด้วยเขาห่วง"น้องไอซ์
         "หือ! "อันนี้อัยย์ ทำท่าทางขู่กลับทันที
          "มึงมากอดกูนี้และก็มาหอมกูนิ ไอ้นี้ลืมตัวบ่อยนะมึงน่ะ"ผมพูด เห็นแบบนี้ผมก็รักน้องน่ะ ถึงเดียร์มันจะไม่ใช่น้องแท้ๆของพวกผม นั้นคือมมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกผมทางสายเลือดเลยก็ตาม มันรักน้องนะ เดียร์ห่างจากอมเกือบสามปีได้ จริงๆ เดียร์ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อผมแต่พวกผมรักมันเหมือนน้องแท้ๆ เป็นลูกของคนที่พ่อรู้จักและเขาเสียชีวิตลงพ่อเลยรับมาอุปการะ ตั้งแต่แรกเกิดเลย
            "ดิว ป่านนี้ปูกับเดี่ยวคงรอเราอยู่แล้ว"แอ้หันมาบอกผม
            "เพื่อนผมนะพี่แม่เขาป่วยเป็นมะเร็ง และเขามีปัญหาด้านการรักษา โรงพยาบาลแถวบ้านผมเลย"ผมพูด
            "ดีแล้วดิว งั้นไปเถอะ พี่ดูน้องมีนเอง เออ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ให้ดรีมมัน พารับไปฉีดวัคซีนเสริมดีกว่ามีอีกตัวที่ต้องฉีด "พี่ดิมพูด มีนน่ะน่ารักมาก เลี้ยงง่ายมาก ยิ้มเก่งด้วย ใครก็อยากเลี้ยง ผมหันมามองแอ้ว่าจะไปกันได้แล้ว
            "น้องมีน ฉีดยาเจ็บเหมือนมดกัด"ทันทีที่มาริโอ้ได้ยินว่าฉีดวัคซีนก็หันมาหาน้องชายทันที ผมก็ก้มลงมอง ร้องแหกปากคนแรกเลยดีกว่าที่เห็นเข็มน่ะ
            "แต่นายร้องซะไม่เหมือนโดนมดกัดเลยนะโอ้ "ไอ พี่ชายฝาแฝดรีบค้านทันที
           "ก็มดตัวนั่นตัวใหญ่เท่าช้าง พี่เจ็บมว๊าก!!!"มาริโอ้หันมาพูดกับน้องมีน ผมนี้เกาหัวทันทีเลย สมควรแล้วที่ลุงหมอดรีมบอกว่าหลานชายคนนี้ควรจะไปอยู่ตลกอาคาเดมี่ และน้องมีนตอนแรกยิ้มๆ นี้หุบยิ้มเลย 555
           "โอ้ไปขู่น้องทำไมล่ะ"แอ้พูดและหัวเราะมาริโอ้ด้วย
           "มีนไม่ร้องหรอกมีนเก่ง ฟ้อด!!"แอ้พูดและหอมแก้ม คนที่ถูกหอมก็ทำตาหยีให้แอ้
           "พี่ดิวขากลับแวะซื้อนมเย็นให้หน่อย น่ะ น่ะ "ไอ้เดียร์ดูมันอ้อนเป็นลูกแมวเลย
           "เออ ๆ มึงก็เลิกเอาหัวมาไถพี่ได้แล้ว กูขนลุก จะอ้อนน่ะช่วยดูอายุมึงด้วย"ผมพูดและดันหัวไอ้เดียร์มันออก
           "ร้านไหนอ่ะ"ผมถามเดียร์
          "ร้านเดิมหลานรักผมรู้จักพี่ดิว"ไอ้เดียร์พูด
           "อ้อ!!  โอ้จำได้ ร้านป้านมยานเหมือนถุงกาแฟและเวลาสั่งต้องทำท่า ส่ายนมเยอะๆ ด้วย เพราะว่าอาเดียร์ทำประจำ 
           "มาริโอ้ และยังเต้นเอามือจับส่ายไปมาอีกหลานผม
          "ใช่เลยหลานอา ... อู้ย!!!"ผมสามคนหันไปมอง ไอ้อาเดียร์มันสอนหลานได้ดีมาก
          “มึงทำได้ไง ป้าคนขายเขาอายุเยอะแล้วน่ะไอ้เดียร์” ผมหันไปพูด
          “มันเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดไง เฮอะๆ”ไอ้เดียร์พูดแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ผมนี้อยากจะเตะมันจริงๆ ส่วนหลานก็ไม่รู้เลยว่าอันควรจำไม่ควรจำ
          "ไปดิวรีบไป"แอ้หันไปบอกผม
          "ดีนะที่เมียกูรีบ ไม่งั้นมึงโดนแน่ๆ ไอ้เดีย รอบนี้บาทากูนี่"ผมพูด
           "ที่กูเร่งเพราะเดี๋ยวกูคงได้เตะน้องมึงด้วยอีกคน" แอ้หันมาพูด ผมก็พยักหน้าสมน้ำหน้ามัน
           "พี่แอ้ อย่าเตะเขานะ"ไอ้เดียร์พูด
           "แอ้ไม่ต้องเดี๋ยวพี่เตะมันให้ พี่ดิมพูดก่อนจะหันไปชำเลืองตามองไอ้เดียร์ พี่ดิมอุ้มน้องมีนอยู่ ตอนนี้แฝดสามพร้อมมากแล้วที่จะไปพบเพื่อนรักของผม ถึงจะเพิ่งคบกันแต่ผมรู้สึกสนิทกับเดี่ยวมาก มันทำให้ผมนึกถึงเพื่อนอีกสามคนที่เคยเรียนด้วยกัน อยู่ชมรมฟุตบอลมาด้วยกันแต่ไม่ได้ไปต่อกันเพราะว่ามันก็ลาออกจากทีมเหมือนผมเช่นกัน นั้นคือบอส กอล์ฟและอู๋  ผมหวังว่าไปเรียนรอบนี้คงได้เจอมันสามคนตอนที่ผมถูกส่งไปฝึก สามคนนี้ฝีมือดี ตอนนี้เป็นรักเรียนเตรียมกันอยู่

                  หลังจากที่ผมมารับลูกแฝดของผม ก็พากันขึ้นรถครอบครัว เป็นรถมินิแวนด์ ผมขับได้หมดทุกคัน ผมเริ่มขับรถตั้งแต่อายุสิบสี่แต่ต้องมีพ่อหรือพี่ชายผมนั่งด้วย ผมมีใบขับขี่กันแล้วตอนนี้ ก็ขับได้เลยตามใจชอบแต่ผมต้องขับอย่างมีสติเพราะว่าลูกๆผมคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมพาเด็กๆมารที่โรงพยาบาลของพ่อผม
              "พ่อจะพาเราไปฉีดยาอีกแล้วเหรอ เขาเพิ่งโดนมาเองน่ะ เมื่อวันก่อนอ่ะ โอ๋ยังเจ็บอยู่เลย "มาริโอ้รีบพูดพร้อมหลุบตาลง คงเพราะว่าเขาเห็นว่าผมเลี้ยวรถเข้ามาในโรงพยาบาล
             "เอากี่เข็มดีวันนี้"ผมพูดถามลูกชาย แอ้หันมาชำเลืองตามอง แม้แม่หวงลูกก็มา
             "เอาสองเข็ม อ๊า ไม่เอาอ่ะ ไม่เอา "มาโอ้พูดและทำท่าจะร้องไห้คนนี้กลัวเข็มฉีดยามาก
            "โป้งพ่อดิว แล้ว"มาริโอ้พูดทำแก้มป่องใส่ผมด้วย
           "พ่อล้อเล่น"ผมพูดพร้อมกับมองลูกชายผ่านกระจกมองหลัง
           "ดิว มึงจะแกล้งลูกทำไม มาริโอ้ไม่ฉีดลูกแต่ถ้าจะฉีด ฉีดพ่อดิวคนเดียว"แอ้ปลอบมาริโอ้ และยังหันมาบอกว่าผมนี้น่ะ
            “งั้นเดี๋ยวคืนนี้พ่อฉีดแม่แอ้ด้วยน่ะจะได้เสมอกัน “ผมรีบพูดทันทีแอ้หันมา ทำท่าจะหยิกพุงผมด้วย
            "ดิวแอ้เห็นรถพ่อภีม"แอ้พูดผมก็มอง
           "จริงดิแอ้ไหนอ่ะและไหนพี่เดฟบอกอาภีมไม่มาไง" ผมรีบพูด
           "นั้นดิดิวและแอ้ก็บอกพ่อด้วยว่าไม่ได้ไปไหนถ้ามาเจอนี้กูโดนสองเด้งเลยน่ะไอ้ดิว "แอ้เริ่มตกใจ
           "เออดิวไปจอดชั้นบนดีกว่าแอ้"ผมพูดและเลี้ยวรถขึ้นไปจอดบนชั่นที่ 2 ของตึกทันที
           “แอ้อาจจะตาฝาดไปก็ได้น่ะเพราะว่าพี่เดฟเพิ่งเอาเอกสารไปให้อาภีมเซนต์เองน่ะ เมื่อเช้าน่ะ” ผมหันมาบอกแอ้และลูกๆ ก็มองพวกผมตาแป๋ว แอ้ก็พยักหน้าเบาๆ ผมก็เช่นกันก่อนจะหันไป
          "เอาละเด็กๆ วันนี้พ่อมีแขกพิเศษ เพื่อนพ่อสองคน วันนี้ทำตัวให้น่ารักกันหน่อย นะครับคุณลูกๆ ถ้าทำได้ จะมีรางวัล
          "ผมทำข้อตกลงกันกับลูกๆ แต่ละคนพากันพยักหน้ารับทราบ อยากเจอเพื่อนใหม่กันแย่แล้ว ผมก็พาลูกๆ ลงมาจากรถและเดินเข้าทางเข้าโรงพยาบาลทันที
          "ดิวเราไปหาพ่อก่อนไหม "แอ้ถามผม
           "ดิวไม่รู้ว่าวันนี้พ่อจะขึ้นตรวจหวอดคนไข้หรือลงตรวจที่แผนกก่อนน่ะซิแอ้ “ผมพูดก่อนจะทำท่าคิด
           “เออ ดิวว่าเราไปทางนั้นดีกว่า "ผมบอกแอ้
          "ทางนี้ดีกว่า ทางนั้นมันจะเป็นทางออก แอ้ไม่อยากเจอพ่อ"แอ้บอกผม ยังอีกก็บอกอยู่ว่าพี่เดฟเขาเพิ่งไปให้อาเซนต์เอกสารมาน่ะแอ้นี่
           "แอ้อาจจะเป็นคนอื่นขับรถพ่อภีมมา พี่เดฟไม่โกหกเราหรอก"ผมบอกแอ้
           "ดิวไปอีกทางเหอะ"แอ้ยังคงบอกผม
            "แอ้ ดิวคิดว่าทางนี้ปลอดภัยกว่าเชื่อดิวซิแอ้ นะครับ"ผมหันไปบอกแอ้ที่มีสีหน้ากังวล
           "มึงนี่กูบอกทางนี้ดีกว่าไง” นั้นไงเมียของขึ้นครับ ผมก็ยืนเกาหัวแกรกๆ
           "พ่อดิว พ่อแอ้เราจะไปทางไหนกันแน่ อัยย์ ไปไม่ถูก” ผมสองคนลืมไปเลยว่ามีลูกมาด้วย ไอซ์ก็มองผมสองคนสลับกันไปมา อย่าว่าแต่ลูกเลย พ่อเองก็ไปไม่ถูก แม่เริ่มงอแง
           "โอเค โอค ไปทางพ่อแอ้แล้ว"สุดท้ายดิวก็ต้องยอมเมียครับผม ผมก็คว้ามข้อมือลูกและแอ้ด้วย ผมจำได้ผมจูงมาสองคน แต่ว่าตอนนี้ซ้ายหนึ่งคนคืออัยย์และขวาคือแอ้ และแอ้ก็คงจูงไอซ์ แล้วมาริโอ้ล่ะ
            "แอ้ลูกอยู่กับแอ้กี่คน"ผมถามแอ้โดยสายตายังมองหาทางเดินไปที่ตึกคนไข้ที่แม่ของปูแอทมิทอยู่ มองดูให้แน่ใจว่าปลอดภัยแน่นอนก่อนที่จะเดินผ่านไป
            "น้องไอซ์คนเดียว ทำไมเหรอ"แอ้ถามผม
             "ดิว…ก็อัยย์คนเดียวไง"แอ้พูดว่าคนเดียว ผมก็หยุดชะงักก่อนจะก้มลงมองว่าผมจูงอยู่กี่คน ปรากฏว่ามีคนเดียวและผมก็หันไปมองแอ้อีกที
             "ลูกเรามีสามคนน่ะแอ้แต่ตอนนี้เหลือสองคนแล้วอีกหนึ่งคนล่ะแอ้ "ผมถามแอ้และแอ้หันมามองหน้ากัน ตอนนี้อัยย์ ไอซ์และอีกคนที่หายไปก็คือ มาริโอ้!!!
             "ดิว! มาริโอ้หายไปไหนอ่ะ"นั้นไงมนุษย์แม่ตกใจทันที แอ้ถามผมพร้อมกับหันหามาริโอ้ เวรเลยผมลูกหาย ผมสองคนหันซ้ายแลขวาก็ไม่มี
             "พ่อตอนที่พ่อดิวกับพ่อแอ้เถียงกัน โอ้มันเห็นรถไอติมอ่ะ มันคงลงไปข้างล่าง"งานเข้าทันทีที่ อัยย์บอกผมว่ามาริโอ้อาจจะลงไปที่รถขายไอศกรีม ผมกับก็ส่งอัยย์ให้แอ้จับไว้ก่อนและวิ่งไปที่ระเบียง เสียงฝีเท้าแอ้และเด็กๆ วิ่งตามมาติดๆ
            "ทำไมเพิ่งบอกพ่อละอัยย์"ผมหันถามอัยย์ เชิงต่อว่า
            "พ่อเถียงกันอัยย์ไม่รู้จะบอกตอนไหนอ่ะ"อัยย์พูด ก็จริงครับลูก ผมพากันชะเง้อคอมองและก็
            "แอ้นั้นไง เดินอ้าวไปนั่น ลูกนะลูก!" ผมมองลงไปด้านล่างและนั้นไงมาริโอ้ลูกชายฝาแฝดคนที่สามของผมเดินไปข้างล่างนั้น ลูกตัวแสบผมเดินอ่าวตรงดิ่งไปที่รถขายไอติม ดูท่าเดินแล้ว น่าจะไปหาเรื่องเขามากกว่าไปซื้อไอติมน่ะนั้นน่ะ และมีคนยื่นอยู่สามคนกับพ่อค้า ผมหันมามองแอ้ และพากันวิ่งลงบันไดไปจนถึงชั้นล่าง ลูกช่างเก่งจริงๆ ลงมาได้อย่างไรคนเดียว
             "เอี้ยด! "เสียงผมเบรกสุดตัวก่อนจะหดเข้ามุมคว้าตัวลูกอัยย์เข้ามาด้วย ตามมาด้วยแอ้และไอซ์อีกคน เด็กๆ พากันมองหน้าผมสองเป็นเครื่องหมายคำถามว่าผมกับแอ้แอบกันทำไม ก็เพราะว่าคนที่ผมเห็นน่ะ คือพี่เขยผมเอง ถ้าไม่มีลูกมาด้วยก็คงออกไปทักทายกันปกติแล้ว
             "ดิว นั้นพี่อ้น พี่อั๋น และพี่โอ๊ค ตายแน่กู"แอ้พูด ผมหันไปมองหน้า ตายคนเดียวเหรอ ดิวนี้แหละที่จะตายก่อนเพื่อนเลย ถ้าพี่อ้นรู้ว่าผมทำน้องพี่เขาท้องแบบนี้
             "ทำไมเหรอพ่อ อุ๊บ"ผมเอามือปิดปากลูกชายฝาแฝดคนโตเอาไว้ก่อน แบบว่าตอนนี้พ่อยังไม่พร้อมจะอธิบาย
              "จุ๊ๆๆๆ "ทำนิ้วบอกลูกๆ ว่าห้ามส่งเสียง
              "แอ้พาลูกขึ้นไปชั้นสองก่อนน่ะ และดิวจะไปลากลูกตัวแสบเข้ามา” ผมพูด ผมยอมเสียสละเอา
              “หลวงพ่อ ช่วยลูกรอดปลอดภัยจากตีนพี่เมียด้วยเถิด ลูกนะลูกหางานให้ตลอด! " ผมยกมือขึ้นบนบานศาลกล่าวก่อนเลยที่จะออกไป แอ้มันก็มองหน้าผมและส่ายหัวไปมา ก่อนจะจูงมือพาลูกสองคนขึ้นไป   

             TBC…

 

2
 EP.38(หมอภีมXอาจารย์กัน) ภีมยังรักกันอยู่

           Part’ s หมอภีมปภพ หลังจากที่ผมวางสายจากบีม ผมก็รีบลุกจากที่นอน ตอนแรกว่าจะเข้านอนเร็วหน่อย ผมมีขึ้นเวรแต่เช้าถึงจะเป็นโรงพยาบาลพ่อผมเองก็ตามแต่ถ้าไปสายก็โดนว่าเหมือนกัน ผมถึงได้มาซื้อบ้านอยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาล พ่อผมซื้อเอาไว้ให้ผมนานแล้วและบ้านหลังนี้มันก็มีความหมายกับผมและกันมาก ผมตั้งใจเอาไว้เป็นเรือนหอของผมกับกัน แต่ผมก็ยังเก็บเอาไว้รอกัน

           ผมรีบแต่งตัวก่อนจะรีบลงมาที่โรงจอดรถของผม ผมก็รีบขับรถเก๋งไปที่ผับแห่งหนึ่ง ผับนี้ผมเคยสะกดรอยตามกันมา เขาขับมาที่เพื่อจะมาตามหาคนที่ทำให้บีมตั้งต้องมีมลทินแต่ผมก็เดาได้ว่ากันรู้คำตอบและยิ่งผมไปเจอเธียรวิชญ์ ผมยิ่งมั่นใจว่ากันรู้อยู่แล้วว่าลูกของบีมคือลูกชายเธียรวิชญ์ ผมคิดว่ากันตภณยังคงไปที่นั่นแน่นอน ผมน่ะตั้ง find my เอาไว้ที่โทรศัพท์ของผม มันก็โชว์ตำแหน่งที่ตรงผับนั้นจริงๆด้วย

       ผมขับรถไปจอดที่ตรงด้านหน้าผับ จริงๆ แล้วผมก็มีเมมเบอร์การ์ดที่นั่น ผมไม่ได้บอกกันตภณ ผมไม่อยากให้เขาเข้าไป ผมหยิบมันออกมาจากกล่องเก็บของในรถของผม บัตรเมมเบอร์การ์ดที่ผมทำไว้ตอนที่มากับเพื่อนหมอด้วยกันแต่ว่าผมไม่เคยใช้และไม่ไม่คิดจะใช้ ผมรีบเดินออกมาไปทันที เดินที่ด้านหน้า พนักงานตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด

   “เชิญครับ” พอเขาตรวจบัตรก็ปล่อยให้ผมเดินเข้าไปด้านใน ผมยอมรับว่าผับนี้ดูมีเลศนัยแปลกๆ เมมเบอร์ก็แพง ผมคิดว่าผมกำลังจะยกเลิกเมมเบอร์แล้วแต่ก็ลืมทุกทีจนตอนนี้กลับได้ใช้จริงๆ แต่ผมคงจะเตือนกันอีกทีว่าไม่ให้มาอีกและนี้เข้ามาได้ยังไง ลงทุนไปทำเมมเบอร์การ์ดมาด้วยหรือไง ผมยืนมองไปรอบๆ พนักงานกำลังวุ่นวายในการเอาใจดูแลลูกค้า

   “ขอโทษนะครับ ผมมาตามหาเพื่อนนะครับ เขาน่าจะมาที่ผับนี้ และผมเดาว่าคงดื่มหนักจนกลับไม่ไหวนะครับ” ผมเดินไปถามพนักงานในร้านที่ยืนอยู่ เขาหันมามองหน้าผม ผมก็รีบหยิบมือถือมาเปิดรูปกันตภณส่งให้เขาดู เขามองหน้าผมตกใจหน้าซีดเผือดทันที

   “รอสักครูนะคะ เดี๋ยวไปตามผู้จัดการร้านให้ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นบอกผมแสดงว่าเขาเห็นกันตภณจริงๆ

   “พี่ พี่เห็นพี่หน่อยหน่าไหมคะ พอดีมีเพื่อนลูกค้าเขาบอกเพื่อนเขามาเมาที่นี้ค่ะ” น้องคนนั้นเดินไปถามพนักงานอีกคน

   “เขาชื่อพี่นิน่า อย่าไปเรียกชื่อเก่าเขา เขาจะกินกะบาลแกเอา” ผมได้ยินก็พยักหน้า มีชื่อเก่าชื่อใหม่ด้วย

   “เออ พี่นิน่า ก็พี่นิน่า ว่าแต่อยู่ไหนอ่ะ “เธอถามพนักงานคนนั้น

   “พี่นิน่าคุยกับลูกค้าค่ะ เห็นนั่งคุยกันพักหนึ่งแล้ว ที่เข้ามาถามหาผู้จัดการคนเก่าที่ลาออกไปได้สามเดือนแล้วอ่ะ เห็นบอกว่าถ้าไม่บอกอาจจะโดนเพราะลูกศิษย์เขาอ่ะมาทำงานที่นี้แล้วมีคนมอมยาเขา พี่นิน่าเลยพาไปคุยที่อื่น” ผมเดาว่าคนที่เขาพูดถึงคือกันตภณแน่ๆ

   “พี่นิน่าเขาบอกว่า ถ้าไม่มีอะไรเร่งด่วนไม่ต้องไปเรียกเขาน่ะ พี่เขาไม่ว่างน่ะแถมยังบอกว่าเตรียมตัวเลี้ยงฉลองได้เลย พี่เขาได้สามีรวยแน่วันนี้ พี่นิน่าบอกว่าถ้าจะไม่ได้คุยกันอย่างเดียว น่าจะได้อย่างอื่นด้วย” คนนั้นกระซิบบอกผู้หญิงคนนั้น ผมได้ยินเพราะว่าผมยืนไม่ไกลมาก

   “โต๊ะไหนครับ คนนั้นแหละเพื่อนผม “ผมตรงเข้าไปถามเธอทันที ผู้หญิงคนสองที่คนแรกเข้ามาถาม หันมามองหน้าผมตกใจและทำท่าจะเดินหนีแต่ผมรีบกระชากแขนเธอเอาไว้ก่อน

   “เออ คือ “เธอมองผมด้วยสายตาที่แปลกใจว่าผมเป็นใครกัน

   “ผมถามว่าโต๊ะไหนครับ” ผมเธอย้ำอีกครั้ง เธอหันไปมองหน้าเพื่อนๆ ที่ยืนอยู่

   “ถ้าไม่ตอบผม มีปัญหาแน่ เพราะว่าเพื่อนผมนี้ พี่ชายเขาเป็นเจ้าของโรงเรียนที่มีชื่อเสียงนะครับและเขายังเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง” ผมถามเธอ ผมมองจ้องหน้าเธอ เพื่อให้เธอรับรู้ว่าผมเอาจริงนะ

   “ว่าไงครับ!” ผมเริ่มตะคอกเสียงดังใส่เธอ คนที่ผมถามถึงกับสะดุ้งสุดตัวทันที สีหน้าเธอสลดลงจากเมื่อสักครู่ทันที

   “ว่าไงครับคุณ เขาเป็นเพื่อนผม ผมรู้จักนิสัยเขาดี ผมว่าเขาไม่ทำอย่างที่คุณพูดแน่ถ้าเขามีสติสัมปชัญญะครบถ้วน แต่ผมคิดว่าผู้จัดการคุณน่ะ ต้องทำอะไรสักอย่างกับเขาแน่ๆ บอกผมมา และผมจะไม่เอาผิดคุณ โทษฐานสมรู้ร่วมคิด โทษหนักอยู่นะคุณ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามระงับอารมณ์โกรธสุดๆ

   “เออ หนู เห็นพี่นิน่าหรือชื่อจริงๆ ชื่อพี่หน่อยหน่านะคะ เขากำลังจะพาไปพักนะคะเพราะว่า เขาเมามากค่ะ แต่น่าแปลกน่ะมาดื่มไม่เยอะแต่เมาเร็วมากค่ะ” ผมก็พยักหน้า เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ว่ากันตภณจะดื่มจนเมาไม่ได้สติ ถ้าไม่โดนอะไรสักอย่าง

   “ไปที่ไหนแล้วครับ” ผมถามเขา เขามีสีหน้าอึกอักที่จะบอกผม

   “ถ้าไม่บอกผม ผมจะเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้ ลุงผมเป็นผู้บังคับบัญชาสน. ใกล้ๆ นี้ซะด้วย เพื่อว่าบุคคลในเครื่องแบบมาแล้วคุณอาจจะตอบคำถามท่านได้ดีกว่าตอบผม แต่หลังจากนี้ก็หาเงินประกันตัวเองแล้วกัน” ผมไม่พูดเปล่ารีบหยิบมือถือขึ้นมาทันที

   “บอก บอก บอก แล้วค่ะ อย่าแจ้งตำรวจเลยนะคะ “ได้ผลเธอรีบปริปากบอกผมทันทีจากที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง

   “พี่หน่อยหน่าเขากำลังจะพาไปที่ห้องพักสำหรับแขกวีไอพีค่ะ แต่หนูไม่รู้นะคะว่าพี่เขาดื่มไปเยอะหรือว่าโดนอะไร แต่พี่เขาอยู่ในสภาพมึนเมาจริงๆ ค่ะ “น้องคนนั้นตอบผม

   “พาผมไปเดี๋ยวนี้!!” ผมบอกเธอเชิงออกคำสั่ง เพื่อนๆ ของเธอพยักหน้าให้เธอพาผมไป เธอก็รีบนำหน้าผมทันที ผมเดินตามเธอเข้าด้านใน ดูแล้วน่าจะมีห้องพักที่สำหรับคนที่ต้องการพักเพื่อทำกิจกรรมอย่างว่า ผมมาหยุดที่หน้าห้องหนึ่ง ผมหันมาพยักหน้ากับเธอให้เธอเคาะประตู

      ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมยืนกอดอกรออยู่สักสิบนาทีได้ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดดูจากสภาพเสื้อผ้าของเธอ ผมยืนมองหน้าเธอ กรามขบเข้าหากันจนเป็นสันนูน ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงผมคงกระชากคอเสื้อมาต่อยแล้ว เธอหันมามองหน้าผม แววตาชวนให้สงสัยว่าผมคือใครกัน ก่อนจะหันมามองผู้หญิงที่ยืนหลุบตาลงมองพื้น

   “มีปัญหาอะไร กูกำลังจะได้ผู้ชายมาเป็นผัว” เธอพูดตะคอกเสียงใส่ลูกน้องของเธอ

   “พี่คนนี้เขาเป็นเพื่อนของคนที่พี่มาพาน่ะพี่นิน่า เขามาตามเพื่อนเขาและเขาขู่จะแจ้งตำรวจด้วยพี่” น้องเขาบอกผู้จัดการร้าน เธอถึงกับชักสีหน้าตกใจ ผมยืนมองเธอนิ่ง

   “เปิดประตูเดี๋ยวนี้!! ถ้าไม่เปิดคุณมีเรื่องกับผมแน่” ผมพูดและคนตรงหน้าก็ยอมให้ผมเปิดประตูเข้าไป และสิ่งที่ผมเห็น มันทำให้ผมต้องผมหันกลับมามองหน้าผู้หญิงที่ร่านมาก เขากำลังถอดเสื้อผ้ากันตภพณออก

   “คุณนี้มัน!!” ผมหันมามองเธอด้วยแววตาโกรธเกรี้ยวมาก แต่ว่าน้องผู้หญิงเขารีบเดินมาห้ามผมทันที

   “พี่ค่ะ อย่าเลยนะคะ อย่ามีเรื่องเลยค่ะ เพราะว่าถ้าพี่มีเรื่องพวกหนูโดนพักงานแน่ๆ ค่ะ” น้องคนนั้นรีบขอร้องผมทันที

   “ทำไม เมียมันเหรอ สงสัยตระกูลนี้คงเป็นทั้งหมดล่ะซิ วันก่อนก็มาถามหาไอ้ที่มาเป็นเรียนงานผู้จัดการแต่ดันอัพยากับลูกค้า จนเจ้าของร้านจับได้ หามันเจอหรือยังล่ะ ป่านนี้ไปเป็นเมียใครต่อใครแล้วมั้ง” ผมยืนมองหน้าเธอ พร้อมกับสูดลมหายใจออกยาวๆ ไม่อย่างนั้นหมัดผมคงได้ปล่อยตรงไปที่หน้าสวยๆ ของเธอแน่ๆ

   “พี่หน่อยหน่าไปเถอะ เดี๋ยวก็มีปัญหาถึงคุณอรรณพหรอกพี่” ผู้หญิงที่ห้ามผมเธอรีบดึงรั้ง ผู้จัดการไร้ยางอายนั้นออกไป ผมก็เข้าไปแต่งตัวให้กันตภณแบบลวก ผมเอามือลูบใบหน้านั้น ผมสัมผัสได้ถึงการเต้นหัวในที่เร็วแต่ไม่ได้อันตรายมาก นั้นแปลว่าเขาโดยวางยาในเครื่องดื่ม ผมหันไปมองรอบๆ ห้อง มีการตั้งกล้องเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทำไมช่างไร้ยางอายได้ขนาดนี้

   “หมับ” มือของกันตภณจับที่ข้อมือผม

   “บีม ทำไมบีมต้องเลือกหลานพี่ทั้งที่ไอ้เธียรมันทำให้บีมต้องมีมลทินแบบนั้น “ผมได้ยินเสียงกระซิบที่เบาแต่มันดังก้องในหัวผม

   “พี่คิดว่าบีมจะไม่ทำให้พี่เสียใจเหมือน….” ผมนิ่งไปพักหนี่ง ผมดูจากอาการผมเดาได้ว่ากันตภพณ โดนแค่ยาหลอนประสาทที่ทำให้มึนงงและเหมือนคนเมาเหล้า ผมก็ต้องแบกกันขึ้นมา ก่อนจะพยุงพาร่างของกันตภณออกมา พอผมออกมาถึงหน้าประตู ผมก็เจอผู้ชายแต่งตัวดีคนหนึ่งมายืนพร้อมพนักงานที่ผมเข้าไปสอบถามตอนแรก

   “ขอโทษครับ ผมกฤษณ์นะครับ ผมเป็นเจ้าของผับนี้ครับ และพอดีพนักงานผมแจ้งว่าคุณเป็นเพื่อนกับลูกค้าของผมและน้องเขาก็บอกว่าลูกค้มผมอยู่ในห้องพักนะครับ”

   “ใช่ครับ ผมชื่อหมอภีมปภพ เกียรติบดินเดชากุล “ผมบอกคนที่ยืนตรงหน้า ใครก็เคยได้ยินชื่อและนามสกุลพ่อผมทั้งนั้น เป็นคุณหมอที่มีชื่อเสียงและมีโรงพยาบาลบดินเดชากุล ที่มีตั้งสามสาขาในกรุงเทพแถมเป็นโรงพยาบาลทีมีชื่อเสียงอีกต่างหาก และคนตรงหน้าผมชักสีหน้าด้วยความตกใจทันที ที่ได้ยินนามสกุลของผม

   “คุณควรจะไปอบรมผู้จัดการดูแลผับคุณหน่อยนะครับ ไม่ใช่มอมยาแขกแล้วพาเขามาทำอะไรแบบนี้ เป็นผู้หญิงซะเปล่าไร้ยางอายที่สุด”

   “และผับที่ดูไฮโซแต่คุณปล่อยให้พนักงานของคุณทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอครับ หรือว่าคุณสนับสนุนให้พนักงานของคุณเป็นมิจฉาชีพซะเอง “ผมพูดตอกใส่หน้าเจ้าของผับไป ก่อนที่ผมจะพยุงกันตภณออกไปทันทีเช่นกัน

         ผมเดินออกไปจนถึงด้านหน้า ผมหันไปบอกเด็กที่มารับรถไปจอด เขาก็นำรถคันหรูของผมออกมาส่งให้ ผมรีบพาร่างกันตภณเข้าไปไว้ในรถของผมก่อน ผมรู้สึกว่าโทรศัพท์ของกันตภณ สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงสแลกเข้ารูป ผมก็ใช้มือของผมล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของกันตภณและหยิบออกมาดู เป็นสายของอาม่าที่พยายามโทรหากัน ผมรู้ว่าอาม่าน่ะอายุเยอะแล้ว และถ้าผมบอกว่ากันตภณโดนอะไรนี้ อาม่าคงจะเป็นห่วง ผมเดินเข้ามาในรถ ผมรีบกดส่งข้อความไปหาเฮียเกริกแทน

   //เฮียผมไม่กลับบ้านน่ะ ผมจะไปหาเพื่อนนะครับ ฝากบอกม๊าด้วยครับ ไม่ต้องเป็นห่วง // ผมกดส่งข้อไปหาเฮียเกริกแทน ก่อนจะรีบขับรถออกทันที ผมหันมามองกันตภณ ที่หลับใหลไม่ได้สติ ผมดึงมือนั้น มือที่ผมเคยกุมเอาไว้มากุมไว้อีกครั้ง

   ผมจำได้ดี วันที่ผมรู้จักกันตภณ ในห้องอาหารของโรงเรียน ผมรู้ว่าเขาเป็นเหมือนผม อยู่ในกลุ่มชายรักชาย แต่ผมก็ยังไม่กล้าบอกความในใจกับกันในตอนนั้น ผมเลือกไปเรียนพิเศษที่เดียวกับกันตลอดจนเริ่มสนิทกันมากขึ้น ผมรู้ว่าป๊าเขาดุมากมีรถมารับมาส่งเขาตลอด และกันก็ต้องเรียนหนักมาก ขนาดผมเองถูกแพลนไว้ว่าต้องเป็นหมอยังไม่หนักเท่ากันตภณเลย เห็นเขาเรียนพิเศษทุกวัน ทั้งที่กันตภณเป็นคนเรียนเก่งอยู่แล้ว ผมแอบชอบกันมานานมาก ผมพยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กันตภณสอบติด และพอเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันก็ได้มาอยู่หอในนั่นแหละผมถึงได้มีโอกาส ได้บอกความในใจกับกัน และนั้นคือการเริ่มต้นความรักของผมกับกัน

   เราคบกันนานหลายปี แบบหลบๆ ซ้อนๆ จนกระทั่ง กันจบมหาวิทยาลัยและกันตภณก็ไปเรียนปริญญาโทต่อจนจบผมก็เพิ่งจะจบแพทย์ และผมกำลังจะขอกันแต่งงาน แต่ความลับมันก็ไม่มีในโลก เมื่อป๊าของกันตภณจับได้ เขารับไม่ได้กับความสัมพันธ์ของผมกับกัน และนั้นเขาเลยไปทาบทามผู้หญิงที่ชื่อหลิน เธอทำงานอยู่ที่คุรุสภาเธอเป็นรุ่นน้องกันตภณสามปี และกันก็ต้องแต่งงานตามคำสั่งป๊าของเขา

   วันที่ผมเสียใจที่สุดคือผมต้องทนดูคนที่ตัวเองรักไปแต่งงานกับคนอื่น ไปนอนกับคนอื่น แถมยังมาหาผมเพื่อปรึกษาเรื่องการมีบุตรกับผมอีก ถามว่าผมเจ็บไหม ผมเจ็บมาก แต่หลังจากห้าปีผ่านไป ป๊าของกันก็เสีย และกันก็ขอหย่ากับหลินเพราะว่าเขาทั้งคู่ที่พยายามจะมีบุตรด้วยกันแต่ก็ไม่สามารถจนกระทั่ง กันมาตรวจกับผมอย่างละเอียดอีกทีนั่นแหละถึงได้รู้ว่า กันตภณเป็นหมันมานานแล้ว ผมกลับยิ้มดีใจผมกลัวเหลือเกิน ผมกลัวว่าถ้าหลินจะมีลูกกับกันและเรื่องระหว่างกันกับผมคงต้องจบ และช่วงนั้นผมกับกันตภณแอบมาคุยกันและนัดเจอกันบ้างแต่น้อยมาก ผมรักกันมากต่อให้เขาแต่งงานแล้วผมก็ตัดใจจากกันไม่ได้ เจ็บมากที่ต้องทำหน้าที่ได้แค่เพื่อนที่คอยมองเวลาเขาพาหลินมาเพื่อตรวจและหาวิธีที่จะมีลูกด้วยกัน

   จนกระทั่งวันที่กันได้หย่าขาดกับหลิน ทุกอย่างควรจะเป็นไปได้ด้วยดีถ้าไม่มี ผู้หญิงคนนั้นเข้ามา ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคือน้องสาวของหลินและคืนที่ผมไม่ได้ตั้งใจมันเปลี่ยนทุกอย่างไปหมด กันตภณตัดขาดการติดต่อจากผมปีกว่าแต่ก็ยังคุยกันแบบไม่ให้ม๊าไม่สบายใจทุกครั้งที่ม๊าเขามาโรงพยาบาล พูดคุยกันแค่ในสถานะของเพื่อน จนถึงวันทีเขาโทรมาหาผมอีกครั้ง เขาบอกว่ามีเด็กที่เป็นลูกศิษย์ ของเขาตั้งครรภ์ ต้องการให้ผมดูแลน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงนั้น มันทำให้ผมเจ็บมากว่าตอนที่เขามีหลินซะอีก แต่ผมกลับไม่โกรธบีม ผมเห็นบีมแบบนี้แล้วผมสงสารบีมมากกว่าโกรธแค้น

   ผมพยุงกันตภณออกมาจากรถเก๋งของผมที่นำเข้ามาจอดในโรงจอดรถเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่มีห้องรับแขกอยู่ชั้นล่าง ผมคงต้องให้กันนอนห้องนี้ก่อน ถามว่าเวลานี้คือโอกาสทองแต่ทำไมผมไม่ทำ เพราะผมรู้จักกันตภณดี ถ้าเขาไม่ให้ นั้นคือไม่ให้ ผมก็ปล่อยร่างนั้นนอนลงบนที่นอน



   “ภีมยังรักกันอยู่น่ะ ต่อให้กันจะบอกว่าเราไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่ภีมก็ยังรักและยังรอกันอยู่ และจะรอตลอดไป ต่อให้ต้องรอ” ผมพูดกับคนที่ยังคงไม่รู้สึกตัว ผมค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของกันภณออกจนหมดและผมก็เดินไปหยิบภาชนะมาใส่น้ำเพื่อเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้กัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำแบบนี้ ผมดูแลกันมาตลอดตั้งแต่เป็นแฟนกัน ตอนกันเป็นไข้ไม่สบายก็ดูแลอย่างใกล้ชิดแบบนี้ ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นไป ผมห่มผ้าห่มให้กัน ผมก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าผากของคนที่นอนหลับสนิท

      Part’ s กันตภณ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมเมื่อคืน เหมือนกับความทรงจำผมขาดหายไปช่วงขณะหนึ่ง ที่ผมพอจะจำได้คร่าวๆ คือผมไปที่ผับนั้นอีกครั้ง ผมสมัครเมมเบอร์เพื่อจะได้เข้าไปที่นั้น ผมจะไปถามหาไอ้ผู้จัดการนั้นให้ได้ ผมเองยังไม่อยากเชื่อว่าเธียรวิชญ์ ผมไปนั่งดื่มเพื่อรอพบกับไอ้ผู้จัดการร้านคนเก่า แต่ผมดันไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งเธอบอกว่าเธอเป็นผู้จัดการร้าน เธอก็พยายามชวนผมคุย แต่ผมหาได้สนใจเธอไม่ ผมดื่มแต่ไม่ถึงกับหนักและตั้งใจว่าจะกลับแต่ผมกลับรู้สึกมึนงงขึ้นมากะทันหัน และเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่ได้ และผมก็จำได้แค่นั้น มารู้สึกอีกทีภาพที่เลือนรางของคนที่คุ้นเคยที่เข้ามาพยุงผมพาผมออกจากตรงนั้นและนั้นภาพมันก็ตัดไปเลย จนตอนนี้

   “โอ๊ย!!” ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก หนังตาที่หนักอึ้งจนเหมือนมีก้อนหินมาทับอยู่ ผมค่อยๆ ยกฝ่ามือขึ้นมากุมขมับตัวเองเอาไว้ ก่อนจะฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผมมองเห็นฝ้าเพดานที่ไม่เหมือนห้องนอนของผมสักนิดแต่มันคุ้นเคยมาก ก่อนจะพลิกมองไปรอบด้าน ผมรู้ได้ทันทีว่าผมอยู่ที่ไหน โชคดีที่ผมไม่ได้ตื่นมาแล้วตัวเองนอนอยู่ในโรงแรมล่ะ ผมไม่เคยพลาดเรื่องแบบนี้เลยแต่ครั้งนี้ผมพลาดมาก ผมก้มลงมองลำตัวที่มีผ้าห่มปิดอยู่ครึ้งท่อน ไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่าไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ ปิดกายอยู่เลย

   “กัน” ผมสะดุ้งสุดตัว คนที่มาเรียกผมคนนั้นคือ หมอภีมปภพ เขาเดินถือถาดมาด้วย ผมหันไปมองเขาก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง

   “ทำไมต้องไปที่นั้นอีกละกัน ภีมบอกว่าที่นั้นมีอะไรที่ไม่ดี ถ้าภีมไปไม่ทันละกัน “หมอภีมปภพพูดกับผมก่อนจะส่งเม็ดยามาพร้อมกับแก้วน้ำมาให้

   “กินซะ ภีมรู้ว่ากันปวดหัวแน่ๆ “หมอภีมบอกผมก่อนจะส่งยามาให้ผม

   “และโชคดีแค่ไหนที่ภีมไปพาตัวกันออกมาซะก่อนที่จะโดนชะนีลากไป “ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าภีมปภพ

   “คิดว่าจะเหมือนที่ภีมทำกับกันเหรอ” ผมถามคนตรงหน้า

   “กัน เรื่องมันผ่านมาแล้วน่ะ ภีมรู้ว่าภีมผิด และภีมก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำให้กันเจ็บ แต่มันไม่ใช่ว่ากันเจ็บคนเดียวน่ะ ภีมก็เจ็บน่ะ เจ็บไม่แพ้กันเลยน่ะกัน “ภีมปภพพูดก่อนจะนั่งลง

   “แล้วมันควรไหม ที่จะนอกกายแถมยังไปนอกกายกับน้องสาวของหลิน ทั้งที่หลินก็รู้เรื่องภีมกับกัน เขารู้เรื่องนี้ดีและรู้มานานแล้วด้วยและหลินเลือกที่จะไม่พูด” ผมพูดพร้อมกับหันไปมองทางอื่นแทน

   “กัน ภีมขอโทษ ภีมไม่รู้ ว่าหมอสายป่านคือน้องสาวของหลิน และคืนนั้น ภีมก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป”

   “มันแค่ครั้งเดียวเองน่ะกัน ภีมเจ็บพอแล้วกัน” ภีมปภพพูดก่อนจะพยายามดึงผมเข้าไปกอด แต่ผมก็พยายามดันหมอภีมออก ผมพ่นลมหายใจออกยาวๆ

   “พอแล้ว จะกลับบ้านแล้ว ป่านนี้ม๊าเป็นห่วงแย่แล้ว “ผมพูด ผมพยายามจะไม่มองสายตาคู่นั้น มันอ้อนผมตลอดเวลา

   “เมื่อวานภีมส่งข้อความหาพี่เกริกแล้ว แต่บอกว่าภีมไปค้างบ้านเพื่อน ไม่ได้บอกว่าเมื่อคืนกันเมา” หมอภีมปภพบอกผม และเขายามาจ่อไว้ที่ปากของผม

   “กัน กินยาก่อนได้ไหมอย่าดื้อ กินซะ “และนั้นทำให้ผมต้องรีบรับเม็ดยามาทานเอง ก่อนจะหันไปรับแก้วน้ำกระดกน้ำไป

   “แล้วรู้ได้ยังไง ว่ากันไปที่นั้น” ผมหันมาถามหมอภีมปภพ เขาแค่หันมาชำเลืองตามองผม

   “ดูจากแอพพลิกเคชั่น คนห้า ภีมตั้งเอาไว้นานแล้วแสดงว่ากันยังใช้แอคเคท์เดิม” หมอภีมปภพบอกผม

   “อันที่จริง ภีมเดาว่า กันรู้ตั้งแต่นาทีแรกที่เห็นหน้าเจ้าลูกโซ่แล้ว ใช่ไหม ว่าใครคือพ่อเด็กตัวจริง “หมอภีมปภพพูด ผมเงยหน้ามองหน้าเขา ก่อนจะหลุบตาลง มองลอดเข้าไปในผ้าห่ม

   “ยอมรับว่ากระทำการอันอุกอาจแก้ผ้าออก ทั้งที่ยังไม่อนุญาตให้ภีมถูกเนื้อต้องตัวของกัน เพราะว่าเราไม่ใช่แฟนกันเหมือนเมื่อก่อน” หมอภีมปภพูดกับผม

   “เสื้อผ้าล่ะ อยู่ไหน “ผมหันมาถามหมอภีมปภพ

   “แขวนเอาไว้ให้แล้ว ซักรีดให้กันแล้วด้วยน่ะ “หมอภีมปภพพูด ผมรีบลุกขึ้น ผมยอมรับว่าผมกับหมอภีมปภพ ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทกันมาก่อน แต่มันมีหลายสิ่งที่ทำให้ผมไม่อยากจะดึงภีมกลับมาอยู่ในวังวนเดิมๆ เมื่อก่อนป๊าผมไม่ชอบความรักแบบนี้ พ่อของภีมก็ไม่ชอบแต่ด้วยความที่ภีมเป็นลูกชายคนเดียว ถึงเขาไม่ต้องพูดหรือว่าแสดงอาการชัดเจนเหมือนป๊าผม ผมก็เดาได้จากสายตาทุกครั้งที่ผมไปบ้านเขา ว่าเขาอยากให้ลูกเขามีครอบครัวที่ปกติเหมือนคนทั่วไป

   “หมับ” หมอภีมปภพ คว้าข้อมือผมเข้าไว้และเข้ามากอดผม เรือนร่างที่เปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่สักชิ้น

   “ภีม ปล่อย “ผมพูดก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้า ผมเองก็ไม่อยากใช่กำลังกับคนที่เคยรัก รักมากแต่ก็เจ็บมาก

   “ภีมปล่อย บอกให้ปล่อยไง!” ผมพูด พร้อมกับใช้แขนผมดันผลักแขนหมอภีมที่กอดผมเอาไว้จนหลุดออก ผมหันมามองหน้าภีม และหันหลังจะเดินออกจริงๆ

   “กัน น้องเขารู้เรื่องกันกับภีมแล้ว” หมอภีมปภพพูด ผมหยุดชงัก ก่อนจะหันไปมองหน้าเขา

   “เมื่อไหร่!” ผมถามหมอภีมปภพ

   “วันที่เขาพาเจ้าลูกโซ่ไปฉีดวัคซีนภีมบอกเขาเอง แต่ว่าบีมเขารู้ตั้งแต่ ที่เห็นเสื้อเชิ้ตที่กันสวมในวันที่ไปเปลี่ยนที่ห้องพักแพทย์ของภีม “ผมก็นิ่งไปพักหนึ่ง วันต่อมาผมสวมใส่มันอีกและบีมทักผมว่าเสื้อตัวนั้นหน้าตาคุ้นๆ ผมสะบัดแขนหมอภีมให้เขาปล่อยผม

   “กัน เขาบอกว่าเสื้อตัวนั้น เขาก็เป็นคนซื้อให้กันและกันก็ใส่มันวันที่มีงานเลี้ยงส่งอาจารย์ที่เกษียณอายุ น่าจะเมื่อสองปีก่อน “หมอภีมปภพพูด “วันนั้นภีมไปรับกันออกมาจากงานและเราก็มาค้างกันที่โรงพยาบาล เพราะว่าภีมมีเครสด่วน “หมอภีมปภพพูด ใช่และผมทำแบบนั้นจริง และนั้นคืออารมณ์ที่เผลอไปของผมทั้งที่ผมเลิกกับภีมปภพไปได้สองสามปีแล้ว และนั้นก็แค่ครั้งเดียวของผมกับภีมจริงๆ

   “กันไปหาไอ้ผู้จัดการคนเก่าทำไมล่ะ ในเมื่อกันก็รู้ความจริงตั้งแต่วันที่กันไปพบมันแล้วไม่ใช่เหรอ” หมอภีมปภพถามผม ผมหันไปมองหน้า

   “ใช่ ภีมตามกันไป และภีมก็คิดว่ากันรู้ก่อนที่บีมจะคลอดซะอีก กันรู้ว่าใครคือพ่อเด็กจริงๆ “ผมนิ่งเงียบใช้รู้มาตลอดมาคืนนั้นคนที่ไปทำแบบนั้นคือหลานผมเอง

   “ใช่ไหมกัน”

   “ใช่!! กันรู้ ว่าคนที่ทำกับบีมคืนนั้นคือหลานของกันเอง และคนที่หลานกันมันทำคือคนที่ กันรัก!! “ผมหันไปบอกหมอภีมปภพ เขายืนมองผมด้วยสีหน้าและแววตา ที่เจ็บปวดแต่ผมเจ็บมากกว่านี้อีก วันที่ผมมาหาเขาและเปิดประตูมาเจอเขานอนอยู่กับผู้หญิงคนนั้น

   “แต่กันไม่ใช่พ่อของเด็ก แล้วกันจะเอาน้องเขามาทำไม กันก็ควรจะให้คนที่เป็นพ่อเด็กเขาดูแลซิกัน” ผมหันไปมองหมอภีมปภพ

   “ทำไมล่ะกัน และนั้นก็หลานกันไม่ใช่เหรอ เธียรวิชย์น่ะ”

   “ใช่หลานกันเอง แต่ว่า”

   “กันรักบีม และกันก็คิดว่าบีมจะไม่ทำเหมือนที่ ภีมทำไงและนี้ ก็ไม่ใช่ความผิดของบีมเขา ถ้าวันนั้นกูห้ามเขาไม่ให้เขาไปทำงาน เรื่องพวกนี้ก็ไม่เกิดขึ้นไหมว่ะ” ผมพูด ผมมองหน้าหมอภีมปภพ

   “ปล่อย….จะกลับบ้าน “ผมพูดและสะบัดและรอบนี้ผมสะบัดจนหลุดมาได้

   “กัน ภีมยังรักกันอยู่น่ะ และวันนั้น ภีมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปมีอะไรกับเขา เขาแค่ต้องการมาทำให้กันกับภีมมีปัญหากัน แค่นั้น “หมอภีมปภพพูด

   “เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากเพราะภีมเองไม่ใช่เหรอที่ไม่รู้จักพอไงภีม” ผมพูดก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะรีบออกไปทันทีเช่นกัน ผมดูใจร้ายแต่การที่คนรักนอกกายมันเจ็บมากกว่า และการเสียชีวิตของป๊าผมมันก็มาจากที่ผมกลับไปมีสัมพันธ์กับภีมอีกครั้งจนป๊าเครียด แต่ผลที่ผมได้รับหลังจากนั้นคือคนรักนอกกายไปนอนกับคนอื่น ผมรีบเดินลงมาชั้นล่าง และสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจคือรถผมมาจอดที่หน้าบ้านภีมปภพ ผมรีบเข้าไปในรถคันหรูของผม

   //รองศาสตราจารย์ค่ะ มีประชุมด่วนค่ะ รบกวนอาจารย์เข้ามาที่คณะได้ไหมคะ//

   //ได้ครับผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้// ผมกดวางสายผ่านบลูทูธก่อนจะเดินรีบขับรถออกไป และขับตรงไปที่มหาวิทยาลัยทันทีทั้งที่วันนี้ผมไม่มีสอน


   TBC...
3
EP.4 พี่เดฟเสียดายว่าน NC

                Part's พี่เดฟ หลังจากอาบน้ำเสร็จและออกมานั่งดู การแข่งขันฟุตบอลพรีเมีย์ลีก ผมยังอยู่ใน ผ้าขนหนู ก็เอ็กซ์บอกว่าเด็กกำลังมาถึง และเอ็กซ์เดินลงไปรับแล้วด้วย ผมยังคิดอยู่เลย เรื่องของน้องว่าน ผมนี่แสนจะเสียดาย น้องเขาจริงๆ ไม่ได้ชมว่าผมดีกว่าแต่ ดูแล้วไอ้เด็กนั้นไม่ได้รักและถนอมน้องว่านของผมเลย

          "เดฟ ไม่ค่อยรีบเลยนะ” ผมเงยหน้าขึ้นมามองเอ็กซ์พาน้องปอยด์ที่น่ารักขึ้นมาแล้ว น้องเขานักแสดงสมทบ ไม่ได้ดังมากแต่ก็มีผลงานหลายเรื่องอยู่ เป็นเด็กหนุ่มเจ้าสำอาง ตัวเล็กๆ ตัดผมทรงม้าเต่อ น้องเขายิ้มาที่ผมทันทีก่อนมองผมที่นุ่งผ้าเช็ดตัวแบบหมิ่นๆอยู่ ผมยิ้มให้น้องเขา นี่ผมสองคนไม่เจอน้องเขาสองเดือนกว่า ไปดัดฟันมา น่ารักขึ้นแถมยังเข้าทางไอ้เอ็กซ์มันด้วย เอ็กซ์มันชอบฟันเหล็กเด็กแนว แต่ผมไม่ชอบสไตล์นี้ ถ้าจะให้คบเป็นแฟน

         "สวัสดีครับพี่เดฟ"ดูเดินมาไหว้แนบอกผมเลย

          "แม้ที่พี่เดฟไหว้แนบอก "เอ็กซ์แซวน้องเขา
         
          "แหมก็ข้างล่างคนเยอะ ปอยด์ไม่อยากโดนถ่ายรูปนี้ครับ"ปอยด์พูดเพิ่งเข้าวงการใหม่ๆ

          "ไม่เจอพี่เดฟ สองเดือน ดูกล้ามซิ ปึกกว่าเดิมอีกอะ น่ากินอะ"ดูน้องพูดเข้าซิพร้อมกับหันมากัดปากเซ็กซี่โชว์ผมด้วยน่ะ ผมหยักคิ้วให้เอ็กซ์ว่า ผลคะแนนโหวตของผมนำมันแล้วนะ เอ็กซ์มันไม่ชอบหุ่นกล้ามใหญ่ๆ เลยไม่ยอมเล่นกล้ามแบบผม มันเลยเหลือกตาขึ้นบนทันที ฮาๆ

          "พี่เดฟ น่ากินอะ! หมั่นไส้! "เอ็กซ์ทำเสียงล้อเลียนน้องเขาและเอ็กซ์คงเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุด น้องที่นั่งข้างผมก็เอามือจับหนอนยักษ์ของผมทันที ผมไม่ได้สวม กกน ก็เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ผมนั่งอยู่ที่โซฟา

 
            "แสดงว่าพร้อมรบ"น้องปอยด์พูดกัดปากนิดหน่อย

           "พร้อมเสมอ "ผมพูดและพยักหน้าไปที่เตียงกันดีกว่า น้องปอยด์ลุกและเดินไปที่เตียงกับผม น้องปอยด์ ถอดเสื้อผ้าออก ผมขึ้นไปรอบนเตียง ดูท่าถอดก็ยั่วยวนเต็มที ผมก็มองน้องปอยด์ แต่กลับไม่ใช่ภาพน้องปอยด์ตรงหน้าผม กลับกลายเป็นน้องว่านที่น่ารักของผม นี่ผมเป็นเอามากจนต้องสะบัดไล่ความคิดบ้าๆ ออกไปก่อน

          "งั้ม"ปอยด์ขึ้นมานั่งคุกเข่าตรงหว่างขาผม และทำท่าทางเลียนแบบแม่เสือสาว อยากจะขย้ำของผมแย่แล้วแถมทำปากจะกัดกินได้เซ็กซี่สุดๆ

           "ไม่รอกันเลยนะ "ไอ้เอ็กซ์ออกมาพอดี

           "พี่เดฟเขาพร้อมแล้วนี่พี่เอ็กซ์ "น้องปอนด์พูด และคลานเข้ามาหาผม พร้อมดึงผ้าเช็ดตัวออกไปและเผยให้เห็นมังกรยักษ์ของผมน้องเข้าตรงมา จัดการเหมือนไอติมของโปรดและเอ็กซ์ก็สวมถุงและขึ้นมาเข้าทางด้านหลังน้องเขา ผมหยักคิ้ว

          "ให้น้องจัดการมังกร มึงด้วยปากน้องเขาไปก่อน กูขอเข้าประตูสวรรดิ์น้องเข้าเลยว่ะ กูรีบ"เอ็กซซ์พูด ผมก็เอามือกดหัวน้องเข้าไว้ กำลังเคลิ้มมากเลย

           "อืมม อืมม โอ้วว เยี่ยม โอ้ว"ผมครางนิด นิด

           "ตับ ๆๆ "อีกคนก็ซอยด้านหลังน้องเข้าโยกไปโยกมา

            "เป็นไงบ้างครับน้องปอยด์ ปืนใหญ่พี่เป็นไงบ้างครับ อู้ย "เอ็กซ์พูด

            "อีเอ็กซ์เอาออยๆ อ่อย "น้องเขาอมไปด้วยพูดไปด้วย

            "เอาอีกหน่อย เอาแรงขึ้นเหรอ ซาดิสนะเนี๊ยะ"เอ็กซ์พูด ผมหยักไหล กูไม่รู้

            "พี่เอ็กซ์เบาๆ กับผมหน่อย โยกซะหยักกับควบ วัวกระทิง "น้องเขาปล่อยของผมหันไปบอกคนที่เด้งสวนอยู่ตรงบั้นท้ายน้องเขา แรงกระแทกมันทำให้น้องโยกไปมาก

           "ก็ได้ยินเอาอีกหน่อย ก็นึกว่าเอาแรงอีกหน่อย"ไอ้เอ็กซ์พูด

           "ก็มันเต็มปากอะ แล้วก็แซ่บด้วย"น้องเขาพูด ของผมแซ่บครับ ผมหยักคิ้วให้เอ็กซ์อักแล้ว

            "พูดอย่างนี้ว่าของพี่เล็กนี้ครับ"เอ็กซ์ สักพักก็เปลี่ยนเป็นผม ไปทำหน้าที่คาวบอย บ้างควบน้องเขา ค่อยดีขึ้นหน่อยได้ปลดปล่อย แต่หัวผมยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าของน้องว่าน น่ารักจริงๆ คนอะไร หลังจากที่ผมสองคนผ่านสมรภูมิรบกันบนเตียงจบลง ผมก็ออกมานั่งจิบเบียร์กระป๋องที่สามต่อ ผมมองได้เอ็กซ์ที่เขาไปต่อกับน้องเขาในห้องน้ำ ออกมาพร้อมกัน คงเรียบร้อยอีกแล้ว น้องเขาแต่งตัวแล้วด้วย

             "ปอยด์ต้องกลับกองแล้ว พรุ่งนี้มีถ่ายทำแต่เช้าตรู่ ไม่อย่างนั้นผมคงอยู่ค้างกับพี่แล้วแหละครับ "ปอยด์พูดด้วยน้ำเสียงที่เสียดายสุดซึ้งแต่พวกผมรีบโบกมือ ไม่เคยชวนน้องที่มาแค่บำเรอค้างด้วยสักคน และเอ็กซ์ก็ส่งธนบัตรให้ปึกหหนึ่ง ผมหยิบมือถือเอ็กซ์ที่วางอยู่มากดไล่ดูรูปภาพที่วันนี้เอ็กซ์ถ่ายเอาไว้ตอนที่คุยกับเด็กๆ ทีมนักฟุตบอล

             "เอ็กซ์ นี้มึงถ่ายรูปนักกีฬาไว้ด้วยเหรอ"ผมถามเอ็กซ์

            "รูปปว่านกูก็ถ่ายเอาไว้"เอ็กซ์พูด

 
             "จริงดิ"ผมรีบกดเลื่อนหาทันที

            "มันแอบปิ้งเด็ก"ไอ้เอ็กซ์บอกน้องปอยด์

           "เด็กที่ไหนอะ ปอยด์ไม่ยอมนะ"ปอยด์พูดผมเงยหน้ามอง ทำไมถึงไม่ยอมในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกันแค่ธุรกิจหลับนอนแค่นั้นเอง

           "ปอยด์พี่ตกลงกันแล้วนะ ว่าเราแค่ธุรกิจกัน อย่าเยอะ"เอ็กซ์มันคงไม่คิดว่าปอยด์จะเหวี่ยง ปอยด์ก็เงียบไปเลยในทันที ผมรู้ว่าน้องเขาพยายามแสดงตัวว่าคบกับผมสองคนอยู่เหมือนกัน

 
            "ถ้าเยอะพี่จะไม่เรียกอีก"เอ็กซ์พูด สีหน้ามันจริงจัง และผมก้มหน้าก้มตาดูรูปต่อจนเจอนี้ไงว่าน มันแอบถ่ายตอนว่านกำลังคุยกับไอ้ดิว กับไอ้โซ่ ยิ้มน่ารักจริงๆ ทำเอาผมต้องกดซูมดูแล้วดูอีก

            "เดฟ กูลงไปส่งน้องนะเอาอะไรเพิ่มไหม"เอ็กซ์ถามผม

 
            "เบียร์มาสัก หกกระป๋องดิ"ผมหันไปบอกเอ็กซ์และเอ็กซ์ก็พยักหน้าตอบและพาน้องปอยด์ออกไปทันทีเช่นกัน ผมเห็นรูปน้องว่านแล้วนึกถึงเด็กที่ทำร้ายว่าน อยากกระทืบมันให้หนักกว่าที่ทำอีก ทำไมวานถึงยอมเป็นแฟนมัน ต้องมีอะไรสักอย่าง ไอ้ดิวน้องรักผมน่าจะรู้ ผมก็กดสายโทรออกหาไอ้ดิวทันที

            "ดีครับพี่เดฟ"ไอ้ดิวมันรับสายผมอย่างรวดเร็วเหมือนรอผมอยู่

            "ดิว ว่างหรือเปล่า"ผมถามก่อนยุ่งอยู่หรือเปล่า

            "ว่างพี่แต่อีกสักพักจะไม่ว่าง"ไอ้ดิวแสดงว่าอยู่กับแอ้

 
            "ดิววันนี้พี่ไปส่งว่านมา เห้ย! น้องเขามีแฟนแล้ว ไม่ดิ มีสามีแล้ว"ผมพูดกับดิวน้องชายผม

 
             "อืมม ก็ยังไม่ทันได้บอกพี่เดฟอะ แฟนว่านคือน้องไอ้ภาคิน ไอ้เด็กคนนี้ที่ถูกรุมกระทืบในโรงเรียนและพวกผมเข้าไปช่วย "ดิวบอกผม เออตรงกับที่ว่านพูดเลย

            "ทำไมเป็นแฟนไอ้เด็กนั้นวะดิว มันทำร้ายว่านด้วย ดูก็รู้ว่าเด็กกว่าเยอะ"ผมพูดยังเจ็บใจอยู่เลย

            "รู้มาว่าทำร้ายบ่อย แต่ถ้าไอ้ภาคินมันอยู่ มันไม่กล้าหรอก ดังนั้นว่านจึงอยู่ติดไอ้ภาคิน "ดิวพูด ผมนึกได้คนที่พาว่านเข้าบ้านนั้นเอง

            "เออไอ้คนนั้นเองมันพาว่านเข้าบ้าน และวันนี้พี่ต่อยน้องมันว่ะ ที่หน้าบ้านมัน"ผมบอกดิว ว่าผมต่อยเด็กนั้นที่หน้าบ้านมันด้วย

            "เห้ย! จริงดิพี่ไปต่อยเขาถึงหน้าบ้านมันเลยเหรอ ฮาๆ "น้องผม มันพูดแถมยังหัวเราะผมด้วย

           "ผมไม่รู้จริงๆ พี่แต่จะสืบให้ว่าทำไม ว่านถึงเป็นแฟนไอ้คีย์"ดิวพูด

           "พี่เดฟ ตกลงอาภีมจะไปค่ายฯ ไหม ถ้าไม่พวกผมจะไปหาลูกๆ กันคิดถึงมาก"ไอ้ดิว คงอยากให้ผมถามเอ็กซ์ให้ ผมไม่อยากถามเลยเพราะมันเริ่มสงสัยแล้ว แต่เพื่อน้อง

           "เดี๋ยวพี่จะถามให้นะ นี้ว่าจะกลับวันหยุดคิดถึงเหมือนกันอยากจะฟัดลิงสามตัวแย่แล้ว "ผมพูดคิดถึงหลานๆ

           "โอเค งั้นแค่นี้แหละดิว ดูแลแอ้ดีดีนะ เห็นว่าไม่ค่อยสบาย คนนี้สำคัญนะดิว"ผมพูดเชิงสั่งไอ้ดิว แอ้น่ะเป็นที่รักของบ้านผมมากเช่นกันไม่แพ้ หลานๆ ผม ผมรักแอ้ เหมือนน้องแท้ๆ ยิ่งมีหลานที่น่ารักให้พวกผม พวกผมยิ่งรักและเป็นห่วงเผลอๆ จะมากกว่าไอ้ดิวน้องพวกผมอีก 555

           "แอ้สำคัญสำหรับผมเสมอพี่เดฟ เขาคือหัวใจของผมและลูก"ดิวพูด

          “ดีแล้วแหละดิว พวกพี่ก็รักแอ้ไม่แพ้หลานๆ ดังนั้นดูแลให้ดีดีน่ะ “ผมบอกน้องชายรองคนเล็กของผม

          "เออดิวแค่นี้น่ะไอ้เอ็กซ์เข้ามาแล้ว บายว่ะดิว"ผมบอกดิวก่อนจะรีบกดวางสายก่อนที่เอ็กซ์มันจะเห็นว่าผมมีพิรุจและมันอาจจะซักถามจนผมนี่แหละที่ทำความลับไอ้ดิวแตกก่อนที่มันจะพร้อมบอกความจริง เอ็กซ์ก็เปิดประตูเข้ามา ผมเดาว่า คงไม่ได้ยินที่ผมคุยกันแน่นอน เอ็กซ์ค่อยๆ นั่งลงข้างๆ ผม

          "ดูสีหน้านอยด์ มีไรวะ คุยกับใคร"เอ็กซ์ถามผม

           "โทรหาไอ้ดิว ถามเรื่องว่าน"ผมตอบเอ็กซ์

           "มึงไม่ถามว่านเองละว่ะ จะได้รู้กันไปเลย"เอ็กซ์พูดและเปิดเบียร์ส่งมาให้ผมกระป๋องหนึ่ง

          "วันนี้กูไปเจอแฟนของน้องว่านและเขาก็อยู่บ้านเดียวกัน"ผมหันมาพูดกับเอ็กซ์

          "พล้วด! "เอ็กซ์พ่นเบียร์ออกมาทันที ดีที่ไม่ได้นั่งตรงข้ามมันน่ะ มีหวังผมคงได้อาบน้ำอีกรอบ

          "ว่านมี สามีแล้ว"ไอ้เอ็กซ์พูดผมสะบัดหน้าไปมองมัน บอกว่าแฟนไม่ได้บอกว่าสามีสักหน่อย ถึงได้เด็กนั้นมันจะบอกว่านอนด้วยกันทุกคืนก็เถอะ

          "กูบอกว่าแฟน แค่แฟน"ผมพูดกับมันยังไม่ได้บอกว่าน้องเขามีสามีแล้วซะหน่อย

          "เชี้ย บ้านเดียวกันก็ สามีแล้ว เรียบร้อยไปแล้วและมึงก็ “ไอ้เอ็กซ์พูด ผมหันไปมองมันจะย้ำทำไม

           “อย่าบอกน่ะว่ามึงนอยด์สามีน้องเขาน่ะ"ไอ้เอ็กซ์ต่อ ผมหันมามองหน้าเอ็กซ์อีกที นี้เดาเก่งเหมือนกับเข้าไปนั้งดูเหตุการณ์มาเลยน่ะ

           "เออ กูยอมรับว่ากูนอยด์ว่ะ "ผมตอบเอ็กซ์และกระดกเบียร์ดื่มทันทีเพื่อย้อมใจ

           "Shit! เห็นเงียบๆ ฟาดเรียบนะน้องว่านกู"ไอ้เอ็กซ์พูดขึ้น ใช่เห็นเงียบๆ น้องว่านมี .... ไม่อยากพูดมันให้มันซ้ำเติมหัวใจดวงน้อยๆ ของเดฟ กระดกเบียร์เข้าไปอีก

           "แต่เด็กนั้นมันทำร้ายว่าน กูก็ต่อยมันไปแล้ว ตอนส่งว่านที่หน้าบ้านไอ้เด็กคนนั้นน่ะ"ผมหันมาพูดกับเอ็กซ์

           "เด็กนั้น แสดงว่าอายุน้อยกว่า"เอ็กซ์ หันมาเอาแขนพาดไว้ที่ขอบโซฟาก่อนะจะหันมองหน้าผม ผมพยักหน้าว่าใช่

           "แถมมึงต่อยเด็ก"มันพูดก็ถูกผมพยักหน้ายอมรับว่าใช่อีก ผมต่อยเด็ก

            "หน้าบ้านเขาอีก"ผมพยักหน้าใช่ ผมต่อยหน้าบ้านมันเลย

            "แถมมึงก็กำลังเล่นชู้กับเมียมันอีก"ไอ้เอ็กซ์พูด อันนี้ไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยจริงๆ ผมหันมามองหน้าไอ้เอ็กซ์ มึงจะปลอบหรือจะซ้ำกันแน่

            "มึงนี้แม่งเชี้ยจริงๆ! "ดูมันพูดด้วยน้ำเสียงที่ตอกย้ำผมมาก ไม่มีเลยที่จะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาสักนิด

            "มึงนี้ก็ช่วยกูมากครับเอ็กซ์"ผมหันพูด ก่อนจะหันมากระดกเบียร์ดื่ม

             "ฮาๆ กูล้อเล่น "ไอ้เอ็กซ์หัวเราะผม แต่ผมแสดงอาการงอนไปเรียบร้อยแล้ว

            "ไม่เอานะ มีเด็กๆ น่ารักอยากจะงาบมึงเยอะแยะไปเดฟ"เอ็กซ์พูด ผมยอมรับว่ามีเยอะ เด็กที่หามานี้ก็พยายามจะติดต่อผมอยากจะจริงจังกับผมแต่ผมปฏิเสธอ้างว่าพ่อไม่เห็นด้วยและผมเองก็ไม่อยากมีห่วงเพราะอาชีพของผม ว่าไปต่างๆนานา แต่จริงๆ พ่อไม่เคยว่าเลยสักนิด และน้องๆส่วนใหญ่ยังไม่ใช่ที่ผมต้องการ เคมียังไม่ตรงกัน

             "กูไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนี้กับทุกคนนะมึง แทบจะไม่ดีเลยดีกว่ากว่าว่ะเอ็กซ์"ผมพูดและกระดกเบียร์หมดไปหนึ่งกระป๋อง

              "ว่านไม่คู่ควรกับเด็กเวรนั้น"ผมพูดออกมา

               "แล้วควรคู่กับใครอะ มึงเหรอว่ะเดฟ มึงควรจะยอมรับเถอะ มึงนะเจอเขาช้าไป เคยฟังเพลงไหมเดฟ” ไอ้เอ็กซ์มันอบกผมก่อนจะ

               “ผิดที่เราเจอกันช้าไป บร้าๆ "และมันก็เริ่มบรรเลงเพลงให้ผมฟัง ผมแอบคิดในใจว่ามันใช่เวลาที่ควรจะร้องเพลงนี้ไหม ฟังแล้วมันเจ็บ ผมควานหารีโหมด และหันมากดปุ่มสีแดงใสมัน

              "ปิดใช่ไหมเนี๊ยะ"ไอ้เอ็กซ์ ถามผม

              "เออ! ไม่เอาเพลงนี้ กรูเจ็บ สัส! "ผมพูด และเปิดกระป๋องใหม่มาดื่มทันที

             "เอ็กซ์ อาภีมไปที่ค่ายฯ ไหมวะ อาทิตย์นี้"ผมถามเอ็กซ์ก่อนที่มันจะทำท่าลุกขึ้นไป

             "ไม่อะพ่อบอกไม่ไป มีอะไรหรือเปล่า ช่วงนี้มึงถามหาพ่อกูบ่อยว่ะ มีอะไรกับพ่อกูหรือเปล่าว่ะมึงเนี๊ยะ"ไอ้เอ็กซ์พูดขึ้น เอาแล้วไง เดฟผู้ที่โกหกไม่เนียนต้องไปเรียนมาใหม่

               “มึงจะบ้าเหรอ และนั้นก็อากู ที่เคารพรักและหวานใจพ่อกู กูไม่กล้าเล่นของสูงของพ่อกูแน่นอน “ผมพูดกับไอ้เอ็กซ์

             “จริงอะ” ไอ้เอ็กซ์พูดและหันมาเหล่ตามองผม มันยื่นหน้ามาแบบกระชั้นชิดมากจนผมต้องดันหน้ามันออก

             "นี้กูมีเอกสารที่ให้อาเซนต์ไง จำไม่ได้เหรอ "ผมพูดพร้อมกับทำสีหน้าจริงๆ จังใส่มันเอาไว้ก่อน

              "เออกูก็ยังไม่ได้ให้พ่อกูเซนต์เหมือนกันว่ะ งั้นเอามาดิ เพราะว่าเราต้องเข้ากรุงเทพพรุ่งนี้กันน่ะไอ้เดฟครับ "ไอ้เอ็กซ์พูด เออ ผมก็ลืมไปเลย

             "แล้วจะกลับที่ค่ายเลยไหมว่ะมึง กูอยากจะกลับวะ เบื่อ กทม ไปหา เด็กตจว อิบ อิบ ดีกว่า"เอ็กซ์พูด มันเคยคิดอะไรมากกว่าอิบ อิบไหม ผมอยากรู้ มันหันมาหยักคิ้ว

             "เพราะเด็กตจว ถ้าจะแร๊งกว่าและใสๆ ไม่มีพิษมีภัย เด็กกทมบางคน "ไอ้เอ็กซ์มันพูดแซวถึงว่านแน่นอน ผมก็เลย หาว่าว่านแรง

              "ตุบ! "ผมหันมาคว้าหมอนอิงและปาใส่เอ็กซ์พื่อให้มันหุบปาก

             “กูมีขึ้นเวรให้พ่อกูวันอาทิตย์ตอนเช้าว่ะ “ผมบอกกับไอ้เอ็กซ์ว่าผมต้องไปขึ้นเวรโรงพยาบาลด้วย

             “จริงดิ ไปด้วยดิ เพื่อว่าเจอเด็กน่ารักมึงตรวจไม่ละเอียดพอกรูจะได้ช่วยตรวจซ้ำ” ไอ้เอ็กซ์พูดผมก็หันไปมองหน้าไอ้หื่นกาม มันนี้แหละที่จะทำให้ผมโดนพ่อผมด่าเอา แต่จะว่าไปมันก็ขยันไปนั่งรอผมตลอด ผมขึ้นเวรแทนไม่เกินสามชั่วโมง เพราะว่าผมไม่ค่อยถนัดลงตรวจคนไข้เท่าไหร่

             “มึงไม่ไปไหนหรือไงว่ะเอ็กซ์” ผมหันมาถามเอ็กซ์

             “ไม่ว่ะ ถ้าอย่างนั้นกูขับรถไปรับมึงนะเดฟน่ะ “เอ็กซ์บอกผมน้ำเสียงกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ผมก็พยักหน้าว่าได้ แต่ก็ดีผมยิ่งขี้เกียจขับรถอยู่แล้ว มีคนขับให้นั่ง

             "นอนได้แล้วเดฟ อย่าดื่มมากพรุ่งนี้ขับรถนะมึงน่ะ "เอ็กซ์พูดผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้เอ็กซ์

            "ขับไหวนะ ไม่ไหวมึงก็ขับไง"ผมพูดพร้อมกับฉีกยิ้มให้ด้วย

            "ดีจริงอะไรจริง ไปนอน กูอยากกอดมึงแย่แล้ว เดฟจร๊า"เอ็กซ์พูดและดูมันไม่พูดเปล่าตรงปรี่มาเลยนะ

            "ไม่เอาไอ้เอ็กซ์ สยองวะ ตั้งแต่นั่งดูแต่รูปถ่ายคู่แล้ว นอนห่างๆ กันเลย ไอ้นี่น่ากลัววะ "ผมพูดพร้อมกับยันมันเอาไว้ อันที่จริงผมสองคนก็หยอกเล่นกันแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ผมจำได้ว่าผมเจอมันตอนเล็กๆ มันกัดผม เป็นรอยฟันเลย มีกี่ซี่มาหมด นึกแล้วก็ขำ ผมเก็บทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและเอาใส่เครื่องล้างจาน ก่อนจะเดินตามเข้าไปในห้องนอน ผมเห็นเอ็กซ์มันนอนอยู่แล้ว และดูท่าจะหลับแล้วด้วย ผมก็ค่อยๆ ขึ้นไปบนเตียงนอนและก่อนจะทิ้งตัวลงนอน ผมค่อยๆ เอี้ยวตัวไปมองคนที่หลับสนิท จะว่าไปเอ็กซ์มันหน้าตาดีน่ะแต่มันกลับไม่คิดจะมีใครสักคนที่จริงจังสักที และอยู่ติดกันกับผมแบบนี้ และถ้าผมมีแฟนจริงๆ ล่ะ เช่นถ้าว่านเขาเปลี่ยนใจมาเลือกผมล่ะ ผมจะทิ้งมันได้เหรอ แต่ถ้ามีแฟนมันก็ต้องมีเวลาให้แฟนมากกว่า แค่คิดก็รู้สึกใจหายแปลกๆ แต่จะให้ควงมันไปสามพีกับน้องว่าน ไม่เอาเด็ดขาด คนอื่นน่ะได้แต่ยกเว้นคนนี้ ผมคิดในใจ สงสัยต้องเริ่มห่างกันสักพักเพื่อไม่ให้เป็นการหักดิบกับมันเกินไป

        TBC...
4
               
EP.6 สิ่งตุ๊หามันขยับเข้ามาเรื่อยๆ

                Part’s ตุ๊ ผมพาพัฒน์ออกมาจากงาน ผมรู้ว่าว่าน้องๆไม่อยากให้ผมพาพัฒน์ไป แต่พัฒน์ก็เคยเป็นเพื่อนรัก รักเพื่อนคนนี้มากจนอยากจะช่วยให้ขวัญ ดีขึ้นและขวัญเขาชอบผม พัฒน์บอกผม ผมเลยถามว่าทำไมพัฒน์อยากให้ผมลองคบกับขวัญ เขาบอกผมว่าขวัญป่วย อย่างน้อยมีคนรักขวัญจะได้ดีขึ้น ตอนนั้นผมไม่ควรคบกับขวัญทั้งที่ผมไม่ได้รักเขา ผมไม่ควรและครอบครัวขวัญก็รักผมอีก ชอบผม ไม่รู้ว่าชอบเพราะว่าผมเป็นลูกชายพ่อภาคย์หรือเปล่า ทุกวันนี้เขาก็ยังเหมือนให้ผมไปหา เขายังทำเหมือนผมยังคงเป็นแฟนของลูกชายเขาอยู่ทั้งที่ขวัญเสียไปแล้ว  ผมตื่นมาแต่เช้าตรูเพราะว่าผมได้รับอิเมลจากต๊ะ บอกว่าต้าร์หนีมากรุงเทพ ผมเลยต้องรีบไปรับน้องตัวแสบ นี้คงแอบมาหาไอ้อ้นใช้ไหม พอเห็นว่ามันกลับมาก็แอบมาหาเลย ผมเลยต้องแต่งตัวออกไปหาแต่เช้ามืดเลย

           “พี่ตุ๊” ผมหันมามองหนุ่มร่างบางๆ ที่เดินเข้ามาในห้องของผม น้องพัฒน์หรือครูพัฒน์ พัฒน์เป็นลูกที่พ่อผมเอามาเลี้ยงแป็นบุตรบุญธรรม แต่พ่อผมให้ความรักไม่ต่างจากลูกแท้ๆ และนี้แหละที่ทำให้ผมไม่กล้าจะแสดงออกมากว่าผมรักเขาเกินกว่าน้องของผมอีก ผมหันมายิ้มอ่อนๆ ให้พัฒน์
 
          “พี่ตุ๊จะไปหาต้าร์จริงๆ เหรอ พัฒน์คิดว่าพี่” พัฒน์ถามผมเหมือนทำท่าจะค้านผม
 
          “พี่จะไปดักรอ ต้าร์นะมีอะไรปิดพี่อยู่พัฒน์” ผมหันบอกพัฒน์ พัฒน์เดินมาจัดปกเสื้อโบโลของผม วันนี้วันหยุดผมก็สวมชุดลำลองสบายๆ ไม่ต้องสวมสูทผูกเน็กไท ผมดูแลทั้งโรงเรียนและโรงแรมของพ่อที่มีหลายแห่งมาก นี้ก็จะรอให้น้องๆ จบมาจะได้กระจายกันไปดูแลให้ทั่วถึง ผมมีโรงแรมที่ต่างประเทศกันด้วย ตอนนี้ต๊ะมันดูแลอยู่เลยให้ต๊ะเป็นคนดูแลน้องแฝดกับต้าร์ให้ตั้งใจเรียนให้จบ แฝดน่ะกำลังจะจบปริญญาโทแล้ว
 
             “พี่ตุ๊งั้นพัฒน์ขับรถกลับไปก่อนนะครับเพราะว่าผมมีการบ้านเด็กที่ต้องรอตรวจเยอะเลย พี่ตุ๊ก็กลับไปวันพรุ่งนี้ก็ได้นะครับ พี่ตุ๊ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ  ” พัฒน์บอกผม
 
             “พัฒน์ รอไปพร้อมพี่ซิ จะไปก่อนทำไมล่ะ พี่ก็ต้องไปที่นั้น ลืมไปแล้วหรือไงว่าพี่เป็น…” ผมบอกพัฒน์

             “ผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว ผมทราบครับ” พัฒน์พูด

            “แต่พี่ก็มีรถนิ” พัฒน์พูด
 
            “พี่ไม่อยากให้พัฒน์ขับรถไปตามลำพังมันไกล ไปคันเดียวกันนี่แหละ “ผมบอกพัฒน์
 
            “เออ..”
 
             “รอพี่..ห้ามไปก่อน ถ้าพี่กลับมาและไม่เจอ พี่ทำโทษน่ะ คุณครู ” ผมหันไปบอกพัฒน์
 
            “พี่ตุ๊.....พี่จะไปอยู่ที่นั้นทำไม พี่ควรจะอยู่ทำงานสบายๆสาขาในกรุงเทพดีกว่าไหม”พัฒน์ถามผม
 
            “พี่ต้องไปเพราะว่าจะให้น้องๆ แก้ปัญหากันเองเหรอ ...มันใหญ่เกินไปสำหรับพวกเขาพัฒน์” ผมบอกพัฒน์
 
             “ถ้าแก้ปัญหาจบ พี่จะให้พัฒน์กลับมาทำที่กรุงเทพนะเพราะว่าพ่อคิดถึงและเป็นห่วงเรา..พัฒน์ ” ผมบอกพัฒน์

             “นี่แหละที่พี่เลือกไป”ผมพูด พัฒน์มองหน้าผม และสักพักพัฒน์กลับหลบสายตาผม หันหน้าหนี (จริงๆ อยากจะบอกว่าผมนี้แหละที่เป็นห่วงเขา) บางครั้งผมก็รู้สึกว่าผมกับพัฒน์เหมือนมีบางสิ่งขั้นกลางระหว่างผมกับเขาและมันเป็นแค่เส้นบางๆ
 
              “พ่อไม่ได้ต้องการให้เราไปอยู่ไกลๆ และต้องแบกรับอะไรอยู่คนเดียวเพื่อตอบแทนบุญคุณน่ะพัฒน์ พ่อรักพัฒน์ไม่ต่างจากพวกพี่และพัฒน์ก็คือ” ผมพูดและมองใบหน้าหวานๆ นั้น
 
            “ลูกชายของพ่อพี่เช่นกัน” ผมตอบพัฒน์มองหน้าผมสายตาคู่นั้นมันสื่อความหมายหลายอย่างผิดหวัง ดีใจบอกไม่ถูก
 
             “ดังนั้นพัฒน์ควรจะได้อยู่ที่สบายๆ เช่นกัน เหมือนพวกพี่ น้องๆ ของพี่” ผมบอกพัฒน์ หนุ่มน้อยของผม มองหน้าผมยิ้มเจื่อนๆมาให้ผม ผมค่อยๆ ใช่นิ้วแตะที่มุมปาก ปากเรียวสวยนี้
 
            “พี่ตุ๊” พัฒน์เรียกจนผมได้สติ
 
             “เออ..พี่..เห็นอะไรมันติดน่ะพี่เลยเอาออกให้” ผมพูดและยิ้มแก้เขิน พัฒน์รีบใช้มือตัวเองมุมปากของตัวเอง
 
             “พี่ตุ๊อ่ะ “พัฒน์หันหน้าหนีผมเขินผมอีกว่าผมมีอะไรติดที่มุมปาก จริงๆ ไม่มีหรอก
 
           “งั้นพี่ไปหาต้าร์ก่อนนะพัฒน์ “ผมบอกพัฒน์ ผมเดินออกจากห้องและลงมาชั้นที่สองของบ้าน ผมเห็นว่าน้องๆ ตื่นกันมาหมดแล้ว และกำลังจะเดินเข้าไปในห้องครัว แม่บ้านก็จัดหาอาหารเช้าไว้ให้หมดแล้วด้วย
 
             “พัฒน์ไปทานอาหารเช้ากับพวกพี่ๆเลยนะ พี่จะไปเลย” ผมหันไปบอกพัฒน์
 
             “ตุ๊” พ่อเรียกผมไว้ ผมมามองพ่อภาคย์
 
             “ไปแต่เช้าเลยนี้จะไป...” พ่อมองผม พ่อรู้ดีว่าผมจะไปไหนไปทำอะไร
 
            “รอรับไอ้ตัวแสบไงพ่อ” ผมบอกพ่อผม
 
            “เออ..”
 
             “พ่อนี้โชคดีนะครับ มีคนทำหน้าที่ของพ่อแทน ไม่ต้องเหนื่อย ฮาๆ” ไอ้เต้ ไอ้น้องชายคนที่6 ของผมเต้มันกำลังเรียนเภสัชกร ปีที่5 แล้วมันใกล้จะจบแล้ว
 
             “ไอ้เต้ เดี๋ยวกูจะทำหน้าของพ่ออีกอย่างด้วย” ผมพูดก่อนจะหันไปมอง
 
            “อะไรอะพี่ตุ๊ “ไอ้เต้ถามผม
 
            “เตะมึงนี้แหละ แล้วนี่จะไปไหนวันหยุด ทำไมไม่หยุดอยู่บ้าน” ผมหันมาถามน้องชายผมทันที
 
             “โห่พี่ตุ๊ เรียนก็เครียดหนักด้วย ขอไปขับรถหาที่ถ่ายรูปหน่อยไม่ไกลหรอก” น้องชายผมพูด ผมเห็นตอล น้องชายของผมเดินลงมาด้วย แต่งตัวน่ารักมาเชียว ผมแนะนำให้ต้อลเรียนเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ปีสี่จบปีนี้และผมจะส่งตอลไปเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศทันที เหมือนคนอื่นๆ ผมหันไปมองน้องชายผม
 
             “ใครจะทำหน้าเป็นคนขับรถให้นายสองคนวันนี้ “ผมหันไปถามทั้งคู่
 
              “พี่เมฆาครับพี่ตุ๊ “เต้บอกผม ผมก็พยักหน้าและหันไปมองต้อล พี่เมฆาเป็นทั้งการ์ดและคนขับรถ พี่เขาเคยเป็นนักกีฬาแม่นปืนทีมชาติมาก่อนแต่มีเหตุต้องออกจากราชการพ่อผมเลยชวนมาเป็นการ์ดดูแลทุกคน
 
               “อย่ากลับดึกนะ” ผมบอกน้องชายทั้งสองคนก่อนจะเดินออกไปและขับรถไปที่โรงแรมสาขาที่น้องชายผมไปพัก เขาจะรายงานผมตลอดเลยหากมีน้องๆ ผมไปพักถึงรอบนี้จะใช้ชื่อแพท ลูกชายอาเปรมดิ์ในการจองก็เถอะ ร้ายจริงๆ ทั้งคู่เลย

                     ผมขับรถมาเองมาจอดไว้ทางเข้า เพื่อจับตาดูว่ารถไอ้อ้นมันจะมาจอดส่งน้องผมมั้ย ต้าร์นะไม่รู้ว่าผมมารอเพราะว่าต้าร์ไม่ได้บอกผมว่าจะมาด้วยซ้ำไป นี้ผมไปคาดกับไอ้น้องแฝดมา และผมก็จองตั๋วบินกลับพรุ่งนี้กลางคืนให้เลย ให้น้องโกรธดีกว่าเห็นน้องเสียใจ ผมไม่เชื่อใจไอ้อ้นมันหรอก ผมเหลือบมองเห็นรปภ มายืนโบกมือให้ผมเอารถออก ผมก็มองว่ามันก็ไม่ได้อยู่ในเขตที่ห้ามจอดนะ ผมก็ไม่ได้ขยับและรปภ ก็เดินมาที่รถผม ผมก็เปิดกระจกมอง เท่านั้นแหละ รปภ ถึงกับหน้าถอดสีด้วยความตกใจทันที
 
             “ขอโทษครับคุณตุ๊ ผมไม่คิดว่าจะเป็นคุณตุ๊นะครับ ผมเลย”
 
             “มาไล่ใช่มั้ยครับเนี๊ยะ?” ผมถามเขายิ้มๆ ผมไม่ว่าเขาหรอกเขาน่าจะทำตามหน้าที่ คนที่เป็นคนสั่งงานเขามาอีกที
 
             “เออ คือผมกั้นไว้ให้เผื่อมีลูกค้าวีไอพีนะครับ”รปภ บอกผม
 
             “ผมว่าการบริการไม่ควรเลือกชั้นครับ ไม่ว่าจะวีไอพีหรือไม่วีไอพีก็ควรจะได้รับในระดับเดียวกัน” ผมพูด คุณรปภ ก็ยืนตะเบะให้ผม รับทราบ
 
            “ผมขอจอดสักพักไม่นานครับ ผมรอน้องชายผมครับ” ผมบอก รปภ
 
           “อ้าวแล้วคุณตุ๊ไม่เข้าไปด้านในเหรอครับ”
 
           “ไม่เป็นไรครับ ผมรีบกะว่าจะให้น้องขึ้นรถเลยครับ “ผมตอบเขาไม่ได้โกรธเคืองอะไรเพราะว่าเขาทำตามหน้าที่ของเขาแล้ว
 
            “ครับ “รปภ ก็เดินจากไป ผมนั่งและเช็กข้อมูลโรงแรมทุกสาขา ว่ามีสาขาไหนที่มีคนร้องเรียนอะไรมาบ้างจะได้แก้ไข หรือมีคนชมก็จะเอามาปรับปรุงสาขาที่มีปัญหาจะได้ช่วยลดปัญหาลง  ผมนั่งรอไปได้สักพักก็เห็นตัวดีผมเดินเฉิดฉายมาเลยพร้อมแก้วกาแฟสตาร์บัคส์ มีสาขาใกล้กับโรงแรมผม ผมก็กดปุ่มและกระจกก็ค่อยๆ เลื่อนกระจกลง
 
          “ต้า!!!” ผมเรียกน้องชายผม เขาหันมามองผมและทำสีหน้าตกใจ
 
         “พี่ตุ๊!” ต้าร์มีสีหน้าตกใจแต่ก็ไม่มาก ที่เห็นว่าผมมารอเขาอยู่แล้ว
 
         “มาขึ้นรถ!!” ผมบอกต้าร์ ด้วยน้ำเสียงที่นิ่งที่สุด
 
         “มาขึ้นรถเดี๋ยวนี้!!” ผมสั่งน้องชายผมแต่ไม่ได้เสียงดังเพราะว่าคนก็เดินผ่านไปมา และต้าร์ก็เดินมาขึ้นรถแบบงง ๆ
 
          “พี่รู้ได้ยังไงว่าผม” คำถามแรกที่ต้าร์ถามผม ผมหันไปมองต้าร์
 
          “หนีมา.... กลับมาเที่ยว มาแล้วทำไมไม่บอกพี่ต้าร์” ผมก็ออกรถและเลี้ยวเข้าไปในโรงแรมทันทีเพื่อนหาที่คุยกับน้องชายตัวดี
 
           “ก็ถ้าบอกจะได้มาเหรอ ทั้งที่ต้าขอไว้นานแล้ว” ต้าร์พูดโดยไม่มองหน้าผม
 
          “พี่กับพ่อเห็นว่าเราใกล้จะจบเทอมเลยอยากให้ทำอะไรให้เรียบร้อยก่อน และนี้หนีมาเที่ยวยังให้พี่แฝดมันปิดอีกด้วยนะ และยังบอกไอ้ต๊ะ ว่าไปเที่ยวกับแพทอีก นี้เราโกหกหลายทอดมาเลยนะต้าร์” ผมหันมามองน้องชายด้วยสีหน้าที่จริงจัง เห็นน้องทำหน้าเสียใจก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้
 
            “นายโกหกพี่แบบนี้ ต่อไปพี่จะหาความเชื่อใจจากนายได้ยังไงต้าร์” ผมพูด ต้าร์ไม่ได้หันมามองหน้าผม ผมก็ต้องเป็นฝ่าย หันหน้าหนีเพราะว่าพยายามระงับอารมณ์โกรธเช่นกัน
 
             // สวัสดีครับ รบกวนนำกระเป๋าของคุณต้าร์ลงมาให้ผมด้วยครับ ผมอยู่ที่ชั้นจอดรถของผู้บริหารด้วยครับขอบคุณครับ// ผมโทรบอกพนักงาน ต้าร์หันมาค้อนผม ผมโทรสั่งให้แม่บ้านเข้าไปแพ็คเก็บของต้าร์ทั้งหมดและไม่นานคนขนกระเป๋าก็ขนลงมาหนึ่งใบใหญ่ๆ และเขาก็ขนใส่ท้ายรถของผม
 
              “เรียบร้อยแล้วครับคุณตุ๊” พนักงานเดินมาบอกผม ผมก็พยักหน้าและไม่ลืมที่จะหยิบธนบัตรใบล่ะห้าร้อยให้เป็นค่าตอบแทน พนักงานยกมือไหว้ ผมก็ไว้ตอบเพราะว่าเขาอายุเยอะกว่าผมเยอะครับ และผมก็ออกรถทันทีพาน้องตัวดีกลับบ้าน
 
              “เมื่อคืนไปไหนมา” ผมถามต้าร์ ต้าร์หันมามองหน้าผม
 
             “ก็แค่ไปหาที่ดื่มกันกับแพท” ต้าร์บอกผม
 
              “แค่เรากับแพทใช่ไหม” ผมถามหันมามอน้องชายผมเป็นระยะ
 
                “ใช่ทำไมละ ถ้าพี่ไม่เชื่อใจทำไมไม่โทรถามไอ้แพทมันล่ะพี่ตุ๊ และต่อไปก็ไม่ต้องถามผมเพราะว่าผมพูดอะไรไปพี่ก็ไม่เชื่อ” ต้าร์หันมาทำหน้างอนใส่ผม ก็เพราะแบบนี้ไงผมเลยไม่โทรถามแพท ไม่อย่างนั้นจะยิ่งงอนกันไปใหญ่อีก
 
             “พี่หวังว่าเราจะไม่ได้ไปกับไอ้อ้น ไอ้ดิมนะเพราะว่าพี่เห็นว่ามันพาน้องมัน ไอ้เดฟกับเอ็กซ์น่ะ ออกไปเที่ยวเมื่อคืนแต่ไม่เห็นมันกลับมาบ้านน่าจะค้างที่ไหนสักที” ผมหันไปบอกต้าร์และต้าร์ก็หันมามองผม เราสองคนสองตากันอยู่นิ่งมาก ต้าร์นิ่งกว่าอีกผมก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา
 
           “ผมมาไม่ได้บอกใครผมจะไปชวนพวกมันได้ยังไงล่ะพี่ตุ๊” ต้าร์พูดกับผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
 
            “พี่ขอนะ พี่รู้ว่าเราชอบไอ้อ้นมัน แต่พี่ขอเตือนอย่าไปยุ่งกับมัน คุยได้แค่ลูกพี่ลูกน้องแค่นั้น” ผมพูดขณะที่กำลังขับรถมาเรื่อย คนข้างๆ ผมก็หาได้ฟังผมไม่ค่อยแต่จะพิมพ์ข้อความตลอด
 
            “ต้าร์ นี้ฟังพี่ไหม” ผมถามต้าร์ เขาเงยหน้าขึ้นมองผม
 
             “ต้าร์ก็ฟังอยู่พี่สั่งว่าห้ามยุ่งกับพี่อ้นไม่ใช่เหรอครับ” ต้าร์พูดและทำท่าจะก้มลงดูมือถือ
 
             “ต้าคุยกับใคร” ผมถามต้าร์ ต้าร์ดันมือถือหนีผมซะ
 
            “ก็คุยกับแพทอะ”
 
             “เอามาให้พี่ดูเดี๋ยวนี้เลย “ผมกลัวว่าจะเป็นไอ้อ้น
 
             “พี่ตุ๊นี้มันเรื่องส่วนตัวของต้าร์นะ” ต้าไม่ยอมให้ผมดูและผมก็พยายามจะแย่งมาดูแต่ต้าร์ก็ยังไม่ยอมให้จนกระทั้ง
 
 
              “พี่ตุ๊ระวัง!!” ต้าร์ร้องเสียงหลงเพราะว่ามีรถกำลังจะเลี้ยวเข้าทางประตูบ้านผมเช่นกัน ผมนี้เบรกกะทันหัน ผมใช้เท้าเหยียบเบรก ผมรีบดึงเบรกมือด้วยมือข้างขวาและมือข้างซ้ายผมก็ยกขึ้นป้องกันหัวต้าร์ นี้คือความรักของพี่ชายที่มีต่อน้องแต่น้องมันจะเข้าใจบ้างไหม
 
              “ต้าร์เป็นอะไรหรือเปล่า”
 
              “ไม่เป็นไรอ่ะพี่ตุ๊ และนี่เพราะว่าพี่ตุ๊แย่งมือถือผมอยู่นั่นแหละ เกือบชนเลยเห็นไหมน่ะ” ต้าร์พูด ผมก็มองรถที่กำลังถอยให้ผม นั้นมันรถไอ้อ้น และมีไอ้หมอดิมนั่งข้างมาด้วย
 
            “ฟั๊ค!!” ผมสบดออกมาไม่ดังมาก ผมก็มองไอ้สองตัวนั้นจากในรถและผมก็รีบขับรถเข้าไปก่อนและไปจอดรอด้านใน อยากรู้ว่ามันจะจอดทักผมไหม
 
            “พี่ตุ๊ นั้นพี่อ้นนิ” ต้าร์บอกผม ผมหันไปมอง รถคันนั้นที่ขับตามเข้ามา ผมก็มองต้าร์อีกทีหรือว่าไม่ได้ไปด้วยกัน และรถคันนั้นก็เข้ามาจอดเทียบ ไอ้อ้นมันเปิดประตูรถลงมา กระจกที่เลื่อนลงทำให้ผมเห็นไอ้หมอดิมมันทักทายผมคล้ายกับการตะเบะให้
 
               “ไปไหนมาครับครูตุ๊แต่เช้าเลย เอะหรือว่า กลับเช้ากันแน่” ไอ้อ้นลดกระจกลงมันถามผมทันทีที่ผมลดกระจกลงเหมือนกันเพื่อดูสีหน้าของมัน แต่ผมว่ายาก ไอ้อ้นมันถูกฝึกกับเครื่องจับเท็จมาด้วยผมรู้ดี มันเคยอยู่หน่วยสอดแนมในต่างประเทศมาด้วยเพื่อแฝงตัวเข้าไปสอดแนมข้อมูลความลับและมันก็ทำได้ดี ไอ้อ้นมันยิ้มกับผม
 
               “มึงสองคนซิกลับเช้า กูนะไปรับน้องชายกูกลับบ้าน “ผมพูดและมองคนข้างๆ ผมด้วย เขาก็นิ่งไม่แพ้กัน
 
               “ก็น่ะเมื่อคืนคิวเยอะเลยต้องกลับเช้า ว่าแต่ไปรับน้องคนไหนเหรอ “ไอ้อ้นมันถามผมก่อนจะชะโงกหน้ามองคนที่กำลังกดมือถือเล่นอยู่เหมือนไม่สนใจว่าผมจอดคุยกับใคร เขาเงยหน้าขึ้นมามองไอ้อ้น
 
               “สวัสดีครับพี่อ้น” ต้าร์ยกมือไหว้ไอ้อ้น ผมก็มองทั้งคู่สลับกันไปมาและก็มองไอ้คนที่หดหัวอยู่นั้นคือไอ้ดิม ไอ้นี่มีพิรุจที่สุด จนไอ้อ้นมันสะกิดให้ดิม
 
              “ต้าร์เหรอ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ พี่ไม่เห็นรู้เลย” ไอ้อ้นพูดว่ามันไม่รู้ว่าต้าร์กลับมา จริงเหรอผมแอบคิดในใจ
 
              “เพิ่งมาครับพี่อ้น พี่อ้นละครับ หนีเที่ยวอีกแล้ว อย่าหนีเที่ยวบ่อยนะครับ เดี๋ยวแฟนจะ...งอน” ต้าร์พูด เน้นคำว่าแฟนจะงอนและยิ้มกริ่มแบบนี้ ผมก็มองต้าร์ ต้าร์หันมาเห็ฯเข้าก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผมทันที
 
             “พี่ดิมสวัสดีครับ สบายดีนะครับ” น้องต้าร์ก็ทักทายไอ้ดิมทันที ไอ้ดิมมันก็กำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ไอ้อ้นมันเอามือปิดปากไว้วะก่อน มันเริ่มทำให้ผมคิด ไม่ใช่แล้ว ผมว่าไอ้อ้นมันรู้ว่าต้าร์มา
 
             “ต้าร์ไปเข้าบ้านเถอะพ่อรออยู่ “ผมเลยตัดบทบอกต้าร์เข้าบ้านดีกว่าผมทำท่าจะเปลี่ยนเกียร์รถเพื่อเดินหน้าดีกว่า
 
             “ต้าร์กลับหรือยังให้พี่พาไปเที่ยวไหม จะได้คลายเครียดเรียนหนักไม่ใช่เหรอและยิ่งมีพี่ที่เอาแต่เคร่งเครียดด้วย จะเครียดไปกันใหญ่น่ะ!!” ไอ้อ้นมันพูด ต้าร์รีบหันมาทำท่าจะตอบกลับ
 
              “ไม่ต้องน้องกูไม่ใช่นักท่องราตรีอย่างพวกมึง พวกมึงไปกันเองนั่นแหละดีแล้ว “ไอ้ตุ๊ผมรีบตอบแทนทันที ต้าร์หันมามองหน้าผม ผมสั่นหัวอย่าไปยุ่งกับไอ้อ้นมัน ผมรักน้องไง ผมรู้ว่าไอ้อ้นมันรักใครอยู่ สายตาผมมองน้องชายผมเอง ผมไม่อยากให้ต้าร์ถลำมากไปกว่านี้
 
               “จริงอะพี่อ้น ต้าร์อยาก.... ตื้ด” แต่ต้าร์ไม่ฟังที่ผมพูดต้าร์หันไปจะตอบไอ้อ้นผมเลยตัดใจกดเลื่อนกระจกขึ้นมาทันทีและรีบขับเข้าบ้านผมทันที แต่ต้าร์ก็ยังหันไปยิ้มให้ไอ้อ้น ส่งซิกันสองคนด้วย มันน่าไหมล่ะ ขนาดผมเตือนหลายครั้งแล้วน่ะต้าร์ ว่าไอ้อ้นมันไม่เคยหยุดที่ใครจริงๆ ต้าร์หันมามองหน้าผมทันทีที่ผมนำรถมาจอดที่หน้าบ้าน
 
               “มีอะไรเหรอพี่ตุ๊ หรือว่าผมยิ้มให้พี่อ้นก็ไม่ได้ ในฐานะลูกพี่ลูกน้อง” ต้าร์บอกผมน้ำเสียงเหมือนประชดผมก่อนจะเปิดประตูออกไปแต่ผมคว้าข้อมือต้าร์เอาไว้ได้
 
               “ยิ้มได้แต่ ขอให้ยิ้มแบบที่เราบอกพี่แค่นั้น อย่าเป็นอื่น “ผมบอกต้าร์ ก่อนจะปล่อยข้อมือเขาให้เขาเปิดประตูออกไป ผมก็เปิดประตูก้าวขาลงมาตามต้าร์ขึ้นไปเช่นกัน ต้าร์เดินกลับขึ้นไปโดยไม่สนใจกระเป๋าตัวเองเลย ผมหันมาพยักหน้ากับคนใช้ในบ้านว่าให้ยกให้ที เพราะว่ามันไม่ได้หนักมาก ผมเองก็รีบก้าวเท้าตามต้าร์ไปติดจนถึงขั้นบันได
 
                 “ต้าร์พี่จองตั๋วให้เราแล้วนะเราต้องกลับพรุ่งนี้” ผมบอกต้าร์ ต้าร์ชะงักเท้าก่อนจะหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าตกใจและไม่พอใจที่ผมทำแบบนี้
 
                “อะไรกันอ่ะ ผมพึ่งจะมานะพี่ตุ๊” ต้าร์หันมาถามผม
 
                “พี่อยากให้เรากลับ ไปกับต๋อมแต๋ม พี่ว่าเราไม่ควรจะ” ผมพูดเพราะว่าผมไม่ไว้ใจไอ้อ้นมัน
 
                “ผมยังไม่อยากกลับพี่ตุ๊” ต้าร์พูด
 
               “ไม่ได้ต้องกลับ พ่อและพี่คุยกันแล้วพี่คิดว่าเราควร” ผมพูด
 
               “เพราะอะไร เพราะพี่กลัวผมกับพี่อ้นเหรอ ทำไมอ่ะ ทำไมพี่ไม่กลัวพี่อ้นตั้งแต่ตอนขวัญละพี่ตุ๊!” ต้าร์พูดสายตาของผมสองคนประสานกัน ผมมองด้วยความห่วงใยน้องแต่น้องคงมองด้วยความไม่พอใจที่ผมเหมือนจะพยายามจัดการทุกอย่างให้น้องแต่นี้ที่ผมทำเพราะว่าไม่อยากให้วัวหายแล้วล้อมคอกไง ต้าร์ทำท่าจะหันหลังเดินเข้าไป
 
              “ต้าร์หยุด!!” ผมเรียกต้าร์เอาไว้
 
               “ผมไม่กลับ ผมไม่กลับ และจะไม่กลับไปอีก ผมอยากอยู่ที่นี้!!” ต้าร์พูดว่าจะไม่กลับไปอีก
 
                “ทำไมต้องเป็นตอนนี้ รอให้เรียนจบก่อนไม่ได้หรือไง ต้าร์หรือว่าเพราะไอ้อ้นมันฝึกกลับมาแล้วล่ะ ต้าร์ถึงได้บอกกับพี่แบบนี้ “ผมถามต้าร์ คนใช้ก็มองผมกับต้าร์สลับกันไปมา
 
                “อย่าคิดว่าพี่จะตามความคิดนายไม่ทันต้าร์” ผมพูด ผมพยายามระงับความโกรธตัวเองเหมือนกัน
 
                “ถ้าพี่ตามผมทันพี่คงเข้าใจผมมากกว่านี้แล้วแต่นี่พี่ตุ๊ไม่เคยเข้าใจต้าร์เลย “ต้าร์พูด “พี่เข้าใจแต่พี่ไม่ต้องการเห็นเรากับไอ้อ้น...คบกัน” .
 
                “ทำไมละพี่ตุ๊ ทำไมต้าร์จะเลือกคนที่รักไม่ได้”
 
                “ก็ไอ้อ้นมัน...ไม่รู้จักพอและที่พี่เตือนก็เพราะพี่ไม่อยากให้เราไปเอาตัวไปเล่นกับไฟ!” ผมพูด ต้าร์หันมามองผม ผมก็ขยับขึ้นไปหนี่งขั้นเทียบเท่ากับต้าร์ เพราะว่าผมเดินทะเลาะกันขึ้นไปทีละขั้นของบันไดด้านหน้าบ้าน
 
               “ทำไมพี่ไม่ไปบอกพี่ขวัญซะก่อนที่เขาจะแอบย่องไปหาพี่อ้นที่คอนโดละพี่ตุ๊” ผมก็ต้องอึ้ง ถึงผมจะรู้ว่าขวัญกับไอ้อ้นมีอะไรกัน แต่ว่าขวัญบอกผมว่าเขาโดนไอ้อ้นมอมยา
 
              “ขวัญบอกพี่ว่า”
 
               “โดนมอมยา โดนมอมยาแต่ดันไปหาผู้ชายถึงที่ที่คอนโดเพื่อโดนมอมยาเหรอ ไม่ใช่อ่ะ ผมเห็นกับตาว่าเขาเดินออกมาอย่างปกติ ไม่ได้อยู่ในอาการของคนโดนมอมยาสักนิด” ต้าร์พูด ผมนี้มองหน้า แต่ต้าร์สะดุ้งไปนิดนึง เพราะว่าผมไม่รู้ถึงตอนนี้มาก่อนว่าต้าร์เห็น งั้นก็แสดงว่า
 
              “เราเห็นได้ยังไง” ผมถามต้าร์ ต้าร์ตกใจมาก
 
              “นี่เราไปคอนโดมันมาหรือไงต้าร์” ผมถามต้าร์ ต้าร์ยืนกลืนน้ำลายลงคอ ผมก็เดินขึ้นไปถึงขั้นบนสุด ต้าร์ก็ถอยหลังออก
 
               “พี่ถามว่าต้าร์ไปคอนโดไอ้อ้นมาใช้ไหม บอกพี่มาซิต้าร์!” ผมตะคอกถามต้าร์
 
                “อะไรกันนะพี่ตุ๊” พัฒน์รีบวิ่งออกมา ไอ้ต๋อมและไอ้แต๋มก็วิ่งออกมาเช่นกัน พัฒน์ตรงเข้าไปหาต้าร์ก่อนเลยที่ยืนน้ำตาแตกที่ผมตะคอกถามเขา
 
                “บอกพี่มาซิต้าร์!!!”
 
               “พี่ตุ๊...พอแล้ว” พัฒน์พูดและกอดต้าร์
 
               “ฮึกๆ พี่ไม่เคยตะคอกใส่ต้าร์เลยนะพี่ตุ๊” ต้าร์มองหน้าผม
 
               “พี่ตุ๊...ใจเย็นๆ นะพี่ตุ๊” ต๋อมเข้ามาจับแขนผมให้ผมใจเย็นๆ
 
               “ไปขึ้นห้องก่อนไหมต้าร์ หิวไหมพัฒน์หาอะไรให้ทาน” พัฒน์ปลอบต้าร์ ต้าร์ก็กอดพัฒน์ ผมก็รู้สึกผิดที่ผมตะคอกใส่น้อง ทั้งที่ผมไม่เคยทำ
 
               “ขึ้นบ้านไปต้าร์!” ผมบอกต้าร์และพัฒน์ก็เป็นคนพาต้าร์ขึ้นไป ผมหันมายืนหันหลัง ผมพ่นลมหายใจยาว ไอ้ต๋อมมันจะจับแขนผม แต่ผมยกมือห้าม นั้นขอเวลาผมอยู่ตามลำพังคนเดียวก่อน ผมยืนอยู่พักหนึ่ง ผมก็เดินลงมาและเดินตรงไป บ้านที่อยู่ข้างๆ กัน นั้นคือบ้านไอ้อ้น ที่จริงผ่านบ้านไอ้ดิมก่อน ไอ้ดิมมันเคยบอกว่ามันคบกับต้าร์แต่ว่ามันเป็นคำโกหกที่ผมไม่เชื่อเพราะผมรู้ว่า ต้าร์ไม่ได้ชอบอย่างไอ้ดิม แต้ต้าร์ชอบเล่นกับไฟ!!

               TBC.....
5
พูดคุยทั่วไป / Night games. No obligations. One night only.
« กระทู้ล่าสุด โดย Tarnwhan เมื่อ 11-05-2024 22:10:10  »
Elevate your dating game with the top site for hassle-free connections.
Urgently needed: partner for fun, one night only
Real Women
Top-notch casual Dating
6
 
EP.37( กันต์ธีร์) ยอมเพื่อลูกใช่ไหม

        Part's กันต์ธีย์ ตอนแรกผมว่าจะนอนพื้นแต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นมานอนกับพี่เธียรวิขย์บนเตียง เพราะว่าม๊าของพี่เขาเข้ามาและผมเองก็ไม่อยากให้ม๊ากับป๊าต่อว่าพี่เธียรผมเลยยอมนอนด้วยทั้งคืน แต่ก็แอบระแวงเหมือนกัน ก็คืนนั้น ผมมีสติบ้างไม่มีสติบ้าง มันยังเอาผมไม่ยังเลย แต่ที่ไหนได้ พี่เธียรวิชญ์ไม่ได้ล่วงเกินผมเลย และผมยังรู้สึกว่า มีคนมาห่มผ้าห่มให้ผมอีกด้วย ผมแค่ลืมตาขึ้นมามองก็เห็นหลังไวๆ เดินอ้อมไปซะแล้วและผมก็หลับต่อจนเกือบสว่าง ผมรู้สึกว่าปลายจมูกแหลมนั้นมาใกล้แก้มผม เจ้าลูกโซ่ของมี้ ผมก็รีบหอมแก้มนุ่มนั้นทันที

   “เขาเรียกมอร์นิ่งคิสใช่ไหม” เสียงที่ทำให้ผมต้องลืมตาโพลงเพื่อมองดูคนที่ผมหอมแก้มอยู่ ปลายจมูกโด่งนั้นไม่ใช่ของลูกชายผมแน่นอนเพราะว่าของเจ้าลูกโซ่ยังเล็กอยู่เลยแต่นี้ มันใหญ่กว่าและมันก็เป็นของป๊าลูกชายของผมเอง พี่เธียรวิชญ์!!!

   “เฮ้ย!!!” ผมรีบกระโดดขึ้นนั่งทันที แล้วเจ้าลูกโซ่ล่ะ ของผมล่ะไปไหน ผมหันไปเห็นเจ้าลูกโซ่ผมนอนดิ้นไปอยู่เกือบปลายเตียงแล้ว ผมรีบไปคว้าเอาลูกโซ่กลับมา

   “ตื่นแต่เช้าเลย” พี่เขาถามผม

   “จะลงไปทำอาหารเช้าให้ลูกทาน” ผมบอกคนที่นอนอยู่

   “ลูกยังไม่ตื่นเลยน่ะ เอาลูกมานอนก่อน กอดแม่ไม่ได้กอดลูกก็ยังดี “พี่เธียนวิชย์พูดพร้อมกับกางแขนมา ผมก็เอาเจ้าลูกโซ่ขี้เซานอนลงข้างๆ พี่เธียรวิชย์ ก่อนจะเดินเข้าไปจัดการตัวเองและออกมาอีกทีก็เห็นหนุ่มน้อยกับหนุ่มใหญ่ที่นอนหลับในท่าเดียวกันเป๊ะ หน้าตาก็คล้ายคลึงกันจนเกือบเป็นคนเดียวกัน ผมเดินตรงไปยังห้องครัว รีบไปเปิดตู้เย็นและหยิบนั้นหยิบนี้ออกมา ล้างและหันและก็ต้มลงในหม้อผมทำด้วยความรักจริงๆ จนกระทั่ง

   “ว้าย!!!” เสียงร้องตกใจดังขึ้น ขณะที่ไฟตรงกลางห้องครัวถูกกดเปิดจนสว่างและคนที่เข้ามาก็คือคนใช้ของบ้านนี้ ที่มาทำอาหารเช้าให้ทุกคนทานกันแต่ผมเองยังไม่ชินที่จะมีคนทำให้

   “คุณบีม!!” เสียงเรียกชื่อผมด้วยความตกใจ

   “ขอโทษครับ “ผมรีบหันไปขอโทษพี่ๆ ทันที แต่ล่ะคนก็เอามือกุมหน้าอกตกใจกันหมด

   “มาทำอะไรแต่เช้าค่ะ” พี่มลเอ่ยปากถามผมก่อนเพื่อน

   “มาทำอาหารให้น้องลูกโซ่ครับ “ผมบอกคนใช้ของที่บ้านนี้

   “คุณบีมค่ะ บอกพวกเราก็ได้ค่ะ ลุกมาทำเองทำไมค่ะ” พี่มลคนใช้ในบ้านบอกผม

   “ก็ผมเกรงใจน่ะครับ” ผมพูด

   “พวกพี่เข้าใจค่ะว่าเกรงใจ แต่คุณบีมควรจะเกรงอีกอย่างดีกว่านะคะ” คนใช้ในบ้านพูดขึ้น

   “เกรงอะไรเหรอครับ” ผมหันมาถาม

   “เกรงว่าพวกพี่จะโดนไล่ออกกันนะคะ งานยิ่งหายากๆอยู่นะคะคุณบีม” พวกพี่เขาพูดออกมาพร้อมกันทันที ผมก็ต้องเกาหัวตัวเอง พี่ๆ เขาเดินมาดู

   “คุณบีมทำอะไรให้น้องทานค่ะ หอมเชียว” พี่บุ้งถามผม

   “น้องชอบทานพวกตุ๋นๆ น่ะครับ” ผมหันไปบอกพร้อมกับคนอาหารในหม้อไปด้วย

   “แล้วน้องชอบทานสปาเกตตีไหมคะ” พี่บุ้งถามผมอีก

   “ชอบครับ ชอบมากเลยครับ ผมทำแบบอาหารของเด็กน่ะครับ” ผมหันบอก

   “เหมือนคุณเธียรวิชญ์เลยค่ะชอบทานสปาเกตตีมากค่ะ บางมือต้องทำให้ทานหรือไม่ก็ต้องโทรสั่งมาให้ค่ะ” เสียงแม่บ้านคุยกับผม ผมก็คุยว่าน้องทานอะไรบ้างๆ ไม่ทานอะไรบ้าง อะไรที่เปรี้ยว ลูกโซ่ก็ไม่ชอบ หวานไปก็ไม่ชอบ ผมยืนฟังจนเพลิน

   “คุณนายลงมาแล้ว!!” เสียงพี่เขาตะโกนบอกว่ามา คุณนายนี้คือม๊าของพี่เธียรวิชย์แน่ๆ

   “คุณบีมไปนั่งค่ะ” ผมถูกแย่งทัพพีไปคนอาหารแทนผมและมีคนลากเก้าอี้มาให้ผม

   “นั่งเถอะคุณบีม” และผมก็ถูกดันให้ไปนั่งทันที และแต่ละคนดูวุ่นวาย ทำนั้นทำนี้จนกระทั่ง ม๊าเดินข้ามา

   “อ้าวบีม มาทำอะไรแต่เช้าล่ะลูก” ม๊าเดินเข้ามา พอเห็นผมก็ถามผม

   “คุณบีมลงมาบอกว่าจะทำอาหารเช้า ให้นายน้อยทานค่ะ” พี่มลพี่คนใช้ของบ้านนี้

   “อืมม ดูท่าจะยุ่งกันน่าดูน่ะเพราะว่าคงยืนมองกันยุ่งเลยซิ” ม๊าพูดและมองทุกคน

   “ก็ยุ่งนิดหน่อยค่ะคุณนาย”

   “จากที่ดูน่ะ ฉันเดาว่าพวกเธอน่ะยืนดูบีมเขาทำมากกว่ามั้ง” ม๊าพูดแล่ะก่อนจะมองมาที่

   “คุณนายรู้ได้ยังไงคะ” พี่คนใช้อีกคนถามม๊า

   “ดูจากผ้ากันเปื้อนที่คุณบีมเขาใส่อยู่ไงและพวกเรานี้ก็คงพึ่งจะเข้ามาซิน่ะ “ม๊าพูดผมก็ก้มลงมองดู จริงด้วย แต่ล่ะคนหันมายิ้มแหยๆ กันหมด ม๊าพูดไปก็ส่ายหัวไปด้วย แต่ไม่ได้โกรธหรอก

   “คือผมลงมาทำเองไม่ได้บอกพี่ๆ เขานะครับม๊า “ผมพูด

   “ก็ไม่ได้ว่าอะไรและคอยดูไว้ว่าคุณบีมเขาทำอะไรให้หลานฉันทานและจะได้ช่วยทำได้ เข้าใจไหม” ม๊าพูด ผมลุกขึ้นเดินไปชะเง้อมอง

   “ผมขอตุ๋นต่อสักสิบนาทีพอนะครับ “ผมบอกพี่แม่บ้าน

   “ค่ะคุณบีม “พี่เขาบอกกับผม ผมพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปหาม๊า

   “สองพ่อลูกนั้นคงยังไม่ตื่นใช่ไหมล่ะบีม” ม๊าถามผม ผมหันไปยิ้มกับม๊า พยักหน้าเบาๆ

   “ผมขึ้นไปดูก่อนนะครับ ผมคิดว่าลูกโซ่น่าจะตื่นแล้ว ปกติน้องเขาตื่นแต่เช้าทุกวันนะครับ เพราะว่าผมต้องพาน้องไปเดย์แคร์ด้วยครับม๊า” ผมบอกกับม๊า พร้อมกับเดินขึ้นไปบนบ้านทันที และพอผมเปิดประตูเข้าไปผมก็ไม่เห็นลูกอยู่ในห้อง และพี่เธียรวิชย์ก็ยังไม่อยู่ในห้องเช่นกัน แต่ผมได้ยินเสียงหัวเราะกันคิกคัก อยู่ในห้องน้ำผมเดินเข้าไปดูและสิ่งที่ผมเห็นคือพ่อลูกเขาอาบน้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำ นี้เขาเอาลูกผมไปอาบน้ำแต่เช้าเลยเหรอ

   “นี้พี่เล่นอะไรของพี่น่ะ” ผมถามพี่เธียรวิชย์

   “ก็พาลูกมาเล่นน้ำไงครับ” พี่เธียรวิชย์พูด ผมยืนกอดอกและดูเจ้าลูกโซ่สนุกน่าดู

   “ไปครับมี้มารับแล้ว ป๊าต้องไปเตรียมตัวไปทำงานแล้วครับ” พี่เธียรวิชย์พูดก่อนจะส่งเจ้าลูกโซ่มาให้ผม ผมก็อุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมาและหันไปคว้าเอาผ้าขนหนูที่วางอยู่ มาห่อตัวเจ้าลูกโซ่เอาไว้ ผมได้ยินเสียงน้ำหยดก่อนที่ผมจะหันกลับไปมอง คนที่ลุกขึ้นยืนแถมยังโป้อีกด้วย ผมถึงกับอายหน้าแดงและรีบยกตัวเจ้าลูกโซ่ ขึ้นมาบังทันที ไม่กล้ามองแต่เห็นไปหมดแล้วแหละฮาๆ

   “พี่เธียร!!”

   “อ้าวร้องทำไมล่ะ” ยังมีหน้ามาถามผมอีก

   “ก็พี่โป้อ่ะ น่าจะรอให้ผมออกไปก่อนค่อยลุกขึ้นมา” ผมพูด

   “ว่าของพี่โป้ดูไม่ได้แล้วของลูกล่ะ แนบชิดเลยน่ะ และของลูกมันเล็กไปดูไม่เต็มตาหรอกครับ” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมก็ลืมตามอง จริงด้วย หนอนน้อยของเจ้าลูกโซ่มันอยู่ตรงหน้าผมพอดีเลย แถมพอตัวดีก็ดิ้นแด้วๆ อยู่บนอากาศที่ผมยกตัวลอยเอาไว้ และผมก็ค่อยๆ ลดเจ้าลูกโซ่ลง

   พี่เธียรวิชญ์ออกมายืนโดยมีผ้าขนหนูพันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และผมก็พาเจ้าลูกโซ่เดินออกมา หันไปหยิบเสื้อผ้าที่ม๊าของพี่เธียรวิชย์เอามาให้ เสื้อผ้าสมัยพี่เธียรวิชญ์ยังเด็กมันก็น่าจะยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ว่ายังอยู่ในสภาพที่ใหม่อยู่เลย และพี่เธียรเขาก็ออกมาแต่งตัวแล้วด้วย

   “พอดีพี่ตื่นมาและเจ้าลูกโซ่ อึเต็มแพมเพิร์สเลย พี่ไม่รู้จะทำยังไงเลยเอาไปล้างในอ่างอาบน้ำน่ะ และดิ้นกระจายก็เลยเปียกปอนกันไปหมด พี่เลยจับอาบน้ำซะเลย” พี่เธียรวิชย์พูด

   “ไม่เหม็นอึเจ้าลูกโซ่หรือไง” ผมถามพี่เธียรวิชญ์

   “เหม็นดิ แต่เอาตัวหนีบ หนีบจมูกเอาไว้ไง และพี่อยากทำแทนบีมบ้าง “พี่เธียรวิชญ์พูด ผมแต่งตัวเจ้าลูกโซ่เสร็จแล้ว พี่เธียรวิชญ์หันมามองเจ้าลูกโซ่ตอนนี้หล่อแล้ว พี่เธียรวิชญ์เขาก็ยิ้มและหันไปแต่งตัวต่อ

   “บีม ผูกเนกไทให้พี่หน่อยซิครับ “พี่เธียรวิชญ์ถามผม ผมหันมามองพี่เธียรวิชย์ เขาส่งเนกไทมาให้ผม พี่เธียรวิชย์อุ้มลูกโซ่ขึ้นมาผมก็ต้องหันไปทำการผูกเนกไทให้ ผมสังเกตการณ์หัวเราะและอากัปกิริยาท่าทางต่างๆ ของสองคนพ่อลูกที่มีความคล้ายกันจน ผมมองเพลินไปหน่อย

   “มะ มะ มะ “เจ้าลูกโซ่แตะที่แก้มผมนั่นแหละผมถึงได้สติ

   “บีมจะไปเอาของใช้ที่ห้องพักของบีมหรือเปล่า “พี่เธียรวิชย์ถามผม

   “ครับ พี่เธียร” ผมพูด

   “ขับรถได้ไม่ใช่เหรอครับ” พี่เธียรถามผม

   “ครับผมขับได้ แต่ไม่ได้ขับมาตั้งแต่คลอด เจ้าลูกโซ่แล้ว” ผมพูด

   “เอารถพี่ไปซิ ไปเอาของ แต่อันที่จริงพี่อยากซื้อใหม่เลยน่ะ” พี่เธียรพูด

   “ผมเสียดายอ่ะ พี่กันอุตส่าห์ซื้อให้” ผมพูด

   “ซื้อใหม่ได้ไหมอ่ะ” พี่เธียรหันมาทำหน้าอ้อนผม อ้อนแบบมีเรศนัยด้วย

   “ทำไมล่ะ” ผมช้อนตาขึ้นไปมอง

   “ฟังแล้วเจ็บ” พี่เธียรพูด

   “เว้อไปแล้วและพี่กันก็อาของพี่ไม่ใช่เหรอ เขาซื้อให้ในฐานะหลาน” ผมพูด ตอนนี้ผูกเนกไทเสร็จแล้ว

   “เสร็จแล้วครับพี่เธียร” ผมพูดและยืนมองเจ้าลูกโซ่ ส่วนพี่เธียรวิชย์น่ะก้มลงมองเนกไทตัวเอง

   “ขอบคุณมี้ให้ป๊าหน่อยเร็ว ผูกสวยเชียว สมกับเป็นลูกสะใภ้อาม่าเราเลยน่ะ” พี่เธียรวิชย์พูดและ

   “หมับ” เจ้าลูกโซ่โผ่เอามือมาจับหัวผมแถมยัง “จ๊วบ ๆ” ที่หน้าผากผมหลายทีเลย

   “พอแล้ว เปียกไปหมดแล้วเนี๊๊ยะ!!” ผมพูดให้โซ่หยุดดูดหน้าผากผมได้แล้ว และผมก็กางแขนรออุ้มเจ้าลูกโซ่ พี่เธียรวิชญ์มองผม ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มเจ้าเหล่มาแบบนี้ เหมือนจะเข้ามา หอมผมเลย ผมก็หลับตาปี๋

   “ฟ้อดๆๆ” เสียงหอมหลายทีติดกัน “คิก คิก คิก” เสียงหัวเราะร่วนและคนที่ผมอุ้มอยู่ก็ดิ้นกระจายเลย ป๊ามันหอมลูกมันนี้เอง ตกใจหมดเลยผม ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นพี่เธียรวิชย์ฟัดเจ้าลูกโซ่ใหญ่เลย

   “ป๊าไปทำงานแล้วน่ะ อย่าดื้อกับมี้ล่ะรู้ไหม ป๊าจะรีบกลับ “สั่งลูกใหญ่เลย ผมน่ะหันไปมองทางอื่น

   “มีอะไรเหรอม๊า!!” ผมได้ยินเสียงพี่เธียรเรียกม๊าผมเลยรีบหันไปดูที่หน้าประตู

   “ฟ้อด!!” เสียงหอมแก้มผมฟ้อดใหญ่เลย เพราะว่าผมกันแก้มมาชนปากพี่เธียรวิชย์เอง

   “เฮ้ย!!” ผมยกมือลูบแก้มตัวเองไปมา และคนที่ผมอุ้มก็หัวเราะชอบใจ

   “ไปทานข้าวกันครับ มี้ทำของโปรดไว้ให้น่ะวันนี้น่ะ “ผมบอกเจ้าลูกโซ่ ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างกับพี่เธียรวิชญ์ ตรงไปยังห้องอาหาร เห็นม๊ากับป๊าของพี่เธียรวิชญ์นั่งทานอาหารอยู่ พี่ของพี่เธียรวิชญ์ก็นั่งทานอยู่ด้วยกัน ทุกคนหันมามองเจ้าลูกโซ่กัน

   “ป๊าดูชุดนี้ซิ มีรูปที่เจ้าเธียรใส่ชุดนี้ด้วยน่ะ “ม๊าของพี่เธียรวิชย์พูด ผมหันไปมองพี่เธียรวิชญ์ พี่เธียรวิชญ์ยักคิ้วให้ผม เจ้าลูกโซ่หันไปมองป๊าเขาและพยายามละเลียนแบบยักคิ้วตาม

   “ดูท่าจะร้ายไม่เบาน่ะหลานอากงน่ะ” ม๊าหันมาแซวป๊าของพี่เธียรวิชย์ทันที ผมก็มองเจ้าลูกโซ่ ผมป้อนลูกโซ่ด้วยอาหารที่ผมตุ๋นเอาไว้ให้ ป้อนให้ทานดูท่านอย่างเอร็ดอร่อย แถมพยายามอยากจะตักทานเองด้วยน่ะ ปกติผมให้ทานเองที่บ้าน ตักเละเทะไปหมดแต่นี่ผมยังไม่กล้าเกรงใจคนทำความสะอาด

   “ปกติเขาตักอาหารทานเองหรือเปล่าบีม” ม๊าถามผม

   “ครับใช่ครับ ผมเลี้ยงเขาโดยใช้ระบบ Baby led weaning น่ะครับม๊า คือาการให้เด็กหยิบจับอาหารทานเอง ไม่ต้องป้อนนะครับ แต่อาหารก็ต้องปลอดภัยกับวัยของเขาเช่นกันครับม๊า” ผมพูด พี่เธียนวิชญ์มองผม

   “เอาล่ะ งั้นป๊าไปน่ะม๊า แล้วนี่จะอยู่กับบีมเขาก่อนใช่ไหมหึ?” ป๊าของพี่เธียรวิชย์ถามม๊า

   “ใช่แล้วป๊า เพื่อว่าจะได้จัดที่จัดทางให้เจ้าลูกโซ่ไง วันนี้ป๊าไม่มีอะไรมากไม่ใช่เหรอ ถ้าเลิกเร็วได้ก็ดีน่ะ จะได้มาเล่นกับหลาน “ม๊าหันไปบอกป๊า ป๊าลุกขึ้นและเตรียมจะออกไป แต่ก่อนจะออกไปเขาหันมามองเจ้าลูกโซ่ ที่ยืมชูมือเหมือนจะบาย บาย ป๊าของพี่เธียรวิชญ์เดินอ้อมกลับมาหาและเอาฝ่ามือแตะที่หัวเจ้าลูกโซ่เบาๆ ก่อนจะเดินออกไปก่อน

   “ขอลุงหอมก่อนเร็วลุงไปแล้ว “พี่ธันเดินมาหาเจ้าลูกโซ่ ผมก็ส่งให้พี่ธันรับไปอุ้ม พี่ธันพยายามจะหอมแต่เจ้าลูกโซ่หมุดหนี แถมก้นโด่งอีกต่างหาก

   “ไม่เอาก้น จะหอมแก้ม เร็วๆ เอาแก้มมาเร็ว ให้หอมดีดีเดี๋ยวซื้อของเล่นให้เร็ว” พี่ธันพูดโดยเอาของเล่นมาล่อใจเจ้าลูกโซ่ และพี่ธามก็เดินเข้ามา แถมยังชะเง้อมองคนข้างนอกด้วยน่ะ

   “ธาม!!”

   “ม๊าอะ” พี่ธาม ผมเห็นบางทีตุ้งติ้งจนผมเองก็แปลกใจ

   “มาให้โกวหอมมั้งเร็ว” พี่ธามพูด ผมหันไปมองจริงอ่ะ

   “อ้าวป๊า ลืมของเหรอ” เสียงเฮียธันพูด

   “อย่าเรียกโกว เรียกแปะลูก “พี่ธามรีบเปลี่ยนทันที ก่อนจะหันไปที่ตรงประตู แต่ไม่มีใครเข้ามาหรอก

   “ไอ้.. ธัน เดี๋ยวมึงโดนกูแน่ไม่ต้องรอป๊าหรอก “พี่ธามพูด ก่อนจะหันไปทำท่าวิ่งไล่จะเตะ ทั้งที่อุ้มเจ้าลูกโซ่อยู่ด้วย

   “เอิ้กๆๆ” เจ้าลูกโซ่หัวเราะชอบใจใหญ่เลย

   “ไปได้แล้วเดี๋ยวป๊าก็เข้ามาตามจริงๆ หรอก” ม๊าพูด ผมเห็นคนข้างๆ ผมกำลังลุกขึ้น เขาหันมามองผม ผมลุกขึ้นเดินไปอุ้มเจ้าลูกโซ่กลับมา ผมหันมามองพี่เธียรวิชย์

   “ป๊าไปน่ะ อย่าดื้อกับมาม๊าน่ะรู้ไหม “พี่เธียรวิชย์พูด

   “ปะ ปะ ปะ” เจ้าลูกโซ่ที่ทำมือเหมือนจะไปด้วย

   “ไม่ได้ อยู่บ้าน ป๊ารีบกลับนะครับ “พี่เธียรวิชย์พูดก่อนจะก้มลงหอมเจ้าลูกโซ่ ผมก็หันไปมองทางอื่น ผมคิดว่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับสถานะของผมกับเขาในตอนนี้

   “คุณนายค่ะ โทรศัพท์ค่ะ” จังหวะนั้นพี่มลเดินมาเรียกม๊าไปรับโทรศัพท์บ้านพอดี และพี่ก็เดินออกกันไปแล้ว ผมหันมามองคนที่มองผมกับเจ้าลูกโซ่อยู่

   “ไม่ไปทำงานล่ะ เดี๋ยวก็สายหรอก คุณผู้บริหารฝึกงาน” ผมถามพี่เธียรวิชย์ พี่เธียรวิชย์พยักหน้าก่อนจะหันไปหยิบของที่ต้องนำไปด้วย พี่เธียรวิชย์หันมามองผมกับลูกโซ่อีก ก็หอมกันแล้วจะเอาอะไรเนี๊ยะ

   “มีอะไร” ผมถามพี่เธียรวิชญ์

   “ก็เวลาก่อนไปทำงานเมื่อก่อนป๊าต้องหอมแก้มม๊าอ่ะ”

   “ก็ใช่ไหง คนเป็นสามีภรรยากันก็ควรจะทำอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ” ผมพูด

   “ควรจะทำเนอะ” คนตรงหน้าผมพูด

   “ฟ๊อด!!” เสียงมากและไม่ใช่แก้มเจ้าลูกโซ่ด้วยแต่นี้มันแก้มผมนี่แหละ หอมแบบเต็มๆ เลย

   “เอิ้กๆๆ” คนที่ผมอยู่นี้ก็หัวเราะชอบใจใหญ่เลย ตบมือด้วย ผมก็มองเจ้าก้อนเต้าหู้ของพี่เธียรวิชญ์ อยู่ข้างใครเนี๊ยะ!

   “มะ มะ มะ” กลับข้างทันทีเลยน่ะ และคนที่หอมแก้มผมก็เดินออกไปแล้ว ไปทำงาน ผมยืนกอดเจ้าลูกโซ่ มองไปจนลับตา

   “บีม” ผมสะดุ้งเพราะว่าเสียงม๊า

   “มันยากใช่ไหมบีม เพราะว่าบีมกับเธียรวิชย์ ไม่ได้รักกันมาก่อน “ม๊าถามผม ก่อนจะแบมืออุ้มเจ้าลูกโซ่ไป เพื่อให้ผมได้นั่งทานอาหารเช้า

   “ผมยอมรับครับม๊า” ผมตอบ

   “ม๊าก็ถูกให้แต่งกับป๊าเขาโดยไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่ได้รักได้ชอบพอกันมาก่อน เป็นการเลือกให้ของผู้ใหญ่ พ่อแม่ของม๊าน่ะ โดยมีแม่สื่อชักนำให้เขามาเลือกม๊าอีกที และพ่อแม่ของม๊าก็เห็นแล้วว่า ป๊าน่ะ จะเป็นผู้นำครอบครัวที่ดี เป็นพ่อที่ดีได้ ม๊าเองก็ยังไม่เคยมีแฟน ด้วยความที่ไม่อยากขัดใจพ่อแม่ ก็เลยยอมแต่ง” ม๊าพูด

   “แต่ม๊ามารู้ทีหลังน่ะว่า ป๊าน่ะแอบไปดูว่าม๊าอะไรบ้าง เป็นคนยังไง อยู่หลายครั้งแล้ว จนเขาส่งคนมาขอม๊าแบบจริงๆ จังๆ”

   “และม๊ากับป๊าก็อยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ อยู่กันด้วยความเข้าใจกัน ปากเสียงไม่เคยมีเลย ป๊าให้เกียรติม๊ามาก เรื่องผู้หญิงไม่เคยมีมาให้กวนใจ เพราะว่าเขารักและให้เกียรติภรรยาเป็นที่หนึ่ง” ม๊าบอกผม

   “และม๊าก็เชื่อว่าลูกๆ ของม๊าน่ะ จะทำตามแบบที่ป๊าเขาทำให้ดูนะบีม” ม๊าพูดกับผม ผมพยักหน้าเบาๆ

   “เธียรไม่ใช่เด็กเกเรแต่เขามีความคิดที่เป็นของตัวเอง ที่บางครั้ง ดูจะขัดกับป๊าเขามากกว่าพี่ๆ คนอื่น และม๊าก็เชื่อว่าเธียรจะเปลี่ยนแปลงมันได้เพื่อ ลูกและบีมที่เป็นแม่ของลูกเขา “ม๊าบอกผม ผมพยักหน้าผมยอมรับว่าผมเห็นรอยยิ้ม

   “แต่ม๊าก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่เธียรเปลี่ยนไปน่ะ ปกติเขาไม่ค่อยชอบเอาใจใคร เอาใจใครไม่เป็น แม้กระทั่งแพรวาที่ตามติดเธียรก็เฉยๆ แต่เมื่อวานเห็นเอาใจเราน่าดู บางทีมันอาจจะแค่กระจกบางๆ กันเรากับเธียรเอาไว้ ม๊าคิดว่าสักวันกระจกนั้นมันคงหายไปเอง “ม๊าพูดพร้อมกับก้มลงมองเจ้าลูกโซ่ ผมเดาว่าม๊าหมายถึงคนที่จะทำลายกระจกนั้นให้ผมกับพี่เธียรวิชญ์คือเจ้าลูกโซ่คนนี้ ม๊าก็ลุกขึ้น

   “ทานไปก่อนน่ะ ม๊าจะไปค้นรูปเจ้าเธียรตอนเด็กๆ มาให้ดู ว่าเขาสองคนเหมือนกันมากแค่ไหน “ม๊าบอกผม พร้อมกับอุ้มเจ้าลูกโซ่ไปด้วย กระจกที่ว่านี้มันคือความกลัวที่ผมเป็นตั้ง มันขึ้นมาเอง ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอเขา และวันนี้เขาคนนั้นเปลี่ยนไป เหมือนไม่ใช่คนเดียวกันกลับคืนนั้น และวันนี้เขาคือพ่อของลูกผม เขาบอกว่าเขาเชื่อที่อาม่าของเขาพูด ชีวิตก่อนแต่งงานกับชีวิตหลังแต่งงานมันต่างกันมาก คู่ชีวิตจะอยู่คู่กันได้ไหมนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราประคับประคองยังไง และยิ่งมีสิ่งที่เรียกว่าลูกแล้วด้วย หลายสิ่งต้องถูกไตร่ตรองหลายๆ รอบก่อนจะตัดสินใจ หรือว่านี่ผมควรจะลดการ์ดของผมเองลงมาบ้างและยอมเพื่อให้ลูกผมได้อยู่กับคนที่เรียกว่าพ่อของเขาแท้ๆ

   TBC ....
7
พูดคุยทั่วไป / World of free relationships
« กระทู้ล่าสุด โดย YJoum เมื่อ 11-05-2024 03:53:18  »
Casual dating at its finest – join the leading platform for relaxed and fun encounters!
Uninhibited dating, no boundaries
Legitimate Girls
Prime casual Dating
8
EP.5 สิ่งที่พี่ตุ๊คิด

               Part’ s พี่ตุ๊ หลังจากที่กลับมาจากงานทำบุญครบรอบวันเกิดของขวัญ ขวัญเสียไป 7 ปีแล้วแต่ว่าผมยังได้รับคำเชิญจากแม่ของขวัญให้ไปร่วมทุกปี ปีแรกผมก็ลากต้าร์ไปด้วย ต้าร์เองก็รุ่นเดียวกับพัฒน์ เขาเป็นเพื่อนขวัญแต่ไม่สนิทกันมากเหมือนพัฒน์ พัฒน์น่ะอ่อนโยนมันเลยทำให้ขวัญมองความอ่อนโยนเป็นอะไรผมเองก็ไม่แน่ใจแต่ขวัญไม่เคยมองพัฒน์ในธานะเพื่อนที่จริงใจแน่นอนแต่พัฒน์บอกผมว่าเขาเข้าใจขวัญเพราะว่าขวัญป่วย เป็นโรคไพโบลาร์ เหมือนคนมีโลกสองใบในคนเดียวกัน มีโลกที่สวยงามและโลกที่เหมือนซาตาน และนี้ทำให้ผมทนคบขวัญไม่ไหวจริงๆ ผมไม่โกรธที่เขาไปนอนกับไอ้อ้นแต่ว่าผมโกรธเพราะว่าตอนนั้นไอ้อ้นมันทำให้ต้าร์เริ่มเปลี่ยนไปนี่แหละ ถึงต้าร์จะไม่ได้บอกผมว่าต้าร์แอบคบกับไอ้อ้น แต่ถึงขั้นไหน ผมว่าน่าจะยังไม่ไกลมาเลยพยายามกันต้าร์ออกมาจนส่งไปเรียนเมืองนอกนั่นแหละ

            ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องนอนและเป็นห้องทำงานด้วยเช่นกัน ห้องนอนผมกว้างมาก ผมเดินไปยังประตูห้องนอน พร้อมกับเปิดเข้ามาและคนที่มายืนเคาะประตูไม่ใช่ใครอื่นนั้นคือน้องชายผมเอง ต๋อมกับแต๋ม เป็นคู่แฝดกัน

      “ว่าไง” ผมถามทั้งคู่

      “ผมจะกลับแล้วอ่ะพี่ตุ๊” น้องชายฝาแฝดบอกผม

      “เดินทางกลับดีดีล่ะและช่วยห้ามปรามน้องรักเราด้วยไอ้ต้าร์น่ะ ส่งไปอยู่ด้วยกันเพื่อช่วยๆ ดึงกันไม่ใช่ดันกันไปด้วย น่าจริงๆ” ผมพูด

      “มาเคาะประตูให้พี่ตุ๊บ่นแท้ๆ เลยอ่ะ” แต๋มบ่นผมทันที ผมชี้นิ้วน่าจะจริงๆ น้องชายแต่ล่ะคนของผม (ทำไมน้องไอ้อ้นมันไม่เหมือนน้องชายผมบ้างว่ะ) ผมแอบคิดในใจ ผมเหลือบมองยังมาทำปากขมุบขมิบนินทาพี่อีก

      “ให้ใครไปส่งที่สนามบิน หึ?” ผมถามทั้งคู่

      “พี่พงษ์ไงเพราะว่าพี่พงษ์เขาขอพ่อกลับไปหาภรรยาเขาอ่ะ ที่กำลังจะคลอดที่คลองสาม ส่วนพี่เมฆยังไม่กลับมาเลยและคิดว่าคงไม่รอล่ะ เดี๋ยวต้องไปวิ่งหาเกตขึ้นเครื่องอีก นี้ไอ้ตอลคงลากพี่เมฆไปหาที่ถ่ายรูปสวยๆ ไกลแน่ๆ เลย ป่านนี้ยังไม่กลับเลย” ต๋อมพูด ผมเหลือบมองนาฬิกาแบรนด์เนมหรู นี้พี่เมฆยังไม่กลับมานั้นแปลว่าตอลก็ยังไม่กลับเหมือนกันน่าจริงๆ น้องคนนี้

      “พี่ตุ๊ งั้นผมสองคนลาเลยน่ะและผมสองคนจะลงไปไหว้พ่ออีกคน ตอนนี้ไหว้พ่อเบอร์หนึ่งไปแล้ว เหลือพ่อเบอร์สองอยู่ด้านล่าง” แต๋มพูด ผมพยักหน้าแต่ว่ามันบอกว่าลงไปไหว้พ่ออีกคน นั้นมันก็ว่าผมเป็นพ่อมันซิ

      “ไอ้ต๋อม!!” ผมหันมาอยากจะเค้กกบาลมันจริงและทั้งคู่ก็เดินลงไปซะก่อน ผมเดินกลับเข้าห้อง ตั้งแต่กลับมาผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับพัฒน์เลย พัฒน์หายเข้าห้องไปไม่รู้ไปนอนหรือไปทำอะไร ถ้าผมกับพัฒน์อยู่บ้าน ผมจะไม่แสดงอะไรเหมือนที่เคยทำที่บ้านพักครู ผมยังไม่กล้าต่อหน้าน้องๆ และยิ่งพ่อด้วย ผมยิ่งไม่กล้า ไม่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เหมือนกัน ผมได้ยินมาเยอะมากเกี่ยวกับพัฒน์และพ่อผม ผมรู้ว่าพ่อไปหาพัฒน์ บ่อยที่นั่นและพักที่โรงแรมเสมอ พัฒน์เองก็ดูแลพ่อผมดี ดีกว่าลูกแท้ๆ ซะอีก ทั้งที่พัฒน์เป็นลูกบุญธรรม

      “กึก” ผมเปิดโน้ตบุ๊คลงก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะเดินลงไปด้านล่าง ระหว่างที่ผมเดินลงมาจนถึงชั้น จะว่าไปผมคิดว่าจะเข้าไปคุยกับพ่อผมเรื่องคุณวันชัยสักหน่อย เรื่องลูกสาวเขาด้วย ผมคิดว่าให้พ่อผมพูดเพื่อว่านายวันชัยจะฟังพ่อบ้าง พอผมเดินถึงทางเข้าห้องรับแขกสิ่งที่ผมเห็นคือพัฒน์ที่นั่งอยู่ข้างๆ พ่อผม บีบนวดให้พ่อผม พ่อผมก็ลูบหัวอย่างเอ็นดู ต่อให้พ่อผมมีแฟนแล้วแต่ผมก็แอบคิดไม่ได้มันสับสน จนผมเองไม่กล้าดึงพัฒน์ออกมาเพราะว่าพ่ออาจจะต้องการพัฒน์มากกว่าผม หรือว่าเพราะผมเองที่ได้ยินสิ่งที่พนักงานโรงแรม ครูบางคนในโรงเรียน ต่างพูดถึงพัฒน์กับพ่อผม ผมเองพยายามไม่คิดอะไรตรงนี้

      “พี่ตุ๊!” ผมสะดุ้ง ก่อนจะหันมาเจอเต้ เต้เรียนมหาวิทยาลัยปีสี่แล้ว น่าแปลกเต้เลือกอยากจะเป็นเภสัชกรมากกว่า เขาชอบด้านยามาก 

      “พึ่งจะกลับมาถึงเหรอเต้” ผมถามเต้

      “ใช่ครับพี่ตุ๊ พอดีวันนี้มีคาปเรียนเสริมตอนเย็นนะครับพี่ตุ๊” เต้พูด ผมฟังเต้แต่ตายังมองพัฒน์อยู่

      “พี่ตุ๊มองใครอ่ะ พ่อหรือพี่พัฒน์” เต้ถามผม ผมหันมามองน้องชายอีกครั้ง

      “พ่อดิ “ผมพูด

      “แน่เหรอ” ไอ้เต้พูดพร้อมเลิกคิ้วสูง

   “ก็พ่อดิจะใครล่ะ จะเข้าไปคุยธุระกับพ่อหน่อยแต่พ่อยังคุยกับพัฒน์อยู่ “ผมพูดแก้เขิน จริงๆ แล้วมองพัฒน์มากว่า

      “พี่ตุ๊ สิ่งที่พี่เห็นอาจจะไม่ใช่ก็ได้น่ะ ส่วนสิ่งที่ฟังมาก็อาจจะไม่ใช่เหมือนกัน ผมว่าพี่ควรจะฟังจากปากพี่พัฒน์มากกว่า แต่น่าแปลกปกติพี่ชอบตัดสินใจให้น้องแต่ทำไม ไม่ทำให้ตัวเองบ้างล่ะ” เต้พูดก่อนจะเดินออกไป ทิ้งคำคมไว้ให้ผมคิดซะด้วย ระหว่างนั้นผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์แล่นเข้ามาในบ้านแล้ว ผมเดาได้ว่าเป็นเครื่องยนต์รถประจำบ้านของผมและเป็นรถที่ใช้รับส่งตอลและคนอื่นๆ ไปมหาวิทยาลัยและไปทำกิจกรรมนั้นนี้ ตอลเขาเข้าชมรมถ่ายภาพ

      (คุณตอลครับ ผมช่วยถือให้ครับ) พี่เมฆ คนขับรถและเป็นการ์ดฝีมือดีของบ้านผม เคยเป็นครูสอนยิงฝีมืดีและเคยเป็นนักกีฬาทีมชาติมาก่อนด้วย แต่ว่าตอนนี้เขาเลือกที่จะลากมาทำงานให้พ่อของผม

      (พี่เมฆ อันนี้พี่เก็บไว้ทานน่ะ อร่อยดี)

      (ขอบคุณครับคุณตอล)

      “อะแฮม” ผมกระแอมเสียงเพื่อให้ทั้งคู่รู้ว่าผมยืนอยู่ ผมยืนกอดอกมองอยู่ด้านหลังทั้งคู่

      “พี่ตุ๊” ตอลหันมามองผมด้วยความตกใจก่อนจะหันไปรับของที่ซื้อมา ดูท่าจะไปเที่ยวตามตลาดน้ำมาแน่นอน เพราะเขาชอบไปหาสถานที่สวยๆ ถ่ายรูป

      “สวัสดีครับคุณตุ๊” พี่เมฆทักทายผม

      “เข้าบ้านตอล “ผมบอกตอล ตอลพยักหน้าก่อนจะหันไปมองพี่เมฆและเดินผ่านผมเข้าไป ผมหันมามองพี่เมฆ

      “พี่เมฆ พี่จะลากลับไปหาครอบครัวพี่บ้างใหม่ ผมยินดีน่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยอยุ่งนะครับ” ผมพูด

      “ไม่ดีกว่าครับ “พี่เมฆบอกผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

      “พี่ไม่ไปเยี่ยมลูกชายพี่เหรอครับ อายุเท่าไหร่แล้วนะครับ” ผมถามพี่เมฆ พี่เมฆมองหน้าผมก่นอจะหลบตาผมไป

      “อายุจะสิบแปดแล้วครับ” พี่เมฆพูด

      “ฑี่เมฆ พี่คงรู้ว่าผมไม่อยากให้หน้องผมที่มีอนาคตต้องหมองลงเพราะเรื่องพวกนี้ พี่เมฆคงเข้าใจนะครับ” ผมพูด พี่เมฆพยักหน้าผมเบาๆ

      “ผมว่าพี่ไปพักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้พี่หยุดหนึ่งวันและวันอังคาร ผมจะรบกวนพี่ต้องไปส่งผมกับครูพัฒน์ที่โรงเรียนแทนพี่พงษ์ทีนะครับเพราะว่าพี่พงษ์เขาน่าจะอยู่กับภรรยาที่กำลังคลอดบุตรและแสตนบายที่นี้ด้วยดังนั้นพี่ต้องไปแทนพี่เขาสักพักนะครับพี่เมฆ “ผมบอกพี่เมฆ พี่เฆมนิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้าตกลง ผมเดินกลับเข้าไปด้านในทันที พอผมเดินเข้ามาก็เจอตอลยืนอยู่ แสดงว่าเขาได้ยินที่ผมพูดกับพี่เมฆ

      “ทำไมพี่ตุ๊ต้องให้พี่เมฆไปด้วยอ่ะแล้วใครจะไปส่งผมอ่ะ ผมต้องไปถ่ายรูปเพราะว่าผมเป็นหัวหน้าชมรมถ่ายภาพพี่ตุ๊ก็รู้” ตอลพูดกับผม

      “เรามีคนขับรถหลายคนและพี่พงษ์ก็แสตนบายที่นี้แทน ไม่พอเหรอตอล” ผมถามตอล

      “พี่ตั้งใจ” ตองถามผม ผมหันมามองหน้าตอล

      “ใช่พี่ตั้งใจตอล” ผมพูด

      “ทำไมอ่ะ” ตอลถามผม

      “ตอล พี่เมฆเขามีลูกมีเมียแล้วน่ะตอล!” ผมหันมาบอกตอล

      “ตอลรู้มานานแล้ว” ตอลบอกผม ผมตกใจพอสมควร ตอลรู้อย่างนั้นเหรอแต่ก็ยังทำหรือ

      “เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันมานานแล้วพี่ตุ๊” ตอลพูด

      “แต่เขายังคงสถานะพ่อแม่ของลูกเขาอยู่ตอลและที่สำคัญ ตอลก็ต้องไปเรียนเมืองนอกได้แล้วเมื่อเรียนจบ ดังนั้นพี่ไม่รู้ว่าพี่เมฆเขาอยากจะไปหาอาชีพอื่นทำหรือเปล่าเพราะว่าไม่มีใครอยากจมอยู่กับเราแบบนี้ไปตลอดหรอกตอล เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม” ผมพูด ตอลมองหน้าผมนิ่ง

      “ไปขึ้นบ้านนอนได้แล้ว” ผมพูดพร้อมกับเดินแทรกไปทันที ผมเดินเข้าไปถึงก็เจอแค่พ่อผมนั่งอยู่ ผมเดินเข้าไปหาพ่อผม พ่อผมนั่งอ่านรายงานของโรงแรมทุกสาขาทั่วโลก พ่อหันมามองหน้าผม

      “ได้ยินเสียงคุยกัน เอ็ดอะไรน้องอีกล่ะตุ๊” พ่อหันมามองหน้าผมพร้อมกับถอดแว่นสายตาออก พ่อภาคย์มองผม

      “ตอลนะครับพ่อ” ผมพูด

      “ตุ๊ ไม่มีใครกำหนดทิศทางใครได้หรอกน่ะ เราเองก็เหมือนกัน ต่อให้เป็นพี่หรือว่าเป็นพ่อก็เถอะ” พ่อบอกผม

      “บางคนชอบคิดน่ะว่าของที่หนักมากๆ คือของที่มีค่ามาก จึงพยายามแบกมันเอาไว้ แต่ความจริงๆ มันก็แค่ก้อนหินที่ไร้ค้าแบกมาจนถึงที่หมายกลับไม่มีราคาอะไรเลย เสียเวลาเปล่าๆ “พ่อผมพูด

      “ปล่อยวางไปบ้างตุ๊ ยิ่งแบกยิ่งหนัก ไม่ใช่ซูเปอร์อีโร่ไม่ต้องไปแบกอะไรหนักหนาหรอกตุ๊ “พ่อพูด

      “พัฒน์เขาทำเอาไว้ให้ เขาบอกว่าเราไม่อยู่ในห้องน่าจะเดินไปรอตอลกลับบ้าน เลยฝากบอกพ่อว่าให้เราเอาไปดื่มด้วย จะได้หลับสบายและจะได้เลิกคิดนั้นคิดนี้ซะบ้าง คิดเยอะนะ น้องจะเรียกพ่ออีกคนกันหมดแล้ว” พ่อผมพูด ชมว่าผมหน้าแก่ขึ้นอีก ผมหยิบแก้วนมที่อุ่นเอาไว้พร้อมกับใส่น้ำผึ้งไปด้วย ให้ผมดื่มจะได้หลับสบาย พัฒน์ทำแบบนี้ให้ผมดื่มทุกคืน ตื่นมาก็เหมือนคนได้นอนผักเต็มทีจริงๆ นี้ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้คุยกันเลย อาหารเย็นก็ไม่ได้คุยกันมากเพราะว่าพัฒน์นั่งติดกับพ่อ ดูแลพ่อ ตักอาหารนั้นนี้ให้พ่อ หรือว่าผมหึงกันแน่ ไม่น่ะ ไม่น่าจะใช้

      “ตุ๊ พ่อจะไปทำธุระที่ต่างประเทศหน่อย” พ่อบอกผม

      “ไปกี่วันครับพ่อ” ผมถามพ่อผม

      “สักสามสี่วันน่ะ” พ่อบอกผม

      “เอาไอ้ตอลกับเต้ไปด้วยซิพ่อ ให้เรียนรู้การเดินทางบ้าง ไม่ใช่หาแต่ที่เที่ยวตลอน เมื่อเขาไปเรียนเมืองนอกจะได้ปรับตัว” ผมบอกพ่อผม พ่อหันมามองหน้าผมแอบสั่นหัวเบาๆ นี้คือแผนการให้น้องผมห่างๆ จากพี่เมฆบ้าง

      “ก็ได้ พ่อจะบอกตอลเองน่ะ ให้เราบอก มีหวังงอลอีกแน่นอน” พ่อบอกผม ผมยิ้มกับพ่อ

          ผมดื่มจนหมดแก้วก่อนจะเอาไว้วางเก็บไว้ในเครื่องล้างและคนใช้ในบ้านจะมาจัดการเองตอนเช้า พวกผมไม่จำเป็นต้องใช้พวกเขาเกินเวลามากหนัก ผมเดินกลับขึ้นห้อง ผมมองห้องนอนพัฒน์ ผมทำท่าจะเคาะประตูเรียกพัฒน์แต่ว่าผมไม่แน่ใจว่าพัฒน์จะนอนหรือยังนี่ซิ ใจก็อยากเรียก ใจก็อยากเข้าไปเพราะยังไม่ได้คุยอะไรกันหลังจากกลับมา ใจก็ไม่อยากรบกวน ผมง้างฝ่ามือเอาไว้แต่ไม่เตาะสักที

      “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องแต่ว่าไม่ใช่ผมที่เป็นคนเคาะเพราะว่ามือของผม ยังคงง้างรอการตัดสินใจอยู่ว่าจะเคาะเรียกดีหรืไม่ดีกว่า แต่ไม่ทันเสียแล้ว ผมจึงหันไปมองคนนั้นคือไอ้เต้น้องชายผม ไอ้น้องชายผม มันยิ้มให้ผมแบบเจ้าเล่ห์ให้ผม ผมจะหันไปด่าไอ้เต้แต่ว่าพัฒน์เปิดประตูออกมาซะก่อน มองผมแบบงง ดูจากชุดนอนน่าจะเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เตรียมตัวเข้านอน

      “เออ พัฒน์พี่ไม่ได้..” ผมทำท่าจะปฏิเสธแต่ว่าไอ้เต้มันหายไปแล้ว มันทิ้งผมยืนอยู่หน้าประตูห้องพัฒน์คนเดียว ผมถึงได้บอกว่าพ่อสื่อเยอะมากทั้งบ้าน

      “พี่ตุ๊มีอะไรหรือเปล่าครับ” พัฒน์ถามผม

      “คือพี่จะ บอกว่า ขอบคุณเรื่องนมอุ่นนะครับ” ผมพูด พร้อมกับเกาหัวแกรกๆ

      “ไม่เป็นไรนี่ครับเพราะว่าพัฒน์ก็ทำให้พี่ตุ๊ทุกวันอยู่แล้ว กลับมาบ้านก็ทำให้ปกติไม่ใช่เหรอครับ” พัฒน์พูด

      “เออ พี่จะมาบอกว่า นอนหลับฝันดีครับ” ผมพูด พัฒน์มองหน้าผมยิ้มๆ

      “นอนหลับฝันดีครับ คุณผู้อำนวยการ” พัฒน์พูด เรียกซะเต็มเชียว

      “ไม่ต้องทำแล้วนะงานน่ะและพรุ่งนี้พี่จะพาไปดูโรงแรมสาขาใหม่พึ่งจะทำพิธีเปิดไป โดยพ่อกับลุงเพราะว่าพี่ยุ่งแต่ว่าจะพาพัฒน์ไปดูสักหน่อย” ผมพูด พัฒน์ยิ้มให้ผมพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ

      “นอนหลับฝันดีครับ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ “ผมพูด ผมไม่กล้าขอพัฒน์นอนด้วยเหมือนที่บ้านพักหรอกครับ ผมเดินเลยไปยังห้องนอนของผมเอง เอกสารทุกอย่างทุกเก็บเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ผมเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะมองแล็ปท๊อป มีงานมากมายแต่ว่าผมควรจะพักได้แล้วเหมือนกัน ที่ผมจะชวนพัฒน์เป็นโรงแรมหรู ถูกตกแต่งเอาใจคนต้องการสถานที่แต่งงานและเอาใจคู่รักที่จะมาพัก ถ้ามาเป็นครอบครัวก็ได้แต่ห้องสำหรับคู่รักจะจัดมุมให้เห็นวิวสวยๆ ของแสงไฟในกรุงเทพ ผมเลยจะลองชวนพัฒน์ไปดู วันจันทร์วันหยุดพรุ่งนี้พ่อไม่อยู่ด้วย

   TBC
9
 
EP.36 เธียนวิชญ์X กันต์ธีร์  ข้อตกลง

      Part’ s กันต์ธีย์ หลังจานทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ผมก็อุ้มเจ้าตัวเล็กไปส่งอาม่าของพี่เธียร ผมรู้ว่าใครหลายคนอาจจะมองว่าผมใจร้าย ที่เลือกพี่เธียรวิชย์ เหตุผลมันมากมายเหลือเกิน แต่ที่ผมเลือกเหตุผลหลักๆ คือ เขาคือพ่อของลูกผม และเขาขอโอกาสเพื่อจะได้ทำหน้าที่พ่อให้ลูกชายของผมกับเขา ผมยอมรับว่าผมเริ่มใจอ่อน เมื่อได้เห็นใบหน้าเจ้าลูกโซ่ที่มองเขาราวกับว่าผูกพันมานาน นี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าสายใยแห่งรัก เส้นตายที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นแต่สัมผัสได้ด้วยใจ แต่ผมยังมีอีกเหตุผลที่สำคัญมากๆ ผมว่าเหตุผลนี้มันควรจะเป็นอาจารย์กันตภณเท่านั้นที่รู้ ว่าทำไมผมไม่เลือกเขาที่ดีพร้อมมากกว่า

   “เอาไว้อาม่ามาเยี่ยมอีกน่ะ” อาม่าบอกผม

   “มาอีกเมื่อไหร่อ่ะอาม่า” เฮียธันถาม

   “พรุ่งนี้” อาม่าพูด

   “อาม่า!!”

   “ก็มาเยี่ยมอีกไง พรุ่งนี้อ่ะ” อาม่าพูด

   “ม๊า ยิ่งเดินไม่ค่อยจะไหวอยู่ วันหยุดให้อาเธียรพาไปที่บ้านอาม่าแล้วกัน “ม๊าบอกอาม่า

   “พาไปนะ ไม่พาไปน่ะ มึงโดน ไอ้เธียร!!” อาม่าพูด ก่อนจะขึ้นรถเฮียธีไป เฮียธีจะไปส่งพี่มิว แฟนสาวของเขาและกลับคอนโดตัวเองด้วย พี่ธีเขานอนคอนโดตัวเอง เพราะว่าใกล้ที่โรงเรียนที่พี่เขาดูแลที่สุด ส่วนพี่ธันก็นอนบ้างไม่นอนบ้าง พี่ธามจะนอนคอนโดเฉพาะคืนวันศุกร์เสาร์และอาทิตย์ถึงพฤหัสบดี นอนบ้านกัน

   “พาลูกไปนอนได้แล้วเธียร ดูซิ ตาปรือแล้ว” ม๊าหันมาบอกพี่เธียร

   “ครับม๊า” พี่เธียรหันไปบอกม๊าก่อนจะหันมาพยักหน้ากับผม คนใช้ก็โบกมือโบกมือไม้ให้เจ้าลูกโซ่กันใหญ่ ผมยอมรับว่าอาม่าทำให้ผมคิดถึงยายของผมมาก ท่านรักและเป็นห่วงผม แต่แปลกที่ญาติพี่น้องแม่ผมเขาไม่อยากรับผมเลยสักคน อาจจะเป็นเพราะว่าพ่อผมไม่ค่อยช่วยเหลือทางการเงินเหมือนครอบครัวคนอื่นที่เขาได้สามีเป็นคนต่างชาติและมีบ้านใหญ่โต เหมือนคนอื่นๆ ที่ได้แต่งงานกับสามีต่างชาติ

   “บีมอาบน้ำก่อนไหม พี่ดูลูกให้ก่อน” พี่เธียรบอกผม ผมพยักหน้า และพี่เธียรเขาก็ส่งชุดนอนของเขามาให้ผม

   “ชุดใหม่ครับ” พี่เธียรพูด

   “ไม่ได้ว่าอะไรนี่ “ผมพูดและแอบอมยิ้ม

   “บีม เดี๋ยวพี่มาน่ะพี่ไปคุยกับเฮียธันแป๊บหนึ่ง” พี่เธียรพูดก่อนจะอุ้มเจ้าลูกโซ่ไปด้วย ผมหันไปเห็นภาพที่เหมือนจะคล้ายกันแต่กลับให้ความรู้สึกที่ต่างกั้น คือภาพที่พี่กันตภณอุ้มเจ้าลูกโซ่กับพี่เธียรวิชย์ผู้ชายที่ทำให้ผมมีลูกโซ่ มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดตรงรอยยิ้มของลูกโซ่ที่ดูมีความสุข

   “ไปเราไปหาแปะธันดีกว่า ไปอ้อนแปะธันซื้อรถแข่งให้ดีกว่า” พี่เธียรเขาบอกลูกชายเขา ผมคิดว่าผมควรจะเลือกได้แล้ว ผมนึกในใจถ้าผมเลือกผิดล่ะแต่ว่ารอยยิ้มของลูกโซ่ที่มีให้พี่เธียรวิชย์ มันทำให้ผมตัดสินใจ

   //ฮัลโหลครับน้องบีม//ผมกดโทรหาพี่หมอภีมปภพ ผมมีเบอร์เขาแต่ผมมักจะให้พี่กันเป็นคนโทรทุกครั้ง

   //พี่หมอครับ ผม”

   // พ่อลูกเขาเจอกันแล้วเหรอครับ//

   //พี่หมอรู้ได้ยังไงครับ//

   //พี่ไปหากันมาเมื่อสามวันก่อน พี่เจอหลานของกันเขาเข้า คนที่ชื่อเธียรวิชย์น่ะ และพี่ก็ยอมรับว่าพี่ตกใจที่เห็นใบหน้าของเขาและสิ่งที่พี่นึกถึงคือลูกโซ่ //

   //ครับพี่หมอ แต่ผมไม่รู้มาก่อน //

   //แล้วกันล่ะ //

   //พี่กันเขาออกไปแล้วครับ แต่ผมได้ยินอาม่า ม๊าของพี่กันบอกว่าพี่กันไม่ได้กลับบ้าน ผมอยาก….///

   //พี่ดูแลเอง พี่รู้ว่ากันมันไปไหน//

   //ขอบคุณนะครับพี่หมอ//

   //พี่เข้าใจเหตุผลของบีมน่ะ//

   //แค่นี้ก่อนนะครับ //

   //โอเคบีม มีอะไรปรึกษาพี่ได้น่ะ พี่ยินดี และอย่าลืมพาเจ้าลูกโซ่มาฉีดวัคซีน 8 เดือนด้วยน่ะ //

   //ครับพี่หมอ ขอบคุณครับ// ผมกดวางสายจากพี่หมอภีมปภพ ก่อนจะรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเอาเสื้อผ้าพี่เธียรวิชย์มาใส่ มันก็จะหลวมโครงไปสักหน่อย พอผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นเจ้าลูกโซ่ที่พี่เธียรวิชย์อุ้มมา น้ำตาเอ่อมาด้วย

   “พี่ไม่รู้ เล่นกับเฮียธันอยู่ดีดี ก็ร้องไห้จ้าเลย พี่ปลอบเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเงียบเนี๊ยะบีม” พี่เธียรวิชย์พูดด้วยสีหน้ากังวลที่เห็นเจ้าลูกโซ่ร้องไห้ ที่สะอึกสะอื้น

   “ฮือๆๆ”

   “เป็นอะไรล่ะบอกป๊าซิ ป๊าไม่รู้ หึ เจ้าก้อนเต้าหู้ของป๊า” พี่เธียรวิขย์พยายามปลอบโยนและเรียกลูกผมว่าก้อนเต้าหู้อีก ผมหันไปเหล่ตามอง

   “พี่ชอบทานเต้าหู้มาก และลูกพี่ก็ขาวจั๋วเหมือนก้อนเต้าหู้เชียว” พี่เธียรวิขย์พูด ผมเหลือกตาขึ้นมองบนทีหนึ่ง เหมือนตรงไหน???

   “น้องน่าจะหิวนมน่ะพี่เธียร เดี๋ยวผมจะลงไปชงนมให้น่ะครับ “ผมพูดและรีบเดินลงไปชั้นล่างทันที ผมเดินไปจัดการประกอบขวดนมที่ผมล้างและใส่เครื่องนึ่งขวดนมที่พี่มิวเอามาให้ ปกติผมใช้ที่นึ่งใส่ไมโครเวฟเอา แต่อันนี้สะดวกกว่า ผมรีบประกอบขวดนมแข่งกับเสียงร้องเจ้าลูกโซ่ที่ร้องไห้ เพราะว่าหิวนม ดูท่าแล้วพี่เธียรจะเอาไม่อยู่ บทจะหิวก็หิว ผมก็รีบวิ่งขึ้นมาบนบ้านทันที ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมรู้ว่าผมคิดถูกแล้วที่เลือกคนที่นี้ ทั้งป๊าและม๊าของพี่เธียร พี่ชายของพี่เธียรก็พากันออกมา ช่วยปลอบโยน ช่วยหลอกล้อ ให้หยุดร้อง

   “ร้องทำไมละลูก มาเล่นกับ…” พี่ธามพูดแต่ว่าหันไปชำเลืองมองป๊าของพี่เธียร

   “แปะลูก เรียกน่ะแปะนะลูกน่ะ” พี่ธามพูด

   “แหง๋ๆ” ยังคงร้องไห้จ๋าเลย นมก็ยังอุ่นเกินไป ผมวิ่งเข้าไปเปิดน้ำเพื่อจะได้คลายความร้อนออกไปบ้าง ผมได้ยินเสียง ทุกคนกำลังพยายามหลอกล้อลูกโซ่

   “มาหาอาม่าลูก ร้องทำไมลูก ไม่ร้องลูกน่ะ นี่ๆ ดูนี่ อากงลูก อากงก็อยู่ลูก ไม่ร้องลูก” ม๊าของพี่เธียรอุ้มอยู่ ผมเดินมาหยุดมอง แต่พอหันมาเห็นขวดนมนี้รีบกางมือมาทันที

   “หิวนม!!” บรรดาลุงๆ พูดออกมาพร้อมกัน และเจ้าลูกโซ่ก็รีบรับขวดนมไปจากผมทันที

   “เอาล่ะเข้าห้องได้แล้วมั้ง หลานจะได้นอน ร้องแบบนี้ง่วงมากแล้ว” ม๊าพูดและส่งเจ้าลูกโซ่มาให้ผม

   “แต่ก็ดีน่ะ บ้านเงียบมานานน่ะป๊าตั้งแต่ ลูกๆ เราโตกันหมดน่ะ” ม๊าพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม และผมก็พาเจ้าลูกโซ่ที่หิวน่าดูแลประกอบกับง่วงนอนมากด้วย เข้าไปในห้องนอน ผมรีบเอาขวดนมจ่อปากเจ้าลูกโซ่ทันที

   “พี่อาบน้ำก่อนน่ะ ม๊า” พี่เธียรวิชย์บอกผม ผมหันไปมองคนที่กำลังถอดแหวนถอดนาฬิกาออกและกำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแต่ว่าผมรู้สึกแปลกๆ ตรงที่เขาเรียกผมว่าม๊า มันแอบรู้สึกดี เหมือนเวลาที่แด้ดแทนตัวเองว่าแด้ดและเรียกแม่ผมว่ามัม

   “ก็ไปอาบซิ “ผมพูดและพยายามไม่มองคนที่กำลังถอดเสื้อเชิ้ตออก มันเผยให้เห็นผิวขาว รูปร่างที่ดูสมส่วนแม้จะไม่มีมวลมัดกล้ามเหมือนหนุ่มเล่นกล้ามก็ตาม

   “เพื่อว่าลูกหลับจะแอบเข้ามาดูพี่ก็ได้น่ะและพี่ไม่ชอบล๊อกประตูห้องน้ำ” และคนที่ถอดทุกอย่างออกหมดแต่โชคดีที่เอาผ้าขนหนูมาพันกายไว้แบบหมิ่นๆ

   “จ้างให้ก็ไม่ไปดูต่อให้เปิดประตูเอาไว้ก็เถอะ!” ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้า แอบค้อนด้วย และแอบคิดจะไปดูทำไมไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อยแค่แม่ของลูกชิส์! ผมป้อนนมเจ้าลูกโซ่จนหมดขวดแต่ก็ยังไม่ยอมหลับ แถมยังแหวกเสื้อผมเพื่อจะหาเต้าแบนๆ อีกแล้ว ผมก็หันซ้ายแลขวา คงจะไม่มีใครเปิดประตูเข้ามาน่ะ

   “จริงอ่ะ” ผมถามลูกโซ่ เจ้าก้อนเต้าหู้ที่ป๊าเขาเรียก ก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าผมทำตาปริบๆ อีก

   “ทำแบบนี้มี้ใจอ่อนอ่ะดิ’ ’ ผมบอกเจ้าลูกโซ่ ก่อนจะมองคนที่อยู่ในห้องน้ำ คงยังไม่เสร็จหรอกมั้ง เอาว่ะเดี๋ยวลูกไม่หลับ และผมก็จัดการถลกชายเสื้อขึ้นไป หนึ่งข้างและเจ้าลูกโซ่ก็รีบหมุดหัวเข้าไปอ้าปากงับจุดสี่ชมพูดเรือๆ ของผมดูดอย่างเมามันอีกครั้ง และทำตาปรือเหมือนจะหลับแต่จู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก พี่เธี่ยรวิชญ์ และคนที่ตกใจก็คือพี่เธียรวิชญ์

   “เฮ้ยยย!!!” ถึงกับผงะไปทันที ผมแค่หันไปชำเลืองตามองพร้อมกับทำนิ้วจุ๊ปากด้วยว่าอย่าเสียงดัง พี่เขาก็ปิดปาก และคนที่นอนมุดหน้ากับอกแบนๆ ของผมที่ตอนแรกกำลังตาปรือเลยเชียว ก็ตาโพลงขึ้นมาอีกและหันไปเอียงคอมอง ป๊าตัวเอง

   “เอาจริงดิ” พี่เธียรวิชญ์เขาชี้มาที่เจ้าลูกโซ่ ก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงอีกฝั่งตรงข้ามกับผม

   “ก็ใช่ไง ไม่อย่างนั้นเขาไม่นอน “ผมหันไปบอกคนข้างๆ

   “เออ มี เออ มี “ยังทำมือชี้ตรงอกแบนๆ ของผมด้วยน่ะ

   “ไม่มีแล้ว เมื่อก่อนมี แต่มีนิดเดียว และใช้ผมเป็นผู้ชายที่ให้พยายามให้นมลูกไง “ผมตอบผมเข้าใจว่าพี่เขาคงหมายถึงน้ำนมละซิ

   “ก็เห็นอยู่น่ะว่ามี นิดเดียว” คนข้างๆ ผมพูดและชี้มาที่อกแบนๆ ของผม

   “ผมหมายถึงน้ำนมน่ะมีนิดเดียว “ผมหันมาพูดและถลึงตาใส่คนพูดด้วย

   “แม้ทำเป็นผู้หญิงไปได้ พอบอกนมเล็ก ทำหน้างอนเชียว” พี่เธียรพูดปนหัวเราะ ผมหันมาค้อน ก่อนจะหันมาตบก้นเจ้าลูกโซ่ จะได้หลับ ว่าแต่ผมจะนอนยังไง จะนอนเตียงเดียวกันอย่างนั้นเหรอ ไม่ดีมั้ง ผมคิดว่าจะลงไปนอนพื้นดีกว่าและพื้นก็มีพรมหนาอยู่ ส่วนเจ้าลูกโซ่ให้นอนบนนี้แหละ ผมเอามือลูกใบหน้าหล่อๆ นั้น ขนตาที่งอนยาว และเสียงดูดเต้าผมดังจ๊วบๆ ไปด้วยก่อนจะหันมาเจอสายตาคนที่ชะโงกหัวมอง เต้าผมแบบใกล้ชิด

   “เฮ้ย!! มองอะไรน่ะ” ผมรีบหนีบเจ้าลูกโซ่ เข้าหาอกของผมทันที

   “ก็มองลูกดูดไง”

   “ไม่เคยเห็นหรือไง”

   “เคยเห็นแต่เต้ากลมๆ นมเด็งๆ แต่อันนี้ไม่เคยอ่ะ แบนแต่ดูเร้าใจน่ะ “คนที่พูดก็ยังชะเง้อคอมองอยู่นั่นแหละ ส่วนเจ้าลูกโซ่ก็ดูดไม่ปล่อยเลย จนผมเองต้องดันหน้าป๊าจอมหื่นนี่ออก

   “มีสองข้างเนอะ” คนข้างๆ ผมพูด “หึ??? “ผมหันมามองคนที่พูด

   “แล้วใครมีข้างเดียวล่ะ ถามแปลกๆ” ผมหันมาถามยังชะเง้อมองอีก

   “ต้องดูดแบบนี้ด้วยเหรอ ถึงจะหลับอ่ะ” พี่เธียรถามผม ผมพยักหน้าและก้มลงมองเจ้าลูกโซ่ที่หลับแต่ยังดูดไม่ยอมปล่อย

   “มีตั้งสองข้างอ่ะ แบ่งมาสักข้างได้ไหมอ่ะ นอนไม่หลับเหมือนกัน” ผมหันมามองคนข้างๆ กี่ขวบแล้ว เขาก็มองผมทำหน้าตาออดอ้อน

   “ก็แค่ถามดู และพี่รู้สึกช่วงนี้พักผ่อนน้อย นอนไม่ค่อยหลับไง เลยอยากมีตัวช่วยบ้าง “คนข้างผมพูด ผมหันไปมอง

   “ตลกบริโภคแล้ว นอนไปเลย “ผมหันมาชี้หน้า

   “แค่นี้ก็ดุด้วยอ่ะ”

   “นอนไปเลย ทะลึ่งจริงๆ เพี๊ยะ!”

   “เอ้าท์” ร้องเสียงหลงเลยผมตีที่ต้นแขนคนข้างๆ พี่เขาก็ค่อยๆ เอนตัวลงนอน ส่วนเจ้าลูกโซ่ ก็อ้าปากปล่อยจุกสีชมพูเรือของผม ผมก็รีบเอาชายเสื้อลงทันที ผมหันมาเห็นพี่เธียรวิชย์เขานอนดูทีวีอยู่ ผมก็เลยหยิบหมอนลงไปวางไว้ที่พื้น ผมขอแม่บ้านเอาไว้ คือผ้าห่มพื้นเล็กๆ พี่เขาก็เลยเอามา เขาคงคิดว่าผมเอาไว้ให้น้องลูกโซ่

   “ทำอะไรน่ะบีม” พี่เธียรวิชย์ถามผม

   “ผมก็นอนไง”

   “ทำไมไม่นอนบนนี้ด้วยกันล่ะบีม”

   “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมผมต้องนอนบนนั้นกับพี่ ผมให้ลูกนอนคนเดียวพอแล้ว” ผมพูดก่อนจะเอนตัวลงนอน แต่คนบนเตียงก็ไม่ได้พูดอะไร

         ผมขอหมอนมาเพิ่มหลายใบอยู่เพื่อกันไม่ให้เจ้าลูกโซ่ดิ้นลงมา แต่ดิ้นมาก็เจอผมอยู่ดี เสียงทีวีเงียบไปแล้ว พี่เธียรเขาปิดทีวีเรียบร้อยแล้วเตรียมเข้านอน ตอนนี้บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัด ผมก็ทำได้แค่ชะเง้อคอไปดูเจ้าลูกโซ่ที่นอน หลับปุ๋ย และพี่เธียรวิชญ์ก็หลับแล้ว ผมทิ้งตัวลงนอน ผมเองก็พยายามข่มตาให้หลับ จะด้วยแปลกทีก็ใช่ แล้วเราจะอยู่กับด้วยสถานะอะไร แค่พ่อแม่ของลูกใช่ไหม ผมเห็นสีหน้าแววตาของผู้หญิงคนนั้น เขาดูเสียใจ เป็นใครก็เสียใจ ที่มีคนมาฉกเอาของรักของหวงไปแบบนี้ ผมนอนตะแคง คิดอะไรเพลิน จู่ๆ ก็มีคนลงมานอนข้างหลังผม

   “เฮ้ย!!” ผมหันมามองคนที่ลงมานอนแทรกระหว่างผมกับที่นอน

   “พี่ลงมาทำไมอ่ะ” ผมถามพี่เธียร

   “ก็ไม่ยอมขึ้นไปนอนด้วยนิ “พี่เธียรพูด

   “ไม่อ่ะ ขึ้นไปนอนเลยน่ะ “ผมพูดและหันหน้าหนี ผมพยายามขยับหนีแต่โดนดึงรั้งเอาไว้

   “หมับ” เขากอดผมจากด้านหลัง ผมพลิกตัวหันมามอง มาไม้ไหนอีกเนี๊ยะ!

   “ก็อยากรู้”

   “อยากรู้ว่า” ผมพลิกตัวหันมาถามคนข้างหลัง

   “วันนั้นพี่ทำยังไง “ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าทำยังไง

   “เฮ้ย!” ผมร้องออกมาเบา เพราะคนที่นอนตะแคงรวบเอวผมโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากอวบอิ่มครอบลงที่ริมฝีปากบางๆ ของผม ผมก็พยายามทุบหน้าอกให้หยุด แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงร้องดังเพราะกลัวเจ้าลูกโซ่จะตื่น ถ้าตื่นมานี้ร้องยาวเลย และคนที่จูบผมก็ไม่ยอมหยุดซะด้วยน่ะ มือไม้ก็ลูบไล้ไปเรื่อย ผมต้องปล่อยให้ทำไปสักพัก ผมหยุดดิ้น คนที่จูบผมก็เริ่มได้ใจ เริ่มได้ใจบดขยี้ริมฝีปากอย่างเมามัน

   “เห็นลูกดูดอ่ะ ขอมั้งดิ” ไม่พูดเปล่าถลกชายเสื้อขึ้นมาและทำท่าจะครอบปากลงที่สองจุดสีชมพู ผมก็ช้อนตามอง หน้าคนหื่นคงได้ใจคิดว่าผมคงอ่อนระทวยไม่ยอมดิ้นต่อต้านใช่ไหม

   “ผลัก!” ผมตีเข่าเข้าตรงพิกัดนั้นเต็ม

   “โอ้ววว โอ๊ยย อู้ด บีม”

   “ชู้!!” เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก ผมทำหน้าดุ “อย่าร้องดัง เดี๋ยวลูกตื่น” ผมพูดและทำหน้าดุใส่ คนที่นอนดิ้นกุมเจ้าโลกเอาไว้ไปมา

   “ก็ตีเข่า ใส่ ลูกคนโต พี่ทำไมอ่ะ โอ๊ยยย เจ็บ”

   “ทะลึ่งหนักนิ และหื่นกามไม่รู้เวลาล่ำเวลาเลย “ผมดันตัวเองขึ้นนั่งมองคนที่นอนตัวงอ

   “รู้ไหมว่าพี่เคยผ่าไส้เลื่อนตอนเด็กๆ น่ะบีม” พี่เธียรพูด ผมก็ตกใจซิ

   “จริงอ่ะ เฮ้ย! ผมขอโทษ “กลายเป็นผมเองที่ รู้สึกผิด ผมพูดและคนที่นอนตัวงอหรี่ตามองผม ผมเข้าไปสะกิดว่าเป็นไงบ้างล่ะ

   “เจ็บมากไหมอ่ะ ผมไม่ตั้งใจอ่ะ “ผมพูดอย่างคนที่รู้สึกผิดจริงๆ

   “นี้ขนาดไม่ตั้งใจน่ะ ยังเข้ามาเต็มประตูขนาดนี้ โอ๊ยย! จุกเลยเนี๊ย” พี่เธียรวิชย์พูด

   “แล้วใครให้ลงมาล่ะ หื่นนี่ ผมมานอนเพราะลูกน่ะ ไม่ได้มานอนเป็นตัวช่วยบรรเทาอารมณ์หื่นกามของพี่น่ะ” ผมพูด

   “ก็ทำหน้าที่ พ่อของลูกไง” ยังมาแถอีก

   “ก็นอนกับลูกไปซินั่นแหละหน้าที่พ่อของลูก” ผมพูดและโบ้ยปากไปที่ลูกโซ่ที่นอนกางแขนกางขายึดที่นอนอยู่นั้น

   “ลูกหลับแล้ว หน้าที่พ่อของลูกก็คือสามี สามีเขาก็ต้องเล่นจ้ำจี้กับภรรยาไม่ใช่เหรอ” พี่เธียรพูด ยิ้มกริ่มให้ผมด้วยแสดงว่าดีขึ้นแล้วและไม่ได้เจ็บอะไรมาก

   “ไม่ ไม่ และก็ไม่ ขึ้นไปเดี๋ยวนี้เลย” ผมชี้นนิ้วไล่คนที่นอนตะแคงหันมามองผม

   “ใจร้ายจังเลยอ่ะ “คนที่นอนแผ่ข้างๆ มองผม ผมเหลือกตาขึ้นมองบนก่อนจะหลุบตาลงมองคนข้างๆ

   “พี่ผิดมากเลยเหรอครับจนบีมให้อภัยพี่ไม่ได้ และนี้พี่ยอมรับผิดแล้วอ่ะ บีม” เบื่อจริงๆ มิน่าล่ะลูกโซ่มันได้ระบบขี้อ้อนนี้มาจากใคร พ่อมันนี้เอง ผมแอบคิดในใจ

   “ก็ลงมานอนพื้นทำไมอ่ะ รังเกียจพี่เหรอ” พี่เธียรเขาถามผม

   “ไม่ได้รังเกียจแต่แค่ ผมยังไม่เคลียร์หลายเรื่องอ่ะ เลย ยัง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งที่สุด

   “เรื่องอะไรบ้างล่ะ” พี่เขานอนตะแคงและเอามือมายันศีรษะมองผม

   “หนึ่งเรื่องสถานะเพราะว่าเรายังไม่ได้รักกัน” ผมพูด

   “พี่ต้องพยายามทำให้บีมรักพี่อย่างนั้นเหรอ” พี่เธียรวิชญ์ถามผม ผมหันไปมองพี่เขา

   “มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นน่ะ “ผมพูด

   “สอง เรื่องผู้หญิงของพี่ “ผมพูด พี่เธียรวิชญ์เปลี่ยนท่ามาเป็นนอนตะแคง

   “แพรวานะเหรอ? นี่หึงพี่เหรอ” พี่เธียรวิชย์ถาม มุมปากนั้นกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่ผมหันมากอดอกมอง

   “ไม่หึงก็ไม่หึง” พี่เธียรพูด

   “เวลาทำตาดุนี้น่ากลัวเหมือนกันเลยน่ะ แม่กับลูกนี่” พี่เธียรพูดและแอบหันไปมองเจ้าลูกโซ่

   “พี่น่ะไม่เคยคิดอะไรกับแพรวาเกินไปกว่าน้องสาว ส่วนแพรวาก็เป็นเด็กเอาแต่ใจเพราะว่าเป็นลูกคนเดียวของเพื่อนพ่อพี่อีกที ครอบครัวของแพรวากับครอบครัวพี่สนิทกันมาตั้งแต่รุ่นอากงแล้ว เรียกได้ว่าก่อตั้งโรงเรียนมาด้วยกันแต่จู่ๆ อากงของแพรวาก็ถอนตัวและถอนหุ้นออกไปแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกัน “พี่เธียรพูด

   “อากงแพรวาเขาเสียชีวิตก่อนอากงของพี่ห้าปี ส่วนอากงพี่น่ะเสียชีวิตไป” พี่เธียรพูด

   “เมื่อห้าปีที่แล้ว” ผมตอบ พี่เธียรมองผมด้วยแววตาแปลกใจ

   “ผมรู้ว่าพี่กันตภณเขาหย่าขาดกับภรรยาเขาหลังจากนั้นเมื่อห้าปีทีแล้วเช่นกัน” ผมพูด พี่เธียรพยักหน้า

   “และแพรวาเธอโดนตามใจจนมาก ชนิดที่เรียกได้ว่า เธอไม่เคยไม่ได้สิ่งที่เธออยากได้ ส่วนพี่ก็ไม่อยากทำให้พ่อของพี่ต้องขัดใจกับพ่อเธอและส่วนมากแม่เธอจะเป็นคนขอน่ะเพราะว่าเขารักลูกสาวเขามาก ขอให้พี่ยอมให้เธอตามพี่จนเธอเหลิงได้ใจ ตอนนี้พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่คิดผิดที่ยอมเธอมากเกินไป” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมพยักหน้า

   “ผมเองก็ไม่อยากมานั่งทำสงครามกับผู้หญิงเพราะว่าคนที่ดูไม่ดีคือผมและยิ่งผมมีลูกผมจะไม่ทำตัวอย่างแบบนั้นให้ลูกดู เพราะนั้นอาจจะทำให้เขาคิดว่าการทำร้ายผู้หญิง คือเรื่องปกติ พี่เข้าใจไหมครับ” ผมพูด พี่เธียรวิชญ์พยักหน้าเบาๆ

   “ดังนั้นข้อนี้พี่ก็ต้องจัดการให้ผม เพราะว่าถ้าข้อนี้ไม่ผ่าน ไม่ต้องถามถึงข้อแรกว่าพี่จะได้ไหม” ผมพูด คนที่ตอนฟังถึงกับหน้าเสียไปทันที

   “ข้อแรกพี่ทำได้แต่ข้อสองอ่ะ ยากน่ะ เพราะว่าพี่ก็ทำมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้จะหาวิธีไหนแล้ว ยังไม่ได้ผลเลย จนป๊าให้พี่เลือกไปเรียนต่อเมืองนอก นางยังไม่ยอมปล่อยพี่เลยอ่ะ”

   “ถ้าอย่างนั้น ผมว่าผมเลือกไปข้อสามเลยดีกว่าพี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย” ผมหันไปพูดกับพี่เธียรวิชย์ยิ้มเลยละซิ

   “ข้อสามอะไรล่ะ” พี่เธียรวิชญ์ถามผม

   “และสามคือพี่กันตภณเพราะว่าที่ผ่านมาพี่กันตภณเขาดูแลและทำหน้าที่แทนพี่มาตลอด ดูแลผมดูแลเจ้าลูกโซ่ ตั้งแต่อยู่ในท้องด้วยซ้ำ ส่วนพี่น่ะไปหมุดหัวอยู่ตรงไหนผมยังไม่รู้เลย” ผมพูดก่อนจะหันมามองหน้าพี่เธียรวิชญ์ดันตัวเองขึ้นนั่งทันที

   “ขนาดตอนคลอดพี่กันยังนั่งเฝ้าผมเลย คนดีขนาดนี้ ผมควรจะทิ้งเขามาหาพี่ไหมล่ะ! “ผมถามพี่เธียรวิชญ์

   “แล้วบีมคิดว่าอากันเขาควรทำหน้าที่ได้ดีกว่าพี่หรือเปล่า ทั้งที่พี่ยังไม่ได้ลองเลยน่ะบีมและพี่ก็เป็นพ่อแท้เจ้าลูกโซ่น่ะ อากันไม่ใช่พ่อเด็กซะหน่อย และอากันเขาก็เป็นหมัน” พี่เธียรวิชญ์พูด ทำหน้าเหมือนเด็กน้อยขึ้นมาทันทีเลยน่ะ

   “ดังนั้น กว่าเฮียธีจะแต่งงาน ผมยังมีเวลาคิดและตัดสินใจทำให้ผมเห็นว่า ผมกับลูกโซ่ควรฝากชีวิตไว้กับพี่ได้ไหม ถ้าไม่ผมก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก “ผมพูดกับพี่เธียรวิชย์

   “และพี่คงรู้น่ะว่า หนึ่งในสามข้อนี้ ข้อไหนที่พี่ควรจะจัดการก่อน “ผมพูดพร้อมกับกอดอกมอง

   “สงสัยต้องข้อสองแน่ๆ เพราะเล่นบอกถ้าข้อสอบไม่ผ่านไม่ต้องถามถึงข้อหนึ่งและถ้าสองข้อแรกไม่ได้ ข้อที่สามน่ากลัวกว่า จะทิ้งพี่ไปหาคนอื่นอีกอ่ะ พี่ไม่ยอมอ่ะ “พี่เธียรวิชญ์พูดและทำท่าจะเข้ามากอดผมแต่ผมดันเอาไว้ ชี้หน้าด้วย

   “แล้วจะมานอนแยกแบบนี้ได้ยังไงอ่ะ เดี๋ยวลูกขาดความอบอุ่น ไม่ครบพ่อแม่ลูกน่ะ” คนงอแงพูด

   “ผมไม่ขึ้น พี่นั้นและขึ้นไปนอนเลย ไปนอนกับลูกนั่นแหละ” ผมพูดและพยายามดันพี่เธียรวิชญ์ให้ขึ้นไปแต่จู่ๆ

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เสียงเคาะประตูห้องนอน ก็ดังขึ้น ผมก็หยุดส่งเสียงเพื่อฟัง

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เสียงเคาะอีกสามทีไม่ดังมาก

   “เธียร นอนหรือยัง” เสียงม๊าของพี่เธียรวิชย์

   “ม๊ามา ถ้าม๊าเห็นบีมนอนบนพื้นแบบนี้ม๊าว่าพี่แน่ พี่โดนป๊าว่ามาแล้วน่ะ จะให้โดนม๊าว่าพี่อีกคนเหรอ” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมก็รีบลุกและเก็บทุกอย่างก่อนจะรีบขึ้นไปบนเตียงนอน พี่เธียรวิชญ์เดินไปเปิดประตู

   “ป๊าให้ม๊าเดินมาดูว่าตกลงนอนกันได้ไหม เพราะกลัวจะแคบไปน่ะเตียงเราน่ะ และจะดิ้นไปทับลูกเอา ป๊าเขาเป็นห่วง “ม๊าเดินมาถามพี่เธียรวิชย์

   “เป็นห่วงผมเหรอม๊า”

   “เป็นห่วงหลาน!!” ม๊าพูดชัดเจนมาก ผมแอบสมน้ำหน้า

   “นอนได้ม๊า หมอนั้นน่ะหลับปุ๋ยไปแล้วม๊า”

   “เอาไว้ซื้อเตียงใหม่หรือไม่ก็ซื้อเตียงเด็กไว้ในห้องนอนแล้วกัน และโตหน่อยค่อยแยกห้อง” ม๊าบอกพี่เธียรวิชญ์

   “นึกว่าเดินมาดูกลัวลูกสะใภ้ลงไปนอนพื้นซะอีก”

   “แล้วกล้าทำแบบนั้นหรือเปล่าล่ะ”

   “ถ้าทำม๊าคงได้”

   “แน่ล่ะ ห้ามให้เมียลงไปนอนพื้นล่ะ ไม่งั้นเราน่ะโดนแน่ๆ เอาไปนอนได้แล้ว และพรุ่งนี้เลิกเร็วได้ป๊าบอก พากันไปซื้อของใช้ลูกชายเราด้วยล่ะ “ม๊าพูด

   “อีกอย่างน่ะเธียร อย่าเปิดแอร์จนเย็นจัดล่ะ ลูกจะไม่สบายเอา เราน่ะเปิดแอร์จนเย็นม๊าเดินมาปิดให้ทุกคืน เข้าใจไหมเธียร ลูกยังเล็กหนัก” คำสั่งม๊าที่บอกพี่เธียร นี้แค่คืนแรกที่เจ้าลูกโซ่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี้ เขายังรักเจ้าขนาดนี้

   ผมนอนหลับตาปี๋แต่แอบฟัง ผมไม่รู้ว่าม๊าไปตอนไหน แต่ที่นอนตรงข้ามผมยุบลงเบาๆ ผมลืมตามองคนที่กำลังจะหอมแก้มแต่เป็นแก้มเจ้าลูกโซ่ พี่เธียรวิชย์ ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกับคนในคืนนั้น พฤติกรรมที่ต่างกันราวกับฟ้ากับดินหรือนี่คือสัญญาณของความเป็นพ่อ ผมค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง โดยไม่กล้าลืมตาต่อผมนอนใช้ความคิดมากมายในหัว พ่อของลูกสำคัญกว่าคนที่เคยทำหน้าที่ดูแลลูกผมจริงหรือ???

   “ป๊าบอกกับพี่ว่า ถ้าพี่ทำได้ไม่ดีพอ ก็ให้คืนให้เจ๊กกันไป หรือบีมคิดว่าพี่ควรจะทำแบบนั้นจริงๆ แต่พี่รักลูกน่ะ และพี่เชื่อว่าลูกพี่รักบีมมาก ดังนั้นคนที่เป็นแม่เขา คนอื่นก็แทนไม่ได้ พี่ไม่อยากเสียใครไปทั้งนั้น ทั้งบีมและลูกโซ่ พี่ขอโอกาสก่อนได้ไหมครับ ให้พี่ได้ลองก่อน “เสียงที่ดังอยู่ข้างหูผม ไม่รู้ว่านี้คือการตัดพอหรือว่าแค่แอบน้อยใจกันแน่ แต่จะให้ผมยอมเลยมันคงง่ายไปน่ะ เธียรวิชญ์

   TBC....
10
 
EP.14 เรื่องธรรมชาติครับพี่เขม(ครึงหลัง) NC

            Part's เขมชาติ  ผมแกล้งทำเป็นหลับจนกระทั่งผมรู้สึกว่าคนข้างๆ ผมเงียบไปแล้ว และนั้นผมถึงได้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นในความมืด ผมค่อยๆ กระดกศีรษะเพื่อหันไปมองคริส ที่ซบหน้าลงที่ด้านหลังของผมใจผมเต้นแรงมากและที่สำคัญผมกำลังมีอารมณ์อีกครั้ง ไม่ได้นะต้องนอนเขม! ผมบอกกับตัวเองพยายามข่มตาให้หลับลงแต่มันก็ยาก หรือว่าจะลุกไปคริสโตเฟอร์ก็จะรู้ว่าผม....อึ้ย!!! ไม่ได้ ไม่ได้ ตอนนี้คนที่กอดผมไว้เขาเงียบไปแล้วหรือว่าจะหลับแล้วจริงๆ น่ะ หลับง่ายดีจังแต่ผมก็ลุกขึ้นไม่ได้อยู่ดีเพราะว่าแขนของคริสโตเฟอร์กอดผมไว้อยู่แบบนี้

      "ฟู่" ผมเผลอพ่นลมออกมาทางปาก

      "นอนไม่หลับเหรอครับพี่เขม" เสียงกระซิบถามที่ข้างหูผม ทำให้ผมต้องหยุดนิ่ง นี่ผมกำลังปลุกนายคริสใช่ไหม เพราะว่าน้ำเสียงของเขานั้นบ่งบอกว่า เขาพูดทั้งที่เขายังหลับตาอยู่และผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดต้นคอผมอยู่ ก็เมื่อสักครู่ ใบหน้าของเขายังอยู่ที่แผ่นหลังของผมอยู่เลย แต่ตอนนี่เขาเลื่อนมาอยู่ที่ซอกคอผมแล้วและแขนก็สอดเข้ามากอดผมไว้ดูเหมือนจะเลื่อนไปเลื่อนมาแถวๆ ท้องน้อยและค่อยเลื่อนต่ำลง ต่ำลง จนกระทั่งถึงตรงนั้น ...ของผม..นั้นมันของสงวนครูนะคริส!!!

      "เพราะอันนี้หรือเปล่าอะครู" ผมทำตาโตเพราะว่านายคริสจับตรงแกนกายผมเข้าแบบเต็มกำมือ ผมหลับตาปี๋อายซิครับ คริสเลยรู้จนได้ว่าผมกำลังอยู่ในห่วงอารมณ์ไหน

      "ผมก็เป็นพี่เขม ตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วด้วย เรามาทำด้วยกันนะ ถ้าไม่ทำนี้คงนอนไม่หลับแน่ๆ " คริสโตเฟอร์กระซิบข้างหูผมแต่มันดังก้องเหมือนตะโกนใส่ซะมากกว่า

      " แต่ผมยังไม่เคยทำให้ผู้ชายด้วยกัน..เคยแต่ให้ผู้หญิงทำให้ " หูผึ่งมันจะดีเหรอ?

      "ครูหันมาซิครู...นะ..ผมว้อนอะ" น้ำเสียงของคริสโตเฟอร์ มันยั่วยวนผมมาก อย่ายั่วครูเดี๋ยวครูใจแตก!

      "I need you help me, please! ." ถึงจะเป็นคำขอที่สุภาพก็เถอะ คริสโตเฟอร์ดันผมให้พลิกไปหาเขา ผมก็ค่อยๆ พลิกตัวเองเข้าหาคนที่นอนตะแคงรอผมอยู่ แล้วแถมยังอยู่ในท่าเท้าแขนมองผมด้วยสายตาที่เซ็กซี่ซะด้วย ผมจ้องมองคนที่นอนข้างๆ ผม เขาไม่ได้สวมเสื้อนอนแต่กางเกงนี้ผมไม่รู้ว่าสวมไหมเพราะผ้าห่มมันคลุมอยู่ครึ้งท่อน คริสก็ดันผ้าห่มออก ผมก้มมองตรงนั้นของคริส มันแข็งและเรียกได้ว่าชี้หน้าผมอยู่ดีกว่า ยังดีที่คริสใส่กางเกงบอล แต่ว่าดูแล้วไม่ได้ใส่กางเกงยืดข้างในแน่ๆ

      "นะครู ..ผมอยากให้ครูสอนผม" ผมก็มองหน้าจะดีเหรอ ผมไม่ใช่ครูที่ชำนาญการเรื่องเพศศึกษาแต่แค่มีประสบการณ์เฉยๆ

      "แต่ว่า..." ผมทำท่าจะปฏิเสธ

      "ครูมันเป็นเรื่องธรรมชาติไม่ใช่เหรอครับ...นะครู..ของครูก็พร้อมแล้วอะ...นะเรามาทำด้วยกันนะครู...อืมม" คริสโตเฟอร์พูดออดอ้อนผมและเขาดึงผมเข้าไปแนบชิดแผ่นอกแน่นๆ ของคริส คริสโตเฟอร์ก้มลงจูบปากผมเบาๆ และคลอเคลียไปตามแก้มไล่ลงมาที่ต้นคอ มือผมก็กุมส่วนนั้นของคริสไว้มันแข็งและเต็มมือมาก อายุแค่นี้ยังซูซีกับผมแล้วไปกินอะไรมาทำไมมันโตไวจังของผมนี้กว่ามันจะโตใช้เวลาตั้งนาน นี้อายุแค่17จะแซงหน้าผมอยู่แล้ว

      "อืมม..คริส...ซี้ด" ผมซี้ดปากเพราะว่าคริสกำลังใช้มือปฏิบัติกับของผม ผมก็ใช้มือปฏิบัติให้คริสตอบเช่นกันแต่ของผมอาจจะรู้งานมากกว่าคริสโตเฟอร์ เพราะว่าเขายังดูขัดๆ เขินๆ แต่เขาก็พยายามทำให้เหมือนที่ผมทำให้เขานั่นแหละ ผมก็จูบคริสเราแลกลิ้นกันพัลวันเลย ม้วนรัดกันอย่างไม่เกรงกลัวว่ามันจะพันกันจนเอาไม่ออก (แต่มันคงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งเนอะ) ขาก็กอดก่ายกันไปมา ตอนนี้ผมปลดปล่อยความรู้สึกของตัวเอง เรียกได้ว่าตอนนี้ผมเป็นตัวของตัวเองเต็มที่

      ตอนนี้ความต้องการของห่วงอารมณ์ความใคร่มันก็กำลังครอบงำความถูกผิดไปหม และคงห้ามได้ยากเพราะนี้ก็คือพื้นฐานของความต้องการของมนุษย์ที่ทุกคนต้องมี และผมเองก็เป็นเช่นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีรัก โลภ โกรธ หลงและยังคงมีกิเลสตัณหา ผมทั้งจูบทั้งไซ้ลงที่ซอกคอขาวๆ นั้นของคริสโตเฟอร์ เมื่อตอนบ่ายมีแค่คริสที่รุกผมส่วนผมก็นอนดิ้นรองรับลิ้นนั้น แต่ตอนนี้ผมรุกเองแบบผู้ใหญ่เขาทำกันด้วยประสบการณ์ที่เหนือกว่าด้วย

      "ที่รัก..อืม..เก่งสุด..คริส..ชอบ..อ่าห์....ขอแรงนิดหนึ่งซิที่รัก"เสียงกระเซ้าบอกให้ผมเร่งระดับการปฏิบัติด้วยมือ ขอมาผมก็จัดให้

      "อืมมม...อืมม..อ่าห์..โอ้วว..คริส..ซี้ด..โอ้วว" ผมร้องครางออกมาเช่นกัน นี้ขนาดบอกว่าไม่เคยทำให้ผู้ชายด้วยกันนะ

      "อะ..อะ ..อ่าห์...คริสสสสสส...โอ้วว..อู้ " เสียงสุดท้ายผมก็เรียบร้อยไปแล้วและคริสก็เช่นกัน

      "แฮ้กๆ " เสียงหอบของผมและคริส หลังจากที่เราทั้งคู่เสร็จสมอารมณ์หมาย ผมก้มมองมือที่กุมของรักของหวงคริสไว้ น้ำสีขาวขุ่นๆ เต็มมือผมไปหมดและที่มือคริสก็เช่นกัน คริสโตเฟอร์มองหน้าผมและก้มลงมาบดขยี่เบาๆ ผมยังคงจ้องมองใบหน้าของคริสโตเฟอร์ นี้ถ้าบอกว่าอยู่มหาวิทยาลัยนะเชื่อสนิทเลยเด็กมัธยมอะไรถึงได้เชี่ยวชาญเรื่องอย่างว่าแบบนี้

      "คราวนี้นอนหลับสบายแหละ" คริสโตเฟอร์พูดปนยิ้มๆ ให้ผม แน่ละเรียบร้อยไปพร้อมกันขนาดนี้ไม่มีอะไรติดค้างแล้วนิแถมยังออกมาจนหมดแม็กเลยก็ว่าได้ เขาเอื้อมไปหยิบกล่องกระดาษทิชชูและส่งมาให้ผมสองสามแผ่นเพื่อเช็ดทำความสะอาดของตัวเอง

      "ที่รักเปิดไฟตรงหัวเตียงให้หน่อยซิครับ" คริสโตเฟอร์บอกผมเขาเรียกผมว่าที่รักมันรู้สึกดีแปลกๆ คริสโตเฟอร์ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อนำกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วทั้งของผมและของเขา เขาหยิบของผมโดยไปทิ้งให้โดยไม่รังเกียจสักนิด คริสโตเฟอร์เช็ดทำความสะอาดบนเตียงนอนจนเกือบหมดคาบแต่ก็ยังมีเลอะเทอะอยู่นิดหน่อย พรุ่งนี้ผมต้องเอาไปซักให้ซะหน่อย แค่คิดใบหน้าผมก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที มันเป็นเรื่องที่น่าอายจริงๆ

      "คริส...ครูขอโทษนะ..ที่จริง" ผมพูดขอโทษคนที่นั่งลงบนเตียงข้างผมทิ้งตัวลงนอนลงและสวมกอดผมทันที

      "ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยครู...มันเป็นเรื่องธรรมชาติ...แต่มันสุดยอดมากเลยนะดีกว่าทำเองอีก..ครูว่าไหมและยิ่งทำให้กันแบบนี้ด้วย..มันรู้สึกฟินกว่าดูหนังโป้และทำไปด้วยอีก" คริสโตเฟอร์พูด นี้พูดมาได้ไม่คิดจะอายกันบ้างสักนิดเลยหรือไง คริสกำลังใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากผมเบาๆ

      "นี้แค่มือนะผมยังรู้สึกดีได้ขนานนี้ถ้ามากกว่านั้นละ" คริสโตเฟอร์พูดในตาเป็นประกายผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ผมหันไปมองคริสแว๊ปหนึ่ง

      "ครูยังไม่พร้อมในขั้นนั้นนะคริส" ผมออกปากปฏิเสธไว้ก่อนเลย

      "ผมรอได้...ผมรักครูนะ...แต่ผมก็กลัว.."คริสโตเฟอร์พูด

      "ผมกลัวถ้ารักแล้วครูทิ้งผมไปอีกคนผมจะทำยังไง...ครู"

      "คนที่เธอบอกว่ารักเธอและเขาทิ้งเธอไปเธอหมายถึงพ่อเหรอ"

      "อืม"

      "ถ้าอย่างนั้นเธอต้องตามหาเขาซิจะได้รู้ความจริงๆ "ผมหันบอกคริสโตเฟอร์ ให้ออกตามหาพ่อเขา ผมไม่อยากให้เขาคิดเอาเองว่าพ่อไม่รักเขาทิ้งเขาไป ผมไม่อยากให้เขามีความรู้สึกที่ไม่ดีกับพ่อเขา ผมเชื่อว่าเขาอาจจะมีเหตุผลที่มากพอว่าทำไม

      "ถ้าครูไม่มีแฟนก็คงจะดี..." คริสโตเฟอร์นอนพลิกตัวนอนตะแคงยกข้อศอกขึ้นตั้งฉากยันศีรษะของเขาไว้ สายตาเขามองผม สายตาคู่นี้ไม่ใช่สายตาเด็กนักเรียนทั่วไปที่ผมเคยเห็นแต่เขาก็ยังเป็นเด็กนักเรียนของผมอยู่ดี

      "คริสครูกลัวว่านี้มันจะเป็นการทำร้ายเธอ"

      "ความรักไม่เคยทำร้ายใครไม่ใช่เหรอครู และผมก็เชื่อว่าครูรักผม...ผมมองมันผ่านสายตาของครูได้ ผมรู้สึกแบบนั้น ว่าเราคิดตรงกัน" คริสโตเฟอร์พูด เขาใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าของผม

      "ผมดูออกว่าครูคิดยังไงกับผม...และผมก็รู้ว่าตัวเองคิดยังไงกับครู...เหมือนเราได้เจอคนที่ใช่แต่ในเวลาที่ผิดใช่ไหมครู" พอผมได้ยินแบบนี้ทำไมผมรู้สึกมันเจ็บขึ้นมาที่อกข้างซ้ายของผมยังไงก็ไม่รู้ มันผิดที่ผมเป็นครูและเขาเป็นนักเรียนของผมนี้ซิ

      "เพราะครูคิดว่าผมเป็นเด็กนักเรียนและเด็กกว่าครูอีกด้วยใช่ไหมครับ ..นี้มันเวทีรักนะครับครูไม่ใช่เวทีนักมวยจะได้ขึ้นชกข้ามรุ่นกันไม่ได้นะ" นายคริสโตเฟอร์พูดและยังมาขำผมอีก

      "หึหึ" เสียงหัวเราะในลำคอของผมกับมุขที่คนอายุน้อยกว่าพยายามใช้อ้างอิงขอความรักคนอายุเยอะกว่าอย่างผมนะซิ และมันก็ได้ผล ผมเอื้อมมือไปแตะแก้มคริสโตเฟอร์คริสเขาใช้แก้มเขาหนีบมือผมไว้ มือเขาก็บีบมือผมเล่น บีบแล้วคลายบีบแล้วก็คลายอยู่แบบนั้น

      "นอนได้แล้วคริส...ครูเริ่มง่วงแล้วแหละ..นอนหลับฝันดีนะครับ" ผมพูด คนที่นอนตะแคงก้มลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากบางๆ ของผม

      "นอนหลับฝันดีครับ..อยากเรียกที่รักไม่อยากเรียกครูแล้วอะ"

      "นอนได้แล้ว...ได้คืบจะเอาศอกนะเรานะ " ผมพูด พอคริสโตเฟอร์ทิ้งพร้อมกับสอดแขนเข้ามากอดผมเหมือนเดิม กอดไว้แน่นเชียวเหมือนกลัวว่าผมจะหายไปซินะ ผมเอื้อมมือไปกดปิดสวิตช์ไฟและความมืดก็เข้ามาอีกเยือนอีกครั้งแม้จะมีแสงไฟจากไฟภายนอกแต่ก็สว่างแค่นิดเดียว

      "ครูรู้ไหมว่าผมกลัวความมืด ผมกลัวการอยู่คนเดียวแต่ผมก็กลัวการมีความรักผมไม่อยากรักใครที่ผมไม่รู้ว่าผมจะไว้ใจเขาได้หรือไม่ ผมกลัวการจากลา" เสียงของคนที่กอดผมอยู่เขาซบหน้าลงที่แผ่นหลังของผม

      "พอผมได้กอดครูความกลัวเหล่านี้มันก็หายไป ครูอย่าทิ้งผมไปนะ ผมรักครู " เสียงที่พร่ำบอกผมว่าอย่าทิ้งเขาไปมันดังก้องอยู่ในหัวผมตลอดจน ผมเริ่มได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคริสเขาคงหลับไปแล้ว

            พอผมได้ยินแบบนี้แล้วผมควรจะเลือกทางไหน และเขาก็พูดถูกซะด้วย ใช่ผมกำลังรักเขาและเหมือนจะรักเขามากกว่าณัฐกานต์ซะด้วย แต่ว่าผมกับณัฐกานต์ยังไม่ได้เลิกกันอย่างเป็นทางการ เพราะว่ายังมีอะไรร่วมกันอีกหลายอย่าง สมุดบัญชีที่เปิดด้วยกันตั้งแต่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยผมรับสอนพิเศษให้เด็กเล็กและรับจ๊อบทำงานที่ร้านกาแฟสดของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเขาเปิดคาเฟ่เล็กใกล้กับย่านที่พักของนักท่องเที่ยว เขาเห็นว่าผมเป็นคนเก่งภาษาอังกฤษผมพูดได้ดีเลยทีเดียว เขาจึงชวนผมไปทำ จนผมกับณัฐกานต์พอจะมีเงินเก็บหลักแสนและคอนโดที่ผมกับณัฐกานต์ช่วยกันจ่ายจนเป็นอิสระ และมันก็สมบัติของผมและณัฐกานต์เป็นที่เรียบร้อยเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่าน ถูกโอนเป็นชื่อของผมสองคน

       

               ผมขอให้มันจบลงด้วยดีอย่างน้อยความเป็นเพื่อนก็ยังคงอยู่ สี่ปีมันก็ผูกพันมากพอสมควร ถามว่ารักไหมก็รักมากพอ แต่ถ้าเทียบกับความเหนื่อยล้าแล้วผมยอมรับว่าเหนื่อยมากเหมือนกันเพราะเส้นทางความรักของสองเรามันเหมือนเส้นทางที่ขนานกันสองเส้นที่ไปกันไม่ได้เลย เพราะเรามองต่างกันคิดก็ต่างกัน มองสิ่งเดียวกันแต่ให้ความหมายกันไปคนละอย่างดังนั้นเขมจะไม่รั้งณัฐกานต์ไว้ด้วยคำว่า "เรารักกันมานาน " เพราะบางที่รักเราอาจจะหมดไปตั้งนานแล้วก็ได้แต่ที่ทนอยู่ก็แค่ยื้อไว้เพื่อหวังว่ามันอาจจะดีขึ้นแต่จริงๆ แล้วมันกลับยิ่งแย่ลงกว่าเดิม

      "หมับ" ผมจับมือของคนที่กอดผมไว้มากุมไว้หลวม

      "ครูจะไม่ทิ้งเธอ ครูสัญญา " คำพูดที่เบามากแต่ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะทำแบบนี้ และผมคงต้องยอมรับถึงสิ่งที่จะต้องตามมาและปัญหามากมายที่ผมและเขาจะต้องพบเจอ ซึ่งมันอาจจะรอผมสองคนอยู่เบื้องหน้าแต่ผมจะไม่ทิ้งเขาเด็ดขาด


TBC….
หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10
สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด