[ACT 16]
"กาแฟหน่อยไหม?"
"สักถ้วยก็ดี"
ราเมศลุกไปยังห้องครัวแบบเปิดเพื่อเตรียมเอสเพรสโซ่ร้อนยี่ห้อโปรดของท่านประธาน ขณะพัลลภเดินตามมาเปิดตู้เย็นเพื่อสำรวจของว่างทานคู่กับกาแฟ
"เดี๋ยวนี้หัดซื้อผักซื้อเนื้อมาตุนไว้ด้วยเหรอ?"
"อืม ปรานต์เขาชอบทำอาหารน่ะ"
ชายหนุ่มตอบเรียบๆโดยไม่หันไปมอง ก่อนจะยกกาแฟที่ชงเสร็จไปที่โต๊ะรับแขก ปรายสายตามองร่างสูงสง่าในชุดสูทเต็มยศที่เพิ่งกลับจากการให้การกับตำรวจเรื่องการถูกลอบวางเพลิงอย่างเงียบ ๆ
"นายโอเครึเปล่า?"
"หืม? เรื่องอะไรล่ะ?"
"ก็เด็กนายน่ะสิ ป่านนี้ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว"
"ก็คงกลับบ้านแหละ"
"อ้อ งั้นก็ดีนะ เลิกหนีออกจากบ้านแล้วเหรอ"
"ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน..."
ไม่เข้าใจ --- ว่าเขาทำอะไรผิดไป เด็กคนนั้นถึงได้หนีจากเขาไป
"ฉันว่า คงรู้สึกผิดล่ะมั้ง"
"หา? รู้สึกผิดเรื่องอะไร?"
"นายก็รู้ คนวางเพลิงจะมีใครเสียอีกนอกจากพ่อของปรานต์"
"นายรู้ตัวคนร้ายแล้วเหรอ?"
"แน่นอน สายของฉันก็ไม่ใช่กระจอก แต่ยอมรับว่าครั้งนี้ประมาทไปจริงๆ"
"... นายจะทำยังไงต่อ?"
"ฉันเหรอ? ของมันแน่ ฉันต้องสั่งสอนให้รู้ว่ามาลูบคมฉันแล้วจะเจออะไร"
"อืม... แล้วทำไมปรานต์ต้องรู้สึกผิดในเรื่องนี้ด้วยล่ะ?"
"ก็คงเห็นว่าเป็นเพราะตัวเองล่ะมั้ง มองในมุมเด็กคนนั้นนะ ก็คงคิดว่าถ้าไม่ได้มาอยู่ที่นี่ก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน นึกภาพออกไหม? ทีนี้ก็เลยยอมกลับบ้านไปแม้ว่าใจจะไม่ต้องการก็ตาม"
"........" ชายหนุ่มกำมือแน่นอย่างอดกลั้นอารมณ์ "เข้าใจ"
"ทีนี้ก็เหลือแค่ว่านายจะทำยังไง"
"ยังไง?"
"ก็จะปล่อยไว้แบบนี้ หรือจะไปรับเด็กคนนั้นกลับบ้านไงล่ะ"
"กลับบ้าน...? เด็กคนนั้น... ก็กลับบ้านของตัวเองจริงๆไปแล้วนี่"
"... แต่สำหรับปรานต์แล้ว ที่นี่ก็คือ 'บ้าน' เหมือนกันไม่ใช่หรือไง"
ราเมศเงียบไป ก่อนจะระบายลมหายใจอย่างกลัดกลุ้ม เขาอยากจะพุ่งไปรับตัวเด็กคนนั้นมา ณ วินาทีนี้เลยเสียด้วยซ้ำ ทว่าอีกใจกลับลังเล เนื่องจากปรานต์เป็นฝ่ายกลับบ้านหลังนั้นไปเอง การที่เขาจะไปรับมาจะถูกต้องหรือเปล่า เด็กคนนั้นยังอยากอยู่กับเขาอีกไหม
"ฉันไม่รู้เหมือนกัน..."
"ปิ๊งป่อง"
ทั้งสองชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงกริ่ง ราเมศเดินไปเปิดประตูอย่างรู้ดีว่าต้องเป็นภากรที่นัดไว้ และก็ได้พบกับร่างที่คาดไว้จริง ๆ --- พร้อมกับร่างเล็กที่ไม่คาดว่าจะได้พบอีกแล้ว
"เทพ?"
"อืม เราพบกันข้างล่างโดยบังเอิญ ฉันว่าพวกเราต้องรีบแล้วล่ะ"
"รีบเหรอ? มันเรื่องอะไร?"
"เทพ"
ภากรหันไปมองทางร่างบางที่มีอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด เขากุมมือนุ่มเอาไว้อย่างหลวม ๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะจูงเข้าไปในเพ้นท์เฮ้าส์เพื่อเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
"ผมกลับบ้านไปตั้งแต่วันก่อน แต่ไม่เจอพ่อ เหมือนพ่อจะออกไปข้างนอกทั้ง ๆ ที่ดึกมากแล้ว ผมคิดว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ ๆ เพราะลูกน้องของพ่อหายไปหมด"
รชตเม้มริมฝีปาก ร่างเล็กไม่สามารถนั่งอยู่เฉยได้
"พอผมตื่นมาตอนเช้าก็เจอพี่ปรานต์อยู่ที่บ้านแล้ว..."
พูดถึงตรงนี้น้ำตาใส ๆ ก็ร่วงเผาะลงมาตามผิวแก้มเนียนอย่างน่าสงสาร เขาเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดของพี่ชายที่เขารัก
"ผม... ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมแค่ไม่อยากเสียพี่ปรานต์ไป... ขอโทษครับ"
ภากรขมวดคิ้วมุ่นพลางดึงร่างที่สั่นไหวไปตามแรงสะอื้นมากอดเอาไว้ ขณะที่ราเมศยังคงนั่งไม่ติดที่เนื่องจากเท่าที่ฟังดูก็ยังไม่เข้าเรื่องเสียทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาไม่ได้โกรธเทพเลยแม้แต่น้อย ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจว่าเด็กคนนี้รู้สึกเช่นไร แต่ตอนนี้การที่ปรานต์หายไปกำลังทำให้เขาเป็นบ้า ห่วงเหลือเกิน กลัวเหลือเกินว่าเด็กคนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง
"แล้วตอนนี้ปรานต์อยู่ที่บ้านเหรอ?"
"ไม่ใช่... ผมก็ไม่รู้ว่าพี่หายไปไหน"
"หมายความว่ายังไง?"
ราเมศหน้าซีด ความเย็นวาบแล่นพล่านในกระแสเลือด หวาดกลัวกับคำตอบที่กำลังจะได้รับ
"พ่อทำร้ายพี่ปรานต์ ผมได้ยินเสียงแต่ไม่กล้าเข้าไปช่วย จากนั้นพ่อก็พาพี่ออกไปข้างนอก... แต่ผมคิดว่าผมรู้ว่าพ่อไปไหน"
"ไปไหน?! บอกมาเร็ว!!"
ราเมศคว้าไหล่บางมาเขย่าอย่างควบคุมตนเองไว้ไม่อยู่ เขากลัวจนแทบคลั่ง แค่เพียงฟังเรื่องที่รชตเล่าเขาก็แทบกระโจนไปหาร่างเล็กของเขาที่ถูกทำร้ายอย่างไร้ทางสู้ ทว่าเขาไม่รู้เลยว่าจะไปที่ไหน ขอเพียงแค่รู้สถานที่เท่านั้น
"โรงแรมแกรนด์วิลล่าที่พ่อถือหุ้นอยู่ พ่อมักไปรวมกลุ่มกับเพื่อนที่นั่นเป็นประจำ"
ราเมศวิ่งออกจากห้องไปก่อนที่เด็กตรงหน้าจะพูดจบด้วยซ้ำ เขาวิ่งอย่างร้อนใจจนลืมไปว่าตนเองสวมเพียงเสื้อยืดกับกางเกงอยู่บ้านที่ใส่จนซีดแล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่สน
ไม่สนว่าใครจะมองเขาอย่างไร ใครจะรังเกียจหรือดูถูกเขาก็ช่าง ในเมื่อเขารู้แล้วว่าตัวตนของมนุษย์ไม่ได้ตัดสินเพียงแค่ภายนอก และคนที่สอนเขาก็คือเด็กคนนั้น ปรานต์คนนั้น --- ดวงตะวันของเขา
"อยู่แค่ใกล้ ๆ นี้เอง เราไปกันเลยไหม?"
ภัลลกวางโทรศัพท์แล้วเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง
"อืม ฉันสั่งให้คนไปรอที่นั่นละ เดี๋ยวเราไปถึงก็บุกเข้าไปเลยละกัน"
ภากรแทบงงเป็นไก่ตาแตก ลึก ๆ ก็รู้อยู่ว่าพัลลภคงไม่ธรรมดา ไม่ใช่โปรดิวเซอร์หนังอย่างว่าทั่ว ๆ ไปเป็นแน่ แต่ไม่เคยเจอกับตัวเสียที ที่แท้ก็มาเฟียดี ๆ นั่นเอง ประธานของเขาเท่ซะไม่มีล่ะ!
*****
"ว่าง่ายๆนะเด็กดี จะได้ไม่เจ็บ..."
"อย่า!! ปล่อยผม!!"
เสียงหวานกรีดลั่นก่อนจะถูกชายผู้เป็นพ่อตบจนหน้าหันไปอีกทาง เด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงรสเลือดที่มุมปาก เจ็บไปหมดทั้งตัว แรงหดหายจนแทบไม่เหลือ แต่เมื่อเห็นว่าร่างที่คร่อมอยู่กำลังจะทำอะไร เรี่ยวแรงก็กลับมาอีกครั้งอย่างคนหนีตาย
"ไม่!! ไม่นะ ไม่!!!"
"โอ๊ย หนวกหูชะมัดเลยว่ะ กูไปหาอะไรมาอุดปากมันไว้ดีกว่า"
"เฮ้ย ไม่ต้อง ๆ ขัดขืนแบบนี้ล่ะกูชอบ เดี๋ยวเสียงโวยวายก็จะกลายเป็นเสียงคราง กูจะรอฟัง"
ชายร่างหนาผู้เป็นเพื่อนรู้ใจกระหยิ่มยิ้มย่อง ขณะเพื่อนรอบกายหัวเราะอย่างกักขฬะ แต่เสียงหัวเราะก็ต้องหยุดไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง
"มึงเรียกรูมเซอร์วิสมาเหรอวะ?"
"เปล่า"
"เดี๋ยวกูไปเปิดเอง"
ทันทีที่ร่างอ้วนท้วมเปิดประตูออก ยังไม่ทันทีจะได้หลุดคำเอ่ยถามใด ฝ่าเท้าหนัก ๆ ก็โถมเข้ามาพร้อมกับร่างสูงของราเมศ ใบหน้าคมรีบมองหาร่างบอบบางของคนที่เขารัก
และเมื่อพบกับสภาพของปรานต์ ใบหน้าดูดีถึงกับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้นจนกระชากคอร่างท้วมที่นั่งตกตะลึงอยู่ข้างเตียงมาเหวี่ยงลงกับพื้นแล้วรัวหมัดลงบนใบหน้าอ้วนกลมอย่างรุนแรง
"อย่าขยับ!"
เสียงทุ้มนุ่มของชายร่างสูงสง่าที่เดินตามเข้ามาหลังจากบอดี้การ์ดชั้นนำอีกสองคนพุ่งเข้ามาในห้องพร้อมอาวุธครบมือ
"ถ้าขยับ... อย่าหาว่าไม่เตือน"
"แก.... ไอ้พัลลภ!!!"
"ใช่... ขอบคุณที่ยังจำกันได้ อุตส่าห์เผาตึกสวย ๆ ไปทั้งที ถ้าจำกันไม่ได้คงน่าโมโหน่าดูจริงไหม"
"แกมาทำไม!!"
"ถามประหลาด คุณทำลายทรัพย์สินของผม แล้วยังทำร้ายทรัพยากรบุคคลอันมีค่าของผม ผมย่อมมาทวงคืนสิ"
เอ่ยเสียงนุ่ม ก่อนจะยกมือแทนคำสั่ง บอดี้การ์ดทุกคนจึงเริ่มพุ่งเข้าใส่สมาชิกชมรมวิตถารในทันที
"... ปกติผมไม่ชอบทำร้ายคนแก่หรอกนะ... แต่กับพวกคุณ ผมยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ จัดการให้เรียบร้อยด้วยนะ เด็ก ๆ"
ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
บอดี้การ์ดประจำตัวทั้งสองรับคำเสียงหนักแน่น
"Yes, sir!!"
โดยไม่พูดพล่ามทำเพลง เสียงรัวกระสุนชุดใหญ่ดังสนั่นหวั่นไหว แต่สำหรับร่างเล็กที่อยู่บนเตียง ไม่มีสิ่งใดทำให้เขาหวาดกลัวยิ่งไปกว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้แล้ว
"อ๊าก!!"
ราเมศผละจากร่างหนาไปหาร่างบอบบางที่ตัวสั่นระริกอยู่บนเตียง ดวงตาคู่สวยที่ฉายแววหวานซึ้งอยู่เสมอบัดนี้เบิกโพลงและเต็มไปด้วยแววหวาดกลัวราวกับลูกกวางโดดเดี่ยวที่ถูกรุมทำร้าย
"ปรานต์!!!!!"
"ไม่!!! อย่า!! อย่าทำผม!!!"
เด็กหนุ่มดิ้นหนีมือใหญ่ที่คว้าร่างกายอันบอบช้ำเอาไว้ เขาทั้งถีบทั้งเตะทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาใกล้ ใบหน้านองไปด้วยน้ำตา มือเล็กจิกข่วนร่างหนาที่โอบร่างของเขาเอาไว้อย่างทะนุถนอม แต่เสียงใสที่แหบแห้งจากการกรีดร้องมาอย่างหนักเป็นเวลานานก็ยังคงดังก้องร้องขอความเมตตา
"ปรานต์ พี่เอง! นี่พี่รามไง!"
สองมือบางถูกจับแยกไว้ด้านข้าง ชายหนุ่มหวังจะให้อีกฝ่ายมองมาเพื่อให้รู้ว่าคนตรงหน้านี้คือใคร แต่ปรานต์กลับเบือนหน้าหนีพร้อมปล่อยให้น้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างคนหวาดกลัวและสิ้นหวังที่สุด เสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจทำให้หัวใจของร่างสูงเจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งใด
"ฮึก... ฮือออ พี่ราม... ช่วยผมด้วย!!"
"ที่รัก... ปรานต์... ชู่ว์ คนดี นี่พี่เอง"
ราเมศปล่อยมือบางแล้วสวมกอดร่างตรงหน้าเอาไว้แน่น ปล่อยให้อีกฝ่ายดิ้นหนีและผลักไสโดยไม่ว่ากล่าว
"... พี่อยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไรแล้ว"
เมื่อได้กอดร่างเพรียวบางเอาไว้เต็มมือ เขาถึงได้พบว่าอีกฝ่ายตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเพียงใด เขาจึงโอบร่างนั้นเอาไว้แน่นขึ้น ราวกับให้มั่นใจว่าตัวตนของอีกฝ่ายอยู่กับเขาแล้วจริงๆไม่ได้ฝันไป
"ขอโทษนะ ขอโทษที่มาช้า... ปรานต์"
“พี่ราม...”
มือใหญ่ประคองใบหน้าหวานที่เปียกชุ่มให้เงยหน้ามองมาตรง ๆ ภาพของชายหนุ่มสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่สวย ราเมศไม่พูดอะไรนอกจากคอยให้ปรานต์ได้สติแล้วเลิกดิ้นหนี ใช้เวลาไม่กี่นาทีคนตรงหน้าจึงคลายอาการสั่นระริกจนน่ากลัว ก่อนที่หยาดน้ำใสจะรินอาบผิวแก้มเนียนอย่างไม่หยุดหย่อน
"พี่ราม...? พี่จริง ๆ เหรอ..."
มือเล็กค่อย ๆ ยกขึ้นแตะสัมผัสใบหน้าคมอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่านี่จะเป็นเพียงแค่ความฝัน ริมฝีปากช้ำสั่นระริกเมื่อรับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อนจากผิวกายของคนตรงหน้า เขาถึงกับกลั้นสะอื้นเอาไว้ไม่อยู่
"ฮึก พี่มา... ช่วยผมใช่ไหม?"
"ใช่ พี่มาช่วยแล้ว... ไม่เป็นไรแล้วนะ"
ราเมศปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ปิดบัง มือหนาอ้ารับร่างที่โถมกายเข้าใส่ ก่อนจะโอบกอดเอาไว้เป็นเสมือนปราการชั้นดี
เขาสาบานไว้กับตัวเอง ณ วินาทีนั้น จากนี้ไป เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เด็กคนนี้ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุุผลใดก็ตาม เขาจะปกป้องปรานต์เอง ---
TBC.